พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เทคนิคล้างเท้าแก้เมื่อย เลือดไหลเวียนดี

    การเดินลุยน้ำ ไหนจะต้องพยายามทรงตัวไม่ให้ลื่นล้ม ใช้เท้าค่อยๆคลำพื้นทางใต้น้ำให้รู้ระดับสูงต่ำ การก้าวเดินก็ต้องต้านแรงน้ำ จึงใช้เวลามากกว่าเดินบนพื้นแห้งปกติ ส่งผลให้ผิวหนังที่เปียกน้ำมีสภาพเปื่อยเหี่ยวย่นและสกปรก ดังนั้นหลังจากเดินลุยน้ำจำเป็นต้องรีบล้างทำความสะอาดเท้า ซึ่ง ‘มุมสุขภาพ’ มีเทคนิคที่ช่วยคลายความเมื่อยล้า และกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี

    เริ่ม จากล้างเท้าด้วยน้ำสะอาด และฟอกสบู่ให้ทั่วทุกซอกนิ้วเท้า แล้วใช้นิ้วมือประสานกับนิ้วเท้านวดวนช่วงนิ้วเท้าจากซ้ายไปขวาและขวาไปซ้าย แล้วจึงนวดวนไปให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า ใช้เวลานวดราว 2 นาที จากนั้นล้างสบู่ออกให้หมดจด เช็ดให้แห้งสนิท ทั้งนี้เทคนิคการล้างและนวดเท้าหากทำเป็นประจำยังช่วยลดอาการปวดเมื่อย ลดโอกาสเกิดก้อนแข็งๆ จากการเสียดสีของเท้ากับรองเท้าด้วย

    อย่างไรก็ตาม การล้างเท้าให้สะอาดหลังลุยน้ำเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะหากปล่อยให้แห้งโดยไม้ล้างไม่เช็ด อาจเป็นโรคนำกัดเท้าเพราะติดเชื้อรา มีอาการคันลุกลามไปทั่ว นอกจากนี้ยังเสี่ยงป่วยด้วยโรคฉี่หนู เพราะ ติดเชื้อเลปโตสไปโรสิส ที่มาจากฉี่ของสัตว์ เช่น หนู สุนัข วัว ควาย แพะ แล้วปนเปื้อนมากับน้ำ โดยอาการจะเกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อ 2-10 วัน ผู้ ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่องกับโคนขา เยื่อบุตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ไอมีเลือดปน ตัวเหลือง ปัสสาวะน้อย ซึม สับสน ถ้าไม่พบแพทย์อาจรุนแรงถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    -takecareDD@gmail.com-


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=460&contentId=174823-

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    "เซอร์" นำ 4 แข้งผีอวยพรคนไทยฝ่าวิกฤติน้ำท่วม <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">9 พฤศจิกายน 2554 08:44 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG]


    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ลีกเมืองผู้ดี 19 สมัย พร้อมด้วยลูกทีมอีก 4 คนคือ คริส สมอลลิง ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ไมเคิล คาร์ริก และ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ร่วมกันอวยพรเป็นกำลังใจให้ชาวไทยต่อสู้เพื่อเอาชนะวิกฤติน้ำท่วม ณ เวลานี้ผ่านทางสื่อวิดีโอ

    โดย เฟอร์กูสัน ที่เพิ่งฉลองการคุมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ครบ 25 ปี เปิดเผยว่ารู้สึกตกใจเมื่อรับทราบข่าวอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากก่อความเสียหายอย่างมาก โดยทุกคนในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รู้สึกห่วงใยชาวไทยทุกคน พร้อมอวยพรให้โชคดีผ่านพ้นวิกฤติกลับมาเป็นปกติสุขเหมือนเดิม

    ขณะที่ สมอลลิง กองหลังจอมบุก อวยพรว่า "เราขอส่งกำลังใจไปให้ทุกคนที่ประเทศไทย คุณจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้"

    ด้าน "ถั่วน้อย" เฮร์นันเดซ ดาวยิงชาวเม็กซิกัน ให้กำลังใจว่า "ถึงประชาชนชาวไทย จำไว้ว่าหลังฝนตกจะมีแดดส่องสว่างเสมอ ขอให้ทุกคนเข้มแข็งไว้"

    ทางฝั่ง คาร์ริก มิดฟิลด์ตัววางบอล เป็นแรงใจให้คนไทยสู้กันต่อไป "เราเข้าใจอย่างดีถึงความทุกข์ของคุณจากน้ำท่วม แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้"

    ส่วน ลินเดการ์ด นายทวารชาวเดนมาร์ก กล่าวปิดท้ายว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขอเป็นกำลังใจอย่างเต็มที่ให้คุณผ่านวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้"

    ก่อนหน้านี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังตัวเก๋า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยทวีตข้อความเป็นกำลังใจให้แก่ชาวไทยสู้กับวิกฤติน้ำท่วม รวมถึง เจมี คาร์ราเกอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟจากค่าย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็อวยพรผ่านทางวิดีโอเช่นกัน


    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142796-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    นิทานเซน : แม่ทัพออกบวช
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2554 09:16 น.

    <迷悟习性>

    ยังมีจอมทัพใหญ่ผู้หนึ่ง กรำศึกในสมรภูมิรบมายาวนาน กระทั่งในบั้นปลายชีวิตไม่อยากตกอยู่ในวังวนของสงครามอีกต่อไป ทั้งยังเข้าใจว่าตนเองเห็นซึ้งแล้วถึงเรื่องราวความเป็นไปบนโลก จึงได้เดินทางไปกราบอาจารย์เซนเพื่อขอบวชเป็นพระ

    มิคาดอาจารย์เซนกลับบอกกับแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ว่า "ท่านยังมีกิเลส มิอาจตัดขาดจากโลกีย์วิสัย ยังไม่สามารถออกบวชได้"

    แม่ทัพไม่ยอมแพ้ ตอบกลับไปว่า "แต่กระผมรู้สึกว่าจิตใจตนเองสงบนิ่ง สามารถปล่อยวางทุกเรื่องได้แล้ว"

    อาจารย์เซนจึงตอบเพียงว่า "เอาไว้วันหลังค่อยบวชเถิด" ได้ฟังคำปฏิเสธดังนั้นแม่ทัพจึงได้แต่ผิดหวังกลับไป

    วันต่อมา แม่ทัพเดินทางมากราบพระที่วัดตั้งแต่เช้าตรู่ อาจารย์เซนเห็นดังนั้นจึงเอ่ยทักว่า "ท่านแม่ทัพตื่นแต่เช้ามากราบพระด้วยเหตุอันใดหรือ?"

    แม่ทัพตอบว่า "กระผมมากราบพระแต่เช้า เพื่อขจัดความร้อนรุ่มในจิตใจ"

    ทว่าอาจารย์เซนกลับเอ่ยถามแม่ทัพว่า "ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า ไม่กลัวภรรยาท่านแอบคบชู้หรือ?"

    เมื่อแม่ทัพได้ฟังก็บันดาลโทสะอย่างยิ่ง ตวาดอาจารย์เซนกลับไปว่า "เจ้าพระบ้า ใช้วาจาทำร้ายคน"

    หลังจากแม่ทัพแสดงอาการเช่นนั้น อาจารย์เซนจึงกล่าวกับเขาว่า "เพียงกระทบถูกเบาๆ ไฟในใจท่านก็กลับลุกไหม้แผดเผาขึ้นมาอีก เช่นนี้ท่านจะบอกว่าตนเองสามารถปล่อยวางทุกเรื่องได้อย่างไรกัน?"

    ยามนั้น แม่ทัพจึงได้คิด และตระหนักว่าตนเองยังไม่อาจปล่อยวางเรื่องทางโลกได้อย่างแท้จริง

    ปัญญาเซน : หากจิตไม่สงบ ไม่ละวางเรื่องทางโลก แม้นครองเพศบรรพชิตก็มิอาจพ้นแดนทุกข์

    ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4


    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142729-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    “ชุดผลิตน้ำประปาแบบพกพา”แจกผู้ประสบอุทกภัย


    ชาววิทย์ฯ จุฬาฯ ร่วมลงแรงผลิต “ชุดน้ำประปาแบบพกพา” เพื่ออุปโภค-บริโภค อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ มอบให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
    ผศ.ดร.รุ่งกานต์ นุ้ยสินธุ์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ประสบภัยมีปัญหาเรื่องน้ำดื่ม และน้ำใช้ ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทำให้ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมีแนวคิดที่จะผลิต “ชุดน้ำประปาแบบพกพา” สามารถ ใช้ผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภค และบริโภคได้ ด้วยอุปกรณ์ที่หาซื้อง่าย ประกอบกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ โดยมีอาจารย์ นิสิต และบุคลากรในคณะช่วยลงแรง รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด

    “ใน 1 ชุด ประกอบด้วย 1.ถุงพลาสติกบรรจุถ่านกัมมันต์ (เป็นถ่านชนิดเดียวกับที่ใช้รับประทานแก้ท้องเสีย หรือ คาร์บอนแก้ท้องเสีย) 2.สารจับตะกอน (ในชุดเรียกว่า สาร ก.) ซึ่งเป็นสารอลูมิเนียม คลอโรไฮเดรท (Aluminium Chlorohydrate) ผสมโพลีแดดแมค (PolyDADMAC) สามารถตกตะกอนได้ดี และเร็วกว่าสารส้ม ช่วยกำจัดสารแขวนลอย และโลหะหนักบางชนิด ทั้งยังลดความกระด้างของน้ำ 3.สารฆ่าเชื้อ หรือ คลอรีน (ในชุดเรียกว่า สาร ข.) ช่วยฆ่าจุลินทรีย์ และเชื้อโรค 4.ผ้ากรอง หรือ ผ้าขาวบาง 1 ผืน และ 5.ขวดกรองน้ำ” ผศ.ดร.รุ่งกานต์ กล่าว

    ผศ.ดร.รุ่งกานต์ กล่าวถึง ขั้นตอนการทำนํ้าอุปโภค (นํ้าใช้) ว่า
    เริ่มจากหยดสาร ก.1 หยด ลงในน้ำ 2 ลิตร หรือ น้ำขวดใหญ่ 1 ขวด แล้วกวนอย่างรวดเร็ว 2 นาที จากนั้น ตั้งทิ้งไว้ 10 นาที ให้ตะกอนนอนก้น ต่อมา รินน้ำส่วนใสผ่านผ้ากรองลงภาชนะรองรับ เสร็จแล้วหยดสาร ข.4-5 หยด ในน้ำที่กรองได้ กวนให้เข้ากัน และตั้งทิ้งไว้ 15 นาที จะได้นํ้าประปาสำหรับใช้ทั่วไป ทั้งนี้ สาร ก. และ สาร ข.อาจก่อความระคายเคืองต่อตา และผิวหนัง ควรใช้ด้วยความระวัง

    สำหรับขั้นตอนการทำนํ้าบริโภค (นํ้าดื่ม) นั้น เริ่มจากล้างถ่านกัมมันต์ โดยเติมน้ำประปาสำหรับอุปโภคที่เตรียมได้ลงในถุงให้ท่วม เขย่าแล้วเทน้ำทิ้ง ล้างเช่นนี้ 3 ครั้ง หรือ จนกว่าน้ำจะใส ซึ่งการกรองด้วยถ่านกัมมันต์ จะกำจัดสารที่ทำให้เกิดสีและกลิ่น รวมถึงกลิ่นคลอรีน สารอินทรีย์และโลหะหนักบางชนิด จากนั้น สร้างชุดกรอง โดยตัดก้นขวดพลาสติก บรรจุสำลี และถ่านกัมมันต์ที่ล้างแล้ว ก่อนปิดจุกขวดด้วยผ้ากรอง ต่อมา กรองน้ำประปาที่เตรียมได้ผ่านชุดกรอง เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งชุดกรองน้ำอาจอุดตัน ให้ถอดเปลี่ยนสำลีที่ปากขวด อย่างไรก็ตาม ควรต้มน้ำที่กรองได้ก่อนดื่ม เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้ง นี้ วิธีดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถใช้กับน้ำเน่าเสียได้ ดังนั้น น้ำดิบที่เลือกมา ต้องเป็นแหล่งน้ำที่ไม่มีการปนเปื้อนของสิ่งปฏิกูล โดยแหล่งน้ำผิวดินทั่ว ๆ ไปที่ยังไม่มีการท่วมขังยาวนาน หรือ ในแหล่งที่มีแสงแดด และออกซิเจนอย่างเพียงพอ สามารถใช้ได้” ผศ.ดร.รุ่งกานต์ กล่าว

    นอกจากนี้ ใน “ชุดผลิตน้ำประปาแบบพกพา” จะมี แอลกอฮอล์แข็งบรรจุกระป๋อง จำนวน 4 กระป๋อง สำหรับใช้ต้มน้ำด้วย โดย 1 กระป๋อง ติดไฟนาน 30 นาที ต้มน้ำได้ 1 ลิตร เตรียมนำไปมอบให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยต่อไป.


