พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

.


น้ำเริ่มทะลักพระราม 2


ถนนพระราม2 อ่วม โดนใช้เป็นเส้นทางระบายมวลน้ำยักษ์ลงสู่ทะเล เร่งกู้เส้นทางบางบัวทอง – สุพรรณบุรี หวังใช้เป็นเส้นทางทดแทน มวลน้ำทะลักถึงถนนพระราม2 บุกถนน ผู้ว่าฯกทม.จับมือทางหลวงรักษาพื้นที่ไม่ให้ตัดขาดภาคใต้
ที่ รัฐสภา (วันนี้ ) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีมวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันออกกทม. กำลังเข้าใกล้สนามบินสุวรรณภูมิมากขึ้นว่า ตนมั่นใจว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะรอด ไม่ถูกน้ำท่วมแน่นอน เพราะมีแนวกั้นสูงถึง 3.50 เมตร ไม่มีปัญหา และได้พูดคุยกับผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไว้นานแล้ว

การที่ประชาชนในเขตดอนเมือง รวมกลุ่มต่อต้านการวางแนวกระสอบทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) นั้นตำรวจ และกทม.ได้ประสานงานประชาชนเรียบร้อยแล้ว แนวคันกั้นน้ำถูกรื้อไปแค่ 10 เมตร เท่านั้น เกิดจากประชาชนเหนือคันบิ๊กแบ็ก เข้าใจผิดว่าปริมาณน้ำที่บ้านนั้นสูงขึ้น ที่จริงน้ำนอกคันบิ๊กแบ็กเท่าเดิม อีกทั้งยังลดลงตามปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แต่เมื่อน้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลงมีปริมาณต่างกันระหว่างในคันกับนอกคัน ประชาชนที่อยู่นอกคันจึงคิดว่าน้ำขึ้น

จากการวัดปริมาณน้ำเมื่อวันที่ 8 พ.ย.น้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลง 40 ซม. แสดงว่าการใช้บิ๊กแบ็กได้ผล เพราะน้ำที่เติมลงมานั้นมีน้อยลง อีกทั้งหากไม่มีอะไรไปกวนตรงนั้น จะทำให้น้ำใน กทม.ลดลงเรื่อย ๆ ขณะนี้หัวน้ำใน กทม.ตามถนนต่าง ๆ ไม่ไปไกล เริ่มอยู่กับที่ และหากระบบระบายน้ำ เครื่องสูบ กทม.ดี ก็สบายขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาลดลง เหตุใดระดับน้ำใน กทม.จึงเพิ่มขึ้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า น้ำจากทางเหนือที่เข้ามาเติมให้มากขึ้นนั้นไม่มีแล้ว แต่สาเหตุที่น้ำใน กทม.สูง เพราะน้ำข้างในไหลไปเรื่อย ๆ เพราะแต่ละพื้นที่มีความสูง ต่ำแตกต่างกัน ซึ่งหาก กทม.สูบได้เร็วขึ้นก็จะเหลือน้อยลง ขอย้ำอีกครั้งว่าบล็อกน้ำได้แล้ว

เมื่อถามว่า ประชาชนที่อยู่เหนือคันบิ๊กแบ็กขู่ว่าหากไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล จะออกมาชุมนุม รมว.คมนาคม กล่าวว่า ต้องว่ากันไป ตนไม่ได้ดูแลเรื่องม็อบ เพราะตนเป็นคนสร้างอย่างเดียว ทำลายของตนก็เสียดาย เพราะทำเพื่อพวกเรา เพื่อคน กทม. โดยจะมีเจ้าหน้าที่อีกชุดที่ดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยกันแล้ว พูดรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง

ต่อข้อถามที่ว่าสามารถนำบิ๊กแบ็กออกบางส่วนได้หรือไม่ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะหากนำออกบางส่วนจะต้องแย่ เมื่อถามว่าบิ๊กแบ็กเป็นต้นเหตุให้น้ำไหลทะลักออกทางฝั่งตะวันออกหรือไม่ รมว.คมนาคม ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะป้องกันไม่ให้น้ำท่วมถนนพระราม 2 ได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เส้นทางไปยังภาคใต้ถูกปิด พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ขณะนี้ถนนพระราม 2 ยังใช้การได้อยู่ แต่อาจจะมีน้ำซึมเข้าไปบ้าง ขณะที่เรากำลังเร่งกู้ทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)โดยเร็วแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการตัดขาดเส้นทาง แต่เนื่องจากน้ำมีระดับสูง ทำให้บางจุดมีน้ำลึก อาจต้องใช้เวลานานบ้าง ต่อข้อถามที่ว่าหมายความว่าเราไม่สามารถทำอะไรกับถนนพระราม 2 ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ใช้เส้นทางนี้ระบายน้ำลงทะเล เราไม่ได้มองเรื่องการจราจรบนถนนพระราม 2 เป็นหลัก แต่เรามองว่าให้น้ำไหลลงทะเลเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นน้ำก็จะขังอยู่อย่างนี้

เมื่อถามถึงการประเมินความเสียหายจากการที่เส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย จากปัญหาน้ำท่วม รม.คมนาคม กล่าวว่า เบื้องต้นกรมทางหลวงได้ส่งรายงานประเมินความเสียหายเส้นทางการจราจรว่ามี มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท เบื้องต้นได้วางแนวทางแก้ไขหลังน้ำลดไว้ 1.เส้นทางถนนสายหลักๆ 2.เส้นทางสายนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แหล่งผลิตสำคัญ 3.ทางเข้าแหล่งซัพพลายของสินค้า ส่วนบริเวณอื่นๆก็จะทยอยแก้กันไป.
ด้าน สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์น้ำว่าด้านเหนือระดับยังทรงตัวไม่ขยายวงกว้าง ปริมาณน้ำบนถนนวิภาวดีรังสิตถึงคลองบางซื่อ ก่อนถึงแยกสุทธิสาร ด้านถนนพหลโยธินถึงคลองบางซื่อก่อนถึงสะพานควาย ด้านลาดพร้าวถึงแยกภาวนา ด้านตะวันออกย่านบึงกุ่มท่วมขังถนนนวมินทร์ จากกม.8 ไปซอย 84 แยกถนนเกษตรนวมินทร์ตัดกับนวมินทร์ นวลจันทร์จากประดิษฐมนูธรรม ถึงนวลจันทร์44 ยังต้องเฝ้าระวังเนื่องจากน้ำบริเวณประตูคลองสองยังไหลเข้ามาในพื้นที่อย่าง ต่อเนื่อง ส่วนด้านตะวันตกระดับน้ำบนคลองมหาสวัสดิ์และคลองภาษีเจริญหลากเข้าพื้นที่ ด้านล่างขยายวงจากทางรถไฟสายใต้ลามลงมาถึงซอยต่าง ๆ บนถนนพระราม2 ในฝั่งขาเข้าเมือง แต่ยังไม่ขึ้นถึงผิวถนนโดยห่างราว1 กิโลเมตร

ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม ที่เขตบางขุนเทียนช่วงรอยต่อเขตบางบอน ว่า ขณะนี้น้ำจากเขตบางบอนไหลตามท่อระบายน้ำ ผุดขึ้นถนนบางขุนเทียนจุดเชื่อมต่อบริเวณทางรถไฟล้นข้ามมาฝั่งเขต บางขุนเทียน คาดว่าน่าจะถึงถนนพระราม 2 ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ แต่อาจจะท่วมขังในบางส่วนไม่ท่วมทั้งหมด กทม.ร่วมกับกรมทางหลวงจะพยายามรักษาพื้นที่ไว้เนื่องจาก เป็นเส้นทางเดียวที่ใช้เดินทางไปสู่ภาคใต้ โดยน้ำที่ไหลมาถึงจุดนี้เป็นน้ำจากเขตบางบอนมีต้นน้ำมาจากเขตทวีวัฒนา และกำลังแผ่ขยายเข้าพื้นที่เขตบางขุนเทียน พร้อมกันนี้ กทม. ได้ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ประกอบการอาชีพประมงในพื้นที่ให้เร่งเก็บผลผลิต ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ แนวเส้นทางถนนบางขุนเทียนและถนนบางขุนเทียนชายทะเลเป็นเส้นทางผ่านของน้ำตาม ธรรมชาติ ตามแนวพระราชดำริ กทม.จะไม่รอให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติเท่านั้น แต่จะเร่งระบายน้ำช่วงรอยต่อเขตบางบอนและบางขุนเทียน ลงคลองราชมนตรี และจากคลองราชมนตรีลงคลองมหาชัยเพื่อออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด โดยจะนำเครื่องสูบน้ำที่ได้จาก ศปภ. มาช่วยเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้ว่าฯ กทม. และคณะเดินทางไปยังประตูระบายน้ำบางซื่อ เขตดุสิต ขณะนี้มีน้ำค่อนข้างสูงเกือบถึงตลิ่ง กทม.ได้ใช้เครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง เร่งระบายน้ำได้ 51 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายน้ำสู่คลองสามเสนต่อไป


-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=175137-

.



น้ำยังไม่ถึงพระราม 2 - บางบอนท่วมผิวจราจร

​

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ครอบครัวข่าว 3

ตำรวจ สน.ท่าข้าม มั่นใจน้ำไม่ท่วมถนนพระราม 2 วันนี้แน่นอน เผยบางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น

วันนี้ (10 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในพื้นที่ โดยระบุว่า ในส่วนของ บางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น ประมาณ 15-20 ซม. ส่วนใหญ่ ท่วมพื้นผิวการจราจร พื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ หมู่บ้าน DK เคหะบางบอน ระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. ชาวบ้าน ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่ แต่ท่าง สน.ท่าข้าม ได้มีการรวบรวมรายชื่อ คนแก่ คนพิการ คนป่วย ที่มีความเสี่ยงสูง จัดเก็บไว้เป็นระบบ เพื่อให้ง่ายต่อการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ทางพื้นที่ ท่าข้าม ได้ตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง อาทิ ร.ร.ท่าข้าม ถ้ามีน้ำท่วมสูงก็จะมีการนำประชาชน มาที่ศูนย์ฯ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พื้นที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งมีแนวติดถนนพระราม 2 ทั้ง 2 ฝั่ง ยังพบว่า สถานการณ์ยังปกติ ไม่มีปัญหาน้ำท่วม ปริมาณน้ำจ่อพระราม 2 ถนนบางขุนเทียน บางบอน ประมาณ 1 กม. ระดับน้ำทรงตัวประมาณ 15-20 ซม. มั่นใจ ไม่ถึงวันนี้อย่างแน่นอน ส่วนการเตรียมแผนอพยพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการเตรียมแผนประชาสัมพนธ์ให้ประชาชนทราบ โดยมีการประสานผู้นำชุมชนเพื่อเตรียมตัวอพยพไว้ด้วย ด้านการจราจร ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่มามาก ก็ทำให้ไม่มีปัญหามานัก

ถ.เอกชัย-บางบอน ยังวิกฤติ! น้ำสูงต่อเนื่อง

พ.ต.ท. วิฑูรย์ นุชบุษบา สวป.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุด โดยระบุว่า ปริมาณน้ำ บริเวณถนนเอกชัย ตั้งแต่แยกบางบอน ถนนเทอดไท รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เนื่องจาก ระดับน้ำสูงกว่า 40-50 ซ.ม. โดยน้ำได้ท่วมตั้งแต่ถนนเอกชัย แยกบางบอน เรื่อยไปจนถึงหน้า บิ๊กซี ก่อนถึง สน.บางขุนเทียน ถนนกำนันแมน ทั้งสายน้ำท่วมทั้งหมด ถนนบางบอน 1 รถเล็กเข้าไม่ได้ ส่งผลให้การจราจรลำบากมาก การเดินทางต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือที่มีความสูงและใช้เรือเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.วิฑูรย์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของ สน. ซึ่งอยู่บนถนนกำนันแมน นั้น ได้ถูกน้ำท่วมแล้ว โดย สน. มีเรือยาง 2 ลำ และเรือยนต์ อีก 1 ลำ ไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนมากจะนำรถไปจอดตามห้างสรรพสินค้า และตามถนนต่าง ๆ สะพานข้ามแยก สะพานน้อย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดูแลอย่างเต็มที่ สายตรวจออกตรวจตรา ตลอด 24 ชม. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรับแจ้งว่า เกิดเหตุการลักขโมยเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด

ทล.เตรียมแผนรับมือ ถ.พระราม 2 น้ำท่วม

ผบก.ทล. เตรียมแผนรองรับการเดินทางลงใต้ หาก ถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วม

พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยการเตรียมเส้นทางสำรอง หาก ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วมว่า สถานการณ์ ตอนนี้ มีเพียง ถ.พระราม 2 ที่ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางไปยังภาคใต้ได้ ยังไม่มีจุดไหนที่ท่วม มีที่น่าเป็นห่วงคือ ถ.พระราม 2 บริเวณ กม.ที่ 17-24 (เอกชัย- บางบอน) ที่ถนนต่ำ แต่หากมีน้ำท่วมจริง ก็เป็นระยะทางสั้น ๆ และระดับน้ำไม่ท่วมสูง ก็จะใช้วิธีลาดยางมะตอยทับไป เพื่อให้ผิวถนนสูงกว่าระดับน้ำ

อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำสูงมาก ก็จะต้องใช้ถนนเส้นอื่นที่เตรียมไว้คือ การเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 9 (ถ.กาญจนาภิเษก) ทั้งเส้น สาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และสาย 346 (บางเลน-กำแพงแสน) ที่บางช่วงยังมีท่วมสูงอยู่ กว่า 1-1.5 ม. ทั้งนี้ กรมทางหลวง ยืนยันว่าจะสามารถกู้ได้สำเร็จ ภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้

อย่าง ไรก็ตาม พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อไปว่า แต่หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วม และทางหลวงหมายเลข 9 ยังกู้ไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยง คือ ออกจาก กทม. ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ไปลงที่ ถ.สายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปทาง จ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวเข้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ไปที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วจึง วกกลับเข้า จ.นครปฐม ตามเส้นทางถนนอ.กำแพงแสน เส้นทางนี้จะต้องอ้อมไปกว่า 300 กิโลเมตร แม้ว่าจะอ้อมไป แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีถนนลงสู่ภาคใต้เลย


​

​

ไอ.เอ็น.เอ็น.
-http://www.innnews.co.th/-

​

-http://hilight.kapook.com/view/64513-

.

 

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
.

