พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ผังเมือง กทม.ซัดกลุ่มทุนรุกฟลัดเวย์ ขวางทางน้ำ



    [​IMG]




    ซัดกลุ่มทุนรุกฟลัดเวย์ ผังเมืองห้ามผุดหมู่บ้าน (ไทยโพสต์)
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย

    ผอ.สำนัก ผังเมือง กทม.ซัดกลุ่มทุนรุกฟลัดเวย์ ยันผังเมืองรวมฉบับล่าสุดห้ามผุดหมู่บ้านจัดสรร แต่มีสนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสาหกรรม ถนนบางนา-ตราด มอเตอร์เวย์ โผล่ขวางทางน้ำ เชื่อหลังจากนี้ไม่มีใครกล้ามาล็อบบี้ให้ปรับผังเมือง ขณะที่นักวิชาการจ่อฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายรัฐบาลมั่วทำน้ำท่วมเร็ว ๆ นี้ "หนูไม่รู้" ครวญ เห็นใจหน่อยค่ะ

    ม.ร.ว.เปรมศิริ เกษมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม. กล่าวถึงกรณีการทำฟลัดเวย์ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า กทม.ได้ออกข้อบัญญัติ กทม.ตั้งแต่ปี 2525 กำหนดให้พื้นที่นอกแนวกั้นน้ำบริเวณ กทม.ฝั่งตะวันออก เขตมีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง และคลองสามวา ขนาด 72 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่รับน้ำของกรุงเทพฯ ก่อนระบายออกสู่ทะเล จากนั้นได้กำหนดผังเมืองรวม กทม. เป็นพื้นที่สีขาวทแยงสีเขียว คือปลูกสร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวเท่านั้น และห้ามทำหมู่บ้านจัดสรร โดยขณะนี้ผังเมืองรวม กทม.ฉบับล่าสุดประกาศใช้แต่ปี 2549 และสิ้นสุดในปี 2556 ยังเป็นหลักการเดิม

    ผอ.สำนักผังเมืองบอกว่า สาเหตุที่ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถรับน้ำได้ เนื่องจากน้ำมีปริมาณมาก อีกทั้งบริเวณโดยรอบพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนบางนา-ตราด ส่งผลให้เส้นทางระบายน้ำติดขัด และทำให้พื้นที่รับน้ำกลายเป็นพื้นที่หน่วงน้ำแทน

    ถามว่า สิ่งปลูกสร้างที่ขวางทางน้ำนั้นสร้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ม.ร.ว.เปรมศิริตอบว่า สิ่งก่อสร้างดังกล่าวมีการก่อสร้างก่อนที่ข้อบัญญัติ กทม.ปี 2525 ประกาศใช้ จึงสามารถก่อสร้างได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีภาพถ่ายทางอากาศยืนยันว่ามีโครงการหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นในพื้น ที่ฟลัดเวย์ แต่จะสร้างก่อนการประกาศใช้ข้อบัญญัติ กทม.ปี 2525 หรือไม่ ตนไม่ทราบเป็นเรื่องต้องตรวจสอบต่อไป

    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มนายทุนจัดสรรที่ดิน อาทิ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย มีที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก ต้องการล็อบบี้ให้รัฐบาลและ กทม.เปลี่ยนสีร่างผังเมืองรวมของ กทม. จากสีขาวทแยงเขียวเป็นสีเหลือง เพื่อสามารถก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรหรือพัฒนาพื้นที่ได้แทนให้เป็นพื้นที่รับ น้ำ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม.ยืนยันว่า กทม.ได้ทำตามข้อบัญญัติของ กทม. และไม่ได้มีการเปลี่ยนสีตามกระแสข่าวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุนั้นอาจเกิดขึ้นเพราะกลุ่มนายทุนแต่ก่อนคิดว่าไม่มีน้ำท่วมใหญ่ เหมือนที่เกิดขึ้นปัจจุบันนี้ จึงต้องการพัฒนาพื้นที่ แต่หลังจากนี้เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพฯ คงไม่มีใครล็อบบี้เปลี่ยนสีร่างผังเมืองรวมอีกแล้ว

    ขณะ ที่วิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาไทย อ้างความเห็นนายพาลากริสนัน ราชโคปาล ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผังเมือง จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) ว่า การเตรียมการรับมือพิบัติภัยทางธรรมชาติอาจจะยังไม่เพียงพอ หลายเมืองจำเป็นต้องตระหนักถึงลักษณะการเติบโตของเมือง และลักษณะเทคโนโลยีที่ใช้แก้ปัญหาพิบัติภัยไว้ล่วงหน้า รวมไปถึงมาตรการที่จะใช้ป้องกันเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมตั้งแต่จุดเริ่มต้นภาวะ วิกฤติ

    นอกจากนี้ ยังยกตัวอย่างปัญหาการก่อสร้างที่ใช้คอนกรีตจำนวนมากในกรุงเทพมหานครนั้นมี ส่วนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมมากกว่าระบบการระบายน้ำตามธรรมชาติ เมื่อระบบการเตรียมการและการวางแผนรับมือน้ำท่วมที่มีอยู่ไม่ได้ผล สิ่งที่คนไทยหลายคนจำเป็นต้องทำในขณะนี้ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นการทำใจและทนรอภาวนาให้ระดับน้ำลดลงให้เร็วที่สุดโดย เร็ว

    กรณีน้ำท่วมขังนั้นถูกมองว่าส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และมีการเตรียมฟ้องร้องในเร็วนี้

    รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ก่อนหน้านี้มีคนติดต่อเข้ามาว่าให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล โดยจะมีทนายความว่าความให้ฟรี ซึ่งในความเป็นจริงตนดูแลตัวเองได้ แต่เมื่อนึกถึงคนจนซึ่งไม่มีโอกาสเรียกร้องค่าเสียหายทางกฎหมายได้ ตนจึงตั้งใจที่จะฟ้องร้องเพื่อช่วยเหลือคนจน

    "ได้หารือกับทนายความแล้ว พบว่ามีอยู่ 2-3 ประเด็นที่เป็นรูปธรรมพอที่จะฟ้องร้องถึงความเสียหายว่ามีอะไรบ้าง ใครบ้างที่จะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะรวบรวมผู้ที่มีความรู้เพื่อร่างประเด็นนำไปเสนอว่ามีใครบ้างที่ได้รับ ความเสียหาย ก่อนที่จะยื่นฟ้องหน่วยงานต่าง ๆ อาจมีทั้งรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกรุงเทพมหานคร"


    นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมได้ออกแถลงการณ์เรื่อง หากประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเห็นว่าได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอันเนื่องมา จากคำสั่งและความผิดพลาดในการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้สั่งการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้นั้น ปรากฏว่ามีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายเป็นจำนวนมากติดต่อมายัง สมาคม พร้อมมอบอำนาจให้เป็นผู้แทนในการฟ้องร้องรัฐบาล ศปภ.และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ เพื่อเรียกค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนให้กับประชาชนที่ไม่พอใจในการแก้ไข เยียวยาของรัฐบาลที่มีมติจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเพียงครอบ ครัวละ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับทรัพย์สิน ร่างกายและจิตใจ รวมทั้งค่าเสียโอกาส และการขาดอุปการะต่าง ๆ เป็นจำนวนมากที่รัฐบาลไม่กล่าวถึงเลย

    นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ปัญหา ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นสมาคมจะได้ตั้งโต๊ะรวบรวมและนำไปฟ้องร้องต่อศาลต่อไปในเร็วๆ นี้ แต่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและที่ผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วมทั้งประเทศ รวมทั้งนักวิชาการผู้รู้และผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงทัศนะและเปิดเผย ข้อมูลข้อเท็จจริงในแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมพยานหลักฐาน สมาคมจึงได้กำหนดให้มีการจัดเวทีวิพากษ์ "น้ำท่วม 54 : เหตุสุดวิสัยหรือไร้ฝีมือ" ขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2554 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องเรนโบว์ ชั้น 5 โรงแรมอิมพีเรียลควีนปาร์ค ถนนสุขุมวิท 22 ซึ่งชุมชนใด ประชาชนท่านใดที่ประสงค์จะร่วมฟ้องในคดีดังกล่าว สามารถมาขอรับแบบฟอร์มใบมอบอำนาจยื่นฟ้องคดีและแบบฟอร์มบัญชีค่าเสียหายได้ บริเวณหน้างาน หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ ยินดีต้อนรับสู่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่า คงต้องขอดูรายละเอียดก่อน แต่วันนี้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ครั้งนี้เป็นภัยธรรมชาติ จะเห็นว่าทุกพื้นไม่มีใครต้านมหาอุทกภัยได้จริง ๆ เราก็ขอความเห็นใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องการกำลังใจในการต่อสู้กับน้ำ ขอให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ อันนี้จะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และเราจะได้เก็บข้อมูลข้อแนะนำต่าง ๆ ยินดีรับทุกข้อเสนอ บางส่วนเราแก้ได้ บางส่วนเราแก้ไม่ได้ เราก็เก็บไว้เพื่อกลับไปศึกษากับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยจะไปคุยกันว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะแก้อย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นอีก


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก-http://thaipost.net/news/111111/47957-
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64638-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0045592.jpg
      0045592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      450.1 KB
      เปิดดู:
      577
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    [​IMG]


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ดร.เสรี ชี้ระดับน้ำท่วมกรุงทรงตัว-บางเขตจมถึงปี 55


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
    ขอขอบคุณจาก Youtube.com โพสต์โดย thaitvnewstube

    ข่าว ดี! ดร.เสรี ระบุ กรุงเทพฯ น้ำจะไม่สูงกว่านี้ หากไหลไปตามระบบการระบายน้ำ แต่ข่าวร้ายเมืองหลวงบางเขตจะอยู่กับน้ำไปอีกนานถึงหลังปีใหม่

    เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า ระดับน้ำที่ท่วม กทม. ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันออกหรือตะวันตก หากเป็นไปตามแผนระบายน้ำ ระดับน้ำจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปอีกเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ไม่ว่าจะเป็น ถ.วิภาวดีรังสิต, ถ.พหลโยธิน หรือ ถ.ลาดพร้าว

    รศ.เสรี กล่าวต่อว่า เนื่อง จากทราบว่าล่าสุดบิ๊กแบ็กที่วางแนวคันกั้นอยู่ในบริเวณเขตดอนเมือง และ ถ.จันทรุเบกษา เพื่อชะลอน้ำ เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจเปิดช่องเพื่อให้น้ำไหลผ่าน เพื่อเป็นการลดระดับน้ำบริเวณด้านนอกแนวกั้นบิ๊กแบ็ก ตามที่ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกมาร้องขอให้เปิดเพื่อเป็นการลดระดับน้ำแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตัดสินใจเปิดบางช่วงแนวบิ๊กแบ็ก ทำให้ระดับน้ำด้านนอกจะเท่ากับด้านใน ช่วยลดความเสี่ยงหากแนวกั้นรับน้ำได้ ทำให้วันนี้จะต้องเฝ้าดูระดับน้ำที่จะไหลเพิ่มเข้ามาเข้ามาอีกในพื้นที่ ถ.วิภาวดีรังสิต ต่อเนื่องมาถึง ถ.พหลโยธิน และจะมีแนวรับสำคัญที่บริเวณคลองบางซื่อ ซึ่ง กทม.ได้เพิ่มเครื่องสูบน้ำแล้ว ทำให้เชื่อว่าจะสามารถรักษาระดับน้ำไม่ให้รุกคืบไปมากกว่านี้ได้

    รศ.เสรี กล่าวอีกว่า ตอนนี้ กทม.เริ่มสามารถควบคุมระดับน้ำไหลเข้ามาในพื้นที่ กทม.ได้ ทำให้ระดับน้ำทรงตัว เชื่อว่าไม่เพิ่มสูงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แล้วเร่งระบายออก ยืนยันว่าระดับน้ำที่ท่วมอยู่ในขณะนี้จะทรงตัวและไหลไปตามระบบระบายน้ำของ กทม. เพื่อลงแม่น้ำลำคลองในระดับนี้ไปอีกเวลาประมาณ 1 เดือน โดยในบางพื้นที่อาจถึงหลังปีใหม่





    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไทยโพสต์

    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/64388-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ถ.เสรีไทย บางชัน น้ำสูง - สี่แยกบ้านแขกท่วมแล้ว


    [​IMG]



    ถ.เสรีไทยบางชันน้ำสูง4แยกบ้านแขกท่วมแล้ว (ไอเอ็นเอ็น)

    ระดับ น้ำ ถ.เสรีไทย ท่วมสูงต่อเนื่อง ทุกโรงงาน ป้องเต็มที่ ขณะที่ ถนนเทศบาล สาย 2 ไปจนถึง ซ.อิสรภาพ 24 น้ำผุดท่อ สูง 15 - 20 เซนติเมตรน้ำไหลท่วมบ้านประชาชนแล้ว

    วันนี้ (11 พฤศจิกายน) สถานการณ์น้ำท่วมที่ นิคมคมอุตสาหกรรมบางชัน ล่าสุด พบว่า ถ.เสรี ไทย ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ ได้นำบิ๊กแบ็ก เสริมริมฟุตปาธ ป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วม รวมถึง ใช้เครื่องสูบน้ำ เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมด โดยข้อมูลในส่วนของโรงงานนั้น แบ่งเป็น 6 โซน 93 โรงงาน งบลงทุน 2 หมื่นล้าน ปิดไปแล้ว จำนวน 16 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตสินค้า อุปโภคและบริโภค โรงงานแต่ละแห่งตรึงเครื่องสูบน้ำเต็มที่ ป้องไม่ให้ท่วมตัวโรงงาน เพื่อปล่อยน้ำให้ไหลลง คลองบางชัน

    ด้าน สถานการณ์น้ำท่วมฝั่งธนบุรี ล่าสุด น้ำได้ผุดขึ้นทางท่อระบายน้ำ ไหลท่วมพื้นผิวการจราจรตั้งแต่ถนนเทศบาลสาย 2 ไปจนถึง ซ.อิสรภาพ 24 ระดับน้ำสูง ประมาณ 10-15 เซนติเมตร กินพื้นผิวการจราจร ฝั่งที่จะมุ่งหน้าไป 4 แยกบ้านแขก ทั้งนี้มีบ้านประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ น้ำได้ไหลเข้าท่วมขังแล้ว พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการนำกรวยยางและแผงเหล็กติดป้ายเตือนว่า น้ำท่วมขังโปรดระมัดระวัง ไว้ในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย รถที่จะสัญจรผ่านต้องชะลอความเร็วและใช้ความระมัดระวัง





    ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/64332-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    น้ำจ่อ! พระราม 2 ห่าง 100 เมตร - เร่งกู้ถนน 340



    [​IMG]


    น้ำจ่อ!พระราม2ห่าง100-เร่งกู้ทล.340ลงใต้ (ไอเอ็นเอ็น)

    มวลน้ำเริ่มจ่อ! พระราม 2 ห่างเพียง 100 เมตร จนท. เร่งกู้ทางหลวง 340 สำรองลงใต้ ด้าน ถ.เพชรเกษม - ตลาดบางแค ยังวิกฤติ น้ำท่วมสูงต่อเนื่อง

    วันนี้ (11 พฤศจิกายน) นายพีรนัฐ ฐิจิพงศ์ อาสาสมัคร ร่วมกตัญญู สน.บางบอน เปิดเผย สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ถนนกัลปพฤกษ์ ระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ตั้งแต่แยกบางบอน ต่อเนื่องไปจนถึง บางขุนเทียน น้ำเอ่อข้ามทางรถไฟแล้ว น้ำมุ่งหน้าถนนกาญจนา รถกระบะวิ่งได้อย่างเดียว ต่อเนื่องไปตามถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าถนนเอกชัย ปั๊มน้ำมัน ปตท. และคาล์เท็กซ์ ถูกน้ำท่วมทั้งหมด ปิดให้บริการหมดแล้ว

    ขณะที่ ถ.พระราม 2 ยังไม่มีปัญหา แต่น้ำเริ่มเข้าใกล้มากขึ้น โดยช่วงวงแหวนรอบนอก สะพานข้ามทางรถไฟ ที่เป็นช่วงโค้งเริ่มมีน้ำเอ่อเข้าท่วม คาดว่าอีกประมาณ 100 เมตร น้ำจากตะวันตก จะไปถึงพระราม 2 ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการ เตรียมกู้เส้นทางสำรอง 340 (บางบัวทอง สุพรรณบุรี เข้านครปฐม) โดยจะกู้ให้แล้วเสร็จ ภายในวันนี้ รวมระยะทาง 27 กม.

