พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    [​IMG]

    บางท่านอาจยังไม่ค่อยทราบประวัติหลวงพ่อสิริฯกันเท่าไรนัก แต่บอกได้เลยครับว่าพระหรือรูปถ่ายของท่านประสบการณ์มากเหลือเกินครับ

    ท่านเป็นพระที่มีจริยวัตรงดงามเหลือเกิน มีสติพิจารณาละเอียดทุกอิริยาบท
    ปัจจุบันเป็นพระเกจิอาจารย์ชุดใหญ่ของเมืองไทยที่เจ้าพิธีจะต้องนิมนต์ไปร่วมพิธีปลุกเสกด้วยครับ

    จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยังเคยมาอาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อสิริฯตั้งแต่ท่านยังเป็นสามเณร

    หลวงพ่อโอภาสี ได้ให้ลูกศิษย์พายเรือเอาธงชาติผืนใหญ่มามอบไว้ให้หลวงพ่อสิริฯ เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่ท่านยังเป็นสามเณร อายุได้ 15 ปี ในธงชาติได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับในหลวงของเราในภพชาติที่เป็นสามัญชน และได้ทำบุญถวายน้ำผึ้งพระพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนา... (เรื่องนี้ท่านเคยเล่าตอนหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ได้สัมภาษณ์ท่าน เดี๋ยวผมจะค้นมาให้ได้อ่านกัน)

    เมื่อประมาณปี 2520 ได้มีลูกศิษย์ได้สร้างพระให้ท่านปลุกเสก เพื่อแจกในงานมงคล ท่านก็ได้เมตตาเสกให้จนเรียบร้อย ต่อมาลูกศิษย์คนนั้นได้นำพระชุดนี้ไปให้หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง เสกอีกครั้ง หลวงพ่อเกษมฯ ไม่เสกให้ครับ บอกว่าพระดีอยู่แล้ว องค์ที่เสกเก่งมากยังหนุ่มอยู่เลย

    มีเหรียญของท่านรุ่นนึงมีผู้เล่าให้ฟังว่า ชนะเลิศการประกวดจับพลังพระครับ เหรียญนี้ผมกำลังตามหาอยู่เหมือนกันครับ

    มีเหรียญสมเด็จโต ที่ลูกศิษย์ได้สร้างถวายท่านและท่านได้ปลุกเสกให้ ผมเอาไปให้ปู่ประถมฯ จับพลัง ท่านถึงกับอุทานว่า "แรงจริง ๆ" "พระต้องเสกให้ได้อย่างนี้สิ" แล้วท่านก็ได้มาอาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อสิริฯ หลังจากไม่ได้อาบน้ำมนต์กับเกจิอาจารย์ใดมานับ 30 กว่าปีแล้วครับ

    ที่เล่ามาก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักประวัติของหลวงพ่อสิริฯกันโดยสังเขป และอยากจะบอกว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อดีจริง ๆ ครับ มีไว้ในครอบครองต่อไปมีค่ายิ่งกว่าเพชรยิ่งกว่าทองครับ เพราะท่านเคยบอกเสมอ ๆ ว่า "อีกหน่อยจะหาไม่ได้นะ"

    ที่มา คุณ Sunny จากกระทู้พระกริ่งที่สวยศักดิ์สิทธิ์ กับสุดยอดมงคลวัตถุหลายรายการ และได้บุญเต็มเปี่ยมครับ<!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีเหรียญอยู่เหรียญนึง ด้านนึงเป็นรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อีกด้านเป็นรูปหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เหรียญนี้ หลวงพ่อสิริฯ ท่านได้เชิญสมเด็จโต และหลวงปู่ศุข อธิษฐานจิตเหรียญนี้ให้

    โดยถ้าตรวจพลังอิทธิคุณของเหรียญนี้ ด้านที่เป็นรูปสมเด็จโต จะมีพลังอิทธิคุณของสมเด็จโต ส่วนอีกด้านที่เป็นรูปหลวงปู่ศุข ก็จะมีพลังอิทธิคุณของหลวงปู่ศุข ซึ่งเป็นเรื่องที่พิศดารกว่าเหรียญโดยทั่วๆไปครับ

    .
     
  3. Sunny

    Sunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    1,405
    ค่าพลัง:
    +8,071


    [​IMG]

    ใช่เหรียญนี้หรือเปล่าครับ แจกงานกฐินปี 47 ครับ

    อนุโมทนาบุญครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP1578R.jpg
      IMGP1578R.jpg
      ขนาดไฟล์:
      245 KB
      เปิดดู:
      892
  4. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    กล้องใหม่ถ่ายสวยกริ๊บเลยนะพี่
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขสมก.ปรับขึ้นค่าโดยสารมีผล 1 มี.ค.
    http://www.matichon.co.th/khaosod/view_newsonline.php?newsid=TVRJd01USTFPRE0yTXc9PQ


    วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 17:45 น. ข่าวสดออนไลน์

    อั้นมา4เดือน ขาดทุนเดือนละ36ล้านบ.



