พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ใช้ยาปฏิชีวนะแก้เจ็บคอทุกทีถูกต้องหรือ?

    วันพุธ ที่ 31 สิงหาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD><TD id=ext-gen16 style="WIDTH: 46px">วีดีโอ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <!-- START OF THE PLAYER EMBEDDING TO COPY-PASTE --><OBJECT id=player height=480 width=640 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000 name=player>
























    <OBJECT type=application/x-shockwave-flash height=480 width=640 data=/content/videos/player-licensed.swf> Get Flash to see this player.
    </OBJECT></OBJECT><!-- END OF THE PLAYER EMBEDDING -->​

    [​IMG]

    'มุมสุขภาพ' วันนี้หยิบคำเตือนการใช้ยาปฏิชีวนะแก้อาการเจ็บคออย่างไม่ถูกต้อง จาก พญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเปิดเผยไว้ในงานเปิดตัวโครงการ 'ไม่เสี่ยงแพ้ ไม่เสี่ยงดื้อยา ฉลาดใช้ยาปฏิชีวนะ' เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    พญ.วารุณี ระบุว่า คนทั่วไปเมื่อมีอาการเจ็บคอก็จะซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเพื่อรักษาอาการดังกล่าว โดยไม่ทราบว่า ยานั้นแก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่ เนื่องจากอาการเจ็บคออาจเกิดได้จาก 4 สาเหตุ คือ 1.ติดเชื้อแบคทีเรีย 2.ติดเชื้อไวรัส 3.เชื้อรา และ 4.สาเหตุอื่นๆ เช่น ใช้เสียงมาก พักผ่อนน้อย ซึ่งมีเพียงสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นที่จะใช้ยาปฏิชีวนะมารักษาอาการเจ็บคอ

    นอกจากนี้ ยังมีการรายงานด้วยว่า ร้อยละ 85 ของอาการเจ็บคอมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสหวัด และคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 80 มักใช้ยาปฏิชีวนะทันทีเมื่อเป็นหวัดและเจ็บคอ โดยไม่ทราบว่า หากนำยาปฏิชีวนะมาใช้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดเชื้อแบคทีเรีย อาจเสี่ยงต่อการดื้อยา หรือแพ้ยาได้

    อย่างไรก็ตาม พญ.วารุณี ได้แนะนำวิธีสังเกตอาการเจ็บคอเนื่องมาจากติดเชื้อแบคทีเรีย สำหรับผู้อ่านรักษ์สุขภาพของเดลินิวส์ออนไลน์ คลิกชมได้ที่วิดีโอ.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  2. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    5สุดยอดผักบำรุงสายตา

    วันพฤหัสบดี ที่ 01 กันยายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    สุขภาพตาดีมีได้ไม่ยาก เพียงหมั่นถนอมอย่างถูกวิธี และบำรุงด้วย “ผักอุดมวิตามินเอ” หาง่าย ราคาไม่แพง ทานประจำทำตาใสปิ๊งค์

    ปัญหาด้านสายตามักพบมากขึ้นในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์เป็นเวลานาน ใช้สายตาอ่านหนังสือขณะแสงไม่เพียงพอ รวมถึงแสงจากแดด และลม ล้วนเป็นปัจจัยทำให้ดวงตาเสื่อมก่อนวัย ดังนั้น ในแต่ละวันจึงควรหมั่นถนอม เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานที่สุด เริ่มง่าย ๆ ด้วยการทานผักที่ช่วยบำรุงสายตา อุดมวิตามินเอ ดังนี้

    ผักบุ้ง แก้ตาฟาง หรือตาบอดกลางคืนได้ดี ลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเยอะ และช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง

    แครอท มีหลายสี เช่น เหลือง ม่วง ส้ม แต่ที่นิยมรับประทานคือสีส้ม บำรุงสายตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในเวลากลางคืน หรือในที่แสงสว่างน้อย