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=651&contentID=174382-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    EM Ball ใช้ได้นะ แต่... <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">9 พฤศจิกายน 2554 11:57 น.</td></tr></tbody></table>
    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142903-


    นอกจากกรอกกระสอบทราย แพ็คถุงยังชีพ ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว อาสาสมัครปั้น EM Ball เป็นอีกจิตอาสาที่จะช่วยบรรเทาทุกข์จากอุทกภัย เนื่องจากน้ำเน่าเหม็นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ตามมา หากแต่ตอนนี้หลายคนคงกำลังสับสนว่าแท้จริงแล้ว EM Ball นั้นใช้แก้ปัญหาน้ำเน่าในภาวะน้ำท่วมนี้ได้หรือไม่ เพราะมีการถกเถียงทั้งจากฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน

    ทั้งนี้ อีเอ็ม (EM: Effective Microorganisms) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ค้นพบโดย ศ.เทรูโอะ ไฮกะ (Prof.Teruo Higa) จากมหาวิทยาลัยริวกิว (University of the Ryukyus) โอกินาวา ญี่ปุ่น ซึ่งได้พัฒนาหัวเชื้อจุลินทรีย์ต้นแบบ EM-01 เพื่อประโยชน์ทางการเกษตรและเพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย โดยมีจุลินทรียที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ผลิตกรดแลคติก จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงได้ ยีสต์และจุลินทรีย์อื่นๆ ประมาณ 80 ชนิด แล้วผลิตในเชิงการค้าและใช้ EM เป็นเครื่องหมายการค้า

    หากแต่น้ำอีเอ็มที่ชาวบ้านหมักกันเองนั้นไม่มีการตรวจสอบชนิดเชื้อ จุลินทรีย์ และหมักขึ้นจากวัสดุเหลือทิ้งในท้องถิ่น จึงอาจทำให้เชื้อไม่มีประสิทธิภาพเหมือนต้นแบบ หรืออาจมีการปนเปื้อนของเชื้ออื่น รวมถึงเชื้อไวรัสด้วย ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถามต่อ EM Ball ว่าเชื้อที่ใช้นั้นเป็นเชื้อชนิดใด ได้จากอีเอ็มต้นแบบหรือเป็นเชื้อที่หมักกันเอง ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆ รวมถึงการใช้งานเพื่อบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพนั้นยังต้องอาศัยสภาพแวด ล้อมที่เหมาะสม

    ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ได้ถามความเห็น น.ส.วิภาวี ดำมี นักศึกษาปริญญาเอกด้านชีววิทยาและผู้มีประสบการณ์ทำงานด้านระบบนิเวศทางน้ำ ซึ่งบอกถึงกังวลต่อ EM Ball ในมุมนักวิทยาศาสตร์ว่า เป็นห่วงเรื่องการปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งคาดว่ามีอย่างแน่นอน เพราะเชื้อจุลินทรีย์ใน EM นั้นมีหลายประเภท ทั้งจุลินทรีย์ที่มีใช้ประโยชน์ได้และจุลินทรีย์ก่อโรค ซึ่งหากนำไปใช้ในที่เหมาะสม คือ ในแหล่งที่มีอินทรีย์มากจะทำให้จุลินทรีย์มีประโยชน์เจริญเติบโตได้ดี ส่วนจุลินทรีย์ไม่มีประโยชน์จะเจริญเติบโตได้ยาก หากแต่พบว่ามีการนำ EM Ball ไปโยนตามแหล่งน้ำใช้ ซึ่งปกติแล้วมีสารอินทรีย์ต่ำ ซึ่งเชื้อก่อโรคจะเจริญเติบโตได้เต็มที่

    ส่วนข้อสงสัยว่า ใช้ EM Ball บำบัดน้ำเสียได้หรือไม่นั้น วิภาวีบอกว่า ใช้ได้ แต่ต้องใช้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ใช่โยนลงแหล่งน้ำแล้วเสร็จ ก่อนใช้ต้องวัดคุณภาพน้ำก่อน แต่เราก็แจก EM Ball ให้ใช้ราวกับเป็นของวิเศษที่ใช้ได้ในทุกสภาพ สิ่งที่ปราชญ์ชาวบ้านทำคือเริ่มจากการใช้ในปริมาณน้อยๆ เมื่อไม่ได้ผลก็เพิ่มปริมาณ ซึ่งก็ใช้ได้ แต่วิธีดังกล่าวไม่ใช่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ยังไม่มีงาน วิจัยที่ชัดเจนว่าใช้ EM บำบัดน้ำเสียได้ผล มีเพียงงานวิจัยที่วัดว่าได้ผลในระบบปิดเล็กๆ แต่ปราชญ์ชาวบ้านอาศัยประสบการณ์ยืนยันว่าใช้ได้จริง แต่ไม่สามารถวัดผลออกมาเป็นตัวเลขหรือค่าที่แน่ชัด จึงเกิดการถกเถียงและการไม่ยอมรับ

    “ใน EM มีจุลินทรีย์อยู่เยอะจนจำแนกไม่ได้ว่าเป็นชนิดใดบ้าง ไม่สามารถบอกได้ว่าจุลินทรีย์ชนิดใดที่ทำให้ใช้ได้ผล จึงไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ การใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย ใช้ได้ แต่ต้องในสภาพที่เหมาะสม EM มีทั้งแบบน้ำและแบบลูกบอล ถ้าแหล่งน้ำมีสารอินทรีย์มากอยู่แล้ว เติมแบบบอลลงไปจะยิ่งทำให้น้ำเสีย บริเวณที่ใช้ได้คือแหล่งน้ำขนาดเล็ก เช่น ข้างบ้านเป็นทุ่งหญ้าแล้วหญ้ารกร้าง มีน้ำขังจนเน่าเสีย ใช้ EM Ball ตรงนั้นได้ผล ท่อระบายน้ำส่งกลิ่นเน่าเหม็น น้ำดำ มีสารอินทรีย์เยอะใช้ EM ตรงนั้นจะได้ผล แต่ใช้ในกรณีน้ำท่วมที่มีน้ำไหลไม่ได้ผล เพราะ EM Ball จะถูกพัดไปหมด ถ้าพื้นเป็นดินก็ใช้ได้ เพราะแบคทีเรียจะไปทำงานร่วมกับจุลินทรีย์เจ้าถิ่นในดิน แต่กรณีปูนซีเมนส์จะมีแต่ EM ที่ใส่และไม่มีที่ยึดเกาะ ทำให้ถูกกระแสน้ำพัดออกไป” วิภาวีกล่าว

    นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่รวมกลุ่มกันแสดงความเห็นและแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับ EM Ball ในกิจกรรม “ระดมสมองนักวิทย์: EM กับน้ำเสีย สู่สังคมอุดมปัญญา” ทางเฟซบุค ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อหาทางออกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยไม่ต่อต้านหรือทำให้ผู้หวังดีเสียกำลังใจ แต่ต้องการให้มีความรู้ที่ถูกต้องและปัญหาด้วยความเข้าใจ และเห็นตรงกันว่าลูกบอลจุลินทรีย์ดังกล่าวนั้นใช้ได้แต่ต้องใช้อย่างเหมาะสม

    อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทางกลุ่มเป็นกังวลต่อการใช้ลูกบอลจุลินทรีย์นั้น สรุปได้คร่าวๆ คือ
    1.การใช้ในปริมาณที่มากเกินจะทำให้ออกซิเจนลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าใช้น้อยเกินไปก็ไม่เกิดผลอะไร การใช้งานในระยะแรกจุลินทรีย์ที่ใช้ออกซิเจนอาจจะช่วยให้กลิ่นลดลง แต่เมื่อออกซิเจนหมด จุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนจะดึงสารอื่นมาใช้ ซึ่งอาจจะเกิดก๊าซไข่เน่าในปริมาณ
    2.ทั้งนี้ จุลินทรีย์แต่ละกลุ่มทำงานได้ไม่เหมือนกัน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในก้อนลูกบอลจุลินทรีย์นั้นมีจุลินทรีย์อะไรบ้าง และผู้สนับสนุนให้ใช้ก็ตอบไม่ได้ ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นจุดอ่อน และ EM ยังเป็นหัวเชื้อทางการค้าที่มีการปกปิดความลับทางการค้า
    3.มีความกังวลว่าอาจมีการปนเปื้อนของพยาธิและจุลินทรีย์ไม่พึงประสงค์ใน EM Ball
    4.มีความกังวลว่าเมื่อใช้ EM Ball ในปริมาณมากแล้ว ซากจุลินทรีย์ที่ตายลงแล้วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณมาก จะทำให้เกิด “แพลงก์ตอนบลูม” หรือการเจริญเติบโตของสาหร่ายที่ผิดปกติ เนื่องจากได้รับสารอาหารในปริมาณมากเกิน ทั้งนี้ น้ำเน่าที่ปล่อยลงสู่ทะเลก็มีสารอาหารที่ทำให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้มากอยู่ แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์เป็นกังวลว่า การย่อยสลายของ EM จะเร่งให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดเร็วขึ้นหรือมากขึ้น

    นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ในกิจกรรม “ระดมสมองนักวิทย์ฯ” ยังเสนอแนวคิดป้องกันน้ำเน่าเสียโดยไม่ใช้ EM ว่า ให้ช่วยกันจำกัดขยะโดยคนในชุมชนหรืออาสาสมัคร สูบน้ำออกจากพื้นที่ และใช้กังหันเพิ่มออกซิเจน หรือเป็นไปได้อาจช่วยกันประดิษฐ์จักรยานปั่นเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และเป็นกิจกรรมคลายเครียดระหว่างน้ำท่วม

    พร้อมกันนี้ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ยังได้แสดงความเห็นต่อการใช้ EM Ball ผ่านบล็อกส่วนตัวว่า ทาง สวทช.ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ถกถึงปัญหาการเติมสารอินทรีย์ลงน้ำเน่าผ่านการใช้ลูกบอลจุลินทรีย์โดยไม่มี กระบวนการเพิ่มออกซิเจนร่วมด้วย ซึ่งจากการระดมสมองร่วมกับนักสิ่งแวดล้อม นักชีววิทยา นักเทคโนโลยีชีวภาพ แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ได้คำแนะนำใหม่ที่จะเสนอแก่รัฐบาลด้วยการใช้จุลินทรีย์ชนิดที่ไม่ต้องเติม สารอินทรีย์แบบที่ใส่ลงใน EM Ball เพื่อเป็นอีกทางเลือก

    ทั้งนี้ จากการหารือกับนักวิชาการ ดร.ทวีศักดิ์ระบุว่า ทุกคนเห็นตรงกันในการใช้จุลินทรีย์เพื่อย่อยสลาย แต่การย่อยสลายแบบไม่มีกลิ่นเหม็นนั้นต้องเติมอากาศลงในน้ำ แต่ต้องทำในบริเวณที่น้ำนิ่ง ส่วนในบริเวณที่น้ำไหลนั้นไม่เหมาะที่จะเติมจุลินทรีย์ เพราะเมื่อเติมลงไปแล้วไม่สามารถวัดผลได้ ทั้งนี้ เทคนิคการเติมอากาศมีหลากหลายวิธี แม้แต่การกวนเฉยๆ หรือการตักน้ำสั่งแล้วเทกลับที่เดิมก็ช่วยให้ได้อากาศเพิ่ม พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้นักวิชาการช่วยกันคิดทำกังหันน้ำชัยพัฒนาแบบไม่ ต้องใช้ไฟฟ้า เพราะการเติมอากาศนั้นเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และเรามีแนวพระราชดำริที่ดีให้เราได้ศึกษา

    ส่วนใครที่มีข้อสงสัยในการใช้ EM Ball มีข้อสรุปง่ายๆ จากการ์ตูน โดย ดร.ดร.อาทิตย์ นันทขว้าง อาจารย์สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา คลิกที่นี่ http://astv.mobi/AqlpbdV


























    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    QA: ลุยน้ำท่วมจนโรคน้ำกัดเท้ามาเยือน ทำไงดีนะ!?
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2554 10:36 น.


    By Lady Manager

    Question: ลุยน้ำท่วมจนเป็นโรคน้ำกัดเท้าทำไงดี!?

    Answer:
    โดย พญ.ทวีรัตนา บุตรสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ



    "โรคน้ำกัดเท้าคือ โรคเชื้อรา เป็นเชื้อราที่เกิดที่เท้า สาเหตุคือความอับชื้น หรือการแช่น้ำนานๆ แล้วทำให้หนังเท้าเปื่อย จึงเป็นทางเข้าของเชื้อโรคทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังขึ้นมา

    อาการคือ จะคันตามซอกนิ้วเท้าและผิวหนังลอกออกเป็นขุยๆ เป็นผื่นที่เท้า ผิวหนังที่เท้าเกิดพุพอง นิ้วเท้าหนาและแตกที่เป็นมากและพบบ่อยจะเกิดตรงซอกนิ้ว แต่ก็สามารถเกิดที่ส้นเท้าและอาจลุกลามไปถึงฝ่าเท้าและเล็บได้

    ก่อนอื่นเราต้องป้องกัน หากเราจำเป็นต้องแช่น้ำก็แช่ไป แต่พอขึ้นมาเสร็จปุ้บเราต้องล้างน้ำแล้วซับแห้ง ถ้าทำได้ โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้าทั้งหมด จากนั้นอาจจะต้องซื้อยาที่ฆ่าเชื้อราที่ขา และเท้า

    การรักษาในระยะนี้ควรใช้ยาทาสเตียรอยด์ (Steroid) อ่อนๆ อันนี้คือเป็นการป้องกันเอาไว้ หรือแค่ซับให้แห้ง แล้วรอดูอาการ ถ้ามีอาการค่อยซื้อยาทาก็ได้

    อาการเริ่มต้นส่วนใหญ่จะเริ่ม จากบวมแดงรอบๆ ถ้าเป็นมากๆ ก็จะเริ่มเปื่อยๆ ขึ้นมา แล้วก็มีอาการคัน แต่บางคนก็ไม่คัน เพราะความจริงผื่นที่เท้าอาจจะไม่ใช่เชื้อราอย่างเดียว อาจจะเป็นเรื่องของการอักเสบ แพ้สารอะไรบางอย่างที่อยู่ในน้ำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเชื้อราทั้งหมด

    ถ้าเป็นผื่นเชื้อราส่วนใหญ่จะ เริ่มจากซอกนิ้ว แต่ถ้าผื่นที่ไม่ใช่เชื้อรา แพ้จากสารแคมี บางทีอาจจะเกิดตรงไหนก็ได้ของเท้า อาจจะเป็นหลังเท้า หรือตรงไหนก็ได้ทั้งหมดเลย แบบนั้นอาจจะต้องใช้ยาคนละอย่างกัน

    โรคน้ำกัดเท้าแบบยังไม่มี เชื้อรา เป็นเพียงอาการระคายเคืองจากความเปียกชื้น และสิ่งสกปรกในน้ำ ทำให้เท้าเปื่อย ลอก แดง คัน และแสบ โดยเฉพาะตามง่ามนิ้วเท้า และขอบเล็บ ซึ่งผิวหนังอักเสบในระดับนี้ยังไม่มีเชื้อโรคใดๆ เข้าไปในบาดแผลได้

    การรักษาระดับนี้ ควรใช้ยาทาที่ผสมสเตียรอยด์ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อรา เพราะยาบางชนิดจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแสบผิวหนังมากขึ้น และเมื่อสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่อยู่ในน้ำจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

    ส่วนระดับที่ 2 ผู้ป่วยจะมีแผลเล็กๆ ที่เกิดจากผิวหนังอักเสบและมีเชื้อโรคเข้าไปทางบาดแผล โดยมีอาการบวมแดง เป็นหนองและปวด ควรให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาตามอาการของผู้ป่วย อนึ่งหากปล่อยให้มีอาการโรคน้ำกัดเท้าอยู่นาน ผิวที่ลอกเปื่อยและชื้น จะติดเชื้อราทำให้เป็นโรคเชื้อราที่ซอกเท้ามีอาการบวมแดง มีขุยขาวเปียก มีกลิ่นเหม็น และถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นเรื้อรัง เชื้อราจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในผิวหนังรักษาหายยาก ถึงแม้จะใช้ยาทาจนอาการดีขึ้นดูเหมือนหายดีแล้ว แต่มักจะมีเชื้อหลงเหลืออยู่เมื่อเท้าอับชื้น ก็จะเกิดเชื้อราลุกลาม ขึ้นมาใหม่ ทำให้เกิดอาการเป็นๆ หายๆ เป็นประจำ ไม่หายขาด

    โดยทั่วไปจะคิดว่าโรคน้ำกัด เท้ากับฮ่องกงฟุตคล้ายกัน เขาจะถือว่าเป็นโรคเดียวกัน โรคของการติดเชื้อราที่เท้าเหมือนกัน เช่น พวกนักกีฬา เป็นต้น

    โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษที่ บริเวณซอกนิ้วเท้า เล็บอาจจะไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้เกิดเชื้อรา เพียงแต่ถ้าเราเล็บยาวในช่วงภาวะน้ำท่วมเรา จะเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ดังนั้นเราควรจะตัดเล็บเท้าให้สั้น

    หลังลุยน้ำท่วม ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง ใส่ถุงเท้าที่สะอาดและไม่เปียกชื้นใช้ครีมกันเชื้อราหรือโรยแป้งฝุ่นที่เท้า ต้องลุยน้ำท่วมจึงอาจเป็นที่ก่อเชื้อโรคได้ หากใส่รองเท้าบูทจะยิ่งดีมาก เป็นวิธีที่ป้องกันให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง เป็นวิธีที่ป้องกันที่ดีที่สุด"


    -http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000142763-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สูตรยาแก้“น้ำกัดเท้า”เวอร์ชั่นง่าย


    [​IMG]



    จำต้องลุยน้ำออกเดินทาง แนะใช้ “วัตถุดิบก้นครัว” และ “สมุนไพรใกล้ตัว” ทำสูตรยา “แก้น้ำกัดเท้า” อย่างง่าย
    น้ำ ท่วมขังหลายพื้นที่ ทำหลายคนกลายเป็นผู้ประสบภัย ใครที่ยังทำงาน หรือเดินทางเป็นประจำทุกวัน ต้องจำใจลุยออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และส่วนใหญ่มักพบปัญหา “น้ำกัดเท้า” ตามมา อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่หยูกยาก็ค่อนข้างหาลำบาก วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” มี “วัตถุดิบก้นครัว” พร้อม “สมุนไพรใกล้ตัว” มาแนะนำ ประยุกต์ใช้เป็นยา “แก้น้ำกัดเท้า” ได้ในช่วงวิกฤติ

    โดยหลังฝ่าน้ำสกปรกกลับบ้าน ควรรีบล้างเท้าให้สะอาด ใช้ “น้ำส้มสายชู” ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาด 2 ลิตร แช่เท้า ก่อนล้างเท้าอีกรอบให้สะอาด เน้นซอกเล็บ-ง่ามนิ้ว แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง วิธีนี้สามารถป้องกันน้ำกัดเท้าได้

    แต่หากใครโดนเล่นงานเข้าให้แล้ว เพียงเก็บ “ใบพลู” มา ล้างให้สะอาด ตำ แล้วพอกแผลน้ำกัดเท้า ก็จะบรรเทาอาการได้ เนื่องจาก “ใบพลู” มีน้ำมันหอมระเหย เรียกว่า Betel oil ช่วยบรรเทาอาการคัน และฆ่าเชื้อโรคบางชนิด.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์



    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=174961-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table id="post5321632" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> วันนี้, 09:51 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #47452 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> :::เพชร:::
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 46
    ข้อความ: 8,065
    พลังการให้คะแนน: 4055 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5321632" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ถุงยังชีพแบบนี้เหมาะกับสถานการณ์แบบเวลานี้ในบ้านเรา..
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG]
    </fieldset>
    __________________
    </td></tr></tbody></table>

    ------------------------------------------------------------------------

    <table id="post5322035" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> วันนี้, 11:56 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #47453 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> sithiphong
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    สถานที่: ชมรมพระวังหน้า
    ข้อความ: 42,745
    พลังการให้คะแนน: 17259 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5322035" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ถุงยังชีพแบบนี้เหมาะกับสถานการณ์แบบเวลานี้ในบ้านเรา..
    </td> </tr> </tbody></table>

    [​IMG]


    อ่า ถูกใจจริงๆครับ

    หากมีพวกที่นำใบปลิวที่โฆษณาชื่อกลุ่มของพวกมันไปใส่ในถุงยังชีพของคนไทยที่ ร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พวกนี้นี่ หนักแผ่นดินครับ

    พวกนี้ เกิดมาหนักแผ่นดินโดยแท้

    .
    </td></tr></tbody></table>


    ---------------------------------------------------------------

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] ถูกใจครับ [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คนไทยฮาได้ทุกเวลา! มาดู..รูปขำขำยามน้ำท่วม

    -http://hilight.kapook.com/view/64573-


    (ที่ตากอากาศแห่งใหม่)

    [​IMG]

    (ถ้ากดเอทีเอ็มแล้วลำบากขนาดนี้!?)

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก รวมมุก น้ำท่วม, เฟซบุ๊ก Like สาระ, เฟซบุ๊กThailand Floods 2011

    ถึง แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยกำลังเข้าขั้นวิกฤติ ถึงแม้ว่าน้ำกำลังจะจ่อเข้าบ้านอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าน้ำจะท่วมมิดหลังคาไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องทนอยู่กับน้ำเน่านานนับเดือน .... แต่!! ความขี้เล่นของคนไทย ก็ยังอยู่ในสายเลือดตลอดเวลา อิอิ ไม่ว่าจะทุกข์ระทมแค่ไหน แต่เมื่อเหตุการณ์ธรรมชาติเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องทำใจยอมรับ เท่านั้นยังไม่พอ! ยังทำเรื่องเครียดให้เป็นฮาได้ตลอดเวลา ไม่เชื่อลองดูภาพจากเฟซบุ๊กทั้งหลายสิ คนไทยอารมณ์ดีหลายคน ต่างโพสต์จากสถานการณ์น้ำท่วม ในมุมมองแปลกประหลาด ชวนฮา ชวนขำ มาให้ดูคลายเครียดกันมากมาย

    โดยชาวเน็ตได้ตั้งเฟซบุ๊กไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก รวมมุก น้ำท่วม, เฟซบุ๊ก Like สาระ, เฟซบุ๊กThailand Floods 2011 รวบรวมภาพสุดฮา สุดแปลก ในมุมมองสุดเพี้ยน!! เพราะว่าคนไทยมักมองโลกในแง่ดี และสร้างเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ...เอ้า! จริงไม่จริงอย่างไร ไปดูภาพแห่งความฮากันเลยค่ะ ^ ^


    [​IMG]

    (แม้กระทั่งพี่โรนัล แมคโดนัล ก็ยังยิ้มได้ แม้น้ำจะท่วมไปครึ่งตัว)

    [​IMG]

    (โอ๊ยน้ำท่วมไม่เยอะหรอก แค่เข่าเอง)

    [​IMG]

    (คนไทย สังสรรค์ได้ทุกสถานการณ์)

    [​IMG]

    (หนังใหม่กำลังเข้าฉาย!! อย่าลืมไปดูกันล่ะ)

    [​IMG]

    (เรื่องนี้แสดงนำโดย สรยุทธ์!)

    [​IMG]

    (สลด! จ่าเฉยเสียชีวิตแล้ว)

    [​IMG]

    (เรือก็ต้องพายในน้ำ ถูกไม๊? )

    [​IMG]

    (ชาว กทม ไม่ต้องห่วง !!!! ผมมาแล้ววว !!!!!!!!)

    [​IMG]

    (ก๊อก ก๊อก ก๊อก ชาละวันมาหาน่ะ)

    [​IMG]

    (พบศพ ดาราจีน จมน้ำท่วมในประเทศไทย "ดับข้างถนน" ...)

    [​IMG]

    (Thailand Only !!! )

    [​IMG]

    (สวนสยาม ทะเลกรุงเทพ.!! เปิดบริการแร้ววันนี้ ^^')

    [​IMG]

    (มาปั้น อีเอ็มบอลกัน!)

    [​IMG]

    (ไปกับพี่ไม๊น้อง)

    [​IMG]

    (หน่วยเฝ้าระวังเฉพาะกิจ)

    [​IMG]

    (กรุงเทพกับอยุธยาน้ำท่วมเท่ากัน)


    [​IMG]

    (ไม่ว่าน้ำจะท่วม"กรุงศรีอยุธยา"
    หรือหลากมา"กรุงเทพ"
    แต่ "ทหารไทย" ก็ไม่เคยทิ้งประชาชน :D)

    [​IMG]

    (แห้ง3 น้ำไม่ต้อง!!!
    เอิ่ม..กรูมีเยอะแล้ว - -.)


    [​IMG]

    (ต้น 'ไซค์ ของจริง)

    [​IMG]

    (" เจ - ชู " ศิลปินดูโอ้คู่ใหม่ของวงการ... พบกับเค้าได้ ทุกผืนน้ำ !!!)

    [​IMG]

    (การประปาไม่ต้องห่วง....การไฟฟ้าจ่ายน้ำมาช่วยแล้ว)​
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ประชา รับพระราม 2 คุมยาก - น้ำเริ่มเอ่อแล้ว


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ประชา พูดไม่เต็มปาก อนุสาวรีย์ชัยฯ - พระราม 2 พ้นน้ำท่วม หวั่นน้ำทะลักใต้ดิน ขณะที่ กทม.เผยน้ำจากตะวันตก เอ่อท่วม ถ.พระราม 2 บ้างแล้ว รับน้ำมีมาก

    วันนี้ (9 พฤศจิกายน) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในตอนเหนือของกรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์ยังน่ากังวล เพราะน้ำอาจจะล้นแนวถุงทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) เข้ามาเพิ่มในพื้นที่ กทม.อีก ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า ความแข็งแรงและคงทนของบิ๊กแบ็กนั้นมีมากกว่ากระสอบทรายขนาดปกติมาก แต่ถ้าหากน้ำเหนือมีปริมาณมากจนล้นคันบิ๊กแบ็ก ก็เป็นไปได้มากพอสมควรว่าน้ำจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้นอีก

    อย่าง ไรก็ตาม ถ้าถึงสถานการณ์ตอนนั้นก็จะมีประชุมหารือเพื่อเสริมคันกระสอบทราบบิ๊กแบ็ก อีกที แต่ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักระบายน้ำของ กทม. ได้กล่าวยืนยันแล้วว่า จากการวางบิ๊กแบ็กไว้ในส่วนแรก ระดับน้ำนั้นลดลงไปหลายจุด เฉลี่ยประมาณ 10 - 20 เซนติเมตร ส่วนกรณีที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการวางแนวบิ๊กแบ็กนั้น ทาง กทม. ได้มีแผนในการทำความเข้าใจ และหาข้อตกลงร่วมกันได้ นอกจากนี้ การระบายน้ำขณะนี้เป็นหน้าที่ของ กทม. ซึ่งตอนนี้ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดการปล่อยน้ำลง พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเขตสามเสน และบางซื่อแล้ว

    ทั้ง นี้ ผอ.ศปภ. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ อนุสาวรีย์ชัยฯ และถนนพระราม 2 ที่ประชาชนกำลังกังวลอยู่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ เนื่องจากน้ำในระบบท่อใต้ดินที่มีจำนวนมาก และไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนในเรื่องน้ำทะเลหนุนสูงตอนนี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว อย่างไรก็ดี ตอนนี้ก็ต้องฝากความหวังให้การระบายน้ำของกทม. เป็นไปได้ด้วยดี

    ทางด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในฝั่งตะวันตกว่า ขณะนี้ ทิศทางของน้ำได้ขยายวงกว้าง และเข้าท่วมพื้นที่ พระราม 2 บางส่วนแล้ว เนื่องจากมีปริมาณน้ำเหนือจำนวนมากที่ไหลลงมาในฝั่งตะวันตก พร้อมกันนี้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น จึงวอนสื่อมวลชนให้สำรวจประตูระบายน้ำของ กทม. ทุกจุด รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์

    อย่างไรก็ตาม กทม. ยังมีปัญหาเรื่องขยะดังนั้น กทม. จะว่าจ้างคนในชุมชนวันละ 300 บาท ใน 18 เขต ที่ถูกน้ำท่วม โดยจะเริ่มต้น วันพรุ่งนี้เป็นเวลา 30 วัน ส่วนในพื้นที่ ที่มีน้ำท่วมสูงมากกว่า 80 เซนติเมตร จะให้ภาคเอกชน เข้ามาช่วยเหลือในการส่งอาหารและเครื่องดื่ม

    -http://hilight.kapook.com/view/64513-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    ไม้เช็คไฟรั่ว เพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่กับน้ำ

    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบโดย เฟซบุ๊ก ไม้เช็คไฟรั่ว

    ในยามที่หลาย ๆ คนจำต้องประสบอุทกภัยในครั้งนี้ เชื่อว่ามีหลาย ๆ ครอบครัวเลือกที่จะอยู่ดูแลบ้านอันเป็นที่รักของตนเองอยู่ไม่น้อย นอกเหนือจากมวลน้ำที่เราต้องพึงระวังแล้ว กระแสไฟฟ้าก็เป็นอีกเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่เช่นกัน

    วันนี้ เราขอแนะนำ ไม้เช็คไฟรั่ว ไม้ตรวจกระแสไฟฟ้ารั่วเพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่กับน้ำ จากฝีมืออาสาชาวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเปิดแฟนเพจ "ไม้เช็คไฟรั่ว" เพื่อแจกฟรีให้กับประชาชนที่ต้องการใช้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งทางกลุ่มได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า...

    "พวก เราคงต้องยอมรับว่าสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพจ ไม้เช็คไฟรั่ว นี้ จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้คนไทยอยู่กับน้ำได้อย่างปลอดภัย"

    "ตั้งแต่ เกิดเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 400 ราย ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมาก สาเหตุของการเสียชีวิตนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่ง ไม้เช็คไฟรั่ว นี้เองสามารถช่วยชีวิตคนได้มากมาย ทั้งพี่ทหาร หน่วยกู้ภัย และผู้ประสบภัย เพียงแต่นำไม้นี้นำทางไปเวลาลุยน้ำท่วม เราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าที่ไหนในรัศมี 2 เมตรมีไฟฟ้ารั่วอยู่บ้าง เป็นการป้องกันไฟฟ้าดูดได้ 100% ค่ะ"

    "ในขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีได้มีการทำและแจกจ่าย ไม้เช็คไฟรั่ว ไปแล้วกว่า 1,300 ชิ้น แต่เนื่องจากกำลังคนที่น้อยและทุนทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ละวันผลิตได้เพียง 300 ชิ้น ในขณะที่มีผู้เดือดร้อนติดต่อขอเข้ามาวันละ 600 ชิ้นขึ้นไป ทางทีมงานจึงต้องเร่งระดมทุนและกำลังคน เพื่อมีเป้าหมายในการผลิต ไม้เช็คไฟรั่ว ให้ได้ 5,000 ชิ้น ภายในเวลาเร็วที่สุด เพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับพี่ทหาร หน่วยกู้ภัย และผู้ประสบภัย ซึ่ง ไม้เช็คไฟรั่ว ทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยคนได้นับหมื่น"

    "เรามาช่วยกันเถิดนะคะทุกคน ใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยบริจาค ใครว่างก็อาสามาช่วยกันทำ หรือใครรู้จักโรงงานวัตถุดิบที่จำเป็นก็ติดต่อเข้ามาบริจาคได้ค่ะ…..เรา เชื่อว่า น้ำใจคนไทยไม่แพ้ชาติไหนในโลก…มาช่วยกันนะคะ"

    ซึ่งหากใครอยากช่วยเหลือร่วมจัดทำ "ไม้เช็คไฟรั่ว" ก็สามารถไปช่วยทำกันได้ที่ ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-470-9999

    และหากครอบครัวใด ต้องการขอรับ "ไม้เช็คไฟรั่ว" ฟรี ก็สามารถติดต่อได้ที่ 02-470-9999 ได้เช่นกัน เพียง แจ้งชื่อ-นามสกุล, เขตที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับไว้ หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะจัดอันดับว่าเขตไหนที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ที่เดือดร้อนมากควรได้รับของก่อน (เนื่องจากปริมาณการผลิตยังอยู่ในจำนวนที่ค่อนข้างน้อย) และจะส่ง SMS แจ้งผู้เดือดร้อนให้มารับไม้เช็คไฟรั่วได้ตั้งแต่วันไหนถึงเมื่อใดค่ะ

    -http://hilight.kapook.com/view/64417-

    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    เมื่อเช้านี้ ผมไปรับมาแล้วครับ

    ไปรับที่ ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี

    ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    การรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภากาชาดไทย โดยผ่าน บมจ.ธนาคารกรุงไทย

    ตั้งแต่วันที่
    18 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2554

    [​IMG]


    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    [​IMG]

    [​IMG]



    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    .********************************************.