    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 25 ม.ค. พล.อ.อธิคม ตันเลิศ ประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ ขสมก. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ขสมก. มีมติให้ชะลอการปรับค่าโดยสารจนถึงแค่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ด้วยเหตุที่ขสมก. ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารมากว่า 4 เดือน ต้องแบกรับภาระการขาดทุนถึง 36 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นในวันที่ 1 มีนาคม จะปรับขึ้นค่าโดยสารทันที โดยรถร้อน ขึ้นราคา 50 สตางค์ จากเดิม 7.50 บาท เป็น 8 บาท ส่วนรถปรับอากาศเพิ่มขึ้นช่วงละ 1 บาท ราคาเดิมเริ่มต้นที่ 12 บาท จะปรับขึ้นเป็น 13 บาท
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. Sunny

    Sunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    1,405
    ค่าพลัง:
    +8,071
    555 กำลังเห่อครับ เพิ่งเริ่มหัดถ่ายยังต้องพัฒนาอีกเยอะครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>5 ข้อช้อปปิ้งออนไลน์สบายใจช่วงตรุษจีน-วาเลนไทน์
    http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9510000010613
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 มกราคม 2551 11:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=168 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=168>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ช่วงเทศกาลแห่งการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะตรุษจีนและวาเลนไทน์ กำลังใกล้เข้ามา หลายคนคงกำลังเริ่มมองหาของขวัญชิ้นสำคัญให้กับบุคคลใกล้ชิด และอาจเลือกวิธีซื้อของที่ถูกใจผ่านทางออนไลน์เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลา อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยในการซื้อของผ่านทางออนไลน์ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอยู่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยักษ์ใหญ่ไอบีเอ็มขอเสนอข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับนักช๊อปออนไลน์ ในช่วงเทศกาลสำคัญที่กำลังจะมาถึง ดังต่อไปนี้

    ข้อแนะนำ 5 ประการเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการช้อปปิ้งออนไลน์

    1. ถึงแม้จะมีรูปกุญแจปรากฏที่ด้านล่างของบราวเซอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย

    สำหรับการเข้าหน้าเว็บไซต์ที่ต้องใส่ชื่อ ข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ ขอให้แน่ใจว่า URL address ในหน้านั้น ต้องทำผ่าน หรือเป็น address ที่ขึ้นต้นด้วย https เท่านั้น

    ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์นั้น ๆ ท่านสามารถดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนรูปกุญแจที่ด้านล่างของบราวเซอร์เพื่อดูว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีรายละเอียดเกี่ยวกับประกาศนียบัตรทางด้านความปลอดภัย (Security Certificate) หรือไม่ และประกาศนียบัตรนั้นเป็นของเว็บไซต์นั้นจริงหรือเปล่า

    2. ไม่ใช้บัตรเดบิต ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์

    ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์ การใช้บัตรเครดิตจะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้บัตรเดบิตตรงที่เจ้าของบัตรสามารถร้องเรียนกับทางธนาคารเจ้าของบัตรได้ ในกรณีที่พบรายการผิดปกติในใบแจ้งยอดประจำเดือนนั้น และสามารถจัดการกับรายการผิดปกตินั้น ก่อนการชำระยอดค้างประจำเดือน ในขณะที่เมื่อใช้บัตรเดบิต การทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตามจะเป็นการหักเงินออกจากบัญชีทันที ซึ่งการร้องเรียนกับธนาคารเจ้าของบัตร ในกรณีที่มีการพบรายการผิดปกติ จะทำได้ยากกว่า

    3. อย่าคลิก link ที่มากับอีเมล์ ที่ดูเหมือนว่าจะส่งมาจากร้านค้าออนไลน์

    ในช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ ท่านอาจได้รับอีเมล์มากมายที่ชักชวนให้จับจ่ายซื้อของผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่า อีเมล์นั้นส่งมาจากร้านค้าที่มีตัวตนจริง หรือเป็นอีเมล์ปลอมกันแน่

    ดังนั้น หากท่านต้องการเข้าเว็บไซต์ จาก link ที่แนบมากับอีเมล์ ขอแนะนำให้เปิดบราวเซอร์ขึ้นมาใหม่ และเอา URL address นั้นมาพิมพ์ที่ช่องใส่ URL ด้วยตัวเอง แต่ในกรณีที่ URL address ยาวมาก และท่านไม่มีเวลา อาจใช้วิธีพิมพ์โดเมนเนมของเว็บไซต์นั้น และคลิก link ที่ท่านต้องการจะเข้าจากหน้า Home ของเว็บไซต์นั้น ๆ แทน

    4. ถ้าท่านเริ่มไม่ไว้ใจเว็บไซต์นั้น หรือเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับข้อเสนอที่ให้มา ให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บอื่นแทน