‘อานนท์’ยันน้ำทุ่งก้อนใหญ่ไม่ถล่มซ้ำกทม. เขตใต้คลองแสนแสบรอดแน่

นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุ การคณะกรรมการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง และที่ปรึกษา ศปภ. กล่าวถึงน้ำก้อนใหญ่ที่ค้างทุ่งต่างๆ 4 พันล้าน ลบ.ม. จะลงมาท่วมกทม.รอบ2 ว่า ไม่ใช้ก้อนน้ำ แต่เป็นน้ำที่ไหลมาเป็นเดือนๆ อัตราไหลน้อยกว่าเดิม แต่ต่อเนื่องหลาย 10 วัน ผ่านเข้ากทม. แต่ไม่ได้เข้ามาทั้งหมด เข้ามาตามระบบแม่น้ำ คลอง แต่บางส่วน คือ ฝั่งนนทบุรี ตะวันตก จะมาเติมน้ำในพื้นที่
ส่วนการวางบิ๊กแบ็กจะช่วยชะลอน้ำ ให้เรามีเวลาจัดการน้ำที่เข้ามากทม.ได้ ในเขตหลักสี่ ดอนเมือง น้ำเริ่มลดลงแล้ว แสดงว่าระบบที่ปรับได้ผล โดยบิ๊กแบ็กไม่เกี่ยวกับการทำให้น้ำข้างนอกบิ๊กแบ็กเอ่อขึ้นมา เพราะเป็นส่วนที่ควบคุมโดยประตูน้ำจุฬาฯ อาจมีน้ำขึ้นบ้าง แต่ก็ลดลงตามอัตราการลดของน้ำด้านนอก

ทั้งนี้สำหรับ 20 เขตของกทม. ที่ยังไม่ท่วม ในฝั่งพระนคร ฝั่งตะวันออก ที่อยู่ใต้คลองแสนแสบ โอกาสน้ำท่วมน้อยมาก ส่วนด้านเหนือคลองแสนแสบ จะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์น้ำจะหมดไป ส่วนน้ำที่โผล่ตามท่อไม่น่ารุนแรง ไม่กระทบชีวิตความเป็นอยู่

ส่วนน้ำทะเลหนุนช่วง 2-3 วันนี้ ด้านฝั่งธน มีหลายเขตต้องจับตา ซึ่งบางพลัดที่เคยถูกน้ำทะเลหนุนก็อาจได้รับผลบ้าง แต่ไม่มากเท่าน้ำทะเลหนุนครั้งที่แล้ว แต่บางแค ภาษีเจริญ อาจรับผลมากกว่าครั้งที่แล้ว เพราะมีน้ำเดิมที่ยังอยู่และน้ำทะเลหนุนด้วย แต่ก็จะทุเลาไป ผ่านไปได้

ทั้งนี้การคลี่คลายของน้ำท่วม พื้นที่ชั้นในจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จะเห็นการลดลง ส่วนตอนเหนือ 2 สัปดาห์ ถนนน่าจะใช้การได้ ส่วนฝั่งธน พื้นที่ตะวันตกน่าจะสิ้นเดือนพ.ย. จากนั้นน่าจะกลับมาปกติ ด้านตะวันออก พื้นที่หลักๆ จะคลี่คลาย แต่พื้นที่ต่ำที่โดนหนัก จะลดลงใน 4-6 สัปดาห์



-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1EZzVNak0yT0E9PQ==&sectionid=-

.
</td> </tr> </tbody></table>


กรมชลประทานยันไม่มีน้ำมวลใหญ่จ่อถล่มกรุง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">10 พฤศจิกายน 2554 10:39 น.</td></tr></tbody></table>

“กรม ชลประทาน” เผยไม่มีน้ำมวลใหญ่เตรียมถล่มอีกระลอก ระบุมีแค่น้ำท่าที่เริ่มลดลง ส่วนน้ำค้างทุ่งที่กระจายอยู่ทางตอนบนของฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำ เจ้าพระยา มีแค่ 4.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ต้องเร่งระบายลงทะเล

ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรมชลประทาน เผยแพร่ข้อมูลชี้แจง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า “มีน้ำเหนือค้างทุ่งจำนวนมหาศาลรอถล่มกรุง” ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำน่าน ลดลงในระดับต่ำกว่าตลิ่งริมน้ำแล้ว ส่วนปริมาณน้ำท่าที่อยู่ในแม่น้ำต่างๆ ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในลุ่มน้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก คาดว่าจะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งภายใน 7 วัน สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำท่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยที่อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 20 พ.ย.54 ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 27 พ.ย.54

ส่วนปริมาณ “น้ำค้างทุ่ง” ซึ่งกระจายอยู่ในทุ่งทางตอนบนของพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออก และตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4,394 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอยู่ในพื้นที่ทางด้านฝั่งตะวันออก 1,831 ล้านลูกบาศก์เมตร และในพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา 2,563 ล้านลูกบาศก์เมตร (ข้อมูล วันที่ 9 พ.ย.54) ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ต้องบริหารจัดการด้วยการระบายออกทะเลผ่านระบบระบายน้ำ ของกรมชลประทานและกรุงเทพมหานคร โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะค่อยๆ ไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่าง

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมชลประทานได้ดำเนินการ เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าในวันที่ 7 พ.ย.54 ระบายน้ำได้ประมาณ 102 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หลังจากที่มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เติมทำให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยในระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 2554 สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 121 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ยังไม่รวมการระบายน้ำผ่านประตู ระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสมุทรปราการ อีกประมาณ 50-60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และยังมีปริมาณน้ำที่ระบายออกตามธรรมชาติผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย

นอกจากนี้ มาตรการการเร่งระบายน้ำดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยากรมชลประทาน ยังมีมาตรการชะลอปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่างด้วย โดยลดการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพและประตูระบายน้ำบรมธาตุ รวมทั้งยังได้เร่งซ่อมแซมอาคารชลประทานและคันกั้นน้ำในเขตจังหวัดพระนครศรี อยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี แล้วเสร็จ 12 แห่ง จาก 14 แห่ง ซึ่งสามารถช่วยชะลอน้ำที่จะไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้


-http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143379-

.

 

.

วงแหวนกาญจนาฯ พระราม 2 น้ำซึมตามท่อแล้ว

​

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ครอบครัวข่าว 3

พระราม 2 น้ำเริ่มผุดท่อ คาดซอย 70 น้ำเต็มพื้นที่เป็นจุดแรก เตรียมยกเกาะกลางถนนออก เพื่อไม่ให้ขวางทางน้ำไหล

วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวได้รายงานสถานการณ์น้ำ ท่วมพระราม 2 ในขณะนี้ว่า หัวน้ำบนถนนพระราม 2 ขยับเข้าใกล้กว่าเมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) จากเดิมห่างประมาณ 500 เมตร แต่ในขณะนี้ น้ำเริ่มซึมตามท่อแล้ว ซึ่งจุดที่น้ำเข้ามาประชิดถนนพระราม 2 เป็นจุดแรกนั้น คือ บริเวณใกล้วงแหวนรถนนกาญจนาภิเษก - บางแค ช่วงพระราม 2 ซอย 70 ห่างจากเคหะชุมชนธนบุรีประมาณ 2 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวได้กล่าวว่า ความจริงแล้วน้ำเริ่มซึมตามท่อมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และค่อย ๆ เพิ่มสูง และเมื่อคืนนี้ ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าทุกวัน ถึง 5 เซนติเมตร และคาดว่าจุดตรงนี้ (พระราม 2 ซอย 70) จะเป็นจุดแรกที่น้ำเริ่มท่วมถนน เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำได้ซึมตามท่อลอดไปยังถนนพระราม 2 ฝั่งตรงข้ามแล้ว และหลาย ๆ ซอยเริ่มมีน้ำท่วมขังแต่ยังมีปริมาณไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีชาวบ้านได้นำกระสอบทรายมากั้นริมคลองราชลำพู ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ แต่ทั้งนี้ ต้องรอสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อน เพราะถ้าหากมีการปิดกั้นการไหลของน้ำจริง ก็จะไม่เป็นไปตามแผนระบายน้ำของทาง กทม. และที่ทางกรมทางหลวงได้วางเอาไว้ คือ จะปล่อยให้น้ำไหลผ่านพระราม 2 ในลักษณะน้ำหลาก เพื่อให้รถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้ รวมไปถึงการยกแบริเออร์ หรือแท่นปูนที่วางตลอดแนวเกาะกลางถนนออก เพื่อไม่ให้ขวางทางน้ำ และไม่ให้น้ำท่วมขังในฝั่งตะวันตกนานเกินไป

ส่วนทางด้านสถานการณ์น้ำท่วมในเขตบางบอน และเขตบางขุนเทียนในเช้าวันนี้ (10 พฤศจิกายน) บริเวณถนนเอกชัย - บางบอน ระดับน้ำสูงขึ้นจากเดิม รถยนต์เล็กสามารถสัญจรได้อย่างยากลำบาก ส่วนถนนบางขุนเทียนนั้น ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และถ้าหากน้ำท่วมสูงเกินกว่า 30 เซนติเมตร ก็ต้องหยุดการเดินรถเพื่อความปลอดภัย

ทางด้าน ตลาดศิริชัย ที่ตอนนี้ถูกล้อมรอบด้วยน้ำกลายเป็นเกาะนั้น เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในเขตบางบอน ซึ่งตอนนี้มีการวางกระสอบทรายกั้นไว้สูงรอบ ๆ ตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดที่เป็นแหล่งขายอาหารสดสำหรับชาวบ้านในแขวงแสมดำนั้น ถูกน้ำท่วม แต่ทั้งนี้บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ต่างก็ต้องลำบากในการเดินทางขนของมาขายในตลาด

พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานอีกว่า ขณะนี้มวลน้ำที่มาจาก อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ยังคงไหลมาเติมทางฝั่งตะวันตกอย่างต่อเนื่อง และขยายวงกว้างบริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดถนนกาญจนาภิเษก โดยเฉพาะหมู่บ้านสินทรัพย์นคร การ์เดนท์ ถึงโรงเรียนเลิศหล้า ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร รถเล็กสัญจรได้อย่างยากลำบาก


น้ำยังไม่ถึงพระราม 2 - บางบอนท่วมผิวจราจร

ตำรวจ สน.ท่าข้าม มั่นใจน้ำไม่ท่วมถนนพระราม 2 วันนี้แน่นอน เผยบางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น

วันนี้ (10 พฤศจิกายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในพื้นที่ โดยระบุว่า ในส่วนของ บางขุนเทียน บางบอน ระดับน้ำสูงตลอดทั้งเส้น ประมาณ 15-20 ซม. ส่วนใหญ่ ท่วมพื้นผิวการจราจร พื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ หมู่บ้าน DK เคหะบางบอน ระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. ชาวบ้าน ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่ แต่ท่าง สน.ท่าข้าม ได้มีการรวบรวมรายชื่อ คนแก่ คนพิการ คนป่วย ที่มีความเสี่ยงสูง จัดเก็บไว้เป็นระบบ เพื่อให้ง่ายต่อการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ทางพื้นที่ ท่าข้าม ได้ตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายแห่ง อาทิ ร.ร.ท่าข้าม ถ้ามีน้ำท่วมสูงก็จะมีการนำประชาชน มาที่ศูนย์ฯ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พื้นที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งมีแนวติดถนนพระราม 2 ทั้ง 2 ฝั่ง ยังพบว่า สถานการณ์ยังปกติ ไม่มีปัญหาน้ำท่วม ปริมาณน้ำจ่อพระราม 2 ถนนบางขุนเทียน บางบอน ประมาณ 1 กม. ระดับน้ำทรงตัวประมาณ 15-20 ซม. มั่นใจ ไม่ถึงวันนี้อย่างแน่นอน ส่วนการเตรียมแผนอพยพนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการเตรียมแผนประชาสัมพนธ์ให้ประชาชนทราบ โดยมีการประสานผู้นำชุมชนเพื่อเตรียมตัวอพยพไว้ด้วย ด้านการจราจร ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่มามาก ก็ทำให้ไม่มีปัญหามานัก

ถ.เอกชัย-บางบอน ยังวิกฤติ! น้ำสูงต่อเนื่อง

​

พ.ต.ท. วิฑูรย์ นุชบุษบา สวป.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ล่าสุด โดยระบุว่า ปริมาณน้ำ บริเวณถนนเอกชัย ตั้งแต่แยกบางบอน ถนนเทอดไท รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เนื่องจาก ระดับน้ำสูงกว่า 40-50 ซ.ม. โดยน้ำได้ท่วมตั้งแต่ถนนเอกชัย แยกบางบอน เรื่อยไปจนถึงหน้า บิ๊กซี ก่อนถึง สน.บางขุนเทียน ถนนกำนันแมน ทั้งสายน้ำท่วมทั้งหมด ถนนบางบอน 1 รถเล็กเข้าไม่ได้ ส่งผลให้การจราจรลำบากมาก การเดินทางต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือที่มีความสูงและใช้เรือเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.วิฑูรย์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของ สน. ซึ่งอยู่บนถนนกำนันแมน นั้น ได้ถูกน้ำท่วมแล้ว โดย สน. มีเรือยาง 2 ลำ และเรือยนต์ อีก 1 ลำ ไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนมากจะนำรถไปจอดตามห้างสรรพสินค้า และตามถนนต่าง ๆ สะพานข้ามแยก สะพานน้อย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดูแลอย่างเต็มที่ สายตรวจออกตรวจตรา ตลอด 24 ชม. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรับแจ้งว่า เกิดเหตุการลักขโมยเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด

ทล.เตรียมแผนรับมือ ถ.พระราม 2 น้ำท่วม

ผบก.ทล. เตรียมแผนรองรับการเดินทางลงใต้ หาก ถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วม

พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยการเตรียมเส้นทางสำรอง หาก ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วมว่า สถานการณ์ ตอนนี้ มีเพียง ถ.พระราม 2 ที่ยังสามารถใช้เป็นเส้นทางไปยังภาคใต้ได้ ยังไม่มีจุดไหนที่ท่วม มีที่น่าเป็นห่วงคือ ถ.พระราม 2 บริเวณ กม.ที่ 17-24 (เอกชัย- บางบอน) ที่ถนนต่ำ แต่หากมีน้ำท่วมจริง ก็เป็นระยะทางสั้น ๆ และระดับน้ำไม่ท่วมสูง ก็จะใช้วิธีลาดยางมะตอยทับไป เพื่อให้ผิวถนนสูงกว่าระดับน้ำ

อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำสูงมาก ก็จะต้องใช้ถนนเส้นอื่นที่เตรียมไว้คือ การเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 9 (ถ.กาญจนาภิเษก) ทั้งเส้น สาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และสาย 346 (บางเลน-กำแพงแสน) ที่บางช่วงยังมีท่วมสูงอยู่ กว่า 1-1.5 ม. ทั้งนี้ กรมทางหลวง ยืนยันว่าจะสามารถกู้ได้สำเร็จ ภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้

อย่าง ไรก็ตาม พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อไปว่า แต่หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ ถ.พระราม 2 ถูกน้ำท่วม และทางหลวงหมายเลข 9 ยังกู้ไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยง คือ ออกจาก กทม. ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ไปลงที่ ถ.สายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปทาง จ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวเข้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ไปที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วจึง วกกลับเข้า จ.นครปฐม ตามเส้นทางถนนอ.กำแพงแสน เส้นทางนี้จะต้องอ้อมไปกว่า 300 กิโลเมตร แม้ว่าจะอ้อมไป แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีถนนลงสู่ภาคใต้เลย


​

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไอ.เอ็น.เอ็น.และครอบครัวข่าว 3


​

​

-http://hilight.kapook.com/view/64513-

.

 

.

ทีมกรุ๊ป แนะปล่อยน้ำผ่านพระรามสอง-กู้ถนน 340









เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภากประกอบจาก TEAM Group, ครอบครัวข่าว 3

ทีมกรุ๊ป แนะปล่อยน้ำผ่านพระรามสอง อย่ากั้นน้ำ เพราะน้ำจะเพิ่มแรงดัน พร้อมเห็นด้วยถ้ากู้ถนน 340 ใช้สัญจรแทนถนนพระรามสอง แต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า น้ำจะลงช้า

วันนี้ (10 พฤศจิกายน) นายชวลิต จันทรรัตน์ วิศวกรแหล่งน้ำ บริษัททีมกรุ๊ป ได้กล่าวถึงกรณีที่น้ำเข้ามาถึงพระราม 2 ว่า ไม่ ควรไปกั้นหรือขวางทางน้ำ ต้องปล่อยให้ไหลข้ามผ่านไป เพราะถ้ายิ่งขวาง ก็จะยิ่งเพิ่มแรงดันให้น้ำมากขึ้น และถ้าหากกั้นไว้ 1 เมตร แรงดันจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ตัน ดังนั้น ควรปล่อยให้น้ำไหลข้ามผ่านถนนเป็นช่วงสูง 20 - 30 เซนติเมตร ในขณะเดียวกันหากจะกู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง - สุพรรณบุรี ก็ต้องบอกประชาชนว่า น้ำในบริเวณดังกล่าวจะลดช้าลง

นายชวลิต กล่าวต่อว่า เห็น ด้วยกับรัฐบาลที่มีแผนจะกู้ถนนสาย 340 ระยะทาง 27 กิโลเมตร เพื่อนำมาใช้ทดแทนถนนพระราม 2 ที่ตอนนี้น้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ และนอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำในฝั่งธนบุรี ว่า หลังจากวันที่ 15 พฤศจิกายน ระดับน้ำจะค่อย ๆ ลดลง และน่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ถนนจึงจะแห้งสนิท ส่วนน้ำท่วมที่แถบบางพลัด ระดับน้ำในบริเวณดังกล่าวจะลดลงได้นั้นขึ้นอยู่กับระดับน้ำเจ้าพระยาเพียง อย่างเดียว

สำหรับที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน จะรอดพ้นจากน้ำท่วมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการสูบน้ำ ทั้งนี้เนื่องจากในวันนี้ (10 พฤศจิกายน) น้ำจะเริ่มเอ่อเข้าท่อ ดังนั้น ทาง กทม. จะต้องหาทางดึง หรือสูบน้ำลงจากคลองแสนแสบ อีกทั้งยังต้องเร่งระบายน้ำ เพราะถ้าหากว่าปล่อยให้ท่วมนานจนเกินไป พื้นดินจะอิ่มน้ำ โครงสร้างดินที่กั้นไว้จะทรุดตัวลงได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20111110/418439/news.html-




-http://hilight.kapook.com/view/64507-

.

 

.