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ถนนเพชรเกษม ตลาดบางแค น้ำสูงถึงเอว รถเล็กไม่สามรารถเดินทางได้ รถยกสูง โฟว์วิว รถสูง สามารถเดินทางได้ แต่ต้องชะลอความเร็วและใช้ความระมัดระวัง



    ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG]



    [10 พฤศจิกายน] บางบอน-บางขุนเทียน รถเล็กผ่านไม่ได้แล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ครอบครัวข่าว 3

    ผู้ บังคับการตำรวจจราจร เผย ด้านเหนือและตะวันออกของกรุงเทพฯ ระดับน้ำลดลงบางจุด แต่ฝั่งธนฯ น้ำเพิ่มขึ้น ทำให้ถนนบางบอน บางขุนเทียน รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

    เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวถึง สถานการณ์ในขณะนี้ว่า หลายพื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกของกรุงเทพฯ มีระดับน้ำที่ทรงตัวและลดลงบางจุดเช่นในถนนนวมินทร์ รามอินทรา วงเวียนบางเขน ดอนเมือง ลาดพร้าว พหลโยธิน และวิภาวดี-รังสิต แต่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในฝั่งธนบุรี โดยในถนนบางบอนและบางขุนเทียน รถเล็กไม่สามารถผ่านได้แล้ว

    ขณะที่บนทางด่วนและทางโทลล์เวย์ ซึ่งเปิดให้บริการฟรีตั้งแต่วานนี้ ปริมาณรถหนาแน่นและติดขัดตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่กีดขวางการจราจรบนทางยกระดับ ดังกล่าว โดยเฉพาะทางขึ้น-ลง เนื่องจากเกรงจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

    ด้านตำรวจทางหลวงได้เตรียมเส้นทางเลี่ยง กรณีถนนพระราม 2 ถูกนำท่วม จนไม่สามารถใช้การได้ โดย แนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางลงภาคใต้ จะสามารถใช้ได้เพียงเส้นทางเดียว คือ ถนนเพชรเกษม ออกไปทาง นครปฐม กำแพงแสน อู่ทอง สุพรรณบุรี เข้าถนนสายเอเชีย ลงสู่ถนนพหลโยธิน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร



    [​IMG]

    [​IMG] วงแหวนกาญจนาฯ พระราม 2 น้ำซึมตามท่อแล้ว

    พระราม 2 น้ำเริ่มผุดท่อ คาดซอย 70 น้ำเต็มพื้นที่เป็นจุดแรก เตรียมยกเกาะกลางถนนออก เพื่อไม่ให้ขวางทางน้ำไหล

    วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวได้รายงานสถานการณ์น้ำ ท่วมพระราม 2 ในขณะนี้ว่า หัวน้ำบนถนนพระราม 2 ขยับเข้าใกล้กว่าเมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) จากเดิมห่างประมาณ 500 เมตร แต่ในขณะนี้ น้ำเริ่มซึมตามท่อแล้ว ซึ่งจุดที่น้ำเข้ามาประชิดถนนพระราม 2 เป็นจุดแรกนั้น คือ บริเวณใกล้วงแหวนรถนนกาญจนาภิเษก - บางแค ช่วงพระราม 2 ซอย 70 ห่างจากเคหะชุมชนธนบุรีประมาณ 2 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวได้กล่าวว่า ความจริงแล้วน้ำเริ่มซึมตามท่อมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และค่อย ๆ เพิ่มสูง และเมื่อคืนนี้ ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าทุกวัน ถึง 5 เซนติเมตร และคาดว่าจุดตรงนี้ (พระราม 2 ซอย 70) จะเป็นจุดแรกที่น้ำเริ่มท่วมถนน เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำได้ซึมตามท่อลอดไปยังถนนพระราม 2 ฝั่งตรงข้ามแล้ว และหลาย ๆ ซอยเริ่มมีน้ำท่วมขังแต่ยังมีปริมาณไม่มากนัก

    อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีชาวบ้านได้นำกระสอบทรายมากั้นริมคลองราชลำพู ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ แต่ทั้งนี้ ต้องรอสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อน เพราะถ้าหากมีการปิดกั้นการไหลของน้ำจริง ก็จะไม่เป็นไปตามแผนระบายน้ำของทาง กทม. และที่ทางกรมทางหลวงได้วางเอาไว้ คือ จะปล่อยให้น้ำไหลผ่านพระราม 2 ในลักษณะน้ำหลาก เพื่อให้รถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้ รวมไปถึงการยกแบริเออร์ หรือแท่นปูนที่วางตลอดแนวเกาะกลางถนนออก เพื่อไม่ให้ขวางทางน้ำ และไม่ให้น้ำท่วมขังในฝั่งตะวันตกนานเกินไป

    ส่วนทางด้านสถานการณ์น้ำท่วมในเขตบางบอน และเขตบางขุนเทียนในเช้าวันนี้ (10 พฤศจิกายน) บริเวณถนนเอกชัย - บางบอน ระดับน้ำสูงขึ้นจากเดิม รถยนต์เล็กสามารถสัญจรได้อย่างยากลำบาก ส่วนถนนบางขุนเทียนนั้น ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และถ้าหากน้ำท่วมสูงเกินกว่า 30 เซนติเมตร ก็ต้องหยุดการเดินรถเพื่อความปลอดภัย

    ทางด้าน ตลาดศิริชัย ที่ตอนนี้ถูกล้อมรอบด้วยน้ำกลายเป็นเกาะนั้น เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในเขตบางบอน ซึ่งตอนนี้มีการวางกระสอบทรายกั้นไว้สูงรอบ ๆ ตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดที่เป็นแหล่งขายอาหารสดสำหรับชาวบ้านในแขวงแสมดำนั้น ถูกน้ำท่วม แต่ทั้งนี้บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ต่างก็ต้องลำบากในการเดินทางขนของมาขายในตลาด

    พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานอีกว่า ขณะนี้มวลน้ำที่มาจาก อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ยังคงไหลมาเติมทางฝั่งตะวันตกอย่างต่อเนื่อง และขยายวงกว้างบริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดถนนกาญจนาภิเษก โดยเฉพาะหมู่บ้านสินทรัพย์นคร การ์เดนท์ ถึงโรงเรียนเลิศหล้า ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร รถเล็กสัญจรได้อย่างยากลำบาก


    [​IMG] น้ำยังไม่ถึงพระราม 2 - บางบอนท่วมผิวจราจร

    ตำรวจ สน.ท่าข้าม มั่นใจน้ำไม่ท่วมถนนพระราม 2 วันนี้แน่นอน เผยบางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น

    วันนี้ (10 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในพื้นที่ โดยระบุว่า ในส่วนของ บางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น ประมาณ 15-20 ซม. ส่วนใหญ่ ท่วมพื้นผิวการจราจร พื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ หมู่บ้าน DK เคหะบางบอน ระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. ชาวบ้าน ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่ แต่ท่าง สน.ท่าข้าม ได้มีการรวบรวมรายชื่อ คนแก่ คนพิการ คนป่วย ที่มีความเสี่ยงสูง จัดเก็บไว้เป็นระบบ เพื่อให้ง่ายต่อการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ทางพื้นที่ ท่าข้าม ได้ตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง อาทิ ร.ร.ท่าข้าม ถ้ามีน้ำท่วมสูงก็จะมีการนำประชาชน มาที่ศูนย์ฯ

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พื้นที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งมีแนวติดถนนพระราม 2 ทั้ง 2 ฝั่ง ยังพบว่า สถานการณ์ยังปกติ ไม่มีปัญหาน้ำท่วม ปริมาณน้ำจ่อพระราม 2 ถนนบางขุนเทียน บางบอน ประมาณ 1 กม. ระดับน้ำทรงตัวประมาณ 15-20 ซม. มั่นใจ ไม่ถึงวันนี้อย่างแน่นอน ส่วนการเตรียมแผนอพยพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการเตรียมแผนประชาสัมพนธ์ให้ประชาชนทราบ โดยมีการประสานผู้นำชุมชนเพื่อเตรียมตัวอพยพไว้ด้วย ด้านการจราจร ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่มามาก ก็ทำให้ไม่มีปัญหามานัก

    [​IMG] ถ.เอกชัย-บางบอน ยังวิกฤติ! น้ำสูงต่อเนื่อง

    [​IMG]


    พ.ต.ท. วิฑูรย์ นุชบุษบา สวป.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุด โดยระบุว่า ปริมาณน้ำ บริเวณถนนเอกชัย ตั้งแต่แยกบางบอน ถนนเทอดไท รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เนื่องจาก ระดับน้ำสูงกว่า 40-50 ซ.ม. โดยน้ำได้ท่วมตั้งแต่ถนนเอกชัย แยกบางบอน เรื่อยไปจนถึงหน้า บิ๊กซี ก่อนถึง สน.บางขุนเทียน ถนนกำนันแมน ทั้งสายน้ำท่วมทั้งหมด ถนนบางบอน 1 รถเล็กเข้าไม่ได้ ส่งผลให้การจราจรลำบากมาก การเดินทางต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือที่มีความสูงและใช้เรือเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.วิฑูรย์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของ สน. ซึ่งอยู่บนถนนกำนันแมน นั้น ได้ถูกน้ำท่วมแล้ว โดย สน. มีเรือยาง 2 ลำ และเรือยนต์ อีก 1 ลำ ไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนมากจะนำรถไปจอดตามห้างสรรพสินค้า และตามถนนต่าง ๆ สะพานข้ามแยก สะพานน้อย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดูแลอย่างเต็มที่ สายตรวจออกตรวจตรา ตลอด 24 ชม. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรับแจ้งว่า เกิดเหตุการลักขโมยเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด

    [​IMG] ทล.เตรียมแผนรับมือ ถ.พระราม 2 น้ำท่วม

    ผบก.ทล. เตรียมแผนรองรับการเดินทางลงใต้ หาก ถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วม

    พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยการเตรียมเส้นทางสำรอง หาก ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วมว่า สถานการณ์ ตอนนี้ มีเพียง ถ.พระราม 2 ที่ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางไปยังภาคใต้ได้ ยังไม่มีจุดไหนที่ท่วม มีที่น่าเป็นห่วงคือ ถ.พระราม 2 บริเวณ กม.ที่ 17-24 (เอกชัย- บางบอน) ที่ถนนต่ำ แต่หากมีน้ำท่วมจริง ก็เป็นระยะทางสั้น ๆ และระดับน้ำไม่ท่วมสูง ก็จะใช้วิธีลาดยางมะตอยทับไป เพื่อให้ผิวถนนสูงกว่าระดับน้ำ

    อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำสูงมาก ก็จะต้องใช้ถนนเส้นอื่นที่เตรียมไว้คือ การเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 9 (ถ.กาญจนาภิเษก) ทั้งเส้น สาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และสาย 346 (บางเลน-กำแพงแสน) ที่บางช่วงยังมีท่วมสูงอยู่ กว่า 1-1.5 ม. ทั้งนี้ กรมทางหลวง ยืนยันว่าจะสามารถกู้ได้สำเร็จ ภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้

    อย่าง ไรก็ตาม พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อไปว่า แต่หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วม และทางหลวงหมายเลข 9 ยังกู้ไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยง คือ ออกจาก กทม. ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ไปลงที่ ถ.สายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปทาง จ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวเข้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ไปที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วจึง วกกลับเข้า จ.นครปฐม ตามเส้นทางถนนอ.กำแพงแสน เส้นทางนี้จะต้องอ้อมไปกว่า 300 กิโลเมตร แม้ว่าจะอ้อมไป แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีถนนลงสู่ภาคใต้เลย




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG] [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64513-

    .
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ 11/11/11 ทั้งวันถือว่า ประตูสู่มิติ(Gate Way)จะเปิด ให้ใส่โปรแกรมพลังจิตใต้สำนึกทั้งระยะสั้น ระยะยาวเอาไว้
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [FONT=Tahoma,]กรมชลคุยสูบแหลก กรุงลด สิ้นเดือนถนนแห้ง

    นิคมบางชันระทึกเตือนภัยขั้น1 เจาะถนนอ้อมน้อย-เปิดทางน้ำ กทม.อพยพเพิ่ม6แขวงฝั่งธนฯ


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]
    จ่อสี่แยก- สภาพมวลน้ำที่เคลื่อนตัวผ่านห้าแยกลาดพร้าวมาตามแนวถนนวิภาวดีฯ ล่าสุดหัวน้ำมาจ่ออยู่บริเวณสี่แยกสุทธิสาร แล้ว คาดว่าจะแผ่ขยายต่อเป็นวงกว้างไปยังถนนทุกด้าน เมื่อ 10 พ.ย.

    </td></tr></tbody></table>สัญญาณ กรุงดีขึ้น น้ำเริ่มลดหลายจุด ทั้งหน้าจตุจักร-คลองสอง ผลบิ๊กแบ๊ก-เร่งระบายน้ำ อานนท์เผยระบายได้วันละ 30 ล้านลบ.ม. ในขณะน้ำเข้ากรุง 10-20 ล้านลบ.ม. ย้ำน้ำเขื่อนป่าสักฯ ไม่ซ้ำกรุงแน่นอน 'ทีมกรุ๊ป'เชื่อกทม.ชั้นในไม่ท่วม ฝั่งธนฯ ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ กรมชลประทานเร่งกู้ฝั่งตะวันตก ซ่อมพนังเสร็จ 13 จุดจาก 14 ที่ แจงน้ำเหนือหมดแล้ว เหลือแค่น้ำทุ่ง 4 พันล้านลบ.ม.ต้องเร่งสูบลงทะเล เผยระบายได้ 181 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ขยะล้นหน้าสถานีสูบน้ำวันละ 100 ตัน กทม. ระดมเจ้าหน้าที่เก็บเร่งระบายลงทะเล สั่งอพยพเพิ่ม 6 แขวง สมุทรสาครขุดถนนระบายอ้อมน้อย น้ำปริ่มพระราม 2 กู้ 340 ใกล้เสร็จ นิคมบางชันส่อวิกฤต เตือนขนของขึ้นสูง

    'ปู'มั่นใจน้ำเหนือไม่ซ้ำ

    เมื่อ วันที่ 10 พ.ย.เวลา 10.30 น. ที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้อกังวลว่าน้ำจากทางตอนเหนือจะทะลักแนวบิ๊กแบ๊กเข้าท่วม กทม.อีกว่า เราวางมาตรการตั้งแต่ต้น โดยปิดประตูระบายน้ำคลอง 8-10 และเร่งเครื่องสูบน้ำประตูระบายน้ำคลอง 13 และให้กรมชลประทานเฝ้าดูระดับน้ำ หากลดลงก็จะระบายน้ำทางฝั่งตะวันออกให้มากขึ้น ส่วนน้ำที่ทะลักเข้าพื้นที่กทม. สั่งให้กทม.เร่งระบายน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำทุกพื้นที่ ส่วนการปกป้องนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือการควบคุมน้ำ และการปกป้องนิคม โดยกองทัพลงไปวางคันกั้นน้ำ ที่แข็งแรงระดับหนึ่ง และให้กระทรวงคมนาคมลงเคลียร์พื้นที่หรือแนวที่ขวางน้ำออกโดยเร็ว ส่วนฝั่งตะวันตก ต้องเร่งเคลียร์คูคลองต่างๆ เพื่อไล่น้ำลงสู่ระบบชลประทาน และแก้มลิงสนามชัยมหาชัย ต้องขอให้ประชา ชนทิ้งหรือเก็บขยะไว้ในถังขยะ เพื่อไม่ให้เข้าไปในท่อระบายน้ำ ทำให้ระบายน้ำลำบาก

    จับตาทะเลหนุน-จี้กทม.สูบน้ำ

    เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กระทรวงพลังงาน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำทะเลหนุนว่า ศปภ.จะติดตามสถานการณ์และประสานกทม.เพื่อระบายน้ำออกให้มากที่สุด ซึ่งประเมินไม่ได้ว่าน้ำจะท่วมสูงเท่ากับช่วงปลายเดือน ต.ค.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ำของกทม.ว่าดำเนินการได้มากน้อยเพียง ใด

    พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ส่วนคลองสามเสน และคลองบางซื่อ ทางการประปานครหลวง (กปน.) ปิดไม่ให้น้ำเข้าเพื่อลดปริมาณน้ำ ที่เหลือเป็นหน้าที่กทม.เร่งสูบน้ำออก ส่วนข้อต่อระบายน้ำที่ยังมีทิศทางไม่ถูกต้อง ก็ต้องปรับปลายท่อระบบระบายน้ำ ซึ่งปรับแล้วสองจุดคือ บริเวณถ.วิภาวดีรังสิต และถ.พหลโยธิน เพื่อส่งน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วขึ้น

    น้ำอาจไม่ท่วมอนุสาวรีย์ฯ

    เมื่อ ถามว่าการปรับปลายท่อจะส่งผลให้น้ำไม่ท่วมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้หรือไม่ พล.ต.อ. ประชากล่าวว่า เป็นไปได้ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ จะไม่ท่วม แต่ยังกังวลเรื่องมวลน้ำใต้ดินตามท่อ ที่ควบคุมไม่ได้ แต่น้ำที่ไหลจากตอนเหนือของกทม. เราปิดกั้นด้วยบิ๊กแบ๊กแล้วส่วนหนึ่ง ถือว่ามีประสิทธิภาพมาก เห็นได้จากบริเวณการประปาเขตพญาไท น้ำลดลงจากเดิม 3-4 ซ.ม. จากนั้นขึ้นอยู่กับการทำงานของกทม.ว่าจะระบายน้ำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งศปภ.ก็ช่วยเต็มที่

    หาทางเลี่ยงพระราม 2

    เมื่อ ถามว่าหากการกู้ทางหลวงหมายเลข 9 และสาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) ไม่สำเร็จ และถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วมอีกจะทำอย่างไร พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ศปภ.ก็ห่วง แต่กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเร่งกู้ถนนทั้ง 2 สาย คาดว่า 2 วันนี้จะกลับมาใช้ได้ตามปกติ แต่หากเสีย ถ.พระราม 2 แต่ยังกู้ทางหลวงหมายเลข 9 และสาย 340 ไม่เสร็จ ยังมีเส้นทางสำรองคือ ถ.สายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) จ.อ่างทอง เข้าอ.วิเศษชัยชาญ ไปที่อ.เมืองสุพรรณบุรี และเข้านครปฐมเลี้ยวที่แยกมาลัยแมน จ.นครปฐม เข้าถ.เพชรเกษม แต่เป็นเส้นทางที่ต้องอ้อมไกล

    พล.ต.อ.ประชากล่าวถึง การวางแนวแซนด์ แบริเออร์กั้นน้ำบริเวณทางด่วนดินแดงและดอนเมืองโทลล์เวย์ว่า คิดว่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิ ศปภ.ได้รับการยืนยันจากพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ว่ามีระบบการป้องกันที่ดีและไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

    กู้ 340 ใกล้เสร็จ

    เวลา 17.00 น. ที่ศปภ. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม กล่าวถึงการกู้ทาง หลวงหมายเลข 9 และสาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) ว่า ขณะนี้การกู้เส้นทางใกล้เสร็จแล้ว เหลือระดับน้ำสูง 45 ซ.ม. ใน 2 ช่วงคือบริเวณหมู่บ้านสมบัติบุรีที่มีน้ำท่วมขังยาวจุดละ 600 และ 700 ม. ถือว่ามีน้ำไม่มาก ทางเจ้าหน้าที่จะสูบน้ำในวันที่ 11 พ.ย.นี้ให้ไม่เกิน 20 ซ.ม. เพื่อให้รถเล็กผ่านได้ เชื่อว่าการเดินทางลงสู่ภาคใต้จะไม่เป็นปัญหา ส่วนถ.พระราม 2 ขณะนี้น้ำยังไม่ท่วมแต่ใกล้ท่วมแล้ว จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์พื้นที่ใต้สะพานทางด่วนต่างๆ เพื่อระบายน้ำสู่คลองบริเวณถ.พระราม 2 และทะเลต่อไป ทั้งนี้ยังถือว่าโชคดีที่น้ำด้านตะวันตกของกทม.ลดลงไปมาก

    ไม่วางบิ๊กแบ๊กฝั่งตะวันตก

    พล.อ.อ. สุกำพลกล่าวว่า สำหรับการวางแซนด์แบริเออร์ที่เชื่อมระหว่างทางด่วนดินแดงและทางด่วนโทลล์ เวย์นั้น จัดวางเรียบร้อย เหลือเพียงใส่ทรายอย่างเดียว แต่ที่ไม่ได้ใช้แนวแซนด์แบริเออร์บริเวณถนนสายเอเชีย เนื่องจากเพิ่งจะสั่งนำเข้าจากประเทศอังกฤษ และใช้ได้ดีในพื้นที่แห้งเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังก่อนแล้ว ส่วนการวางแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ๊กในพื้นที่ฝั่งตะวันตก 3 ก.ม. คงไม่ดำเนินการ เนื่องจากทำแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะฝั่งตะวันตกมีคูคลองจำนวนมาก<table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]
    หนีน้ำ - ภาพหนุ่มสาวขึ้นไปเดินเลี้ยงตัวอยู่บนคันคอนกรีต ถ.วิภาวดีฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินฝ่าน้ำท่วมขังสูงตลอดแนวถนนบริเวณปากซอยโชคชัยร่วม มิตร เมื่อวันที่10 พ.ย.

