พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สรรพากร ขยายเวลายื่นภาษีพื้นที่ถูกน้ำท่วม




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    สรรพากร ขยายเวลายื่นภาษีในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ถึงสิ้นปีนี้ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ

    วันนี้ (4 พฤศจิกายน) กรมสรรพากร แจ้งว่า ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ขยาย เวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้กับผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรที่ เกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่จังหวัด ทำให้ผู้เสียภาษีอากร ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ซึ่งสามารถยื่นแบบและชำระภาษีได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2554 โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา

    ทั้งนี้ ในพื้นที่ต่างจังหวัดมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ย้อนหลังไปแล้ว ตั้งแต่เกิดผลกระทบจากอุทกภัย ส่วนทางกรุงเทพมหานคร กรมสรรพากร ได้ทำเรื่องขออนุมัติให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ได้รับผลกระทบแล้วเช่น กัน โดยจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป




    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]





    -http://hilight.kapook.com/view/64411-

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ไม้เช็คไฟรั่ว เพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่กับน้ำ

    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบโดย เฟซบุ๊ก ไม้เช็คไฟรั่ว

    ในยามที่หลาย ๆ คนจำต้องประสบอุทกภัยในครั้งนี้ เชื่อว่ามีหลาย ๆ ครอบครัวเลือกที่จะอยู่ดูแลบ้านอันเป็นที่รักของตนเองอยู่ไม่น้อย นอกเหนือจากมวลน้ำที่เราต้องพึงระวังแล้ว กระแสไฟฟ้าก็เป็นอีกเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่เช่นกัน

    วันนี้ เราขอแนะนำ ไม้เช็คไฟรั่ว ไม้ตรวจกระแสไฟฟ้ารั่วเพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่กับน้ำ จากฝีมืออาสาชาวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเปิดแฟนเพจ "ไม้เช็คไฟรั่ว" เพื่อแจกฟรีให้กับประชาชนที่ต้องการใช้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งทางกลุ่มได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า...

    "พวก เราคงต้องยอมรับว่าสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพจ ไม้เช็คไฟรั่ว นี้ จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้คนไทยอยู่กับน้ำได้อย่างปลอดภัย"

    "ตั้งแต่ เกิดเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 400 ราย ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมาก สาเหตุของการเสียชีวิตนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่ง ไม้เช็คไฟรั่ว นี้เองสามารถช่วยชีวิตคนได้มากมาย ทั้งพี่ทหาร หน่วยกู้ภัย และผู้ประสบภัย เพียงแต่นำไม้นี้นำทางไปเวลาลุยน้ำท่วม เราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าที่ไหนในรัศมี 2 เมตรมีไฟฟ้ารั่วอยู่บ้าง เป็นการป้องกันไฟฟ้าดูดได้ 100% ค่ะ"

    "ในขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีได้มีการทำและแจกจ่าย ไม้เช็คไฟรั่ว ไปแล้วกว่า 1,300 ชิ้น แต่เนื่องจากกำลังคนที่น้อยและทุนทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ละวันผลิตได้เพียง 300 ชิ้น ในขณะที่มีผู้เดือดร้อนติดต่อขอเข้ามาวันละ 600 ชิ้นขึ้นไป ทางทีมงานจึงต้องเร่งระดมทุนและกำลังคน เพื่อมีเป้าหมายในการผลิต ไม้เช็คไฟรั่ว ให้ได้ 5,000 ชิ้น ภายในเวลาเร็วที่สุด เพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับพี่ทหาร หน่วยกู้ภัย และผู้ประสบภัย ซึ่ง ไม้เช็คไฟรั่ว ทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยคนได้นับหมื่น"

    "เรามาช่วยกันเถิดนะคะทุกคน ใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยบริจาค ใครว่างก็อาสามาช่วยกันทำ หรือใครรู้จักโรงงานวัตถุดิบที่จำเป็นก็ติดต่อเข้ามาบริจาคได้ค่ะ…..เรา เชื่อว่า น้ำใจคนไทยไม่แพ้ชาติไหนในโลก…มาช่วยกันนะคะ"

    ซึ่งหากใครอยากช่วยเหลือร่วมจัดทำ "ไม้เช็คไฟรั่ว" ก็สามารถไปช่วยทำกันได้ที่ ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-470-9999

    และหากครอบครัวใด ต้องการขอรับ "ไม้เช็คไฟรั่ว" ฟรี ก็สามารถติดต่อได้ที่ 02-470-9999 ได้เช่นกัน เพียง แจ้งชื่อ-นามสกุล, เขตที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับไว้ หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะจัดอันดับว่าเขตไหนที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ที่เดือดร้อนมากควรได้รับของก่อน (เนื่องจากปริมาณการผลิตยังอยู่ในจำนวนที่ค่อนข้างน้อย) และจะส่ง SMS แจ้งผู้เดือดร้อนให้มารับไม้เช็คไฟรั่วได้ตั้งแต่วันไหนถึงเมื่อใดค่ะ

    -http://hilight.kapook.com/view/64417-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    “จากอีเอ็มบอล”ถึงมรณะที่น่ากลัวกว่าน้องน้ำ”


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 12:43 น.


    ระหว่างที่สถานการณ์น้ำท่วม ตามมาด้วยภาพน้ำเน่า ขังอยู่ทั่ว กทม.และปริมณฑลขณะนี้ เราลองมาดูมุมมมองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์กันบ้างว่าเป็นอย่างไร

    โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (American Board of Anti-aging medicine) อธิบายไว้อย่างขัดเจนในงานเขียน เรื่อง “จากอีเอ็มบอล”ถึงมรณะที่น่ากลัวกว่าน้องน้ำ”

    โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ว่า อีเอ็ม หรือ EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms ขอแปลง่ายๆว่าก้อนเชื้อบำบัดน้ำเสีย โดยในช่วงน้ำท่วมแถวคลองลาดพร้าวจ่อคอหอยเต็มทีผมได้เข้าไปทำรายการที่ช่อง โมเดิร์นไนน์เลยได้มีโอกาสพบกับท่านอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ โดยท่านมีความเห็นต่างออกไปในเรื่องของเจ้าลูกจุลินทรีย์นี้ซึ่งในแง่ของ สื่อผมเห็นว่ามีแง่มุมน่าสนใจจึงได้ไปค้นหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆที่เชื่อถือ ได้มาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับลูกอีเอ็มบอลลูกหนึ่งโดยทั่วไปดูแลน้ำได้แค่ ราว 4X4 ตารางเมตรและควรใช้ในน้ำนิ่งจึงจะได้ผลดีที่สุด อย่างใน 2 กรณีคือ

    - โยนในคอห่าน ใช้กับสุขาในบ้านหรือในสุขาลอยน้ำก็ได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ห้องน้ำของท่านกลายสภาพเป็นห้องแพร่เชื้อ

    - โยนในน้ำเน่าขังที่บ้าน หากท่านรับน้องน้ำเข้าไว้ในห้องรับแขกแล้วเริ่มเน่า เอาลูกนี้โยนไปตามขนาดพื้นที่เลยครับ

    การใส่ลูกที่สองต่อไปควรใช้ในอีกราว 1 เดือนครับ ส่วนประกอบของเจ้าลูกกลมปั้นได้นี้ก็มีเชื้อจุลินทรีย์โดยมีแกลบและรำเป็น อาหารหลัก ต้นทุนต่อลูกไม่เกิน 2 บาท ซึ่งนับว่าถูกมาก
    นี่เป็นข้อมูลจากทางการได้มาครับ

    ดังนั้นสรุปว่าลูกบอลนี้ก็มีที่ใช้และมีประโยชน์อยู่แต่ควรต้องใช้ ให้ตรงกับข้อบ่งใช้ ไม่ใช่เห็นน้ำที่ไหนก็เอาไปหย่อนไว้เสมอ เช่นเห็นน้ำท่วมกำลังไหลซู่ซ่าอย่างกับน้ำตกไนแองการ่าก็เอาอีเอ็มบอลไปใส่ อย่างนี้ไม่มีประโยชน์ครับ หรือมวลน้ำปริมาณมหาศาลแล้วใส่อีเอ็มบอลไม่พอก็ไม่ช่วยครับ
    เผลอๆจะกลายเป็นทำให้น้ำยิ่ง “ป่วย” หนักขึ้น

    เพราะลูกบอลนี้มีส่วนประกอบที่คล้ายขยะดีๆนี่เอง เน่าเสียได้ง่ายนะครับเหมือนกับกรณีที่เรือน้ำตาลพลิกคว่ำในแม่น้ำจังหวัด พระนครศรีอยุธยาไม่นานมา ลูกบอลอีเอ็มจะแปรสภาพจากพระเอกน้ำเน่าไปเป็นผู้ร้ายที่ทำให้น้ำยิ่งเน่า หนักขึ้น เห็นท่านผู้มีจิตอาสามาช่วยกันปั้นแล้วก็อนุโมทนาด้วยครับ แต่ขอให้นำมาใช้ให้ถูกจุดนะครับไม่อย่างนั้นน่าเสียดายที่สู้อุตส่าห์ช่วย กันปั้น
    สุขสันต์กับอีเม้ยบอล

    มรณะซ่อน แผนซ้อนจาก “น้ำ”

    พอพูดถึงน้ำเน่าแล้วก็ขอเพิ่มเรื่อง “ผู้ร้ายตามน้ำ” แถมพกเข้ามาสักนิดนะครับ สำหรับกระแสชลาลัยที่ผ่านตัวเราไปไม่ได้มีภัยเฉพาะจากจระเข้หรืองูกรีนแมม บ้าเท่านั้นนะครับ สิ่งที่ตามน้องน้ำมายังมีได้อีกครับ

    1) กรดกำมะถัน เป็นกรดที่ละลายน้ำได้มักอยู่ในโรงงานหล่อยางรถยนตร์และแบตเตอรีรถยนตร์ครับ น้ำที่ผ่านตามนิคมอุตสาหกรรมเป็นน้ำที่ไม่น่าไว้วางใจ มิไยที่ใครต่อใครจะออกมาบอกว่าโรงงานของเขาปลอดภัย แต่จะมีใครให้ความมั่นใจได้บ้างไหมว่าน้ำที่ผ่านออกมาจะปลอดภัยไปด้วยร้อย เปอร์เซนต์ เพราะเท่าที่ทราบยังไม่มีใครนำน้ำเน่าเหล่านี้มาตรวจอย่างจริงจังเลย จึงอยากให้ท่านผู้อ่านระวังไว้ก่อนก็จะดีครับเป็นการไม่ประมาทด้วย

    2) เชื้อบาดทะยัก โดยปกติเชื้อนี้อยู่กับ “พี่ดิน” ครับแต่เมื่อน้องน้ำ(เน่า)พบเข้ากับพี่ดินก็จะชะเชื้อที่อยู่ติดดินตามมา ด้วย กลายเป็นน้ำที่อุดมเชื้อโรค หากท่านมีบาดแผลแค่เพียงเล็กน้อยเชื้อจากน้ำเน่าก็สามารถเข้าได้แล้วครับ เช่นเพิ่งตัดแต่งตะไบเล็บมาแล้วมีแผลนิดๆก็ติดเชื้อได้ หรือในเด็กน้อยแรกเกิดที่ภูมิยังอ่อนแออยู่ เชื้อบาดทะยักสามารถผ่านเข้าทางสายสะดือที่ปนเปื้อนได้นะครับ

    3) โลหะหนักปนเปื้อน โดย ปกติโลหะหนักอย่างตะกั่ว,สังกะสี,ทองแดง ส่วนหนึ่งจะอยู่ในผืนดินที่เรายืนอยู่ทุกวันนี่แหละครับ แต่เมื่อน้ำผ่านมาก็เป็นธรรมดาว่าพี่ดินก็จะต้องปล่อยของตามน้องน้ำออกไปไม่ มากก็น้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ แถบนิคมอุตฯที่เป็นทางผ่านน้ำก็น่าจะมากหน่อย กว่าจะกู้นิคมได้ก็คงปล่อยของออกมาเยอะพอดูครับ ส่วนตามบ้านก็มีตะกั่วอยู่ในสีทาบ้านแล้วก็ผ่านตามน้ำออกมา โลหะเหล่านี้สามารถผ่านเข้าไปทางเยื่อบุร่างกายได้ โดยเฉพาะในเด็กน้อยนี่ดูดซึมตะกั่วได้ดีกว่าผู้ใหญ่ 5-8 เท่าเชียวนะครับ ยิ่งอยู่กับน้ำนานก็ยิ่งมีโอกาสรับสารมรณะมาก ถ้าไม่อยากให้ลูกเสริมตะกั่วโดยไม่จำเป็นก็ขอให้ป้องกันให้ดีครับ

    จำเนียรกาลผ่านไป เชื้อและสารปนเปื้อนจากน้ำเน่าก็จะมีความเสี่ยงเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้มาก ขึ้น ท่านที่พยายามสู้ยิบตากับน้ำมานับเดือนจะทราบดีครับ การอยู่ในบ้านที่แวดล้อมด้วยน้ำเสียนอกจากเสียสุขภาพจิตแล้วยังเสียสุขภาพ กายโดยรวมอีกด้วย ท่านจะรู้สึกได้ทันทีถึงสภาพร่างกายที่แย่ลง
    ติดเชื้อง่ายขึ้น เป็นหวัดไม่สบายได้ง่ายๆ
    แค่เชื้อขำๆผ่านมาก็ติดได้แล้ว

    กลายเป็นสุขภาพที่พลอยจมอยู่ในน้ำไปด้วย ซึ่งทางช่วยยังพอมีอยู่บ้างครับแม้จะไม่มากเพราะทางหลักๆอยู่ที่ทางการจะ จัดการให้ “น้ำลด” ลงเร็วเท่าไร ถ้ายังไม่ไวพอสุขภาพของผู้คนก็จะตกกราฟลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป ไม่เป็นไรครับยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้กันไปให้กำลังใจกันไปในฐานะที่เป็นผู้ ประสบภัยเหมือนๆกัน