ถ.วิภาวดีฯ น้ำทะลักถึงแยกสุทธิสารแล้ว

​

ถ.วิภาวดีฯ น้ำทะลักถึงแยกสุทธิสารแล้ว (ไอเอ็นเอ็น)

น้ำทะลักซอยวิภาวดีฯ 12 เอ่อท่วมถนนถึงแยกสุทธิสาร แล้ว ประชาชนใกล้เคียงแห่สังเกตการณ์ ขณะรถเล็กยังสามารถผ่านได้

สถานการณ์น้ำบริเวณ ซ.วิภาวดีรังสิต 12 ล่าสุดในขณะนี้ น้ำที่เอ่อล้นจากคลองบางซื่อ ได้ไหลทะลักเข้าท่วม ถ.วิภาวดีรังสิต ฝั่งขาเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่า ระดับน้ำจุดต่ำสุดภายในซอยดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 1 เมตรแล้ว ทั้งนี้หัวน้ำจาก ซ.วิภาวดีรังสิต 12 ได้รุกคืบไปถึงสี่แยกสุทธิสารแล้วเช่นกัน โดยมีระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 5 ซ.ม. ในฝั่งขาเข้า ส่วนขาออก หัวน้ำยังคงอยู่ห่างจากแยกสุทธิสารประมาณ 15 ม. ประชาชนบริเวณดังกล่าวต่างออกมาดูสถานการณ์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อ เนื่อง ขณะที่การจราจร รถเล็กยังสามารถสัญจรไปมาได้

ส่วนบรรยากาศที่บริเวณสะพานข้ามคลองบางซื่อ ขณะนี้ มีพ่อค้าแม่ค้าออกมาตั้งร้านขายอาหาร รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม อาทิ เรือ รองเท้าบูท กางเกงกันน้ำ เป็นต้น



ไอเอ็นเอ็น




-http://hilight.kapook.com/view/64621-

.

 

.

ใช้พระราม2ส่งน้ำลงทะเล'สุกำพล'ยันบิ๊กแบ๊กได้ผล

ผู้ว่าฯรับผิดแจ้งอพยพอีก




หัวน้ำมุ่งหน้าถล่มพระราม 2 ระทึกเหลืออีก 500 เมตรเท่านั้น "สุกำพล"ยันกั้น "บิ๊กแบ๊ก" ได้ผลเตรียมใช้พระราม2 ระบายน้ำลงทะเลทางด่วนดินแดงผวาเร่งเสริมกำแพงกั้นหลายเขตน้ำเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน กทม.แจ้งอพยพอีก 3 เขต “สุขุมพันธุ์” วอนอย่าโทษคนกรุงเทพฯ พร้อมกับแอ่นอกรับผิดคนเดียว โวย ศปภ. ให้เครื่องสูบน้ำเล็ก “เฉลิม” ฉุนมือวางตะปูเรือใบสั่งล่าให้ได้ ลั่นจับได้ติดคุกหัวโต “นายกฯ ปู” น้ำตาซึมเด็กให้กำลังใจร้องเพลง “อย่ายอมแพ้” ย้ำ “บิ๊กแบ็ก” แค่ชะลอน้ำเท่านั้น ผวาก้อนใหญ่โจมตีซ้ำ ส่วนถนนพระราม 2 อ่วมแน่เพราะจะใช้เป็นทางลงทะเล

กองทัพน้ำแผ่กระจายโอบล้อมกรุงเทพฯ ชั้นในเข้าไปทุกขณะ โดยเตรียมจ่อถล่มเข้าพื้นที่สะพานควายเพื่อมุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ขณะที่หัวน้ำอีกด้านหนึ่งผ่านจอมทอง-บางบอนไปแล้ว เหลืออีกไม่ถึง 2 กม.จะทะลุถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจที่จะลงสู่ภาคใต้

อีก 500 ม.ถล่มพระราม 2

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณถนนเอกชัย-บางบอน มวลน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมถนนทั้งขาเข้าและขาออก โดยมีระดับอยู่ที่ 30 ซม. รถเล็กผ่านสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก ส่วนหัวน้ำที่มุ่งหน้าไปทางถนนกาญจนาภิเษก อยู่ที่บริเวณซอยเอกชัย 74 อีกประมาณ 1 กม. หัวน้ำจะถึงถนนกาญจนาภิเษก สำหรับมวลน้ำที่เข้าสู่ถนนบางขุนเทียน ล่าสุดน้ำไหลผ่านข้ามทางรถไฟแล้ว เหลืออีกประมาณเพียงแค่ 500 เมตร มวลน้ำจะไหลเข้าถนนพระราม 2 โดยชาวบ้านและบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 2 ต่างเตรียมความพร้อมโดยการนำกระสอบทรายมาเรียงเป็นแนวกั้นน้ำ โดยชาวบ้านยังใช้ชีวิตตามปกติยังไม่อพยพออกจากพื้นที่ อีกทั้งยังเปิดร้านขายของเช่นเดิม

สำหรับบรรยากาศที่ศาลเจ้าแม่จงอางและลูก ยังคงมีประชาชนมากราบไหว้ปกติเหมือนกันทุกวัน บางรายก็ถือของมาแก้บนหลังจากที่สมหวังกับสิ่งที่ขอไว้กับทางเจ้าแม่ นอกจากนี้ยังมีทีมงานหนังกลางแปลงกำลังติดตั้งเครื่องฉายหนัง เพื่อเตรียมไว้ฉายตอนฟ้ามืดหลังจากคนที่สมหวังกับสิ่งที่ขอไว้นำมาแก้บน

ด้านชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ติดกับศาลเจ้าแม่จงอางและลูก (ซอยพระราม 2 48) กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่บริเวณนี้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี แล้ว ไม่เคยเจอเหตุการณ์น้ำท่วมเหมือนครั้งนี้มาก่อน ขนาดปี พ.ศ. 2538 ที่ว่าหนักแถวนี้ยังไม่ท่วม ส่วนที่ทางการประกาศว่าน้ำจะท่วมถนนพระราม 2 นั้น ตนคิดว่าน่าจะท่วมแถวช่วงซอยท้าย ๆ ซอยต้นอย่างแถวบ้านตนไม่น่าจะถูกน้ำท่วม หากน้ำท่วมแถวนี้จริงก็คงป้องกันได้

เตรียมแผน 2 ถนนลงใต้

ด้าน พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมเส้นทางสำรองหากถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วมว่า สถานการณ์ตอนนี้มีเพียงถนนพระราม 2 ที่ยังสามารถลงไปที่ภาคใต้ได้ และยังไม่มีจุดไหนที่ท่วม มีเพียงที่น่าเป็นห่วง ถนนพระราม 2 กม.ที่ 17-24 (เอกชัย-บางบอน) ที่ถนนต่ำ หากมีน้ำท่วมจริงแต่เป็นระยะทางสั้น ๆ และน้ำไม่ท่วมสูงจะใช้วิธีการราดยางมะตอยทับไป เพื่อให้ผิวถนนสูงกว่าระดับน้ำ แต่หากระดับน้ำสูงมากจะต้องใช้ถนนเส้นอื่นที่เตรียมไว้คือ การเร่งกู้ทางหลวงหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) สาย 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และสาย 346 (บางเลน-กำแพงแสน) ที่บางช่วงยังมีท่วมสูงอยู่กว่า 1-1.5 ม. และกรมทางหลวงยืนยันว่าจะสามารถกู้ได้สำเร็จภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้

พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวต่อว่าหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วม และทางหลวงหมายเลข 9 ยังกู้ไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยงคือ ออกจากกทม. ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ไปลงที่ถนนสายเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปทาง จ.พระ
นครศรีอยุธยา เลี้ยวเข้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ไปที่ จ.สุพรรณบุรี แล้วจึงวกกลับเข้า
จ.นครปฐม ตามเส้นทางถนน อ.กำแพงแสน เส้นทางนี้จะต้องอ้อมไปกว่า 300 กิโลเมตร
แม้ว่าจะอ้อมไป แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่มีถนนลงสู่ภาคใต้เลย

น้ำยังไหลถล่มหลายพื้นที่

ส่วนบริเวณสะพานกรุงธนบุรี ถึงแยกบางพลัด ระดับน้ำลดลงแล้ว รถเล็กสามารถผ่านได้ โดยระดับน้ำจุดสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 20 ซม. ส่วนถนนสิรินธรและถนนจรัญสนิทวงศ์ ยังคงมีน้ำท่วมสูง 80 ซม. รถยังแล่นผ่านไม่ได้ โดยรวมระดับน้ำลดลงจากเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาราว 10 ซม. ขณะที่ถนนนวมินทร์ ฝั่งที่มาจากบางกะปิ มุ่งหน้า กม.8 ช่วงหัวโค้งแยกนวมินทร์ มีน้ำท่วมขัง 30-40 ซม. ถนนโชคชัย 4 ช่วงซอย 30-48 มีน้ำท่วมสูงราว 30 ซม. ถนนสุคนธสวัสดิ์ ช่วงซอย 1 ถึงแยกสุคนธสวัสดิ์ น้ำผุดเอ่อล้นจากท่อขึ้นมาบนผิวการจราจรสูงราว 30 ซม. รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวัง หรือควรหลีกเลี่ยง

พหลฯ-วิภาวดีฯยังจมน้ำ

ด้านถนนพหลโยธิน ขาเข้า-ขาออก มวลน้ำยังอยู่ที่แยกกำแพงเพชร โดยน้ำยังไม่ข้ามคลองบางซื่อ เจ้าหน้าที่ยังคงปิดการจราจร ผู้ใช้รถต้องเลี่ยงไปใช้ถนนประดิพัทธ์ไป ถนนพระราม 6 หรือ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย มุ่งหน้าถนนวิภาวดีรังสิตแทนได้ สำหรับถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า-ขาออก มวลน้ำยังอยู่ที่สะพานข้ามคลองบางซื่อ เจ้าหน้าที่ยังปิดการจราจร ผู้ใช้รถให้เลี่ยงไปใช้ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ไปถนนพหลโยธิน หรือถนนสุทธิสารวินิจฉัย ไปถนนรัชดาภิเษก หรือกลับรถไปดินแดงได้ ขณะที่ในเขตประชาชื่น ถนนพิบูลสงคราม, ถนนกรุงเทพฯ - นนทบุรี, ถนนวงศ์สว่าง และ ถนนรัชดาภิเษก ช่วงที่ไม่ได้ปิดการจราจร มีรถน้อยการจราจรคล่องตัวดีทุกด้าน

เสริมแนวคันด่วนดินแดง

ด้านนายอ่ำ สุภารัตน์ รอง ผอ.แขวงการทางกรุงเทพฯเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงได้เร่งสร้างแนวคันกั้นน้ำวางคู่ขนานตลอดช่อง ทาง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อท่วมช่องจราจรขึ้นทางด่วนดินแดง เชื่อมต่อกับโทลล์เวย์ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก โดยใช้แซนแบริเออร์ขนาดกว้างยาว 1 เมตร อัดแน่นด้วยทรายนำมาวางเรียงต่อเป็นทางยาวกว่า 1,800 เมตร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ ขณะที่บริเวณด้านหมอชิต สวนจตุจักร ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังมีน้ำท่วมขังสูง 10-20 ซม. รถบรรทุกกับรถกระบะหรือรถยกสูง ยังสามารถวิ่งทางช่องขวาสุดได้ แต่ช่องเลนซ้ายมีน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. ทำให้รถเมล์ต้องจอดรับส่งผู้โดยสารที่เลนกลาง ประชาชนต้องเดินลุยน้ำไปด้วยความยากลำบาก

หลายเขตน้ำลดแล้ว

เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงสถานการณ์น้ำภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารว่า สถานการณ์น้ำทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่สูงสุด 1.91 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) และวันนี้ 2.05 ม.รทก. ส่วนระดับน้ำในคลองส่วนใหญ่ลดลง ยกเว้นคลองลาดพร้าวที่ยังสูงอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าระดับน้ำในคลองหลัก ๆ จะน้อยลง อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นข่าวดีที่ในหลายเขตระดับน้ำเริ่มลดลง อย่างที่เขตบางพลัดระดับน้ำลดลงชัดเจน จากสะพานพระราม 7 โรงพยาบาลยันฮี เขตดอนเมืองลดลงต่อเนื่อง 15-20 ซม. ขณะที่เขตหลักสี่ลดลงแต่ยังถือว่าสูงอยู่ นอกจากนี้พบว่าน้ำเริ่มแผ่ขยายไปในเขตคันนายาว สะพานสูง ธนบุรี และบางบอน อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลักได้ เพราะปริมาณน้ำที่เข้ากรุงเทพฯมีมากกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน (ลบ.ม.) ในส่วนของคันกันน้ำที่สร้างจากบิ๊กแบ็กนั้นพบว่ายังมีฟันหรออยู่ประมาณ 3 จุด จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบิ๊กแบ็กมีประสิทธิภาพเต็ม100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราจะพยายามไปทีละจุด

กทม.แจ้งอพยพอีก 3 เขต

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุต่อว่า เนื่องจากปริมาณน้ำได้ขยายพื้นที่ กทม.จึงได้ประกาศแจ้งอพยพในแขวงรามอินทรา และแขวงคันนายาว ในเขตคันนายาว โดยแขวงราม อินทรา ถนนคู้บอน ซอยคู้บอน 6, 21, 23 และซอย 31 ซอยคู้บอน 13 ชุมชนจินดาบำรุงพัฒนา ซอยคู้บอน 19 แยก 6 ชุมชนซอยผู้ใหญ่ชม ซอยคู้บอน 25 แยก 9 ชุมชนคู้บอน 25 ถนนรามอินทรา ซอยรามอินทรา 81 และ 85 ชุมชนรามอินทรา 83 และ 85 ซอยรามอินทรา 46/1 ชุมชนหมู่บ้านเปรมฤทัย 1 ซอยรามอินทรา 65 และ 67 และแขวงคันนายาว ถนนรามอินทรา ซอยรามอินทรา 76 ชุมชนหมู่ 5 ซอยรามอินทรา 99 ชุมชนริมคลองลำเกร็ด ชุมชนรามอินทรา 109 บ้านริมคลองหลังวัดราชศรัทธาธรรม (วัดบางชัน) ถนนกาญจนาภิเษก ซอยกาญจนา ภิเษก 09 ชุมชนสุขอนันต์ ชุมชนหมู่ 6 และชุมชนหมู่ 8 ซอยกาญจนาภิเษก 011/1 แยก 1 ชุมชนหมู่บ้านเปรมฤทัยรามอินทรา กม.9 ป.1 ถนนเสรีไทย 83 ชุมชนเกาะจวน ส่วนการประกาศแจ้งเตือน คือ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว

วอนอย่าโทษเจ้าหน้าที่ กทม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุเปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข้อกังขาว่าเครื่องสูบน้ำของ กทม.ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือไม่มีการเปิดเครื่องสูบน้ำในบางตัวนั้น ตนเองขอยืนยันว่าเครื่องสูบน้ำส่วนใหญ่ของ กทม. ใช้ได้หมด แต่เครื่องสูบน้ำก็เหมือนเครื่องจักรทุกประเภทที่ต้องมีการหยุดพักเครื่อง บ้าง เช่นที่สถานีสูบน้ำพระโขนง เปิดใช้ได้ 43 เครื่อง หรือ ที่สถานีสูบน้ำบางซื่อ ก็ใช้ได้เกือบหมด แต่ที่จะมีปัญหาเมื่อวานนี้ 1 ตัว เนื่องจากยางรถยนต์เข้าไปในเครื่องสูบน้ำทำให้เครื่องดังกล่าวชำรุด อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ กทม. โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ ได้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่บางครั้งเกิดความบกพร่องบ้าง ทั้งนี้ตนขอความเป็นธรรมให้แก่คนของ กทม. ด้วย อย่าจ้องจับผิด ถ้าจะโทษใครอย่ามาโทษ กทม. ให้โทษตนคนเดียว เพราะเจ้าหน้าที่ของ กทม. ทุกคนเดือดร้อน เพราะน้ำท่วมแต่ได้กัดฟันทำงานเพื่อประชาชน