    ฟักทอง ช่วยในการมองเห็น ป้องกันเยื่อบุตาแห้ง และกระจกตาเป็นแผล

    คะน้า มีลูทีนสูง โดยผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า รับประทานเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกได้ถึง 20%

    ตำลึง มีเบต้าแคโรทีน และแคโรนอยด์ที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอต่อ แก้โรคตามัวตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม วิตามินเอมีความไวต่อออกซิเจน ดังนั้น หากจะทำเป็นผักต้ม ควรใส่น้ำปริมาณน้อย และปิดฝาภาชนะขณะต้ม จะช่วยป้องกันการสูญเสียวิตามินได้ดี

    อย่าลืมใส่ผัก 5 ชนิดดังกล่าวลงในเมนูเป็นประจำ เพื่อดวงตาคู่สวยจะได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพนาน ๆ.
    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    “ต่างดาว” หรือ “ต่าติ๊ต่าวว!” ท้าพิสูจน์ คลิป UFO ในจีนชัดที่สุดที่พบกัน! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">1 กันยายน 2554 17:33 น.</td></tr></tbody></table>

    เอเยนซี - ปรากฏการณ์ยูเอฟโอ ยังคงร้อนแรง ล่าสุด มีผู้โพสต์คลิปซึ่งชาวเน็ต อ้างว่า เห็นชัดที่สุดขณะที่นักบินและพยานหลายสิบคน ในหลายเมืองของจีนยืนยันว่าพบเห็น “ยูเอฟโอ”

    คลิปยูเอฟโอ ล่าสุด ที่ถ่ายได้เมื่อวันอังคารที่ 30 ส.ค.ในเฉินชุน เมืองก่วงโจว มณฑลก่วงตง นี้มีผู้นำมาโพสต์จนเป็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรง ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์พยานหลายคนที่อ้างว่า พบเห็นต่างพูดตรงกันว่า “ขนาดของยานที่เห็น คือ มีลูกกลมป่องๆ สว่างบนท้องฟ้า ลูกกลมนี้เหมือนว่าจะขยายใหญ่ขึ้นได้ด้วย และเมื่อบินไปๆ ก็ค่อยๆ หรี่แสงและหายวับไปอย่างรวดเร็ว”

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นักบินคนหนึ่งของสายการบิน ไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ ได้โพสต์ข้อความในไมโครบล็อกของตนว่า ขณะควบคุมเครื่องบินอยู่ในห้องนักบิน เขาเห็นยานบินยูเอฟโอ บินอยู่เหนือท้องฟ้านครเซี่ยงไฮ้ระยะสูงกว่า 10,000 เมตร

    นักบินโพสต์ข้อความในบล็อกเกอร์ของตน ว่า “มันเป็นวงกลมดวงใหญ่โตมาก! ในตอนแรกผมคิดว่าตาคงฝาด จนผู้ช่วยนักบินที่นั่งข้างๆ ก็ถามเหมือนกันว่าผมเห็นดวงไฟนั่นไหม ที่น่าแปลกคือ เมื่อนักบินรายงานการพบเห็นวัตถุบินนี้ต่อสำนักงานควบคุมการบิน ก็ทราบว่า ได้มีการแจ้งรายงานจากนักบินอีก 10 คน ที่บินอยู่ในบริเวณนั้น ก่อนแล้ว” โพสต์ของเขา มีคนเข้ามาอ่านเจอและส่งต่อข้อความเป็นจำนวนมาก

    นอกจากในเซี่ยงไฮ้ นักดาราศาสตร์สมัครเล่น และชาวเน็ตหลายคนในกรุงปักกิ่ง และเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ไปจนถึงอีกหลายๆ เมือง ก็ได้พบเห็นยานบินรูปทรงเดียวกัน ในเวลาเดียวกันกับชาวเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