    </td></tr></tbody></table>

    บางขุนเทียนจม-จ่อพระราม 2

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าที่ถนนบางขุนเทียนชาย ทะเล ช่วงจากสี่แยกบางบอนมุ่งหน้าออกถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน น้ำท่วมสูง 50-80 ซ.ม. และน้ำจากถนนเอกชัยข้ามทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัยแล้ว เหลืออีกแค่ 300 ม. จะเอ่อล้นบนผิวการจราจรของถนนพระราม 2 รถเล็กสัญจรลำบาก นอกจากนี้จากน้ำท่วมรางรถไฟ ทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องสั่งยุติการให้บริการตั้งแต่สถานีบางบอนจนถึงสถานีรางโพธิ์ชั่วคราวจน กว่าสถาน การณ์จะดีขึ้น

    ที่ถ.พระราม 2 น้ำผุดมาจากท่อบริเวณหมู่บ้านวีเค บิซซิเนส แลนด์ ปากทางถ.พระราม 2 สูงขึ้นต่อเนื่อง ในซอยต่างๆ ริม ถ.พระราม 2 เริ่มมีน้ำท่วมขังเพิ่มมากขึ้น

    บิ๊กแบ๊กได้ผล-ลดวันละ 10 ซ.ม.

    ฝ่ายประชา สัมพันธ์ศปภ. แจ้งว่า การกั้นบิ๊ก แบ๊กเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ในพื้นที่ดังนี้ 1.แนวทางรถไฟสายเหนือ ในเขตจ.ปทุมธานี จรดถ.วิภาวดีรังสิต ยาว 6 ก.ม. 2.แนวถนนหัวสนามบินดอนเมือง 2 ก.ม. 3.แนวถนนจันทรุเบกษา 2.5 ก.ม. 4.แนวถนนเลียบคลองหกวาสายล่างถึงคลองพระยาสุเรนทร์ 4 ก.ม. และ 5.แถวถนนสายไหม 85 ยาว 1 ก.ม. ส่งผลให้ระดับน้ำตามแนวทางรถไฟสายเหนือนอกและในแนวคันกั้นน้ำ แตกต่างกันประมาณ 20-30 ซ.ม. และระดับน้ำที่ท่วมรางรถไฟช่วงหลักสี่-ดอนเมือง ภายในคันกั้นน้ำ ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 10 ซ.ม. จึงถือว่าบิ๊กแบ๊กกั้นน้ำได้น่าพอใจ

    ทร.ระดมผลักดันลงทะเล

    ทั้ง นี้พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. สั่งการให้ทุกหน่วยระดมสรรพกำลังและยุทโธป กรณ์เร่งผลักดันน้ำลงทะเลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหน่วยเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางน้ำโดยกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ จัดกำลังพลและเรือตรวจการณ์ลำน้ำ 4 ลำ ผลักดันน้ำบริเวณคลองหกวาสายล่าง ปากคลอง 6 ถึงปากคลอง 8 และ ถ.ลำลูกกา ถึงถ.นิมิตใหม่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

    ขณะที่อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ใช้เรือขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำวันละ 100,000 ลบ.ม. ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบน คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ถ.บางนาตราด ก.ม. 28 บริเวณใต้สะพานพระราม 2 เขตบางขุนเทียน คลองสนามชัย และถ.เอกชัย เขตบางบอน และใช้เรือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำวันละ 150,000 ลบ.ม. บริเวณคลองบางซื่อ วัดสะพานสูง เขตบางซื่อ คลองจระเข้ใหญ่ คลองลำปลาทิว เขตลาดกระบัง คลองมหาสวัสดิ์ บริเวณประตูน้ำฉิมพลี และคลองลาดพร้าว บริเวณวัดพระราม 9

    กทม.สั่งอพยพเพิ่ม 6 แขวง

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า กทม.ประกาศพื้นที่อพยพเพิ่มเติม ในพื้นที่แขวงบางขุนศรี แขวงบางขุนนนท์ แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอก น้อย ถนนกำนันแม้น ซอยเอกชัย 8, 14, 36 ซอยกำนันแม้น 28 แขวงบางขุนเทียน ซอย วุฒากาศ 42 ชุมชนศาลาครืนรวมใจ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง และแขวงบางบอน เขตบางบอน ได้แก่ ชุมชนกำนันแม้น 3 ชุมชนสวนผัก ชุมชนริมคลองพระยาราชมนตรี ชุมชนวัดน้อย ชุมชนคลองบางพรานพัฒนา ชุมชนรางไผ่ หมู่บ้านสังสิทธิ์ หมู่บ้านภาสกร 2 หมู่บ้าน เอสเค หมู่บ้านธนบดี หมู่บ้านทวีทอง หมู่บ้าน วรารมย์ หมู่บ้านบางบอนการ์เด้นวิลล์ หมู่บ้าน 89 บางบอนวิลล์ ตลาดบางบอนและตลาดสุขสวัสดี ตลาดศิริชัย เคหะบางบอน โรงเรียนบ้านนายเหรียญ เนื่องจากระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น

    ขยะท่วม-ระบายยาก

    นาย ณรงค์ เรืองศรี ผอ.กองระบบอาคารบังคับน้ำ สำนักการระบายน้ำ เผยว่า กทม.เร่งระบายน้ำจากสถานีสูบน้ำต่างๆ ทำให้พบปัญหาขยะจำนวนมาก ลอยมาติดค้างตามสถานีต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้การเร่งระบายน้ำล่าช้า ขยะบางส่วนยังติดค้างและกระแทกกับอุปกรณ์สถานีเสียหาย เราจึงต้องระดมกำลังเร่งเก็บขยะ โดยจ้างบุคคลภายนอก 2,595 คน ในอัตราวันละ 300 บาท และประสานขอความร่วมมือจากทาง ศปภ. ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยงานดังกล่าว อีกทั้งมีอาสาสมัครเข้ามาช่วย โดยทางสนน.ได้จัดกำลังเข้าไปเก็บขยะเป็นกรณีพิเศษในสถานีสูบน้ำใหญ่ เช่น สถานีสูบน้ำพระโขนง สถานีสูบน้ำบางซื่อ และอาคารบังคับน้ำพระราม 9 ซึ่งแต่ละสถานีมีขยะกว่าวันละ 100 ตัน

    ตายแล้ว 533 ราย

    นาย ภานุ แย้มศรี ผอ.ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถาน การณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 24 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 533 ราย สูญหาย 2 ราย นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข รายงานผู้ป่วยกลุ่มอาการสงสัยโรคฉี่หนู ใน อ.ภาชี และพื้นที่ข้างเคียง จ.พระนครศรีอยุธยา 7 ราย และมีรายงานผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.นนทบุรี จากการสอบสวนพบผู้ป่วย 72 ราย มีปัจจัยเสี่ยง คือการดื่มน้ำประปาโดยไม่ได้ต้มสุก ซึ่งสอด คล้องกับน้ำประปาในพื้นที่ดังกล่าวมีคุณภาพต่ำ

    แจงน้ำค้างทุ่งถล่มกรุง

    กรม ชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีน้ำเหนือค้างทุ่งจำนวนมหาศาลรอถล่มกรุง ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำปิงและลุ่มน่านลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ปริมาณน้ำท่าที่อยู่ในแม่น้ำต่างๆ ก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยในลุ่มน้ำยมที่อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งภายใน 7 วัน สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยที่อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 20 พ.ย. ที่อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 27 พ.ย.

    รับมีค้าง 4 พันล้านลบ.ม.

    ส่วน ปริมาณน้ำค้างทุ่ง ซึ่งกระจายอยู่ในทุ่งทางตอนบนของพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่ น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4,394 ล้านลบ.ม. โดยอยู่ในพื้นที่ทางด้านฝั่งตะวันออก 1,831 ล้านลบ.ม. และในพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตก 2,563 ล้านลบ.ม. ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ต้องระบายออกทะเลผ่านระบบระบายน้ำ ของกรมชลประทานและกทม. โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะค่อยๆ ไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่าง

    กรมชลฯระบาย181ล้านลบ.ม./วัน

    ใน ส่วนของกรมชลประทาน เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 8-9 พ.ย.54 สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้น เป็น 121 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ทั้งนี้ยังไม่รวมการระบายน้ำผ่านประตู ระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสมุทรปราการ อีกประมาณ 50-60 ล้านลบ.ม.ต่อวัน และยังมีปริมาณน้ำที่ระบายออกตามธรรมชาติผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง อีกด้วย รวมแล้วสามารถระบายน้ำได้วันละ 181 ล้านลบ.ม.

    ส่วน พื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานยังมีมาตรการชะลอปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่าง โดยลดการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพและประตู ระบายน้ำบรมธาตุ รวมทั้งยังได้เร่งซ่อมแซมอาคารชลประทานและคันกั้นน้ำในเขตจ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี แล้วเสร็จ 13 แห่ง จาก 14 แห่ง ซึ่งสามารถช่วยชะลอ น้ำที่จะไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้

    กรุงระบาย 30 ล้านลบ.ม./วัน

    ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะทำงานจัดการน้ำในพื้นที่วิกฤต กล่าวถึงสถานการณ์น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ตอนเหนือและตะวันออกของกทม. ว่า ขณะนี้ระบายน้ำออกได้ประมาณวันละ 30 ล้านลบ.ม. โดยที่ปริมาณน้ำเข้าเหลือเพียงวันละ 10-20 ล้านลบ.ม. แต่ที่ยังเห็นว่ามีน้ำท่วมขังอยู่เป็นเพราะน้ำยังระบายออกไปไม่หมด แต่ยืนยันว่าน้ำที่อยู่หลังแนวบิ๊กแบ๊กจะไม่ทะลักเข้ามาจนเกิดวิกฤตซ้ำสอง ตามที่บางฝ่ายเป็นห่วง หลังจากนี้คาดว่าตามถนนสายหลักในกทม.จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสิ้น เดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าฝั่งตะวันตกยังระบายได้ช้า เพราะพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะเป็นที่ลุ่มต้องใช้เวลานานกว่าฝั่งตะวันออก แต่มั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ก่อนปีใหม่แน่นอน

    ไม่วิตกน้ำป่าสักฯ

    นาย อานนท์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ที่เก็บน้ำเกินความจุนั้น สถานการณ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยเขื่อนพร่องน้ำออกมาวันละ 20-30 ล้านลบ.ม. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่น่าก่อให้เกิดปัญหา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือปริมาณน้ำที่เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์มากกว่า แต่เท่าที่รับรายงานยังอยู่ในขั้นที่สามารถควบคุมได้ โดยระบายน้ำออกมาวันละ 20-30 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ส่วนใหญ่จะระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และไหลออกสู่ทะเล ไม่ได้ไหลบ่าไปทางแม่น้ำท่าจีน จนทำให้เกิดปัญหากับฝั่งตะวันตกอีก จุดนี้จึงน่าจะพอรับมือได้

    ทีมกรุ๊ปชี้กทม.ชั้นในไม่ท่วม

    นาย ชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาภายใน ทีมกรุ๊ป เผยว่า แม้ปริมาณน้ำจะสูงกว่าปีก่อนๆ ถึง 1.4 เท่า แต่ปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมในเขตกทม. เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารจัดการน้ำของกทม. ที่มีทั้งระบบคลอง ระบบสูบน้ำ ตลอดจนอุโมงค์ยักษ์ที่เริ่มทำงานแล้ว นอกจากนี้กระสอบทรายยักษ์หรือบิ๊กแบ๊กช่วยชะลอน้ำที่จะเข้าสู่ ถ.วิภาวดีฯ ได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จึงยืนยันว่ากทม.ชั้นในจะไม่ถูกน้ำท่วม เพราะมีระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ

    "ช่วง 3 วันที่ผ่านมามีสงครามประสาทเกิดขึ้นในโลกสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง ทั้งข่าวเครื่องสูบน้ำบริเวณคลองบางซื่อเสีย 5 ตัว ทั้งที่จริงเสียเพียงตัวเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น คลองบางซื่อยังมีประสิทธิภาพในการระบายน้ำเป็นอย่างดี คาดว่าหลังเทศกาลลอยกระทงสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น ส่วนในฝั่งธนบุรี สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นใน 2 สัปดาห์จากนี้ไป"นายชวลิตกล่าว

    นิคมบางชันเตือนระดับ 1

    น.พ.วรรณ รัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการรักษานิคมอุตสาหกรรมบางชัน ว่า ที่นิคมฯ บางชัน ระดับน้ำคลองแสนแสบขึ้นมาเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 1 ม. อยู่ระดับพื้นของนิคมฯ บางชัน ซึ่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ 43 ตัว มีกำลังสูบ 8.8 หมื่นลบ.ม.ต่อวัน รวมทั้งเตรียมเรือดันน้ำ 52 ลำ และเตรียมกระสอบทรายมาอุดรูรั่วที่กำแพงนิคม ซึ่งมีคลองล้อมรอบทุกด้าน

    "ยอม รับว่านิคมบางชันวิกฤต แต่เราพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ คิดว่าตอนนี้ยังรับได้อยู่ โอกาสรอดยังเป็นไปได้ถ้าปริมาณการไหลเข้า-ออกของน้ำรักษาความสมดุลไว้ได้" น.พ.วรรณรัตน์กล่าว

    น้ำด้านเหนือขึ้นสูง

    นายยงยุทธ ทองสุข รองปลัดอุตสาหกรรม คณะกรรมการป้องกันน้ำท่วมนิคมฯ บางชัน กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ย.น้ำจากทางทิศเหนือฝั่งถนนรามอินทรา ซึ่งไหลจากมีนบุรี คลองสามวา ไหลมาเต็มลงคลองกระเทียม ด้านเหนือของโรงงาน บริเวณถ.หม่อมเจ้าสง่างามสุประดิษฐ์ สูงถึง 1.19 ม. ขณะที่ฝั่งคลองแสนแสบ ระดับน้ำคืนวันที่ 9 พ.ย. เวลา 22.30 น. มีระดับน้ำสูงขึ้น 1 ม. เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเตรียมใช้แผนฉุกเฉินขั้นที่ 1 คือ ให้ผู้ประกอบการยกของขึ้นที่สูง แต่เวลา 08.00 น. วันที่ 10 พ.ย. สามารถสูบน้ำออกดีขึ้น ทำให้ระดับน้ำลดลงมาอยู่ที่ 98 ซ.ม. แต่น้ำฝั่งคลองกระเทียมยังสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเร่งผันน้ำลงคลองแสนแสบให้เร็วขึ้น เพราะน้ำส่วนนี้อาจไหลเข้าโรงงานได้

    นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาห กรรม เผยว่า ยังมั่นใจว่าระบบการป้องกันน้ำในนิคม และโรงงานต่างๆ ก็ยังไม่ขนของหนีย้ายออกจากนิคมไปไว้ที่อื่น

    เพชรเกษมท่วมขังอยู่

    เวลา 15.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจบริเวณถ.กาญจนา ภิเษกตัดถ.เพชรเกษม โดยที่ถ.เพชรเกษม ยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงที่ระดับ 60-80 ซ.ม. เข้าสัปดาห์ที่ 2 แล้ว และมีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งน้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น โดยกทม.นำรถน้ำจุลินทรีย์ชีวภาพหรือน้ำอีเอ็มมาฉีดเพื่อลดจุลินทรีย์

    ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์กล่าวภายหลังลงพื้นที่ว่า ถนนเพชรเกษมน้ำลดลงเล็กน้อย แต่น้ำแผ่ไปในบางพื้นที่อื่นช้าๆ ส่วนที่ฝั่งธนบุรี เช่น บางพลัด ระดับน้ำก็ได้ลดลงเช่นกัน ซึ่งหากกทม.รับมอบเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จากศปภ. จะสามารถผันน้ำจากคลองภาษีเจริญไปยังคลองมหาชัยไปยังแม่น้ำท่าจีนได้ หากน้ำใหม่ไม่เข้ามาในเส้นทางหลัก คาดว่าจะแห้งใน 2-3 สัปดาห์

    น้ำกทม.ลดหลายจุด

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์น้ำล่าสุดวันที่ 10 พ.ย. หน้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจตุจักรน้ำลดลง 8 ซ.ม. คลองสองลดลง 11 ซ.ม. นอกคันบิ๊กแบ๊กลดลง 10 ซ.ม. และความต่างระหว่างนอกคันและในคันบิ๊กแบ๊กอยู่ที่ 30 ซ.ม. ส่วนหัวน้ำล่าสุดยังอยู่ที่แยกสะพานควาย จตุจักร กำลังเข้าสู่สะพานควายและถนนพระราม 2 น้ำจากเขตบางขุนเทียน หัวน้ำห่างจากถนนพระราม 2 อยู่ 700 ม.

    แสนแสบยังแห้งอยู่

    ผู้ สื่อข่าวรายงาน สภาพระดับน้ำในคลองมหา นาคและคลองแสนแสบ ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มีระดับน้ำเกือบแห้งขอด ขณะที่อาคารต่างๆ ริมฝั่งคลองแสนแสบ ต่างหาทางป้องกันตัวอาคาร เนื่องจากเกรงว่า น้ำจากย่านบางชัน มีนบุรี และบางกะปิ อาจถูกระบายลงคลองแสนแสบจนเอ่อล้นริมตลิ่ง โดยเฉพาะชุมสายโทรศัพท์ ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ข้างอาคารอิตัลไทย เสริมกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กสูงกว่า 4 ม. นอกจากนั้นยังระดมวางกระสอบทรายเป็นกำแพงสูงกว่า 2 ม. รอบอาคารชุมสาย เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ระดับน้ำบริเวณดังกล่าว อาจสูงถึง 1 ม.