    ในกรณีที่ท่านเข้าเว็บไซต์ช็อปปิ้งบางเว็บไซต์ แล้วเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของข้อเสนอที่เว็บไซต์นั้นมอบให้ ขอเสนอแนะว่าให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บไซต์อื่นแทนจะดีกว่า เพราะท่านอาจจะถูกหลอกกับข้อเสนอที่ดีเกินความเป็นจริงหรือโดนเว็บนั้นแอบทำมิดีมิร้าย เช่น แอบเอา malware มาลงกับเครื่องของท่านผ่านทางบราวเซอร์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว ก็เป็นได้

    5. ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน

    โดยปกติ ข้อมูลที่เว็บไซต์ช้อปปิ้งทั่วไปต้องการจากท่าน ก็จะเป็นแค่ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะจัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุของบัตร และ โค้ด CCV2 ด้านหลังบัตร

    นอกจากนี้ บางเว็บไซต์อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อีเมล์แอดเดรส หรือ เบอร์โทรศัพท์ของท่านเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดส่งของ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านจะให้ข้อมูลดังกล่าว ควรตรวจสอบในเงื่อนไขว่าเว็บไซต์นั้นจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของท่านเป็นความลับหรือไม่

    นอกจากข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ท่านต้องให้ข้อมูลอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นรหัสส่วนตัวของบัตร (PIN) หรือ ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของท่าน เพราะเว็บไซต์ที่ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง จะไม่ถามข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ หากท่านพบเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ถามข้อมูลเกินพอดีเหล่านี้ ให้หยุดการทำธุรกรรมกับเว็บไซต์นั้นทันที และแจ้งธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ

    Company Related Links :
    IBM
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๑ ครับท่านเจ้าของกระทู้และสมาชิกวังหน้าทุกท่าน
    ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนซะนาน คงสบายดีนะครับ เจอะเจออะไรดีๆ ก็ช่วยบอกกันบ้างนะครับ คิดถึงทุกๆคนซำเหมอ ไม่ค่อยมีเวลาแวะมาคุยด้วย เพราะต้องไปช่วยพวกพลังจิตพิชิตภัยพิบัติอยู่น่ะ น้าล่ะว่าไง คิดว่าอีกนานมั๊ย...ขอรับฟังความคิดเห็นจั๊กหน่อย...PM ไปคุยกันบ้างก็ด้าย...
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนากับน้าแผนด้วยนะครับ

    พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คงไม่มีความเห็น แต่ก็ต้องช่วยๆกัน ทั้งการปฎิบัติตนเอง ช่วยลดความร้อนกับโลกเรา

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.geocities.com/RainForest/7153/thai/ayut/waykasat_th.htm


    <CENTER>วัดกษัตราธิราช, พระนครศรีอยุธยา
    (Wat Kasattrathirat)

    </CENTER>
    <CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    แม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดกษัตราธิราชด้านตรงข้ามอนุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย
    ใช้เป็นที่แข่งขันเรือยาวประเพณีประจำปีทุกปี ราวเดือนตุลาคม หลังออกพรรษา

    • <DD>
      วัดกษัตราธิราช ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณที่มีความสำคัญวัดหนึ่ง (เดิมชื่อวัดกษัตรา) เป็นวัดกษัตริย์สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตำบลที่ตั้งวัดเรียกว่า "บ้านป้อม" นั้น เพราะในสมัยกรุงศรีอยุธยาทางราชการได้สร้างป้อมไว้ มีชื่อว่า "ป้อมจำปาพล" ซึ่งเป็นป้อมนอกพระนคร ฟากตะวันตกขึ้นไว้ ณ ตำบลนี้ ทางด้านหลังวัดกษัตราออกไปมีทุ่งกว้างอยู่ทุ่งหนึ่ง เรียกว่า "ทุ่งประเชตุ" พม่าเคยยึดเอาทุ่งนี้เป็นที่มั่นตั้งกองทัพเข้าโจมตีพระนครศรีอยุธยาหลายครั้ง ดังปรากฎเรื่องราวอยู่ในพระราชพงศาวดารอยู่แล้ว และวัดกษัตรานี้ได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับเยิน เมื่อคราวเสียกรุง ฯ ครั้งหลัง เมื่อ พ.ศ. 2310 เพราะบริเวณที่ตั้งวัดอยู่คนละฟากฝั่งกับพระนคร เมื่อข้าศึกยกเข้าล้อมกรุง ฯ ผู้คนต้องพากันอพยพหลบหนี ถึงพระสงฆ์ก็คงอยู่ไม่ได้ วัดจึงล้างไปเลย

      [​IMG]