    สำหรับท่านใดที่เคยร่วมทำบุญ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    หรือ งานบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....


    หากท่านใดร่วมทำบุญ ทั้งสองหน่วยงานนี้ 10,000 บาท ผมขอมอบพระกรุวังหน้าอยุธยา (ชุดที่ผมแจกผู้ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) ซึ่งชุดนี้มีความแตกต่างจากพระกรุวังหน้าอยุธยาชุดเดิม เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิต ผมมอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์

    ก่อนที่จะร่วมทำบุญ ให้เข้ามาแจ้งในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ก่อน เมื่อผมแจ้งว่า ผมจะมอบพระกรุวังหน้าอยุธยาให้ท่าน ผมถึงจะแจ้งให้ท่านร่วมทำบุญ

    เมื่อท่านร่วมทำบุญแล้ว ขอให้ท่านโพสสลิปการโอนเงินร่วมทำบุญ อีกทั้งให้ท่านส่ง ชื่อ - นามสกุล และ ที่อยู่ให้ผมทาง pm ด้วย

    ผมมอบพระกรุวังหน้าอยุํธยา(ซุ้มไทรย้อย) ให้เพียง 3 องค์ ( มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 3 ท่านแรก) และผมจะมอบพิมพ์เป็นที่รักของสามโลก เพิ่มให้ทุกๆท่านๆละ 2 องค์เท่านั้น หมายความว่า แต่ละท่านจะได้พิมพ์ซุ้มไทรย้อย(กรุวังหน้าอยุธยา) 1 องค์ และ พิมพ์เป็นที่รักของสามโลก(กรุวังหน้ารัตนโกสินทร์) 2 องค์

    เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้( 9 พฤศจิกายน 2554) สิ้นสุด วันที่ 30 พฤศจิกายน 2554

    โมทนาสาธุครับ



    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ จะมาบอกเรื่อง พิมพ์เป็นที่รักของสามโลก

    พิมพ์นี้ ผมจะแบ่งเป็นสองรุ่น

    รุ่นแรก ผมจะเรียกว่า พิมพ์เป็นที่รักของสามโลก

    รุ่นสอง ผมจะเรียกว่า พิมพ์เมตตาสามโลก

    ทั้งสองรุ่น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

    แตกต่างกันเป็นอย่างมาก พลังอิทธิคุณมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    เนื่องจากอะไร ต้องไปอ่านองค์ความรู้เดิมๆที่ผมเคยโพสไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯ ว่า เพราะอะไร ทำไมถึงทำให้พระพิมพ์แต่ละรุ่น มีความแตกต่างกัน

    สำหรับท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า ที่ท่านได้ร่วมทำบุญกับผมมาโดยตลอดในปีนี้ ผมจะมอบให้ และใกล้จะถึงเวลาในการตัดสินใจที่จะมอบให้แล้วครับ

    ผมจะมอบพิมพ์เป็นที่รักของสามโลกให้

    ผมรับประกันด้วยตัวผมเองว่า ดีมากจริงๆ

    สำหรับรายละเอียด ให้โทร.สอบถามผมด้วยตนเองครับ

    .
    -http://palungjit.org/threads/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-2365-


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" height="10">ตร.งัดกม.น่านน้ำไทย จัดระเบียบเรือรับจ้าง </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td>

    </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td> <center>หลังโก่งราคาจนอ่วม ตะครุบโจรโทลล์เวย์ </center>
    [​IMG] พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดแถลงข่าวเมื่อเที่ยงวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยประกาศจะจัด ระเบียบเรือจ้างให้เรียบร้อย เพราะเริ่มมีการทะเลาะเกิดขึ้นแล้วในบางพื้นที่ โดยจะแก้พ.ร.บ.จราจรทางบก มาเป็นพ.ร.บ.เดินเรือ ในน่านน้ำไทย

    [​IMG] ก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนมากมาย ในช่วงน้ำท่วมว่า ได้มีเรือรับจ้างสารพัดชนิด ทั้งเรือแจว เรือพาย และเรือติดเครื่องยนต์ ออกให้บริการประชาชนในช่วงน้ำท่วม โขกค่าโดยสารเกินเหตุ และบางครั้งถึงกับทะเลาะยิงกันตาย และบางรายซิ่งจนน้ำกระจาย สร้างความเดือดร้อนให�กับบ้านเรือนที่อยู่ริมถนน การแถลงข่าวของโฆษกสตช.หนนี้ ได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปทุกหน่วงาน ที่เกี่ยวข้องของสตช.เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้ง การแก้ไขปัญหาการจราจรและว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

    [​IMG] ได้เตรียมจัดหาอาหารมาช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ โดยจะขอให้ตำรวจมาดูแลจัดการให้ โดยจัดส่งงบประมาณจำนวน 21 ล้านบาท มาที่สตช. พร้อมส่งไปตามยังศูนย์ช่วยเหลือทุกหน่วย

    [​IMG] ผบ.ตร.ได้แบ่งแผนการปฏิบัติออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกพื้นที่ที่น้ำกำลังจะไปถึง อาทิ บก.น.4 ย่านลาดพร้าว บางกะปิ พื้นที่ชั้นใน บก.น.2,1,5,6 โดยจะเข้าไปแจ้งเตือนให้อพยพ ส่วนที่สองพื้นที่ที่มีน้ำท่วมแล้วมีแนวโน้มน้ำต้องท่วมขังต่อไป ภ.1 นนทบุรี และปทุมธานี บก.น.2,3,7,8,9 ทั้งหมดนั้นได้เข้าไปตรวจตราดูแลอย่างเต็มที่ กลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มสถานการณ์เริ่ม คลี่คลาย มี 4 จังหวัด นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา เพราะอาจมีการก่ออาชญากรรมขึ้น เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ทำให้ประชาชนตกงานหรือถูกเลิกจ้าง� พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

    [​IMG] ทั้งย้ำว่า ขณะนี้ได้ประสานงานกับ ขสมก.จัดหารถเมล์ จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปถึงโรงกษาปณ์ บริการรับส่งประชาชน ตั้งแต่เวลา 6.00-21.00 น. ทุกวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ที่อมตะนครได้มีรถยนต์ไปจอดแล้ว 4,000 กว่าคัน แต่สามารถไปจอดได้อีกเพื่อคลี่คลายการจราจรบนทางด่วน พร้อมทั้งจะหาที่จอดรถยนต์ในลักษณะเดียวกันให้เพิ่มเติม

    [​IMG] อย่างไรก็ตาม สน.ที่ไม่สามารถเปิดทำการได้ ซึ่งมีการย้ายที่ทำการ 3 สน. คือ สน.บางพลัด ย้ายไปที่ตู้ควบคุมการจราจร แยกบางพลัด ถ.จรัญสนิทวงศ์ สน.หนองค้างพลู ไปที่ทำการตึกประชาสัมพันธ์ ม.ธนบุรี สน.นิมิตรใหม่ ย้ายไปที่ตู้ควบคุมการจราจรหน้าหมู่บ้านเคซี ซ.นิมิตรใหม่ 40 และ บก.น.2 ย้ายไปที่สน.สุทธิสาร บก.น.7 ไปที่ศูนย์ส่วนหน้า รพ.ศิริราช

    [​IMG] ขณะที่นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาประชาชนถูกเรียกเก็บค่าโดยสารเรือเดินทางไปใน พื้นที่น้ำท่วมในราคาแพง ว่า กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างหารือและประสานงานกับหน่วยงานภาคเอกชนที่มีเรือท้อง แบน ให้นำเรือเข้ามาวิ่งให้บริการในพื้นที่ที่ถูก น้ำท่วมสูง ทั้งในพื้นที่ของกรุงเทพฯและ ปริมณฑล เบื้องต้น อาจจะทำเป็นลักษณะของเรือเมล์ เปิดให้เอกชนที่มีเรือท้องแบนขนาดเล็กนำเรือเข้ามาให้บริการ ขนส่งประชาชนไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่ดูแลและกำหนดอัตราค่าโดยสารแต่ละช่วงให้สอดคล้องกับ ความเป็นจริง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกเอาเปรียบ

    [​IMG] ซึ่งเชื่อว่าวิธีนี้จะแก้ไขปัญหาเรื่องการ เอาเปรียบค่าโดยสารของเรือรับจ้างในพื้นที่ ได้ เพราะหากรัฐบาลนำเรือราคาถูกไป วิ่งแข่งเรือรับจ้างท้องถิ่นก็จำเป็นต้องปรับราคาลงตามด้วย

    [​IMG] ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัจจุบันกรมเจ้าท่ามีข้อจำกัดเรื่องของปริมาณเรือ ทำให้ภาครัฐไม่สามารถนำเรือเข้ามาให้บริการประชาชนเองได้ รวมทั้งต้องนำเรือบางส่วนไปช่วยเหลือภารกิจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในต่างจังหวัด ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือภาคเอกชนที่มีเรือให้เข้ามาให้บริการ เรือเมล์แทน โดยจะเร่งเจรจาให้สามารถเริ่มโครงการได้โดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาปัญหาให้กับคนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางออกมาทำงาน หรือปฏิบัติภารกิจประจำวันในขณะที่น้ำ ยังคงท่วมสูง สำหรับเส้นทางวิ่งให้บริการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา

    [​IMG] วันเดียว พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท. ผบช.น. แถลงจับกุมนายอานนท์ พรหมมา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ภายในรถยนต์ ที่จอดหนีน้ำท่วมบนทางด่วน พร้อมของกลาง ค้อน ยางอะไหล่รถยนต์ แม่แรง และเครื่องมือช่างต่างๆ โดยจับกุมได้ที่บนทางด่วนโทลล�เวย์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.

    [​IMG] โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่ง พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า พล.ต.ต.วินัยกล่าวอีกว่า คนร้ายพบว่า ก่อคดีมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่สน.บางมด และยังมีคดีครอบครอง อาวุธปืน เบื้องต้นแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และแน่นอนว่าอัตราโทษจะต้องเพิ่มสูงมากขึ้นเพราะถือเป็นการซ้ำเติม ผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม สำหรับรถยนต์ ที่จอดอยู่บนทางด่วน ทางตำรวจจะจัดส่งสายตรวจไปดูแลตั้งแต่เวลา 18.00-6.00 น. ทุกวัน พร้อมวางกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบไว้อีกจำนวนหนึ่งด้วย</td></tr></tbody></table>

    -http://www.naewna.com/news.asp?ID=287399-


    .------------------------------------------------------------------.
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" height="10">นิคมฯบางชันวิกฤติหนัก/ร้องขอเครื่องสูบน้ำด่วน ปูไม่การันตีเอาอยู่ </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td>
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td> <center>อ้างเฉยฝืนธรรมชาติไม่ได้ บิ๊กอ๊อดยอมรับรอดยาก
    ถ้าล้มอีกถือว่าล้มเหลวหมด คิวบึงกุ่ม-นวลจันทร์อพยพ
    </center>


    [​IMG] เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า รัฐบาลจะพยายามป้องกันดูแลพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน อย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ถูกน้ำท่วม แต่ไม่สามารถ รับรองได้ 100% ว่า จะป้องกันน้ำท่วมได้หรือไม่ เพราะไม่มีใครไปฝืนธรรมชาติได้ โดยได้สั่งการให้ทางกองทัพเข้าช่วยเหลือและขอให้ผู้ประกอบการเองวางมาตรการ ป้องกันเพื่อเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว พื้นที่นิคมฯจะมีการป้องกันอย่างเต็มที่ เราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนแนวทางป้องกัน น้ำท่วมในขณะนี้ คงเป็นเรื่องที่พูดได้ยาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีพายุพัดเข้ามาถึง 4-5 ลูก ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีมากเกินปริมาณอ่างเก็บน้ำจนต้องระบายออกมา

    [​IMG] บิ๊กอ๊อดลั่นรักษาบางชันสุดชีวิต

    [​IMG] ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม.ว่า ต้องไปดูนิคมอุตสาหกรรมบางชันและนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เพราะ น้ำเริ่มซึมเข้านิคมบางชันแล้ว จะไปดูการดำเนินการที่ทหารเข้าไปช่วยเหลือว่า กำลังเพียงพอหรือไม่ กระสอบพนังกั้นน้ำพอ หรือไม่ เราเหลืออยู่อีก 2 แห่ง เท่านั้น ยังไงต้องรักษาชื่อเสียงไว้ก่อน

    [​IMG] ถ้าล่มอีกถือว่าไทยล้มเหลวหมด

    [​IMG] ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวโน้มจะเอาไม่อยู่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ครับ เราพยายามอย่างยิ่งที่จะเอาให้อยู่สำหรับ 2 นิคมที่เหลือ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ล้มเหลวหมดทุกนิคม แต่ยังมีเวลาแก้ปัญหาอยู่ เราก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนที่ยังมีชาวบ้านบางส่วนไม่เข้าใจและทำลายคันกั้นน้ำนั้น ทางทหารก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านแถวนั้น โดยต้องส่งหน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาไปช่วยชี้แจงทำความเข้าใจด้วยว่า ผลประโยชน์และผลเสียหายมันเป็นอย่างไร ก็ได้รับความร่วมมือดีขึ้น