    รายงานข่าวกล่าวว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปรากฏการณ์พบเห็นยานบินพร้อมๆ กัน ในหลายๆ เมือง คำว่า “ลูกโป่งเรืองแสง” “ยูเอฟโอ” และ “มนุษย์ต่างดาว” ก็กลายเป็นคำร้อนของชาวเน็ตฯ รวมถึงการถกเถียงถึงปรากฏการณ์ปริศนานี้ โดยความเห็นของชาวเน็ต มีมากกว่าครึ่งที่ไม่เชื่อเลย และช่วยกันจับผิดภาพว่า ทำไมไม่ปรากฏเงาของยานบินในน้ำ แต่ก็มีผู้มาโต้แย้งว่า มีสิ ดูที่ 00.09 วินาทีในคลิปต้นฉบับสิ (คลิปที่สอง)

    สำหรับในคลิปแรกนั้น เป็นของชาวก่วงโจวบนรถโดยสารประจำทาง ที่ได้พบเห็นและถ่ายบันทึกด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือ ความยาวเพียง 4 วินาทีเศษๆ ซึ่งต่อมามีผู้อยู่ในวงการผลิตภาพยนตร์ นำภาพจากเหตุการณ์มาวิเคราะห์ให้ดูเป็นฉากๆ แม้มีหลายคนออกมาโต้ว่าเป็นของปลอม แต่เขาก็ได้ให้เหตุผลจากการสังเกตภาพ ซึ่งมีหลายจุดที่เชื่อว่าเป็นจริง อย่างเช่น มุมและระดับเส้นขอบฟ้ากับมุมของผู้ถ่ายคลิปค่อนข้างสอดคล้องกัน การเคลื่อนที่ขยับใกล้และไกลสมจริง อีกทั้งแสงและเงาของภาพในคลิป ก็มีลักษณะเป็นจริงมากกว่าการตัดต่อธรรมดา

    นอกจากนั้น จุดที่ยูเอฟโอเคลื่อนผ่านเสาไฟฟ้า เมื่อดูจากคลิปจะเห็นว่าตัวยาน ยูเอฟโอไม่ได้เคลื่อนทับหรือปิดบังเสาไฟฟ้า ซึ่งหากเป็นการตัดต่ออาจทำได้ยากตรงจุดนี้ ในความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวในวงการฯ เขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นของจริง

    ชาวเน็ตฯ บางคนออกความเห็นทีเล่นทีจริงว่า ถึงเป็นของปลอม แต่ก็ยอมรับว่าทำได้เนียนกว่าคลิป ยูเอฟโอ ที่คอยแต่ไปเยี่ยมเยือนชาวตะวันตกเมื่อทศวรรษก่อนๆ มาก

    ทั้งนี้ นอกจากการรายงานของนักบินมากกว่า 10 คนและนักดาราศาสตร์สมัครเล่นหลายคนที่ออกมายืนยันการพบเห็น ก็ยังไม่มีหน่วยงานทางการออกมายืนยันด้วย จึงเป็นหน้าที่ของชาวเน็ตฯ ที่จะท้าพิสูจน์เหตุการณ์ล่าสุดนี้ ว่าจะใช่ปรากฏการณ์ “ต่างดาว” หรือ แค่กุเรื่อง “ต่าติ๊ต่าวว!” จานบินของเล่นใส่ถ่านไฟฉายกันแน่

    (คลิปยูเอฟโอ ล่าสุด มีผู้อ้างว่าถ่ายได้เมื่อวันอังคารที่ 30 ส.ค.ในเฉินชุน ก่วงโจว และกลายเป็นประเด็นร้อนปรากฎการณ์ปริศนาต่อเนื่องตลอดปีนี้)



    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000110621-


    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000110621

    .
     