    สิ่งสำคัญที่จะพอช่วยป้องกัน ภัยจากน้ำร้ายที่ว่านี้ได้คือ “รองเท้าบู้ท” ครับ หาซื้อไว้สักท่านละคู่ ใช้ใส่ยามจำเป็นต้องย่ำลงไปชั้นล่างของบ้านที่เฉอะแฉะและยังใช้ป้องกันไฟฟ้า ดูดได้ด้วยครับ ผมได้รับไอเดียนี้มาจากคุณแม่ที่ท่านแนะให้ซื้อเก็บเอาไว้ตั้งแต่น้ำยังไม่ มา และยามน้ำลดก็ยังเอามาใช้ได้ต่อ
    แต่ขอให้อย่าต้องเอามาใช้อีกปีหน้าเลย


    -http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141122-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    21 อาการต้องรีบรักษาในช่วงน้ำท่วม

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=505&contentId=172614-

    ในช่วงนี้ขอเสนอเรื่องราวสุขภาพที่เกี่ยวกับน้ำท่วมถี่หน่อย เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายท่านที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้

    นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า ในช่วงน้ำท่วมถ้ามี 21 อาการดังต่อไปนี้ขอให้รีบเร่งจัดการโดยด่วน คือ

    1. ไข้หนาวสั่น ปวดตัว ทานยาอยู่ได้สักพักพอหมดฤทธิ์ยาแล้วขึ้นสูงอีก อาจเป็นได้จากติดเชื้อรุนแรง อาทิ ไข้เลือดออก ไข้ฉี่หน ไข้จากภาวะกรวยไตอักเสบหรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ไข้สูงปวดตัวร้าวรานกินอาหารไม่ได้ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่อยู่คนเดียวไม่ได้แล้วครับ

    2. มีไข้ ไอ หอบ ปอดบวมแน่ต้องรีบแก้ก่อนช็อกจากออกซิเจนในเลือดต่ำ ต้องรีบแก้โดยการให้ออกซิเจนและฉีดยาฆ่าเชื้อให้ตรงชนิด

    3. โดนสัตว์พิษกัดต่อย มีสิทธิโดนลูกหลงได้มากเพราะสัตว์เหล่านี้ก็หนีน้ำเหมือนกัน กลางคืนที่มืดมิดขอให้ใช้ไฟฉายนำทาง ตื่นมาตอนเช้าเอารองเท้าเคาะกับพื้นก่อนกันงูหรือตะขาบเข้าไปใช้เป็นศูนย์ อพยพ

    4. ตาแดงเรื้อรังมีขี้ตาเขรอะ มีแผลที่ตาดำ ทำให้ตาบอดได้ ช่วงน้ำท่วมอาจโดนกิ่งไม้เกี่ยวตาหรือคอนแทคเลนส์ที่ใส่เปื้อนน้ำไม่สะอาด แล้วไม่ได้เปลี่ยนบ่อยอาจทำให้เกิดตาติดเชื้อรุนแรงได้

    5. แผลผิวหนังบวมแดงเป็นวงกว้าง พ่วงอาการปวดและร้อนด้วย อาจเกิดจากแผลขีดข่วนเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นเป็นช่องทางให้แบคทีเรียเข้าไปลามติดในแถบชั้นผิวหนังเป็นวง กว้าง

    6. แผลติดเชื้อมีจุดดำลามออกไป เป็นสัญญาณเนื้อตาย อย่างนี้อาจติดเชื้อร้ายอย่างแบคทีเรีย หรือจากการอักเสบรุนแรงใต้ผิวหนัง ทิ้งไว้ลามแน่แก้ยากอาจต้องตัดบางส่วนทิ้ง ยิ่งในคนไข้เบาหวานยิ่งต้องระวัง

    7. ผื่นคันมีน้ำเหลืองแฉะเรื้อรัง อาจเกิดจากอาการแพ้เรื้อรังที่กำเริบช่วงร่างกายอ่อนแอน้ำท่วมหรือเชื้อราที่มากับน้ำก็ได้

    8. เหนื่อยหอบจนคอและซี่โครงบุ๋ม อันนี้ชี้ถึงความฉุกเฉินเรื่องทางเดินหายใจครับ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ถ้าดูคอแล้วบุ๋มตอนหายใจ ดูเหนื่อยจนซี่โครงยก เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบให้ออกซิเจนแล้วพาพบแพทย์อายุรกรรมด่วน

    9. ปวดท้องรุนแรงหรือมีไข้ ถ้าปวดด้านล่างขวาก็น่าจะเกิดจากไส้ติ่ง ดังนั้นอย่าเพิ่งทานอาหารมากเพราะจะเสี่ยงไปทำให้ไส้ติ่งแตกแผลเน่าได้ แต่บางทีอาการดังกล่าวอาจเป็นเพียงกรดไหลย้อนหรือลำไส้อักเสบก็ได้

    10. ท้องเสียทานไม่ได้ซึมลง คอยสังเกตอาเจียนและความถี่ของการเข้าห้องน้ำ ถ้ามากมายขอให้ค่อย ๆป้อน “น้ำหวาน” เติมน้ำตาลไว้ก่อน สำคัญที่วัดความดันโลหิตอยู่เป็นระยะเพราะทั้งถ่ายทั้งไม่ได้ทานจะพาลเป็นลม จากความดันต่ำแล้วช็อกได้

    11. ปัสสาวะขัดปวดหลัง การอั้นปัสสาวะ หรือการใช้น้ำที่ไม่สะอาดอาจทำให้ท่อปัสสาวะติดเชื้อได้ง่าย มีอาการปวดฉี่ตลอดเวลา ฉี่ขัดคล้ายฉี่ไม่สุด

    12. คุณแม่ตั้งครรภ์มีน้ำคร่ำแตกไหลออกมาคล้ายปัสสาวะ น้ำมาไม่ปรานีใครแม้แต่คนท้องใหญ่ใกล้คลอด สัญญาณอันตรายคือปวดครรภ์ถี่ขึ้นทุก 5-10 นาทีมีน้ำไหลคล้ายปัสสาวะออกมาจากช่องคลอด อันนี้คือถุงน้ำคร่ำแตก ต้องรีบให้คลอดโดยเร็ว

    13. ผู้สูงวัยไม่กินข้าว นอนทั้งวันและเซื่องซึม เกิดได้จากทั้งเครียด เหนื่อยและซึมเศร้า อาการอย่างนี้ช่วงติดน้ำต้องระวัง

    14. คนป่วยเบาหวานมีกลิ่นผลไม้จากลมหายใจ ไม่ใช่ของดีแล้วเพราะแสดงว่าใกล้ช็อก

    15. คนป่วยโรคหัวใจแน่นหน้าอกมือเย็นเท้าเย็นจะเป็นลม ดูซีดไปหมดทั้งตัวเหงื่อผุดเต็ม ถ้ามีประวัติโรคประจำตัวอยู่ยิ่งต้องระวัง ความเครียดเหนื่อยช่วงน้ำท่วมจะรุมซัดทำให้โรคหัวใจกำเริบขึ้นมาได้

    16. คลื่นไส้อาเจียนรุนแรงจนซึมลง อาจเกิดจากอดนอน น้ำในหู หูติดเชื้อ โรคกระเพาะ อาหารเป็นพิษและทางเดินอาหาร อาการที่น่าห่วงคือซึมลง ความดันต่ำจนช็อก

    17. โรคลมชักเกิดชักเกร็งแล้วมีแขนขาอ่อนแรง เวลาน้ำท่วมขออย่าให้ขาดช่วงยากันชัก เพราะการชักแต่ละครั้งทำลายเนื้อสมองไปมาก จะทำให้อาการแย่ลง

    18. เวียนหัวบ้านหมุนมากจนทรงตัวไม่อยู่ น้ำในหูไม่เท่ากันหรือความดันขึ้นจากเครียดก็เกิดได้

    19. เด็กเล็กขาดน้ำจนกระหม่อมบุ๋ม ตาโหล ปากแห้งและซึมลง เด็กทนการขาดน้ำไม่ได้เหมือนผู้ใหญ่ ในช่วงน้ำล้อมถ้ามีนมชงจะช่วยพยุงอาการไว้ได้มาก หากมีเพียงน้ำหวานให้ใช้ชงผสมเพื่อให้ได้กลูโคสเข้าเลือด แต่ไม่ควรเป็นน้ำผึ้งเพราะอาจทำให้ยิ่งท้องเสียและขาดน้ำได้

    20. นอนไม่หลับติดต่อกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นอาการทำลายสุขภาพอย่างร้ายแรง ทำให้สมองกับหัวใจต้องทำงานตลอดเวลา การอดนอนทำให้เหนื่อยล้าไวขึ้นกว่าเดิมมาก หากจำเป็นอาจใช้ยาแก้หวัดที่ง่วงทานไปก่อนแล้วปิดการรับสื่อที่ทำให้เครียด จากนั้นรีบพบแพทย์

    21. ซึมเศร้าเก็บตัวไปจนถึงพฤติกรรมเปลี่ยน หูแว่ว เห็นภาพหลอน เกิดได้จากไม่ได้พักผ่อนเลยแม้ในคนจิตใจปกติก็ตาม ระวังในคนที่อยู่คนเดียว ผู้อาวุโสที่ต้องสู้ภัยน้ำท่วมอยู่คนเดียวหรือคนที่ไม่ยอมอพยพอาจพบกับอาการ ฉุกเฉินทางจิตเวชจากความเครียดได้.

    นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือน รพ.รัฐ-เอกชน ห้ามปฏิเสธคนไข้



    เตือนรพ.รัฐ-เอกชน ห้ามปฏิเสธ "คนไข้" (ไทยไพสต์)

    สธ. เตือนทุก รพ.ทั้งรัฐ-เอกชน ช่วงน้ำท่วมห้ามปฏิเสธคนไข้ หากฝ่าฝืนจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาด ยอมรับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไม่ทั่วถึง เหตุส่วนหนึ่งมาจากการประกาศของ กทม.ไม่ชัดเจน ส่วนเซรุ่มแก้พิษงูกรีนแมมบานำเข้าจากแอฟริกามาถึงไทยแล้ว จำนวน 50โดส มูลค่า 3 แสนบาท

    นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมกินพื้นที่แคบลงเหลือเพียง 7 จังหวัด คือ กทม., ปทุมธานี, นนทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นครปฐม, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ซึ่ง สธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อการฟื้นฟูและป้องกันควบคุมโรคแล้ว ทั้งทีมแพทย์จากกรมควบคุมโรค, กรมสุขภาพจิต และกรมอนามัย

    ส่วนเรื่องการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลใน กทม.ไปยัง รพ.ต่างจังหวัดนั้น รพ.หลายแห่งก็ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ในส่วนของ รพ.ราชวิถีได้ทำการย้ายผู้ป่วยไปบางส่วน เพราะต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ หากยังสามารถป้องกันได้ก็จะให้การรักษาผู้ป่วยต่อไป รวมถึงผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้รับรายงานมาบ้างว่ามี รพ.เอกชนบางแห่งที่ถูกน้ำท่วมและยังสามารถเปิดให้บริการได้อยู่ แต่กลับปฏิเสธรักษาผู้ป่วยนั้น ซึ่งโดยหลักการ รพ.ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยได้ จะต้องรับตัวเข้ามารักษาก่อน แล้วจะส่งต่อไปที่ไหนค่อยมาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น หากพบว่ามี รพ.ใดกระทำการในลักษณะดังกล่าวอีก เบื้องต้นจะใช้มาตรการตักเตือนก่อน ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่เข้มแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมี รพ.แห่งใดเคยได้รับคำเตือนมาก่อน

    นายวิทยากล่าวต่ออีกว่า ส่วนการออกหน่วยแพทย์เพื่อรักษาประชาชนตามจุดต่างๆ นั้น ขณะนี้ได้ไปตามจุดที่ประชาชนไม่ยอมอพยพออกจากบ้านเรือน และต้องยอมรับว่าไม่สามารถให้บริการอย่างทั่วถึงได้ ส่วนหนึ่งมาจากการประกาศให้ประชาชนอพยพไม่ชัดเจน ไม่บอกว่าจะให้ประชาชนอพยพไปอยู่ที่จุดไหน ทำให้แพทย์ไม่สามารถติดตามไปรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

    "การประกาศเตือนของ กทม.กับเราไม่เหมือนกัน เพราะ กทม.ไม่บอกว่าให้อพยพไปอยู่ที่ไหน ทำให้หมอไปไม่ถูก ดังนั้นก็ขอให้ กทม.ระบุใช้ชัดว่าไปอยู่ที่ไหน หมอจะได้ตามไปถูก" นายวิทยากล่าว

    ส่วนเรื่องการนำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูกรีนแมมบา นายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้จะมีการนำเข้าเซรุ่มป้องกันพิษงูแมมบาจากแอฟริกาใต้ จำนวน 50 โดส ราคานำเข้าอยู่ที่ 3 แสนบาท ก่อนจะมีการจัดสรรให้กับสถานเสาวภา สภากาชาดไทย จำนวน 30 โดส, องค์การเภสัชกรรมจำนวน 10 โดส และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน 10 โดส

    นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องพิษงูแมมบาในระยะยาว ขณะนี้ตนได้รับการประสานจากผู้เลี้ยงงูแมมบารายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ว่าจะมอบงูพิษดังกล่าวให้กับกระทรวงสาธารณสุขมาผลิตเซรุ่มไว้ใช้เอง ซึ่งตนไม่ทราบว่าผู้เลี้ยงงูรายนี้มีการครอบครองงูพิษชนิดนี้ได้อย่างไร





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยไพสต์
    [​IMG]


    -http://www.thaipost.net/news/051111/47620-

    -http://health.kapook.com/view32936.html-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    สธ.เผยเซรุ่มแก้พิษงูกรีนแมมบ้า ถึงไทยแล้ว



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    สธ.เผย เซรุ่มแก้พิษงูกรีนแมมบ้าถึงไทยแล้ว ด้านแพทย์จุฬาฯ แจง ไม่ต้องวิตก หากถูกกัดก็รักษาได้

    เมื่อ วันที่ 4 พฤศจิกายน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสั่งนำเข้าเซรุ่มแก้พิษงูเขียวเเมมบ้าว่า ได้นำเข้าเซรุ่มดังกล่าวจากประเทศแอฟริกาใต้จำนวน 50 โดส มูลค่า 3 แสนบาท โดยได้จัดส่งมาถึงประเทศไทยเมื่อเวลา 19.00 น. แล้ว

    สำหรับ การบริหารจัดการเซรุ่มดังกล่าวนั้นจะกระจายไป 3 จุด คือ สถานเสาวภาสภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี แม้ในขณะนี้จะยังไม่พบว่ามีประชาชนถูกงูเขียวแมมบ้ากัดก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการเตรียมการป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากบางพื้นที่เสี่ยงต่อการเป็นพื้นที่อาศัยของงูมีพิษ

    นอกจากนี้ นายวิทยา เปิดเผยต่อไปว่า มีผู้เสนอแนวทางให้ประเทศไทยมีการผลิตเซรุ่มแก้พิษงูเขียวแมมบ้าใช้เอง แต่ขณะนี้ สธ.ต้องขอเวลาในการพิจารณาเสียก่อน ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ก็จะมอบหมายให้สถานเสาวภาเป็นผู้ดำเนินการ

    ขณะ ที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางสมอง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า ไม่อยากให้วิตกกังวลหากถูกงูกรีนแมมบ้ากัด เพราะถึงไม่มีเซรุ่มก็รอดตายได้ เนื่องจากพิษทำให้กล้ามเนื้อทั้งตัวอ่อนแรงและหายใจเองไม่ได้ กลอกตา กะพริบตาไม่ได้ เหมือนคนตาย ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวอยู่ตลอด วิธีรักษาคือ ให้ช่วยหายใจ เป่าปาก หรือหาลูกยางเป่าลมผ่านที่ครอบปากจมูก (ambu bag) และสอดท่ออากาศเข้าในหลอดลม (endotracheal tube) ถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ก็ให้บีบอากาศผ่านทางลูกยาง ซึ่งผู้โดนกัดอาจหายใจเองไม่ได้เป็นวันหรืออาทิตย์ แต่กลับคืนสู่ปกติได้ 100 เปอร์เซ็นต์


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก มติชนออนไลน์
    [​IMG]


    -http://pet.kapook.com/view32826.html-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สธ.ส่งชุดตรวจโรคฉี่หนูกว่า 2 หมื่นชุด ย้ำรู้ผลใน 15 นาที <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 พฤศจิกายน 2554 14:29 น.</td></tr></tbody></table>

    สธ.ห่วงโรคฉี่หนูคุกคามคนไทย เร่งกระจายชุดตรวจโรค 2 หมื่นชุด ให้จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมใช้ทดสอบในผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัย รู้ผลใน 15 นาที ช่วยแพทย์วินิจฉัย รักษาถูกต้อง ป้องกันการเสียชีวิต

    นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง สาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่พร้อมด้วยนายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะ เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เทศบาลนครอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี และที่ว่าการอำเภอเมือง จ.ศรีสะเกษ โดยมอบยาสามัญประจำบ้าน เครื่องใช้จำเป็นให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เมื่อเช้าวันนี้(5 พฤศจิกายน 2554)ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังโรคระบาดที่มากับน้ำท่วมและหลังน้ำลดอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโรคเลปโตสไปโรสิส(Leptospirosis)หรือโรคฉี่หนู เนื่องจากเชื้อโรคนี้ สามารถเจริญเติบโตและมีชีวิตอยู่ได้ในแหล่งน้ำท่วมได้ไม่น้อยกว่า 3 สัปดาห์ คนที่เคยป่วยแล้วมีโอกาสป่วยซ้ำได้อีก โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลหรือรอยขีดข่วนผิวหนัง หรืออาจเข้าทางตา จมูกและปาก หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง

    นายต่อพงษ์กล่าวต่อว่า ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคฉี่หนู กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ผลิตชุดทดสอบโรคฉี่หนูภาคสนามอย่างง่าย และได้จัดส่งให้พื้นที่น้ำท่วมทุกจังหวัดจำนวน 20,700 ชุด เพื่อใช้ตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นในรายที่พบผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัย การตรวจมีขั้นตอนใช้ง่าย ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ รู้ผลภายใน 15 นาที สามารถอ่านผลได้ด้วยตาเปล่า ให้ผลแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้เร็วและถูกต้อง สามารถรักษาได้ทันท่วงที ป้องกันผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โดยในเดือนตุลาคม 2554 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจตัวอย่างผู้ป่วยที่สงสัยโรคฉี่หนูจำนวน 20 ตัวอย่าง พบเป็นโรคฉี่หนู 1 รายที่ จ.ขอนแก่น โดยชุดทดสอบโรคฉี่หนู 1 ชุด สามารถตรวจผู้ป่วยได้ 25 ราย โดยชุดทดสอบนี้เป็นนวัตกรรมของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคฉี่หนูของทีมแพทย์ไทย ลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคฉี่หนูได้

    นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เฝ้าระวังความปลอดภัยอาหารและน้ำดื่มในพื้นที่น้ำท่วม ตั้งแต่ 6 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2554 ได้เก็บตัวอย่างอาหาร 45 ตัวอย่างในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร ผลตรวจพบอาหารมีการปนเปื้อนเชื้ออุจจาระร่วง 17 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 38 และสุ่มตรวจตัวอย่างน้ำดื่ม น้ำใช้ และน้ำแข็ง จาก จ.พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี จำนวน 57 ตัวอย่าง พบเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ 21 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 37 โดยเฉพาะการตรวจตัวอย่างน้ำแข็งและเครื่องดื่มผสมน้ำแข็ง 19 ตัวอย่าง พบเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษทุกตัวอย่าง ได้ประสานให้สำนัก งานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว ควบคุมมาตรฐานแล้ว และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำแข็งหรือเครื่องดื่มผสมน้ำแข็งไปก่อน ควรดื่มน้ำดื่มสะอาดเช่นน้ำดื่มบรรจุขวดมีเครื่องหมาย อย. หรือน้ำที่ผ่านเครื่องกรองน้ำ หรือน้ำต้มสุก จะปลอดภัยกว่า

    อนึ่งโรคฉี่หนู เป็นเชื้อแบคทีเรียมีรูปร่างคล้ายเกลียว อาศัยอยู่ในฉี่ของหนู จะปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำขังต่างๆ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการป่วย ลักษณะเฉพาะโรคนี้คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะอาการปวดที่น่อง ตาแดงแต่ไม่มีขี้ตา คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว




    -http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141170-



    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา 7 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> sithiphong
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    สถานที่: ชมรมพระวังหน้า
    ข้อความ: 42,587
    พลังการให้คะแนน: 17243 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_5311185" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> แต่ที่ใช้ในการแก้ไขน้ำเสียได้แน่นอน

    กังหันชัยพัฒนาครับ



    .
    </td></tr></tbody></table>


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ที่มา [​IMG]
    ดิฉันไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดฟันธงได้เลย คิดว่าควรทำการทดลองค่ะ เมื่อกี้พยายามค้นชื่องานวิจัยที่ตนเคยพบว่าอีเอ็มลดบีโอดีไม่ได้แต่ก็หาไม่ เจอ ตนเคยเห็นว่ามีปริญญานิพนธ์อยู่ 3 งานที่คนไทยทำแล้วพบว่าลดค่าความสกปรกไม่ได้แต่ลดกลิ่นได้ แต่มันไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลอีเล็คทรอนิคค่ะ ขณะค้นหาข้อมูลตนกลับพบว่ามีนักวิจัยหลายท่านรายงานว่าลดความสกปรกของน้ำได้จริง ตนเองเลยกลับมาพิจารณาดูใหม่ คิดว่าอาจแยกเป็น 2 กรณีได้ดังนี้ค่ะ


    1. กรณีอีเอ็มลดความสกปรกของน้ำได้
    น่าจะเป็นสถานการณ์ที่จุลลินทรีย์ในอีเอ็มสามารถกิน(ย่อยสลาย)สารอินทรีย์สกปรกในน้ำได้อย่างรวดเร็วก่อนออกซิเจนใน น้ำหมด เมื่อสิ่งสกปรกกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ลอยสู่อากาศไปหมดแล้ว ถึงแม้ในน้ำจะมีออกซิเจนละลายน้ำอยู่น้อย (พร้อมเน่า) แต่จุลินทรีย์ทั้ง aerobic และ anaerobic ก็เติบโตไม่ได้เพราะไม่มีอาหาร....จึงต้องตายไปในที่สุด


    2. กรณีอีเอ็มลดความสกปรกของน้ำไม่ได้
    น่าจะเป็นสถานการณ์ที่จุลลินทรีย์ในอีเอ็มกิน(ย่อยสลาย)สารอินทรีย์สกปรกในน้ำได้ไม่ทันออกซิเจนใน น้ำหมด ดังนั้นจึงเหลือสิ่งสกปรกในน้ำอยู่เพียงพอให้จุลินทรีย์ที่หายใจแบบไม่ใช้ ออกซิเจน (anaerobic bacteria) แพร่พันธุ์ขึ้นแซงหน้า aerobic bacteria แล้วทำการย่อยสลายอาหารต่อแบบไม่ใช้อากาศเกิดกลิ่นเน่าเหม็นเป็นผลพลอยได้ ต่อไป


    มาคิดดูดีๆแล้ว เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี เราจะทราบได้แน่ชัดก็ต้องทำการทดลองค่ะ น่าจะลองทำดูสัก 5 วันกันเหนียวว่าตั้งทิ้งไว้เกือบอาทิตย์แล้วน้ำเป็นอย่างไร


    โดย ความเห็นส่วนตัวคิดว่าพวกเราทุกคนก็รับผิดชอบเรื่องนี้กันอยู่แล้วทางตรง บ้างทางอ้อมบ้าง ท่านใดแสดงความเห็นที่อาจให้ผลผิดพลาดจากความสำเร็จที่หวังไว้บ้างก็ไม่ใช่ ว่าเขาจงใจ ความเร่งรีบคิดจะช่วยแก้ปัญหาอาจทำให้เขาพลาดไปก็ได้ ดิฉันเป็นคนซุ่มซ่ามไม่รอบคอบ เข้าใจความรู้สึกของคนผิดพลาดดี


    พวก เราพยายามเอาทั้งข้อดีข้อเสียมาวิเคราะห์แล้วตัดสินใจร่วมกันเท่าที่ขอบเขต ของบทบาทเราจะเอื้ออำนวย อะไรมันจะเกิดหรือผิดพลาดอย่างไรพวกเราก็จำเป็นต้องยอมรับเพราะเราทำเต็มที่ แล้วค่ะ
    </td> </tr> </tbody></table>
    ---------------------------------------

    กลุ่มนักวิชาการ ผมเห็นมาเยอะครับ ส่วนใหญ่พวกนักวิชาเกินมากกว่า

    เก่งแต่ทฤษฎี แต่เวลาลงมือปฎิบัติ กลับปฎิบัติงานไม่เป็น

    เก่งแต่พูด พยายามสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง

    ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด

    ต้องดูผู้เชี่ยวชาญในงาน ดีที่สุดครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กทม.อ่วมทุกทิศ มีสิทธิ์จมยาวถึงสิ้นเดือน ระวังกองโจรน้ำบุกทะลวงท่อ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 พฤศจิกายน 2554 06:08 น.</td></tr></tbody></table>

    ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต้องนับว่าเป็นเหตุการณ์ความระทึกขวัญคนเมืองหลวงอย่างกทม.อีกคำรบ เพราะในที่สุดแล้วรัฐบาลนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ ได้แสดงความบ้อท่าล่าช้าในการจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะกรณีประตูระบายน้ำคลองสามวา ที่ประชาชนภายใต้การชักใยของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลก่อม็อบ เพื่อบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเป็น 150 ซม.และสุดท้ายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ได้ตัดสินใจสั่งให้เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาให้สูงขึ้น ซึ่งนั่นส่งผลทำให้ กทม.เข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมทั้ง 50 เขตในทันที

    ดังที่ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.ได้ คาดการณ์ถึงผลร้ายดังกล่าวว่ามาตรการนี้ว่าจะส่งผลกระทบให้ 20 เขต กทม. ซึ่งเดิมประกาศไปว่าเป็นเขตที่จะไม่ถูกน้ำท่วม กลายเป็นเขตเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมทั้งหมด โดยเฉพาะเขตบึงกุ่ม สะพานสูงและบางกะปิที่รอดยาก แต่ที่น่าวิตกคือน้ำจะกระจายไปตามคลองย่อยซึ่งมีอยู่กว่า 2,000 คลอง และระบบระบายน้ำของ กทม.ทั่ว 1,000 ตารางกิโลเมตร โดยคาดไม่ได้ว่าน้ำจะไปผุดที่ไหนบ้าง

    แต่ดัชนีที่ทำให้คนกรุงขวัญผวามากที่สุด เห็นจะเป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ระบุว่า “ระดับน้ำในทางเหนือได้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ในวันที่ 6 พ.ย. เราจะรอดแล้ว สถานการณ์หลังวันที่ 6 พ.ย.จะดีขึ้นเรื่อยๆ” เพราะทุกครั้งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์บอกว่า “เอาอยู่ สู้ไหวค่ะ” เหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามทุกคราไป

    ยิ่งเมื่อตรวจสอบสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่เห็นและเป็นอยู่ก็ยิ่ง ไม่เห็นว่า น้ำจะเลิกถล่มกรุงเมื่อไหร่ เพราะนับวันมีแต่จะยิ่งขยายวงกว้างและทะลุทะลวงเข้าสู่พื้นที่ชั้นในมากขึ้น ทุกที

    กล่าวคือ ทางทิศตะวันออก หลังจากที่รัฐบาลได้เปิด ประตูระบายน้ำคลองสามวา โดยวิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมในฝั่งตะวันออกยังคงใช้วิธีผันน้ำไปทางทิศตะวัน ออกผ่านทางคลองสามวาเพื่อระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่รับน้ำในเขตมีนบุรีหนองจอก ลาดกระบัง ลงสู่คลองด่านระบายออกอ่าวไทยต่อไป แต่ปัญหาก็คือน้ำบริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์ยังถูกระบายออกไปได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่ถูกเติมเข้ามาจากน้ำทุ่งทางตอนเหนือ ส่งผลให้มีน้ำไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางและชั้นในของกรุงเทพฯมากขึ้น

    แน่นอน ประชาชนที่ต้องสะดุ้งก็หนีไม่พ้น เขตบึงกุ่ม สะพานสูง บางกะปิ มีนบุรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมลาดกระบังและบางชัน เหมือนที่ถล่ม 7 นิคมอุตสาหกรรมมาแล้วก่อนหน้านี้

    ทั้งนี้ หากนิคมอุตสาหกรรมบางชันยันน้ำไม่อยู่ จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 8 ที่จมน้ำ โดยนิคมฯ แห่งนี้มีมูลค่าการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท มีโรงงาน 93 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทผลิตอาหาร โดยมีแรงงานกว่าแรงงาน 1.4 หมื่นคน และขณะนี้น้ำก็เริ่มเอ่อเข้าท่วมให้เห็นกันอย่างระทึกขวัญไปเรียบร้อยแล้ว

    ที่สำคัญคือ หากนิคมอุตสาหกรรมบางชันจมน้ำ หรือกรุงเทพฯ ชั้นในที่ กทม.เคยประเมินสถานการณ์ว่า 20 เขตอาจจะรอด เพราะมีปัจจัยบวกเกิดขึ้น เช่น การระบายน้ำทางตะวันออกเริ่มทำได้ดี แต่ถ้าที่สุดแล้วฝั่งลาดกระบัง มีนบุรี เอาไม่อยู่ก็จะทะลุมาถึง บางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว และหากผ่านตรงนี้มาได้ก็มีสิทธิ์ที่น้ำจะไหลเข้าทะลักพื้นที่ชั้นในกทม.อีก ไม่ว่าจะเป็นเขตห้วยขวาง วังทองหลาง ดินแดง พญาไท วัฒนา ราชเทวี ปทุมวัน

    ก็คงโทษใครไม่ได้นอกเสียจากคำสั่งของยิ่งลักษณ์ ที่ถูกบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยกดดันจนต้องสั่งให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาจึงเป็นใบเสร็จชิ้นดีที่มัดการตัดสินใจชนิด ไม่เอาอ่าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง

    ขณะที่ ด้านตะวันตก ของกทม.ก็ต้องเรียกว่าอยู่ใน ขั้นอ่วมอรทัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้ววิกฤตยิ่งกว่าฝั่งตะวันออกเป็นเท่าตัวก็ว่าได้ เพราะพื้นที่ส่วนนี้ต้องรับน้ำมาจากพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี บางกรวย ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้ไหลข้ามคลองมหาสวัสดิ์เข้าสู่พื้นที่เขตบางพลัด ทวีวัฒนา บางกอกน้อย และตลิ่งชัน เกือบเต็มพื้นที่แล้วโดยทรงตัวอยู่ระดับเป็นเมตรเลยทีเดียว โดยปริมาณส่วนหนึ่งได้ไหลไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่พื้นที่ศาลายา พุทธมณฑล แผ่เป็นวงกว้างปริมาณจำนวนนี้มีความเชื่อกันว่าจะถูกระบายออกไป 2 ทิศทาง คือ ผันเข้าสู่แม่น้ำท่าจีน กับถูกระบายผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา

    ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือน้ำที่ล้นคลองทวีวัฒนา โดยน้ำเริ่มเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนริมฝั่งคลอง หากน้ำเอ่อมากขึ้น น้ำมวลนี้จะไหลเข้าเขตบางบอน บางขุนเทียน บางแค ภาษีเจริญ บางกอกน้อย ท่าพระ ซึ่งพื้นที่รอบนอกแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างต้นนี้จะได้ผลกระทบน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร

    และเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. ได้ประกาศให้เขตบางแค เป็นพื้นที่อพยพ เนื่องจากมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

    ทั้งนี้ สำหรับฝั่งตะวันตกน่าเป็นห่วงที่สุด เนื่องจากไม่ได้มีการออกแบบผังเมืองเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วม อีกทั้งไม่มีถนนขวางทางน้ำ ถนนวงแหวน หรือคันกั้นน้ำ ทำให้น้ำไหลทะลักมาเร็วและแรงกว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออก ขนาดนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังยอมรับว่าบ้านตัวเองอยู่บริเวณนี้ อาจต้องจมยาวเป็นเดือน

    เรื่องนี้ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญภัย พิบัติ ม.รังสิต และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อม นานาชาติสิรินธร ได้แสดงความวิตกถึงพื้นที่ฝั่งตะวันตกว่า "พยายามชี้ให้รัฐบาลทราบหลายครั้งว่าให้หันมาสนใจการระบายน้ำในฝั่งตะวันตก ให้มากๆ เพราะว่าแทบจะมันไม่มีคลองระบายน้ำเลย ที่สำคัญมันยังมีคลองขวาง ขวางอย่างเดียว ฉะนั้นขณะนี้มันจะรับ ส่งก้อนน้ำมหึมาเป็นทอดๆ ท่วมไล่เป็นบล็อกๆ แต่ละพื้นที่จะหนักหนามากกว่าฝั่งตะวันตกมาก เพราะไม่รู้จะระบายน้ำไปไหน จะเอาไปท่าจีนน้ำก็สูง ส่งไปเจ้าพระยาก็สูงอีก แถมขณะนี้คันกั้นน้ำก็แตกหนัก เรื่องนี้รัฐบาลต้องตระหนักให้มากๆ ซึ่งฝั่งตะวันตกรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาทันที”

    กลับไปทางฝั่งเหนือก็ต้องเรียกว่ากระเจิดกระเจิงกันถ้วนหน้าไม่เว้น แม้แต่ ศปภ.เองก็แทบเอาปี๊ปคลุมหัวเดินกันทั้งคณะ เพราะแม้แต่ศูนย์บัญชาการของรัฐบาลเองแท้ๆ ที่ดอนเมือง ก็ยังปกป้องดูแลเอาไว้ไม่ได้ จนต้องย้ายไปที่เอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นตึกของบริษัท ปตท. และทำท่าว่าน้ำจะตามไปราวีอย่างไปเลิกรา

    สำหรับทางด้านเหนือนั้น ต้องรับน้ำเอ่อล้นคลองมาจากรังสิตโดยเส้นทางได้รับผลกระทบได้แก่ ดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางเขน รามอินทรา เส้นทางนี้น้ำได้ไหลมาตามทางถนนวิภาวดีรังสิตและพลโยธินแล้วอย่างหนักหน่วง กล่าวคือด้านถนนพหลโยธินน้ำได้บุกเข้าโจมตีราบเป็นหน้ากลองไล่ตั้งแต่วัดพระ ศรีมหาธาตุบางเขน ราบ 11 สี่แยกเกษตร เสนานิคมมาจนถึงเมเจอร์รัชโยธินและ SCB ปาร์ค ส่วนด้านถนนวิภาวดีรังสิตก็กินยาวมาตั้งแต่สนามบินดอนเมืองอันเป็นที่ตั้ง ของศปภ. เลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ถนนประชาชื่นเลียบคลองประปา แยกพงษ์เพชร ประชานุกูล จนถึงวัดเสมียนนารี

    ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่น้ำทั้งสองสายจะมาบรรจบกันที่ห้าแยกลาดพร้าว จากนั้นก็บุกตะลุยเข้าสู่พื้นที่ชั้นในสุดแต่มวลน้ำจะเลือกทางเดินไปทางไหน โดยถ้าหากน้ำจากพหลโยธินเลี้ยวซ้ายก็มุ่งหน้าเข้าสู่รัชดาภิเษก ห้วยขวาง ดินแดง ทะลุไปจนถึงสุขุมวิท ส่วนน้ำจากห้าแยกลาดพร้าวก็จะบุกตะลุยผ่านใจกลางเมืองมุ่งหน้าเข้าสู่ บางซื่อและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    และคำเตือนที่ชวนให้คนกรุงระทึกขวัญปิดท้ายเห็นจะหนีไม่พ้น คำเตือนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้สัมภาษณ์ภายหลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่ กทม.และปริมณฑลที่ประสบอุทกภัยวันที่ 3 พ.ย.ว่า ปริมาณน้ำทางทิศเหนือที่มาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา เหนือคลองรังสิตยังมีจำนวนมาก
    หรือนั่นหมายความว่า ยังมีมวลน้ำก่อนใหญ่จาก “อยุธยา” และ “รังสิต” เตรียมบุกเข้า กทม.อีกระลอกหนึ่ง

    ขณะเดียวกันที่คนกรุงเทพฯ ต้องระวังไม่แพ้กันคือกองทัพน้ำที่บุกทะลวงเข้ามาทาง “ท่อระบายน้ำ” ของ กทม.ดังเช่นที่ปรากฏในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ เสี่ยงหนักเข้าไปอีก ดังคำสารภาพของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้ อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ที่ยอมรับว่า อาจมีเอ่อท่วมขึ้นมาจากท่อระบายน้ำบ้าง ซึ่ง การควบคุมน้ำที่เอ่อมาจากท่อระบายน้ำนั้น ทำได้อยาก

    ดังนั้น จงอย่าถามว่า กทม.จะตกอยู่ในวงล้อมของน้ำนานแค่ไหน

    แต่ขอให้เตรียมตัวและเตรียมใจ รับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยใจระทึกไปอีกนานนับเดือนทีเดียว


    -http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000140989-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    โต้นักวิชาการไม่รู้จัก'อีเอ็มบอลล์'จริง


    ผู้ผลิตอีเอ็มบอลล์ โต้นักวิชาการจุฬาฯ รู้จักอีเอ็มบอลล์แค่ไหน ชี้การออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
    นายสนัส หนูสวี รองประธานมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ริเริ่มการผลิตอีเอ็ม บอลล์ อย่างจริงจังคนแรกของภาคใต้ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของศ.ดร. ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ว่า EM Ball อาจไม่ช่วยบำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วม และอาจจะยิ่งทำให้น้ำขาดออกซิเจนเน่าเสียไปกว่าเดิม นั้น ก็อยากถามว่าท่านรู้จักอีเอ็มบอลล์ Ball แค่ไหน ขณะนี้เกิดน้ำท่วมน้ำเน่าเหม็นชาวบ้านเดือนร้อนไปทั่ว และต้องการให้มีการบำบัดน้ำที่เสียให้ดีขึ้น การออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าวไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแล้วยังจะทำให้น้ำ เน่าเสียนานขึ้นด้วย หากไม่เร่งบำบัด

    ทั้งนี้ ความคิดเห็นทาง วิชาการที่ว่า อีเอ็มบอลล์ ทำมาจาก สารอินทรีย์ เช่น กากน้ำตาล และ รำข้าว ซึ่งจุลินทรีย์ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย และอาจจะทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงเน่าเสียไปกว่าเดิมนั้น นาย มนัส ตอบว่า น้ำที่เน่าเสียจากน้ำท่วมถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับน้ำเสียจากบ่อขยะที่ ส่งกลิ่นเหม็นไปไกลหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะปัญหาที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ทางกลุ่มดำเนินการบำบัดจนสามารถปล่อยปลาได้ อีเอ็มบอลล์ มีจุลินทรีย์ หลายชนิด โดยเฉพาะจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ให้ออกซิเจนกับน้ำ และจุลินทรีย์ ที่ทำให้แก๊สไข่เน่า และแก๊สมีเทน ซึ่งทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นลดลง จุลินทรีย์บางชนิด นักวิชาการของไทยไม่รู้จักด้วยซ้ำ
    นายมนัส กล่าวอีกว่า นักวิชาการได้อ้างกรณีสึนามิ ที่ญี่ปุ่นว่า ไม่ได้ใช้ อีเอ็ม แต่ใช้ปูนขาว และคลอรีน นั้น ปูนขาวคือการลดความเป็นกรด คลอรีนใช้ฆ่าเชื้อซึ่งจะฆ่าเชื้อทั้งหมดทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ต้องถามว่าจะต้องใช้ปูนขาวและคลอรีนเท่าไหร่จึงจะพอ และต้องถามกลับไปว่า บริษัทนักการเมืองคนไหนที่ ผูกขาดการผลิตปูนขาว และคลอริน ซึ่งการที่นักวิชาการออกมาพูดเช่นนี้ควรที่จะพิสูจน์ก่อนว่าอีเอ็มบอลล์ดี หรือไม่ดี แม้ว่าการโยนอีเอ็มบอลล์บำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วมอาจจะไม่ชัด แต่ขอให้นักวิชาการไปตักน้ำเสียในคลองไหนก็ได้ที่ กทม.มาพิสูจน์จะได้รู้กัน

    ด้าน นายประวิทย์ ภูมิระวิ ผู้รับผิดชอบการผลิตอีเอ็มบอลล์l ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร กล่าวว่า ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ถ้าส้วมเหม็น ก็ลองทุบใส่ดู 2-3 วันกลิ่นหายไปก็หมายความว่าใช้ได้ ถ้าน้ำเสียมีกลิ่น โยนลงไปดู น้ำดีขึ้นกลิ่นหายไป ก็แสดงว่าใช้ได้ ส่วน อีเอ็ม บอลล์ ที่ศูนย์ฯ ผลิต 5 แสนลูก ถ้าไม่มาเอาก็ไม่เป็นไรเพราะปกติชาวบ้านทั่วไปก็ใช้อยู่แล้ว ไม่ได้เดือนร้อนเพราะเราไปได้มีอาชีพขาย อีเอ็มบอลล์

    [​IMG]

    อีเอ็มบอลล์



    .



    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%20/120164/%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-


    ------------------------------------------------------------

    จุลินทรีย์เขมือบน้ำเน่า




    "จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย" (Effective Microorganisms) เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายหาซื้อได้ยากและราคาแพง ด้วยสรรพคุณด้านการบำบัดน้ำเสียและลดกลิ่นเหม็นของน้ำเน่า จึงตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองน้ำท่วมได้อย่างเต็มๆ อีกทั้งถุงยังชีพรุ่นใหม่มีน้ำชีวภาพหรือบอลจุลินทรีย์บรรจุรวมอยู่ด้วย
    อีเอ็ม หรือ Effective Microorganisms คิดค้นโดย ศ.เทรโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ต่อมาได้พัฒนากลุ่มเชื้อ หัวเชื้อและสูตรออกมาจำหน่าย โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า "อีเอ็ม" เพื่อจำหน่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมนำไปใช้บำบัดน้ำเสียและกลิ่นไม่พึง ประสงค์ แม้ว่าจุลินทรีย์ดังกล่าวจะเป็นประเภทที่มีประโยชน์ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์และพืช ทั้งยังทำหน้าที่แปรสภาพน้ำที่เน่าเสียให้กลับมีคุณภาพดีขึ้น แต่การใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดยังเป็นประเด็นที่ต้องสร้างความ เข้าใจกับผู้ใช้
    : น้ำนิ่งไม่เกิน 3 เมตร
    วรินธร สงคศิริ หน่วยปฏิบัติการชีวเคมีและโรงงานต้นแบบ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวว่า น้ำเสียแต่ละแห่งมีสภาพต่างกัน ดังนั้น การใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจะใช้กับน้ำที่มีระดับความลึก 1-2 เมตร ไม่เกิน 3 เมตร เพราะน้ำที่มีความลึกเกินไป อากาศที่อยู่ในน้ำจะยิ่งลดน้อยลง หรือแทบไม่มีเลย ขณะที่จุลินทรีย์ในอีเอ็มต้องการอากาศในการเจริญเติบโต และทำหน้าที่บำบัดน้ำเสียที่เกิดขึ้น
    "หากบอลจุลินทรีย์ถูกโยนลงไปในน้ำที่ระดับความลึกมาก โดยแทบไม่มีออกซิเจนอยู่เลย จุลินทรีย์จะไม่ทำงานและกลายเป็นของเสียอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกทิ้งลงในน้ำ โดยที่กากน้ำตาลและแกลบ ซึ่งเป็นส่วนผสมอยู่ในก้อนจุลินทรีย์ จะกลายเป็นของเสียที่เพิ่มความเน่าเสียของน้ำ" นักวิจัยกล่าว
    วรินธรยังแนะนำว่า ก่อนที่จะใช้จุลินทรีย์ปรับปรุงคุณภาพน้ำ ควรจะวัดค่าความสกปรกและค่าความลึกของน้ำ จากนั้นนำมาคำนวณหาค่าที่เหมาะสมถึงปริมาณจุลินทรีย์ที่ใช้ในการบำบัด หน่วยงานภาครัฐควรเข้ามาช่วยในการตรวจสอบและหาค่าความเหมาะสมนี้
    จุลินทรีย์บำบัดน้ำมีทั้งชนิดน้ำและก้อน ซึ่งประสิทธิภาพจะต่างกัน ชนิดน้ำจะมีความเข้มข้นและแพร่กระจายได้ดี ส่วนแบบก้อนช่วยให้การบำบัดอยู่ได้ระยะเวลานาน ขณะที่น้ำขังนิ่งจะช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าสภาพน้ำไหล
    "นอกจากอาศัยจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติคือ การเก็บขยะหรือของเน่าเสียในน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และเสริมให้การบำบัดเร็วขึ้นอีกด้วย" วรินธร กล่าว
    : บอลอีเอ็มเป็นสิ่งมีชีวิต
    รัฐพล พรหมกูล อาสาสมัครปั้นบอลจุลินทรีย์ บ้านอาสาใจดี กล่าวว่า ก้อนชีวภาพหรืออีเอ็มบอล เป็นหนึ่งในทางออกที่ง่ายและราคาถูกสำหรับการบำบัดน้ำเน่าที่ท่วมขัง โดยบอลชีวภาพ 1 ลูกเหมาะกับพื้นที่ 5-10 ตารางเมตร ขึ้นอยู่กับความลึกและสภาพของน้ำ
    ยกตัวอย่างบ้านเดี่ยว 50-100 ตารางเมตร น้ำท่วมขัง 1 เมตร ควรจะใช้บอลจุลินทรีย์ 10-15 ลูก แล้วทิ้งไว้ 3-4 วัน ก่อนที่จะใส่ลงไปใหม่ โดยพิจารณาจากลักษณะของน้ำ หากสภาพน้ำยังไม่ดีขึ้น ก็จำเป็นต้องใส่เพิ่มในจำนวนที่เท่ากับครั้งแรก แต่หากสภาพน้ำเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ควรจะลดจำนวนบอลลงครึ่งหนึ่ง และเว้นระยะเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทุก 3-4 วัน ส่วนระยะเวลาที่เหมาะกับการบำบัดคือ การทำต่อเนื่อง 1-2 สัปดาห์
    หากยังไม่รู้ว่าควรใช้บอลจุลินทรีย์เมื่อไร รัฐพล อธิบายว่า สังเกตได้จากลักษณะของน้ำ ที่สภาพปกติจะเป็นสีขุ่นเทา แต่หากเปลี่ยนเป็นสีดำเงา แสดงว่าเริ่มเน่าเสีย ก็ใช้บอลจุลินทรีย์ได้เลย หรือสังเกตจากสิ่งมีชีวิตก็ได้ เช่น มีปลาลอยตาย แสดงว่าปริมาณออกซิเจนในน้ำเริ่มน้อยลง ก็สามารถใส่จุลินทรีย์ไปเพิ่มออกซิเจนให้น้ำ
    รัฐพลยังแนะนำให้ดูกระแสน้ำด้วย เพราะหากน้ำเน่าแล้วแต่กระแสน้ำยังไหลต่อเนื่อง ก็ยังไม่เหมาะที่จะใช้จุลินทรีย์ ซึ่งประสิทธิภาพการบำบัดจะต่ำ จึงควรจะเป็นพื้นที่ที่น้ำนิ่งหรือน้ำท่วมขังจึงจะให้ผลดีที่สุด
    ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ซึ่งผลิตและแจกบอลจุลินทรีย์ให้ผู้ประสบภัย ฝากเคล็ดลับมายังผู้ผลิตจุลินทรีย์ใช้เองว่า ในส่วนที่ต้องสังเกตให้ดีคือเรื่องของน้ำประปาซึ่งมีคลอรีนเจือปนอยู่ หากนำมาใช้เป็นส่วนผสม จะกลายเป็นตัวฆ่าจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้อีเอ็มบอลหมดประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมี ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าแมลงอื่นได้ เนื่องจากบอลจุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิต สารดังกล่าวอาจทำร้ายและฆ่าจุลินทรีย์พวกนี้ได้


    -http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/417118-

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คำชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี อีเอ็ม บอล หรือ ก้อนจุลินทรีย์


    ตามที่มีการนำเสนอข่าวสารว่าการใช้ EM Ball ไม่เกิดผลในการบำบัดน้ำเสียและอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนั้น ทำให้ผู้มีจิตอาสาจำนวนมากเกิดความสับสนและกระทบต่อการระดมอาสาสมัครช่วยทำ EM Ball ในหลายแห่งรวมถึงคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญซึ่งร่วมกับศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ABAC Flood R - SA) เร่งผลิต EM Ball ให้ได้จำนวน 100,000 ลูก ภายใน 2-3 วันเพื่อนำไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจังหวัดนนทบุรีในสัปดาห์หน้า

    ดังนั้น คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจึงใคร่ขอชี้แจงข้อมูลอีกด้านหนึ่งเพื่อสร้างความเข้าใจผ่านสื่อมวลชน ดังนี้


    1. การทำงานของ EM Ball มิใช่เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยตรง แต่ใช้หลักการนำเอาจุลินทรีย์ชนิดดีมีประสิทธิภาพไปแย่งอาหาร( ของเสีย ซากพืชสัตว์ที่ไหลมากับน้ำ) จากจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำที่กำลังจะเน่าเสียหรือ ในน้ำเสีย สกัดกั้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ธรรมชาติที่เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย การใช้ EM Ball ในน้ำที่เริ่มจะเน่าเสียจะเห็นผลเร็วกว่าในน้ำที่เน่าเสียแล้ว


    2. การผลิต EM Ball ที่จะช่วยปรับสภาพน้ำได้ต้องใช้กรรมวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม กล่าวคือ

    2.1 ใช้หัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์เข้มข้นชนิดดี มีคุณภาพซึ่งประกอบไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจน กลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจน และกลุ่มที่ใช้ หรือไม่ใช้ออกซิเจนก็ได้ นำมาผสมให้เจือจางในอัตราพอเหมาะเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญ

    2.2 เลือกใช้สูตรและส่วนผสมในการปั้นขึ้นรูปที่มีสารอาหารน้อยที่สุดเพียงประทัง ชีวิตของจุลินทรีย์ชนิดดีให้พออยู่ได้ก่อนการนำไปใช้งาน เนื่องจากมีสูตรและส่วนผสมในการผลิตหลากหลายและมีความเหมาะสมในการใช้งานตาม วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ห้ามใช้สูตรที่มีส่วนผสมกากน้ำตาลหรือมูลสัตว์ซึ่งมีสารอาหารสำหรับ จุลินทรีย์มากเกินไป

    2.3 EM Ballที่ทำเสร็จแล้วไม่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ต้องผึ่งลมไว้เป็นเวลา 2-3 วัน ห้ามตากแดดเป็นอันขาด


    3. การใช้งาน EM Ball ที่เหมาะสมต้องนำไปใช้เฉพาะพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขังหรือน้ำไม่ค่อยไหลเวียน และต้องใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม EM Ball ขนาดลูกเทนนิส 1 ลูก ใช้ได้สำหรับน้ำท่วมขัง 4-5 ลบ.ม.โดยจะยังไม่เห็นผลต่อสภาพในทันทีเพราะ EM Ball จะค่อยๆ ปลดปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 7 วัน หากเร่งใส่ EM Ball จนเกินจำนวนที่กำหนดจะทำให้มีสารอาหารหลงเหลือในน้ำมากเกินไปและอาจก่อให้ เกิดผลเสียต่อสภาพน้ำได้ ทั้งนี้ EM Ball ที่ผลิตเสร็จแล้วต้องนำไปใช้ภายใน 30 วัน


    ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.วิยดา กุนทีกาญจน์ (ปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา University of California, Davis) โทร. 087-715-6699 e-mail: viykun@gmail.com หรือ ดร. เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร. 02-719-1515


    คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
    วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320488949&grpid&catid=03&subcatid=0305-

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น่าจะมีการพิสูจน์ว่า ก้อน EM Ball ใช้ได้จริงๆหรือไม่

    ถ้าใช้ได้จริงๆ ศ.ดร. ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องรับผิดชอบ

    ถ้าใช้ไม่ได้จริงๆตามที่บอก กลุ่มEM Ball (บุญยง โล่ห์วงศ์วัฒน , นายสนัส หนูสวี รองประธานมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , นายประวิทย์ ภูมิระวิ ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร , มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี , ดร.วิยดา กุนทีกาญจน์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ , ดร. เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ) ต้องรับผิดชอบ

    เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องรู้จักการรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองพูด

    ผมว่าน่าจะให้บำเพ็ญประโยชน์กับสาธารณะ เช่น กวาดถนน สัก 3 เดือน หรือ ไปขุดลอกท่อระบายน้ำ สัก 3 เดือน ในครั้งหน้า เวลาจะพูดอะไรจะได้ระมัดระวัง และไปศึกษาด้วยการปฎิบัติให้ดีเสียก่อน


    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กาารทำก้อนจุลินทรีย์ (EM Ball หรือ IMO Ball)
    EM = Effective Microorganisms = จุลินทรีย์คัดเลือกสายพันธุ์ (ได้รับการเผยแพร่จากชาวญี่ปุ่น "Dr. Teruo Higa")
    http://emrojapan.com/about-em/about-em.html
    IMO = Indigenous Microorganisms = จุลินทรีย์พื้นถิ่น (ได้รับการเผยแพร่จากชาวเกาหลี "Dr. Cho Han Kyu" of the "Cho Global Janong (Natural Farming) Institute")
    http://rooftopecology.wordpress.com/2009/10/19/korean-natural-farming-indigenous-microorganisms-imo/
    http://hahaha.hamakuasprings.com/20...y-countries-in-asia-and-it-is-to-western.html
    -----------------------
    กาารทำก้อนจุลินทรีย์ โดย รตอ.สามารถ
    ดูได้จาก
    http://www.boonniyom.net/vdoclip-3937-0-0.html
    Download ได้จาก
    http://www.boonniyom.net/_vdo/56-201108110249-1794856734.flv
    ----------------------------
    กาารทำก้อนจุลินทรีย์ โดย คุณยิ่งธรรม
    ดูได้จาก
    http://www.boonniyom.net/vdoclip-2550-0-0.html
    Download ได้จาก
    http://www.boonniyom.net/_vdo/55-201012261154-53499610.flv
    ----------------------------
    YouTube
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pdtfN2ZgLpM"]???????????????????????? - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6R_I_3M3MY0"]EM Ball explained #SaveTheRiver - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ECgS9qZH64Q"]????????????? EM Ball (Part1/3) - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=uyBzvGjxnrM"]????????????? EM Ball (Part2/3) - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=o0BFfVm4vKc"]????????????? EM Ball (Part3/3) - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=BpzsJDstX5k"]MMD KMUTT EM BALL.WMV - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=EfSlD4VkEec"]?????????????????? ?????? EM - YouTube[/ame]
    ------------------------------
    Web page การทำ EM Ball และ IMO
    http://www.agkmstou.com/2008/article_view.php?id=207
    http://www.sirikitdam.egat.com/chivavitee/activity/em-phachom.php
    http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=110&s=tblfertilizer
    http://www.gotoknow.org/blogs/posts/147577
    http://www.emro-asia.com/about-em/how-to-make-em-ball.html
    http://news.mthai.com/flood/flood-tips/139188.html
    http://www.rakjung.com/breakingnews-no122.html
    http://thinkofliving.com/2011/11/03/em-ball-คืออะไร-ใช้อย่างไร/
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141122
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141172
    http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ภาคใต้/120164/โต้นักวิชาการไม่รู้จักอีเอ็มบอลล์จริง
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320484780&grpid=&catid=03&subcatid=0305
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320488217&grpid=00&catid=&subcatid=
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320488949&grpid=03&catid=&subcatid=
    -------------------------------
    อาจารย์วิศวฯ จุฬาฯ เขียนบทความตั้งคำถาม EM และน้ำหมักชีวภาพ แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียได้จริงหรือ?
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320409668&grpid=03&catid=&subcatid=
    http://www.posttoday.com/สังคม/การศึกษา/120035/จุฬาฯท้วงใช้EM-แก้น้ำเน่าได้จริงหรือ-
    http://news.mthai.com/general-news/139391.html
    http://www.eng.chula.ac.th/?q=node/3881
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320480787&grpid=&catid=03&subcatid=0305
    -----------------------------
    IMO
    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141172-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ผีเฉือนแมวดำ 1-0 ฉลอง"ป๋า",สิงห์เฮหวิว <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 พฤศจิกายน 2554 23:53 น.</td> </tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">"ปาร์ค" โดนสกัดตัวลอย</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เกมครบรอบการคุมทีม 25 ปีของ "เฟอร์กี" </td> </tr> </tbody></table>


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">"เวลเบ็ค" มีส่วนช่วยกับชัยชนะของ "ผีแดง" </td> </tr> </tbody></table>


    เวสต์ บราวน์ กองหลัง "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ สกัดบอลเข้าประตูตัวเองจนทำให้ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า 3 แต้มในศึกพรีเมียร์ ลีก นัดที่ 11 ได้ในโรงละครแห่งความฝัน 1-0 ขณะที่ "สิงห์บลูส์" เชลซี เอาชนะ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ด้วยสกอร์เดียวกัน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.)

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 5 พ.ย. (เวลา 22.00 น.)
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ซันเดอร์แลนด์

    "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ของตาราง ลงสนามนัดที่ 11 ในศึกพรีเมียร์ ลีก ประจำฤดูกาล 2011/2012 เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ โดยเกมนี้ "เฟอร์กี" อเล็กซ์ เฟอร์กูซัน กุนซือเจ้าบ้านส่งแนวรุกลงสนามเต็มสูบทั้ง "รูนีย์", "เวลเบ็ค" และ "ชิชาริโต" หวังเก็บ 3 แต้มสำคัญเพื่อไล่จี้จ่าฝูง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี

    เริ่มต้นได้เพียงนาทีเดียว "แมวดำ" ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นอย่างรวดเร็ว เมื่อ คอนเนอร์ วิคแฮม เข้าสกัดบอลผิดจังหวะจนเข่าพลิก ซึ่งทาง "ซันเดอร์แลนด์" จำต้องส่ง จี ดองวอน หอกชาวเกาหลีลงมาแทน จากนั้นนาที 14 เบนด์เนอร์ มีโอกาสส่องไกลทักทายเป็นครั้งแรกแต่ ลินเดการ์ด ยังมีสมาธิปัดบอลก่อนตะครุบเอาไว้ได้ ขณะที่ "แมนยู" มีโอกาสจากฟรีคิกในนาทีที่ 23 หลุยซ์ นานี รับหน้าเปิดจากกราบขวาแต่ก็ยังไม่ผ่านแผงหลังของซันเดอร์แลนด์ ต่อมาอีก 4 นาที (27) รูนีย์ มีโอกาสกดฟรีคิกตรงกลางประตูแต่ก็ยิงติดกำแพงอย่างน่าผิดหวัง ก่อนที่จะแก้ตัวด้วยการยิงไกลอีกครั้งในนาทีที่ 30 แต่ เวสต์วูด ยังรับได้ติดมือ

    ต่อมานาที 37 "ชิชาริโต" มีโอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขต และถูก ลาร์สสัน เบียดล้มลงไป แต่กรรมการยังมองว่าไม่ได้เป็นการฟาวล์แต่อย่างใด จากนั้นเป็นโอกาสของ ซันเดอร์แลนด์ บ้างในนาที 40 เมื่อ จี ดองวอน ได้โอกาสสับไกนอกกรอบ แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะเบิกสกอร์แรกของเกมได้ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือกลายเป็น "แมนยู" ที่มีโอกาสลุ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อ ฟิล โจนส์ ได้ตวัดยิงลูกที่กระฉอกออกมาหน้าประตูเน้นๆในนาที 43 แต่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ จนกระทั้งถึงช่วงทดเวลาความพยายามของ "ผีแดง" ก็มาประสบผลสำเร็จ เมื่อ นานี เปิดลูกเตะมุมเข้ามา เวคเบ็ค โขกบอลไปแฉลบหัว เวสต์ บราวน์ เข้าประตูตัวเองไปอย่างเหลือเชื่อ ส่งผลให้เจ้าบ้านขึ้นนำทันที 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

    ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้น เกมค่อนข้างสูสีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสครองเกมพอๆกัน ซึ่งในนาทีที่ 52 นานี มีโอกาสยิงฟรีคิกระยะไกลนอกกรอบบอลพุ่งอย่างรุนแรง แต่ทิศทางยังไม่ดีพอหลุดเสาออกไป ต่อมาในนาที 62 นานี ยังได้สับไกระยะไกลอีกครั้ง แต่คราวนี้บอลเหินออกไปอย่างหมดลุ้น อย่างไรก็ดีในนาที 67 แฟนยูไนเต็ด ต้องเกิดอาการเสียวเล็กน้อย เมื่อผู้ตัดสินใจเกือบให้จุดโทษแก่ ซันเดอร์แลนด์ ก่อนที่จะปรึกษากับผู้กำกับเส้น และยกเลิกคำตัดสินไป จากนั้นในนาที 70 "ผีแดง" กดดันอย่างหนักจนกองหลัง ซันเดอร์แลนด์ ผิดพลาด ก่อนที่ผู้เล่นแมนยู จะเก็บบอลได้และจ่ายให้ รูนีย์ แปรเล่นทางเสาแรก แต่ เวสต์วูด ยังเซฟเอาไว้ และ เอวรา ได้โอกาสยิงดาบสอง แต่ก็ยังไม่ผ่านมืออยู่ดี

    จากนั้นในนาที 73 "เฟอร์กี" ตัดสินใจเปลี่ยนตัว ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ลงมาแทนที่ แดนนี เวลเบ็ค ที่วิ่งพร่านทั้งเกม ขณะที่ ซันเดอร์แลนด์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัว 2 ผู้เล่นคนสุดท้ายในนาที 76 แจ็ค โคลแบ็ค และสตีเฟน เซซเซยง ออก และส่ง เดวิด เมย์เลอร์, อัลเมด อัลโมฮามาดี ลงมาแทน ก่อนที่ "ผีแดง" จะส่ง ไมเคิล คาร์ริก มาแทน ปาร์ค จีซอง ในนาที่ 83 และตามมาด้วย ฟาบิโอ ลงมาแทน เฟล็ทเชอร์ ในช่วงทดเวลา 3 นาที จากนั้นไม่ใครบวกสกอร์กันเพิ่มได้จบเกมด้วยสกอร์ 1-0 ส่งผลให้ "ผีแดง" เก็บชัยชนะฉลองครบรอบการคุมทีม 25 ปีของ อเล็กซ์ เฟอร์กูซัน ได้สำเร็จ โดยรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงเช่นเดิมที่ 26 แต้ม ตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" อยู่ 2 แต้ม ส่วนทาง "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ อยู่ที่ 14 เท่าเดิมมี 10 แต้ม

    ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่ในช่วงเวลาเดียว "สิงห์บลูส์" เชลซี บุกไปเด็ด "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ถึงรังอีวูด พาร์ค 1-0 จากประตูชัยของ แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวเก่งในนาที 51 ช่วยให้ทีมดังจากลอนดอนขึ้นมารั้งอันดับ 4 มี 22 แต้ม ขณะที่ "กุหลาบไฟ" จมอยู่ที่ 18 ด้วยคะแนน 6 แต้ม

    รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ลินเดการ์ด, ฟิล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินาน, เดมานยา วิดิช, ปาทริค เอวรา, นานี, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ปาร์ค จี ซอง, แดนนี เวลเบ็ค, ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ และเวย์น รูนีย์
    ซันเดอร์แลนด์ : คีแรน เวสต์วูด, เวสต์ บราวน์, ไมเคิล เทิร์นเนอร์, คีแรน ริชาร์ดสัน, ฟิลลิป บาร์ดสเลย์, แจ็ค โคลแบ็ค, ลี แคตเตอร์มอล, สตีเฟน เซซเซยง, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คอนเนอร์ วิคแฮม และนิคลาส เบนด์เนอร์

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2554

    นิวคาสเซิล 2-1 เอฟเวอร์ตัน
    [1-0 จอห์น ไฮทิงกา (ทำเข้าประตูตัวเอง) น.12, 2-0 ไรอัน เทยเลอร์ น.19, 2-1 แจ็ค ร็อดเวล น.45+2]

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ซันเดอร์แลนด์
    [1-0 เวสต์ บราวน์ (ทำเข้าประตูตัวเอง) น.45+1]

    แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1 เชลซี
    [0-1 แฟรงค์ แลมพาร์ด น.51]

    อาร์เซนอล 3-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
    [1-0 โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ น.22, 2-0 โธมัส แฟร์มาเลน น.38, 3-0 มิเกล อาร์เตตา น.74]

    ลิเวอร์พูล 0-0 สวอนซี

    แอสตัน วิลลา 3-2 นอริช ซิตี
    [0-1 แอนโธนี พิลคิงตัน น.24, 1-1 ดาร์เรน เบนท์ น.30, 2-1 กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ น.47, 3-1 ดาร์เรน เบนท์ น.62, 3-2 สตีฟ มอร์ริสัน น.76]

    ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 2-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี
    [1-0 เจย์ โบทรอยด์ น.28, 1-1 เอดิน เซโก น.43, 1-2 ดาบิด ซิลบา น.51, 2-2 ไฮดาร์ เฮลกูสัน น.69, 2-3 ยายา ตูเร น.74]

    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000141315-


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ตามติด "ศศิน เฉลิมลาภ" มองข้ามช็อต..ภัยน้ำปีหน้า


    (ที่มา หน้าคนรุ่นใหม่ หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2554)


    [​IMG]



    เป็น อีกคนหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ เพราะในช่วงที่สังคมกำลังตื่นตระหนกกับวิกฤตน้ำท่วม จู่ๆ ผู้ชายมาดเซอร์ ผมยาว อุดมไปด้วยหนวดและเครา ก็ปรากฎตัวออกมาใน "คลิปวิดีโอ" วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครในอีก 1 เดือนข้างหน้า

    ในคลิปเขามีเพียง "แผนที่ประเทศไทย" เป็นอุปกรณ์ในการอธิบายเพียงชิ้นเดียว แต่ด้วยจุดเด่นการพูดที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนของการอธิบายข้อมูลและการแนะนำถึงการเตรียมตัวป้องกันสถานการณ์ น้ำท่วม

    ในเวลาไม่นานชื่อของ "ศศิน เฉลิมลาภ" เลขาธิการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก็กลายเป็นที่สนอกสนใจของหนุ่มสาวในโลกออนไลน์ ด้วยบุคคลิกภายนอกที่ดูติสท์ๆ แต่ข้อมูลที่แน่นปึกทำให้เขากลายเป็นขาประจำของสื่อต่างๆ ที่เชื้อเชิญให้ไปออกรายการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วม

    รวมถึงเรา "มติชน" จึงได้เชื้อเชิญเขามาเสวนากันเรื่อง "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ"

    "ผมเป็นนักวิชาการเพื่อชีวิต" เขาแนะนำตัว เมื่อเราเอ่ยทักว่า สไตล์ของเขาแตกต่างจากสไตล์ของนักวิชาการทั่วไป

    "ศศิน" เป็นชาว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาปริญญาตรีและโท คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอาจารย์และนักวิชาการคณะวิศวกรรม ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยรังสิต 13 ปี ก่อนผันตัวเองมาทำงานเป็นเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังในฐานะผู้ จัดการโครงการการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตก ของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เคยดำรงตำแหน่งคณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำและแร่ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 8 ปี และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 8 ปี ปัจจุบันเป็น "เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร"

    "ผมเรียนธรณีวิทยาเพราะชอบสิ่ง แวดล้อม ชอบทำงานกลางแจ้ง ชอบสำรวจค้นคว้า แต่พอมาเรียนถึงเพิ่งรู้ว่า ธรณีวิทยาส่วนใหญ่เป็นวิชาที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีทั้งทำเหมืองแร่ ขุดน้ำมัน ถ่านหิน"

    ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเรียนสาขาวิชานี้ถึง 2 ระดับทั้งปริญญาตรีและโท

    "ผมรู้สึกว่ามันดี มันใช่ มันทำให้ผมรู้จักกระบวนการธรรมชาติทั้งหมด"

    ส่วนเหตุผลที่ลาออกจากการเป็นอาจารย์มาทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ศศินบอกด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "เบื่อ!"

    "เป็น อาจารย์ทำอะไรมากไม่ได้ ธรรมชาติของผมเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคม ผมเป็นนักกิจกรรมมาโดยตลอด ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นประธานเชียร์คณะวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญผมชอบคุณสืบ นาคะเสถียร เขาเป็นนักวิชาการที่ทุ่มเทให้กับงานกับป่า โดยใช้ความรู้ทางวิชาการมาทำงานแบบไม่ยึดติดกับระบบใดๆ"

    เป็นการลาออกที่ใช้เวลาตัดสินใจนานหลายเดือน เพราะก็รู้อยู่แก่ใจว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยมีอนาคตดีกว่า

    "พอ มาทำตรงนี้ ได้ใช้ความรู้ความสามารถ 100 เปอร์เซ็นต์ อีกอย่างมันเป็นโอกาสที่ได้ช่วยคน ได้ทำงานที่เราชอบและมีประโยชน์กับคนจำนวนมาก เราเลิกเป็นอาจารย์คนเดียว แต่พื้นที่ป่าตะวันตกทั้งป่า คนที่อยู่ในป่าเป็นแสนคนได้ประโยชน์"

    ระยะเวลา 8 ปีที่ทำด้านนี้ หนึ่งในงานที่เขาทำ คือเป็น "ผู้บริหารโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตก" แม้ งานจะมีปัญหาเยอะและยาก เพราะต้องทำงานกับชุมชน 400 ชุมชนใน 6 จังหวัด แต่เขาก็มีความสุข และตอนนี้งานที่ทำก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ เหลือเพียงระดับนโยบายที่จะทำให้ยั่งยืน

    การทำงานของศศินดูจะไม่ค่อยเกี่ยวกับน้ำสักเท่าไหร่ แล้วจู่ๆ ทำไมถึงมาปรากฏตัวในคลิปวิดีโอวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมได้

    เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ บอกว่า มันเกิดเพราะบ้านเขาที่อยุธยาถูกน้ำท่วมเข้ามาในชั้นหนึ่งของตัวบ้าน ขนย้ายข้าวของไม่ทันเสียหายหมด

    "ผม รู้สึกว่าถ้ามีข้อมูลที่ชัดเจนของน้ำท่วมว่าน้ำท่วมแน่ๆ อยุธยาก็คงไม่เสียหายขนาดนี้ พอได้รับบทเรียนจากตรงนี้ ผมเริ่มนึกถึงคนกรุงเทพฯ ไม่อยากให้ประสบกับวิกฤตเดียวกัน แล้วผมก็พอมีความรู้อยู่บ้างแม้จะไม่โดยตรง จึงนำมาประมวลและเผยแพร่ เพราะโอกาสที่น้ำจะเข้าถึงกรุงเทพฯ มีสูงมาก"

    ศศิน วิเคราะห์น้ำท่วมแบบไม่ตระหนกตกใจ เพราะไม่ได้รู้สึกว่าน้ำท่วมเป็นเรื่องใหญ่โต อีกอย่างภาคกลางอยู่ในพื้นที่ราบน้ำท่วมถึงได้อยู่แล้ว

    "ผมเชื่อ ว่าน้ำท่วมเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในภาคกลาง มันก็เหมือนน้ำท่วมเมื่อปี 2485 ปี 2526 หรือ 2538 ไม่ต่างกัน ปริมาณน้ำไม่ต่างกันมาก แต่คนคิดว่ามันรุนแรง เพราะเอาอุตสาหรกรรม เอาบ้านจัดสรรไปอยู่กลางพื้นที่น้ำท่วม มันก็เสียหาย"

    "อีก อย่างปีนี้ ข่าวสารข้อมูลมันทำให้รู้สึกตื่นเต้น ทั้งที่จากสถิติ 10 ปี 20 ปีน้ำจะท่วมสักครั้งหนึ่ง จริงๆ เราน่าจะรับได้แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาของทุกพื้นที่ในโลกที่สามารถจะเกิดภัยทางธรรมชาติได้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ซึ่งน้ำท่วมก็เป็นภัยธรรมชาติ แต่ถ้าเทียบกับแผ่นดินไหว หรือสึนามิ น้ำท่วมเป็นอะไรที่เด็กๆ ที่สุด ไม่น่าจะไปวี้ดว้าย ไม่น่าจะไปคิดว่าเป็นมหาอุทกภัย"

    การ พุดคุยกับศศินครั้งนี้ เราไม่เน้นให้เขาวิเคราะห์สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น แต่อยากให้เขามองข้ามช็อตไปหลังวิกฤตว่าประเทศไทยควรจะเดินหน้าไปอย่างไร ศศินบอกว่า หลังจากนี้ประเทศไทยต้องมองถึงระดับการป้องกันน้ำท่วม เรื่องเกิดขึ้นแล้วก็ให้แล้วไป อย่ากล่าวโทษกัน

    "เราต้อง เอาตรงนี้มาเป็นบทเรียนและรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดมาทำเป็นคู่มือทั้งใน ระดับบุคคล ชุมชน ระดับจังหวัดและระดับชาติ เพื่อหาแนวทางป้องกันที่ได้ผลมากกว่านี้"

    กับข่าวที่พูดกันว่าปีหน้าจะมีภัยพิบัติรุนแรงยิ่งกว่านี้อีก เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ ให้ความเห็น

    "มัน เป็นเรื่องธรรมดาทางธรณีวิทยาที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้านักวิชาการช่วยกันมอง เราก็เตือนภัยกันก่อนได้ เรื่องจะเกิดไปห้ามไม่ได้หรอก แต่ถ้าเตรียมพร้อมรับมือ ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะช่วยบรรเทาความเสียหายได้" เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ ให้ความเห็น ก่อนแนะนำว่า

    "ส่วน ใหญ่คนไทยรู้จักแต่การบริหารความเสี่ยงเรื่องเงินๆ ทองๆ ต่อไปต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยงเรื่องภัยธรรมชาติด้วย โดยเอาปัจจัยธรรมชาติเข้ามาประมวลและบริหารความเสี่ยง"

    "ใน แง่วิชาการ ปีหน้าคนภาคกลางมีโอกาสเกิดสึนามิหรือแผ่นดินไหว 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1000 เท่านั้น แต่น้ำท่วมบอกได้เลยว่า 1 ใน 20 แต่ภาคอื่นๆ อย่าง ภาคใต้ หรือภาคเหนือ ยิ่งหมู่บ้านเชิงเขาที่ทำลายป่าไม้เยอะๆ ก็มีโอกาสเกิดดินถล่มจากน้ำป่าไหลหลาก 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 10 พอรู้ข้อมูลอย่างนี้ก็นำมาประมวลแล้วบริหารความเสี่ยงที่ทำได้ตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่ยังไม่เกิด ถ้ามันเกิดขึ้นจริง จะช่วยบรรเทาความเสียหายลงได้เยอะ"

    ปีหน้า 2012 หลายคนกลัวว่าจะเป็นวันสิ้นโลก???

    "ถ้า เป็นวันสิ้นโลกจริง ไม่ใช่ปัญหา ก็ตายด้วยกันหมด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสเกลของธรณีวิทยา ที่มองภาพของโลก 1 ภาพใช้ระยะเวลาถึง 500-600 ล้านปี แต่มนุษย์มีช่วงเวลาไม่ถึง 5 หมื่นปีด้วยซ้ำ ถ้าเรามองภาพใหญ่ของโลก มนุษย์เป็นจุดเล็กๆ เท่านั้น"

    ตอบ ไม่ได้จริงๆ ว่า ปี 2012 จะสิ้นโลกหรือเปล่า หรือจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงอะไรขึ้น แต่นักวิชาการเพื่อชีวิตคนนี้บอกว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นๆ จริงๆ คนไทยก็คงไม่ซีเรียสเท่าทุกวันนี้แล้ว เพราะเป็นกันหมดแล้ว

    แต่สำหรับเวลานี้ สิ่งที่อยากให้คนไทยมีมากที่สุด คือ "สติ" แล้วเราจะรอดวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน



    -http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1EUTNPVEl3TWc9PQ==&sectionid=-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    คำชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี อีเอ็ม บอล หรือ ก้อนจุลินทรีย์


    ตามที่มีการนำเสนอข่าวสารว่าการใช้ EM Ball ไม่เกิดผลในการบำบัดน้ำเสียและอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมด้วยนั้น ทำให้ผู้มีจิตอาสาจำนวนมากเกิดความสับสนและกระทบต่อการระดมอาสาสมัครช่วยทำ EM Ball ในหลายแห่งรวมถึงคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญซึ่งร่วมกับศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ABAC Flood R - SA) เร่งผลิต EM Ball ให้ได้จำนวน 100,000 ลูก ภายใน 2-3 วันเพื่อนำไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจังหวัดนนทบุรีในสัปดาห์หน้า

    ดังนั้น คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจึงใคร่ขอชี้แจงข้อมูลอีกด้านหนึ่งเพื่อสร้างความเข้าใจผ่านสื่อมวลชน ดังนี้


    1. การทำงานของ EM Ball มิใช่เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยตรง แต่ใช้หลักการนำเอาจุลินทรีย์ชนิดดีมีประสิทธิภาพไปแย่งอาหาร( ของเสีย ซากพืชสัตว์ที่ไหลมากับน้ำ) จากจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำที่กำลังจะเน่าเสียหรือ ในน้ำเสีย สกัดกั้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ธรรมชาติที่เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย การใช้ EM Ball ในน้ำที่เริ่มจะเน่าเสียจะเห็นผลเร็วกว่าในน้ำที่เน่าเสียแล้ว


    2. การผลิต EM Ball ที่จะช่วยปรับสภาพน้ำได้ต้องใช้กรรมวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม กล่าวคือ

    2.1 ใช้หัวเชื้อน้ำจุลินทรีย์เข้มข้นชนิดดี มีคุณภาพซึ่งประกอบไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มที่ใช้ออกซิเจน กลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจน และกลุ่มที่ใช้ หรือไม่ใช้ออกซิเจนก็ได้ นำมาผสมให้เจือจางในอัตราพอเหมาะเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญ

    2.2 เลือกใช้สูตรและส่วนผสมในการปั้นขึ้นรูปที่มีสารอาหารน้อยที่สุดเพียงประทัง ชีวิตของจุลินทรีย์ชนิดดีให้พออยู่ได้ก่อนการนำไปใช้งาน เนื่องจากมีสูตรและส่วนผสมในการผลิตหลากหลายและมีความเหมาะสมในการใช้งานตาม วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ห้ามใช้สูตรที่มีส่วนผสมกากน้ำตาลหรือมูลสัตว์ซึ่งมีสารอาหารสำหรับ จุลินทรีย์มากเกินไป

    2.3 EM Ballที่ทำเสร็จแล้วไม่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ต้องผึ่งลมไว้เป็นเวลา 2-3 วัน ห้ามตากแดดเป็นอันขาด


    3. การใช้งาน EM Ball ที่เหมาะสมต้องนำไปใช้เฉพาะพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขังหรือน้ำไม่ค่อยไหลเวียน และต้องใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม EM Ball ขนาดลูกเทนนิส 1 ลูก ใช้ได้สำหรับน้ำท่วมขัง 4-5 ลบ.ม.โดยจะยังไม่เห็นผลต่อสภาพในทันทีเพราะ EM Ball จะค่อยๆ ปลดปล่อยจุลินทรีย์ออกมาทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 7 วัน หากเร่งใส่ EM Ball จนเกินจำนวนที่กำหนดจะทำให้มีสารอาหารหลงเหลือในน้ำมากเกินไปและอาจก่อให้ เกิดผลเสียต่อสภาพน้ำได้ ทั้งนี้ EM Ball ที่ผลิตเสร็จแล้วต้องนำไปใช้ภายใน 30 วัน


    ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.วิยดา กุนทีกาญจน์ (ปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา University of California, Davis) โทร. 087-715-6699 e-mail: viykun@gmail.com หรือ ดร. เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร. 02-719-1515


    คณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
    วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554
    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320488949&grpid=&catid=03&subcatid=0305-


    ---------------------------------------------

    ผู้ผลิตอีเอ็ม บอลล์ โต้นักวิชาการจุฬาฯ ไม่รู้จัก "อีเอ็ม บอลล์" จริง


    นายมนัส หนูสวี รองประธานมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ริเริ่มการผลิตอีเอ็ม บอลล์ อย่างจริงจังคนแรกของภาคใต้ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของศ.ดร. ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ว่า EM Ball อาจไม่ช่วยบำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วม และอาจจะยิ่งทำให้น้ำขาดออกซิเจนเน่าเสียไปกว่าเดิม นั้น ก็อยากถามว่าท่านรู้จักอีเอ็มบอลล์ Ball แค่ไหน ขณะนี้เกิดน้ำท่วมน้ำเน่าเหม็นชาวบ้านเดือนร้อนไปทั่ว และต้องการให้มีการบำบัดน้ำที่เสียให้ดีขึ้น การออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าวไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแล้วยังจะทำให้น้ำ เน่าเสียนานขึ้นด้วย หากไม่เร่งบำบัด

    ทั้งนี้ ความคิดเห็นทางวิชาการที่ว่า อีเอ็มบอลล์ ทำมาจาก สารอินทรีย์ เช่น กากน้ำตาล และ รำข้าว ซึ่งจุลินทรีย์ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย และอาจจะทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงเน่าเสียไปกว่าเดิมนั้น นาย มนัส ตอบว่า น้ำที่เน่าเสียจากน้ำท่วมถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับน้ำเสียจากบ่อขยะที่ ส่งกลิ่นเหม็นไปไกลหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะปัญหาที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ทางกลุ่มดำเนินการบำบัดจนสามารถปล่อยปลาได้ อีเอ็มบอลล์ มีจุลินทรีย์ หลายชนิด โดยเฉพาะจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ให้ออกซิเจนกับน้ำ และจุลินทรีย์ ที่ทำให้แก๊สไข่เน่า และแก๊สมีเทน ซึ่งทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นลดลง จุลินทรีย์บางชนิด นักวิชาการของไทยไม่รู้จักด้วยซ้ำ



    นายมนัส กล่าวอีกว่า นักวิชาการได้อ้างกรณีสึนามิ ที่ญี่ปุ่นว่า ไม่ได้ใช้ อีเอ็ม แต่ใช้ปูนขาว และคลอรีน นั้น ปูนขาวคือการลดความเป็นกรด คลอรีนใช้ฆ่าเชื้อซึ่งจะฆ่าเชื้อทั้งหมดทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ต้องถามว่าจะต้องใช้ปูนขาวและคลอรีนเท่าไหร่จึงจะพอ และต้องถามกลับไปว่า บริษัทนักการเมืองคนไหนที่ ผูกขาดการผลิตปูนขาว และคลอริน ซึ่งการที่นักวิชาการออกมาพูดเช่นนี้ควรที่จะพิสูจน์ก่อนว่าอีเอ็มบอลล์ดี หรือไม่ดี แม้ว่าการโยนอีเอ็มบอลล์บำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วมอาจจะไม่ชัด แต่ขอให้นักวิชาการไปตักน้ำเสียในคลองไหนก็ได้ที่ กทม.มาพิสูจน์จะได้รู้กัน

    ด้าน นายประวิทย์ ภูมิระวิ ผู้รับผิดชอบการผลิตอีเอ็มบอลล์l ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร กล่าวว่า ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ถ้าส้วมเหม็น ก็ลองทุบใส่ดู 2-3 วันกลิ่นหายไปก็หมายความว่าใช้ได้ ถ้าน้ำเสียมีกลิ่น โยนลงไปดู น้ำดีขึ้นกลิ่นหายไป ก็แสดงว่าใช้ได้ ส่วน อีเอ็ม บอลล์ ที่ศูนย์ฯ ผลิต 5 แสนลูก ถ้าไม่มาเอาก็ไม่เป็นไรเพราะปกติชาวบ้านทั่วไปก็ใช้อยู่แล้ว ไม่ได้เดือนร้อนเพราะเราไปได้มีอาชีพขาย อีเอ็มบอลล์


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320484780&grpid=&catid=03&subcatid=0305-

    ---------------------------------------------------------------------------

    "วิศวะจุฬา"ติง ทิ้ง"อีเอ็ม"ไร้ประโยชน์ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแค่ความเชื่อสังคม"ป้าเช็ง"


    วันที่ 5 พฤศจิกายน นายธงชัย พรรณสวัสดิ์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงกับสังคมเวลานี้ที่กำลังเข้าใจผิดว่า อีเอ็ม หรือน้ำหมักชีวภาพ ทั้งชนิดน้ำและชนิดก้อน หรืออีเอ็มบอลนั้น จะช่วยลดปัญหาน้ำเสีย น้ำเน่า จากสภาพน้ำที่ท่วมขังในเวลานี้ได้ เพราะตามหลักการแล้ว กากน้ำตาลที่หมักเอาไว้ โดยตัวของมันเองก็เหม็นอยู่แล้ว หากเอาไปโยน หรือเทใส่ในน้ำ จะทำให้น้ำที่เน่าเสียนั้นดีขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ องค์ประกอบในอีเอ็มนั้นคือสารอินทรีย์ การเอาไปใส่ในน้ำ โดยอ้างว่าแบ็คทีเรียในตัวอีเอ็มจะไปเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ทั้งๆ ที่ในน้ำเสียก็มีปริมาณแบคทีเรียอยู่แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่อีเอ็มจะเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้น้ำ

    "เรื่องนี้จึงเป็นเพียงความเชื่อ ที่เชื่อต่อๆ กันเท่านั้น เหมือนที่เชื่อเรื่องน้ำหมักป้าเช็ง ผมเช็กไปยังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต้นกำเนิดอีเอ็ม อย่างประเทศญี่ปุ่น เขาก็ไม่เคยใช้อีเอ็มสำหรับแก้ปัญหาน้ำเสียเลย ไม่กว่ากรณี เหตุการณ์สึนามิครั้งที่ผ่านมา หรือกระทั่งที่อ้างว่า องค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ยอมรับว่ายูเอ็นสามารถแก้ปัญหาน้ำเสียได้ ก็ไม่เป็นความจริง" นายธงชัยกล่าว

    นายธงชัยกล่าวว่า ยอมรับว่าอีเอ็มมีประโยชน์จริงกรณีที่ใช้เป็นการปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นการเพิ่มปริมาณแบคทีเรียในดิน แต่ถ้าบอกว่า ใส่สารอินทรีย์ ที่มีแบคทีเรีย เพื่อลดปริมาณแบคทีเรียในน้ำ มันไม่มีตรรกะที่สามารถเป็นไปได้เลย

    "มีใครมีหลักฐานที่กล้าออกมาพูดและยืนยัน กรณีการได้ผลของการใช้อีเอ็มบ้าง ได้แต่เป็นความเชื่อและพูดต่อๆ กัน ยิ่งมีผู้บอกว่า จะใช้อีเอ็มเป็นวาระแห่งชาติ ผมในฐานะนักวิชาการที่ต้องออกมาพูดความจริงก็ยิ่งเป็นห่วง ยอมรับว่ามันออกจะขัดแย้งกับแนวคิดส่วนใหญ่ และกำลังสวนกระแส ที่คนทั้งประเทศต่างก็ตั้งความหวังกับของสิ่งนี้ และอาจจะถูกต่อต้าน แต่ก็เป็นความจริงที่ต้องพูด" นายธงชัยกล่าว

    เมื่อถามว่า แล้วจะต้องทำอย่างไร ในเมื่อเวลานี้ มีการแจกอีเอ็มจำนวนมหาศาลให้ประชาชนแล้ว นายธงชัยกล่าวว่า เรื่องการทำให้น้ำเสียเพิ่มขึ้น คิดว่าคงจะไม่ใช่ปัญหา เพราะปริมาณน้ำ กับปริมาณอีเอ็มที่แจกออกไปเวลานี้ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบสัดส่วนกัน แต่จะเป็นเรื่องการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่คุ้มค่า ที่สำคัญคือไม่ได้ผลเลย

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320480787&grpid=&catid=03&subcatid=0305-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เรื่องเล่าเทพนิยายหมายเลข 25 ของ "เฟอร์กี้" 2 ทศวรรษครึ่งกับ "แมนฯยูฯ"



    วันที่ 6 พ.ย. ถือเป็นวันครบรอบ 25 ปีที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รับตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ปี 1986 จนมาถึงปี 2011 บรมกุนซือสก็อตพาปีศาจแดงตะลุยจุดสูงสุดและต่ำสุดมาโดยตลอด และเชื่อได้ว่าการแข่งขันสุดสัปดาห์นี้เฟอร์กี้ก็ยังคงจะพาทีมก้าวไปข้าง หน้าเช่นเดิม

    2 ทศวรรษครึ่ง เฟอร์กี้ กวาดถ้วยรางวัลเข้า ห้องโชว์ของสโมสรนับได้ 37 แชมป์ ทำให้เฟอร์กี้ กลายเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ แม้ ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เซอร์อเล็กซ์ อาจมีสัปดาห์ที่เจ็บปวดที่สุดในอาชีพหลังโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตัวเองขนานนามว่าเป็นเพื่อนบ้านจอมเจี๊ยวจ๊าว บุกถล่มถึงรัง 6-1 และกลืนความขมยอมรับว่าเป็น ความพ่ายแพ้ที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิต

    แต่บาดแผลบนร่างกายของนักรบบ่งบอกได้ถึงความชำนาญการและความช่ำชอง ซึ่งมีทั้งที่ทำได้แบบเหลือเชื่อ และพลาดท่าแบบขมขื่น ซึ่งคำที่เฟอร์กูสัน นิยามการโลดแล่นในวงการลูกหนังอังกฤษสามารถอธิบายสิ่งนี้ได้อย่างดี เฟอร์กี้ เรียกมันว่า

    "เทพนิยาย"

    [​IMG]

    "มันเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์สำหรับผม เป็นเรื่องที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น และผมก็ยินดีกับมัน" เซอร์อเล็กซ์กล่าว

    กุนซือสก็อตที่กำลังจะอายุครบ 70 ปีในเดือนธันวาคม กวาด 12 แชมป์ลีก, เอฟเอคัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย, แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ คัพ วินเนอร์ส คัพ มาแช่ในรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีการแข่งขันมหัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น นอกเหนือจากวินาทีแซงยิงบาเยิร์นฯคว้าแชมป์ยูฟ่าฯในอึดใจสุดท้าย

    แล้วอะไรที่ทำให้ เฟอร์กี้ สร้างเทพนิยายหมายเลข 25 ได้ ?

    เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน นิยามบรมกุนซือสก็อตด้วยคำว่า "อัจฉริยะ" โดยให้เหตุผลว่าสามารถหลอมรวมความมุ่งมั่นที่กล้าแกร่ง เข้ากับ ความยืดหยุ่นในด้านแทคติกเป็นหนึ่งเดียวได้

    แน่นอนว่าตัวเลข "19" เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี หลังจากที่พาปีศาจแดงจารึกชื่อแทนที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์สมัยที่ 19 ของสโมสร

    "มีผู้จัดการทีมหนุ่มๆที่มีฝีมือมากมายในวงการ แต่เขาเป็นคนที่ทำงานมานานที่สุด เขาเกิดมาเพื่อมัน เขาอดทน และมีพรสวรรค์" เซอร์บ็อบบี้ กล่าวถึงเฟอร์กี้ ที่สามารถดึงเอานักเตะพรสวรรค์ระดับท็อปมาเป็นหนึ่งเดียว แม้ ลูกหนังสมัยใหม่จะรู้จักโจเซ่ มูรินโญ่ หรืออาร์แซน เวนเกอร์ แต่มูรินโญ่ ไม่เคยอยู่กับทีมไหนนานกว่า 35 เดือน ขณะที่เวนเกอร์ ไม่มีแชมป์ติดมือ 6 ปีแล้ว

    [​IMG]

    "เมื่อผมลองมองย้อนกลับไป ผมพูดกับตัวเองว่า ผมโชคดีแค่ไหนที่สามารถทำงานกับนักเตะเหล่านั้น มันยากที่จะบอกว่าผมทำงานกับพวกเขามานานขนาดนี้ ขณะที่ผู้เล่นยุคปัจจุบันมีความแตกต่างทั้งบุคลิกภาพ และแตกต่างทางวัฒนธรรม" เซอร์เฟอร์กี้กล่าว

    หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถรั้ง เวย์น รูนี่ย์ ให้ต่อสัญญากับทีม หรือ สั่งให้โรนัลโด้ เล่นอยู่กับทีมไปอีกฤดูกาลแม้จะมีทีมยักษ์มาจ่อหน้าประตูบ้านแล้ว ส่วนมูรินโญ่ แม้จะเฮี๊ยบ แต่เฮียไม่เคยปฏิเสธที่จะเดินออกจากปัญหาวุ่นวาย แต่เฟอร์กูสัน เรียนรู้และอยู่มานานพอที่จะทำให้คนอื่นจากไป ซึ่ง เบ็คแฮม, ฟาน นิสเตลรอย และรอย คีน หรือยาป สตัม ก็รู้เรื่องนี้ดี

    แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า เฟอร์กี้ ก็เป็นคนที่พบกับปัญหาเหมือนกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ตกอยู่ในภาวะเก้าอี้ร้อนเมื่อต้นฤดูกาล 1990 ประกาศจะเลิกคุมทีมฤดูกาล 2001-02 แต่กลับพลิกฟอร์มกลับมาประสบความสำเร็จได้ยาวนาน 25 ปี

    [​IMG]

    วงการลูกหนังช่วงที่เฟอร์กูสัน เข้ามาคุมทีม กับในยุคนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมาย ตอนที่เฟอร์กี้ย้ายจากอเบอร์ดีนมายังไม่มีแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่มีพรีเมียร์ลีก หรือ กำไรจากการถ่ายทอดสด แฟนบอลยังเข้ามายืนชมเกมบนอัฒจันทร์ กฎย้ายทีมของผู้เล่นเมื่อหมดสัญญากับต้นสังกัดหรือบอสแมน ก็ยังไม่เกิด

    ทุกวันนี้วงการลูกหนังเปลี่ยนแปลงไป แต่มีน้อยคนที่ยังอยู่รอดและประสบความสำเร็จกับทีมอย่างต่อเนื่องเท่ากับ เฟอร์กี้ ที่คว้าแชมป์ลีก 6 สมัยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และไม่เคยจบในอันดับต่ำกว่า 10 อันดับแรกในตารางลีกอังกฤษมา 35 ปีแล้ว

    เซอร์อเล็กซ์ เล่าถึงสมัยที่เข้าสโมสรตอนแรกว่า "ตอนที่เข้ามาในสโมสรตอนแรก แน่นอนว่าผมต้องสร้างทีม มีการตัดสินใจครั้งใหญ่มากๆ และเราก็เคลียร์ไปหลายเรื่อง มันไม่มีโครงร่างอะไรให้ตั้งเป้าแชมป์เลย มันไม่มีฐานรากอะไร ไม่มีถ้วยแชมป์อะไรให้จูงใจกับนักเตะ มันเป็นงานที่ยาก"

    นับตั้งแต่ยุคลูกหนังคลาสสิค มาจนถึงยุคนายทุนโลกลูกหนัง เฟอร์กี้ ปรับทีมผสมด้วยผู้เล่นมากมายจนกลายเป็นทีมผสมระหว่างผู้เล่นมากประสบการณ์ และแข้งในเกาะอังกฤษจนถูกจับตาว่าเป็น เฟอร์กี้ เบ๊บส์ ทาบกับ แม็ตต์ บัสบี้ เบ๊บส์

    ปรับแทคติก การเล่น และสไตล์การเล่นจิตวิทยา จากยุคสู้รบปรบมือกับเวนเกอร์ จนถึง มูรินโญ่ เปลี่ยนขุนพลทัพมากมาย ไบรอัน ร็อบสัน, สตีฟ บรูซ, ดไวค์ ยอร์ค, คันโตน่า, รอย คีน, ฟาน นิสเตลรอย, โรนัลโด้ และอีกหลายคนที่ยังโลดแล่นอยู่ในโลกลูกหนังทุกวันนี้

    เฟอร์กี้ เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปลดระวางหลายครั้ง จากปากของกุนซือสกอตคาดว่าน่าจะคุมไปอย่างน้อย 2-3 ปี ขณะที่ฤดูกาลนี้ยังมีภารกิจประมือกับคู่ปรับร่วมเมืองที่ครองจ่าฝูง และก็มีโปรแกรมลงเตะกับซันเดอร์แลนด์ ถือเป็นนัดก่อนวันครบรอบล่วงหน้า และอีกก้าวของเฟอร์กี้

    ไม่รู้อีกกี่ปีจะมีเทพนิยายลูกหนังแบบนี้ให้ได้ดูกันอีก


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320399424&grpid=01&catid=&subcatid=-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...