    [​IMG] ธเนศเผยบางชันน้ำสูงขึ้น

    [​IMG] ด้าน นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้ดูแลระบบป้องกันน้ำนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำในนิคมบางชันเพิ่มขึ้นอีก 1-2 เซนติเมตร จากเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ปรับเพิ่ม 4 เซนติเมตร ซึ่งยังพอรับสถานการณ์ไหวอยู่ แต่อุปกรณ์ ที่ขาดแคลน คือ เรือผลักดันน้ำและปั๊มน้ำ ถ้าได้ปั๊มสูบน้ำมาสูบตอนปลายนิคมฯลงคลองแสนแสบก็จะช่วยได้มาก อย่างไรก็ตาม สถานที่ตั้งของนิคมบางชันยังดีกว่าที่อื่น เพราะน้ำยังไหลลงลำคลองที่ตัดผ่านตัวนิคมฯ ได้ ไม่แช่ขัง หากผันน้ำปลายทางได้ น้ำจะไหลไปได้ดี

    [​IMG] ไม่ได้เครื่องสูบน้ำเพิ่มจมแน่

    [​IMG] ตอนนี้มีน้ำเข้าตรงบึงกระเทียม แต่ยังไม่ท่วมผิวถนน แต่ช่วงขอบบึงกระเทียมซึ่งเป็นคลองต้นน้ำถัดจากถนนรามอินทราเริ่มเอ่อขึ้นมา แล้ว ตามขอบของบึงก็เดิน ไม่ได้ แต่ถนนยังไม่น่าเป็นห่วง แต่วันนี้ต้องมีอุปกรณ์เสริมโดยเร่งด่วน คือ เรือดันน้ำ 60 ลำ ปั๊มน้ำมากกว่า 3 ลูกบาศก์เมตร ถ้าได้ สัก 3 ตัว สุดยอดเลย แต่ส่วนมากจะมี 1 ลูกบาศก์เมตร ก็ต้องได้อย่างน้อย 9 ตัว ถ้าไม่ได้นิคมบางชันจะเจอวิกฤติแน่นอน หากอุปกรณ์ไม่พร้อมภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน หรือช้าสุดวันที่ 9 พฤศจิกายน ก็ไม่แน่ใจสถานการณ์นิคมบางชันจะเป็นอย่างไร� นายธเนศ กล่าว

    [​IMG] บึงกุ่ม-นวลจันทร์เตรียมอพยพ

    [​IMG] ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงนามในหนังสือ ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่บางส่วนของเขตบึงกุ่ม เนื่องจากมวลน้ำปริมาณมากได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตบึงกุ่มและปริมาณน้ำเพิ่ม ระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยให้หมู่บ้านมณียา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม อพยพออกจากพื้นที่ พร้อมให้พื้นที่บางส่วนของเขตบึงกุ่มเฝ้าระวัง ดังนี้ 1.แขวงนวลจันทร์ ประกอบด้วย ซอยนวลจันทร์ 52 ซอยนวลจันทร์ 54 ปากซอยนวลจันทร์ 56 ซอยนวลจันทร์ 58 ซอยนวลจันทร์ 60 ซอยนวมินทร์ 50 ซอยนวมินทร์ 64 ซอยนวมินทร์ 90 ซอยรามอินทรา 38 และแขวงคลองกุ่ม บริเวณซอยนวมินทร์ 74 ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและอพยพไปยังศูนย์พักพิง โดยให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เด็ก สตรี มีครรภ์และคนชรา เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ จาก กทม. อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด

    [​IMG] ยันจัดลอยกระทงจุดน้ำไม่ท่วม

    [​IMG] อย่างไรก็ตาม งานประเพณีลอยกระทงวันที่ 10 พ.ย.นี้ กทม. งดจัดงานลอยกระทงประจำปีที่ใต้สะพานพระราม 8 ซึ่งขณะนี้น้ำท่วมแล้ว แต่เพื่อให้ประเพณี อันดีงามของไทยไม่หายไป กทม. จึงได้เปิดสวนสาธารณะในพื้นที่ที่ไม่ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชนได้สักการะเจ้า แม่คงคาและปล่อยความทุกข์ไปกับสายน้ำ ที่สำคัญตนไม่อยากให้ประชาชนไปที่ลอยกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือคลองใหญ่ต่างๆ เพราะระดับน้ำอาจจะสูง หรือเชี่ยวและอาจมี น้ำหนุนมากกว่าทุกปี อาจก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงการลอยกระทงหน้าบ้านอาจเป็นเหตุห้เกิดเพลิงไหม้ได้

    [​IMG] ฟันธงพระราม2ไม่รอดแน่นอน

    [​IMG] ผู้สื่อข่าวถามว่า มวลน้ำจะมาถึงถนนพระราม 2 หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ในที่สุดคงถึงพระราม 2 แต่หวังว่า มวลน้ำจะมาถึงไม่มากนัก ซึ่ง กทม.พยายามดูแลและถ้าเครื่องสูบน้ำเข้ามาทันจะเร่งสูบน้ำอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ขณะนี้เขตคลองสาน เขตราชบูรณะและเขตบางขุนเทียน ยังไม่มีปัญหา แต่เขตบางขุนเทียน ก็ยังน่าเป็นห่วง

    [​IMG] บิ๊กแบ๊กได้ผล-ฝั่งตอ.พ้นวิกฤติ

    [​IMG] นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการ กทม.เปิดเผยว่า การวางบิ๊กแบ็กสกัดน้ำเหนือเข้ากทม.ได้ผล 50% แต่มีปัจจัยเสี่ยงคือ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไปทำลายแนวบิ๊กแบ๊ก ส่วนการวางแนว บิ๊กแบ๊กยังวางไม่แล้วเสร็จ เหลือที่ถนนจันทรุเบกษา ประมาณ 20 เมตร คลองสองประมาณ 10 เมตร ซึ่งจะพยายามทำให้แล้วเสร็จ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน นี้ ทั้งนี้มีข่าวดี คือ แนวบิ๊กแบ๊กช่วยชะลอน้ำแนวถนนวิภาวดีลดลง ฝั่งตะวันออกไม่มีน้ำก้อนใหญ่แล้ว เหลือแค่น้ำลามทุ่ง ถือว่าฝั่งตะวันออกกทม. ผ่านจุดวิกฤติแล้ว แต่ที่น่าห่วงคือ ฝั่งตะวันตก เพราะยังมีน้ำมวลใหญ่ไหลเข้ามาสมทบอีก

    [​IMG] ลาดพร้าวซ.43เพิ่มอีก10ซม.

    [​IMG] สำหรับสถานการณ์ความคืบหน้าน้ำท่วมบน ถ.ลาดพร้าว ฝั่งขาออก หัวน้ำยังคงอยู่ที่ ซ.ลาดพร้าว 43 ส่วนฝั่งขาเข้าน้ำอยู่บริเวณ ซ.ลาดพร้าว 46 ระดับน้ำสูง 50-80 ซม. จากเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน น้ำสูงที่ 40-80 ซม. แสดงให้เห็นว่า น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น 10 ซม. โดยเฉพาะบริเวณแยกภาวนาระหว่าง ซ.37-41 ระดับน้ำเลยฟุตปาธทั้ง 2 ฝั่งถนน ส่วนลาดพร้าว ซ.45 ฝั่งขาออก มีน้ำผุดมาจากท่อระบายน้ำ ซึ่งติดกับคลองบางซื่อ น้ำท่วมประมาณ 100 เมตร ระดับสูง 10-15 ซม. แต่บริเวณใต้สะพาน 2 ซึ่งติดกับคลองลาดพร้าว คันกั้นน้ำสูงกว่าระดับน้ำประมาณ 30 ซม.ใกล้กัน มีตลาดสดสะพาน 2 ติดกับ ซ.ลาดพร้าว 47 เริ่มมีน้ำผุดออกจากท่อระบายน้ำใต้สะพาน 2 ขึ้นมาเล็กน้อย อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า น้ำยังคงสูงต่อเนื่อง ส่วนแยกซอยโชคชัย 4 ถนนยังแห้ง ใช้งานได้ตามปกติ ส่วนการจราจรเงียบเหงามีเพียงรถประจำทาง ขสมก. และรถขนาดใหญ่ที่สัญจรได้เท่านั้น

    [​IMG] กำแพงเพชร6ท่วมสูง60ซม.

    [​IMG] ส่วนพื้นที่ สน.ประชาชื่น บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ระดับน้ำท่วมสูง 60 ซม. และได้เข้าท่วมหน้าอาคารสำนักงานตลาด อ.ต.ก.เต็มพื้นที่ ส่วนตัวตลาดก็เริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า น้ำอาจจะเข้าท่วมบนพื้นถนนที่อยู่ภายในตัวตลาดในเร็ววันนี้ ขณะที่คลองบางซื่อ บริเวณจุดตัดของถนนพหลโยธิน ที่จะช่วยระบายน้ำจาก ถ.วิภาวดีรังสิต น้ำยังคงเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนริมคลอง ซึ่งน้ำที่เข้ามาบางจุดสูงกว่า 10 ซม.

    [​IMG] เครื่องสูบพัง-ชาวบางซื่ออ่วม

    [​IMG] นอกจากนี้พบว่า เครื่องสูบน้ำที่ ติดตั้งอยู่บริเวณคลองบางซื่อขาออก ถนน ภาวดีรังสิต ได้พังเสียหายลงตั้งแต่เมื่อคืน ที่ผ่านมา (7 พฤศจิกายน) โดยชาวบ้านที่อยู่ชุมชนริมคลองบางซื่อ ระบุว่า หลังเครื่องสูบน้ำ ขนาดใหญ่พังลง ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่าง ต่อเนื่องกว่า 10 ซม. และไหลเอ่อท่วมถนนวิภาวดีรังสิต มีความสูงประมาณ 4-5 ซม. ยาวประมาณ 100 เมตร แต่พอถึงช่วงเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำกลับลงสู่คลองบางซื่อ ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ได้เคลื่อนย้ายข้าวของขึ้นอยู่บนที่สูงและย้ายจากพื้นที่แล้วบางส่วน ด้านแยกหน้าวัดเสมียนนารี ระดับน้ำท่วมสูง 65 ซม. แยกประชานิเวศน์ (ถนนเทศบาล) ระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม.ถนนเทศบาลสงเคราะห์ มีระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม.

    [​IMG] แยกรัชดา-ลาดพร้าวอ่วมยาว

    [​IMG] ขณะที่ สน.สุทธิสาร รายงานบริเวณ ที่มีน้ำท่วมขังว่า ที่ถนนรัชดาภิเษก หน้าโรงแรม เดอะแทรเวลเลอร์ ระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม. แยกรัชดา-ลาดพร้าว ริมคลองบางซื่อ ระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม. ซอยลาดพร้าว42 ระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม. หมู่บ้านอยู่เจริญ ซ.อินทมระ ระดับน้ำท่วมสูง 30 ซม. ซอยลาดพร้าว 2 ระดับน้ำท่วมสูง 30 ซม.หน้าโรงเรียนเซนต์จอห์น-วิภาวดี 16 ระดับน้ำท่วมสูง 30 ซม. ปากซอยวิภาวดี 3-แยกลาดพร้าว ระดับน้ำท่วมสูง 40 ซม. ซอยรัชดา 19-ปากซอยวิภาวดี 16 มีระดับน้ำท่วมสูง 30 ซม. และซอยลาดพร้าว 30 ระดับน้ำท่วมสูง 30 ซม.

    [​IMG] เสนา1-วังหินน้ำยังสูง66ซม.

    [​IMG] ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย รายงานบริเวณที่มีน้ำท่วมขังว่า พื้นที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์ 1 ระดับน้ำท่วมสูง 75 ซม. ถนนลาดพร้าว-วังหิน (หน้าวัดใหม่เสนา) ระดับน้ำท่วมสูง 66 ซม. ส่วนถนนลาดปลาเค้า ระดับน้ำท่วมสูง 53 ซม.คลองวัดลาดพร้าวน้ำสูงกว่าตลิ่ง 63 ซม.ด้านหมู่บ้านอมรพันธ์ มีระดับน้ำท่วมสูง 33 ซม.

    [​IMG] แสนแสบวิกฤติ-ซอยวีนัสจม

    [​IMG] ว่าที่ ร.ต.สมสิทธิ์ คงธนสารสิทธิ์ ผู้อำนวยการเขตสะพานสูง เปิดเผยว่า ระดับน้ำในคลองแสนแสบเข้าขั้นวิกฤติแล้ว เพราะระดับน้ำสูงต่อเนื่อง ล่าสุด น้ำเอ่อท่วมชุมชนริมคลองแสนแสบ ที่ซอยรามคำแหง 157/1 หรือซอยวีนัส เพราะพื้นที่ต่ำ คาดว่าสถานการณ์ลุกลามขึ้น หากน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้

    [​IMG] หน้าบ้านนายกฯน้ำล้นท่อ

    [​IMG] สถานการณ์น้ำบริเวณบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซ.โยธินพัฒนา 3 ล่าสุด น้ำได้เอ่อล้นจากท่อระบายน้ำมากขึ้น แต่ยังไม่เข้าท่วมบริเวณบ้านพักนายกรัฐมนตรี ซึ่งน้ำได้ไหลเป็นทางกว้าง 30 เซนติเมตร แต่ชิดบริเวณรั้วและทางเข้า-ออกของบ้านพักเท่านั้น ขณะที่ มาตรการป้องกันพบว่า ภายในรั้วบ้านมีการนำกระสอบทรายทำเป็นพนังกั้นน้ำไว้ แต่ยังเปิดช่องให้รถเข้าออกได้ตามปกติ ซึ่งบ้านของนายกฯได้ระบายน้ำที่เอ่อออกมาด้านนอกด้วย แต่ปริมาณไม่มากนัก

    [​IMG] แจ้งวัฒนะ-ทุ่งสองห้องยังหนัก

    [​IMG] ส่วนพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง บริเวณทางเข้าแฟลตส่วนกลาง สน.ทุ่งสองห้อง มีระดับน้ำท่วมสูง 85 ซม.บริเวณ สน. ทุ่งสองห้อง ระดับน้ำสูง 55 ซม.หมู่บ้านชินเขต ซอย 2 ระดับน้ำท่วมสูง 45 ซม. การเคหะบางบัว ระดับน้ำท่วมสูง 35 ซม. ส่วน ถนนแจ้งวัฒนะทั้งขาเข้าและขาออก ระดับน้ำท่วมสูง 85 ซม.ถนนงามวงศ์วานขาเข้าจากแยกพงษ์เพชร-ชินเขต 2 ระดับน้ำท่วมสูง 85 ซม. ถนนงามวงศ์วาน ขาออกจาก ปั๊มน้ำมันเชลล์-แยกพงษ์เพชร ระดับน้ำสูง 85 ซม. ถนนกำแพงเพชร 6 จากโรงแรม มิราเคิล-หลักสี่ ระดับน้ำท่วมสูง 45 ซม. ด้านซอยแจ้งวัฒนะ 14 ระดับน้ำสูง 135 ซม. หมู่บ้านเมืองทอง - เกษตรนิเวศน์ ยังท่วมสูง 115 ซม. ถนนแจ้งวัฒนะซอย 5 ระดับน้ำสูง 65 ซม.หมู่บ้านชวนชื่น บางเขน ระดับน้ำสูง 85 ซม.การเคหะทุ่งสองห้องท่วมสูง 85 ซม.

