พระอาจารย์มิตซูโอะ ไม่ได้สึกที่วัดชนะ !

ท่านอินทรบุตรพูดราวกับว่าคนเรานี้มันจิตใจเข้มแข็งราวกับหิน เก่งขนาดที่ว่า


สามาถกำหนดใจตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ลองนึกปุถุชนธรรมดาที่มีปัญหาดู ไม่งั้นเขาจะมี จิตแทย์ มีวิชาจิตวิทยาเด็ คนป่วย คนแก่ คนอกหัก คนสามีภรรยาตาย คนโดนทำร้ายร่างกาย คนที่เป็นโรคกลัว ความสูง กลัวแมลง ฯลฯไปทำไม? ถ้าคนเราเก่งขนาดว่า เวลาเจอปัญหา บอกให้ไปอ่าน พระไตรปิฏกเอาเองมันจะพ้นทุกข์ไหมคะอย่างนี้

เด็กเล็กๆต้องการความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ฉันใด สาวกฝึกหัดใหม่ก็ต้องการครูบาอาจารย์ฉันนั้น

 

ท่านอินทรบุตรพูดราวกับว่าคนเรานี้มันจิตใจเข้มแข็งราวกับหิน เก่งขนาดที่ว่า


สามาถกำหนดใจตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ลองนึกปุถุชนธรรมดาที่มีปัญหาดู ไม่งั้นเขาจะมี จิตแพทย์ มีวิชาจิตวิทยาเด็ก คนป่วย คนแก่ คนอกหัก คนสามี/ภรรยาตาย คนโดนทำร้ายร่างกาย คนที่เป็นโรคกลัว ความสูง กลัวแมลง ฯลฯไปทำไม? ถ้าคนเราเก่งขนาดว่า เวลาเจอปัญหา บอกให้ไปอ่าน พระไตรปิฏกเอาเองมันจะพ้นทุกข์ไหมคะอย่างนี้

เด็กเล็กๆต้องการความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ฉันใด สาวกฝึกหัดใหม่ก็ต้องการครูบาอาจารย์ฉันนั้น

 

ก็ทะลึ่งไปนึกเอง ท่านไม่เคยบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์

 

ต้องเข้าถึงธรรมที่ท่านสอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหนังสือ"อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข" ลูกศิษย์คนไหนเข้าถึงธรรมเล่มนี้แบบว่าไม่สงสัย ก็จะไม่สงสัยในพระอาจารย์เช่นกัน

ถามว่าทำไมพระอาจารย์ต้องลาสิกขาแล้วไปญี่ปุ่น รู้สึกว่าต้องรอคำตอบจากท่านช่วงเดือนกันยายนที่ท่านจะเปิดสอนกรรมฐานแล้วก็จะให้สัมภาษณ์ตามที่ข่าวลง ตอนนี้ถ้าคิดก็คิดไปเรื่อยๆ ถูกหรือผิดก็ไม่รู้ อย่าเชื่อความคิด ให้เชื่อความเห็น

​

 

ที่แม้การสึกของท่านจะมีเงื่อนงำไม่ค่อยโปร่งใส แต่ที่ผ่านมาท่านก็ทำดีมาตลอดเผยแพร่ธรรมะมาตลอด ตั้ง 37 พรรษา พอท่านมาสึกกลับโดนว่าต่างๆนาๆ ควรแล้วหรือ ท่านสึกก็สิทธ์ของท่าน ผลงานที่ผ่านมาท่านก็ทิ้งไว้ให้อยู่

ไปปรามาสท่านและถ้าท่านมือสะอาดจริงระวังจะบาปหนักนะครับ

 

แต่ที่น่าเห็นใจที่สุดคือ บางคนที่ฝังอยู่ในเว็บพลังจิตมายาวนาน น่าจะได้บุญกุศลสูงเพราะมีโอกาสเข้าถึงธรรมมากกว่าคนทั่วไป กลับอาจจะได้รับบาปแทน เพราะไปกล่าวหาพระรูปนู้น พระรูปนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เฮ้ออ อยู่นานศึกษาธรรมมานานก็ใช่ว่าจะทำให้คนเย็นลงได้เลย