      พระปรางค์ ด้านหลังพระอุโบสถ บริเวณทิศใต้ของวัดกษัตราธิราช​


      <DD>
      ครั้นถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ปรากฏว่าสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ) ในรัชกาลที่ 1 ทรงศรัทธาปฏิสังขรณ์วัดกษัตราขึ้นใหม่ทั่วทั้งพระอาราม ให้เป็นวัดมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาสืบต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้

      [​IMG]


      พระอุโบสถ​


      <DD>
      สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ) เป็นพระโอรสองค์ที่ 6 ในสมเด็จพระพี่นางเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ประสูติแต่ครั้งกรุงธนบุรี ปี 2316 (เป็นต้นสกุลอิศรางกูร) การปฏิสังขรณ์ครั้งนั้นแทบจะกล่าวได้ว่าเท่ากับเป็นการสร้างขึ้นใหม่ทั่วทั้งพระอารามเลยทีเดียว พระอุโบสถ พระปรางค์ ตลอดจนเสนาสะก็ได้ปฏิสังขรณ์โดยทั่วถึง เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จบริบูรณ์แล้ว ได้โปรดประทานนามเพิ่มจากนามเดิมเป็น "วัดกษัตราธิราช"
      <DD>
      ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ในยุคพระอุปัชฌาย์มีพระครูวินยานุวัติคุณ (ทรง) ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลัง ซ่อมพระอุโบสถ สร้างวิหารคู่ 2 หลัง เจดีย์เหลี่ยม ศาลาตรีมุข 1 หลัง ศาลาด้านสะกัดเหนือใต้และตก รวม 3 หลัง หอสวดมนต์ ฯ เพิ่มขึ้นอีก โดยได้รับพระอุปถัมภ์จากกรมหมื่นอดุลยลักษสมบัติ (พระองค์เจ้าอุไร) ในรัชกาลที่ 3 (ต้นสกุลอุไรพงศ์) สร้างอยู่ 14 ปี เสร็จเมื่อปี 2422 ดังปรากฏตราสัญจกรณ์ในรัชกาลที่ 5 หน้าบรรณศาลาตรีมุข
      <DD>
      บรรดาถาวรวัตถุในวัดกษัตราธิราชที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ นอกจากพระอุโบสถ พระปรางค์แล้ว ได้สร้างขึ้นในยุคพระครูวินยานุวัติคุณ (ทรง) เป็นส่วนมาก และเจ้าอาวาสองค์ต่อ ๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้ปฏิสังขรณ์อีกเรื่อยมาโดยลำดับ
      </DD>
    [​IMG]

    วัดกษัตราธิราช ถ่ายภาพจากถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศเหนือ
    [​IMG]

    [​IMG]
    พระพุทธรูปเก่าปูนที่หุ้มไว้แตกกระเทาะออก จึงลงรักเพื่อปิดทองอีกครั้งหนึ่ง

    แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ay_wksat1.jpg
      ay_wksat1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      784
    • ay_wksat2.jpg
      ay_wksat2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.3 KB
      เปิดดู:
      781
    • ay_wksat3.jpg
      ay_wksat3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.6 KB
      เปิดดู:
      857
    • way_ksat1.jpg
      way_ksat1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      832
    • way_ksat2.jpg
      way_ksat2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.7 KB
      เปิดดู:
      742
    • way_ksat3.jpg
      way_ksat3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      754
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/oldcity/ayuthaya4.htm
    [​IMG]

    <CENTER>
    </CENTER>[SIZE=-1]วัดกษัตราธิราช เดิมชื่อวัดกษัตราวาส มีชื่อปรากฏในแผ่นดินสมเด็จพระสุริยามรินทร์ว่า ว่าวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือนห้า พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้ง ณ วัดราชพฤกษ์ และวัดกษัตราวาส ยิงเข้ามาในพระนครถูกบ้านเมืองราษฎรล้มตายเป็นอันมาก และวัดนี้คงถูกทำลายเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา และถูกทิ้งร้างต่อมา[/SIZE]
    [SIZE=-1]ในสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอกรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ) ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงศรัทธาได้ทรงปฏิสังขรณ์ และสร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด พร้อมกับประทานนามใหม่ว่า วัดกษัตราธิราช[/SIZE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ayuthaya42.jpg
      ayuthaya42.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.4 KB
      เปิดดู:
      694
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.tourwat.com/keji3.php

    <TABLE class=text height=2625 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=753 border=0><TBODY><TR><TD class=text15 vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=6 height=48>พระวิสุทธาจารเถร (เทียม สิริปัญโญ) วัดกษัตราธิราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=24 bgColor=#ffffff height=2362><!--DWLayoutEmptyCell--></TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=4><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD width=554 bgColor=#ffffff height=627><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    [​IMG]