    น้ำผุดแยกสุทธิสาร

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณฐานสูบน้ำที่ 5 คลองบางซื่อ ถ.วิภาวดีฯ ขาออก ก.ม.8 มวลน้ำหยุดนิ่งอยู่ที่จุดดังกล่าว และลงในคลองบางซื่อ และซึมผ่านท่อเอ่อล้นออกมาบนผิวการจราจรบริเวณแยกสุทธิสารแล้ว แต่ระดับน้ำไม่สูง รถเล็ก สัญจรได้

    รถใต้ดินยังสู้-ให้บริการ

    พล.ต.ชาติ ชาย ประดิษพงษ์ ผอ.งานส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรม บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที เผยว่า ระดับน้ำบริเวณ 4 สถานีที่มีความเสี่ยง ล่าสุดระดับน้ำยังคงทรงตัว น้ำปรับเพิ่มขึ้น-ลงเฉลี่ยประมาณ 1-2 ซ.ม. สถานีลาดพร้าว จตุจักร พหลโยธินและกำแพงเพชร น้ำสูงเฉลี่ยประมาณ 40 ซ.ม. จากระดับพื้นทางเท้า หรือท่วมสูงถึงบันไดขั้นที่ 2 ทั้งนี้ที่ สถานีพหลโยธิน ประตู 3 บริเวณทางเข้าและออกด้านสวนสมเด็จย่า 84 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเซ็นทรัลลาดพร้าว มีความเสี่ยงสูง ต้องจับตาระดับน้ำเป็นพิเศษ เนื่องจากน้ำท่วมมิดบันไดขั้นที่ 2 หรือท่วมขังระดับ 60 ซ.ม. ซึ่งตามแผนเดิมเอ็มอาร์ทีจะปิดให้บริการ แต่เมื่อประชาชนจำนวนมากมีความต้องการใช้บริการ และความมั่นใจระบบความปลอดภัย ของทางสถานีที่ป้องกันน้ำท่วมสูงได้ถึง 3.50 ม. จึงตัดสินใจเปิดให้บริการต่อไป แต่หากน้ำท่วมสูงขึ้นอีก จะปิดประตู 3 แต่ยังมีทางเข้าออกอื่นที่ให้บริการอยู่

    ขุดถนนระบายอ้อมน้อย

    ที่ จ.สมุทรสาคร ตัวแทนชาวบ้านในต.สวน หลวง และต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน กว่า 20 คน รวมตัวที่บริเวณถนนพุทธสาคร ริมทางเข้าเทศบาลตำบลสวนหลวง เพื่อขอให้ขุดร่องน้ำริมถนนพุทธสาคร เพื่อเร่งระบายน้ำลงคลองภาษี เจริญให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ทั้ง 2 ตำบลที่ถูกน้ำท่วมขัง

    นาย อภิชาติ โตดิลกเวชช์ รองผู้ว่าฯ สมุทร สาคร กล่าวว่า ทางจังหวัดอนุมัติให้ขุดเจาะร่องน้ำริมถนนพุทธสาครตามที่ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบล อ้อมน้อยและตำบลสวนหลวงได้ในระดับหนึ่ง โดยจะขุดร่องกว้างประมาณ 2-2.5 ม. ลึก 40 ซ.ม. ยาวประมาณ 50-100 ม.

    พายุหมุนซ้ำอ่างทอง

    ที่ จ.อ่างทอง เกิดพายุงวงช้างพัดเข้าบ้านเรือนหมู่ 4 ต.ย่านซื่อ อ.เมือง ทำให้บ้านเลขที่ 46 ของนายเผือด คันทรง ถูกพัดจนระเบียงชั้น 2 หายไปหมด ไม่ห่างกันมีต้นไม้ถูกพัดล้มระเนระนาด เรือคว่ำหลายลำ รวมทั้งบ้านเรือนใกล้เคียงเสียหายอีกจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่กำลังเก็บข้อมูลความเสียหายอยู่
    [/FONT]


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEV4TVRFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNUzB4TVE9PQ==-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หอการค้า ยื่นข้อเสนอรัฐ 8 ประเด็น ต่างชาติจับตาแผนแก้วิกฤตอุทกภัยระยะยาว ไม่ชัดเจน สาหัสแน่


    ผู้สื่อข่าว มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ 10 พ.ย. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมหารือร่วมกับสมาคมที่เป็นสมาชิก 68 สมาคมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เข้าร่วมหารือด้วย ที่ประชุมได้ระดมความเห็นและสรุปข้อเสนอไปยังรัฐบาล โดยที่ประชุมมี นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทย เป็นประธานที่ประชุม


    รายงานข่าวแจ้งว่า สมาคมและนักลงทุนไทยและต่างชาติ ต่างเป็นห่วงแผนระยะยาวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาอุทกภัย เป็นสิ่งที่ต่างชาติจับตามองอย่างมาก ถ้ารัฐบาล ไม่มีความชัดเจนและล่าช้า จะกระทบต่อความมั่นใจอย่างรุนแรง

    ทั้งนี้ที่ประชุมร่วมมีข้อเสนอไปยังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันพรุ่งนี้ 11 พ.ย.


    โดยข้อเสนอ ทั้งหมด มี 8 ประเด็นสำคัญ ดังนี้


    1. ข้อเสนอเรื่องวงเงินการันตี ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ต้องนำเครื่องจักรและที่ดินไปวางค้ำประกันสินเชื่อ แต่วิกฤตน้ำท่วมทำให้เครื่องจักรและที่ดินเสียหาย ทำให้การกู้เงินมาฟื้นฟูโรงงานทำได้ยาก เพราะต้องมีการเพิ่มวงเงินการันตี ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยการันตีให้เอกชน เช่น รัฐบาลอาจจะเข้ามาอุดหนุนวงเงินการันตี 80 % เพื่อให้การฟื้นฟูเกิดขึ้นได้


    2. ข้อเสนอเรื่องการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จากภาครัฐบาล โดยเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด


    3. ข้อเสนอเรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จนกว่าบริษัทจะล้างขาดทุนหมด เช่นหากบริษัทขาดทุน 5 ล้านบาทก็ควรมีการยกเว้นภาษีไปจนกว่าจะล้างขาดทุนหมด เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้


    4. ข้อเสนอเรื่องแรงงานต่างด้าว ปัจจุบัน รัฐบาล ออกกฎหมายห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวออกนอกพื้นที่ แต่สถานการณ์ล่าสุด ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศอยากให้รัฐบาลผ่อนผันเรื่องการเคลื่อนย้าย แรงงานต่างด้าว


    5. ข้อเสนอเรื่องการประกันภัย ล่าสุดตัวเลขความเสียหายจากภาคธุรกิจมีมากกว่า 2 แสนล้านบาท ในความเป็นจริงบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ 90 % จะไปประกันต่อกับบริษัทประกันภัยต่างประเทศ ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ หนึ่ง บริษัทประกันภัยต่างชาติไม่รับประกันภัยต่อ สอง หากรับประกันภัยต่อก็ต้องคิดเบี้ยประกันในอัตราที่สูงมาก


    ปัญหานี้รัฐบาล จะต้องเข้ามารับรอง และที่สำคัญรัฐบาลจะต้องมีแผนระยะยาวที่จะแก้ปัญหาอุทกภัยในอนาคตอย่าง ชัดเจน เพราะหากรัฐบาลไม่มีแผนที่ชัดเจน ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สาหัสมาก เพราะถ้าบริษัทประกันภัยไม่เชื่อมั่นจะเสียหายมาก


    6.ข้อเสนอเรื่องการป้องกันโรคระบาดหลังน้ำลด ประเด็นนี้ต่างชาติให้ความสำคัญมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขจะต้องวางแผนป้องกันอย่างดีที่สุด เพราะหากเกิดโรคระบาดเช่น โรคท้องร่วง ปัญหาจะรุนแรง และตามแก้ปัญหาได้ยากมาก


    7.ข้อเสนอ เรื่องการวางแผนระยะยาวแก้ปัญหาอุทกภัย ถ้ารัฐบาลไม่มีแผนระยะยาวที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม จะทำให้ต่างชาติขาดความมั่นใจ เพราะคงไม่มีนักลงทุนต่างชาติรายใด ยอมรับเหตุอุทกภัยรายปี อย่างแน่นอน


    8.ข้อเสนอ เรื่องความสะอาดของน้ำประปา รัฐบาลจะต้องออกมายืนยันอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่า น้ำประปาไทยมีคุณภาพ โดยจะต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการออกไปยังนักลงทุนและคู่ค้าของประเทศไทย เพราะประเด็นเรื่องนี้กระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารโดยตรง

    รายงานข่าว แจ้งว่า สภาหอการค้าฯ จะยื่นหนังสือและข้อเสนอ 8 ประการ ไปยังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในวันพรุ่งนี้ 11 พ.ย. 2554


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320924146&grpid=00&catid=&subcatid=-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    กินโปรตีนจากสัตว์ ′ไม่ดี′ ความเชื่อผิดๆ อาหารผู้ป่วยมะเร็ง




    ใน การรักษา "มะเร็ง" ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการดูแลรักษาตัวเอง โดยเฉพาะเรื่อง "อาหาร" และหลักในการรับประทาน "มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย" องค์กรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง จัดเสวนาหัวข้อ "อาหารนั้นสำคัญไฉนในผู้ป่วยมะเร็ง" โดยมี นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ หน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ พญ.สิรกานต์ เตชะวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โภชนาการ ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ พร้อมทั้งยังได้ "ชาคริต แย้มนาม" จากรายการ "ครัวแล้วแต่คริต" มาโชว์ฝีมือทำ "ซุปมะกะโรนีไก่ฉีก" ที่ทั้งอร่อยและมีสารอาหารครบถ้วนด้วย

    นพ.วิโรจน์ เผยว่า โรคมะเร็งสามารถรักษาให้หายขาดได้ ยิ่งถ้าเจอในระยะเริ่มต้น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้ที่เป็นในระยะที่ 1-3 สามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 80% โดยสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง คือ การรับประทานอาหาร เพราะในการรักษาแต่ละวิธีจะทำให้ร่างกายเกิดผลข้างเคียง ถ้าร่างกายขาดสารอาหารหรือมีโภชนาการที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้า และทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาลดลง

    ด้าน พญ.สิรกานต์เผยว่า การรักษาโรคมะเร็งจะได้ผลดีกับผู้ป่วยที่มีโภชนาการที่ดี ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้ดี ย่อมสามารถต่อสู้กับอาการข้างเคียงจากการรักษา และช่วยให้รับมือกับปริมาณยาบางตัวในระดับสูงๆ ได้ หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสีมา ร่างกายจำเป็นต้องใช้โปรตีนในการรักษาเนื้อเยื่อในร่างกายและต่อสู้กับการ ติดเชื้ออักเสบ ดังนั้น หากขาดโปรตีน ร่างกายจะใช้เวลานานมากกว่าเพื่อจะฟื้นตัวจากโรคภัยไข้เจ็บ

    "สำหรับ อาหารที่ให้โปรตีนนั้นได้มาจากพืชและสัตว์ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วฝักแห้ง ถั่วฝักเมล็ดกลมหรือพี ถั่วเมล็ดแบน เลนทิลส์ และอาหารจากเต้าหู้ ต้องเน้นว่าถ้าให้อาหารโปรตีนสูง คนไข้ต้องได้รับพลังงานทั้งวันที่เพียงพอก่อน โปรตีนถึงจะนำไปเสริมสร้างเซลล์ส่วนที่สึกหรอซึ่งอาจเป็นผลของการรักษาได้

    "ส่วน ที่มีผู้เข้าใจว่าโปรตีนที่มาจากสัตว์ ไม่ดีนั้น หมอขอแก้ความเข้าใจผิดตรงนี้ เพราะโปรตีนจากสัตว์มีคุณภาพดี ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น ส่วนโปรตีนจากพืชมีแง่ดี คือ ไม่มีไขมันอิ่มตัว ผู้ป่วยจึงควรกินโปรตีนให้ครบถ้วนทั้ง 2 อย่างในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้สารอาหารที่สมบูรณ์"

    ต้องการ ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็ง เข้าไปหาดูได้ที่ มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย www.tsco.or.th ใส่ใจกับการรับประทานอาหาร อาจทำให้มะเร็งร้ายหายขาดได้



    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320927572&grpid=&catid=09&subcatid=0901-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เปิดแผน7สำนักกทม.รับมือน้ำท่วมขัง

    เปิดแผน 7 สำนักกทม. รับมือน้ำท่วมขังกรุงเทพฯ แฉ ! โพยลึกลับ สั่งเปลี่ยนเส้นทางคาราวานช่วยคนกทม. เดิม มท.ประสานส่งมอบ 23 เขต แต่สุดท้ายไปแค่ 4 จุด ที่เหลือรอเก้อ

    นายสราวุธ สนธิแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า คำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อช่วยประชาชนเมื่ออยู่กับน้ำท่วมเป็นเวลานานๆ คือให้ผู้ป่วยหนักออกจากพื้นทีทันทีที่กทม.ประกาศให้อพยพ หรือหากจะตัดสินใจไม่ออกจากบ้านสำนักการแพทย์จะมีหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อน ที่เข้าไปรับตัว แต่คนไข้รายใดที่ไม่อพยพก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้อื่น ซึ่งผู้ป่วยจะต้องยอมรับสถานการณ์หากหน่วยแพทย์ไม่สามารถเข้าไปได้

    นอกจากนี้ หากมีประชาชนที่ไม่ได้อพยพ อาจเป็นเสี่ยงจะได้รับเชื่อโรค สารเคมีอันตรายที่มีผลต่อผิวหนัง หรือสัตว์ที่มากับน้ำได้ นายสราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับเชื้อโรคที่มากับน้ำที่ท่วม 1.โรคท้องร่วง เนื่องจากดื่มน้ำไม่สะอาด อาหารเป็นพิษ ซึ่งเชื่อโรคบางตัวพิษรุนแรงอันตรายทำให้ผู้ป่วยมีความดันต่ำและเสียชีวิต ได้ในเวลาต่อมา 2.ไข้หวัด ที่ส่วนใหญ่จะเกิดในศูนย์พักพิง เพราะมีโอกาสติดต่อกันสูง
    3.แผลติดเชื่อ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีอาการเรื้อรัง รักษายาก หรืออหิวาตกโรค ที่สำคัญ 4. เมื่อน้ำลดลงโรคที่จะมาอันดับแรก คือ โรคฉี่หนู เพราะจะมีหนูออกมาหาอาหาร ทำให้ผู้ป่วยหรือคนปกติจะติดเชื่อทางแผลและร่างกายส่วนต่างๆ เมื่อติดเชื่อจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และไตวาย
    ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทีมแพทย์กทม.ได้กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ รวมมือกับแพทย์ภาครัฐ เอกชน องค์กรสาธาณกุศลต่างๆ ตั้งหน่วยแพทย์ในจุดน้ำไม่ท่วม ศูนย์พักพิง หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทางรถและเรือ อาทิ เขตทวีวัฒนา บริเวณทางลงทางยกระดับราชชนนี บริเวณวังทวีวัฒนา วัดศาลาแดง เขตติดต่อบางบอนหนองแขม วัดศรีนวล วัดหนองแขม สมาคมชาวปักษ์ใต้ โรงเรียนบางแคเหนือเชิงสะพานพระราม 7 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โรงเรียนสามเสน ซอยจรัลสนิทวงศ์ 13 เป็นต้น

    ระดมแจกยาเวชภัณฑ์ 9 แสนชุด

    ด้านนางมนทิรา ทองสาริ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าว ว่า สำนักอนามัย ได้ดำเนินการดูแลประชาชนในช่วงก่อนและหลังน้ำท่วม 3 แผน ได้แก่ 1. ก่อนน้ำท่วม ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจบ้านที่มีคนชรา โดยสำนักอนามัยจะนำผ้าสีขาวไปผูกไว้ ส่วนผ้าสีเขียวจะเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักอนามัยได้แจกยาและเวชภัณฑ์ล่วงหน้าไปแล้ว 9 แสนชุด และได้เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลประชาชนที่ยังไม่ได้อพยพจากพื้นที่เพิ่ม เติม โดยมีการดูแลเรื่องความเครียด การป้องกันเรื่องไฟฟ้าและสุขอนามัยในเบื้องต้น
    2.ขณะเริ่มมีน้ำท่วม จะขอให้ผู้ป่วยและผู้สูงอายุอพยพออกมาก่อน เพราะศูนย์ของสำนักอนามัยในแต่ละเขตก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไปด้วย ทำให้เนื่องจากเกรงว่าจะช่วยเหลือได้อย่างลำบาก
    และ 3. ช่วงน้ำท่วมสูง หากยังพบว่ายังมีผู้ป่วยติดค้างในพื้นที่น้ำท่วม ก็จะส่งอาสาสมัครเข้าไปช่วยการอพยพ โดยอาจจะมีการประสานขอเรือหรือรถทหารเข้าไปช่วย โดยสำนักอนามัยจะมีหน่วยแพทย์ประจำจุด และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ช่วยเหลือเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมหนัก อาทิ สายไหม บางพลัดและทวีวัฒนา
    นางมนทิรา กล่าวว่า ในส่วนคำแนะนำให้ประชาชน หลังจากคาดว่าจะมีน้ำท่วมในกรุงเทพฯอีก 1 เดือน ขอให้ผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม อพยพออกมาก่อนที่สถานการณ์จะวิกฤติกว่านี้ เพราะถ้าสถานการณ์วิกฤติจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยากกว่าเดิม ซึ่งทางสำนักอนามัยกำลังเฝ้าระวังโรคติดต่อทางการหายใจ อาทิ โรคไข้หวัด ตาแดง แต่ที่กังวลมากคือเรื่องขยะที่จะมีเชื้อโรคแฝงเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย ดังนี้
    1. อย่าให้น้ำท่วมเข้าตาโดยเด็ดขาด 2. ตรวจสอบอาหารก่อนรับประทานทุกครั้ง 3. ทำความสะอาดมือทุกครั้ง 4. ทำให้ร่างกายอบอุ่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว 5. ความเครียด เมื่อต้องอยู่กับน้ำจะต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เป็นมิตรกับน้ำให้ได้ และ 6. สัตว์มีพิษที่มากับน้ำท่วม

    สิ้งแวดล้อมเร่งเก็บขยะท่วมกรุง

    นายบรรจง สุขดี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นสำนักสิ่งแวดล้อมจะเร่งรับผิดชอบการเก็บขยะที่ตก ค้างแต่ละเขต ซึ่งที่ผ่านมาได้ระดมเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะในเขตต่างๆ อาทิ เขตบางพลัดจัดเก็บได้ 135 ตัน เขตดอนเมืองจัดเก็บได้ 60 ตัน เขตตลิ่งชันจัดเก็บได้ 24 ตัน เขตหลักสี่ 12 ตัน เขตภาษีเจริญ 57 ตัน เขตสายไหม 9 ตัน เขตบางเขน 18 ตัน แต่สำนักสิ่งแวดล้อมยังไม่สามารถประเมินปริมาณขยะในขณะนี้ได้ เนื่องจากยังมีขยะตกค้างอีกจำนวนมากพอสมควรในหลายพื้นที่ แต่สำนักสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
    นายบรรจง กล่าวอีกว่า สำหรับขยะในกรุงเทพฯจะแยกเป็น 2 ประเภท คือ 1.ขยะอันตราย เช่นขยะตามโรงพยาบาล คลินิค สำนักสิ่งแวดล้อมได้ว่าจ้าง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เป็นผู้จัดเก็บเฉลี่ยวันละ 30 ตันต่อวัน โดยนำไปไว้ที่ศูนย์พักขยะที่อ่อนนุช แต่หากที่อ่อนนุชมีปัญหาน้ำท่วมจนวิกฤติ ก็จะต้องหาพื้นที่พักขยะเหล่านี้ต่อไป
    ส่วนประเภท 2 คือ ขยะทั่วไปซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักสิ่งแวดล้อม จะมีการขนขยะจากเขตที่มีการรวบรวมไว้ จากนั้นจะนำไปพักที่อ่อนนุชเพื่อขนถ่ายไปที่จ.ฉะเชิงเทราต่อไป ทั้งนี้ หากอ่อนนุชมีปัญหาน้ำท่วมทางสำนักสิ่งแวดล้อมก็ได้เตรียมพื้นที่พักขยะไว้ แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