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า การจัดเก็บขยะ กทม. จะว่างจ้างบุคลากรเพิ่มในอัตราค่าแรงวันละ 300 บาท โดยจะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (10 พ.ย.) เป็นเวลา 30 วันใน 18 เขต คาดว่าภายใน 3 วัน จะเห็นความเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีการว่าจ้างบุคลากรพิเศษแต่ละเขตอาจจะใช้จำนวนไม่เท่ากันแล้วแต่ ปริมาณขยะ นอกจากนี้ยังมีองค์กรต่าง ๆ แสดงความประสงค์ที่จะเข้าไปช่วยเหลือในจุดที่น้ำท่วมสูงกว่า 80 เซนติเมตร ที่มีอยู่กว่า 470 จุด โดยจะนำความช่วยเหลือต่าง ๆ เข้าไปช่วย เช่น น้ำ อาหาร เวชภัณฑ์ ดังนี้ มูลนิธิร่วมกตัญญู รับผิดชอบเขตหนองแขม และเขตดอนเมือง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับผิดชอบเขตตลิ่งชัน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์รับผิดชอบเขตหลักสี่ บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ รับผิดชอบเขตสายไหม กลุ่ม flood fight รับผิดชอบเขตคลองสามวา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต รับผิดชอบเขตมีนบุรี และกลุ่มไทยเบฟรับผิดชอบเขตบางพลัด อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณจังหวัดต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ 1 จังหวัด 1 เขตกรุงเทพฯ ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. จะมีการปล่อยขบวนที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยจะมีการรับมอบส้วมลอยน้ำ เรือยาง เครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน ตนจะทำหนังสือขอบคุณทุกจังหวัดโดยตรง

โวยเครื่องสูบน้ำศปภ.เล็ก

ด้านนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ เปิดเผยว่า การระบายน้ำของคลองบางซื่อนั้นอยู่ในเกณฑ์สูง เพราะรับน้ำมาจากถนนวิภาวดี คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร ขณะนี้ได้เปิดเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ 17 เครื่องเกือบเต็ม 100% คือ เปิด 16-17 เครื่องเดินเครื่องอย่างเต็มที่ สามารถระบายน้ำได้วันละ 51 ล้าน ลบ.ม./วินาที แต่ปริมาณน้ำที่เข้ามายังมากกว่าน้ำออก จึงทำให้น้ำยังคงแผ่กระจายไปในหลายพื้นที่ ส่วนเครื่องสูบน้ำที่ ศปภ. ให้มาบางส่วนมีขนาดเล็ก หลังจากที่น้ำในระบบเริ่มลดแล้ว จะนำเครื่องเหล่านี้ไปใช้ในชุมชนต่าง ๆ เพื่อระบายน้ำตามหมู่บ้าน ส่วนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 45 เครื่องต้องใช้เวลาในการติดตั้งอีกสักระยะ ซึ่งได้ติดตั้งที่สถานีสูบน้ำพระโขนง และบางกอกใหญ่แล้ว สำหรับอุโมงค์ยักษ์พระราม 9–รามคำแหง ยืนยันเดินเครื่องสูบน้ำเต็มประสิทธิภาพ

“เฉลิม”สั่งล่ามือโรยตะปูเรือใบ

ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการลอบโปรยตะปูเรือใบ ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม เพื่อทำให้รถของทหารที่เข้าไปรับ-ส่ง และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่วิ่งรถรับจ้าง ที่เสียรายได้จากการมีรถมาบริการวิ่งรับ-ส่งฟรี ทั้งนี้ตนได้สั่งให้ตำรวจเข้าไปดำเนินการจับกุมแล้ว ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวที่ว่ามีทหารถูกทำร้ายร่างกาย ในระหว่างการพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่มีแต่ถ้าใครที่ทำต้องถูกจับแน่นอน เพราะเวลานี้ตนได้ระดมตำรวจมาอีกประมาณ 2,000 นายจากทั่วประเทศ ให้มาช่วยอย่างเต็มที่และทั่วถึง จากนี้ไปตรงไหนที่เป็นพื้นที่อันตราย ตนได้สั่งการไปแล้วว่าให้เพิ่มกำลังเข้าไป ส่วนตรงไหนเปลี่ยวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และขอไฟส่องสว่างมาเพิ่ม รวมทั้งจะเพิ่มตำรวจมาดูแลอีกเรื่อย ๆ ด้วย

ลั่นจับได้ติดคุกหัวโต

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า ให้หัวหน้าตำรวจทุกแห่งที่อยู่ในจุดที่น้ำท่วมตรวจตราอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด หากจับได้จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพราะถือว่าทำให้ทรัพย์สินของประชาชนเสียหายและทำให้เกิดอันตราย โดยจะแจ้งข้อหาแรงที่สุด ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.358 ทำให้เสียทรัพย์ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ซึ่งหากกระทำการดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่อันตรายและจิตใจ อาจเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.295 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 ม.128 ห้ามมิให้ผู้ใดวาง เท หรือทิ้งเศษแก้ว ตะปู ลวด น้ำมันหล่อลื่น กระป๋องหรือสิ่งอื่นใด หรือกระทำการใด ๆ ให้เกิดอันตรายหรือเสียหายทั้งพาหนะหรือบุคคลจากการกีดขวางการจราจร จะมีโทษตาม ม.152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ตำรวจลงไปหารือกับกลุ่มเรือรับจ้าง เพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าโดยสารในช่วงระหว่างที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม หากกระทำการดังกล่าวและมีผู้มาแจ้งความ อาจเข้าข่ายความผิดข้อหาฉ้อโกงทรัพย์

ป้องนิคมฯบางชัน-บางพลี

สำหรับบรรยากาศบริเวณซอยเสรีไทย ย่านบางชัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมบางชัน พบว่าขณะนี้ระดับน้ำบนถนนเสรีไทยหน้านิคมฯเริ่มลดลง โดยภายในนิคมฯ ยังแห้งสนิท และโรงงานต่าง ๆ ยังผลิตสินค้ากัน มีเพียงบางโรงงานที่ก่อนหน้านี้ได้ปิดโรงงานเพื่อหนีน้ำท่วมไปแล้ว อย่างไรก็ตามทางโรงงานแต่ละแห่งได้นำกระสอบทรายมาวางเรียงกัน โดยเฉพาะหน้าบริษัทสหยูเนี่ยน น้ำบนถนนสูงประมาณ 10 ซม.เท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนำถุงบิ๊กแบ็กมาวางกั้น พร้อมกับติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบออกจากท่อระบายน้ำ เพื่อให้ไหลไปคลองแสนแสบ ส่วนที่ประตูระบายน้ำบึงกระเทียมคลองบางชัน ระดับน้ำด้านหน้าและหลังประตู น้ำมีระดับเท่ากันแล้วที่ 1.05 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนน้ำจากรามอินทรายังคงเพิ่มสูงขึ้น จนไหลทะลักเข้าท่วมถนนหม่อมเจ้าสง่าสุประดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ทหารได้เรียงกระสอบทราย ที่ริมบึงกระเทียม เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นจนเริ่มซึมเข้าโรงงานที่อยู่ติดกับบึงกระเทียม เจ้าหน้าที่ทหารจึงเรียงกระสอบให้สูงขึ้นเพียงพอที่จะรับระดับน้ำที่จะเพิ่ม ขึ้นอีก 1 เมตร เช่นเดียวกับที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เสริมคันดิน กระสอบทรายคลุมด้วยพลาสติกโดยรอบเพื่อเตรียมรับมือมวลน้ำก้อนใหญ่อย่างเต็ม ที่

ทำเว็บให้ชาวบ้านแจ้งระดับน้ำ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แถลงว่าได้มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำแผนที่ออนไลน์เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ได้รับทราบสภาพกายภาพที่ตั้งที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน ตลอดจนความสัมพันธ์กับเส้นทางน้ำและระบบระบายน้ำ เพื่อใช้วางแผนและรวบรวมข้อมูลสถานการณ์น้ำ นำขึ้นเผยแพร่บนเว็บ Thai Crisis และเชื่อมโยงไว้กับเว็บหลักของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ผศ.ดร.สรรเพชญ ซื้อนิธิไพศาลอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้พัฒนาระบบแผนที่กล่าวว่าเว็บนี้มุ่งให้ประชาชนเข้ารายงานข้อมูลระดับน้ำ ในจุดต่าง ๆ ได้อย่างง่าย โดยมีไอคอนระดับน้ำที่เอว เข่า หรือหน้าอก ไม่ต้องใช้เครื่องวัดใด ๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนที่สนใจได้รับทราบระดับน้ำแต่ละจุด นอกจากนี้ยังให้นิสิตที่ออกช่วยเหลือประชาชน เก็บข้อมูลระดับน้ำวันละ 150 จุด รายงานบนแผนที่ ข้อมูลนี้จึงเป็นปัจจุบันอย่างมาก และเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 ซม.

นักวิชาการชี้อนุสาวรีย์ชัยรอด

รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า น้ำที่หลากตามถนนพหลโยธินและเกรงกันว่าจะท่วมถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้น เมื่อพิจารณาความสามารถการระบายน้ำและระดับน้ำที่ล้นคลองบางซื่อไม่เกิน 50 ซม.เชื่อว่ายังไม่ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้งนี้ขึ้นกับว่าจะสามารถรักษาอัตราการล้นไม่ให้เกินซอยอารีย์ (พหลโยธิน 7) ได้หรือไม่ หากเลยจุดนี้ จึงมีโอกาสหลากไกลถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ดังที่เป็นห่วงกัน นอกจากนี้ การชะลอการไหลของน้ำด้วยกระสอบทรายยักษ์ทำให้น้ำเหนือลดความแรงจนไม่มีน้ำมา เติม เป็นอีกเหตุผลที่คาดว่าจะไม่ไกลกว่านี้ แต่สำหรับถนนวิภาวดีรังสิต รศ.ดร.สุจริต เชื่อว่าน้ำจะไหลไปจนถึงแยกดินแดง ลงสู่บึงมักกะสัน และคาดว่าจะไม่เลยไปจนถึงย่านธุรกิจใจกลางเมือง

“ปู”ตรวจโรงผลิตน้ำ

โดยก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงผลิตน้ำบางเขน การประปานครหลวง (กปน.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายซิอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานป้องกันระบบผลิต และการควบคุมคุณภาพน้ำประปา โดยมี นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการ กปน. ให้การต้อนรับ โดยนายเจริญกล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ระบบการผลิตและควบคุมคุณภาพน้ำประปา ทาง กปน.ได้ดำเนินการตามขั้นตอน และเป็นที่ยอมรับของ WHO ขณะนี้สามารถแก้ไขเรื่องสีและกลิ่นของน้ำประปาที่ประชาชนเคยร้องเรียนมาได้ แล้ว สามารถใช้ดื่มได้ตามปกติ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รองผู้ว่าฯกทม.ระบุว่า แนวบิ๊กแบ็กของรัฐบาลยังสร้างไม่เสร็จ โดยเฉพาะแนวถนนจันทรุเบกษา ส่งผลให้ป้องกันน้ำทะลักเข้ากทม.ได้เพียงแค่ 50% ยอมรับว่าการกั้นแนวบิ๊กแบ็กอาจจะไม่ได้ผล 100% จึงต้องมีวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามหาก กทม.เห็นว่าจุดไหนยังไม่เรียบร้อย ต้องลงไปชี้จุดให้รับทราบ ส่วนที่นายเสรี ศุภราทิตย์ นักวิชาการด้านน้ำ ระบุหากกั้นบิ๊กแบ็กแล้วยังไม่สามารถระบายน้ำได้ จะทำให้น้ำก้อนใหญ่ทะลักเข้าพื้นที่กทม. จนทำให้วิกฤติซ้ำอีกครั้งนั้น ตนเคยบอกแล้วว่าการกั้นแนวกระสอบทรายต่าง ๆ ไม่ได้เป็นการหยุดน้ำ แต่คือการชะลอน้ำซึ่งสุดท้ายต้องหาทางให้น้ำระบายออกไป ถ้ายิ่งกันมากน้ำจะชะลอเป็นมวลใหญ่และเกิดการทะลักได้ ดังนั้นต้องเร่งระบายน้ำออกจาก กทม.โดยเร็ว

นายกฯน้ำตาซึมเด็กให้กำลังใจ

จากนั้นช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ เพื่อร่วมประชุมกับ ศปภ. ก่อนจะเดินทางไปรับมอบอุปกรณ์กู้ภัยน้ำท่วมจากรัฐบาลจีน ที่ส่งผ่านมาทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยรวมมูลค่ากว่า 40.4 ล้านหยวนหรือราว 200 กว่าล้านบาท ประกอบด้วยเรือสะเทินน้ำสะเทินบก 85 ลำ เรือยางสะเทินน้ำสะเทินบก 600 ลำ เครื่องยนต์บนเรือ 685 เครื่อง น้ำมันเครื่อง 150 กล่อง เครื่องสูบน้ำ 500 เครื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นได้มีกลุ่มเยาวชนและอาสาสมัครจากศูนย์อพยพ ราชมังคลากีฬาสถาน นำเด็กและเยาวชนที่บ้านประสบภัยน้ำท่วม ที่ได้มาจัดกิจกรรมเพนท์เสื้อเพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ร่วมกันร้องเพลง “อย่ายอมแพ้” ให้กับนายกรัฐมนตรี ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงกับน้ำตาซึมเพราะตื้นตันใจ ก่อนจะยิ้มรับให้กลุ่มเด็กพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณ และขอให้ทุกคนอดทนเช่นกัน”

มั่นใจ “สุวรรณภูมิ” รอด

ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มวลน้ำจำนวนมาก ที่ไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกทม. กำลังไหลเข้าใกล้สนามบินสุวรรณภูมิมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าตนมั่นใจว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะรอด ไม่ถูกน้ำท่วมแน่นอนเพราะมีแนวกั้นสูงถึง 3.50 เมตรไม่มีปัญหา และได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไว้นานแล้ว ส่วนกรณีที่มีประชาชนในเขตดอนเมือง รวมกลุ่มกันต่อต้านการวางแนวกระสอบทรายยักษ์นั้น ตำรวจกับ กทม.ได้ประสานงานกับประชาชนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้แนวคันกั้นน้ำถูกรื้อไปแค่ 10 เมตรเท่านั้น เพราะชาวบ้านเหนือคันบิ๊กแบ็ก เข้าใจผิด คิดว่าปริมาณน้ำที่บ้านนั้นสูงขึ้น ซึ่งที่จริงไม่ใช่ เพราะน้ำนอกคันบิ๊กแบ็กเท่าเดิม อีกทั้งยังลดลงตามปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย แต่เมื่อน้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลงมีปริมาณต่างกันระหว่างในคันกับนอกคัน ประชาชนที่อยู่นอกคันจึงคิดว่าน้ำขึ้น

ยืนยันบล็อกน้ำได้แล้ว

รมว.คมนาคม ระบุอีกว่า จากการวัดปริมาณน้ำเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้น้ำในคันบิ๊กแบ็กลดลงไป 40 ซม. แสดงว่าการใช้บิ๊กแบ็กได้ผลเพราะน้ำที่เติมลงมานั้นมีน้อยลง อีกทั้งหากไม่มีอะไรไปกวนตรงนั้น จะทำให้น้ำใน กทม.ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนี้หัวน้ำใน กทม. ตามถนนต่าง ๆ ไม่ไปไกล เริ่มอยู่กับที่และหากระบบระบายน้ำเครื่องสูบ กทม.ดีจะสบายขึ้น ส่วนกรณีปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาลดลงแต่ระดับน้ำใน กทม.เพิ่มขึ้นนั้น เพราะน้ำจากทางเหนือที่เข้ามาเติมให้มากขึ้นนั้นไม่มีแล้ว แต่สาเหตุที่น้ำใน กทม.สูง เพราะน้ำข้างในไหลไปเรื่อย ๆ เพราะแต่ละพื้นที่มีความสูงต่ำแตกต่างกัน หาก กทม.สูบได้เร็วขึ้นจะเหลือน้อยลง ขอย้ำอีกครั้งว่าบล็อกน้ำได้แล้ว

ใช้พระราม 2 เป็นทางลงทะเล

ต่อข้อถามว่าจะป้องกันไม่ให้น้ำท่วมถนนพระราม 2 ได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เส้นทางไปยังภาคใต้ถูกปิด พล.อ.อ.สุกำพล บอกว่า ขณะนี้ถนนพระราม 2 ยังใช้การได้อยู่ แต่อาจจะมีน้ำซึมเข้าไปบ้าง ขณะที่เรากำลังเร่งกู้ทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) โดยเร็วแล้วเพื่อไม่ให้เกิดการตัดขาดเส้นทาง แต่เนื่องจากน้ำมีระดับสูง ทำให้บางจุดมีน้ำลึกอาจต้องใช้เวลานานบ้าง โดยเราจะใช้ถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางระบายน้ำลงทะเล ซึ่งเราไม่ได้มองเรื่องการจราจรบนถนนพระราม 2 เป็นหลัก แต่เรามองว่าให้น้ำไหลลงทะเลเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นน้ำจะขังอยู่อย่างนี้