    </TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>

    </TD></TR><TR><TD class=text15 width="26%" bgColor=#cc0000>ชาติกำเนิด</TD><TD width="74%"></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    พระวิสุทธาจารเถร นามเดิมว่า เทียม นามสกุล หาเรือนศรี เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2447 ในรัชกาลที่ 5 ณ ตำบล บ้านป้อม หมู่ที่ 7 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายสุ่น มารดาชื่อ นางเลียบ ประกอบอาชีพเป็นชาวนา

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>ศึกษาเบื้องต้น</TD><TD></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    เมื่ออายุประมาณ 10 ปี บิดามารดาได้นำท่านมาฝากไว้ ณ วัดกษัตราธิราช เรียนหนังสือ ก ข กับพระภิกษุมอน ผู้เป็นน้าชาย เมื่อพระภิกษุมอน ลาสิกขา ท่านก็คงอยู่ เรียนหนังสือต่อไป โดยเป็นศิษย์ของ อาจารย์ปิ่น ให้ช่วยสอนหนังสือให้ ในขณะเดียวกันก็ได้ ้ศึึกษาความรู้ทางด้านวิชาช่างเขียน ช่างแกะสลักไปด้วย จากนั้นก็เป็นศิษย์ของอาจารย์จันทร์ เรียนภาษาขอมจนถึงอายุ 15-16 ปี จึงได้ออกจากวัด เพื่อช่วยทางครอบครัว ซึ่งประกอบอาชีพทำนา

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>ผู้ใฝ่ในการศึกษา</TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    ขณะที่ช่วยบิดา มารดา ประกอบอาชีพ ได้เริ่มเรียนวิชาไสยศาสตร์แบบ ลบผง ลงยันต์กับอาจารย์ทรัพย์ ผู้เป็นลุงและนายสุ่นผู้เป็นบิดา พร้อมกับเรียนวิชาธาตุกสิณ กับนายเงิน ผู้เป็นอา เมื่อเรียนธาตุกสิณเป็นแนวทางแล้ว ได้เรียนวิชาการแขนงอื่นๆ อีกหลายสาขาเช่น การประดับตกแต่ง เรียนช่างก่อสร้าง ช่างปูน ช่างไม้ วิชากระบี่กระบอง และกลองแขกคู่ เป่าปี่ชวา เมื่อเรียนสำเร็จแล้วได้ออกไปแสดงตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในงานสำคัญต่างๆในจังหวัด เช่น งานพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดสุวรรณดาราราม วัดเสนาสนาราม วัดศาลาปูน วัดตูมฯลฯ และได้เรียนวิชากระบี่กระบองเพิ่มเติมจากนายเขียว บ้านห่อหมก อำเภอบางไทร ในระยะเวลาที่ว่างงานก็ได้ใช้วิชาที่เล่าเรียนมา นำไปประกอบอาชีพเช่น รับจ้างเป็นช่างงานไม้ พอว่างจากงานไม้ก็ฝึกหัดแกะสลักหนังใหญ่ เมื่อหัดแกะได้ตามสมควรก็เริ่มออกแสดงเป็นครั้งคราว
    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>อุปสมบท</TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    ต่อมาเมื่ออายุ 20 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกษัตราธิราช เมื่อวันศุกร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด ตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2467 โ ดยมี พระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชเป็นพระอุปัชฌายะ พระสมุห์หล่ำ วัดกษัตราธิราช เป้นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทองดี วัดพระงาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า สิริปัญโญ เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ สำนักเรียนวัดเสนาสนาราม 2 พรรษา และได้ศึกษากรรมฐานกับหลวงพ่อสี วัดสนามชัย และอาจารย์จาบ วัดโบสถ์ อำเภอมหาราช ศึกษากับอาจารย์เหม็ง วัดประดู่ทรงธรรม ครั้นพรรษาที่ 3 ไปศึกษา วิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงพ่อม่วง วัดโบสถ์ แล้วกลับมาอยู่ ณ วัดประดู่ทรงธรรม อีกครั้ง เพื่อศึกษาวิชา สมถะฝ่ายกสิณ 10 อนุสสติ 10 ยุคล 6 จงกรม พร้อมด้วนเริ่มเรียนวิทยาคมต่างๆ เช่น เป่า พ่น ปลุกเศก ลงเลขยันต์ ตามตำหรับวัดประดู่ทรงธรรม จนถึงพรรษาที่ 9 จึงกลับมาอยู่ วัดกษัตราธิราช เนื่องจากพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ของท่าน ได้อาพาธหนัก จึงได้มารับใช้สนองพระคุณของพระอุปัชฌาย์ การกลับมาครั้งนี้ของท่าน ท่านได้นำตำราพิชัยสงคราม กับตำรามหาระงับพิสดาร รวมถึง ตำราเลขยันต์อื่นๆติดตัวมาด้วย จนกระทั่งจากพระครูวินยานุวัติคุณ มรณภาพ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ส. 2477 หลังจากจัดการศพของท่านจากพระครูวินยานุวัติคุณ เสร็จแล้วจึงเดินทางไปศึกษากรรมฐาน ณ วัดวรนาถบรรพต (วัดเขากบ) จ.นครสวรรค์ เมื่อศึกษาสำเร็จได้ตามที่ท่านตั้งใจแล้ว ท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดกษัตราธิราชตามเดิม

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>รับตำแหน่งเจ้าอาวาส</TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    หลังจากที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง โดย พระมหาสิน นันโท ลาสิกขาบท เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ส. 2483 พระครูไพจิตรวิหารการ (บัว สีลโสภโน) จากวัดประดู่ทรงธรรม ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าวาสสืบต่อ ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 จนถึง พ.ศ. 2596 พระครูไพจิตรวิหารการ ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ทางคณะสงฆ์จึงเห็นสมควร แต่งตั้งให้ หลวงพ่อเทียม ซึ่งในคณะนั้นท่านดำรงสมณศักดิ์ พระใบฎีกา รักษาการแทน จนกระทั่งได้รับแต่งตั้ง เป็นเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช ในปี พ.ศ.2496

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>สมณศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่</TD><TD></TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    พ.ศ. 2474 เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมของพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก) ในตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ บางบาล
    พ.ศ. 2496 เป็นเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช
    วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2508 เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูพิพิธวิหารการ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี
    วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2509 เป็นเจ้าคณะตำบลภูเขาทอง
    วันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2512 เป็นพระอุปัชฌายะ
    วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท
    วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ได้รับ พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ที่พระวิสุทธาจารเถร ฝ่ายวิปัสสนาธุระ

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>อุปนิสัยของหลวงพ่อ</TD><TD></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    ท่านเป้นพระเถระที่ฝักใฝ่อยู่ในวิปัสสนาธุระ และมั่นคงอยู่ในเพศพรหมจรรย์ ตลอดชีวิตสมณะท่าน ท่านตั้งอยู่ในพรหมวิหาธรรม ให้ความคุ้นเคย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ บุคคลทุกชั้นวรรณะ มิได้แสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้อาคันตุกะได้รับความหนักใจ เพราะความที่ท่านเปี่ยมไป ด้วยความเมตตากรุณา นั้นเอง ท่านจึงต้องใช้สังขารอย่าลำบากตรากตรำ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่บุคคล ผู้หันหน้ามาพึ่ง โดยท่านมิได้คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลา ส่วนตัว กิจธุระนอกวัดก็มากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อกลับมาถึงวัดก็ควรได้รับการพักผ่อน พอถึงกุฏิ ก็ต้องมีบุคคลมารอพบหมายจะให้ท่านช่วยแก้ปัญหาทุกข์ร้อน อยู่เป็นประจำ ด้วยความเมตตา และ กรุณาของท่านนี้เอง จึงมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสในท่านเป็นจำนวนมาก ท่านบำเพ็ญตน อยู่อย่างนี้ตลอดมา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความอบอุ่น ร่มเย็นแก่ชาวบ้านและชาววัดตลอดมา ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล เมื่อมาถึงหลวงพ่อแล้วย่อมได้รับ ความอนุเคราะห์ โดยทั่งหน้ากัน เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>พระนักพัฒนา</TD><TD></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    นอกจากจะมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้กับบุคคลทุกชั้นวรรณะแล้ว ท่านต้อง รับภาระอันหนักยิ่ง กล่าวคือ การบูรณะปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถ ุและถาวรวัตถุภายในวัด ควบคู่กันไป ปรากฏว่า ท่านเอาใจใส่งานก่อสร้างมากถึงกับ ลงมือ ทำด้วยตนเอง จนกระทั่ง ทำด้วยตนเองไม่ได้ ท่านจะคอยควบคุมดูแลสั่งการ เพื่อให้งานนั้นๆ เป็นไปด้วย ความเรียบร้อย และได้ผลดี ด้วยความที่ท่านต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ต่องานก่อสร้างนี้เอง จึงเป็นเหตุให้ ท่านเกิดอาพาธ เป็นโรคอัมพาตขึ้นเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2517 จนท่านไม่สามารถจะ ไปไหนต่อไหนได้เหมือนแต่ก่อน แต่หลวงพ่อ ท่านห่วงงานยิ่งกว่าสุขภาพ และสังขาร ตนเสียอีก ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เมื่อท่านป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ หลวงพ่อท่าน ก็นั่งรถเข็น ให้พระภิกษ ุหรือสามเณรช่วยเข็นให้ท่านนั่งในตอนเช้า และตอนเย็น เพื่อตรวจตรา ดูความเรียบร้อยภายใน วัดเป็นพระจำวัน โดยมิได้ย่อท้อสามารถควบคุม และตรวจตรา งานก่อสร้างได้จนงานนั้นๆ สำเร็จเรียบร้อยหลายอย่าง ดังปรากฏแก่สายตาของพวกเรา ทั้งหลายขณะนี้แล้ว