    สำนักระบายน้ำหวั่นขยะทำเครื่องสูบน้ำพัง

    นายจิระศักดิ์ จิวาลักษณ์ ผู้อำนวยการกองระบบคลอง สำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าว ว่า กทม.ได้ระดมลูกจ้างชั่วคราวกว่า 1,000 คน ในการจัดเก็บผักตบชวา วัชพืช และขยะมูลฝอยในคูคลองหลักทั้งหมดจำนวน 1,600 คลอง เพื่อเร่งเปิดทางให้การระบายน้ำคล่องขึ้น โดยจะดำเนินการจัดเก็บเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง
    ทั้งนี้ หากมีผู้ร้องเรียนมา กทม.จะจัดส่งหน่วยพิเศษเข้าไปจัดเก็บทันที แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ ขยะประเภทยางรถยนต์ ที่นอน และท่อนไม้ขนาดใหญ่จะมุดเข้าไปในเครื่องสูบน้ำของ กทม. ซึ่ง อาจทำให้ใบพัดติดขัดและชำรุดเสียหายได้ ดังนั้น จึงเร่งระดมเจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำที่สำคัญ เช่น คลองสอง คลองพระราชดำริ คลองทวีวัฒนา
    นายจิระศักดิ์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา กทม.จะจัดเก็บผักตบชวาออกไปเป็นจำนวนมาก โดยมีวัชพืชตกค้างเพียงอยู่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่และน้ำเหนือไหลบ่า ทำให้ผักตบชวา ขยะ และเศษวัสดุต่างๆ ไหลลงมาจากทางเหนือเพิ่มเติม ซึ่ง กทม.ไม่สามารถสกัดกั้นได้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ปลายน้ำ
    ทั้งนี้ ก่อนที่น้ำจะท่วมถนนวิภาวดีและพหลโยธิน กทม.ได้เข้าไปจัดเก็บผักตบชวาที่คลองสองจนเกือบหมดแล้ว แต่ก็พบว่า ยังมีวัชพืชและขยะทะลักเข้ามาเพิ่ม ซึ่งต้องให้กรมประทานและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจัดเก็บตั้งแต่ต้นทาง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของ กทม.ด้วย

    เล็งปรับผังเมืองรับมือน้ำท่วมกรุง

    ม.ร.ว.เปรมศิริ เกษมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้มากผิดปกติ ซึ่งการป้องกันทำได้ยาก ทำให้สำนักผังเมืองจะมีการหารือกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการด้านน้ำเพื่อเป็นแนวทางการวางผังเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการหารือวันที่ 10 พ.ย.เวลาบ่ายโมงเป็นต้นไป
    ทั้ง นี้ ที่ผ่านมา การวางผังเมืองด้านตะวันออกของกรุงเทพฯที่อยู่นอกแนวคันกันน้ำพระราชดำริ หรือพื้นที่สีเขียวประกอบด้วยเขตคลองสามวา มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นพื้นที่ทางน้ำไหล มีโอกาสเสี่ยงกับภัยพิบัติได้ ดังนั้นสำนักผังเมืองยังมีการควบคุมพื้นที่ไม่ให้มีการก่อสร้างหรือพัฒนา พื้นที่ตามข้อบัญญัติกทม. ตั้งแต่ปี 2525 เพื่อป้องกันน้ำที่จะท่วมมากขึ้น

    ส่งสังคมสงเคราะห์เยียวยาคนเครียดน้ำท่วม

    นายโกสิน เทศวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในกรุงเทพฯที่ผ่านมา มีการตั้งโรงครัวในแต่ละเขต โดยได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดต่างที่จะจับคู่การช่วยเหลือกับเขตที่ประสบ ภัยน้ำท่วม โดยสำนักพัฒนาสังคมจะร่วมเข้าไปช่วยเหลือเรื่องงบประมาณ ที่นอน อาหาร ซึ่งส่วนหนึ่งมีการประสานให้เอกชนเข้าร่วมช่วยเหลือ
    นอกจากนี้ สำนักพัฒนาสังคมจะเน้นการดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบกับเหตุน้ำท่วม หากเกษตรกรคนใดที่ลงทะเบียนก็จะส่งผลสำรวจไปทางกระทรวงเกษตร และสหกรณ์เพื่อนำงบประมาณมาเยียวยาเพิ่มเติม ขณะที่สภาพจิตใจของผู้ประสบภัยขณะนี้พบว่า ส่วนใหญ่มีอาการเครียดจากสภาวะน้ำท่วม จึงได้ส่งนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปดูกลสภาพจิตใจตามบ้านเรือน และศูนย์พักพิงของกทม.เพื่อช่วยบรรเทาอาการเครียดให้กับผู้อพยพ

    โยธาฯเร่งสร้างทางเดินไม้เข้าชุมชน

    นายวินัย ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า ทางสำนักการโยธาได้เข้าไปสนับสนุนเขต กองทัพบก หรือกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบกับน้ำท่วมในกรุงเทพฯ อาทิ การทำทางเดินไม้ตามหมู่บ้านหรือชุมชน แต่ผลกระทบที่เกิดกับสำนักโยธาโดยตรงคืออุโมงค์รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม 1 แห่งคืออุงโมงค์แยกบางพลัด ซึ่งไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งขณะนี้กำลังเฝ้าระวังเพิ่มเติมคืออุโมงค์ลอดแยกสุทธิสารเนื่องจากมีน้ำ เริ่มเข้าท่วมในบริเวณใกล้เคียง
    ทั้งนี้ แผนการฟื้นฟูระยะยาวจะต้องให้สถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯคลี่คลายจึงสามารถ เข้าไปสำรวจว่าสิ่งปลูกสร้างเสียหายแค่ไหนเพื่อหาแนวทางแก้ไข

    แฉ! โพยลึกลับ สั่งเปลี่ยนเส้นทางคาราวาน ช่วยคนกทม.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานปล่อยคาราวานรถ 800 คัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตามโครงการ "รัฐบาลรวมใจช่วยผู้ประสบภัยทั่วไทย" ที่ลานพระราชวังดุสิต เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังประชาชนกทม. 23 เขต นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวรายงานตอนหนึ่งในงานดังกล่าวว่า เป็นการให้ความช่วยเหลือแบบครบวงจรในรูปแบบคาราวาน "1 จังหวัด 1 เขต กทม." ไปยังผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ กทม. 23 เขต
    นอกจากนี้ ยังมีขบวนคาราวานครัวรัฐบาล จาก 18 จังหวัด จังหวัดละ 3 คัน รวม 54 คัน คาราวานน้ำดื่มจำนวน 32 คัน คาราวานรถเก็บขยะจำนวน 80 คัน คาราวานเครื่องกรองน้ำ จำนวน 300 ชุด คาราวานสุขาลอยน้ำ จำนวน 100 คัน คาราวานสุขาพกพา จำนวน 1,000 ชุด รถบรรทุกช่วยเหลือการเดินทางของผู้ประสบภัย จำนวน 180 คัน
    ทั้งนี้ มีชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยฉุกเฉิน (ERT) โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทีมแพทย์ฉุกเฉิน ทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จำนวน 60 คัน รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์และถุงยังชีพ และในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้จัดขบวนรถเข้าร่วมโครงการจำนวน 36 คัน
    แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการที่นายกฯ และรมว.มหาดไทย ระบุว่า จะกระจายขบวนคาราวานไปใน 23 เขตกทม.นั้น เดิมทีทางกระทรวง ได้มีการประสานกับตัวแทน 23 เขตกทม.ไว้เป็นที่รียบร้อยแล้ว เพื่อให้รอรับมอบความช่วยเหลือหลังปล่อยคาราวาน แต่ปรากฏว่า ก่อนถึงพิธีปล่อยคาราวานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีโพยที่เขียนด้วยลายมือออกมาบอกแจ้งว่าให้ปล่อยคาราวานไปแค่ 4 เส้นทาง
    คือ เขตดุสิต 1 จุด กทม.ฝั่งตะวันออก 1 จุด ฝั่งตะวันตก 1 จุด และจุดสุดท้ายให้ประสานกับส.ส.คนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมด มีการระบุในโพยว่า จะต้องประสานกับใครและให้ไปส่งที่ไหน จนทำให้คาราวานที่เดิมจะต้องไป 23 เขต ไปได้เพียงแค่ 4 จุดเท่านั้น และทำให้เขตที่คาราวานได้นัดหมายไว้แล้ว ต่างต้องรอเก้อ
    แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของคนที่มาร่วมการเปิดงานนั้น ก็มีการนำข้าราชการ อาสาสมัครมาจากหลายหน่วยงาน รวมไปถึงตัวแทนประชาชนในกทม.เขตที่ประสบภัยเขตละ 5 คน และจังหวัดที่ประสบภัยจังหวัดละ 50 คน ซึ่งประชาชนเหล่านี้ ได้รับการแจ้งว่า ให้มาร่วมงานแล้วจะได้รับถุงยังชีพ
    อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ไม่ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่จะแจกถุงยังชีพ จึงถูกโยนให้ไปรับถุงยังชีพของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) โดยในส่วนของคนกทม.ได้รับไปแล้ว แต่ในส่วนของต่างจังหวัดนั้น เนื่องจากถุงยังชีพไม่พอ ปภ.จึงจะนำไปมอบในภายหลัง


    -http://www.komchadluek.net/detail/20111111/114627/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%997%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%87.html-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สิ่งประจักษ์ "น้ำท่วม" เพราะใคร?

    เปลว สีเงิน

    มีเรื่องอยากคุย-อยากเล่า-อยากบอกเยอะ มนุษย์ด้วยกันจะได้เตรียมตัว-เตรียมใจกันทัน เพราะนี่มันก็ใกล้เวลา "นรก-สวรรค์" กำหนดเข้ามาทุกทีแล้ว เผอิญมีผู้ส่งข้อเขียน "ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต" ใน FB มาให้อ่าน ประจวบกับระยะนี้ขบวนการ "ไพร่จัณฑาล" สร้างข่าว โดยใช้ "ชื่อเขื่อนใหญ่ ๒ แห่ง" เป็นแพะ หวังให้ชาวบ้านที่พวกเขาหลอกใช้หลงเชื่อ "เป็นตัวการ" ปล่อยน้ำให้ท่วม หวังทำลายรัฐบาล "น้องสาวทักษิณ"
    อารยชนทั้งหลายฟังแล้วก็เศร้าใจ กับอนันตริยกรรมที่เขาเหล่านั้นสร้างขึ้น เรียกว่าเลวทรามหยาบช้า สุดที่อภัยฟ้า-อภัยดิน จะมีให้ได้!
    ผมก็เห็นข้อเขียน ดร.พิชายนี้ "ทำความจริงประจักษ์" ได้ดี ไม่ใช่การตอบโต้ ไม่ใช่การแก้ต่างคำป้ายสีพวกไพร่จันฑาลนั้น หากแต่ทรงศักดิ์แห่งตน ด้วยการลำดับความเชิงวิเคราะห์บน "ข้อมูลประจักษ์" ให้รับรู้-รับทราบ เพื่อการเข้าใจที่ถูกต้องตามเป็นจริง ผมขออนุญาตนำเผยแพร่ ดังนี้
    เกมอำนาจกับการจัดการน้ำ
    ปัญญาพลวัตร โดย...ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
    ในสังคมใด เมื่อมนุษย์ผู้ใดกลุ่มใดโชคดีมีอำนาจขึ้นมา แต่ขาดภูมิปัญญา ใช้อำนาจไม่เป็นและใช้ไปอย่างผิดทาง ก็จะสร้างความหายนะแก่สังคม และท้ายที่สุดอำนาจก็จะหวนกลับมาทำลายตนเอง ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
    ขณะที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีฝึกงาน กำลังสาละวนและละล้าละลังในการจัดการกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอ ก็หมกมุ่นกับการช่วงชิงอำนาจกับฝ่ายทหาร โดยด้านหนึ่งวิพากษ์ทหารว่าเสพติดอำนาจ และอีกด้านหนึ่งก็สนับสนุนให้ ส.ส.ในสังกัดดำเนินการแก้ พ.ร.บ. กลาโหม เพื่อช่วงชิงอำนาจในการแต่งตั้งนายทหารระดับสูง จากเดิมที่อยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ ให้มาอยู่ภายใต้นักการเมือง
    ด้วยความที่หมกมุ่นอยู่กับการแสวงหาแนวทางและวิธีการที่จะช่วยเหลือพี่ชาย ให้กลับสู่ประเทศไทยโดยปราศจากความผิด ความอ่อนหัดไร้ประสบการณ์การบริหารราชการแผ่นดิน ความจำกัดของความรอบรู้ในปัญหาและระบบงานราชการ ส่งผลให้การตัดสินใจในการแก้ปัญหาของ "ผู้นำจำเป็น” ของประเทศไทย เกิดความล่าช้าและผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการใช้อำนาจก็เป็นไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ และไร้ทิศทาง
    ปัญหาวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในปัจจุบัน ได้แสดงตัวออกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และปรากฏอย่างชัดเจนในเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา พายุหลายลูกที่พัดผ่านประเทศไทยตอนบนก่อให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปี ก่อนๆ ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายของการถูกน้ำท่วม ตามมาตรฐานของหลักการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนต่างๆ เมื่อน้ำไหลเข้าเขื่อนจำนวนมากก็ต้องเพิ่มปริมาณการระบายน้ำออกมา แต่ในครั้งนี้หลักการดังกล่าวกลับเกิดขึ้นอย่างล่าช้าเพราะมี "อำนาจ” บางอย่างสั่งให้เจ้าหน้าที่เขื่อนกักน้ำไว้ก่อน และกำหนดให้ระบายน้ำออกมาราวกับว่าเป็นสถานการณ์ปกติ จนกระทั่งถึงจุดที่ใกล้วิกฤติของเขื่อน จึงได้มีการเพิ่มปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อน อำนาจที่ว่านั้นมิใช่อำนาจลึกลับใดๆ แต่เป็นอำนาจซึ่งดำรงอยู่ในคณะรัฐมนตรีนั่นแหละ
    เหตุผลที่มีการสั่งกักน้ำไว้ก่อน หากมองในแง่บวกก็คือ เป็นเจตนาดีที่ไม่ต้องการให้มี "มวลน้ำ" ไหลลงสู่แม่น้ำในปริมาณที่มาก น้ำจะได้ไม่ท่วม แล้วค่อยๆ ทยอยเพิ่มปริมาณการระบายน้ำในภายหลัง แต่เจตนาดีเหล่านี้ย่อมมีแรงจูงใจอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือการรักษาคะแนนนิยมในกลุ่มประชาชนภาคเหนืออันเป็นฐานเสียงของรัฐบาล และในท้ายที่สุด กลับทำให้เกิดมหาอุทกภัยซึ่งสร้างความหายนะแก่ประเทศไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในประวัติศาสตร์
    ความแปลกประหลาดของการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในครั้งนี้ มีร่องรอยให้สืบสาวจากข้อมูลที่ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพลสัมภาษณ์เอาไว้ นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพลระบุว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 ถึงเดือนกันยายน 2554 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ย 1,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อเดือน รวมห้าเดือนมีน้ำเข้าไปอยู่ในเขื่อนภูมิพลประมาณ 5,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงห้าเดือนนั้นเขื่อนระบายน้ำออกมาเพียงเดือนละ 100 กว่าล้าน ลบ.ม.เท่านั้น รวมห้าเดือนก็ระบายออกประมาณ 500 ลบ. ม. หรือมีน้ำเข้าเขื่อนมากกว่าน้ำที่ระบายออกมาถึงประมาณ 10 เท่า
    ปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาในช่วง 5 เดือน เฉลี่ยประมาณแค่ 5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเท่านั้น แต่ในเดือนตุลาคมได้มีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยในช่วง 1-4 ตุลาคม เพิ่มเป็น 40-60 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ต่อมาระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคม เพิ่มเป็น 100 กว่าล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และในช่วง 12-19 ตุลาคม ลดลงเหลือประมาณ 50-80 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน รวมอย่างคร่าวๆ น้ำในเขื่อนภูมิพลที่ระบายออกมาเฉพาะ 16 วันของเดือนตุลาคม มีประมาณ 1,200 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 2 เท่ากว่าของช่วงห้าเดือน (150 วัน) ซึ่งปล่อยออกมาเพียงประมาณ 500 ล้าน ลบ.ม.
    สำหรับพายุที่เข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมมี 2 ลูก คือปลายเดือนมิถุนายนมีพายุไหหม่า ต่อมาในปลายเดือนกรกฎาคมก็เกิดพายุนกเตน พายุสองลูกนี้นำน้ำจำนวนมหาศาลเข้าประเทศไทย แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลก็ยังปล่อยเท่าๆ กับเดือนพฤษภาคม
    เป็นไปได้ว่า ระหว่างนั้นนักการเมืองผู้ทรงอำนาจทั้งหลายคงไม่มีเวลาเพียงพอในการดูแล จัดการปัญหาเรื่องน้ำในเขื่อน เพราะมัวแต่แข่งขันเลือกตั้งช่วงชิงอำนาจ แม้ว่าน้ำได้ท่วมในบางพื้นที่บางจังหวัดแล้ว สิ่งที่นักการเมืองทำก็คือ การฉวยโอกาสอาศัยความเดือดร้อนของประชาชนเป็นแหล่งในการหาเสียงสร้างคะแนน นิยมเท่านั้น ไม่มีการเตรียมการใดที่จะรับมือกับมหันตภัยที่กำลังคุกคามอยู่แม้แต่น้อย
    รัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์ตั้งขึ้นมาต้นเดือนสิงหาคม ปัญหาเรื่องน้ำก็ยังเป็นเรื่องเล็กสำหรับรัฐบาล ส่วนปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การหาทางในการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ให้กลับเข้ามาในประเทศไทยโดยปราศจากความผิดติดตัว การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อกระชับอำนาจให้แข็งแกร่ง การเจรจาและจัดงานบันเทิงเฉลิมฉลองเตะฟุตบอลร่วมกับผู้นำประเทศกัมพูชา การสนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ การช่วยเหลือเยียวยาสาวกของเสื้อแดง การพยายามแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม และการหาแนวทางต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้
    สิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องปัญหาน้ำท่วมก็มีบ้าง เช่น การรับบริจาค การออกไปเยี่ยมเอาของไปแจกผู้ประสบภัยบางคนบางพื้นที่ เพื่อสร้างภาพเป็นนายกฯ นางงามแจกของ แต่ยังไม่เห็นความตระหนักในการแก้ปัญหา และการคิดอย่างเป็นระบบเชิงบูรณาการเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมแม้แต่น้อย เราจึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนอื่นๆ ทั้งที่เขื่อนเหล่านั้นมีน้ำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลจากพายุทั้งสองลูกที่ เข้ามา
    ต่อมาในปลายเดือนกันยายน พายุก็ได้เข้ามาประเทศไทยอีก 2 ลูกคือ ไห่ถาง กับเนสาด และต้นเดือนตุลาคม พายุนาลแกก็พัดเข้ามา พายุทั้งสามทำให้ฝนตกหนักและน้ำจำนวนมหาศาลไหลเข้าเขื่อน จากการที่เขื่อนปล่อยน้ำน้อยก่อนหน้านั้น ทำให้ความสามารถในการรับน้ำใหม่ที่เข้ามามีต่ำลง เขื่อนจึงจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการปล่อยน้ำอย่างมหาศาลตั้งแต่ต้นเดือน ตุลาคมเป็นต้นมา
    ถึงกระนั้นรัฐบาลก็ยังคงสับสนและมะงุมมะงาหราอยู่ ทำอะไรไม่ถูกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ และเพิ่งมาคิดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นมา โดยมีหน้าที่ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัย และประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำเป็นหลัก
    การตั้งชื่อและกำหนดหน้าที่ของ ศปภ.ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลมีวิธีคิดในการแก้ปัญหาอุทกภัยแบบเสี่ยงและมีแนวทางในเชิงการตั้งรับ คือคิดเพียงแต่ว่าเมื่อน้ำท่วมแล้วจะช่วยอย่างไร ฟื้นฟูอย่างไร รวมทั้งแค่แจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำเท่านั้น โดยไม่ได้คิดถึงว่าจะจัดการหรือควบคุมมวลน้ำจำนวนมหาศาลอย่างไร เพื่อบรรเทาความรุนแรงและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม การทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบใน ศปภ.สะท้อนถึงตัวตนที่อ่อนหัด ทำงานไม่เป็นในการรับมือและแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น
    ในความคิดของผม หลักการสำคัญของการจัดการมวลน้ำที่ท่วมขังมีอยู่ 3 ประการ คือ การผลักดันมวลน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การควบคุมน้ำให้อยู่ในพื้นที่ซึ่งสร้างผลกระทบน้อยที่สุดไว้ชั่วคราว และการป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่สำคัญ การจะดำเนินการตามหลักการทั้งสามนั้น อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนบางกลุ่ม และอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นมาได้ ดังนั้น การใช้อำนาจตามปกติจึงไม่สามารถจัดการตามหลักการทั้งสามได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เมื่อการจัดการขาดประสิทธิภาพ สิ่งที่ตามมาก็คือ คะแนนนิยมรัฐบาลลดลงเรื่อยๆ ขณะที่กองทัพกลับได้รับคะแนนนิยมเพิ่มเติมจากการลงไปช่วยเหลือประชาชนทุกรูป แบบ ทั้งการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในบางพื้นที่ และการช่วยเหลืออื่นๆ แก่ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว แม้ว่ากองทัพจะเป็นกลไกของรัฐ แต่เป็นกลไกที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์และแกนนำเสื้อแดงมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เท่าไรนัก มีความระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าทหารจะทำรัฐประหาร
    ดังนั้นเมื่อทหารมีคะแนนเพิ่มขึ้น ก็สร้างความหวั่นวิตกแก่ทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เป็นเหตุให้เขาต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทำลายความน่าเชื่อถือของทหารโดยระบุว่า "ทหารเสพติดอำนาจ” และต่างชาติไม่ยอมรับการรัฐประหาร ทั้งที่ผู้เสพติดอำนาจอย่างโงหัวไม่ขึ้น ทำลายหลักประชาธิปไตยและหลักธรรมาภิบาลมากที่สุดคนหนึ่ง ก็คือตัวทักษิณเองนั่นแหละ การเดินเกมเพื่อช่วงชิงอำนาจในการแต่งตั้งนายทหารระดับสูง จึงกลายเป็นเกมสำคัญของทักษิณ หากเขาชนะในเกมนี้ ทักษิณก็จะควบคุมการแต่งตั้งโยกย้ายทหารได้ทั้งหมดผ่านน้องสาวที่เป็นหุ่น เชิดของเขา แต่ความฝันของเขาอาจเป็นฝันสลาย เพราะอาจถูกพลังอันมหาศาลของสายน้ำทำลายลงไป ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ
    ความจริงเรื่องน้ำอยากให้ทุกท่านทราบ และช่วยกันโพสต์ต่อไป เอาเฉพาะลิงก์ก็ได้
    วันที่ 24 มิ.ย. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 7,500 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 22 ก.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 19 ส.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 9,800 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 2 ก.ย. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 10,600 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 14 ต.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
    แสดงว่ารัฐบาลชุดก่อนไม่ได้สั่งเก็บ และไม่มีทางที่จะสั่งปล่อยได้ ปัญหาคือ รัฐบาลชุดนี้รู้ว่าน้ำมากและพายุจะเข้าแต่ไม่พร่องน้ำออกมา
    ข้อมูลดิบ (ตามที่แนบ file) ท่านสามารถดูได้ที่ water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-bb/graph-bb.htm
    ครับ...นี่คือบทวิเคราะห์ด้วย "ข้อมูลประจักษ์" ด้านหนึ่งของ ดร.พิชาย ก็ยังมีบทวิเคราะห์ด้วย "หลักฐานประจักษ์" จากอีกหลายๆ ท่านที่ผมอ่านพบ แล้วจะค่อยๆ นำน้ำขาวมาไล่น้ำครำ.