แก๊งฮัลโหลต้มตุ๋นอาละวาด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทย ว่า จากกรณีข่าวมีผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โทรศัพท์ไปยังผู้ประสบภัย หลอกลวงว่าจะดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือตามมาตรการการช่วยเหลือค่าเสียหาย ด้านที่พักอาศัย ไม่เกินหลังละ 30,000 บาท และทรัพย์สินที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท และ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท เข้าบัญชีของผู้ประสบภัย โดยขอเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขบัญชีธนาคาร หรือรหัส เอทีเอ็มนั้น วันเดียวกันกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ โดยระบุว่ามาตรการด้านการเงินที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบ อุทกภัย มีระเบียบ และหลักเกณฑ์ชัดเจน จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ตัวบุคคลต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่สามารถดำเนินการได้ทางโทรศัพท์ หรือทางอื่น จึงขอให้ท่านที่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวอย่าได้หลงเชื่อ และสามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพนี้ได้ ทันที

วช.ยันลูกอีเอ็มบอลได้ผล

สำหรับกรณีที่มีการถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ เกี่ยวกับลูกอีเอ็มบอลใช้บำบัดน้ำเน่าเสียหรือไม่นั้น ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แจ้งว่าเคยใช้และได้ผลมาแล้ว เช่นในแถบภาคใต้กับแม่น้ำยะหริ่ง, แม่น้ำปัตตานี, อ่าวปัตตานี, แม่น้ำโกลก และแม่น้ำตากใบ รวมถึงบริเวณทะเลสาบสงขลา โดยมีข้อแนะนำการใช้อีเอ็มบอลให้เกิดประสิทธิภาพ ให้คัดเลือกอีเอ็มบอลที่มีเชื้อราสีขาวขึ้นปกคลุมที่ลูกอีเอ็ม หากจะใช้ในบริเวณน้ำไหล หรือจุดที่ต้องการผลต่อเนื่องระยะนาน ควรเลือกอีเอ็มที่แห้งเพราะจะละลายน้ำได้ช้ากว่า ก่อนโยนลูกอีเอ็มให้ใช้เครื่องวัดออกซิเจน วัดค่าออกซิเจนในน้ำ และหลังจากโยนไว้ 3-4 วัน ควรวัดค่าออกซิเจนในน้ำอีกครั้ง ถ้าได้ผลจะพบว่าปริมาณค่าออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้นตามลำดับ และจะทำให้ช่วยลดการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้แต่อาจจะไม่ถึงกับหมด รวมถึงอาจสังเกตความขุ่นใสของน้ำด้วย อย่างไรก็ดีข้อด้อยของการใช้อีเอ็มบอล คือในสารตั้งต้นอีเอ็มไม่มีการบ่งบอกชนิดของเชื้อ และไม่มีการคัดเลือกอีเอ็มบอลที่มีประสิทธิภาพ

โรงตึ๊งยืดเวลาให้ 6 เดือน

ส่วนนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าเนื่องจากเกิดอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัด จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือน และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ถูกน้ำท่วมจำเป็นต้องปิดโรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากต้องย้ายกลับภูมิลำเนา และส่วนใหญ่ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ตนในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรงรับจำนำ จึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ปลัดกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ให้ขอความร่วมมือสถานธนานุบาล สถานธนานุเคราะห์ โรงรับจำนำในสังกัด ตลอดจนโรงรับจำนำเอกชน รวมจำนวนทั้งสิ้น 590 แห่ง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้ 1. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ 2. ผ่อนผันหรือยืดระยะเวลาในการชำระหนี้แก่ผู้จำนำ ทั้งนี้ให้ดำเนินการในระยะแรกเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนต่อไป

ดำน้ำกู้โรงงานเจอสารพิษ

นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำท่วมขังใน จ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เริ่มลดลงบ้างแล้ว ทำให้เจ้าของโรงงานบางแห่งใน 6 นิคม ได้แก่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า, ไฮเทค, โรจนะ, บางปะอิน, สหรัตนนคร, แฟคตอรี่แลนด์ และนวนคร เตรียมแผนเข้าไปกู้เครื่องจักรและโรงงาน ด้วยการสูบน้ำออกจากตัวโรงงาน ทำให้ชาวบ้านที่อยู่รอบนอกเกิดความเป็นกังวลว่า อาจจะมีสารเคมีปนเปื้อนออกมากับน้ำที่สูบทิ้งออกมาด้านนอก อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ท่วมขังในเขตนิคมตลอดทั้ง 3 สัปดาห์ โดยหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมีของ คพ.ยืนยันว่ายังไม่พบการปนเปื้อนของสารเคมีใด ๆ ยกเว้นปัญหาน้ำเน่าเสียโดยเฉพาะที่นวนคร จ.ปทุมธานี

นายวรศาสน์ระบุอีกว่า ถึงจะยังไม่พบสารเคมีปนเปื้อน แต่ก่อนการกู้โรงงานในทั้ง 6 นิคมนั้น ทาง คพ.จำเป็นต้องเข้าทำการตรวจคุณภาพน้ำ รวมทั้งตะกอนในบ่อน้ำทิ้งอย่างละเอียด โดยจะเน้นตรวจกลุ่มสารโลหะหนักทุกชนิด กลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย และพารามิเตอร์อื่น ๆ ที่กำหนดตามแต่ละประเภทโรงงาน เพราะไม่ได้ใช้สารเคมีเหมือนกันทั้งหมด ทั้งนี้จะประสานกับเจ้าของโรงงาน รวมทั้งกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้ทีมงานของ คพ.ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนจะสูบน้ำทิ้ง หากพบว่าน้ำไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ต้องให้บำบัดก่อนจะสูบออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง

รายงานข่าวจาก คพ.แจ้งว่าช่วงที่ผ่านมาเคยมีโรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้จ้างทีมนักดำน้ำเข้าไปสำรวจโรงงาน เพื่อเตรียมกู้เครื่องจักรของโรงงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อขึ้นจากน้ำแล้วเกิดปัญหาคัน แผลพุพอง โดยสันนิษฐานว่าน้ำบริเวณโรงงานแห่งนั้น มีการรั่วไหลของกรด และกลุ่มสารกัดกร่อน ที่กัดผิวหนังรุนแรง ดังนั้นทาง คพ.จึงจำเป็นขอความร่วมมือกับเจ้าของโรงงานให้ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินฯเข้า ตรวจสอบน้ำก่อนเข้าไปกู้ เพื่อความปลอดภัย

ยันเขื่อนป่าสักยังรับน้ำได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อช่วงเย็นว่า กรณีที่มีข่าวลือว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำล้นทะลักออกมาและส่งผลกระทบกับชาวบ้านนั้น ตนได้ตรวจสอบกับอธิบดีกรมชลประทานแล้ว ยืนยันว่าน้ำในเขื่อนป่าสักฯยังปกติ แม้ว่าจะมีปริมาณเกินกว่าปกติแต่ยังรองรับได้ ส่วนกรณีที่มีน้ำเริ่มท่วมขังถนนพระราม 2 นั้นได้ประสานขอไปยังบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ช่วยลดราคาค่าโดยสารเครื่องบินที่จะลงไปทางภาคใต้ในราคาพิเศษ รวมทั้งให้เพิ่มเที่ยวบิน เพราะถ้าถนนพระราม 2 ใช้สัญจรไม่ได้ ประชาชนที่จะเดินทางไปภาคใต้จะไม่สะดวก

“ไบเทค”ขายเรือราคาถูก

น.ส.ปนิษฐา บุรี ผอ.ฝ่ายการตลาดและขายศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เปิดเผยว่าวันที่ 12 พ.ย.นี้ ไบเทคได้สนับสนุนและจัดพื้นที่ให้ “แอโร่กลาส” เพื่อขายเรือราคาถูก 2,000 ลำ นอกจากนี้ยังตั้งจุดบริการน้ำหมักชีวภาพ 10,000 ลิตร ให้นำภาชนะมารองรับครอบครัวละไม่เกิน 5 ลิตร ทางด้านศิลปินบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ นำทีมโดยไผ่ พงศธร น้ำชา ชีรณัฐ อ๊อฟ ศุภณัฐ พราวและบุ๊ควงโอลีฟ ร่วมกับกองทัพเรือ นำอาหารและสิ่งของอุปโภคไปแจกจ่ายผู้ประสบอุทกภัยใน จ.นนทบุรี

ขณะนี้ นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผวจ.บึงกาฬ ปล่อยขบวนรถบรรทุกขนอาหาร ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่กรุงเทพฯ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ผู้บริหารบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดโครงการคนไทยให้กันได้ นำน้ำ 1.08 ล้านขวด ขายในราคาถูกระหว่างวันที่ 9-17 พ.ย. ขณะที่ พ.ต.อ.ชาติชาย นาถึง ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นำอาหารกลางวันไปเลี้ยงผู้ประสบภัยที่ศูนย์พักพิงวิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่ง

พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่าพุทธศาสนิกชนในมาเลเซีย ได้ส่งสิ่งของช่วยเหลือมาถวายสมเด็จพระสังฆราช เพื่อนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ กล่าวว่า วัดสระเกศได้นำสิ่งของไปช่วยเหลือในหลายจุด อาทิ วัดประดู่บางจาก วัดศรีประวัติ ส่วน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ประสานมหาวิทยาลัย 7 แห่งเข้าไปช่วยฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ

“ฉี่หนู” ฆ่าอดีต ส.ท.ปทุมฯ

ส่วนที่ จ.ปทุมธานี นายยงยุทธ วิรางกูล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าโขลง อ.คลองหลวง ออกประกาศเสียงตามสายให้ระวังโรคฉี่หนู หลังจากนายประทวน สังข์อ่ำ อายุ 72 ปี อดีต ส.ท.ท่าโขลง เสียชีวิตหลังติดเชื้อในกระแสเลือดเนื่องจากติดโรคฉี่หนู ส่วนบริเวณริมเขื่อนสะพานแดง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี ระดับน้ำลดลงบ้างแล้วแต่ค่าเรือรับจ้างยังแพง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเทศบาลนครรังสิต ออกจัดเก็บขยะมูลฝอยบริเวณถนนพหลโยธิน และบริเวณสะพานแก้ว ข้ามคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ ประธานชมรมพระคชบาล วังช้างอยุธยาแลเพนียด รณรงค์ทำความสะอาดบริเวณวังช้างอยุธยา และขี่ช้างเดินโรยจุลินทรีย์เพื่อปรับสภาพน้ำ.


-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=354&contentID=175141-

.

 

.

แนะเผชิญหน้าจระเข้ควรหาไม้สู้










หมอจระเข้ แนะอย่าไปแหย่ให้ตื่น เพราะอันตราย เผยหากเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ไม้ตันเป็นอาวุธฟาดที่หัวเพื่อป้องกันตัว

วันนี้(9 พ.ย.) นายอุเทน ยังประภากร เจ้าของฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในขณะนี้ และมีประชาชนพบเห็นจระเข้หลุดออกมาจำนวนมากสร้างความตื่นตะหนกให้แก่ชาวบ้าน เป็นอย่างมาก อันดับแรกที่เราจะต้องทำหากประเชิญหน้ากับจระเข้ ขอให้ทำตัวเป็นปกติและพยายามเดินเลี่ยงออกไปให้ห่างแต่อย่างวิ่งหรือตกใจ และพยายามสังเกตดูให้แน่ชัดว่าเป็นจระเข้ หรือสิ่งอื่น โดยสังเกตได้ที่หัวหากเป็นจระเข้จริงส่วนหัวของจระเข้จะใหญ่ และมีโหนกอยู่ที่หัว และที่สังเกตง่าย ๆ หากอยู่บนบก ตะกวดจะมีมีลิ้นแลบออกมา แต่จระเข้ไม่มี แต่ถ้าพบเห็นว่ายอยู่ในน้ำให้ส่งเกตุว่าจระเข้จะว่ายน้ำอย่างช้า ๆ และว่ายตรงอย่างเดียว ไม่ว่ายซ้ายทีขวาที อีกอย่างหนึ่งก็คือหาจระเข้จะใหญ่และมีครีบลักษณ์เป็นเกร็ดหางเป็นปีกขึ้นมา ทั้งสองข้าง และจะชอบลอยคออยู่กลางน้ำ

สำหรับการระมัดระวัง เมื่อท่านเห็นจระเข้เข้าไปอยู่ในบ้านหรือบริเวณบ้านให้รีบหนีขึ้นไปอยู่บน ที่สูง ซึ่งจะสังเกตได้ง่ายกว่าอยู่ในระดับเดียวกัน และพยายามอย่าทำให้จระเข้ตกใจเพราะมันจะหนีไปที่อื่นซึ่งอยากต่อการติดตาม จับ และโทรศัพท์แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ไม่ว่าจะเป็นกรมประมง เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อที่จะได้ประสานพรานล่าจระเข้เข้าไปจับตัวได้ ส่วนที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งในเวลากลางคืนให้ส่องไฟดูรอบ ๆ หากเห็นเป็นประกายเรียว ๆ คล้ายดวงตาแมว แต่เห็นข้างเดียวให้สังวรเอาไว้ว่านั่นคือจระเข้ และอย่างไปทำให้จระเข้ตกใจ เพราะมันจะไม่หนีไปไหนมันจะลอยตัวหรือจมน้ำอยู่กับที่

ทั้งนี้หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ให้ใช้ไม้ตันหรือไม้ที่มีน้ำหนักยาวประมาณ 2 เมตรตีเข้าที่บริเวณหัวของจระเข้แรง ๆ มันจะหนีไปเอง เพราะถ้าหากเอาไม้โพลง ๆ ไปตีหัวจระเข้ มันมีสัมผัสพิเศษที่จะคำนวณได้ว่าไม้ที่เราตีหัวมันไปจะทำร้ายมันได้หรือไม่ และมันจะหันมาสู่กลับเรา แต่ถ้าเป็นไม้มีน้ำหนักมันจะหนีไป และจระเข้ส่วนใหญ่ที่หลุดออกมาอาละวาดในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นจระเข้เลี้ยง ไม่ใช้จระเข้ธรรมชาติ ที่สามารถฟังเสียงคนเรียกรู้เรื่อง หากพบเห็นจระเข้จึงไม่ควรใช้คำว่า “ มา..มา..มา ..หรือ...เร็ว...เร็ว..เร็ว..” เรียกจระเข้เพราะมันจะว่ายน้ำดิ่งเข้ามาหา เพราะนิสัยจระเข้มันจะไม่ดุร้ายเหมือนในหนัง มันจะกัดคนเมื่อมันหิว หรือมันถูกทำร้ายก่อน เท่านั้น

ส่วนการจับตายหากคิดว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และมีความจำเป็นต้องใช้ อาวุธปืนยิงจระเข้ตัวที่พบเห็น ให้ใช้อาวุธปืนยาวขนาด .22 ยิงในช่วงลอยต่อระหว่างหัวกลับเกร็ดในช่วงต้นคอ เพราะเป็นจุดที่อ่อนที่สุด กระสุนปืนจะทะลุลงไปด้านล่างน้ำจะไหลทะลักเข้าไปท่วมปอดจระเข้และทำให้มัน ตาย ส่วนจุดอื่น ๆ จะไม่สามารถทำอันตรายจระเข้ได้เลย


-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=175100-


.

 

.




<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="headline" align="left" valign="baseline">อ.จุฬาฯ แจงฟ้องเรียกค่าเสียหายน้ำท่วมเพื่อช่วยคนจน ชี้มี 3 ประเด็นที่เล่นงานได้</td> <td align="right" valign="baseline" width="102"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">10 พฤศจิกายน 2554 13:35 น.</td></tr></tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ (แฟ้มภาพ)</td> </tr> </tbody></table>



อาจารย์จุฬาฯ เผยฟ้องรัฐบาล-หน่วยงานรัฐ เรียกค่าเสียหายน้ำท่วมเพื่อช่วยคนจน ยันมี 2-3 ประเด็นที่เป็นรูปธรรมพอจะฟ้องได้ ระบุในแง่มุมกฎหมาย ไม่จำกัดเฉพาะแค่บ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการขาดรายได้



รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผิดพลาด ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย โดยกล่าวว่าก่อนหน้านี้มีคนติดต่อเข้ามาว่าให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก รัฐบาล โดยจะมีทนายความว่าความให้ฟรี ซึ่งในความเป็นจริงตนดูแลตัวเองได้ แต่เมื่อนึกถึงคนจนซึ่งไม่มีโอกาสเรียกร้องค่าเสียหายทางกฎหมายได้ ตนจึงตั้งใจที่จะฟ้องร้องเพื่อช่วยเหลือคนจน

“ได้หารือกับทนายความแล้ว พบว่ามีอยู่ 2-3 ประเด็นที่เป็นรูปธรรมพอที่จะฟ้องร้องถึงความเสียหายว่ามีอะไรบ้าง ใครบ้างที่จะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะรวบรวมผู้ที่มีความรู้เพื่อร่างประเด็นนำไปเสนอว่ามีใครบ้างที่ได้รับ ความเสียหาย ก่อนที่จะยื่นฟ้องหน่วยงานต่างๆ อาจมีทั้งรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกรุงเทพมหานคร”

รศ.ดร.ณรงค์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในเบื้องต้นจะช่วยเหลือคนจนเป็นหลัก แต่เมื่อมีคนเห็นด้วยจำนวนมากจึงตัดสินใจฟ้องร้องเป็นประเด็นสาธารณะ ซึ่งเมื่อมีคนจากทุกสาขาอาชีพเข้ามาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็จะเป็นเรื่องง่ายในการฟ้องร้องให้เป็นประเด็นร่วม ซึ่งมีแง่มุมทางกฎหมาย โดยจะไม่จำกัดอยู่เพียงแค่บ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบ้านที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่ได้รับความเสียหายจากการขาดรายได้ ตรงนี้คนที่ร่วมฟ้องร้องมีความเสียหายอย่างไรก็นำมาว่ากัน ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเคลื่อนไหวฟ้องร้องในครั้งนี้จะกลายเป็นการโจมตรีรัฐบาลหรือไม่ รศ.ดร.ณรงค์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะฟ้องรัฐบาล แต่ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะต้องฟ้องร้องหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานคร แต่ในเมื่อผู้ถูกฟ้องเป็นหน่วยงานของรัฐเสียส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่หลีก เลี่ยงไม่ได้

ส่วนความคาดหวังที่จะได้รับการชดเชยจากภาครัฐมีมากน้อยแค่ไหน รศ.ดร.ณรงค์กล่าวว่า อย่าไปประเมินความเสียหายเป็นตัวเงิน แต่ต้องดูความเดือดร้อนว่ามีมากเท่าไหร่ การที่รัฐบาลชดเชยให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท ก็ต้องดูไปถึง คนที่มีที่ทำงานเก็บเงินเป็นแสนบาทเพื่อซื้อบ้านหนึ่งหลัง แล้วพอเกิดน้ำท่วมขึ้นมาครั้งเดียวบ้านก็จมหายไปทั้งหลัง หรือคนงานที่ทำงานได้ค่าแรงวันละ 100-200 บาท พอเกิดน้ำท่วมขึ้นมาก็ขาดรายได้ แล้วจะอยู่กันอย่างไร ชีวิตคนจนจะสลายมากไปเท่าไหร่



-http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143530-

.

 

.


ฮึ่ม! จอดซ้อนคันบนทางด่วน รถถูกยกไปชลบุรีแน่


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ปลัดคมนาคม ลั่นเอาจริง ยกรถจอดซ้อนคันบนทางด่วนไปชลบุรี บอกเตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้ว จอดได้ 6 พันคัน

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงปัญหาจราจรที่ประชาชนนำรถมาจอดบนทางด่วนเพื่อหนีน้ำ ทั้งทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ และทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า จะดำเนินการอย่างจริงจัง กับการจอดรถซ้อนคันหลายแถว ที่สำคัญบริเวณทางขึ้นลงทางด่วน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการจราจรเป็นอย่างมาก และอาจเกิดอุบัติเหตุได้

โดยหลังจากนี้ 2 - 3 วัน ทางกระทรวงคมนาคมจะประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของรถ มานำรถออกไปจากทางด่วน แต่หากไม่ปฏิบัติตาม ก็จะนำรถลากมาขนไปยังสถานที่ ๆ เตรียมไว้ เช่น ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ซึ่งสามารถรองรับได้ 6,000 คัน

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเอาผิดกับการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ อีก เช่น การขึ้นไปตั้งแผงขายของ การขึ้นไปตั้งคิวมอเตอร์ไซด์ จะดำเนินการจับกุมในทันที





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก สำนักข่าวไทย





-http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/index.html-

-http://hilight.kapook.com/view/64093-

.

 

.

รูนีย์ พร้อมเพื่อนร่วมทีม "ปีศาจแดง" ส่งข้อความให้กำลังชาวไทยฝ่าวิกฤติอุทกภัยโดยเร็ว
เวย์น รูนีย์ ดาวยิงตัวเก่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย ปาร์ค จี-ซอง และ ฟีล โจนส์ เพื่อนร่วมทีม ส่งข้อความให้กำลังใจชาวไทย ที่กำลังประสบมหาวิกฤติอุทกภัย โดยบอกให้คนไทยเข็มแข็ง สมัครสมานสามัคคีกัน และทั่วโลกจะเป็นกำลังใจคนไทยให้ฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้โดยเร็ว

ก่อน หน้านี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังยูไนเต็ด ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจคนไทย ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ขณะที่ เจมี คาร์ราเกอร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ตัวเก๋าของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้กล่าวให้กำลังใจ ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร

ต่อมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ปีศาจแดง ได้นำลูกทีม 4 คน ได้แก่ คริส สมอลลิ่ง,ฮาเวียร์ เอรนานเดซ,ไมเคิล คาร์ริค และ อันเดอร์ ลินเดการ์ด ส่งคำอวยพรให้ผู้ประสบภัยชาวไทยทุกคน
Link : http://www.innnews.co.th/รูนีย์-ให้กำลังใจคนไทย-ฝ่าวิกฤติอุทกภัย--320330_07.html


-http://www.innnews.co.th/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9D%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2--320330_07.html-

.

 

.


บอร์ดกกพ.คงค่าเอฟทีงวดใหม่ช่วยน้ำท่วม


บอร์ด กกพ. คงค่าเอฟทีงวดใหม่ เดือน ม.ค. - เม.ย. 55 เท่าเดิม ให้ กฟผ. เป็นผู้รับภาระแทน เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนน้ำท่วม พร้อมเตรียมเสนอ กพช. พิจารณาหลักเกณฑ์ใช้ไฟฟรี กำหนดใช้ไม่เกิน 50 หน่วย แทนของเดิม 90 หน่วย เพื่อลดภาระอุดหนุนรัฐบาล

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า กกพ. มีมติให้ตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (FT) งวดใหม่ ระหว่างเดือนมกราคม - เมษายน 2555 ไว้ในระดับเดิม เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับภาระจากการตรึงค่าไฟฟ้าจำนวน 7,700 ล้านบาท


อีกทั้ง กกพ. ยังออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งระบบ โดยการยกเว้นค่าบริการรายเดือน กรณีมิเตอร์เป็น 0 และผ่อนผันการชำระค่าไฟฟ้าออกไปอีก 3 เดือน รวมทั้งยกเว้นการคำนวณค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ โดยให้เป็นการชำระตามความเป็นจริง


นอก จากนี้ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ยังกล่าวว่า กกพ. เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาอนุมัติปรับหลักเกณฑ์มาตรการใช้ไฟฟ้าฟรี สำหรับประชาชนที่ใช้ไฟไม่เกิน90 หน่วย โดยให้ลดจำนวนหน่วยลงเหลือ 50 หน่วย ที่เป็นการคำนวณจากประชาชนที่มีรายได้ 3,200 บาทต่อเดือน ซึ่งจะครอบคลุมประชาชน 4 ล้านครัวเรือน ลดลงจากการใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย ที่ครอบคลุมประชาชน 79 ล้านครัวเรือน และทำให้รัฐบาลลดภาระในการอุดหนุนค่าไฟฟ้าลงเหลือ 3,600 ล้านบาทต่อปี

ทั้ง นี้ภาระในส่วนดังกล่าว กกพ. ได้พิจารณา 3 แนวทาง คือ เฉลี่ยให้ประชาชนในทุกภาคส่วนร่วมรับภาระ หรือให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระฝ่ายเดียว รวมถึงอาจให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย คือ กฝน.และ กฟผ. เป็นผู้รับภาระในส่วนนี้ ซึ่งที่ประชุม กพช. จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด
Link : http://www.innnews.co.th/บอร์ดกกพ-คงค่าเอฟทีงวดใหม่ช่วยน้ำท่วม--320378_02.html


-http://www.innnews.co.th/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%9E-%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1--320378_02.html-

.

 

.

"ทีมกรุ๊ป"ประเมิน24พ.ย.กรุงเทพฯผ่านวิกฤต

ทีมกรุ๊ปประเมิน24พ.ย.เป็นต้นไปสถานการณ์น้ำท่วมกรุงคลี่คลาย หลังน้ำเหนือลดลง แผนการระบายน้ำทั้งตะวันออก-ตะวันตกเริ่มได้ผลดี




นายชวลิต จันทรรัตน์ วิศวกรแหล่งน้ำ บริษัททีมกรุ๊ป กล่าวในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ โดยประเมินว่าพื้นที่ กรุงเทพฯทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกจะคลี่คลายจากสถานการณ์น้ำท่วมภายใน 2 สัปดาห์ หรือประมาณวันที่ 24 พ.ย.เป็นต้นไป ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่หลายจังหวัดตอนเหนือของกรุงเทพฯมีน้ำลดลงทุกวัน เช่น จ.อยุธยามีน้ำลดลง 3 ซม.ต่อวัน รวมทั้งหลังช่วงเทศกาลลอยกระทงไปแล้วจะเป็นช่วงน้ำทะเลลง ซึ่งช่วยให้แม่น้ำสายหลักต่างๆ เช่นแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนสามารถระบายน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในการระบายน้ำในหลายจุดเริ่มดำเนินการได้ผลดีช่วยให้น้ำไม่เข้ามาเติมในพื้นที่ต่างๆเพิ่ม
นายชวลิตกล่าวว่า น้ำที่เข้ามาทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งมีแนวกระสอบทรายบิ๊กแบ็คยาว 6 กม.กั้นอยู่บริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์ได้ผลดีสามารถชะลอน้ำให้ลดลงและ แบ่งน้ำไปยังคลองหกวาเพื่อผันน้ำออกไปทางตะวันออก ขณะที่น้ำบางส่วนที่ไหลผ่านแนวบิ๊กแบ็คในพื้นที่ที่ประชาชนไม่ยินยอมให้กั้น ก็เหลือเพียง 40% จากมวลน้ำทั้งหมดทำให้ภาระน้ำในคลองบางซื่อลดลง และสามารถสูบออกแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทัน
"ขณะนี้ในพื้นที่ตอนใต้ของเขตบางกะปิลงมา เช่น ถ.รามคำแหงด้านหน้า มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซอยเลขคู่บนถนนลาดพร้าวจะยังอุ่นใจได้ว่าไม่มีน้ำท่วมสูง ซึ่งอาจจะมีน้ำเอ่อบ้างก็เพียงแค่เฉอะแฉะแต่จะไม่ท่วมสูง โดยผ่านวันที่ 15 พ.ย.ที่น้ำทะเลไม่หนุนสูงไปแล้วน้ำจะยิ่งระบายผ่านคลองแสนแสบไปยังคลอง ประเวศบุรีรมย์ ซึ่งจะดึงน้ำไปที่คลองพระโขนงเพื่อสูบออกได้เร็วขึ้น"นายชวลิตกล่าว
ขณะนี้เชื่อว่า มวลน้ำที่ไหลเข้ามาตาม ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.พหลโยธิน รวมทั้ง ถ.รัชดาภิเษก ที่ไปหยุดอยู่ที่ริมคลองบางซื่อนั้น เป็นจุดสูงสุดและจะไม่รุกล้ำไปไกลกว่านี้แล้ว โดยน้ำเหล่านี้จะไหลลงคลองบางซื่อและถูกสูบออกโดยเครื่องสูบน้ำ 17 เครื่องเพื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
อย่างไรก็ตามหากเกิดการทำลายคันกระสอบทรายบิ๊กแบ็คก็จะส่งผลให้สถานการณ์ น้ำท่วมบนถ.วิภาวดี รังสิต ถ.พพหลโยธิน และ ถ.รัชดาภิเษก มีการท่วมขังยยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินเอาไว้
ด้านฝั่งตะวันตกคาดว่าช่วงสุดสัปดาห์นี้มวลน้ำจะไหลถ.พระราม2 ซึ่งไม่อยากให้มีการกดดันน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ถนนถูกกัดเซาะ โดยควรปล่อยให้น้ำไหลข้ามบางๆ สูง 20-30 ซม. เพื่อข้ามไปยังคลองสนามไชย และคลองมหาชัย เข้าสู่แก้มลิงตามแนวพระราชดำริและระบายลงทะเลต่อไป
ขณะที่ กลุ่มพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น เขตบางพลัด จะเริ่มแห้งต่อเนื่องเพราะสามารถปล่อยน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ส่วนพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี น้ำจะลดลงเนื่องจากน้ำได้แบ่งลงที่แม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองสาขาต่างๆ
ส่วนตอนล่างของพื้นที่ฝั่งตะวันตก เช่น ถ.เพชรเกษม เขตบางแค เขตภาษีเจริญ เขตบางบอน เมื่อระดับน้ำเหนือคลองมหาสวัสดิ์ลดลง ทางรัฐบาลก็จะเข้าไปอุดรอยรั่วตามประตูระบายน้ำต่างๆ เช่น ประตูระบายน้ำมหาสวัสดิ์ ประตูฉิมพลี และ ประตูทวีวัฒนา ซึ่งเมื่อซ่อมแซมรอยรั่วเหล่านี้เสร็จจะทำให้น้ำไม่เข้ามาเติมในพื้นที่ เพิ่ม
ขณะเดียวกันกรมชลประทานได้มีการเพิ่มเครื่องสูบน้ำบริเวณคลองภาษีเจริญ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนแล้ว ขณะที่คลองบางกอกใหญ่ก็จะรับน้ำและเร่งระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียว กัน โดยหากดำเนินตามแผนเหล่านี้คาดว่า 2 สัปดาห์น้ำน่าจะลดลง
ทั้งนี้ทีมกรุ๊ปได้อัพเดทพื้นที่เสี่ยงภัยล่าสุดพบว่า ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯตั้งแต่รังสิต ดอนเมือง สายไหม แจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน เชื่อมโยงกับถนนวิภาวดี-รังสิต ลาดพร้าว รามอินทรา นวมินทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจ พหลโยธิน รัชดาภิเษก มีความเสี่ยงสูงสุด (สีแดง)
ขณะที่ พื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นเสี่ยงสูงสุดในวงกว้าง มาถึงถนนพระรามสอง อ.นครชัยศรี อ.สามพราน รวมถึงเชื่อมโยงมาถึง ถนนพระรามสอง


-http://goo.gl/XWkCB-


-http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1./121062/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%9924%E0%B8%9E-%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%AF%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95-

.

 

.

"สุเมธ"สื่อแนวพระราชดำริถึงรัฐบาล






"ผมถวายงานให้พระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้วผมเลือกไม่ได้หรอก ผมเลือกได้เฉพาะชาติบ้านเมือง"

โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

สุเมธ ตันติเวชกุล อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ และเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากร น้ำ (กยน.) เปิดเผยโพสต์ทูเดย์ว่า ในฐานะที่ปรึกษา กยน.จะไม่เสนอแนะแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล กทม. ศปภ. แต่ที่จะเสนอแนะรัฐบาลต่อไปคือ ต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
ประการแรก ป่าอนุรักษ์หรือโซน 1 ซึ่งรัฐบาลประกาศเขตห้วงห้ามแต่มดปลวกเข้าไปทำลาย ต้องรักษาที่มีอยู่ให้ได้ ภูเขาหัวโล้นต้องฟื้นฟูบูรณะอย่างจริงจัง พระองค์ทรงแนะที่ห้วยห้องไคร้ เข้าไปฟื้นฟูจนขณะนี้เป็นป่าดงดิบไปแล้วขณะเดียยวกันต้องทำความเข้าใจภาค ประชาชนรักษาสมบัติของตัวเอง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งตลอดเวลา ห้วยหนองคลองบึงทำไมปล่อยทิ้งให้โทรม เปรียบเทียบกว๊านพะเยาขณะนี้ ต้องบูรณะแหล่งน้ำใหญ่ๆให้ฟื้นฟู ต้องจัดหางบประมาณทำให้จงได้

"อย่าได้รุกล้ำอีกเลย เลิกออกโฉนดกลางบึงสักที ผมเห็นกันตำตาไม่ได้หาเรื่อง ถ้าไม่มีการร่วมมือกันมันจะออกได้อย่างไร"นายสุเมธ กล่าว

ข้อเสนอต่อไป บรรดาลำน้ำเกือบทุกลำน้ำมีรับสั่งทำแก้มลิง เพราะความแตกต่างระหว่างหน้าแล้งหน้าน้ำแตกต่างฟ้ากับดิน จุดเหลื่อมตรงนี้จะทำอย่างไร ความแตกต่างเมื่อน้ำทะลักจะให้ไปที่ไหน จะต้องสร้างห้วยหนองคลองบึงให้น้ำทะลักไป เมื่อปล่อยให้เต็มก็ปิดมาใช้หน้าแล้ง

สำหรับเขื่อนใหญ่ๆ ที่มีเกือบครบทุกร่องน้ำ ปัญหาตามมาลุ่มน้ำที่ยังไม่ได้บริหารจัดการ จะทำอย่างไร จะเล็กใหญ่ ไม่เป็นไร ตรงไหนสมควรจะสร้างอย่างไร อยากฝากเลิกซะทีวิธีคิดว่าเขื่อนทำงานไม่ได้ เขื่อนเหมือนตุ่ม เมื่อเต็มก็เต็มที่เหลือมาว่าไร้ประสิทธิภาพ ก็ทุบเขื่อนทิ้งสิ ถ้าพูดอย่างนี้ก็เหมือนกำปั้นทุบดิน ดังนั้นต้องกลับไปดูจะกักเก็บไว้อย่างไร

พระองค์ทรงเตือนไว้การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มักจะไม่ค่อยศึกษาเรื่องทางน้ำทำให้ขวางทางน้ำ น้ำมาก็จะหาทางเจาะทลายแล้ว ตรงไหนจะผ่านถนนก็ลดระดับ ดูทางน้ำ ก็จะเคลื่อนอย่าไปเบรกล็อคเอาไว้

สำหรับพื้นที่ชั้นในกทม. มีหนองคลองบึงต้องไปดูว่าอยู่ในสภาพอย่างไร ที่ผ่านมาไม่มีการควบคุม ทั้งขยะ การก่อสร้าง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด กรณีที่หาดใหญ่น้ำท่วมมโหฬาร พระองค์มีพระราชดำริบริหารคลองที่หาดใหญ่ จัดระเบียบคูคลอง น้ำไหลผ่านสะดวก ย้อนกลับมาดูกทม.เป็นอย่างไร มีทั้งที่นอน ยางรถยนต์ลอยมาติดประตูระบายน้ำ

ทั้งหมดมาดูภาพรวมอีกครั้ง ดูลุ่มน้ำ วิธีการบริหารจัดการ เพราะกทม.ยอมรับบริหารยากเหลือเกินเพราะอยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเลบวกลบห่าง กันไม่กี่เมตรจะดันไปไหน

ข้อเสนอแนะอีกประการ ตามที่พระองค์ทรงตรัสคือ การสร้างฟลัดเวย์ เป็นทางที่ให้น้ำไป แทนที่จะใช้วิภาวดีรังสิตหรือให้น้ำมาแย่งถนนกับรถยนต์ก็ต้องหาทางให้เขาไป บังคับให้เขาไป

"ถามว่ามีไหม เราพบว่าแนวฟลัดเวย์ถูกกำหนดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งความเข้าใจพื้นที่สีเขียวไม่ใช่พื้นที่ปลูกต้นไม้ แต่เป็นนาข้าวก็ได้ ทีมงานเคยไปดูงานที่มิสซิสซิปปี้ เป็นทุ่งนาใหญ่ ปลูกข้าวสาลีได้แต่พอน้ำขึ้นรัฐบาลขอใช้ปล่อยน้ำเข้าตรงนี้มันก็มีพื้นที่ แทนที่จะวิ่งบนถนน เป็นฟรัดเวย์แล้วก็มีการชดเชยกันไปตามระเบียบ จ่ายค่าเช่าประจำปีให้เขา"สุเมธ กล่าว

สุเมธ บอกด้วยว่า เมื่อมีการขีดวงเป็นฟลัดเวย์แต่ความยากลำบากเกิดขึ้นคือถูกหมู่บ้านจัดสรร สร้างขวางทางหมด บทบาทฟลัดเวย์หมดไป พระองค์ท่านจึงรับสั่งหาทางซิ ซึ่งตนเองตอบไม่ได้ตรงไหนควรจะทำ จะเป็นพื้นที่ไหนเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปดำเนินการ

ถามว่าเป็นความผิดพลาดของกลไกราชการปล่อยให้บุกรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ ที่กำหนดฟลัดเวย์ สุเมธ ย้อนถามว่า "ผมไม่รู้ วังน้ำเขียวเขากำหนดไว้เปล่า ริมคลองที่มีสลัมเกิดขึ้นเขากำหนดเป็นเขตชลประทานหรือเปล่า คุณตอบเองแล้วกัน ผมไม่ตอบ ขี้เกียจขึ้นหน้าหนึ่ง"

สุเมธ ยอมรับความยากลำบากในการทำฟลัดเวย์เมืองไทยว่า บ้านเราทำยากที่สุดอะไรเคยกำหนดไว้ แม้กระทั่งห้ามตัดไม้ทำลายป่ามีคุกตารางมันก็ตัดทุกวันนี้จะให้ทำอย่างไร คราวนี้เกิดเหตุเข็ดแล้วต้องแก้แล้วหล่ะ

สุดท้ายก็คือธรรมชาติ ตอนนี้ก็กัดฟันกันเอาไว้ลอยกระทงกันไว้ ไม่มีใครสู้ธรรมชาติได้ พระองค์ให้ไปตามธรรมชาติ เพราะฉนั้นรอน้ำทะเลถอยเมื่อไหร่ก็ลากน้ำมหาศาลลงไปด้วย หลังจากนั้นก็ฟื้นฟู

"ให้ผมเป็นที่ปรึกษาผมก็จะให้คำปรึกษาอย่างนี้ผมไม่ใช่หน่วยปฏิบัติ"ที่ปรึกษากยน. กล่าว

กล่าวถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการตัดสินใจมาเป็นที่ปรึกษา กยน. สุเมธ เปิดเผยว่า ภารกิจนี้ คือ ช่วยชาติบ้านเมือง นายกฯโทรหาด้วยตัวเองให้เป็นที่ปรึกษา ไม่ลังเลที่จะตอบรับ จากนั้นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ก็ติดต่อมาภายหลัง

"ผมรู้ว่าถ้าผมเป็นเลขาหรือประธานจะไม่มีทางสำเร็จ เราคิดว่าทำหน้าที่ปรึกษาได้โดยเฉพาะการขีดวงในการทำงานเพราะในเรื่องทาง เทคนิคมีคนที่เชี่ยวชาญเยอะอยู่แล้ว เช่น คุณปราโมทย์ ไม้กลัด แต่เมื่อต้องการคอนซัลในแง่แนวทางพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวผมก็โอเคหน้า ที่ผมมีแค่นี้ แต่จะให้รับผิดชอบมากไปกว่านั้นรับไม่ได้เพราะผมรู้ตัวเองดีว่ารับได้แค่ไหน ผมอายุ 72 ปี เป็นข้าราชการเกษียณพอแล้ว"

"ผมกำลังทำหน้าที่ปรึกษาแทนท่าน(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) อยู่นะก็ได้แค่นี้ เขาจะทำหรือไม่ทำจะให้ว่ายังไง ตอนนี้ต้องมองข้ามแล้ว"
ยามนี้มันเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันแล้ว มีหลายคนมาถามว่ารับทำไมอะไรอย่างโน้นอย่างนี้จะเป็นจะตาย เวลานี้มานั่งคิดอะไรกันไม่ได้หรอก ใครทำอะไรได้ยังไงก็ต้องช่วยกัน เป็นเรื่องของชาติและคนไทยทุกคนต้องช่วยกันแก้ หยุดได้แล้วที่จะมานั่งคิดแยกส่วนกัน

"ผมถวายงานให้พระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้วผมเลือก ไม่ได้หรอก ผมเลือกได้เฉพาะชาติบ้านเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ใครก็ตามจะปฎิเสธไม่ได้ ถ้าปฎิเสธก็แย่แล้วแสดงว่าไม่รับผิดชอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นแค่ไหนยังไงเพราะผมไม่ใช่เอ็กซ์เพิรซ์ (ผู้เชี่ยวชาญ) ในนั้นก็มีปราโมทย์ เสรี รอยล อยู่ คนเชี่ยวชาญก็ว่ากันไปเราเป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ข่าวคราวออกมาอย่างกับผมเป็นพระเอก"สุเมธ เปิดใจ

-http://goo.gl/kKQA7-

-http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/121025/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5-

.

 

.


เปิดหลักเกณฑ์รับเงินชดเชยบ้านน้ำท่วม5,000บาท





เปิดหลักเกณฑ์-เอกสาร-ขั้นตอนการขอรับเงินชดเชยกรณีบ้านน้ำท่วม 5,000บาทต่อครัวเรือนในพื้นที่ 30 เขต ของกรุงเทพฯ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย. มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท ในเขตกรุงเทพมหานครรวม 30 เขต จำนวน 6 แสนครัวเรือน

<ins>สำหรับเอกสารเพื่อขอรับเงินชดเชย 5,000 บาท มีดังนี้</ins>

1. บัตรประจำตัวประชาชน

2. ทะเบียนบ้าน

3. สัญญาเช่า หรือ หนังสือรับรองการเช่าจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

<ins>เงื่อนไขการรับเงินชดเชยน้ำท่วม มีดังนี้</ins>

1. เป็นบ้านพักที่มีทะเบียนบ้าน อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน แต่หากไม่มีทะเบียนบ้าน เช่น บ้านพักคนงาน ก็มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเช่นกัน

2. หากเป็นบ้านเช่า ผู้เช่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ ในกรณีที่บ้านเช่ามีหลายชั้น หรือคอนโดมิเนียมจะมีเพียงชั้นที่น้ำท่วมถึงเท่านั้นที่ได้รับเงินช่วยเหลือ

3. ต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยจากสำนักงานเขตในสังกัด กทม.ออกให้เท่านั้น

<ins>เขตที่เป็นพื้นที่ประสบภัย ประกอบด้วย</ins>

1.เขตบางซื่อ 2.เขตดุสิต 3.เขตพระนคร 4.เขตสัมพันธวงศ์ 5.เขตสาทร
6.เขตบางคอแหลม 7.เขตยานนาวา 8.เขตคลองเตย 9.เขตบางพลัด 10.เขตบางกอกน้อย
11.เขตธนบุรี 12.เขตคลองสาน 13.เขตราษฎร์บูรณะ 14.เขตคลองสามวา 15.เขตมีนบุรี
16.เขตหนองจอก 17.เขตลาดกระบัง 18.เขตดอนเมือง 19.เขตคันนายาว 20.เขตจตุจักร
21.เขตตลิ่งชัน 22.เขตบางเขน 23.เขตบางแค 24.เขตภาษีเจริญ 25.เขตลาดพร้าว
26.เขตวังทองหลาง 27.เขตสายไหม 28.เขตหนองแขม 29.เขตหลักสี่ 30.เขตทวีวัฒนา

<ins>ขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือ</ins>

ขณะที่ ขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมีดังนี้

1.หน่วยงานระดับท้องที่ เช่น ฝ่ายพัฒนาชุมชน ฝ่ายทะเบียน ให้ดำเนินการสำรวจรายชื่อและรับรองรายชื่อของผู้ประสบอุทกภัยในแต่ละพื้นที่ ของตัวเอง

2.ฝ่ายปกครองให้การรับรองความถูกต้อง

3.ผู้อำนวยการสำงนักงานเขต ตรวจสอบข้อมูลและรับรองความถูกต้อง

4.ปลัด กทม. ตรวจสอบข้อมูลและรับรองความถูกต้อง

5.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (มท.) ตรวจสอบข้อมูลและความซ้ำซ้อนของข้อมูลครัวเรือน จากนั้นส่งเรื่องให้ธนาคารออมสิน

6.ธนาคารออมสินตรวจสอบตามระบบธนาคารและจ่ายเงินช่วยเหลือ

7.จ่ายเงินให้กับผู้ประสบอุทกภัย





-http://bit.ly/vpqPnw-

-http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1./120862/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A15-000%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97-

.

 

ลอยกระทง

http://www.mthai.com/loykrathong/


http://loykratong.kapook.com/


http://season.sanook.com/loykrathong/


http://www.myfri3nd.com/board/view_topic.php?cate_id=2&post_id=3007


.

 

.

คลิปอัศจรรย์!!ภูเขาไฟใต้ทะเลพ่นลาวาสู่ผิวทะเล <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 พฤศจิกายน 2554 03:27 น.</td> </tr></tbody></table>

<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">

เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เหตุการณ์ภูเขาไฟใต้ทะเลนอกชายฝั่งหมู่เกาะคานารีของสเปน พ่นลาวาพวยพุ่งเหนือผิวน้ำ 20 เมตรและทำทะเลเดือดปุดๆท่ามกลางกลิ่นโชยของกำมะถัน

ขณะที่กลุ่มลาวาขยายตัวและขยับใกล้พื้นผิวน้ำขึ้นเรื่อยๆ ก็พบเห็นว่ามีซากเถ้าถ่านต่างๆรวมไปถึงก้อนหินถูกพ่นขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ ที่เพิ่งเริ่มต้นแสดงพลังระเบิดอันมหาศาลใต้ผืนทะเลเท่านั้น

ด้วยการที่มันปรากฎตัวขึ้นมาในลักษณะคล้ายเกาะอีกเกาะหนึ่ง และแม้เวลานี้เพิ่งโผล่เหนือพื้นผิวทะเลเพียง 70 เมตร แต่ชาวเกาะก็เริ่มพากันตั้งชื่อให้มันไว้ล่วงหน้าแล้ว และด้วยที่มันอยู่ใกล้กับเกาะเอล เอียร์โร หนึ่งในหมู่เกาะคานารี ทำให้คาดกันว่าหากยังคงปะทุไปเรื่อยๆเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วมันอาจมาบรรจบกับแผ่นดินใหญ่ในไม่ช้านี้

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ชาวบ้านต้องอพยพอกจากบ้านและถนนหลายสายในแถบตอนใต้ของเกาะคานารีต้อง ปิดการสัญจร หลังรัฐบาลเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ภูเขาไฟอาจระเบิด ขณะเดียวกันมีก็คำสั่งห้ามเรือแล่นเข้าไปในพื้นที่เช่นเดียวกับเครื่องบินก็ ได้รับคำแนะนำไม่ควรบินผ่านแหลมตอนใต้ของเกาะ

แหลมทางใต้ของเกาะเอล เอียร์โร เพิ่งเจอกับแผ่นดินไหวระดับ 4.3 เมื่อวันเสาร์(5) ช่วงที่ภูเขาไฟใต้ทะเลเริ่มปะทุพ่นเถ้าถ่านออกมาใหม่ๆ ขณะที่เกาะแห่งนี้ต้องเจอกับแผ่นดินไหวกว่า 10,000 ครั้งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา และความกังวลว่าภูเขาไฟอาจระเบิดมีขึ้นสืบเนื่องจากจำนวนลาวาที่ไหลออกมา จำนวนมหาศาลนั่นเอง

รัฐบาลท้องถิ่นของเกาะคานารี ประกาศเตือนภัยภูเขาไฟระเบิดในระดับสีเหลือง อันเป็นระดับ 2 จากทั้งหมด 4 ขั้น โดยชาวบ้านในเมืองลา เรสตินกา ต้องอพยพออกมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังภูเขาไฟเริ่มมีความเคลื่อนไหว

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="469"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="469"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="466"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="466"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="466"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="466"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>
</td></tr></tbody></table>

.

-http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143853-

.

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143853

.

 

.

กรมชลประทานยันไม่มีน้ำมวลใหญ่จ่อถล่มกรุง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">10 พฤศจิกายน 2554 10:3</td></tr></tbody></table>

“กรมชลประทาน” เผยไม่มีน้ำมวลใหญ่เตรียมถล่มอีกระลอก ระบุมีแค่น้ำท่าที่เริ่มลดลง ส่วนน้ำค้างทุ่งที่กระจายอยู่ทางตอนบนของฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำ เจ้าพระยา มีแค่ 4.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ต้องเร่งระบายลงทะเล

ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กรมชลประทาน เผยแพร่ข้อมูลชี้แจง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า “มีน้ำเหนือค้างทุ่งจำนวนมหาศาลรอถล่มกรุง” ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำน่าน ลดลงในระดับต่ำกว่าตลิ่งริมน้ำแล้ว ส่วนปริมาณน้ำท่าที่อยู่ในแม่น้ำต่างๆ ก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในลุ่มน้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก คาดว่าจะลดลงอยู่ในระดับตลิ่งภายใน 7 วัน สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำท่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยที่อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งภายในวันที่ 20 พ.ย.54 ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คาดว่าระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 27 พ.ย.54

ส่วนปริมาณ “น้ำค้างทุ่ง” ซึ่งกระจายอยู่ในทุ่งทางตอนบนของพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออก และตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4,394 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอยู่ในพื้นที่ทางด้านฝั่งตะวันออก 1,831 ล้านลูกบาศก์เมตร และในพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา 2,563 ล้านลูกบาศก์เมตร (ข้อมูล วันที่ 9 พ.ย.54) ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ต้องบริหารจัดการด้วยการระบายออกทะเลผ่านระบบระบายน้ำ ของกรมชลประทานและกรุงเทพมหานคร โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะค่อยๆ ไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่าง

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมชลประทานได้ดำเนินการ เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าในวันที่ 7 พ.ย.54 ระบายน้ำได้ประมาณ 102 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หลังจากที่มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เติมทำให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยในระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 2554 สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 121 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ยังไม่รวมการระบายน้ำผ่านประตู ระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสมุทรปราการ อีกประมาณ 50-60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และยังมีปริมาณน้ำที่ระบายออกตามธรรมชาติผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย

นอกจากนี้ มาตรการการเร่งระบายน้ำดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยากรมชลประทาน ยังมีมาตรการชะลอปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่พื้นที่ทางตอนล่างด้วย โดยลดการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพและประตูระบายน้ำบรมธาตุ รวมทั้งยังได้เร่งซ่อมแซมอาคารชลประทานและคันกั้นน้ำในเขตจังหวัดพระนครศรี อยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี แล้วเสร็จ 12 แห่ง จาก 14 แห่ง ซึ่งสามารถช่วยชะลอน้ำที่จะไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้



-http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143379-

.

 

.

อ.จุฬาฯ เตรียมยก 11 ข้อ สอนมวย "ปู" แก้น้ำท่วมทั้งระบบ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 พฤศจิกายน 2554 05:16 น.</td> <td align="left" valign="middle">


</td></tr></tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล (แฟ้มภาพ)</td> </tr> </tbody></table>



"รศ.ดร.ธนวัฒน์" สะกิด "ยิ่งลักษณ์" บอกนิวไทยแลนด์ทำเสร็จตั้งแต่ปี 42 แล้ว ระบุอาทิตย์หน้าจะแถลง 11 มาตรการแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาวผูกโยงทั้งระบบ แย้มตัวอย่างเก็บภาษีคนทำคันกั้นน้ำกระทบคนอื่น ภาษีโรงเรือนในพื้นที่แก้มลิง เวนคืนพื้นที่แถวคลองระพีพัฒน์ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ทำซุปเปอร์เอ็กซ์เพรสฟลัดเวย์เพื่อเป็นคันกั้นน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงข้อเสนอเพื่อจัดการและแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว ว่า สิ่งที่จะนำเสนอนั้นเป็นเรื่องที่ได้ทำการศึกษาตั้งแต่ปี 2538 และเสร็จเมื่อปี 2542 รวมทั้งนำมาปรับปรุงให้เข้ากับสถาการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ข้อเสนอดังกล่าว มีทั้งสิ้น 11 มาตรการ ซึ่งจะมีการแถลงข่าวภายในสัปดาห์หน้า ในเชิงวิชาการและนำเสนอ ซึ่งคาดว่า รัฐบาลคงสนใจ เพราะข้อเสนอเราจะดูทุกด้าน ประกอบกัน

อาทิ การทำซุปเปอร์เอ็กซ์เพรสฟลัดเวย์ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีทางระบายน้ำ แต่ก็ถูกทำลายโดยหมู่บ้านจัดสรรที่มาสร้างขวางทาง เราจะใช้คลองตั้งแต่ด้านบนลงมาเช่น คลองชลประทานทางฝั่งตะวันออก คลองระพีพัฒน์ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ด้วยการเวนคืนที่ดินทั้งสองฟาก ออกห่างจากคลองฝั่งละ 1 กิโลเมตร และถัดมาจะทำเป็นถนนยกสูงเป็นมอเตอร์เวย์เพื่อทำเป็นคันกั้น เมื่อมีน้ำหลากมาก็จะไหลผ่านคลองดังกล่าว ที่เตรียมไว้ และพื้นที่ที่เวนคืนนี้ จะไม่ให้มีบ้านอาศัย แต่อนุญาตให้ทำเกษตรกรรมเช่นทำนาได้ในช่วงหน้าแล้ง

ส่วนทางด้านบนนั้นก็จะยกสูงเพื่อให้มีแรงดึงดูดโดยน้ำจะไหลลง ไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ ซึ่งจากการคำนวนจะสามารถระบายน้ำได้วันละ 3,600 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที ขณะที่บริเวณโดยรอบนั้น ยังเป็นแก้มลิงไปในตัวที่สามารถเก็บน้ำได้ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร และไม่ต้องไปกลัวน้ำจะไปกระทบใครเพราะอยู่ในร่อง

รศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า มาตรการทั้ง 11 ข้อ จะเกี่ยวข้องทั้งระบบ ไม่เฉพาะเรื่องการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบในการระบายน้ำเท่านั้น แต่จะผูกโยงทั้งเรื่องมาตรการทางภาษี กฎหมาย และผังเมือง ตัวอย่างของมาตรการทางภาษีก็เช่น กทม.ตอนนี้ มีระบบป้องกันน้ำท่วม แต่ก็ลามไปที่อื่น คนที่ทำคันกั้นกระทบคนอื่น ต้องเก็บเงินเข้ากองทุน นี่เป็นภาษีทางตรง

ส่วนภาษีทางอ้อมอาทิ บริเวณ อยุธยา บางปะหัน ที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติ ถูกนำท่วมประจำ ชาวนาก็อยากขายที่ จนแก้มลิงหายไป เราไม่ได้ห้ามซื้อขาย แต่เราจะใช้มาตรการเก็บภาษีทางอ้อม อย่างภาษีโรงเรือนหากมีสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่ที่ควรเป็นแก้มลิงก็อาจจะเรียกภาษีเป็น 20-30 เท่า และเอาเงินส่วนนี้ไปชดเชยให้คนที่อยู่ในพื้นที่ นี่คือ มาตรการสร้างประเทศไทยใหม่ หรือ นิวไทยแลนด์ ที่มัวแต่ไปหาจากต่างประเทศทั้งๆที่เราทำเสร็จตั้งแต่ปี 2542 แล้ว




-http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143874-

.

 

.


ผบ.ทบ. วอนอย่ามัวโทษกัน เวลานี้ต้องช่วยกันแก้อย่าให้ประวัติซ้ำรอย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 พฤศจิกายน 2554 04:28 น.</td></tr></tbody></table>


“ประยุทธ์” จับตาดู “วีรพงษ์-สุเมธ” ดูแลจัดการน้ำ เชื่อสถานการณ์คงดีขึ้น ชี้ทางแก้ถาวร ปชช. ต้องช่วยกันรักษา กม. อย่าสร้างบ้านกีดขวางทางน้ำไหล ขออย่ามัวตำหนิกันเอง ควรเร่งหาจุดอ่อนแล้วแก้ไขอย่าให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอยเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลแต่งตั้งนายวีรพงษ์ รามางกูล เป็นประธานการฟื้นฟูประเทศ และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานในการบริหารจัดการน้ำว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจ ซึ่งอาจจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เพราะทั้ง 2 ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งตนเฝ้ารอดูการดำเนินงาน คาดหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ตนคิดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสถานการณ์น้ำลดลงทุกอย่างจะดีขึ้นเอง และค่อยๆแก้กันไป เท่าทีทราบขณะนี้ระดับน้ำทะเลลดน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา ทำให้การระบายน้ำออกทะเลทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามประชาชนต้องเดือดร้อนสักระยะหนึ่ง ในเมื่อน้ำเข้ามาแล้วก็ต้องเร่งระบายออกลงทะเล

เมื่อ ถามว่าจะมีการดูแลกำลังพลที่เข้าไปช่วยเหลือน้ำท่วมซึ่งอาจจะเกิดโรคติดต่อ ทางน้ำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กองทัพดูแลเรื่องสุขอนามัยของกำลังพล พร้อมให้คำแนะนำอยู่ตลอด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้จัดยาและของใช้ให้กำลังพล 2-3 หมื่นคน และได้มีการจัดหาเพิ่มเติม ที่สำคัญต้องผู้บังคับหน่วยต้องเอาใจใส่และดูแลกำลังพล เพราะหากเป็นแล้วจะรักษายาก อย่างไรก็ตามเรามีโรงพยาบาลทั้งหมด 37 แห่ง และได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่หมุนเวียนกันออกมาดูแล กำลังพลและช่วยเหลือประชาชนตามศูนย์พักพิงต่างๆ ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยมอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบกจะเป็นผู้รับผิดชอบ

เมื่อ ถามว่าในการบริหารจัดการน้ำควรจะต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมองในฐานะประชาชนก็คงต้องทำ เพราะตอนนี้ประชาชนทุกคนก้รู้สึกอย่างนั้น คงต้องปรับปรุงและต้องช่วยกัน ประเด็นสำคัญ คือ การรักษากฎหมาย และช่วยกันดูแลการรุกล้ำทางสาธารณะต้องแก้ปัญหากันไป ก็คนไทยคงต้องพูดจากันและต้องสร้างความเข้าใจกัน อย่าไปสร้างที่พักอาศัยกีดขวางทางน้ำไหล ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ และคิดว่าทุกคนทราบดี

“อย่า ไปตำหนิติเตียนใครตอนนี้เพราะว่ามันต้องแก้กันใหม่แล้ว ที่ผ่านมาอาจจะแก้ไม่ครบ ไม่สมบูรณ์ แต่วันข้างหน้าจะต้องแก้ไขให้ครบ มันก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้น และมีการเสียใจ มีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งสิ่งที่ผมห่วงตอนนี้ คือ ห่วงประชาชน เพราะประชาชนลำบากมาก ทั้งการสัญจรไปมา ซึ่งทหารก็ช่วยได้บางส่วน ทั้งการจัดรถ-เรือและกำลังพลออกไปช่วยเหลือประมาณวันละ 2-3 หมื่นคน ซึ่งได้ให้กรมการขนส่งทหารบกไปจัดตั้ง บก.ควบคุมและให้รถจากทุกหน่วย ทุกกองทัพภาคมาช่วยเสริม และได้สั่งการให้เพิ่มเติมบางจุดที่มีผู้ประสบความเดือดร้อนมากและพื้นที่ ที่ถูกน้ำท่วมใหม่เส้น ถ.พระราม 2 อีกเรื่องที่เป็นห่วงคือ เรื่องอาหารการกินของประชาชน ซึ่งคงต้องไปดูแลให้ทั่วถึงและตอนนี้ได้มีการประสานการปฏิบัติกันอย่างดี ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการได้มากขึ้น แต่ที่สำคัญ คือ ต้องเห็นใจว่าในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากรถทหาร ในวันนี้เราได้สร้างความเข้มแข็งโดยการสนับสนุนหน่วยงานต่างๆจนเขาสามารถจะ เดินทางไปไหนมาไหนได้แล้ว ซึ่งทำให้การช่วยเหลือจะค่อยๆคลอบคลุมมากยิ่งขึ้น แต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อ ถามว่าในหน่วยงานอื่นๆสามารถทำงานได้ด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากน้ำมันลงเขาก็ทำได้หมด แต่ปัญหาคือน้ำมันไม่ลง ซึ่งเขาก็ไปไม่ได้ ถึงเขาคิดจะทำแต่มันเดินทางไม่ได้ เขาไม่มียานพาหนะที่สูงเหมือนทหาร ไม่มีเรือมากเหมือนเรา ซึ่งเราก็พยายามหามาจากการบริจาคจึงทำให้กองทัพมีทรัพยากรมากขึ้น และใช้วิธีการวางแผนทางทหารจึงทำให้การบริการจัดการทำได้เร็วและดีขึ้น ไม่เป็นไรช่วยๆกัน พอเขต หน่วยงานท้องถิ่นเขาเข้มแข็งแล้วต่อไปเขาก็จะดูแลได้เอง


-http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143868-

.

 

.

ธปท.ส่อลดดบ.รับพิษน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">10 พฤศจิกายน 2554 20:07 น.</td> </tr></tbody></table>

<table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"><tbody><tr><td align="center" valign="Top" width="450"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

ธปท.คาดการประชุมกนง.ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ยังคงใช้แนวนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอยู่ ชี้นักลงทุนต่างคาดการณ์ไว้อยู่แล้วเห็นได้จากในแต่ละสัปดาห์ยอดประมูลพันธ บัตรธปท.พุ่งถึง 3 เท่าจากช่วงปกติ มั่นใจปัญหาน้ำท่วมจะคลี่คลายได้ภายในครึ่งแรกของปี 55 ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจปีหน้าภาพด้านเศรษฐกิจจะตรงกันข้ามจากปีนี้ที่แย่ อย่างเห็นได้ชัด

นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มองว่าปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น แม้จะมีผลต่อแรงกดดันด้านราคา (Supply Shock) เพิ่มขึ้นและส่งผลผ่านมายังอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่จนสุดท้ายก็จะไม่กดดันให้คณะกรรมการรนโยบายการเงิน(กนง.)ต้องปรับเปลี่ยน ดอกเบี้ยนโยบาย เพราะกนง.มองว่าปัญหานี้แค่ปัจจัยชั่วคราวและธปท.เชื่อว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ อยู่ระดับ 3.50%ต่อปี ถือเป็นระดับต่ำยังสามารถสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ช่วยแก้ไขปัญหา Supply Shock ได้ และยิ่งแนวโน้มความเสียหายจากน้ำท่วมค่อนข้างมาก ทำให้ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นแนวทางการผ่อนคลายอยู่

"ขณะนี้ตลาดได้รับรู้ไปก่อนหน้านี้แล้วว่ากนง.จะทำอะไร จึงไม่จำเป็นต้องรอประกาศจากกนง.ว่าจะปรับขึ้นหรือลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จริงๆ โดยเห็นจากในขณะนี้แต่ละสัปดาห์ยอดการประมูลพันธบัตรธปท.ของนักลงทุนเข้ามา ร่วมประมูลเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากช่วงปกติ เพราะตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาผ่อนคลายอยู่"

อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่าปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นมีผลต่อแรงกดดันด้านราคาน่าจะคลี่คลาย ไปได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้และปัญหาคงไม่ลามไปตลอดทั้งปี 55 อย่างแน่นอน ทำให้ในปีหน้า แรงกดดันเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาอาหารจะชะลอเมื่อเทียบกับปีนี้ ส่วนแรงกดดันด้านอื่นที่ไม่ใช่ปัจจัยราคาอาหารจะมีผลต่อเงินเฟ้อด้านอื่นก็ สูงบ้าง แต่จะไม่รุนแรง

"ธปท.ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะแย่จริง ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจจะต่ำกว่าเงินเฟ้อ แต่ในปี 55 ภาพด้านเศรษฐกิจจะกลับมาตรงกันข้าม คือ ตัวเลขเศรษฐกิจจะขยายตัวค่อนข้างมากและมีความเป็นไปได้ที่จะโตมากกว่า 4% เนื่องจากเกิดการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายไป ทำให้ภาครัฐและเอกชนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นจังหวัดรอบนอกกรุงเทพฯที่เคยเจอภาวะน้ำท่วมมีการใช้จ่าย บ้าง"

รองผู้ว่าการธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาอุทกภัยจะมีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เสียหายแค่ไหนก็ไม่สามารถบอก เป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ เพราะปัญหาอุทกภัยยังไม่คลี่คลาย ทำให้มีการรับข้อมูลเข้ามาตลอดเวลา โดยข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ ณ วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าการประชุมกนง.เพียง 1 วัน คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยจะเสียหายประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
ซึ่งส่วนนี้ยังไม่รวมน้ำท่วมที่เริ่มขยายเป็นวงกว้างเข้ามาใน กรุงเทพฯ ชั้นในที่มีมากขึ้น และกระทบภาคท่องเที่ยว บริการ การค้า รวมถึงภาคอื่นๆ ที่มีผลเชื่อมโยงอีกมาก จึงต้องรอการประชุมกนง.ล่าสุดในวันที่ 30 พ.ย.นี้อีกครั้งก่อน

ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยทั้งสิ้น 14 ล้านคน จากตัวเลขคาดการณ์ในปีนี้ไว้ที่ 18-19 ล้านคน แต่เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดย ตรงทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไปแล้วประมาณ 7-8 แสนคน หรือคิดเป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท


-http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9540000143800-

.