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>ทูลเกล้าฯถวายตะกรุด</TD><TD></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราช กุศลถวายผ้ากฐินส่วนพระองค์ ณ วัดศีลขันธาราม ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2517 ท่านจึงมอบให้พระสำรวย ฐิตปุญโญ รองเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช นำรูปจำลองของท่านพร้อมด้วยตะกรุดมหาระงับแบบพิสดาร ลงตามตำรับเดิมของ วัดประดู่ทรงธรรม เป็นโลหะตะกั่วถักด้วยด้ายและลงรักปิดทอง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ยาม 12 นิ้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายด้วยตนเองไม่ได้ เนื่องจากอาพาธด้วยโรคอัมพาตดังกล่าวแล้ว จากนั้นไม่นาน ทางวัด กษัตราธิราชก็ได้รับแจ้งจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยูธยา ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงทราบว่าเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชอาพาธ มีพระราชประสงค์ จะนิมนต์ท่านเข้ารับการรักษาท ี่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นท่านจึง ได้เดินทางเข้าไปรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยเป็นคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นเวลา 1เดือนพอดี อาการดีขึ้นโดยลำดับ คณะแพทย์จึงอนุญาตให้กลับมาพักผ่อน ที่วัดตามอัธยาศัย ในการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระเมตตาต่อท่านครั้งนี้นับว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นหาที่สุดมิได้

    </TD></TR><TR><TD class=text15 bgColor=#cc0000>มรณภาพ</TD><TD></TD></TR><TR><TD class=text15 colSpan=2>
    เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2522 หลวงพ่อละสังขาร ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 75 ปี 55 พรรษา เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 จึงจัดให้มีการพระราชทานเพลิงศพ พระวิสุทธาจารเถร
    </TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Fa_tiam.jpg
      Fa_tiam.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.4 KB
      เปิดดู:
      601
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pinkkitty&group=21&month=01-2008&date=19

    ส่วนใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่Link ด้านล่างนะคะ
    จะได้ศึกษาการไปทำบุญที่วัดนี้ได้ละเอียดขึ้น

    http://www.watayutthaya.com/

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากทาง web ด้วยนะคะ


    วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
    วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
    อำเภอพระนครศรีอยุธยา

    กราบนมัสการพระครู หลวงปู่เทียม

    วัดกษัตรา ศรัทธาชาวอยุธยา สืบรักษาพุทธวัฒนธรรม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานอกเกาะเมืองทางด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับวังหลังหรือวังสวนหลวง เดิมชื่อ "วัดกษัตรา" หรือ "วัดกษัตราราม" เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีพระปรางค์เป็น


    ประธานของวัด ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระราชวัง และกรมขุนอิศรานุรักษ์ (เกศ) ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม วัดกษัตราเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดกษัตราธิราช" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สถานที่สำคัญภายในวัด คือ

    พระประธานในพระอุโบสถที่มีแท่นฐานผ้าทิพย์ปูนปั้น ฝีมือประณีตงดงาม ใบเสมาของพระอุโบสถเป็นใบเสมาคู่แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง ปัจจุบันเป็นวัดที่พระสงฆ์จำพรรษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิริมงคลของวัดกษัตรา เป็นที่รู้จักกันดีของชาวอยุธยาและละแวกใกล้เคียง คือพระเกจิอาจารย์หลวงปู่เทียม ในความเชื่อทางด้านวัตถุมงคล อยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม



    ประวัติวัดกษัตราธิราชวรวิหาร


    วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เลขที่ ๑๕ หมู่ที่ ๗ ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามกับโรงงานสุราของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ( บริเวณวังหลังเดิม )<O:p</O:p



    ลำดับเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชวรวิหาร<O:p</O:p


    สมัยกรุงศรีอยุธยา<O:p</O:p


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2008
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.pantown.com/content.php?id=25695&name=content5&area=3

    ไหว้พระ 9 วัด กันไหม

    [​IMG]
    1.วัดใหญ่ชัยมงคล ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 3059 ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก จากตัวเมืองอยุธยาข้ามสะพาน สมเด็จพระนเรศวร-มหาราช เจอสี่แยกเลี้ยวขวาสักนิดก็จะเห็นป้ายวัด
    2.วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง ห่างจากตัวเมืองราว 5 กิโลเมตร หรือเมื่อออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปตามถนนประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ
    3. วัดมงคลบพิตร อยู่ในเกาะเมืองใกล้ๆกับวัดพระศรีสรรเพชญ์
    4.วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพระราชวังหลวง
    5. วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทางด้านใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง สามารถไปได้โดยใช้เส้นทางสายอยุธยา-เสนา ทางทิศตะวันตกของเกาะเมือง ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชแล้วเลี้ยวซ้าย จะผ่านวัดไชยวัฒนาราม มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ก็จะถึงทางแยกซ้ายเข้าวัดพุทไธศวรรย์
    6. วัดกษัตราธิราชวรวิหาร อยู่นอกเกาะเมืองตรงข้ามกับเจดีย์พระศรีสุริโยทัย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถใช้เส้นทางเดียวกับสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ไปจนถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชฯ จากนั้นเลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนักก็จะถึง
    7. วัดธรรมาราม อยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ. พระนครศรีอยุธยา
    8. วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวด้านเหนือของพระราชวังหลวง ตำบลวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา
    9. วัดนครหลวง ตั้งอยู่ที่ ต.นครหลวง อ.นครหลวง