    -http://www.thaipost.net/news/051111/47632-

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คำตอบ 'Flood Way อยู่ที่ไหน?'


    เปลว สีเงิน

    ซึ้งน้ำใจคนฝั่งธนฯ คนมหาชัย และคนนครปฐม อันเป็นคน "ฝั่งตะวันตก" ยิ่งนัก ท่วมหนักมิคาดหมายก็ไม่เกี่ยง ไม่โวยวายโทษใคร ลำพัง "การน้ำ" ปกติจะไม่ขนาดนี้ แต่เพราะ "การเมือง" จึงรับเคราะห์ชนิดไม่ควรเกิด ถ้าดูตามยุทธศาสตร์การน้ำแล้ว ฝั่งตะวันตกไม่ใช่ทางหลักในการระบายน้ำจากเหนือ-จากกรุงเทพฯ ลงสู่ทะเล จึงไม่มีแนวต้านรับและอุปกรณ์หลักติดตั้งอยู่ด้านนี้
    ต่างกับ "ฝั่งตะวันออก" ที่ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การระบายน้ำลงสู่ทะเลทางสมุทรปราการ ดังนั้น ทั้งคลอง ทั้งประตูน้ำ ทั้งเครื่องสูบ รวมถึงอุโมงยักษ์ เรียกว่าสารพัด กรมชลประทานและ กทม.พร้อมพรักรับมือน้ำอยู่ทางนี้
    แต่เมื่อการน้ำเจอการเมือง บวกดีแต่โม้ของ ศปภ. น้ำก้อนใหญ่จากเหนือแทนที่จะไปลงสู่ทะเลตามทางที่จัดไว้ให้ เมื่อเจอ "การเมืองเหนือนายกฯ" จึงไหลบ่าแบบเบี่ยงทิศและผิดทาง จนกรุงเทพฯ ชั้นใน และคนฝั่งธนฯ คนมหาชัย คนนครปฐม แทนที่จะท่วมแค่เปียก เป็นท่วมแค่หัว
    ขณะนี้สังคมชนถามกันมากว่า แล้ว "ฟลัดเวย์" หรือกรีนเบลต์ เส้นทางเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยทางฝั่งตะวันออก ตามแนวพระราชดำริในการป้องกันน้ำท่วมเมืองนั้น อยู่ที่ไหน สร้างเสร็จแล้วหรือยัง?
    ไม่มีฝ่ายไหน ใครตอบ...ผมโชคดีอยู่อย่าง มักมีคนค้นนั่น-นี่ส่งให้อ่านประจำ เมื่อวาน (๙ พ.ย.๕๔)คุณ Somchai K. อีเมล์บทความหนังสือพิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ฉบับวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๗ มาให้ อ่านแล้วเห็นว่าพอจะตอบคำถามนั้นได้ ก็อยากให้ท่านอ่านบ้าง ดังนี้
    สืบเนื่องจากหนังสือพิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบการ และกลุ่มนักการเมืองที่ได้ออกมาเคลื่อนไหว ขอแก้ไขผ่อนปรนร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (กทม.) ฉบับใหม่ ที่จะประกาศใช้แทนผังเมืองรวม กทม.ฉบับที่ 414 ที่หมดอายุลงไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2547 และ กทม.กำหนดที่จะประกาศใช้ในช่วงสิ้นปี 2547 ไม่เกินเดือนมกราคม 2548 นั้น
    ล่าสุด นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้ร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบตั้งแต่ช่วงปลายปี 2547 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถประกาศได้ในราวต้นปี 2548 แต่ยังไม่สามารถระบุว่าจะเป็นช่วงไหน ขึ้นอยู่กับ ครม.จะพิจารณาแก้ไขหรือจะมีการเลื่อนการประกาศผังเมืองรวม กทม.ใหม่ออกไป
    ต่อข้อถามที่ว่า จะต้องมีการแก้ไขเนื้อหาสาระเพิ่มเติมหรือไม่ หากเอกชนเห็นว่าร่างผังดังกล่าวมีความเข้มงวดเกินไป นายอภิรักษ์กล่าวว่า ยอมรับว่าร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับที่จะออกมาบังคับใช้แทนผังเมืองฉบับเก่าที่หมดอายุลง เนื้อหาสาระน่าจะเหมาะสมแล้ว เพียงต้องการให้ภาคเอกชนและประชาชนร่วมทำความเข้าใจและวางแผนพัฒนาที่ดินตาม ผังเมืองในอนาคตมากกว่า อย่างไรก็ดี กรณีที่จะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระของร่างผังเมืองรวม กทม.ตามที่มีการร้องเรียนให้แก้ไขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ครม.ว่าจะเห็นสมควรอย่างไร
    ในขณะที่แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำหนดจะนำร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่เข้า ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบภายหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้าที่เชื่อว่ารัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีเสียงข้างมากและเข้ามาบริหารประเทศต่ออีกสมัย
    ทั้งนี้ ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้ท้วงติง กทม.ไปพิจารณาร่างผังเมืองข้อ 38 ใหม่ ที่กำหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินรองหรือพื้นที่โควตา 10% ของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลัก อาทิ การอนุญาตให้พัฒนาเชิงพาณิชย์ 10% ในพื้นที่สีเขียว ซึ่งกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเป็นหลัก ฯลฯ โดยตั้งข้อสังเกตว่าไม่จำเป็นต้องสอบถามจาก กทม.อีกว่าใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ได้ เพราะจะเกิดความล่าช้าและมอบหมายให้ กทม.ไปหารือกับกฤษฎีกาว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร
    อย่างไรก็ดี ตามข้อเท็จจริงแล้วกรณีที่มีการประกาศบังคับใช้ผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ล่าช้าออกไป แหล่งข่าวกล่าวยืนยันว่า เพราะมีกลุ่มนักการเมืองหลายกลุ่มในพื้นที่ อย่างกรณีของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี พรรคไทยรักไทย และพวกพ้อง เป็นแกนนำในการวิ่งล็อบบี้รัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อขอปรับสีผังบริเวณแนว "ฟลัดเวย์" หรือพื้นที่สีขาวทแยงเขียวทั้งหมด ที่กำหนดให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม โซนตะวันออกบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิจำนวนกว่าแสนไร่
    ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณเขตมีนบุรี เขตหนองจอกบางส่วน เขตลาดกระบัง เขตคลองสามวา ที่ร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่กำหนดให้ใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น หากต้องการจัดสรรที่ดินเชิงพาณิชย์จะต้องมีขนาดแปลงที่ดินขนาด 1,000 ตารางวา หรือ 2.5 ไร่ขึ้นไป จากผังเดิมกำหนดให้พัฒนาตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไปได้ โดยเสนอให้ปรับจากสีขาวทแยงเขียว หรือเขียวลาย เป็นพื้นที่สีเหลือง หรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย เพื่อสามารถพัฒนาได้ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
    ทั้งๆ ที่บริเวณดังกล่าวเป็นแนวพระราชดำริ กำหนดให้เป็นแนวฟลัดเวย์หรือพื้นที่รับน้ำมาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากทางตอนเหนือของ กทม.ระบายลงสู่อ่าวไทยเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ดังนั้นกทม.จึงไม่สามารถที่จะปรับตามที่เอกชนและนักการเมืองกลุ่มดังกล่าว ต้องการได้
    แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้วช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุน นักการเมืองได้พยายามยืมมือประชาชนเจ้าของพื้นที่ โดยร่วมกับกลุ่มพัฒนาที่ดินส่งเรื่องร้องเรียนมายัง กทม.และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดเสียงร้องเรียนจำนวนมากๆ เพื่อต้องการผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง เพราะมีที่ดินอยู่ในแถบนั้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่
    ทั้งนี้ จากปัญหาในเรื่องของการเรียกร้องการปรับสีผังแนวฟลัดเวย์ดังกล่าว ทาง กทม.จะร่วมกันหาทางออกกับกรมชลประทาน ด้วยการขุดคลองระบายน้ำใหม่ขึ้นมาแทนที่แนวฟลัดเวย์ที่กำหนดเป็นพื้นที่รับ น้ำทั้งหมด ซึ่งจะสามารถปรับพื้นที่แนวฟลัดเวย์ที่เหลือเป็นพื้นที่สีเหลืองในอนาคต ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนี้ราว 2 ปีนับจากนี้เป็นต้นไป แต่ขณะนี้ กทม.ขอยืนยันว่าไม่ปรับเปลี่ยนสีผังอย่างเด็ดขาด"
    จากการสำรวจของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่ามีกลุ่มนักการเมืองและบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่มีที่ดินอยู่ในพื้นที่ ขาวทแยงเขียวจำนวนมาก อาทิ กลุ่มของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี พรรคไทยรักไทย และพี่น้องที่เป็นทั้งสมาชิกสภา กทม.(ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต กทม.(ส.ข.) โดยมีที่ดินรวมกันประมาณกว่า 1,000 ไร่ กลุ่มนายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท เวชธานีกรุ๊ป มีที่ดินประมาณ 500 ไร่
    นางราศรี บัวเลิศ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท แชลเลนจ์ กรุ๊ป มีที่ดินบริเวณย่านสุวินทวงศ์ จำนวน 600 ไร่, นายประสงค์ เอาฬาร กรรมการบริษัท ฟอร์ร่าวิล์ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรมีที่ดินบริเวณสุวินทวงศ์ จำนวน 300 ไร่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ของนายประทีบ ตั้งมติธรรม มีที่ดินอยู่ย่านสุวินทวงศ์ 50 ไร่
    นอกจากนี้ บริษัท พฤกษา จำกัด มีที่ดินประมาณ 300 ไร่ ของนายเจ้าพ่อบ้านราคาถูก นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ บริษัท เค.ซีกรุ๊ป ของนายอภิสิทธิ งามอัจฉริยะกุล มีที่ดินประมาณ 2,000 ไร่บริเวณคลองสามวา บริษัท แลนด์แอนเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ของนายอนันต์ อัศวโภคิน มีที่ดินจำนวน 50 ไร่ นางเพียงใจ อัศวโภคิน ซึ่งเป็นมารดาของนายอนันต์ มีที่ดินอยู่บริเวณเขตลาดกระบังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิจำนวน 2 แปลง รวม 1,000 กว่าไร่
    นายวันชัย ชูประภาวรรณ เจ้าของบริษัท ประภาวรรณกรุ๊ป มีที่ดินย่านสุวินทวงศ์ประมาณ 100-200 ไร่ บางกอกแลนด์มีที่ดินหลายร้อยไร่ และยังพบว่าตระกูลดังเมืองปากน้ำ "อัศวเหม" เองก็มีที่ดินในย่านดังกล่าวหลายร้อยไร่เช่นเดียวกันกัน
    ครับ...เอาเท่านี้พอ ยังไม่จบข่าวแต่เนื้อที่ตรงนี้น้อย ถ้าอยากอ่านจนจบก็ลองคลิกไปที่ Real Estate Information Center
    ขอปิดท้ายด้วยรายชื่อผู้บริจาคเงินสมทบกันมอบ "มูลนิธิชัยพัฒนา" ช่วยเหลือผู้ถูกน้ำท่วมเมื่อ ๒๑ ต.ค. จำนวน ๓๑๔,๓๑๑ บาท ต่อจากวันก่อน
    คุณมานะ/คุณหนูมน ทีฆาวงศ์ รวม ๒๐๐ บาท
    คุณชัยนำ ชัยไทยพินดี ๕๐๐ บาท
    คุณสุขสม/คุณคณิน/คุณธนพล/คุณกุลโรจน์/คุณสุขใจ ชัยไทยพินดี รวม ๙๐๐ บาท
    คุณสุนีย์ รุ่งชัยเจริญ ๑๐๐ บาท
    คุณวิวัฒน์ สินธำรง ๑๐๐ บาท
    คุณเรียง ถาวร ๒๐ บาท
    คุณสุวิมล แซ่จัง ๑๐๐ บาท
    คุณปิยะนันท์ สุรธนาพิพัฒน์ ๑๐๐ บาท
    คุณ Nszim/คุณ Shohag รวม ๑๐๐ บาท
    คุณโฉมฉาย อรุณฉาน ๒,๐๐๐ บาท
    และในกล่องรับบริจาค รวม ๔๗,๒๐๑ บาท
    ครับ..เป็นอันว่ารายชื่อครบตามบัญชีแล้ว เงินทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาไปเมื่อ ๒๘ ต.ค.๕๔ ด้วยจิตเอื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของท่าน ก็เป็นไปตามนั้นแล้วทุกประการ.

    -http://www.thaipost.net/news/101111/47903-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    จาก New Thailand ถึง Rebuild

    เปลว สีเงิน

    ๑๑/๑๑/๑๑ นี้เป็นวันดีจริงๆ ด้วย ผมอ่าน X-CITE ไทยโพสต์ พบว่าโหราจารย์ระบุตามเลขศาสตร์เช่นนั้น เมื่อวันดี สิ่งดีจะประจักษ์ ก็ต้องลงมือทำสิ่งดี เหมือนอย่างสุภาพสตรีท่านหนึ่งบินจากนิวยอร์กมากรุงเทพฯ เพื่อร่วมพิธีสวดมนต์ถวายในหลวง และเพื่อความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์องค์พระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ ๑ เชิงสะพานพระพุทธฯ ปะรืนนี้ ท่านใดจะไปร่วมละก็ เขาบอกว่า ๑ ทุ่มตรง
    พอดีวานนี้ (๙ พ.ย.) คุณศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ ท่านมาพบในฐานะ "หลานชาย" พาว่าที่ภริยา นำการ์ดแต่งงานมาเชิญ เพราะคุณพ่อท่านคือ "พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์" ประหนึ่งพี่ชายที่ผมเคารพนับถือมา ๔๐ กว่าปี ในการ์ดบอกว่า "งานเลี้ยงรับรองเนื่องในพิธีฉลองมงคลสมรส" วันจันทร์ที่ ๒๑ พ.ย. ผมจึงถามว่า "แล้ววันแต่งงานเป็นวันไหน?" ว่าที่เจ้าบ่าวก็บอกว่า "แต่งที่บ้านสนามบินน้ำ วันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้"
    ผมจึงบอกว่า ๑๑/๑๑/๑๑ นี่นา ช่างวาสนาสมพงศ์จริงๆ เพราะเป็นวันดี ฤกษ์ดี มงคลดี ก็ขอให้ทั้งคู่จงตั้งจิตดี สติดี นอกจากพ่อแม่แล้ว ให้ระลึกถึงคุณแผ่นดิน คุณพระเจ้าแผ่นดิน แล้วมุ่งประกอบสิ่งดีต่อแผ่นดิน ต่อประชาชนอันเป็นข้าแผ่นดินทั้งมวล แล้วมงคลจากดีต่อแผ่นดิน ต่อพระเจ้าแผ่นดิน ต่อข้าแผ่นดินทั้งมวล นั้น จะเป็นอุตมมงคลแก่ครอบครัว ตลอดถึงวงศ์ตระกูลทั้งสองตลอดไป ด้วยแรงแห่งแสงอาทิตย์ เจิดจ้าตามสถิตนั้น ๑๑/๑๑/๑๑ นั่นแล
    ครับ...ก็มาเข้าเรื่อง-เข้าราวกันต่อ เรื่องบ้านเมืองไทยที่เหมือน "ดินน้ำมัน" ก้อนหนึ่งในมือยิ่งลักษณ์นั่นแหละ เธอก็ปั้นเล่นให้เป็นอย่างนั้น-อย่างนี้ แล้วบี้ ทุบ..ปั้นใหม่ เป็นอย่างนั้น-อย่างนี้ บูรณาการบ้าง โมเดลบ้าง นิวไทยแลนด์บ้าง ก็สนุกของเธอไปวันๆ
    เมื่อวาน มาใหม่อีกแล้ว "มาตรการเชิงยุทธศาสตร์ฟื้นฟูประเทศ"!
    แต่ก่อนอื่นขอบอกยิ่งลักษณ์ว่า การขึ้นเป็นนายกฯ น่ะไม่ยาก แค่สมุนบริวารพี่ชายดันก้นให้ก็ขึ้นนั่งแป้นได้ แต่เมื่อขึ้นไปนั่งแล้ว การจะนั่งอยู่ได้ต้องด้วยตัวเอง ใครก็ช่วยดันยาก เช่นตัวอย่างคำนำแถลงเมื่อวาน ขึ้นต้นก็บอกว่า...
    "อุทกภัยที่เกิดขึ้น เกินกว่ารัฐบาลจะรับมือไหว"!?
    เพิ่งรู้ เพิ่งยอมรับ หลังจากรับไหว-เอาอยู่ จนย่อยยับกันไปทั้งประเทศแล้วนั่นแหละ!
    ไม่รู้จะพูดไงถูก แล้วไอ้ยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ๓ ระยะ ที่งัดมาขยี้ขยำประเทศใหม่ ๕ แสนล้านนี่ มันหนึ่งก้าวย่อยในก้าวเขมือบใหญ่ New Thailand ๖ ปี ๙ แสนล้านนั่นหรือเปล่า? หรือว่า ยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ๓ ระยะ ๑ ปี ๕ แสนล้านนี้ นอกเหนือจากแผน ๙ แสนล้าน เบ็ดเสร็จเป็น ๙+๕ = ๑๔ แสนล้าน นำร่องเบาะๆ ตามนโยบาย "ทักษิณคิด นปช.เพื่อไทยทำ"?
    เรื่องอย่างนี้ต้องถาม-ต้องตอบให้ชัดก่อน เพราะแม่คุณจำบทที่เขาให้มาแถลงครอบจักรวาลมั่วๆไปอย่างนั้นเอง ผมนี้ข้องใจนัก ก็เคยขอกู้แบงก์ล้าน-ครึ่งล้าน เขายังเกี่ยงให้ผมทำแพลนนั่น-แพลนนี่เสนอ ลงท้ายเงินก็ไม่ได้ แถมเข้าเนื้อ เพราะไอ้แพลนๆ ที่ต้องไปจ้างเขาทำนั่นตะหาก
    แล้วนี่ เงินจากภาษีชาวบ้านตั้ง ๕ แสนล้าน ๙ แสนล้าน แค่มาแถลงนำร่องเลอะๆ เทอะๆ ๑๐-๒๐ บรรทัด ตั้งคนโน้น-คนนี้เป็นกรรมการ แล้วจะฟาดเป็นแสนๆ ล้าน มันไม่มาก-ไม่หมูไปหน่อยหรือ?
    ก็มาดูซิ ไอ้ยุทธศาสตร์ ๓ R ของเจ้าหล่อนมันคืออะไรบ้าง?
    ๑.Rescue ระยะช่วยเหลือเร่งด่วนเฉพาะหน้า มอบ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คนรักใคร่ชอบพอกับผมตะก่อนเป็นแม่งาน ใครมีปัญหาเร่งด่วน การรับบริจาค การหาที่พักพิงผู้อพยพ เป็นหน้าที่ พล.ต.อ.ประชา
    ๒.Restore ระยะเยียวยา-ฟื้นฟูชาวบ้านในพื้นที่น้ำลดแล้ว และกำลังลด ใครจะกู้เงิน จะทวงถามตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ จะซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานอะไรที่พังไป ไปบอกนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ คนผมหล่อได้เลย
    ๓.Rebuild ระยะยาว วางกรอบครอบจักรวาลไว้เลย เช่น การทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุนต่างชาติ
    R ที่ ๑ R ที่ ๒ ผมไม่ติดใจ ตามหลักการเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว!
    แต่เจ้า R ที่ ๓ คือ Rebuild นี่ มันคือ New Thailand หรือ "รัฐไทยใหม่" อย่างที่ นปช.เพื่อไทย หมายมั่นปั้นมือ "เปลี่ยนประเทศ" ให้เป็นสีแดง แต่ปรากฏตัวในภาพพรางว่า Rebuild ใช่หรือไม่
    มันแพลมตาหนูชวนฉงน?
    และเจ้า Rebuild นั่น ยังแตกตัวเป็นคณะกรรมการอีก ๒ ชุด ชุดแรกเรียกว่า "คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ" มีชื่อย่อว่า กยอ. และชุดที่สองเรียกว่า "คณะกรรมการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ" ชื่อย่อว่า กยน.
    สะท้อนความรู้สึกจากภาพรวมของ Rebuild ก่อน ในหลักการเรื่องทั้ง ๒ ต้องทำแน่ แต่อนาคตประเทศไทยทั้งประเทศ ชีวิตคนไทยทั้งชาติ จะให้แค่ระดับยิ่งลักษณ์ ที่เมื่อวานบอก-เอาอยู่ แต่วันนี้พินาศทั้งประเทศแล้วบอก-เกินจะรับมือไหว มา Rebuild ด้วยการคัดเอาขอนไม้ผุ และเปลือกกระพี้ส่วนใหญ่ ๒๐-๓๐ ดุ้นใต้ถุนบ้าน มาเป็น "เสาโครงสร้างประเทศ"
    ผมว่าหยุดเถอะ...ยิ่งลักษณ์!
    เรื่องสู่อนาคตใหม่ของประเทศ มันเป็นเรื่องของคนทั้งชาติจะต้องปรึกษาหารือ ถกเถียง โต้แย้ง เสนอแนะ วิพากษ์วิจารณ์ในเวทีกว้าง เรียกว่าถกเถียง ทะเลาะกันเพื่อชาติจน "ตกผลึก" เป็นข้อยุติร่วมกัน เรียกว่า "ประชามติ" แล้วเท่านั้น ที่สามารถนำมาเรียก-มาใช้ได้ในความหมาย
    "แบบแปลนสร้างอนาคตประเทศใหม่"!
    นี่อะไร...กยอ."คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ" ให้คน ๑๕ คนที่เลือกเอง-ตั้งเอง (ทักษิณเลือก-ยิ่งลักษณ์ร่าย?) มีนายวีรพงษ์ รามางกูร ยาชุดสามัญประจำบ้าน เป็นประธานสร้างอนาคตประเทศ มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ "กูรูหูกระต่ายเจ้าประจำ" เป็นอาทิ ร่วมเป็นกรรมการ
    ขี้ในไส้ทักษิณส่วนใหญ่เนี่ยนะ จะมาเป็นผู้ขีดเส้นเกณฑ์ชะตาอนาคตใหม่ให้ประเทศ?
    เหมือนเอาตะกั่วมาปะผุหม้อ-กะละมังทะลุ ยิ่งได้ยิน "นายวีรพงษ์" แสดงวิสัยทัศน์ ๑ ปีหลังจากนี้ จะต้องไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก....๕-๖ ปีต่อไปข้างหน้า ต้องไม่มีอุทกภัยเกิดขึ้นอีกชั่วกัลปาวสาน!!!
    "ผมเข้ามารับงานนี้เพราะผมเป็นคนไทยที่ต้องการทำประโยชน์ให้บ้านเกิด โดยงานที่รับมอบหมายคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่าง ชาติ เป็นการ Reconstruct เพื่อบูรณะและสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศ..."
    และงานเร่งด่วนการสร้างอนาคตประเทศไทยของนายวีรพงษ์คือ....
    "โรงงานผลิตโตโยต้า ฮอนด้าเสียหาย เราคือแหล่งการผลิตของโลก ผมจะต้องรีบบินไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับญี่ปุ่น!"
    อ้อ...อนาคตประเทศใหม่ของไทยคือ เมืองบริวารรับจ้างประกอบ-รับจ้างผลิตของญี่ปุ่นนี่เอง!
    แล้วกับคนไทย โดยเฉพาะเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง ตลอดถึงอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตรของไทยที่จมใต้น้ำเกืบครึ่ง ค่อนประเทศล่ะครับ...
    ไม่มีความหมายเร่งด่วน ไม่อยู่ในพิมพ์เขียว "การสร้างอนาคตใหม่ของไทย" ที่จะต้องรีบประจบเอาใจเลยหรือครับ นายโกร่ง?
    น้ำมาช่วยล้างประเทศ ใส่ปุ๋ยให้ใหม่ ซ้ำเมื่อเหลือบแลไปทุกประเทศในโลกเวลานี้ สังคมบริโภค-สังคมประชานิยม มีแต่ถึงกาลวิบัติและล่มสลายไปกับระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมทุนโลก ทุกชาติถึงจุดหยุดชะงัก ต่างทบทวนหา "จุดยืน-จุดอยู่" ใหม่ให้กับประเทศและประชาชนในชาติตัวเอง
    และในขณะเรือกสวนไร่นาสาโท "กระดูกสันหลังหลักของไทย" พะงาบๆ รอการฟื้นฟู-เยียวยา แทนที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับคนของเรา-บ้านของเรา-อาชีพหลักของเรา แต่ "นายวีรพงษ์" ประธานสร้างอนาคตประเทศใหม่ กลับประกาศคำแรกว่า...
    ต้องรีบบินไปขอโทษขอโพยญี่ปุ่นที่น้ำท่วมทำให้โรงงานเขาเสียหาย และรับประกันจะไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกชั่วกัลปาวสาน!
    นี่น่ะเรอะที่บอกว่า..."ผมเข้ามารับงานนี้เพราะเป็นคนไทยที่ต้องการทำประโยชน์ให้บ้านเกิด"?
    ก็เพิ่งทราบ นายวีรพงษ์เกิดญี่ปุ่น ก็ไม่เป็นไร อยากจะบอกว่า สู่อนาคตใหม่ของไทยต้อง "เกษตรกรรมนำชาติ" ครับ ไม่ใช่อุตสาหกรรมรับจ้างผลิต-รับจ้างประกอบ อย่างนั้น ร้อยบาทเขาส่งกลับบ้านเขา ๗๐-๘๐ บาท เหลือ ๒๐-๓๐ บาทเป็นค่าแรง โดยไม่ยอมถ่ายทอดโนวฮาวให้เลย
    เราไม่ "สุดโต่ง" ในการสร้างอนาคตประเทศใหม่ แต่เราควรจัดสัดส่วนโครงสร้างประเทศสู่อนาคตใหม่ให้สอดคล้องกับวิถีและความ พร้อมทางทรัพยากรในชาติตัวเอง อุตสาหกรรมรับจ้างประกอบ-รับจ้างผลิต เราก็ไม่ปฏิเสธ แต่เราควรให้ความสำคัญด้วยการสร้างเสริม "จุดแข็ง" คือเกษตรให้ประเทศเราก่อน
    ยิ่งลักษณ์หรือทักษิณจะให้นายวีรพงษ์มาเป็นสารกันบูดในรัฐบาลก็ว่าไป แต่ขอร้อง...อย่าใช้คำว่า...เป็นผู้มาฟื้นฟูและสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศเป็น อันขาด!
    แค่นี้ ประเทศก็ตกต่ำพอแล้ว อย่าต้องให้ถลำจมดินจนหน้าดำเลย!
    รายชื่อผู้ร่วมสมทบมอบ "มูลนิธิชัยพัฒนา" เมื่อ ๒๑ ตุลา ต่อจากวันก่อน
    คุณอัมพาพรรณ สุพรรณรัตน์ 5,000.00
    คุณยุภาพร โชคประดับ และคุณวรรณี ลอลือเลิศ 7,000.00
    คุณชนิดา อรเอก และลูกๆ 2,000.00
    คุณจันทร์เพ็ญ ภมรรุ่งเรือง 500.00
    เซ็นทรัลกรุ๊ป 6,000.00
    คุณประชุม พ่วงสุขี 500.00
    คุณชื่นใจ เทพวีระกุล 500.00
    คุณสมาพร เจริญลาภกุล 500.00
    บจก.ไทยประกันชีวิต 3,000.00
    คุณอนุภาพ นิลเวช 1,000.00
    คุณกุยเซ็น แซ่ฉิ่น 100.00
    คุณพิกุล แซ่จุง 100.00
    คุณชัยนำ ชัยไทยพินดี 500.00


    -http://www.thaipost.net/news/091111/47836-

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    บริจาค-ทาน

    บริจาค-ทาน : คำวัดโดยพระธรรมกิตติวงศ์

    [​IMG]







    ภาพของบริจาคถูกทิ้งให้น้ำท่วมที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง ได้สร้างความหดหู่ใจซ้ำเติมผู้ประสบภัยอย่างยิ่ง เพราะยังมีผู้ประสบภัยอีกมากมายที่ยังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จากการขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค แต่กลับต้องมาสูญเสียสิ่งของบริจาคดังกล่าวไปกับความอ่อนประสบการณ์ และความดื้อดึงของรัฐบาล และศปภ. ตอกย้ำถึงความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของรัฐบาลที่รีบร้อน ลนลานอพยพหนีน้ำ ทำให้ของบริจาคต้องเสียเปล่า

    อย่างไรก็ตาม คำว่า "บริจาค" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายไว้ว่า การเสียสละ การปล่อยวาง การให้ ใช้แทนคำว่า “ทาน” ก็ได้ ใช้ร่วมกันว่า บริจาคทาน ก็มี

    บริจาค ปกติ จะมุ่งถึงการให้หรือการเสียสละพัสดุสิ่งของ สละความเห็นแก่ตัว และความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น โดยไม่เลือกว่าเป็นมิตร หรือศัตรู กล่าวคือ เสียสละเพื่อมุ่งกำจัดกิเลสภายใน คือ โลภะ ความอยากได้ มัจฉริยะ ความตระหนี่เสียดาย ความเห็นแก่ตัว เป็นสำคัญ

    บริจาค หรือ ทาน เป็นวิธีการบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากการให้ จากการบริจาค เป็นเหตุให้ผู้ทำอิ่มใจเมื่อให้ มีความสุขใจเมื่อคิดถึง ได้รับความรักความนับถือจากผู้อื่น และอำนวยให้มีโภคสมบัติมากมูลในทุกภพทุกชาติที่เกิด

    ส่วนคำว่า “ทาน” เจ้าคุณทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า วัตถุที่พึงให้ การให้ การแบ่งปัน การเสียสละ การเอื้อเฟื้อ

    ทาน ที่แปลว่า วัตถุที่พึงให้ ในคำวัดหมายถึง สิ่งของสำหรับให้สำหรับเสียสละแก่ผู้อื่น ได้แก่ สิ่งของที่ควรถวายพระ สิ่งของที่ควรนำไปให้เพื่อการตอบแทนบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ เรียกเต็มๆ ว่า ทานวัตถุ

    ทานวัตถุมี ๑๐ อย่าง คือ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ มาลัย ดอกไม้ ของหอม (ธูปเทียน) เครื่องลูบไล้ (สบู่) ที่นอน ที่อยู่อาศัย และ ประทีป (ไฟฟ้า) ทั้งนี้จะเรียกว่า “ไทยทาน” บ้าง “ไทยธรรม” บ้าง

    การให้ทานวัตถุ ๑๐ อย่างนี้มีอานิสงส์มาก เพราะเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างเดียว ไม่มีโทษ ไม่มีพิษภัยแก่ผู้รับ การเลือกของที่จะให้บัณฑิตสรรเสริญ

    ทานมี ๒ แบบ คือ ๑. อามิสทาน หมายถึง การให้วัตถุสิ่งของ และ ๒. ธรรมทาน หมายถึง การให้ธรรม

    ทานเป็นบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากการให้ เป็น สังคหวัตถุ คือ เครื่องยึดเหนี่ยวใจกันไว้ได้ และเป็นบ่อเกิดแห่งบารมีที่เรียกว่า ทานบารมี


    -http://www.komchadluek.net/detail/20111111/114640/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99.html-

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    'ของแพง'...ปคบ.เอาไม่อยู่

    "ของแพง"...ปคบ.เอาไม่อยู่ : ตะลุยข่าว โดยโต๊ะรายงานพิเศษ

    แม้ว่า กระทรวงพาณิชย์จะประกาศราคาแนะนำสินค้าจำนวน 9 รายการ เพื่อแก้ปัญหาสินค้าแพงในช่วงวิกฤติน้ำท่วม แต่ดูเหมือนว่าคำประกาศดังกล่าวจะไม่เป็นผล เนื่องจากพื้นที่ประสบอุทกภัยหลายแห่งราคาสินค้าหลายประเภทยังพุ่งสูงต่อ เนื่อง