    [​IMG] เขตสายไหมสูงกว่า100ซม.

    [​IMG] เช่นเดียวกับพื้นที่ สน.สายไหม ที่ถนนเพิ่มสินระดับน้ำท่วมสูง 50-60 ซม., ถนนวัชรพล-สามแยกไทยรัฐ ระดับน้ำสูง 50-60 ซม., ถนนวัดเกาะระดับน้ำท่วมสูง 110-115 ซม., ชุมชนดวงมณี ระดับน้ำท่วมสูง 100-110 ซม., ชุมชนวัดลุ่ม ระดับ น้ำท่วมสูง 90-95 ซม., แฟลตตำรวจสายไหม ระดับน้ำสูง 110-115 ซม., แยกวงศกร ระดับน้ำท่วมสูง 50-55 ซม., ซอยสายไหม 6 ระดับน้ำท่วมสูง 90-95 ซม., หน้าสน.สายไหม ระดับน้ำท่วมสูง 80-90 ซม., ซอยสายไหม 43 ระดับน้ำท่วมสูง 70-75 ซม., ถนนสายไหม ระดับน้ำสูง 50-55 ซม. และถนนสุขาภิบาล 5 ระดับน้ำท่วมสูง 50-55 ซม.

    [​IMG] คันนายาวน้ำท่วมสูง80ซม.

    [​IMG] ด้าน สน.คันนายาว รายงานสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่บริเวณชุมชนวัดอาวุธ ถนนสุขาภิบาล 5 มีระดับน้ำท่วมสูง 50-80 ซม. ชุมชนวัชรพล ถนนจตุโชติ ระดับน้ำท่วมสูง 50-80 ซม.การเคหะออเงิน ถนนสุขาภิบาล 5 ระดับน้ำท่วมสูง 60-80 ซม.ชุมชนลาดพร้าว ถนนสุขาภิบาล 5 มี ระดับน้ำท่วมสูง 60-80 ซม. ถนนสุขาภิบาล 5 ตลอดสาย มีระดับน้ำท่วมสูง 50-80 ซม. ถนนรามอินทรา แยก กม. 8 มีระดับน้ำท่วมสูง 20-70 ซม.ถนนคู้บอน (ปากทางถนนรามอินทรา-สน.คันนายาว) มีระดับน้ำท่วมสูง 50-70 ซม.ถนนพระยาสุเรนทร์ (แยก คลองสอง-วัดบึง) ระดับน้ำท่วมสูง 70-80 ซม. ถนนพระยาสุเรนทร์ (แยกคลองสอง-ลำกะโหลก) มีระดับน้ำท่วมสูง 20-30 ซม.

    [​IMG] ดอนเมืองทุกเส้นผ่านไม่ได้

    [​IMG] สำหรับพื้นที่ สน.ดอนเมือง ที่ถนนกำแพงเพชร 6 ระดับน้ำท่วมสูง 130 ซม. ถนนพหลโยธิน ขาเข้า-ขาออกในพื้นที่ สน. ดอนเมือง ระดับน้ำท่วมสูง 140 ซม. ถนนช่างอากาศอุทิศ มีระดับน้ำท่วมสูง 100 ซม. ถนนประชาอุทิศ มีระดับน้ำท่วมสูง 70 ซม. ถนนเตชะตุงคะ มีระดับน้ำท่วมสูง 90 ซม. ถนนเชิดวุฒากาศ มีระดับน้ำท่วมสูง 100 ซม. ทุกเส้นทางปิดการจราจรรถผ่านไม่ได้ ทั้งนี้ ถนนนาวง ระดับน้ำท่วมสูง 80 ซม. ถนนสรงประภา มีระดับน้ำท่วมสูง 80 ซม. ถนนบูรพา ระดับน้ำท่วมสูง 60 ซม.ถนนเทอดราชันย์ ระดับน้ำสูง 100 ซม. ถนนโกสุมรวมใจ วัดไผ่เขียว ระดับน้ำท่วมสูง 80 ซม. ส่วนน้ำคลองเปรมประชากรสูง 130 ซม.

    [​IMG] ถ.พระราม2ซอย5-7จมแล้ว

    [​IMG] ทางด้าน พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ สารวัตรจราจร สน.บางมด เปิดเผยว่า ขณะนี้มีน้ำทะลักจากท่อระบายน้ำในซอยพระราม 2 ซอย 7 หรือตลาดโอ๋เอ๋ขึ้นมาท่วมตลาด และผิวการจราจรบ้างแล้ว โดยน้ำเริ่มผุดจากท่อ

    [​IMG] ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนและเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด ได้ไหลเข้าท่วมพื้นผิวการจราจรที่ถนนพระราม 2 ระหว่างซอย 5-7 ช่องทางคู่ขนานขาออกแล้ว แต่ยังไม่ท่วมมากนัก ซึ่งตำรวจต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากถนนดังกล่าวเป็น เส้นทางลงสู่ภาคใต้ที่เหลือเพียงเส้นทางเดียว

    [​IMG] ชาวพระราม2ลุ้นน้ำเอ่อแล้ว

    [​IMG] สถานการณ์น้ำบริเวณเขตบางขุนเทียน- พระราม 2 ปริมาณน้ำในคลองสนามชัยที่รับน้ำต่อมาจากคลองภาษีเจริญ เริ่มมีมากขึ้นจนเกือบถึงคันกั้นตามแนวคลอง โดยน้ำ บางส่วนได้ไหลเข้าลำประโดงและทางระบายน้ำตามชุมชนที่อยู่ริมคลองและเริ่ม เข้าท่วมในพื้นที่ที่อยู่ในระดับต่ำบ้างแล้ว แต่ระดับน้ำ ยังไม่สูงมากนัก ส่วนน้ำที่มาจากบางบอน ยังเอ่ออยู่บริเวณทางลงรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ห่างจากถนนพระราม 2 ไม่กี่ร้อยเมตร แต่ยังไม่สามารถข้ามทางรถไฟมาได้

    [​IMG] คมนาคมเตรียมถนนลงใต้

    [​IMG] ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการเตรียมเส้นทาง สำรองกรณีถนนพระราม 2 ถูกน้ำท่วมไม่สามารถสัญจรได้ ว่า ขณะนี้ได้เร่งเปิดพื้นผิวการจราจรบริเวณทางหลวงหมายเลข 9 ถนนกาญจนาภิเษก จากแยกบางใหญ่ถึงแยกบางบัวทอง ที่ระดับน้ำเริ่มลดลงและเปิดผิวการจราจรเส้นทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี เพื่อใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงสู่ภาคใต้ ซึ่งจะมีทางอ้อมไป จ.นครปฐม นอกจากนี้ ยืนยันว่า จะไม่มีการปิดกั้นมวลน้ำไม่ให้เข้าสู่ถนนพระราม 2 เนื่องจากถนนสายดังกล่าวอยู่ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก แม้จะมีการปิดกั้นน้ำ ก็จะยังคงไหลผ่านอยู่ดี

    [​IMG] เตือนบางกะปิยันสวนหลวงจม

    [​IMG] ในขณะที่ ทีมกรุ๊ป ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ น้ำท่วมมาโดยตลอดได้ออกเอกสารเตือน ผู้ที่อยู่ในพื้นที่สะพานสูง บึงกุ่ม บางกะปิ สวนหลวง ประเวศ เฉพาะด้านตะวันออกของถนนศรีนครินทร์และเหนือคลองประเวศ ให้ยกของขึ้นที่สูง ย้ายคนป่วยและคนชรา ทีมกรุ๊ปยังเตือนผู้ที่อยู่ในพื้นที่บางแค หนองแขม กระทุ่มแบน สมุทรสาคร เอกชัย พระราม 2 บางบอน และบางขุนเทียน เฉพาะด้านตะวันตกของถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ให้ยกของขึ้นที่สูง ย้ายคนป่วยและคนชรา</td></tr></tbody></table>

    -http://www.naewna.com/news.asp?ID=287402-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" height="10">รู้ทันโรค กับโรงพยาบาลพญาไท</td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td>

    </td> </tr> <tr> <td align="center" height="10">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td>ดูแลการกินช่วงน้ำท่วมรู้รอบก่อนเจอปัญหา

    จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะอาหารการกินที่อาจมีผลร้ายระยะยาวต่อ ผู้ประสบภัยเอง เช่นเดียวกับสุขภาพที่อาจมีผลเรื้อรังต่อไปในอนาคตด้วยเช่นกัน
    ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการแพทย์อาวุโส(กลุ่มการแพทย์ 1) รพ.พญาไท 1 แนะแนวทางการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นเรื่องจำ เป็น ซึ่งอาจส่งผลทางร่างกายให้เกิดโรคผิวหนังเช่น อาการแพ้, เชื้อราผิวหนัง และโรคทางระบบทางเดินอาหารเป็นผลจากการทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ

    ขณะที่ผลทางด้านจิตใจเป็นอีกส่วนที่น่าห่วงไม่แพ้กัน เพราะหลายคนมีความวิตกกังวลและหวาดกลัวกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องพยายามทำความเข้าใจเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

    สำหรับการเลือกทานอาหารสดอย่างหมู ควรดูเนื้อที่เป็นสีชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น พอกดดูเนื้อแล้วจะไม่บุ๋มลงไป เช่นเดียวกับเนื้อวัวที่กดลงไปแล้วไม่บุ๋ม ส่วนปลาให้ดูเหงือกสีชมพู ด้านเนื้อไก่ต้องไม่มีรอยเป็นจ้ำบนผิวเนื้อ

    อาหารกระป๋องที่เก็บไว้หรือได้รับการช่วยเหลือต้องตรวจสอบว่ามีฉลากบริเวณ กระป๋องติดไว้หรือไม่ รวมถึงต้องมีฉลากบอกวันผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน กระป๋องต้องไม่มีรอยบุบ และเมื่อเปิดกระป๋องออกมาต้องไม่มีแรงลมออกมาด้วย เพราะถ้าอาหารกระป๋องซึ่งมีปัญหาอย่างที่กล่าวมาอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงรับประทาน
    ในส่วนของน้ำที่จะนำมาใช้ล้างภาชนะต้องใช้สารส้มแกว่งก่อนนำมาใช้ เมื่อตกตะกอนจึงนำส่วนที่เป็นน้ำใสมาใช้ได้ หรือนำน้ำจากแหล่งน้ำมาใส่ไว้ในภาชนะเพื่อให้ตกตะกอนก่อนแล้วตักน้ำส่วนบนมา ใช้ แต่ถ้าหากจะใช้น้ำไปดื่มกินต้องใช้สารส้มแกว่งจนตกตะกอนแล้วตักน้ำส่วนที่ เป็นน้ำใสไปต้มจนเดือดแล้วจึงนำมาดื่มได้
    เสื้อผ้าของผู้ประสบภัยเป็นอีกส่วนที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากในเด็กและคน ชรา เพราะจะทำให้เกิดโรคผิวหนังและเชื้อราได้ ถ้าไม่มีผงซักฟอกในการซักให้ผึ่งแดดเพื่อฆ่าเชื้ออย่างน้อยจะช่วยให้เชื้อรา ต่างๆ ลดลง

    อาการที่เกิดจากการทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพจะมีอาการท้องเสียเนื่องจากอาหาร เป็นพิษ โดยสามารถทำน้ำเกลือแร่ขึ้นเองในภาวะฉุกเฉินได้ โดยนำน้ำอัดลมมาผสมกับเกลือและดื่มแทนได้ หรือนำน้ำสะอาดมาใส่ในขวดขนาด 750 ซีซี ใส่น้ำตาลลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเกลืออีกครึ่งช้อนชาแล้วทำให้เข้ากันจะได้น้ำเกลือแร่แบบง่ายๆ ในภาวะฉุกเฉิน
    มือเป็นพาหะที่สำคัญซึ่งต้องระวังอย่างมาก โดยก่อนจะหยิบอาหารกินทุกครั้งต้องล้างมือด้วยน้ำสะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมากับมือและเข้าสู่ร่างกายส่งผลให้ระบบทางเดิน อาหารมีปัญหา
    "สิ่งที่ต้องระวังคือเด็กและคนชราที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเนื่อง จากกลุ่มคนเหล่านี้มีภูมิต้านทานที่อ่อน ดังนั้นเรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้าควรให้ความสำคัญอย่างมากเช่นกัน"
    ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการแพทย์อาวุโส (กลุ่มการแพทย์ 1) รพ.พญาไท 1

    [​IMG]
    เข้าสู่ฤดูฝน...ต้องระวังโรคปอดอักเสบ (Pneumonia)

    โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) พอเข้าฤดูฝนหลายคนอาจรู้สึกไม่ค่อยสบาย หรืออาจเจ็บป่วยกันมากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีเชื้อโรคหลายตัวที่มากับฝน โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบไปจนถึงโรคที่เกี่ยวกับปอด

    สถานการณ์ทั่วไปจากรายงานของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือนมกราคม-14 มีนาคม 2552 พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบของประเทศจำนวน 22,827 ราย อัตราป่วยคิดเป็นร้อยละ 36.21 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 143 ราย รายงานข้อมูลทางสถิติของโรงพยาบาลพญาไท 2 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวน 112 ราย และเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 90 ราย ซึ่งเป็นอันดับสูงสุด
    โรคปอดอักเสบชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า "ปอดบวม" หมายถึง การอักเสบของเนื้อปอด มีหนองขัง บวม จึงทำหน้าที่ไม่ได้เต็มที่ ทำให้การหายใจสะดุด เกิดอาการหายใจหอบ เหนื่อย อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ จึงนับว่าเป็นโรคร้ายเฉียบพลันชนิดหนึ่ง

    สาเหตุของโรคเกิดจาก
    1.เชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อยได้แก่ เชื้อ Pneumococcus และที่พบน้อย แต่ร้ายแรง ได้แก่ Staphylococcus และ Klebsiella
    2.เชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด สุกใส เชื้อไวรัสซาร์ส (SARS virus)
    3.เชื้อไมโคพลาสมา ทำให้เกิดปอดอักเสบชนิดที่เรียกว่า Atypical pneumonia เพราะมักจะไม่มีอาการหอบอย่างชัดเจน
    4.อื่นๆ เช่น สารเคมี, เชื้อ Pneumocystis carinii ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบในผู้ป่วยเอดส์, เชื้อรา พบน้อย แต่รุนแรง เป็นต้น

    การติดต่อ
    เชื้อ โรคที่เป็นสาเหตุมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วยและสามารถแพร่กระจาย โดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน การสำลักเอาสารเคมี หรือเศษอาหารเข้าไปในปอด การแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด เช่น การฉีดยา การให้น้ำเกลือ การอักเสบในอวัยวะส่วนอื่น เป็นต้น