    [​IMG]
    เริ่มกันที่วัดแรก
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.watpala.org/powerpoint/dailybuddhaimage_files/frame.htm#slide0008.htm

    พระพุทธรูปประจำวันพุธ(กลางวัน)

    เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืนพระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรส้นพระบาทชิดกันแสดงพระอิริยาบทการออกบิณฑบาตซึ่งเป็นพุทธกิจตอนเช้าพระพุทธรูปปางนี้มีที่มาจากพุทธประวัติที่พระพุทธองค์พร้อมพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากได้เสด็จออกบิณฑบาตที่กรุงกบิลพัสดุ์ตามที่อำมาตย์กาฬุทายุได้ขออาราธนาพระพุทธองค์ได้ทรงทอดเนตรบรรดาพระประยูรญาติยังมีทิฐิมานะไม่เคารพพระองค์และพระสงฆ์พระพุทธองค์จึงได้แสดงปาฎิหารย์บันดาลให้เกิดฝนโบกขรพรรษตกลงมาท่ามกลางพระประยูรยาติฝนโบกขรพรรษนี้ผู้ใดอยากให้เปียกก็จะเปียกถ้าไม่อยากให้เปียกก็จะไม่เปียกดุจน้ำฝนตกลงในใบบัวทำให้พระประยูรญาติทั้งหลายคลายทิฐิมานะจากนั้นพระพุทธองค์จึงแสดงเทศนาเรื่องพระเวสสันดรชาดกตามคติโบราณกำหนดให้มีคาถาบูชาพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรมีข้อความดังนี้

    สัพพาสีวิสะชาตีนังทิพพะมันตาคะทังวิยะยันนาเสติ
    nวิสังโฆรังเสสัญจาปิปะริสสะยังอาณักเขตตัมหิสัพพัตถะสัพพะทาสัพพะปาณินังสัพพะโสปินิวาเนติปะริตตันตัมภะณามะเหฯ
    nพระปริตรย่อมป้องกันพิษและอันตรายอื่นๆของสัตว์ทั้งปวงตลอดเขตแห่งอำนาจทุกแห่งเสมอเหมือนทิพยมนต์และโอสถทิพย์ที่ขจัดพิษร้ายของอสรพิษทั้งปวงขอเราทั้งหลายจงร่วมกันสวดพระปริตรนั้นเถิด

    http://www.artedu.8m.com/day.html

    [​IMG]

    พระประจำวันพุธ

    วันพุธกลางวันคือ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตร ส้นพระบาทชิดกัน แสดงพระอิริยาบทการออกบิณฑบาต ซึ่งเป็นพุทธกิจตอนเช้า

    พระพุทธรูปปางนี้ มีที่มาจากพุทธประวัติ ที่พระพุทธองค์พร้อมพระภิกษุสงฆ์ จำนวนมากได้เสด็จออกบิณฑบาตที่กรุงกบิลพัสดุ์ ตามที่อำมาตย์กาฬุทายุได้ขออาราธนา พระพุทธองค์ได้ทรงทอดเนตรบรรดาพระประยูรญาติ ยังมีทิฐิมานะ ไม่เคารพพระองค์ และพระสงฆ์ พระพุทธองค์จึงได้แสดงปาฎิหารย์ บันดาลให้เกิดฝนโบกขรพรรษตกลงมา ท่ามกลางพระประยูรยาติ ฝนโบกขรพรรษนี้ผู้ใดอยากให้เปียก ก็จะเปียก ถ้าไม่อยากให้เปียก ก็จะไม่เปียก ดุจน้ำฝนตกลงในใบบัว ทำให้พระประยูรญาติทั้งหลายคลายทิฐิมานะ จากนั้นพระพุทธองค์จึงแสดงเทศนาเรื่องพระเวสสันดรชาดก ตามคติโบราณ กำหนดให้มีคาถาบูชาพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร มีข้อความ ขึ้นต้นและลงท้ายดังนี้

    สัพพาสีวิสาชาตีนัง ----> นิวาเรติ ปะริตตันตัม ภะนามะ เห.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • wed1_p.gif
      wed1_p.gif
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      949

แชร์หน้านี้

Loading...