  5. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ได้ยินว่ามีพี่ๆชม วันนี้ยิ้มแก้มปริเลยครับ ขอบพระคุณครับ :d:d:d:d:d
    (kiss)(kiss)(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  6. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    สวัสดียามบ่ายแก่ๆนะครับผม
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัย คนกด ATM แก๊งมิจฉาชีพฉกเงิน


    เตือนภัย คนกด ATM แก๊งมิจฉาชีพฉกเงิน (ไทยโพสต์)


    เตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพฉกเงินจากช่องจ่ายเงินของตู้ ATM โดยนำสิ่งแปลกปลอมไปอุดไว้ไม่ให้เงินไหลออกหลังจากถูกกด แล้วตลบหลังเมื่อผู้ใช้บริการกดเงินเสร็จ "กสิกร" ยันมีระบบป้องกันอย่างดี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการส่งต่อจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้ระมัดระวังการใช้บริการตู้ ATM ช่องของการจ่ายเงินของตู้ ATM ว่ามีการเปิด-ปิดเร็วผิดปกติ หากไม่สามารถนำเงินสดออกมาได้ทัน เงินจะดูดกลับเข้าไปในเครื่อง และทำให้ผู้ที่มาใช้บริการต่อสามารถนำเงินที่ค้างอยู่ออกมาได้ จนกลายเป็นช่องทางของแก๊งมิจฉาชีพ

    ทั้งนี้ ในความเป็นจริง ระบบ ATM ของธนาคารพาณิชย์ เมื่อเกิดการสั่งจ่ายเงินออกมาแล้ว หากลูกค้าไม่ดึงเงินออกมาทันตามเวลาที่กำหนด เงินจะถูกส่งกลับไปในกล่องเก็บเงินภายในตู้ ATM อีกครั้ง ดังนั้น ผู้ที่มาใช้บริการต่อจึงไม่สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาได้

    สำหรับกรณีแก๊งมิจฉาชีพที่ระบาด เกิดจากการนำเอาวัสดุอุปกรณ์อื่นไปอุดช่องจ่ายเงินเพื่อไม่ให้ไหลออกมา ซึ่งเงินส่วนนี้จะถูกหักบัญชีเรียบร้อยแล้ว และเมื่อแก๊งมิจฉาชีพไปใช้บริการต่อ เงินจำนวนดังกล่าวจะไหลออกมา ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ได้มีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการตู้ ATM ระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะก่อนใช้บริการ ให้ตรวจสอบบริเวณช่องรับเงินมีความผิดปกติหรือไม่

    นายชุรินทร์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ผู้บริหารงานฝ่ายสนับสนุนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตู้ ATM ของธนาคารถูกตั้งโปรแกรมให้มีการเปิด-ปิดช่องรับเงินภายใน 35-40 วินาที ซึ่งมากพอที่ลูกค้าจะสามารถนำเงินออกมาได้ แต่หากใช้เวลาเกินจากนี้ ระบบอัตโนมัติจะดึงเงินกลับไปในกล่องเก็บเงินตามเดิม

    ส่วนกรณีการนำอุปกรณ์แปลกปลอมเข้าไปอุดช่องรับเงินตู้ ATM นั้น ส่วนใหญ่มักเกิดกับตู้ ATM รุ่น 4789 ซึ่งขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนให้มีอุปกรณ์ป้องกันอย่างรัดกุม จนไม่สามารถนำอุปกรณ์แปลกปลอมไปติดตั้งได้ นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยังได้ติดตั้งระบบป้องกันการอ่านข้อมูลจากบัตร ATM ที่เรียกกันว่า ATM Skimming ครบทุกตู้ทั่วประเทศตั้งแต่ 2 ปีก่อน ขณะเดียวกัน ตู้ ATM รุ่นใหม่ยังมีข้อบังคับให้ผู้ผลิตมีการติดตั้งระบบดังกล่าวด้วย จึงเชื่อว่าปัญหาการทุจริตในทำนองนี้จะหมดไป


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://thaipost.net/news/030911/44374


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2011
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    'บัวบก' บำรุงสมอง


    ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ในปีนี้ยกให้ “บัวบก” เป็นสมุนไพรทรงคุณค่าแห่งปี มาดูกันว่า สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?