 

ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระตถาคต

เราเรียนรู้เพื่อเกิดปัญญาทางจิตได้ จากทุกสิ่งในตัวเรา และ รอบตัวเรา
พระพุทธองค์ ท่านชี้ทางไว้ให้แล้ว ส่วนตัวอย่างที่เอาไว้ทดสอบ ทดลอง ฝึกหัด ก็คือ ร่างกายของเรา จิตใจของเรา ทุกอย่างมีพร้อมแล้ว ขึ้นอยู่กับว่า จะเริ่มตอนนี้ หรือ จะหยุดอยู่กับที่ต่อไป

ครูบาอาจารย์ ไม่ได้มีหน้าที่ป้อนปัญญาสำเร็จรูปเข้าปาก ครูบาอาจารย์มีหน้าที่เพียงชี้ให้เห็นว่า ทุกข์ทั้งหลาย รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นในร่างกายเราเอง ในจิตใจเราเอง และ สิ่งทั้งหลายรอบตัวเรา เราจะเอาจิตไปดูเพื่อศึกษา ให้เกิดปัญญาพ้นทุกข์อย่างไร

เช่นเดียวกัน ครูบาอาจารย์ ก็ไม่ได้มีหน้าที่ปัดเป่าความทุกข์ที่เกิดเนื่องด้วยกรรมเฉพาะตน ของลูกศิษย์
เพราะสัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม แต่ครูบาอาจารย์ สามารถชี้ทางเดิน แนะนำให้ได้ ว่า ถ้าอยากพ้นจากทุกข์ทั้งหลายอย่างถาวร จะต้องฝึกปฏิบัติตนเช่นไร

หากเธอยังไม่คิดจะออกจากทุกข์ ไม่คิดจะออกจากสุข หากเธอคิดเพียงแค่ว่า อยากจะพ้นทุกข์ในคราวนี้ ขอให้มีความสุขกลับมา เธอก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กๆ ที่จะไม่มีวันเติบโตขึ้น ที่ต้องคอยความรักความอบอุ่น ที่ต้องมีคนมาป้อนให้ ตลอดไป ชาติภพเธอก็จะไม่มีวันสิ้นสุด เธอจะเป็นเด็กเล็กๆ ที่ไม่มีวันโต ไปอีกหลายอสงไขย

เราแนะนำให้แล้ว ให้เธอปฏิบัติด้วยแนวทางของสติ เราชี้แนวทางที่พระพุทธองค์ได้สอนสัตว์โลกให้เธอแล้ว แต่ในเมื่อเธอไม่รับธรรมะของพระพุทธองค์ ที่เราชี้ให้ เธอก็จะต้องเดินทางท่องเที่ยวต่อไปเรื่อยๆ ในฐานะเด็กที่ไม่มีวันโต จนกว่าในอนาคตข้างหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานกี่อสงไขย เธอจึงจะสะสมเหตุได้พร้อม

 

พระไทยที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีอยู่อีกมาก
ควรเสาะแสวงหา
ท่านซาโยนาระไปแล้ว อย่าอาลัยท่านเลย

 

ท่านคงมีเหตุผลของท่าน ส่วนตัวเราต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เพราะเป็นเรื่องสำคัญค่ะ

 

ในอดีตเคยมีพระหลายรูปที่สึกเพราะไปแต่งงาน คงไม่ผิดถ้าไม่ได้ทำอะไรขณะอยู่ในผ้าเหลือง แต่ถ้าทำก็ต้องรับกรรมส่วนตัวไป แต่ผู้หญิงที่ไปจับพระ ทำให้เกิดความรักจนสึกอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า บาปแค่ไหนหรือว่าไม่บาป

 

พระศาสดากล่าวว่า พระอริยะจะไม่ลดฐานะลงมา พระพุทธองค์กล่าวว่า การสะสมสุตตะนั้นเปรียบเหมือนการสะสมอาวุธ ยามออกศึกจะได้มีอาวุธไว้ต่อสู้กิเลส สะสมสุตตะกันเยอะๆนะครับ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม สาธุๆ

 

ผมสงสัยว่า ท่านกำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณร่วมกับคู่บารมี