    อาการและอาการแสดง
    อาการ ของผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุของผู้ป่วยและความรุนแรงของโรค ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

    1.กลุ่มที่มีอาการชัดเจน อาการจะปรากฏภายในระยะเวลา 1-2 วัน และอาการจะแย่ลงเร็ว มีอาการไข้ หนาวสั่น ไอมีเสมหะสีเขียว สีเหลืองหรือไอมีเลือดปน เหนื่อยหอบและหายใจลำบาก เจ็บหน้าอกโดยเฉพาะเวลาไอ หรือหายใจเข้า-ออกลึกๆ

    2.กลุ่มที่มีอาการไม่ชัดเจน อาการจะค่อยเป็นอย่างช้าๆ และใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะปรากฏอาการปอดอักเสบอย่างชัดเจน บางคนมีอาการคล้ายไข้หวัด จะมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดตามข้อ อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
    อาการของโรคจะรุนแรงมากขึ้นถ้าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ เช่น ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยสูงอายุ เป็นต้น

    โรคแทรกซ้อน
    โรค นี้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น ปอดแฟบ, ฝีในปอด, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ, ข้ออักเสบเฉียบพลัน, โลหิตเป็นพิษ ที่สำคัญ คือ ภาวะขาดออกซิเจนและภาวะขาดน้ำ ซึ่งพบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

    การดูแลรักษา
    1.สำหรับ ผู้ป่วยเริ่มเป็น ยังไม่มีอาการหอบ ให้ดื่มน้ำมากๆ เช็ดตัวลดไข้หรือให้ยาลดไข้และยาปฏิชีวนะ ถ้าอาการดีขึ้นใน 3 วัน ควรได้ยาปฏิชีวนะต่อไปอีก 1 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นหรือกลับมีอาการหอบ ควรแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์
    2.ถ้ามีอาการหอบ หรือสงสัยว่ามีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน หากรักษาไม่ทันอาจถึงแก่ชีวิตได้

    การป้องกัน
    1.พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
    2.รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ และอาหารเสริมสุขภาพในปริมาณที่พอเหมาะ
    3.ไม่ควรสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
    4.เด็กเล็กควรดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยระวังไม่ให้เด็กสำลัก ควรแยกของเล่นชิ้นเล็กๆ ออกห่างจากมือเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กนำเข้าปาก
    5.เมื่อ เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด สุกใส ฯลฯ ควรดูแลรักษาเสียแต่เนิ่นๆ หากมีอาการไม่ดีขึ้นให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
    โรคปอดอักเสบเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ ที่สำคัญเมื่อสงสัยว่าป่วยเป็นโรคนี้ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากเราดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะเป็นกำแพงป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

    [​IMG]


    ป้องกันไว้ห่างไกล...โรคตาแดง
    โรคติดต่อหลายโรคที่พบได้ตลอดปี และจะปรากฏตัวมากยิ่งขึ้นในช่วงฤดูฝนนอกเหนือจากโรคหวัดที่ขึ้นชื่อเป็น ลำดับหนึ่งว่าพบบ่อยแล้ว อีกโรคหนึ่งที่เราจะมาทำความรู้จัก เพื่อสามารถป้องกันและเตรียมรับมือไว้ก่อน ก็คือ "โรคตาแดง" เมื่อเป็นแล้วอันตรายมากหรือไม่ และสาเหตุเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรนั้น มาติดตามกันได้ในเกร็ดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
    โรคตาแดง (Conjunctivitis)
    เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อที่ชื่อว่า อะดิโนไวรัส (Adenovirus)
    การติดต่อของโรค
    สามารถติดต่อได้ง่ายๆ โดย การคลุกคลีใกล้ชิด หรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรคตาแดง สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดการติดต่อโรคตาแดง มาจากการสัมผัสน้ำตา ขี้ตา ของผู้ป่วยที่ติดมากับนิ้วมือ และแพร่จากนิ้วมือมาติดที่ตาโดยตรง
    - ใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า หรือสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
    - ฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา
    - แมลงหวี่หรือแมลงวันตอมตา
    - ไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะมือและใบหน้า

    โรคตาแดง ไม่ติดต่อทางการสบสายตา ทางอากาศหรือการรับประทานอาหารร่วมกัน อาการต่างๆ จะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน

    อาการและอาการแสดง
    ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสนี้ จะมีอาการตาแดงอย่างรวดเร็ว เคืองตา เจ็บตา น้ำตาไหล ไม่มีขี้ตา นอกจากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตามมา จึงจะมีขี้ตา บางรายมีต่อมน้ำเหลืองหน้าหูโตและเจ็บ ผู้ที่เป็นมักจะเริ่มเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อน ต่อมาอีก 2-3 วัน ก็จะลุกลามไปยังตาอีกข้างหนึ่ง ระยะเวลาของโรคนี้จะเป็นนานประมาณ 10-14 วัน

    อาการแทรกซ้อน
    ในบางรายเมื่อตาแดงดี ขึ้น อาจเกิดโรคแทรกซ้อน คือ ตาดำอักเสบ โดยผู้ป่วยสังเกตว่ามีอาการตามัวลง ทั้งๆ ที่อาการตาแดงดีขึ้นมากแล้ว มักเกิดขึ้น ในวันที่ 7-10 หลังเริ่มเป็นตาแดง ตาดำอักเสบนี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเป็นอยู่นานหลายๆ เดือนกว่าจะหาย

    การดูแลรักษา
    เนื่องจาก โรคตาแดงเกิดจากเชื้อไวรัส จึงยังไม่มีการรักษาโดยเฉพาะ ยาต้านเชื้อไวรัสต่างๆ ที่มีขณะนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคนี้ ส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาโดย
    - การใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตา และป้ายตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งมักจะเกิดตามมา
    - ถ้ามีอาการเจ็บตา ให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
    - ถ้ามีอาการเคืองตา แพทย์จะแนะนำให้ใส่แว่นกันแดด
    - ไม่ควรปิดตา และไม่จำเป็นต้องล้างตา

    นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และพักการใช้สายตา ระยะเวลาการรักษานานประมาณ 2 สัปดาห์

    การหยอดยาหยอดตา
    1.ล้างมือก่อนหยอดตาทุกครั้ง
    2.ดึงหนังตาล่างลง
    3.ตาเหลือกมองเพดาน
    4.หยอดตาตรงกลางเปลือกตาล่าง
    5.ปิดตาและกรอกตาไปมา เพื่อให้ยากระจาย การหยอดครีมให้หยอดจากหัวตาบีบไปปลายตา ปิดตาและกรอกตาไปมา
    6.เช็ดยาที่ล้นออกมา
    7.ล้างมือหลังหยอดยาเสร็จ

    การป้องกันโรค
    โรคตาแดงเป็นโรคที่ไม่มีการรักษาโดยตรง มีการระบาดอย่างรวดเร็ว และติอต่อกันง่ายมาก การป้องกันระมัดระวังไม่ให้ติดโรคนี้ ทำได้โดย
    - การแยกผู้ป่วย เช่น หยุดงาน หยุดเรียน
    - ไม่ใช้สิ่งของปะปนกับผู้อื่น
    - ไม่ใช้มือป้ายตาและขยี้ตา เพราะเชื้อโรคจะติดไปยังสิ่งของที่ผู้ป่วยหยิบจับ
    - ล้างมือบ่อยๆ ให้สะอาด
    - ห้ามใช้ยาหยอดตาร่วมกัน ในผู้ที่เป็นตาแดงในตาข้างหนึ่ง ส่วนตา อีกข้างหนึ่งไม่มีอาการ ให้หยอดตาเฉพาะข้างที่เป็นตาแดงเท่านั้น ไม่จำเป็น ต้องหยอดตาข้างปกติด้วย เพราะจะเป็นการนำเชื้อจากตาข้างที่เป็น ไปยังตาข้างปกติ
    อาการตาแดงนอกจากจะเกิดจากโรคตาแดง ซึ่งมีการระบาดกันอยู่บ่อยๆแล้ว ยังอาจพบได้ในโรคตาอื่นๆ อีกหลายโรค และบางโรคมีอันตรายร้ายแรง ทำให้สูญเสียสายตาได้ เช่น ต้อหิน ม่านตาอักเสบ ตาดำอักเสบ ดังนั้นเมื่อเกิดอาการตาแดงขึ้น ควรได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง
    Reference : โรคตาแดง
    • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค กระทรวงสาธารณสุข
    www.thaihealth.or.th
    www.pharm.su.ac.th
    www.baanjomyut.com
    ที่มา : IC News แผนกควบคุมและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล: โรงพยาบาลพญาไท

    [​IMG]

    ไข้เลือดออก "Dengue Hemorrhagic Fever"
    เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน โรคภัยไข้เจ็บหลายชนิดที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูนี้ ก็มักจะเริ่มแสดงตนอย่างชัดเจนมากขึ้น บางโรคก็มีความรุนแรงมาก เป็นแล้วผู้ป่วยอาจถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังพบว่ามีความรุนแรงชนิดที่กระทรวงสาธารณสุขต้องออก มาประกาศเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงฝนพรำๆ อย่างนี้ ได้แก่ "ไข้เลือดออก" ที่เป็นได้ตลอดปี แต่มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน จากรายงานของ กรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.50 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกของประเทศไทยจำนวน 30,120 ราย อัตราป่วยเท่ากับ 47.94 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 29 ราย ดังนั้น ฉบับนี้เรามาทำความรู้จักไข้เลือดออก เพื่อจะได้หาทางป้องกัน

    ไข้เลือดออก "Dengue Hemorrhagic Fever"
    เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ (Serotype) คือ DEN1, DEN2, DEN3, DEN4 การติดเชื้อสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งในครั้งแรก เรียกว่า การติดเชื้อปฐมภูมิ (Primary infection) อาจไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง อีกทั้งมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ที่เป็น คือประมาณ 6-12 เดือน ส่วนการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ที่เหลือในครั้งต่อไปเรียกว่าการติดเชื้อทุติยภูมิ (Secondary infection) มีโอกาสเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนสูง

    การติดต่อ
    ไข้เลือดออก เกิดจากยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) ตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่ไปกัดคน เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกาย และใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2-10 วัน

    อาการและอาการแสดง
    ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อเดงกี่ส่วนใหญ่จะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกและมีจุดแดงที่ผิวหนัง ซึ่งอาการสำคัญแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะคือ
    1.ระยะ ไข้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูงกว่า 38.5 OC อย่างเฉียบพลัน เป็นเวลา 2-7 วัน บางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้น ผู้ป่วยมักจะมีหน้าแดง ไม่มีน้ำมูกหรือไอ เบื่ออาหาร อาเจียน ตับโต กดเจ็บ มีผื่นตามตัว มีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายตามผิวหนัง ลำตัว แขน ขา รักแร้ เนื่องจากเส้นเลือดเปราะหรือการทำ Tourniquet test จะพบจุดเลือดออก อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน หรือถ่ายเป็นสีดำ
    2. ระยะวิกฤต/ช็อค อาการจะเลวลงเมื่อไข้ลดลงกะทันหัน ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น รอบๆ ปากเขียว บางรายอาจมีอาการปวดท้องมาก่อนจะมีอาการช็อค ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ถ้าให้การรักษาไม่ทัน ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตใน 12-24 ชั่วโมง แต่ถ้าได้รับการรักษาถูกต้อง และทันเวลา
    ผู้ป่วยจะหายได้ในระยะเวลาอัน รวดเร็ว ในรายที่มีอาการไม่รุนแรง เมื่อไข้ลดลงอาการต่างๆ จะดีขึ้น ส่วนใหญ่ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว อาจมีเหงื่อออกมากและมือเท้าเย็น ชีพจรเบาเร็ว แต่จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ จะกลับเป็นปกติ เริ่มรู้สึกอยากอาหารซึ่งจะเป็นเครื่องชี้บ่งว่าผู้ป่วยพ้นระยะอันตราย
    3. ระยะฟื้นตัว อาการโดยทั่วไปดีขึ้นอย่างชัดเจน ความดันโลหิตและชีพจรปกติ ตับที่โตจะลดขนาดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ มักจะมีผื่นแดงที่ขา ปลายมือปลายเท้าและมีอาการคัน

    การดูแลรักษา
    ในปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่ จึงให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ คือ
    1.เช็ดตัวลดไข้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการชัก
    2.ให้ยาลดไข้จำพวกพาราเซตามอล “ห้ามใช้ยาจำพวกแอสไพริน” เพราะจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารและทำให้เลือดออกง่าย
    3.ให้ ผู้ป่วยได้รับสารน้ำชดเชย เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีไข้สูง เบื่ออาหารอาเจียนและอ่อนเพลีย ควรให้ดื่มน้ำผลไม้ น้ำเกลือแร่ โดยดื่มที่ละน้อยๆ แต่ดื่มบ่อยๆ
    4.ควรให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย งดอาหารที่มีสีแดง ดำ หรือสีน้ำตาล
    5.หากผู้ป่วยมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พาไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยโรค ที่ถูกต้อง

    การป้องกัน
    1.ป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยนอนกางมุ้งหรือมีมุ้งครอบ แม้ตอนกลางวัน
    2.กำจัด แหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย โดยกำจัดลูกน้ำในภาชนะต่างๆ ที่มีน้ำขัง ด้วยการใส่เกลือหรือน้ำส้มสายชู เช่น ใส่ลงในขารองตู้เย็น ตู้กับข้าว
    3.ปิดฝาภาชนะสำหรับเก็บน้ำให้มิดชิด เช่น โอ่ง ถังเก็บน้ำ
    4.หมั่นเปลี่ยนหรือทิ้งน้ำในภาชนะบรรจุน้ำและภาชนะที่มีน้ำขัง เพื่อป้องกันยุงมาวางไข่ เช่น แจกัน จานรองกระถางต้นไม้
    5.เก็บทำลายเศษวัสดุ เช่น ขวด กระป๋อง เพื่อไม่ให้รองรับน้ำได้
    6.ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะที่ไม่มีฝาปิดหรือแหล่งน้ำใกล้บ้าน
    7.ตัดต้นไม้ ที่รกครึ้ม เพื่อให้มีแสงสว่างและอากาศถ่ายเทได้ดี
    8.ป้องกัน ตัวเองไม่ให้ยุงลายกัด ด้วยการดูแลหน้าต่าง ประตู ช่องลม ไม่ให้ยุงเข้า จัดข้าวของในบ้านไม่ให้กองสุมกัน รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดยุง และทากันยุงให้ถูกต้อง
    ด้วยเหตุนี้ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลายอันเป็นเป้านิ่งที่ กำจัดง่ายที่สุด หากมีเพียงบ้านใดบ้านหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือ ยุงจากบ้านนั้นก็สามารถบินไปกัดผู้อื่นได้ และไม่แน่ว่า วันหนึ่งผู้โชคร้ายที่ป่วยรุนแรง อาจเป็นคนใกล้ตัวที่เรารักก็ได้ใครจะรู้....แล้วเราพร้อมหรือยังคะ ที่จะร่วมแรงกันกำจัดลูกน้ำยุงลายให้หมดไป
    โรงพยาบาลพญาไท The Symptom เกมหมอ ยอดนักสืบ</td></tr></tbody></table>