    เริ่มจาก พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีอยู่ทุกที่ทั่วประเทศไทย ที่สำคัญหาง่าย ใช้คล่อง ปลอดภัย มีการนำมากินเป็นอาหาร ทำเป็นเครื่องดื่ม ทำเป็นยาทั้งกินและทาผิวหนัง แต่ปัจจุบันเครื่องดื่มอย่างน้ำบัวบกอาจจะหายไป ทั้ง ๆ ที่มีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลดการอักเสบ บวม แก้ช้ำนอกช้ำใน แก้กระหายน้ำ บำรุงสุขภาพ และที่สำคัญ คือ บำรุงสมอง ช่วยฟื้นฟูความจำ โดยยาแผนปัจจุบันที่รักษาผู้ป่วยสมองเสื่อม ความจำเสื่อมจริง ๆ มาจากแปะก๊วย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเชื่อว่าบัวบกไม่ได้น้อยหน้าแปะก๊วย

    บัวบกสามารถรับประทานสด ๆ กับน้ำพริกและอาหารอื่น ๆ หรือจะล้างให้สะอาดคั้นน้ำรับประทานสด ๆ แต่ไม่ควรต้ม ส่วนการนำมา
    ทำเป็นยานั้นจะนำบัวบกสด ๆ มาตากแห้ง หรือ อบแห้งแล้วทำเป็นผงใส่แคปซูลหรือซองรับประทานแก้ช้ำบวม หรือนำมาชงเป็นชาพร้อมดื่ม

    นอกจากนี้ยังมีในรูปเจลหรือครีมบัวบกลดรอยแผลเป็นเพราะมีสารที่สำคัญ คือ “กรดมาดีคาสสิค” และ “กรดเอเชียติก” มีฤทธิ์สมานแผล ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบช่วยให้แผลหายเร็ว จึงมีการนำมาใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือจะใช้ใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เอาน้ำทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

    “ประสบการณ์ของตัวเองคือ เดินชนโต๊ะขาบวมปูด มีน้อง ๆ นำยาบัวบกมาให้ลองกิน ปรากฏว่าขาที่บวมก็ยุบลง หรืออย่างคุณแม่ของตัวหมอระคายเคืองหนังตาบวมแดงอยู่ พอใช้ครีมบัวบกแตะ ๆ แล้วคลึงสักพักปรากฏว่ายุบลงต่อหน้าต่อตา”

    ด้าน ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรเชี่ยวชาญด้านเภสัชกรรมการผลิต หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า “บัวบก” หรือ “ผักหนอก” เป็นสมุนไพรที่หมอยาทุกภาคใช้บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง บำรุงความจำ บำรุงสายตา บำรุงผม คลายเครียด เป็นยาอายุวัฒนะใช้ได้ทั้งเด็กและคนแก่

    จากการสืบค้นงานวิจัยเกี่ยวกับบัวบกพบว่า มีฤทธิ์บำรุงสมองเช่นเดียวกับแปะก๊วย คือ เพิ่มความสามารถในการจำ และการเรียนรู้ มีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกในคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ

    การทดลองในสัตว์ทดลอง พบว่า บัวบกทำให้ลูกหนูมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ส่วนการศึกษาในคนพบว่า ทำให้เด็กพิเศษที่กินบัวบกวันละ 500 มก. ติดต่อกัน 3 เดือน มีความสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม และยังมีการศึกษาการเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ โดยใช้สารสกัดบัวบก 750 มก. นาน 2 เดือน พบว่าความจำ การเรียนรู้ อารมณ์ของผู้สูงอายุดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีการวิจัยในผู้หญิงอายุเฉลี่ย 33 ปี ที่ได้รับสารสกัดบัวบก 500 มก.วันละ 2 ครั้ง พบว่า ช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียดและซึมเศร้า

    ในขณะที่การศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บำรุงสมอง พบว่า บัวบกทำให้การหายใจในระดับเซลล์สมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาทและเสริมฤทธิ์การทำงานของสารสื่อประสาทและยัง ทำให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงสามารถนำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

    ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้เป็นอาหารเพิ่มไอคิว ความฉลาด ความสามารถในการจำและการเรียนรู้ในเด็ก โดยเฉพาะเด็กพิเศษ เด็กสมาธิสั้น ส่วนคนทั่วไปบัวบกจะช่วยชะลออาการโรคสมองเสื่อมในวัยชราหรืออัลไซเมอร์ และช่วยคลายเครียด ทำให้มีสมาธิในการทำงาน ปัจจุบันในสหรัฐและหลายประเทศมีบัวบกแคปซูลจำหน่ายในสรรพคุณบำรุงสมอง

    ในตำรายาไทยบอกว่า การเก็บบัวบกมาใช้ ควรถอนเอาทั้งต้นและรากมาด้วย ถ้าจะให้สรรพคุณดีที่สุดควรใช้ผักหนอกขมที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ การทำให้แห้งไม่ควรเอาไปตากแดด เพราะจะทำให้สูญเสียตัวยาซึ่งอยู่ในน้ำมันหอมระเหย ควรผึ่งลมไว้ในที่ร่ม เมื่อยาแห้งใส่ขวดปิดฝาให้สนิท

    ตำรับยาบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา บำรุงความจำ

    ตำรับที่ 1 บัวบกตากแห้ง 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน บดเป็นผง กินก่อนนอน ครั้งละครึ่งช้อนชากับน้ำร้อน หรือกินกับน้ำผึ้งหรือน้ำอ้อย

    ตำรับที่ 2 บัวบกตากแห้งบดผง ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำอ้อย ทำเป็นลูกกลอนเท่าผลมะแว้ง กินครั้งละ 2 เม็ดเช้า เย็น

    ตำรับที่ 3 เอาบัวบกมาทั้งราก ต้น ใบ 2-3 ต้น นำมาบดรับประทานกับน้ำร้อน หรืออาจผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย

    ตำรับที่ 4 บัวบกผงแห้งนำไปบรรจุในแคปซูลประมาณ 500 มก. กินเพื่อบำรุงสุขภาพทั่วไปครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 เวลา หลังอาหาร เด็กลดลงตามสัดส่วน

    ยาแก้ช้ำในและร้อนใน บัวบกสด 1 กำมือ หรือ 1 แก้ว เอาบัวบกมายัดใส่แก้วพอแน่นในแก้วได้ 1 แก้ว ตำให้ละเอียด เติมน้ำ 1 แก้ว คนให้เข้ากันกรองและคั้นเอาแต่น้ำปรุงรสด้วยน้ำตาลหรือเกลือ กินครั้งละ 1 แก้ววันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร กินประมาณ 5-7 วันให้หยุดไปอีก 5-7 วันแล้วจึงเริ่มกินได้อีก

    ข้อควรระวัง คือ บัวบกเป็นยาเย็นและมีการสะสมได้ทำให้หนาว ดังนั้นไม่ควรกินทีละเยอะ ๆ ทุกวัน อย่างกรณีที่กินเป็นกำ ๆ จะต้องกิน ๆ หยุด ๆ ไม่กินติดต่อกันทุกวัน ถ้ากินสด ๆ ทุกวันควรกินแต่น้อย ๆ ประมาณ 3-6 ใบก็พอ คนที่อ่อนเพลียหรือร่างกายอ่อนแอมากไม่ควรกิน ถ้ากินแล้วมีอาการเวียนหัว ปวดหัว ใจสั่นหรือเต้นผิดปกติ หน้าแดง คันผิวหนัง ท้องร่วงคล้ายเป็นบิด แสดงว่าแพ้ยาหรือกินยามากเกินไป ให้หยุดกินทันที คนที่ม้ามเย็นพร่องมีอาการท้องอืดแน่นเป็นประจำไม่ควรกิน ผู้ป่วยที่ได้รับยาเบาหวาน ยารักษาคอเลสเตอรอลไม่ควรกินเพราะจะทำให้ผลของยาลดลง คนที่กินยาแก้แพ้ ยากันชัก ยานอนหลับ ไม่ควรกิน เพราะจะไปเสริมