พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พบตัวโชเฟอร์ใช้เข่าขับแท็กซี่แล้ว ขนส่งฯ สั่งปรับ 500

    -http://hilight.kapook.com/view/112740-



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ chochat nasongkhla สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

    กรมการขนส่งทางบกสั่งลงโทษโชเฟอร์ใช้เข่าบังคับพวงมาลัยขับแท็กซี่แล้ว ปรับ 500 บาท หลังปรากฏภาพสุดหวาดเสียวในคลิปที่ผู้โดยสารถ่ายมา แนะช่องทางให้ประชาชนร้องเรียนหากพบรถโดยสารสาธารณะทำไม่เหมาะ

    สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการแชร์คลิปคนขับแท็กซี่รายหนึ่งขับรถสุดหวาดเสียวด้วยการเอนเบาะนอน แล้วใช้หัวเข่าบังคับพวงมาลัยแทนมือมาตลอดทาง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ประมาทและอันตรายมาก ทำให้ชาวเน็ตเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2557 นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ารถแท็กซี่คันเกิดเหตุ หมายเลขทะเบียน ทษ 8742 กรุงเทพมหานคร มีนายชูศักดิ์ รัตนโภคา เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งมีใบอนุญาตขับรถถูกต้อง กรมการขนส่งทางบกจึงได้ติดตามตัวนายชูศักดิ์มารับฟังข้อกล่าวหา พร้อมตักเตือน และเปรียบเทียบปรับ 500 บาท ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เนื่องจากมีพฤติกรรมขับรถประมาทหวาดเสียว เสี่ยงต่อการเกิดเหตุอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังได้กำชับไปยังสหกรณ์แท็กซี่ให้กวดขันวินัยของผู้ขับรถในสังกัดด้วย โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ

    ทั้งนี้ นายธีระพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมไม่ดีของรถโดยสารสาธารณะ และให้จดจำรายละเอียดของรถ เช่น ทะเบียนรถ ชื่อ-สกุลผู้ขับรถ วัน เวลา สถานที่ที่ใช้บริการ ฯลฯ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบ โดยสามารถร้องเรียนมายังช่องทางต่าง ๆ ได้คือ

    ทางโทรศัพท์สายด่วน กรมการขนส่งทางบก โทร.1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
    ทางเว็บไซต์ ins.dlt.go.th
    ทางอีเมล dlt_1584complain@hotmail.com,
    ทางแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า "ร้องเรียนรถสาธารณะ" ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android
    ทางเฟซบุ๊ก กตส กรมการขนส่งทางบก
    ทาง LINE ID ในชื่อ "1584dlt"
    เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง ณ กรมการขนส่งทางบก


    [ame]http://www.youtube.com/watch?v=1jek5LVszbQ#t=17[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=1jek5LVszbQ#t=17-
    คลิป "แท็กซี่มหันตภัย! เอนเบาะนอนใช้เข่าขับแทน โพสต์โดย คุณ chochat nasongkhla สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม





    พบเห็นพฤติกรรมไม่ดีของรถโดยสารสาธารณะ และให้จดจำรายละเอียดของรถ
    เช่น ทะเบียนรถ ชื่อ-สกุลผู้ขับรถ วัน เวลา สถานที่ที่ใช้บริการ ฯลฯ
    เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบ โดยสามารถร้องเรียนมายังช่องทางต่าง ๆ ได้คือ

    ทางโทรศัพท์สายด่วน กรมการขนส่งทางบก โทร.1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
    ทางเว็บไซต์ ins.dlt.go.th
    ทางอีเมล dlt_1584complain@hotmail.com,
    ทางแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า "ร้องเรียนรถสาธารณะ" ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android
    ทางเฟซบุ๊ก กตส กรมการขนส่งทางบก
    ทาง LINE ID ในชื่อ "1584dlt"
    เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง ณ กรมการขนส่งทางบก

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE9ETTRNak15T0E9PQ==&subcatid=-
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เปิดสูตรคำนวนค่าลดหย่อนภาษีจาก LTF RMF

    -http://money.sanook.com/239569/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-ltf-rmf/-.


    [​IMG]


    [​IMG]








    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • set-1-1.png
      set-1-1.png
      ขนาดไฟล์:
      504.3 KB
      เปิดดู:
      313
    • set-2-2.png
      set-2-2.png
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      312
    • set-2-01.jpg
      set-2-01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.4 KB
      เปิดดู:
      31
    • set1.png
      set1.png
      ขนาดไฟล์:
      504.3 KB
      เปิดดู:
      30
    • set2.png
      set2.png
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      28
    • set3.jpg
      set3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.4 KB
      เปิดดู:
      29
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2014
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัย มิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก สวมรอยหลอกให้คนโอนเงินให้

    -http://hilight.kapook.com/view/112799-


    [​IMG]



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Godchagorn Hawirod

    เตือนภัย มิจฉาชีพสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อหลอกให้เพื่อนเจ้าของบัญชีโอนเงินให้ เผยทำมากว่า 4 ปีแล้ว ไม่เห็นมีตำรวจจับได้

    ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แม้ว่ามันจะช่วยให้เราสะดวกสบายในการติดต่ออัพเดทข่าวคราวของผองเพื่อนคนรู้จักทั้งหลาย มันก็ยังมีด้านมืดที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงด้วย และวันนี้เราก็นำอีกหนึ่งภัยที่มากับโซเชียลเน็ตเวิร์กมาเตือนให้ระมัดระวังกัน เป็นภัยในรูปแบบการสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อหลอกเอาเงินบรรดาเพื่อน ๆ ของเจ้าของบัญชี เรียกว่าน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว

    สำหรับเรื่องราวเตือนภัยที่นำมาฝากกันวันนี้ เกิดขึ้นกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Godchagorn Hawirod เธอได้โพสต์ภาพบทสนทนาในแชทเฟซบุ๊กกับ Chwn Niice ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของเพื่อนเธอและถูกมิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาใช้

    จากบทสนทนาจะเห็นว่า Chwn Niice เริ่มต้นคุยกับเธอด้วยการขอยืมเงิน 3,000 บาท แต่บังเอิญว่าเธอเองติดหนี้เพื่อนรายนี้อยู่แล้ว จึงตกลงที่จะโอนให้ 4,000 บาท ระหว่างนั้นเองเธอก็พยายามชวนเพื่อนคุยเรื่องต่าง ๆ นานา แต่ก็พบพิรุธเมื่อเพื่อนตอบอะไรแปลก ๆ เหมือนกับไม่ใช่เจ้าตัวและไม่เข้าใจว่าเธอพูดคุยเรื่องอะไรด้วย อีกทั้งยังให้โอนเงินไปยังบัญชีของ นายสันทัด ช่วยชนะ อีก ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงของเจ้าของเฟซบุ๊กเลย

    ระหว่างนั้นเองเธอก็ได้คุยกับเพื่อนตัวจริงและรู้ว่าคนที่คุยอยู่นั้นเป็นมิจฉาชีพ เลยโกหกมิจฉาชีพไปว่ากำลังจะโอนเงินให้ แน่นอนว่าในที่สุดมิจฉาชีพก็ไม่สามารถหลอกเอาเงินจากเธอได้สำเร็จ ขณะที่เธอเองในตอนท้ายก็ได้มีการแสดงตัวว่าเธอรู้แล้วว่าคนที่คุยอยู่เป็นมิจฉาชีพ พร้อมกับขู่ว่าได้แจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมิจฉาชีพก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับบอกว่าทำมานานกว่า 4 ปีแล้ว ไม่เห็นมีตำรวจคนไหนมาจับเลย รอมานานแล้วด้วย แสดงให้เห็นว่ามิจฉาชีพรายนี้น่าจะลอยนวลสวมรอยเป็นใครอีกหลาย ๆ คน เพื่อหลอกเอาเงินจากเพื่อนของเจ้าของบัญชีตัวจริงเหล่านั้น

    จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Godchagorn Hawirod จึงได้โพสต์เตือนภัย โดยขอให้ร่วมมือกันแชร์กรณีดังกล่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งนอกจากจะสูญเงินโดยไม่ได้คืนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบาดหมางกับเพื่อนตัวจริงอีกด้วย


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คาถาเศรษฐีนวโกฏิ

    การบูชา พระเศรษฐีนวโกฎิ ให้ได้ผลดีนั้น ท่านผู้ศรัทธา พึงปฎิบัติดังนี้

    พระคาถาบูชาพระ ว่าดังนี้
    ตั้งนะโมฯ 3 จบ

    มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะ ธารานิ ปะวัสสันตุ
    ธนัญชัย ยัสสะ ยะถาคะเร สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา
    ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ จะ อะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ
    โชติกะ สุมังคะ สัสสะ จะ มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร
    เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม


    พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ ว่า ในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก

    ในเวลาต่อมา ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า "ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุเภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป" พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ

    เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักร ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุข ด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ส่วนกำเนิดพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในแผ่นดินสยาม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ พระอาจารย์ใหญ่ สายวิปัสสนากัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในสมัยที่ท่านได้ไปเป็นผู้ปกครองการคณะสงฆ์ในตำแหน่งพระสังฆปาโมกข์ ที่นครจำปาศักดิ์ และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดอำมาตยาราม ได้รับการสืบทอดตำรามาจากญาท่านสำเร็จลุน วัดบ้านเวินไซ เมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดตำรามาแล้ว ท่านได้ศึกษาค้นคว้าจนเข้าใจถึงอรรถาธิบาย ถึงวิธีการสร้าง พิธีการจัดการปลุกเสก ตลอดถึงฤกษ์ยามในพิธีการจัดสร้าง จนเป็นที่เข้าใจ

    พระคาถานี้ เดิมที เป็นของเจ้าประคุณ พระอุบาลี คุณูปรมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส
    เป็นพระคาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฎิ ในอันที่จะบรรดาล ให้เกิดโชคลาภ สิริ มงคล ท่านให้ภาวนาพระคาถานี้ บูชาเถิด ปรารถนา อธิฐานเอาสิ่งใด จะได้สมดังความตั้งใจ

    หากทำการค้าขาย ก่อนเปิดร้าน ให้อาราธนาพระนวโกฎิ ด้วยพระคาถานี้ ครบ 3 จบ ด้วยใจมั่นแล จะค้าขายดี มีเงินทองมากมาย ไม่นานจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล

    อนึ่งถ้ามีทุกข์ ภัย ให้อาราธนาพระเศรษฐีนวโกฎินี้ ลงสรงน้ำ อาราถนาให้น้ำกลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ สวดพระคาถานี้ 9 จบ เอาน้ำรด อาบ กิน ทุกข์จะโยก โศกจะหมด เคราะห์กรรม จะคลาย มลายสิ้นไป จะบันดาลความสุขสวัสดิ์ และโชคลาภมาให้
    เมื่อถึงวันเถลิงศก คือ วันที่ 15 เมษายน ของทุก ๆ ปี จึงให้จัดหาดอกไม้ขาว 9 กระทง เช่น ดอกมะลิ ข้าวตอก 9 กระทง อาหารคาว หวาน 9 อย่าง ธูป 9 ดอก เทียน 9 เล่ม จุดบูชา พระนวโกฎินี้ แล้วสวดคาถานี้ ให้ได้ 9 จบ นิมนต์พระสรงน้ำ ขออาราธนาทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ เอามาอาบกิน ประพรมบ้านเรือน เรือกสวน ไร่นา บริวาร ทั้งหลาย จะอยู่เย็น เป็นสุข ตลอดทั้งปี แล

    พระนวโกฎินี้ ใครหมั่นอาราธนา พร้อมสวดพระคาถาบูชาอยู่เป็นเนืองนิตย์ จะไม่รู้ยากจนเลย และหากยังมั่นคงใน ศีล 5 หนักแน่นเท่าใด จะยิ่งบริบูรณ์ เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน แล

    -http://www.baanmaha.com/community/thread29889.html-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัยจาก ภัยมนุษย์ลุง กับ มนุษย์ป้า

    เหตุเกิดที่ สำนักงานประกันสังคมแห่งหนึ่ง

    มีมนุษย์ลุง มายื่นแบบ 1-10 (แบบของนายจ้างที่ยื่นการเสียประกันสังคมของลูกจ้าง) แต่แบบที่ยื่นเป็นแบบฟอร์มเปล่า

    ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปกรอกแบบฟอร์ม (ในรายละเอียดของแบบฟอร์ม ก็ต้องมีข้อมูลสำคัญก็คือ รายชื่อลูกจ้าง ค่าจ้างแรงงาน และอื่นๆ) แต่มนุษย์ลุงไม่ได้ว่าอะไร กลับออกไป

    วันนี้ มนุษย์ลุงได้ยกโขยงมากันหลายคน มาถึงก็มาชี้หน้าด่าว่า มนุษย์ลุงแก่แล้ว ตาก็มองไม่ค่อยเห็น จะให้กรอกแบบฟอร์มอย่างไรได้ ด่าอยู่นาน

    ต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ ใจเย็นดี


    ------------------------------------------------------

    พวกมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า พวกนี้ หากได้รับการอบรมกริยามารยาทและการศึกษามาจากครอบครัว มาจากสถาบันการศึกษา และวัด แล้ว ต้องไม่ทำกริยา และ คำพูด แบบนี้

    หรือคิดอีกแง่นึงก็คือ ครอบครัว สถาบันการศึกษา และ วัด ที่พวกมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า เข้าไป ได้สั่งสอนให้มีกริยาที่ "ทราม" ไม่ต้องไปสนใจอะไร และให้ "ถ่อย" เข้าไว้

    สังคมทุกวันนี้ มีพวกมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า พวกนี้มากขึ้น

    มนุษย์ที่ดีในสังคม ไม่ควรให้มนุษย์ลุง มนุษย์ป้า เหล่านี้ มีที่ยืนในสังคมได้




    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก

    -http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=351:2010-05-19-15-44-41&catid=50:lite-story&Itemid=59-


    โดย North Star

    ว่ากันว่า อาวุธชนิดหนึ่งที่ร้ายกาจไม่แพ้ศาตราวุธทั้งหลาย
    ก็คือคำพูดของคนเรานี่เองค่ะ
    ใครที่เคยถูกนินทา ย่อมรู้ซึ้งถึงพิษสงของคมวาจากันดี ว่าทำร้ายได้เจ็บปวดเพียงใด
    เล่าเรื่องเมืองพุทธฉบับนี้ ขอนำพระธรรมเทศนาของหลวงปู่คำดี ปภาโส
    วัดถ้ำผาปู่นิมิตร ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
    มาเป็นกำลังใจแด่ผู้ที่ถูกนินทากันค่ะ

    ในปัจจุบันนี้มีพระและฆราวาสจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่า
    ผู้ที่ปฏิบัติแล้วจะสามารถสำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งได้
    ท่านเหล่านั้นถือว่าหมดยุค หมดสมัยแล้ว
    สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติเองแล้ว ก็จะไม่สามารถรู้ได้
    ผู้ที่จะรู้ได้ เห็นได้จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติแล้วก็จะเห็นเอง
    พระพุทธเจ้ายังตรัสกับพระอานนท์ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพานว่า
    "แม้ว่าตัวตถาคตจะปรินิพพานไปแล้ว แต่ธรรมคำสั่งสอนของตถาคตยังอยู่
    ถ้าผู้ใดประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะสามารถสำเร็จมรรคผลได้เหมือนกัน"
    นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ในปัจจุบันนี้ก็สามารถสำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งได้เหมือนกัน
    สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ เราก็ไม่สามารถไปตำหนิติเตียนอะไรได้
    เพราะเรื่องบุญเรื่องวาสนานี้ไม่สามารถจะแข่งกันได้
    เรื่องที่ว่ามีบุคคลที่ไม่เชื่อนั้น อย่าว่าแต่ในสมัยปัจจุบันเลย
    แม้แต่ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีเหมือนกัน
    คือในสมัยพุทธกาลนั้นยังมีบุคคลที่ไปด่าพระพุทธเจ้าอยู่
    มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีผู้ไปด่าพระพุทธเจ้าอย่างมาก
    พระอานนท์เลยกราบทูลพระพุทธเจ้าให้หลีกหนีไปที่อื่น
    พระพุทธเจ้าทรงถามพระอานนท์ว่า "เมื่อหนีไปถึงบ้านหน้า เขายังด่าอยู่อีกจะทำอย่างไร"
    พระอานนท์ก็กราบทูลว่า "ถ้าด่าอีกก็หนีอีก"
    พระพุทธเจ้าทรงเตือนพระอานนท์ว่า "อย่าเข้าใจเขาด่าอานนท์ เขาด่าเราตถาคตต่างหาก
    และอีกประการหนึ่งเราจะต้องแก้ที่นี่ ถ้าเราไม่แก้ที่นี่ เราจะต้องหนีไม่มีที่สิ้นสุด"

    ในโลกมนุษย์นี้ เราจะหลบหนีจากคำตำหนิติเตียนไม่ได้
    แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ซึ่งเป็นจอมปราชญ์ทั้งหลาย ก็ยังถูกโลกติเตียนอยู่
    พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสเป็นพุทธภาษิตไว้ว่า นัตถิ โลเก อนินทิโต
    แปลใจความว่า คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
    เราจะให้สัตว์โลกปราศจากสิ่งดังกล่าวไม่ได้
    เพราะฉะนั้นเราผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
    ก็อย่าพากันไปเอาเรื่องของโลกมาเป็นอารมณ์ของใจ
    จะทำให้จิตใจของเรามัวหมอง

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    คัดจาก ประวัติของหลวงปู่คำดี ปภาโส
    อนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพพระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส)


    [​IMG]
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • t15 -kumdee.png
      t15 -kumdee.png
      ขนาดไฟล์:
      308.6 KB
      เปิดดู:
      360
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไป...ถูกพวกพราหมณ์เขานินทา

    -http://guru.google.co.th/guru/thread?sort=wsmopts&tid=796709336a21bf17-


    "คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไป ถูกพวกพราหมณ์เขานินทา

    บอกว่าไอ้สมณะหัวโล้นอย่างนั้นอย่างนี้

    เมื่อเวลาปฏิบัติหรือทำอย่างนั้น นึกว่าตนของตนจะดีดอกหรือ

    พอดีพระอานนท์ได้ยินก็เลยเดือดร้อน ขอเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จไปในที่อื่น

    "เอ้า เราจะไปที่ไหนล่ะอานนท์" "เขาว่าที่นี่ก็ไปที่อื่น"

    "ไปที่อื่นเขาก็ว่าอีก จะไปที่ไหน" "ก็ไปเรื่อยๆไป"

    "ถ้าเขาว่าหมดทั้งโลก เราจะไปอยู่ที่ไหนอานนท์" พระอานนท์ก็เลยหมดเรื่อง

    เพราะฉะนั้นพระองค์จึงแสดงว่า "โลกธรรม คือนินทา สรรเสริญ มันมีอยู่อย่างนี้อานนท์

    เราอย่าไปยึดอย่าไปถือเอามาเป็นสมบัติของเรา มาหมักไว้ที่ใจของเรา

    หน้าที่ของเรามีทำอยู่เฉพาะตัวของเรานั้นน่ะ ดูที่กายที่ใจของเราเท่านี้

    มีหน้าที่อยู่เท่านี้ เอาอย่างนี้ เราจึงจะเห็นความพ้นทุกข์"

    นี่พระองค์สอนอย่างนี้"

    +++

    หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล


    [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • t16 boonjun.png
      t16 boonjun.png
      ขนาดไฟล์:
      36.3 KB
      เปิดดู:
      326
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คลินิกกองทุนรวม : เช็กผลการดำเนินงานกองทุน LTF-RMF ได้ที่นี่

    -http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000145873-


    คอลัมน์ “คลินิกกองทุนรวม” ในสัปดาห์นี้หยิบผลการดำเนินงานของกองทุนที่น่าสนใจจากงาน “มหกรรมมีใช้ตอนแก่ด้วย LTF-RMF” เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนของนักลงทุน ... อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ทุกครั้งก่อนที่ตัดสินใจลงทุนนักลงทุนควรประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อนทุกครั้ง และทีมงานขอยก "5 อย่างที่ไม่ควรทำกับการเลือก LTF & RMF" บทความดีๆ จาก บลจ.กรุงศรีมานำเสนออีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่กำลังตัดสินใจซื้อกองทุน LTF-RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้...

    ส่วนท่านผู้อ่านท่านใดมีคำถามก็สามารถส่งคำถามมาได้ที่ mgrfund@gmail.com ทางทีมงานจะทยอยตอบคำถามให้ ขอบคุณทุกท่านที่ส่งคำถามเข้ามาคะ

    1. อย่ามองแค่ผลตอบแทนระยะสั้น :วัตถุประสงค์ของการลงทุนในกองทุน LTF-RMF มี 2 ข้อ คือ ประหยัดภาษี และเน้นการลงทุนในระยะยาว น่าเสียดายตรงที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองเรื่องของภาษีเป็นหลัก และมองผลตอบแทนในระยะยาวเป็นเรื่องรอง โดยให้ความสนใจแค่ผลตอบแทนระยะสั้นๆ ว่า 3 เดือนที่แล้ว 6 เดือนที่ผ่านมา หรือไกลสุดย้อนไปดู 1 ปีก่อนหน้าว่าแต่ละกองทุนได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร กองทุนใดสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด แต่กลับลืมไปว่าระยะเวลาการถือครองกองทุน LTF อย่างน้อยๆ คือ 3 ปีปฏิทิน

    สำหรับกองทุน RMF นั้นมีระยะเวลาการถือครองยาวนานกว่า โดยผู้ลงทุนจะขายหน่วยลงทุนก็ตอนเกษียณอายุ และการถือครองต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของสรรพากร ดังนั้น อย่าดูแค่ผลตอบแทนระยะสั้นๆ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ

    2. อย่าซื้อเพราะโปรโมชันแรง!! : กองทุนรวมไม่ใช่การชอปปิ้ง ใครลดแหลก ทั้งแจกทั้งแถมเยอะสุด แปลว่ากองทุนนั้นน่าลงทุนที่สุด ถ้าคิดแบบนี้ ถือว่า “คิดผิด” โปรโมชันล่อใจในระยะสั้นอาจทำให้คุณต้องติดกับดักกับกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนไม่เหมาะสมกับตัวคุณเอง ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อขายคืนหน่วยลงทุนมีมูลค่าน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ แถมของโปรโมชันที่ได้รับแจกตั้งแต่ตอนลงทุนก็อาจใช้ไม่คุ้ม หรือวางทิ้งในบ้านจนลืมไปเลยก็มี อาจมีนักลงทุนบางท่านแย้งว่า “ก็ไม่รู้นี่” ว่ากองทุนใดจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี ก็เลยเลือกของที่ดูชัวร์ที่สุด นั่นก็คือ ของแถม” ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษานโยบายการลงทุน ระดับความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนรวม ซึ่งมีความแตกต่างกัน และควรศึกษาคู่มือภาษีให้เข้าใจก่อนการลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก บลจ. หรือธนาคารที่เป็นตัวแทนขายกองทุน

    3. อย่าคิดว่า LTF & RMF กองไหนๆ ก็เหมือนกัน: ถึงแม้จะเป็นกองทุนที่ได้ชื่อว่า LTF-RMF เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานก็แตกต่างกันในรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น กองทุน LTF บางกองมีนโยบายกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในตราสารหนี้บางส่วน ในขณะที่บางกองทุนเลือกลงทุนในหุ้นทั้งหมด 100%เต็ม หรือกองทุน RMF ก็มีตัวเลือกทั้งนโยบายที่ลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน ลงทุนในทองคำ หรือกระทั่งกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมีลักษณะของกองทุนที่แตกต่างกัน หากผู้ลงทุนเลือกลงทุนเพราะคิดว่าเป็นกองทุน RMF เหมือนกันนักลงทุนก็อาจได้ผลตอบแทนไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง แล้วมานั่งเสียใจเมื่อขายคืนหน่วยลงทุนยามเกษียณ

    4. อย่าคิดว่าลงทุนใน LTF - RMF ไปแล้วจะสับเปลี่ยนไม่ได้: จริงๆ แล้วหากเราพบว่ากองทุน LTF- RMF ที่เลือกลงทุนไว้มีนโยบายการลงทุนหรือระดับความเสี่ยงที่ไม่เหมาะกับตนเองเราสามารถสับเปลี่ยนการลงทุนไปยังกองทุนอื่นภายใต้กองทุนประเภทเดียวกันได้ เช่น การสับเปลี่ยน LTF กองเดิมไปยัง LTF อีกกองหนึ่ง หรือการสับเปลี่ยนกองทุน RMF ไปยังกองทุน RMF ด้วยกัน แต่เราไม่สามารถสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF ไปยังกองทุน RMF หรือกองทุนรวมทั่วไปได้

    5. อย่าเข้าใจผิดว่าลงทุนไปแล้วไม่สามารถโอนย้าย บลจ.ได้:มีผู้ลงทุนหลายท่านเข้าใจผิดว่าถ้าลงทุนในกองทุน LTF RMF กับ บลจ.ใดแล้วจะต้องถือครองไว้จนครบกำหนดตามเงื่อนไขของสรรพากร ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถโอนย้ายกองทุน LTF -RMF จาก บลจ.เดิมไปยัง บลจ.อื่นได้ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมการโอนย้ายที่ บลจ.ต้นทางจะเรียกเก็บ โดย บลจ.แต่ละแห่งจะมีอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ การโอนย้าย LTF-RMF ข้าม บลจ.ก็จะต้องโอนย้ายกองทุนไปยังกองทุนประเภทเดียวกัน เช่น LTF โอนย้ายไป LTF หรือ RMF โอนย้ายไป RMF ด้วยกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ltf1-3.png
      ltf1-3.png
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      47
    • ltf1-4.png
      ltf1-4.png
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      36
    • ltf1-5.png
      ltf1-5.png
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      31
    • ltf1-6.png
      ltf1-6.png
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      27
    • ltf1-7.png
      ltf1-7.png
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      30
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการชาร์จแบตฯ สมาร์ทโฟน

    -http://men.kapook.com/view107254.html-




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่กังวัลว่าจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

    เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินหรือรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่บอกว่าการชาร์จแบบนั้นแบบนี้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม จนถึงขั้นทำให้เครื่องระเบิดได้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมจึงหยิบเอาเรื่องน่ารู้ของการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนจากเว็บไซต์ mashable มาแนะนำให้ทราบกันครับ



    ใช้ตัวชาร์จแบตเตอรี่ยี่ห้ออื่นทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไว

    ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริงสักเท่าไร เพราะคุณสามารถเลือกซื้อตัวชารจ์ที่มีราคาถูกกว่าของจริงมาใช้แทนได้ แต่ต้องเป็นแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเท่านั้น ซึ่งทางเว็บไซต์ Lifehacker ได้ทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ชนิดใดปลอดภัยที่สุด โดยผลที่ได้ออกมาคือตัวชาร์จของแท้มีความปลอดภัยที่สุด รองลงมาคือตัวชาร์จแบรนด์อื่นที่ได้รับการรับรอง และสุดท้ายที่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรคือตัวชาร์จของปลอมซึ่งไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง



    ไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอรี่อยู่

    ในปี 2013 มีข่าวว่าแอร์โฮสเตสชาวจีนเสียชีวิตเพราะโดนไฟฟ้าช็อตจากการใช้ไอโฟน 4 ขณะที่กำลังชาร์จไฟอยู่ จนทำให้ผู้ใช้ไอโฟนทั่วโลกเกิดความกังวลขึ้นมาทันที แต่จากนั้นไม่นานก็มีรายงานจากเว็บไซต์ Fortune ว่า อุปกรณ์ที่เธอใช้นั้นเป็นของปลอม ไม่ใช่ของแท้จากแอปเปิลแต่อย่างใด ซึ่งความจริงก็คือคุณสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนขณะชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างสบายใจ ตราบใดที่ใช้อุปกรณ์ของจริงหรือจากแบรนด์ที่ผ่านการรับรองแล้ว



    ชาร์จไฟข้ามคืนทำให้แบตเตอรี่พัง

    เชื่อว่าหลายคนคงมีความเชื่อว่าชาร์จแบตข้ามคืนทำให้แบตเตอรี่พัง จนอาจส่งผลให้สมาร์ทโฟนเกิดระเบิดได้ ซึ่งก็มีรายงานจากเว็บไซต์ Deemable ที่ขัดแย้งกับความเชื่อนี้ โดยทางเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนมีความฉลาดอันน่าเหลือเชื่อ เพราะมันจะตัดไฟเองเมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ Yahoo มีรายงานเสริมว่าผู้ใช้ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนข้ามคืนติดต่อกันทุกวัน และถ้าแบตเตอรี่ยังเหลือที่ 40-80 เปอร์เซ็นต์อยู่ ก็ยังไม่ต้องชาร์จก็ได้



    อย่าปิดเครื่อง ถ้าไม่จำเป็น

    ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายรายอาจเคยกังวลว่าถ้าปิดเครื่องบ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว แต่คุณหายห่วงได้เลย เมื่อเว็บไซต์ Cnet ทำการสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญของแอปเปิล ซึ่งสรุปได้ว่าการปิดสมาร์ทโฟนโฟนสัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่คุณนอนหลับ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นเว็บไซต์ Androidcentral ยังบอกอีกว่าการปิด-เปิดเครื่องของสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ จะช่วยให้เครื่องทำงานไหลลื่นขึ้น เพราะมันจะเคลียร์ไฟล์ขยะต่าง ๆ ที่ตกค้างภายในนั่นเอง



    ถ้าแบตเตอรี่ไม่หมด ห้ามชาร์จเด็ดขาด

    เตรียมโบกมือลาแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณได้เลย ถ้ายังปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับแล้วค่อยชาร์จ โดยสิ่งที่ควรทำคือเสียบสายชาร์จทันทีที่แบตเตอรี่ใกล้หมด อย่าปล่อยให้เครื่องดับเด็ดขาด เพราะตามรายงานของเว็บไซต์ Gizmodo เผยว่าแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสมาร์โฟนเป็นแบบลิเธียมไอออน ที่มีจำนวนรอบการใช้งานมาก แต่ก็จำกัดเช่นกัน หากปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้จำนวนรอบของแบตเตอรี่ลดลงตามไปด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุให้แบตเตอรี่เสื่อมไว

    เป็นอย่างไรบ้างกับข้อมูลเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่เรานำมาฝากกัน เชื่อเหลือเกินว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายรายไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่าลองเอาไปประยุกต์ใช้ได้เลยครับ ถ้าเห็นผลว่าดี จะแนะนำเพื่อน ๆ ต่อก็ไม่ว่ากัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mt1.png
      mt1.png
      ขนาดไฟล์:
      237.5 KB
      เปิดดู:
      44
    • mt2.png
      mt2.png
      ขนาดไฟล์:
      313.6 KB
      เปิดดู:
      38
    • mt3.png
      mt3.png
      ขนาดไฟล์:
      595.2 KB
      เปิดดู:
      46
    • mt4.png
      mt4.png
      ขนาดไฟล์:
      183.8 KB
      เปิดดู:
      57
    • mt5.png
      mt5.png
      ขนาดไฟล์:
      125.2 KB
      เปิดดู:
      39
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำประกันฯอะไร อย่างไรแล้วเอาไปหักภาษีได้

    -http://money.sanook.com/236009/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AF%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89/-

    การลงทุนระยะยาว หรือ การออมระยะยาวเป็นแนวทางที่รัฐบาลส่งเสริมมาโดยตลอด เพราะนอกจากเป็นหลักประกันให้กับผู้ออมในอนาคตแล้ว การมีปริมาณเงินออมในระบบมาก ทำให้ระบบโดยรวมของประเทศมีฐานเงินออมซึ่งสำคัญต่อการลงทุนของระบบเศรษฐกิจ ไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่งมีภาระนอกจากดอกเบี้ยแล้วยังมีต้นทุนของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    และสำหรับการส่งเสริมการออม มาตรการสำคัญที่นำมาสนับสนุนหรือสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ออมก็คือมาตรการทางภาษี สำหรับรูปแบบการออม ที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสามารถนำเงินส่งหรือลงทุนเพื่อการออม มาใช้หักลดหย่อนภาษีในการคำนวณภาษีประจำปี นอกจากการลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF แล้ว ยังมี การลงทุนในประกันภัย บางประเภทสามารถนำมาหักลดหย่อนได้อีกด้วย

    แล้วรู้หรือไม่ มีประกันภัยแบบใดบ้างที่ได้ลดหย่อนภาษี วันนี้ เราจะมาแนะนำประกันภัยที่นำมาหักลดหย่อนภาษีได้คือ

    1ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตัวผู้มีเงินได้ ซึ่งในส่วนนี้ ผู้ออมนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และมีเงื่อนไข คือ
    ต้องเป็น กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
    ค่าเบี้ยประกันชีวิตนี้ ต้องไม่รวมค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ
    และ กรณีเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีผลประโยชน์ตอบแทนคืน ผลประโยชน์ตอบแทนคืนนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม
    ทั้งนี้ การทำประกันชีวิต ต้องเป็นของบริษัทประกันที่ประกอบกิจการในประเทศเท่านั้น

    2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท และมีเงื่อนไขดังนี้

    ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา
    บิดา มารดา มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
    ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดาต้องอยู่ในประเทศไทย
    และ กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดาตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท

    3. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญของตัวผู้มีเงินได้เอง สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15ของเงินได้และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
    และเมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้

    ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
    ผู้มีเงินได้ต้องได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น ทั้งนี้ ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
    ผู้มีเงินได้ได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอขณะมีชีวิตอยู่
    และ บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ll1.png
      ll1.png
      ขนาดไฟล์:
      82.3 KB
      เปิดดู:
      37
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เปิดช่องทางใหม่ แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านไลน์ patrolcop0191

    -http://hilight.kapook.com/view/113322-



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191

    เปิดตัวโครงการ You'll never walk alone เพิ่มช่องทางให้ประชาชนแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย ผ่านไลน์ patrolcop0191 ได้ นอกเหนือจากโทร 191 ที่อาจติดต่อยาก

    เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ต่อไปนี้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านทางระบบ Line ได้แล้ว ที่ ID : patrolcop0191 นอกเหนือจากการโทรแจ้งสายตรง 191 ที่อาจโทรติดยาก

    โดยโครงการดังกล่าวใช้ชื่อว่า You'll Never Walk Alone เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาใบ้บริการตำรวจ ซึ่งการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทางระบบไลน์นี้ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ไม่มีความผิดพลาดจากการจด


    [​IMG]

    เปิดช่องทางใหม่ แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านไลน์ patrolcop0191
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • line.png
      line.png
      ขนาดไฟล์:
      456.7 KB
      เปิดดู:
      191
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส.ค.ส.จากในหลวง อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นสิริมงคลคนไทยทุกคน

    -http://news.mthai.com/general-news/407876.html-


    ส.ค.ส. พระราชทาน เป็นบัตรส่งความสุขซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงประดิษฐ์ขึ้นด้วยพระองค์เอง เพื่อพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

    รูปแบบและการจัดทำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะพระราชทานพรปีใหม่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์ทุกสถานี นอกจากนี้ ยังทรงปลีกเวลาจากพระราชกรณียกิจมาปรุแถบโทรพิมพ์ (เทเล็กซ์) พระราชทานพรปีใหม่แก่เจ้าหน้าที่ผู้ถวายงานโดยทรงใช้รหัสแทนพระองค์ว่า “กส. 9″ เช่นเดียวกับที่ทรงใช้ติดต่อทางวิทยุสื่อสาร ดังที่ทรงระบุท้ายโทรพิมพ์ว่า “กส. 9 ปรุ” ส.ค.ส. พระราชทานที่เป็นโทรพิมพ์เหล่านี้เริ่มเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อปี 2530


    เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น จึงทรงเริ่มต้นประดิษฐ์ ส.ค.ส. พระราชทานด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์เมื่อปี 2531[1] โดยทรงพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ขาวดำ และโปรดให้โทรสาร (แฟกซ์) ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ข้อความใน ส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปีจะประมวลขึ้นจากเหตุการณ์บ้านเมือง เพื่อสะท้อนปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ประเทศไทยต้องประสบในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ในภายหลัง หนังสือพิมพ์รายวันจึงนิยมนำ ส.ค.ส. พระราชทาน ลงตีพิมพ์ในฉบับเช้าวันที่ 1 มกราคม

    แต่ทรงใช้คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ ส.ค.ส. พระราชทาน ทรงเปลี่ยนแปลงคำลงท้ายของ ส.ค.ส. พระราชทาน เป็น “ก.ส. 9 ปรุง” เนื่องจากทรงเปลี่ยนจากการ “ปรุ” ด้วยโทรพิมพ์ เป็นการ “ปรุง” ด้วยคอมพิวเตอร์ ถัดจากนั้น จะทรงระบุวันและเวลาที่ทรงประดิษฐ์ขึ้น เป็นรูปแบบเฉพาะ

    วันพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะพระราชทาน ส.ค.ส. ในวันสิ้นปี (31 ธันวาคม) ของทุกปี แต่มิได้พระราชทานสำหรับปี 2548 เพราะเกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย

    วันนี้ทาง MThai.com จึงได้รวบรวมภาพ ส.ค.ส.พระราชทาน ในทุก ๆ ปี ที่ในหลวงได้พระราชทานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน


    **ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2548 มิได้พระราชทาน ส.ค.ส. เพราะเกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย**



    ขอบคุณข้อมูลจากจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ภาพจาก ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2530.png
      2530.png
      ขนาดไฟล์:
      129.7 KB
      เปิดดู:
      18
    • 2531.png
      2531.png
      ขนาดไฟล์:
      273.4 KB
      เปิดดู:
      16
    • 2532.png
      2532.png
      ขนาดไฟล์:
      321.3 KB
      เปิดดู:
      18
    • 2533.png
      2533.png
      ขนาดไฟล์:
      364.9 KB
      เปิดดู:
      19
    • 2534.png
      2534.png
      ขนาดไฟล์:
      119.6 KB
      เปิดดู:
      21
    • 2535.png
      2535.png
      ขนาดไฟล์:
      419 KB
      เปิดดู:
      30
    • 2536.png
      2536.png
      ขนาดไฟล์:
      366.4 KB
      เปิดดู:
      25
    • 2537.png
      2537.png
      ขนาดไฟล์:
      170.8 KB
      เปิดดู:
      16
    • 2538.png
      2538.png
      ขนาดไฟล์:
      117.5 KB
      เปิดดู:
      21
    • 2539.png
      2539.png
      ขนาดไฟล์:
      125 KB
      เปิดดู:
      15
    • 2540.png
      2540.png
      ขนาดไฟล์:
      86.6 KB
      เปิดดู:
      30
    • 2541.png
      2541.png
      ขนาดไฟล์:
      174.6 KB
      เปิดดู:
      23
    • 2542.png
      2542.png
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      22
    • 2543.png
      2543.png
      ขนาดไฟล์:
      531.4 KB
      เปิดดู:
      20
    • 2544.png
      2544.png
      ขนาดไฟล์:
      796 KB
      เปิดดู:
      30
    • 2545.png
      2545.png
      ขนาดไฟล์:
      879.1 KB
      เปิดดู:
      21
    • 2546.png
      2546.png
      ขนาดไฟล์:
      169.3 KB
      เปิดดู:
      19
    • 2547.png
      2547.png
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      18
    • 2549.png
      2549.png
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      19
    • 2550.png
      2550.png
      ขนาดไฟล์:
      7.7 MB
      เปิดดู:
      31
    • 2551.png
      2551.png
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      16
    • 2552.png
      2552.png
      ขนาดไฟล์:
      228.4 KB
      เปิดดู:
      24
    • 2553.png
      2553.png
      ขนาดไฟล์:
      847.7 KB
      เปิดดู:
      17
    • 2554.png
      2554.png
      ขนาดไฟล์:
      7.9 MB
      เปิดดู:
      19
    • 2555.png
      2555.png
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      21
    • 2556.png
      2556.png
      ขนาดไฟล์:
      7.6 MB
      เปิดดู:
      19
    • 2557.png
      2557.png
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      26
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องชวนหัวในยุคราชวงศ์จีน ตอน ผู้รู้ใจ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000140253-

    มีอาจารย์พิณ (ฉิน; 琴) ผู้หนึ่ง เนื่องจากไม่มีอันจะกิน เลยแบกพิณมานั่งเล่นอยู่ริมถนนเพื่อขอทาน ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเมื่อเห็นเครื่องดนตรีสวยงาม บ้างก็นึกว่าอาจารย์พิณกำลังเล่นเครื่องสายจำพวกผีผา (เครื่องดนตรีจีนชนิดหนึ่ง) ซึ่งเน้นความคึกคักสนุกสนาน จึงล้อมวงกันเข้ามารับฟัง
    สักพักหนึ่งเมื่ออาจารย์พิณบรรเลงแต่เพลงชั้นสูง ที่มีท่วงทำนองเนิบช้าน่าเบื่อหน่าย ชาวบ้านจึงค่อยๆ ทยอยกันแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง อีกทั้งไม่มีใครทิ้งสตางค์ลงชามเลยแม้แต่อีแปะเดียว
    ขณะที่อาจารย์พิณทอดถอนหายใจ ใช้สายตาส่งผู้ฟังเดินจากไปทีละคน ทีละคนอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นผู้คนหนึ่งที่ยืนกอดอกสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง อาจารย์พิณจึงเอ่ยปากขึ้นด้วยภาคภูมิใจว่า “ถือเป็นเรื่องยากยิ่งนักในการหา ‘ผู้รู้ใจ’ เช่นท่าน ที่สามารถเข้าถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าพยายามถ่ายทอดผ่านเสียงพิณ ไม่เสียทีที่ข้าอุตสาหะมานั่งดีดพิณอยู่ริมถนน”
    ชายคนดังกล่าวเมื่อได้ยินก็ทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินยิ้มเข้าไปกล่าวกับอาจารย์พิณว่า “นายท่านอย่าตีความหรือเข้าใจอะไรไปเองเลย หากพิณของท่านไม่ได้วางบนตั่งที่ข้าลืมทิ้งเอาไว้เมื่อเช้า ข้าอาจจะเดินหนีไปตั้งนานแล้วก็ได้”

    เรียบเรียงจาก 《笑得好》โดย สือเฉิงจิน (石成金), ราชวงศ์ชิง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ch001.png
      ch001.png
      ขนาดไฟล์:
      512 KB
      เปิดดู:
      16
    • ch002.png
      ch002.png
      ขนาดไฟล์:
      619.9 KB
      เปิดดู:
      16
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    8 ข้อเตือนภัยก่อนใช้ INTERNET BANKING

    -http://guru.sanook.com/9709/8-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-INTERNET-BANKING/-


    ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้คนเราต่างต้องใช้อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งต่างคิดค้นบริการทางอินเตอร์เน็ตหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้บริการลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น สามารถทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน แถมยังได้รับบริการที่รวดเร็วทันใจเพียงแค่คลิกเท่านั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อทำธุรกรรมการเงินต่างๆ เมื่อมีข้อดีมากมาย ก็มีข้อควรระวังในเรื่องของความปลอดภัย ที่แม้ว่าธนาคารจะมีระบบป้องกันความปลอดภัยให้กับลูกค้าเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีเหล่ามิจฉาชีพที่พยายามหาช่องโหว่ด้วยวิธีการต่างๆ ล่อล่วงเอา ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้ในทางมิชอบ ซึ่งผู้ใช้บริการเองก็ต้องรู้เท่าทัน เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

    1. ผู้สมัครใช้บริการทางการเงินผ่านทางอินเตอร์เน็ต ต้องเก็บรักษารหัสชื่อผู้ใช้บริการ (User ID) รหัสผ่าน (Password) และรหัสรักษาความปลอดภัย (Security Password) เป็นความลับ

    2. หมั่นเปลี่ยนรหัส ผ่านอยู่เสมอ และไม่ควรใช้รหัสผ่านที่บุคคลอื่นคาดเดาได้ง่าย

    3. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เช่น รหัสชื่อผู้ใช้บริการ (User ID) รหัสผ่าน (Password) รหัสเอทีเอ็ม (ATM PIN) รหัสบัตรเครดิต หมายเลขบัญชี หมายเลขบัตร หรือข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางอีเมล์ใดๆ

    4. อย่าตอบกลับอีเมล์ที่ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ มาให้ปรับปรุงข้อมูลหรือยืนยันความถูกต้อง

    5. หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ (link) ที่แนบมากับอีเมล์ที่ไม่ทราบชื่อผู้ ส่ง หรืออีเมล์ที่ขอข้อมูลส่วนบุคคล เพราะอาจมีโปรแกรมสอดแนม (Spyware) แนบมากับลิงค์เหล่านั้นเพื่อโจรกรรมข้อมูล

    6. คลิก ออกจากระบบ (Log out) เมื่อเลิกใช้อีเมล์หรือทำรายการทางการเงินต่างๆ แต่ละครั้งเรียบร้อยแล้ว

    7. ตรวจสอบความถูกต้องของรายการธุรกรรม และยอดเงินในบัญชีของตนเองอย่าง สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันรายการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

    8. หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้อื่น เช่น ในร้านอินเตอร์เน็ต เพราะอาจไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดีพอ


    ที่มาข้อมูลและภาพ -xn--r3ckmn7exc7b.com-


    [​IMG]

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตัวอย่างบริษัท ที่ไม่ควรทำงานด้วย

    ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    คอลัมน์ เอชอาร์ คอร์เนอร์ โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ -http://tamrongsakk.blogspot.com-

    -http://campus.sanook.com/1375685/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2/-


    ผมเพิ่งไปบรรยายหลักสูตร Public Training ให้กับบริษัทจัดฝึกอบรมแห่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ และมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประสานงานฝึกอบรมของบริษัท เธอเล่าให้ฟังว่า...เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจบปริญญาตรีมาหมาด ๆ และได้ไปทำงานกับบริษัทที่ทำธุรกิจเครื่องหนังส่งออกมียี่ห้อแห่งหนึ่งแถว ๆ สุขุมวิท ซึ่งทำได้ประมาณเดือนครึ่งก็ตัดสินใจลาออก

    "ทำไมถึงลาออกเร็วนักล่ะ ?" ผมถามด้วยความอยากรู้

    เธอจึงเล่าให้ฟังว่าสาเหตุที่ลาออก เพราะบริษัทดังกล่าวมีการปฏิบัติต่อพนักงานใหม่อย่างเธอ ดังนี้

    1.บริษัทรับเข้าทำงานตำแหน่งพนักงานประจำสำนักงานดูแลงานธุรการทั่วไปในสำนักงาน แต่บริษัทมีเงื่อนไขว่าจะต้องหักเงินค้ำประกันความเสียหายในการทำงาน 3,000 บาท โดยหักจากเงินเดือนในเดือนแรกเต็มจำนวน

    2.เธอเซ็นสัญญาจ้างใน ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการสำนักงานกับบริษัท เวลาทำงาน 08.00-17.00 น. เมื่อเธอขอสำเนาสัญญาจ้าง ฝ่ายบุคคลปฏิเสธไม่ยอมให้สัญญาจ้าง และบอกว่าสัญญาจ้างเป็นความลับต้องเก็บไว้ที่บริษัท

    3.เมื่อทำงานไปประมาณเกือบเดือน ผู้บริหารก็สั่งให้เธอไปออกงานอีเวนต์ขายกระเป๋า, เครื่องหนังของบริษัทที่ศูนย์แสดงสินค้าชื่อดังแถว ๆ แจ้งวัฒนะ ซึ่งไกลจากที่ทำงาน (แถวสุขุมวิท) แถมไปขายเกินเวลาจนถึงประมาณสี่ทุ่มโดยบริษัทไม่ได้มีการจ่ายค่าล่วงเวลา และบอกว่าเป็นงานที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำ


    ถ้าไม่ทำจะถือว่าขัดคำ สั่งของบริษัท สรุปคือให้ไปขายสินค้าให้กับบริษัท 5 วันไม่ได้โอทีเลยแม้แต่วันเดียว แถมไม่มีค่าพาหนะเดินทางอะไรให้เลย

    4.หลังจากขายของครบ 5 วันแล้วไม่ได้โอที เธอจึงตัดสินใจลาออก ซึ่งก็เขียนใบลาออกส่งให้กับหัวหน้า แต่หัวหน้าบอกว่าไม่อนุมัติการลาออก โดยอ้างว่าตามระเบียบของบริษัทจะต้องให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติเสีย ก่อนถึงจะลาออกได้ ดังนั้น ถ้าเธอจะลาออกบริษัทจะยึดเงินค้ำประกันการทำงาน 3,000 บาท เพราะถือว่าทำให้บริษัทเสียหายหาคนมาแทนไม่ทัน

    เป็นไงบ้างครับ เรื่องจริงจากชีวิตจริงของคนทำงานที่เพิ่งจบใหม่ ??

    แต่น้องคนนี้แกก็ตัดสินใจลาออก โดยยอมให้บริษัทยึดเงินค้ำประกัน 3,000 บาท นะครับ เพราะเชื่อที่บริษัทบอกว่าบริษัทมีสิทธิ์หักได้ แต่แกถามผมว่า...ที่จริงแล้วบริษัทมีสิทธิ์จะยึดเงินค้ำประกันไว้ตามระเบียบ ที่บริษัทกล่าวอ้างหรือไม่ ?

    จากเรื่องจริงที่ผมเล่ามานี้เป็น อุทาหรณ์ที่ผมอยากจะนำมาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ (รวมถึงบอกให้น้องคนนี้ได้ทราบ) สิ่งที่ถูกต้องดังนี้ครับ

    1.บริษัทไม่มีสิทธิ์ที่จะหักเงินค้ำประกันการทำงานตั้งแต่แรกแล้วนะครับ เพราะตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) ปี 2551 ระบุไว้ในมาตรา 10 ระบุไว้ชัดเจนว่า "....ห้ามมิให้นายจ้างเรียก หรือรับหลักประกันการทำงาน หรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานไม่ว่าจะเป็นเงิน ทรัพย์สินอื่น หรือการค้ำประกันด้วยบุคคลจากลูกจ้าง เว้นแต่ลักษณะ หรือสภาพงานที่ทำนั้น ลูกจ้างต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินหรือทรัพย์สินของนายจ้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างได้...."

    จะเห็นได้ว่ากรณีของน้องคนนี้เธอไม่ได้ทำงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ หรือทรัพย์สินของบริษัทอะไรเลย

    ดังนั้น ถ้าท่านไปสมัครงาน และบริษัทนั้นเรียกเงินค้ำประกัน (หรือแม้แต่จะให้หาคนมาค้ำประกัน) ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเงิน หรือทรัพย์สินของนายจ้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ ผมว่าท่านควรคิดดูให้ดี ๆ ว่าเราควรจะทำงานกับบริษัทที่ส่อเจตนาทำผิดกฎหมายแรงงาน และเอาเปรียบพนักงาน ตั้งแต่แรกแบบนี้หรือไม่

    2.สัญญาจ้างงานไม่ใช่ ความลับตามที่ฝ่ายบุคคล (ซึ่งผมมั่นใจว่าต้องไม่ใช่ฝ่ายบุคคลมืออาชีพอย่างแน่นอน เพราะคนที่เป็นมืออาชีพ HR จะต้องไม่พูดอย่างนี้) กล่าวอ้าง ซึ่งหากเป็นมืออาชีพควรจะให้สำเนาสัญญาจ้างกับพนักงานใหม่ด้วย เพื่อยืนยันเงื่อนไขสภาพการจ้างอย่างโปร่งใสชัดเจน ซึ่งผมไม่เห็นว่าการให้สำเนาสัญญาจ้างกับพนักงานใหม่จะเป็นเรื่องลับอะไรเลย

    3.การที่บริษัทสั่งให้ไปทำงานออกอีเวนต์ จนเลยเวลาทำงานปกติแล้วไม่ให้ค่าล่วงเวลาก็ผิดกฎหมายแรงงานอีกด้วย แถมยังมาอ้างว่าถ้าไม่ไปทำจะถือว่าขัดคำสั่งบริษัท กรณีนี้หากไม่ไปทำงานออกอีเวนต์ก็ไม่ถือว่าขัดคำสั่งนายจ้างนะครับ เพราะงานของน้องคนนี้เป็นงานธุรการทั่วไปไม่มีหน้าที่ไปออกอีเวนต์ขายของ ซึ่งเป็นงานของฝ่ายขายครับ

    ผมถึงบอกว่าคนที่ทำฝ่ายบุคคลบริษัทแห่ง นี้คงเป็นใครสักคนที่บริษัทเป็นคนอุปโลกน์ให้ว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลแบบ กลวง ๆ ที่ไม่ใช่มืออาชีพ ซึ่งคนพวกนี้แหละครับที่ทำให้พนักงานอื่น ๆ มองคนที่ทำงานฝ่ายบุคคลในแง่เสียหาย

    มองว่า HR เป็นพวกที่ชอบเอาเปรียบพนักงาน พวกบ้าอำนาจ ฯลฯ

    ซึ่งผมว่าท่านที่เป็น HR มืออาชีพควรจะต้องนำกรณีที่ผมเล่ามานี้เพื่อเตือนใจตัวเองไม่ให้มีพฤติกรรมทำนองนี้ด้วยนะครับ

    4.ผมเคยพูดไว้หลายครั้งแล้วว่า "การลาออกเป็นสิทธิ์ของลูกจ้าง" เมื่อพนักงานยื่นใบลาออก และระบุว่าการลาออกจะมีผลตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ การลาออกจะมีผลตามวันที่ระบุไว้ โดยไม่ต้องรอว่านายจ้างจะอนุมัติหรือไม่ (แต่การเป็นพนักงานที่ดีก็ควรทำตามระเบียบบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ก็จะให้ยื่น ล่วงหน้า 30 วัน)

    แต่กรณีบริษัทที่มีพฤติกรรมแบบนี้ที่มาอ้างว่าการ ลาออกต้องทำตามระเบียบคือให้ผู้บริหารอนุมัติเสียก่อนถึงจะลาออกได้ อ้างแบบนี้ก็ผิดแล้วล่ะครับ แถมมายึดเงินค้ำประกันไว้ 3,000 บาทไม่ยอมจ่ายคืนเสียอีก

    ทั้ง ๆ ที่พนักงานก็ไม่ได้ทำอะไรให้บริษัทเสียหายเลย

    ผมบอกน้องคนนี้ไปว่าถ้าไปร้องเรียนกับแรงงานเขตพื้นที่หรือไปฟ้องศาลแรงงานล่ะ ได้คืนแน่ ๆ แถมยังจะได้ดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดชำระอีกร้อยละสิบห้าต่อปีต่างหาก แต่น้องเขาก็บอกว่าไม่อยากเสียเวลาไปศาล ก็เลยปล่อยให้บริษัทขี้โกงรายนี้เอาเปรียบลูกจ้างหน้าใหม่รายอื่นอีกต่อไป

    ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ เพื่ออยากจะฝากข้อเตือนใจถึง HR มืออาชีพทุกท่านได้ทราบไว้เป็นข้อคิด และเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นจะต้องให้ความรู้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัททราบด้วยว่าการ กระทำอะไรบ้างที่ผิดกฎหมายแรงงานเป็นการเอาเปรียบพนักงาน

    อะไรถูกอะไรผิด อะไรทำได้หรือไม่ควรทำ ฯลฯ

    เพราะหากทำไปแล้ว จะทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกในทางลบกับบริษัท หรือจะเกิดปัญหากับบริษัทในอนาคต ซึ่งการเป็น HR มืออาชีพจำเป็นจะต้องกล้าพูดความจริง และทำในสิ่งที่ถูกต้องครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โบนัส

    -http://money.sanook.com/243233/%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%AA/-


    สวัสดีค่า บทความนี้เป็นบทความสุดท้ายที่นานิจะเขียนในฐานะแบรนแอมบาสเดอร์ของโครงการ Your First Click แล้วนะค้า และบทความส่งท้ายนี้นานิจะเขียนถึงสิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอมาหลายเดือนแล้วนั่นก็คือ… โบนัสค่า ^^


    คนส่วนใหญ่คงมีแผนกันไว้แล้วหล่ะ ว่าจะเอาโบนัสไปซื้ออะไรบ้าง กระเป๋าใหม่ ชุดเก๋ หรือทริปเที่ยวต่างประเทศ มีเผื่อใจไว้เรื่องลงทุนกันรึยังคะ? 555 อาจจะเผลอๆลืมกันไป แต่นั่นแหละ บทความนี้จะดึงคุณกลับมา สำหรับตัวนานิเองเข้าใจดีว่าการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น อย่าว่าแต่ลงทุนเลย แค่จะเก็บออมได้ในแต่ละเดือนนั้นมันก็ยากลำบากมากแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายสมัยนี้มันสูงขึ้นเยอะจริงๆ ดังนั้นใครที่เงินเดือนสองหมื่นนี่ เก็บได้สองสามพันก็ถือว่าเก่งพอตัวทีเดียว เพราะฉะนั้น โบนัสนี่แหละคือโอกาสทองในการเก็บออมหรือลงทุน เพราะมันเป็นอะไรที่นอกเหนือจากเงินเดือนปกติ

    แน่นอนว่าถ้าให้เก็บหมด ชีวิตก็อับเฉาพอดี แต่ถ้าอยากจะเฮได้ในระยะยาวนั้น นานิแนะนำให้มาเจอกันตรงกลางค่ะ คือแบ่งครึ่งๆ โบนัสครึ่งนึงเอาไปใช้ซะให้เต็มที่ อีกครึ่งนึงเอามาลงกองทุนซะจะได้ช่วยหักภาษีด้วย เท่ากับได้สองต่อเลยหรือถ้าแม่นเรื่องลงทุนแล้วก็เอามาออมในหุ้นกันค่ะ อยากจะบอกว่า ทำแบบเนี้ยไปทุกปี อีกหลายปีข้างหน้านี่เผลอๆ เงิน passive income จากเงินโบนัสที่เราเอาไปลงทุนเหล่านี้นี่อาจจะพอส่งเราเที่ยวได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งโบนัสใหม่อีกต่อไปด้วยซ้ำ ^_^

    เท่าที่พบมามนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายคือ อยากมีเงินล้านให้ได้ก่อนอายุ 30 หลายคนมองว่าง่ายๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มองเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันนี้บอกเลยว่า ทุกคนทำได้ค่ะ ไม่ยากถ้าตั้งใจ นานิคำนวณมาให้เรียบร้อยละ ส่วนใหญ่เราเรียนจบกันตอนอายุ 21 ปี ดังนั้นแต่ละคนจะมีเวลา 9 ปีในการปั้นเงินล้านขึ้นมาจากอากาศ บางคนก็อาจจะบอกว่า โอเค งั้นต้องเก็บเงินปีละ 111,111 บาท มันถึงจะได้ ซึ่งถ้าตั้งใจทำงานและหารายได้พิเศษเสาร์อาทิตย์เนี่ย ก็ไหวค่ะ แต่อย่าลืมว่า เรายังสามารถใช้การลงทุนมาเป็นเครื่องทุ่นแรงได้ด้วย

    ดังนั้น สบายขึ้นมาอีกนิสนึงก็คือ “เก็บเงินเดือนละ 3,500 บาทและเก็บโบนัสปีละ 35,000 บาทค่ะ แล้วนำไปซื้อกองทุนทุกเดือนๆไป” กองทุนหุ้นน่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปีค่ะ และถ้าใครยังเก็บเงินไม่ได้เดือนละ 3,500 ก็มีสองวิธีคือ ใช้วันเสาร์อาทิตย์เป็นการหารายได้พิเศษ หรือไม่งั้นก็ต้องไปออมเพิ่มหนักๆเอาปีหลังๆ (แต่นานิว่าวิธีแรกดีกว่านะคะ ^^ ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก ใครเก่งภาษาก็นี่เลย นานิแนะนำให้รับแปลเอกสาร หน้าละประมาณ 250 บาท ทำวันเสาร์ 2 หน้า อาทิตย์อีก 2 หน้า ก็ได้เพิ่มมาละสัปดาห์ละ 1,000 บาทแหน่ะ!)

    ทีนี้นานิอยากมาเน้นย้ำอีกทีเรื่องโบนัสนะคะ ถ้าเราเก็บและลงทุนเดือนละ 3,500 บาทอย่างเดียว แต่ไม่เหลือโบนัสมาโปะเพิ่มตอนปลายปี ตอนอายุ 30 เราจะมีแค่ประมาณ 550,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าเอาโบนัสมาใส่ทุกปี ปีละ 35,000 บาทเนี่ย ก็จะได้เพิ่มมาอีกประมาณ 440,000 บาท! รวมแล้ว 30 ปี ก็มี 990,000 บาท (555 ยังไม่ถึงล้าน เอาเป็นว่าอายุ 30 ปีกะอีกสามเดือนละกันน้า ^_^) เห็นมั้ยคะ โบนัสนี่แหละโอกาสทองในการออมเลยทีเดียว

    สุดท้ายนี้นานิก็หวังว่าเพื่อนๆจะเริ่มตั้งเป้าหมายของปีหน้ากันไว้แล้วนะค้าว่าอยากทำอะไรบ้าง นานิก็ขออวยพรให้ทำได้สำเร็จตามเป้าหมายกันทุกๆคนนะคะ สุขสันต์วันปีใหม่ และขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ ^_^

    ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร - ผู้เริ่มต้นคลิกแรกผ่าน Click2Win

    สนับสนุนข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย



    [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w003.png
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      310
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้พระวังหน้า....เป็นศิริมงคลรับปีใหม่ฟ้าใหม่ทำสิ่งใดยิ่งเจริญยิ่งรุ่งโรจน์.


    -https://th-th.facebook.com/PresidentSilpakornUniversity.ChaicharnThavaravej/posts/735466789868472-



    National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

    กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

    ขอเชิญกราบสักการะพระพุทธรูปมงคลโบราณ

    “สักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน”

    ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

    วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม 2557 – วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2558 เวลา 9.00 – 16.00 น.

    ติดต่อสอบถาม โทร. 02 224 1402, 02 224 1333

    *งดกิจกรรมไหว้พระ 9.00- 12.00 น. วันพุธที่ 7 มกราคม 2558 เนื่องจากมีพิธีทางศาสนาในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว*
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w2558-1.png
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      18
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    ไปกราบพระที่วังหน้า , วังหลวง และศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ มาครับ


    คนของวังหน้า ต้องไปกราบพระที่วังหน้าครับ




    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1w001.JPG
      1w001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.6 KB
      เปิดดู:
      18
    • 1w002.png
      1w002.png
      ขนาดไฟล์:
      96.1 KB
      เปิดดู:
      18
    • 1w003.png
      1w003.png
      ขนาดไฟล์:
      57.6 KB
      เปิดดู:
      16
    • 1w005.png
      1w005.png
      ขนาดไฟล์:
      129 KB
      เปิดดู:
      13
    • 1w006.png
      1w006.png
      ขนาดไฟล์:
      156.1 KB
      เปิดดู:
      26
    • 1w007.png
      1w007.png
      ขนาดไฟล์:
      191.7 KB
      เปิดดู:
      18
    • 1w008.png
      1w008.png
      ขนาดไฟล์:
      137.8 KB
      เปิดดู:
      16
    • 1w009.png
      1w009.png
      ขนาดไฟล์:
      177.3 KB
      เปิดดู:
      16
    • 1w010.png
      1w010.png
      ขนาดไฟล์:
      114.7 KB
      เปิดดู:
      15
    • 1w011.png
      1w011.png
      ขนาดไฟล์:
      454.7 KB
      เปิดดู:
      17
    • 1w012.JPG
      1w012.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.9 KB
      เปิดดู:
      17
    • 1w013.JPG
      1w013.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169.4 KB
      เปิดดู:
      14
    • 1w014.png
      1w014.png
      ขนาดไฟล์:
      475.7 KB
      เปิดดู:
      20
    • 1w027.jpg
      1w027.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.6 KB
      เปิดดู:
      15
    • 1w028.png
      1w028.png
      ขนาดไฟล์:
      220.9 KB
      เปิดดู:
      24
    • 1w029.png
      1w029.png
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      15
    • 1w033.png
      1w033.png
      ขนาดไฟล์:
      648.2 KB
      เปิดดู:
      17
    • 1w034.jpg
      1w034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.9 KB
      เปิดดู:
      14

แชร์หน้านี้

Loading...