    -http://www.naewna.com/news.asp?ID=285108-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ระบบเศรษฐกิจพังยับ 7-8 แสนล้าน เซ่นพิษอุทกภัย



    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

    หอการค้าไทยคาดระบบเศรษฐกิจพัง 7 - 8 แสนล้านบาท พิษอุทกภัยขยายวงกว้าง ฉุดซึมยาวถึงไตรมาส 1 ปี 2555 ขณะที่ ธปท.เผยผลกระทบเริ่มเพิ่มเป็น 1.5 แสนล้านบาท ท่องเที่ยวกระอัก รายได้วูบ 2 หมื่นล้านบาท ประเมินจีดีพีทั้งปีต่ำกว่า 2.6%

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์ น้ำท่วมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นวิกฤติที่รุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี รองมาจากวิกฤติต้มย้ำกุ้ง เป็นเพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบมีไปถึงภาคเกษตรเสียหายกว่า 10 ล้านไร่ กระทบต่อการจ้างแรงงานรายวัน 1-3 แสนคน และอาจจะมากขึ้นจากการว่างงานของแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม 6-7 แสนคน โดยคาดว่าจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 3.5-4.5 แสนล้านบาท และหากรวมกับผลกระทบต่อทรัพย์สินและที่อยู่อาศัยแล้ว จะมีมูลค่าความเสียหายถึง 7-8 แสนล้านบาท ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวไปจนถึงช่วงไตรมาส 1 ปี 2555 ได้

    นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 150,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยประมาณการที่ 110,000 ล้านบาท ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างกินพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นบริเวณกว้างมากขึ้น ดังนั้น จีดีพีปี 2554 น่าจะปรับลดลงมากกว่าที่ ธปท.คาดไว้ที่ 2.6% ต่อปี

    นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตทั้งในพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและบริการที่ต้องหยุดชะงักในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เดือน พ.ย.-ธ.ค. โดยเบื้องต้นประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวและบริการจะหายไปประมาณ 20,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหายไปประมาณ 700,000-800,000 คน ส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้น่าจะติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ก่อน หน้าซึ่งคาดการณ์เดิมที่ -1.9% ดังนั้น ธปท.ยังคงต้องติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิด

    "การ ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ครั้งที่ผ่านมา ไว้ที่ 3.5% จากที่ได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง 8-9 ครั้ง ถือเป็นการส่งสัญญาณค่อนข้างแรงแล้วว่า กนง.ได้นำปัจจัยต่าง ๆ ล่าสุดมาคำนวณ ซึ่งขณะนี้ทั้งปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่คาด และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น กนง.จึงต้องนำมาประกอบการตัดสินใจใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่าจะคง หรือลง เพื่อเอื้อต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ" นางสุชาดา กล่าว

    นางสุชาดา ยอมรับว่า มหันตภัยน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครั้งนี้ อาจมีส่วนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่ง เพราะไทยอยู่ในฐานะผู้รับจ้างผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยยังคงเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน รวมถึงมาตรการภาษีที่จูงใจนักลงทุนต่างชาติ จึงเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่จะยังไม่ย้ายฐานการผลิตจากไทยไปประเทศ เพื่อนบ้าน



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://thaipost.net/news/091111/47826-
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64561-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    จู๊ดๆทั้งคอนโด ประปาสกปรก ให้ต้มก่อนดื่ม


    ประปาดื่มไม่ได้ คนเมืองนนท์จู๊ดๆ ทั้งคอนโดฯ 72 ราย กรมควบคุมโรคแฉมีปนเปื้อนจากท่อส่ง แนะต้มให้เดือดก่อนค่อยบริโภค แต่ กปน.ยังฟุ้งได้มาตรฐาน
    นพ.โสภณ เอื้อมศิริถาวร นพ.ชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการเฝ้าระวังและควบคุมโรคในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ทางกรมได้มีการเฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงที่คลองประปามีปัญหาน้ำไหลเข้าท่วม ที่อาจเกิดการปนเปื้อน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมตัวเลขผู้ป่วยในภาพรวมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ใน จ.นนทบุรี มีการรายงานผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง 72 ราย ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 83 ของผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ ที่มีอยู่ไม่มาก และจากการเข้าไปสอบสวนโรค พบว่าเกิดจากการดื่มน้ำประปาโดยตรง ซึ่งไม่ผ่านการต้มเพื่อฆ่าเชื้อตามคำแนะนำของการประปาฯ ในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำไหลทะลักเข้าคลองประปา โดยดื่มน้ำที่ส่งต่อจากแท็งก์พักน้ำบนอาคาร ทั้งนี้ หลังสอบสวนโรคจึงให้ทำการปล่อยน้ำในแท็งก์ออกทั้งหมด และให้เติมสารคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อในน้ำใหม่
    นพ.โสภณกล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบปัญหาโรคอุจจาระร่วงตามศูนย์พักพิง ซึ่งสาเหตุนอกจากอาหารแล้ว ส่วนหนึ่งยังอาจมาจากน้ำประปาที่ปนเปื้อนเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสอดคล้องกับในช่วงที่การประปาฯ ออกมาเตือนให้ต้มน้ำดื่มก่อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยผู้ที่ดื่มน้ำต้มเดือดจะลดความเสี่ยงต่อเชื้อโรคถึง 7 เท่าของผู้ที่ดื่มน้ำไม่ต้ม
    ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า น้ำประปาที่ออกจากโรงงานผลิต ไม่ว่าจะเป็นที่ประชาชื่นหรือที่มหาสวัสดิ์ มีคุณภาพตามมาตรฐาน 100% แต่กว่าที่น้ำจะส่งมาถึงผู้ใช้ ต้องวิ่งผ่านท่อหลายหมื่นกิโลเมตร ทำให้ระหว่างทางอาจเกิดการรั่วซึมและปนเปื้อนได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดปัญหาน้ำท่วม จึงทำให้น้ำประปาบางแห่งต่ำกว่ามาตรฐาน
    ด้านการประปานครหลวง (กปน.) แจ้งว่า จากวิกฤติน้ำดิบด้อยคุณภาพไหลเข้าคลองประปา กปน.ได้ปรับกระบวนการผลิตเพื่อให้คุณภาพน้ำประปาที่ผลิตได้มาตรฐานน้ำดื่ม ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก โดยเพิ่มคลอรีนและสารเคมีต่างๆ ถึง 6 เท่าตัวจากช่วงปกติ ในการนี้ กปน.ได้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานด้านสาธารณสุข อาทิ กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สคบ. สภาวิจัยแห่งชาติ WHO และ JICA ฯลฯ เพื่อร่วมตรวจสอบ ปรับปรุง และควบคุมคุณภาพน้ำประปา สร้างความมั่นใจในระบบการผลิตและจ่ายน้ำของ กปน.
    และเช้าวันอังคาร ดร.เมารีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทน WHO ประจำประเทศไทย ได้ส่ง ดร.เดวิด ซุตเธอร์แลนด์ ผู้ประสานงานของ WHO ประจำภูมิภาค และ WHO-Ausaid Water Quality Partnership for Health มาเยี่ยมชมระบบการผลิตน้ำ และห้องแล็บทดสอบคุณภาพน้ำของ กปน. ซึ่ง ดร.เดวิดกล่าวว่า โรงงานผลิตน้ำของ กปน. มีกระบวนการผลิตและการบริหารที่ดีมาก แม้ต้องประสบกับปัญหาคุณภาพน้ำดิบด้อยคุณภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากมหา อุทกภัย กปน.ก็ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาให้ได้มาตรฐาน.

    -http://thaipost.net/news/091111/47831-

    -------------------------------------------------




    ที่ผมเคยบอกไว้ ต้องลดค่าน้ำประปา

    ส่วนกรณีนี้ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลครับ


    ถ้าเป็นที่อเมริกา โดนฟ้องแน่นอน

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หาเสียงบนความทุกข์ ‘เยียวยา’ฟรีทางด่วน


    ครม.ยิ่งลักษณ์หมดปัญญาแก้น้ำท่วม หันมาเอาดีเรื่องเทกระจาด ให้ขึ้นทางด่วนฟรียาวจนถึง 20 พ.ย.เว้น “โทลล์เวย์” พร้อมจ่ายคนกรุงครัวละ 5,000 บาทใน 30 เขต สั่ง กทม.ทำให้เสร็จใน 45 วันแบบถัวเฉลี่ย มึน! “สาทร-คลองเตย” รับภัย แต่ ”บางบอน-บึงกุ่ม” ปลอดภัย ใจป้ำจ่าย 2 พัน 3 เดือนให้แรงงาน ไม่อาย! ให้ทำโบรชัวร์แจกผลงานเยียวยา
    การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุทกภัยน้ำท่วม โดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ที่ประชุม ครม.มีมติยกเว้นค่าผ่านทางทางพิเศษเพิ่มอีก 3 เส้นทาง คือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา โดยจะเริ่มงดเว้นค่าผ่านตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 20 พ.ย. พร้อมอนุมัติขยายเวลายกเว้นค่าผ่านทาง 3 เส้นทางเดิม คือ ทางพิเศษฉลองรัช, บูรพาวิถี และกาญจนาภิเษก จากจะสิ้นสุดในวันที่ 14 พ.ย.54 เป็นเวลา 24.00 น. วันที่ 20 พ.ย.เช่นกัน
    "การทางพิเศษแห่งประเทศไทยให้สัมปทานกับเอกชนในทางพิเศษเฉลิมมหานคร, ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา ทำให้ต้องชดเชยรายได้ในส่วนที่หายไปให้กับเอกชน 184 ล้านบาท" พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
    น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติช่วยเหลือผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท ในเขตพื้นที่ กทม. 30 เขต จำนวน 621,355 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 3,106,775,000 บาท ซึ่งสำนักงบประมาณจะจัดสรรเงินให้ธนาคารออมสินเพื่อดำเนินการ
    "ครม.ให้ กทม.เร่งรัดตรวจสอบข้อมูล รับรองความถูกต้อง ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของครัวเรือนผู้ประสบภัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และจ่าย เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งแรกภายใน 2 สัปดาห์ และช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.ให้ความเห็นชอบ และให้ถัวจ่ายจำนวนครัวเรือนในทุกเขตได้" น.ส.อนุตตมากล่าว
    น.ส.อนุตตมากล่าวว่า 30 เขตที่ประสบเหตุ ได้แก่ 1.บางซื่อ 2.ดุสิต 3.พระนคร 4.สัมพันธวงศ์ 5.สาทร 6.บางคอแหลม 7.ยานนาวา 8.คลองเตย 9.บางพลัด 10.บางกอกน้อย 11.ธนบุรี 12.คลองสาน 13.ราษฎร์บูรณะ 14.คลองสามวา 15.มีนบุรี 16.หนองจอก 17.ลาดกระบัง 18.ดอนเมือง 19.คันนายาว 20.จตุจักร 21.ตลิ่งชัน 22.บางเขน 23.บางแค 24.ภาษีเจริญ 25.ลาดพร้าว 26.วังทองหลาง 27.สายไหม 28.หนองแขม 29.หลักสี่ และ 30.ทวีวัฒนา
    น.ส.อนุตตมาระบุว่า ความช่วยเหลือต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยใน 2 กรณี คือ 1.น้ำท่วมถึงบ้านพักอาศัยโดยฉับพลัน และทรัพย์สินเสียหาย และ 2.บ้านพักอาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งทั้ง 2 กรณีต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในเขต กทม. และอยู่ในพื้นที่ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยมีหนังสือรับรองจากสำนักงานเขตในสังกัด กทม.ออกให้เท่านั้น และจะได้รับการช่วยเหลือเพียงกรณีเดียวเท่านั้น ส่วนกรณีอาศัยในคอนโดมิเนียมนั้น หากเป็นชั้นที่ถูกน้ำท่วมและทรัพย์สินเสียหาย จึงจะได้รับการชดเชย แต่หากอยู่ชั้นไม่ท่วม แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังก็จะไม่ได้รับเงินชดเชย
    น.ส.อนุตตมายังชี้แจงกรณีเงินชดเชยที่ให้ คน กทม.ก่อนคน จ.นนทบุรี และปทุมธานี ว่าทั้ง 2 จังหวัดเป็น 1 ใน 27 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย และได้อนุมัติไปแล้วในบางจังหวัด แต่ กทม.จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง
    นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบรักษาสภาพการจ้างงานของผู้ประกอบการ โดยช่วยจ่ายค่าจ้างแทน 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบกว่า 600 ล้านบาท โดยนำร่องแรงงานที่ได้รับผลกระทบ 1 แสนคน โดยมีเงื่อนไขให้นายจ้างต้องทำเอ็มโอยูไม่เลิกจ้างเป็นเวลา 3 เดือน และต้องจ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่า 75% ของค่าจ้างเดิม
    “อีกมาตรการคือฝึกอบรมลูกจ้างที่หยุดงานชั่วคราว ตั้งงบไว้ที่ 61 ล้านบาท และตั้งเป้าอบรมแรงงาน 1.5 หมื่นคน โดยแรงงานที่เข้าอบรมจะได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บาท เป็นเวลา 10 วัน” นายเผดิมชัยกล่าว
    นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักฯ เผยว่า ครม.ยังมีมติอนุมัติมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย โดยธนาคารออมสินวงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0.01% ต่อปี ตลอดอายุโครงการ 7 ปี แก่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม/สวนอุตสาหกรรม เพื่อจัดทำระบบและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย โดยรัฐบาลชดเชยส่วนต่างให้ออมสิน ไม่เกิน 4,431 ล้านบาท
    นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวว่า กรมศุลกากรได้ยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัย น้ำท่วม โดยผ่อนผันหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการผ่านพิธีการแก่ของดังกล่าว
    รายงานข่าวจาก ครม.แจ้งว่า ครม.ยังมีมติจัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์ (โบรชัวร์) การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ปี 2554 ทั้งฉบับละเอียดและย่อในมาตรการเยียวยากลุ่มเป้าหมาย และให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกด้วย โดยมี 5 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1.ประชาชนทั่วไป 2.เกษตรกร 3.ผู้ใช้แรงงาน 4.ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และ 5.ผู้ประกอบการรายย่อย
    รายงานแจ้งว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ได้เสนอว่า อยากให้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพื่อจะได้ให้ชาวต่างประเทศรู้ว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งนายกฯ บอกว่า สามารถแปลได้ แต่ไม่ต้องเยอะ แค่ให้รู้ว่าเราช่วยอะไรประชาชนไปบ้างเท่านั้นพอ.


    -http://thaipost.net/news/091111/47830-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...