    "คม ชัด ลึก" ตรวจสอบราคาสินค้าในพื้นที่ประสบภัยอุทกภัย ย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องเขตสายไหม กทม. พบว่า สินค้าแทบทุกประเภทราคาสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำราคาทั้ง 9 รายการ อย่าง "น้ำดื่ม" ขวดใสขนาด 600 ซีซี ราคาแนะนำอยู่ที่ขวดละ 7 บาท มีการจำหน่ายกันอยู่ที่ขวดละ 10-15 บาท ขวดใสขนาด 1,500 ซีซี ราคาแนะนำอยู่ที่ขวดละ 14 บาท จะมีการจำหน่ายยกแพ็ก แพ็กละ 6 ขวด ราคา 100 บาทต่อแพ็ก คำนวณแล้วตกประมาณขวดละ 16 บาทเศษ ขณะที่ "ทราย" บรรจุถุงขนาด 25 กก. ราคาแนะนำถุงละ 45 บาท ยังมีจำหน่ายในพื้นที่ที่น้ำกำลังจะเข้าท่วม หากซื้อเหมา 4 ถุง จะอยู่ที่ 250-300 บาท

    ส่วน "อิฐบล็อก" ราคาแนะนำ 10 บาทต่อก้อน จำหน่ายในราคาก้อนละ 13-15 บาท "เสื้อชูชีพ" ราคาแนะนำตัวละ 450 บาท จำหน่ายในราคา 500-550 บาท "เรือไฟเบอร์" ขนาด 2 คน ราคาแนะนำลำละ 4,500 บาท มีการจำหน่ายราคาขั้นต่ำ 5,500-7,000 บาท ขนาด 4 คน ราคาแนะนำลำละ 6,500 บาท และ "เรือเหล็ก" แผ่นติดเครื่องยนต์ ดัดแปลงเป็นเรือหางยาวโดยสารได้ 3-4 คน จำหน่ายในราคาตั้งแต่ 18,000-20,000 บาท หากไม่ติดตั้งเครื่องยนต์จำหน่ายกันตั้งแต่ 5,000-6,500 บาท "รองเท้าบู๊ทยาง" ราคาแนะนำคู่ละ 200 บาท พบว่ามีการจำหน่ายกันในราคาคู่ละ 300-400 บาท "ถังน้ำฝาปิด" ขนาด 22 แกลลอน ราคาแนะนำ 350 บาทต่อถัง มีการจำหน่ายในราคาตั้งแต่ 400-450 บาท

    "วันเพ็ญ" แม่ค้าขายเรือ ย่านตลาดออเงิน เขตสายไหม บอกว่า ราคาเรือที่ขายอยู่ลำละ 7,000 บาท ถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะการขนส่งทำได้ยากลำบากเพราะน้ำท่วมขังสูง ประกอบกับเรือเป็นที่ต้องการของผู้ประสบภัยมากทำให้สินค้ามีน้อย

    เช่นเดียวกับพ่อค้าขายรองเท้าบู๊ท จำหน่ายในราคาคู่ละ 300 บาท บอกว่า ขณะนี้รองเท้าบู๊ทค่อนข้างขาดแคลนเพราะโรงงานผลิตที่เคยรับสินค้ามาจำหน่าย เป็นประจำถูกน้ำท่วม ประกอบกับการขนส่งลำบากทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าตามราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ได้

    ทั้งนี้ การจำหน่ายสินค้าในราคาแพงของกลุ่มผู้ค้าสวนทางกับความคิดเห็นของผู้ประสบ ภัย ซึ่งมองว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัยให้ทุกข์ ยากมากขึ้นไปอีก

    "เราเดือดร้อนจากน้ำท่วมอยู่แล้ว ยังฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอีก จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน ผมมองว่าสินค้าแค่ 9 รายการที่ประกาศราคาแนะนำมันน้อยไป น่าจะคุมราคาสินค้าทุกประเภทให้หมด ไม่ว่าจะเป็น ผัก ไข่ ควรกำหนดราคาให้ชัดเจน ใครขายเกินราคาถือว่ามีความผิด" ผู้ประสบอุทกภัยรายหนึ่ง พักอยู่ในหมู่บ้านไอดีไซด์ ลำลูกกาคลอง 3 กล่าว

    อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายสินค้าเกินราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาทนั้น พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ได้กำชับให้ตำรวจ บก.ปคบ. เข้มงวดในการตรวจสอบผู้ค้าต่างๆ ในพื้นที่ประสบภัยไม่ให้จำหน่ายสินค้าเกินราคาแล้ว

    ล่าสุด ตำรวจ ปคบ.เพิ่งจับกุม นายมานพ อาสนาไชย อายุ 34 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเรือไฟเบอร์กลาสแห่งหนึ่งในซอยวัดสนาม ย่านปากเกร็ด เนื่องจากจำหน่ายเรือในราคาสูงถึง 9,500 บาทต่อลำ ทั้งที่ราคาแนะนำอยู่ที่ลำละ 4,500 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องต่อศาล

    พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ยอมรับว่า การดำเนินคดีผู้ค้าที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้ทั่วถึงนั้นค่อนข้างทำได้ ยาก เนื่องจากกำลังของตำรวจ บก.ปคบ.มีน้อย ทั่วประเทศมีเพียง 100 คนเศษ แต่ตำรวจทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และขอความร่วมมือจากประชาชนที่พบเห็นผู้ค้ารายใดจำหน่ายสินค้าเกินราคา ให้แจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือทางเว็บไซต์ - www.consumer.police.go.th- ตลอด 24 ชั่วโมง

    -http://www.komchadluek.net/detail/20111111/114643/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87...%E0%B8%9B%E0%B8%84%E0%B8%9A.%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88.html-

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อีก 5 ปีโลกเสี่ยงร้อนขึ้นถาวร ระวัง'น้ำท่วม'ใหญ่กว่าเดิม!?


    ผู้เชี่ยวชาญชี้โลกถึงขั้นวิกฤติ หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อย่างรวดเร็วใน 5 ปี สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
    สถานการณ์ โลกในปัจจุบัน อากาศตามภูมิภาคต่างๆ ของโลกเกิดความแปรปรวน เป็นเหตุให้ดินฟ้าอากาศทุกมุมโลกวิปริตผิดจากเดิมและทำให้เกิดภัยธรรมชาติ ที่รุนแรงเล่นงานมนุษยชาติหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลกยุค ดิจิตอล ทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศของโลกทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่กำลังเผชิญมหาอุทกภัยในเวลานี้

    อย่างไรก็ดี ดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปและสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้นถึงขั้นวิกฤติที่ อาจส่งผลให้ความร้ายแรงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นมาจากการที่ทั่วโลกใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์อย่างไม่บันยะ บันยัง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

    นายฟาติธ์ บิโรล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ)เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ของไออีเอพบว่า หากทั่วโลกไม่ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น น้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ และถ่านหินอย่างสิ้นเปลืองในภาคส่วนต่างๆ ภายใน 5 ปี จะเป็นการปิดกั้นความเป็นไปได้ที่จะหยุดภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับที่ ปลอดภัย และหากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างรวดเร็วจะก่อให้เกิดการเปลี่ยน แปลงสภาพอากาศของโลกตลอดไปและไม่สามารถแก้ไขได้

    นายฟาติธ์ เปิดเผยอีกว่า หากโลกยังคงมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไม่แต่เกิน 2 องศาเซลเซียส ยังจัดอยู่ในระดับปลอดภัย เพราะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศต้องไม่เกิน 450 ส่วนในล้านส่วน ซึ่งในปัจจุบันมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศอยู่ที่ 390 ส่วนในล้านส่วน หรือร้อยละ 80 ของจำนวนคาร์บอนที่ปล่อยในชั้นบรรยากาศได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อโลก และในอนาคตก็จะมีใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไออีเอคำนวณว่าในปี 2015 จะมีการปล่อยคาร์บอนอย่างน้อยร้อยละ 90 จากการใช้พลังงานในภาคส่วนต่างๆ และโรงงานอุตสาหกรรม และในปี 2017 ทั่วโลกจะปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อโลก และทำให้โลกร้อนขึ้น

    “อนุสัญญาเกียวโตซึ่งเป็นข้อตกลงให้ประเทศที่ร่ำรวยยอมลดปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกจะสิ้นสุดในปี 2012 แม้ทั้งรัสเซียและญี่ปุ่นต่างมีข้อตกลงกันเมื่อเร็วๆ นี้ ที่จะทำข้อตกลงเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2018หรือ2020 แต่จะช้าเกินไป หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศในเร็วๆ นี้ ผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศมากเกินไปจะเกิดขึ้นในปี 2017 และเราจะหมดโอกาสในการกลับมาเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกตลอดไป” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไออีเอกล่าว

    นันท์นภัส ศรีตะกูลรัตน์
    ทีมเดลินิวส์ ออนไลน์



    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=656&contentId=175286-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    “ปลอด” เผยกรุงเทพฯ-ปริมณฑลฝั่งตะวันตกท่วมหมด ต้องจมน้ำกว่า 1 เดือน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 พฤศจิกายน 2554 10:53 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] “ปลอดประสพ” ยันไม่มีมวลน้ำก้อนใหญ่ถล่มกรุงเทพฯ อีก คาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งตะวันตกท่วมทั้งหมด รวมถึง ถ.พระราม 2 ด้วย โดยประชาชนต้องจมน้ำกว่า 1 เดือน ส่วนด้านตะวันออก สถานการณ์คลี่คลายลง หากไม่มีมวลน้ำมาผสม นิคมฯ บางชันรอด

    นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำล่าสุดว่า ขณะนี้ยังไม่มีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลมาสบทบใน กทม. ส่วนการระบายน้ำหลังที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนั้น คาดว่าฝั่งตะวันตกอาจถูกน้ำท่วมทั้งหมด รวมถึงถนนพระรามที่ 2 ซึ่งขณะนี้ต้องหาเส้นทางสำรองลงสู่ภาคใต้ให้ได้ และคาดว่าน้ำน่าจะท่วมนานกว่า 1 เดือน พร้อมขอให้ประชาชนอดทน ปล่อยให้การไหลของน้ำเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะจะทำให้น้ำไหลเร็วขึ้น

    นายปลอดประสพกล่าวต่อว่า ส่วนตะวันออก สถานการณ์ดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่การไหลของน้ำลงสู่ทะเลยังไม่เต็มที่ ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมแล้ว

    สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน วันนี้ที่ประชุมรัฐสภาจะมีการอนุมัติงบประมาณค่าน้ำมันในการช่วยผลักดันน้ำ เพื่อผลักดันน้ำลงสู่คลองแสนแสบ และบึงพระราม 9 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และประชาชน พร้อมเชื่อมั่นว่าหากมวลน้ำก้อนต่อไปมีปริมาณไม่มาก นิคมฯ บางชันมีโอกาสรอด แต่ยังตอบไม่ได้ว่ากี่เปอร์เซ็น

    ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้ นายปลอดประสพระบุว่า พร้อมรับการอภิปรายกรณีการบริหารจัดการน้ำของ ศปภ. โดยจะนำข้อเท็จจริงมาชี้แจงถึงสาเหตุของสถานการณ์น้ำท่วม แต่เห็นว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำกำลังคลี่คลายลง หากมีการเสนอให้ปรับแก้ไขใดๆ คงจะไม่ทัน


    -http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143963-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    รกแผ่นดินโดยแท้


    --------------------------------------------------------------

    จับอดีตรปภ.แสบ! อ้างเป็นผู้ดูแลเรียกเก็บค่าที่จอดรถเหยื่อน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 พฤศจิกายน 2554 06:41 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>
    [​IMG] [​IMG]


    ตำรวจสน.หัวหมากตามรวบตัวอดีต รปภ.แสบ อ้างตัวเป็นผู้ดูแลเรียกเก็บค่าจอดรถกับผู้ประสบอุทกภัยที่มาจอดรถในพื้นที่ ของกกท. มีผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้หลายราย

    วานนี้(10 พ.ย.)เมื่อเวลา 21.00 น. ที่สน.หัวหมาก พ.ต.อ. สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสติ ผกก.สน.หัวหมาก พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธารา เครือละม้าย สว.สส พ.ต.ท. หัสดินทร์ นพวงศ์ ณ อยุธยา สว.สส.แถลงผลการจับกุม นายสุทธิ ทองโคตร อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 135 หมู่4 ต.ถ้ำวัวแดง อ.ถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ พร้อมของกลางเงินสด 1,000 บาท สมุดบันทึก และบัตรประจำตัวทหารยศร.ต.สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทยปลอม โดยจับกุมตัวได้ที่โซนเอส สนามราชมังคลากีฬาสถาน แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.

    พ.ต.อ.สรรค์หกิจ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็น ผู้ดูแลที่จอดรถผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ในการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ติดกับสนามราชมังคลากีฬาสถาน เรียกเก็บเงินค่าจอดรถจากประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่นำรถมาจอดทิ้งไว้ เดือนละ 1,000 บาท โดยผู้ต้องหาจะใช้วิธีโทรศัพท์ไปหาเหยื่อตามเบอร์โทรศัพท์ที่ประชาชนแปะไว้ หน้ารถ เพื่อขอเก็บค่าจอดรถ โดยให้โอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุขุมวิท หรือนัดไปรับเงินภายใน กกท. มีผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินและโอนเงินให้ไปหลายราย ก่อนตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ซ้อนแผนจับกุม และค้นภายในตัวพบว่าผู้ต้องหามีสมุดบันทึกเบอร์โทรศัพท์มือถือประชาชนที่นำ รถมาจอดไว้หลายเบอร์ มีบัตรอ้างตัวเป็นทหารยศร้อยตรี ของกองบัญชาการกองทัพไทย หน่วยปฏิบัติการพิเศษ

    จากการสอบสวน นายสุทธิ ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็น รปภ.บริษัทแห่งหนึ่งได้ 1 เดือน ก็ลาออก ก่อนมาเดินเล่นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เห็นว่ามีรถจอดหลายคัน คิดว่าน่าจะมีค่าจอดรถ จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว โดยตนได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าเลขบัญชีธนาคารของพ่อจนมาถูกจับกุมได้ดัง กล่าว

    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง ทั้งนี้ ทาง กกท.ฝากชี้แจงว่ารถที่จอดไว้ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อหนีน้ำท่วมจอดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด


    -http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143877-


    ------------
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ททท. ทำเว็บไซต์รวมรายชื่อที่พักราคาพิเศษ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">10 พฤศจิกายน 2554 17:47 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">หน้าเว็บไซต์รวมที่พักราคาพิเศษของททท.</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ททท.จัดทำเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อที่พักราคาพิเศษ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยสามารถเข้าดูได้ที่ Amazing Thailand - Thailand Flood Relief สำหรับคนไทย และ :: Thailand Tourism Update :: สำหรับชาวต่างชาติ ด้านบัดดี้กรุ๊ปได้ประกาศลดราคาที่พักรองรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยเช่นกัน

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อที่พักราคาพิเศษสำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่ พำนักในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยเป็นการประสานความร่วมมือจากสมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ ได้จัดหาที่พักทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ในทุกภูมิภาค ด้วยราคาลดพิเศษ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าที่พักให้กับผู้ ประสบภัย อาทิ

    ททท.สำนักงานเพชรบุรี ได้มีการติดต่อประสานงานการเช่าพักแบบรายเดือน ในราคา 13,000บาท/เดือน ส่วนโรงแรมที่พักต่างๆ ในอำเภอหัวหิน และใกล้เคียง พร้อมใจกันลดราคาห้องพัก ในอัตรา 10-30 เปอร์เซ็นต์

    นอกจากนี้ สมาคมผู้ประกอบการชาวแพ ชาวเรือ กาญจนบุรี ยังมีที่พักประเภทแพพัก ราคาเริ่มต้นที่ คืนละ 400 บาท / หลัง - เดือนละ 8,000 บาท/ หลัง (ขึ้นอยู่กับสภาพ และขนาดของแพ)พร้อมเครื่องนอน และเครื่องครัวสำหรับประกอบอาหาร

    ททท.กระบี่ ร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรม จังหวัดกระบี่ รวม 11 โรง จัดโครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน สำหรับการเข้าพักถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งหากผู้ประสบภัยที่ต้องการเดินทางเข้าพักใน จังหวัดภูเก็ต ซึ่งขณะนี้มีหลายโรงแรมที่เตรียมห้องพักราคาพิเศษไว้แล้วเช่นกัน อาทิ วรบุรี ภุเก็ต รีสอร์ทแอนด์ สปา เพิร์ลภูเก็ต จันดารารีสอร์ต ชิโน อินน์ภูเก็ต แดงพลาซ่า ราไวย์ ปาล์ม บีช รีสอร์ท เป็นต้น

    ทั้งนี้สามารถดูรายชื่อโรงแรมที่พักนับร้อยแห่งที่พร้อมใจยื่นมือ ช่วยเหลือในยามประสบภัยนี้ ได้ทางเว็บไซต์เฉพาะ โดยคนไทยดูที่เว็บไซต์ Amazing Thailand - Thailand Flood Relief นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าชมที่เว็บไซต์ :: Thailand Tourism Update ::

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">กลุ่มที่พักในเครือบัดดี้กรุ๊ป</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจาก ททท.แล้ว ทางภาคเอกชนอย่าง บัดดี้กรุ๊ป ย่านถนนข้าวสาร-บางลำพู ซึ่งเห็นว่าอุทกภัยครั้งนี้หนักหนาสาหัส จึงร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการประกาศลดราคาที่พัก สำหรับผู้ที่หาที่พักชั่วคราว โดยลดราคาให้ต่ำลงอีก

    นอกจากนี้ บัดดี้กรุ๊ป ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าห้องนั้นไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้ง นี้ผ่านทางสภากาชาดไทย โดยหัก 50 บาท ต่อห้อง ต่อคืน
    โดยให้บริการห้องพักราคาพิเศษดังนี้
    - โรงแรมบัดดี้ บูติค อินน์ เริ่มต้นที่ 800 บาท
    - โรงแรมโฮเต็ล เด ม๊อค เริ่มต้นที่ 900 บาท
    - โรงแรมบัดดี้ ลอดจ์ เริ่มต้นที่ 1,000 บาท

    เงื่อนไขและข้อตกลง
    - โปรโมชั่นนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2554
    - ราคาดังกล่าวเป็นราคาเฉพาะค่าห้องพักสำหรับห้อง Standard ต่อห้อง ต่อคืน เท่านั้น
    - ราคาดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่นได้
    - โปรโมชั่นนี้เป็นราคาสุทธิ ซึ่งรวมค่าบริการ 10% และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว
    - กรุณาสำรองที่นั่ง หรือ ห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ที่ 02 282 2831-3 ต่อ 8701 หรือ rsvn@buddygroupthailand.com
    - เงื่อนการให้บริการเป็นไปตามที่ บริษัท บัดดี้ กรุ๊ปกำหนด ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143741-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...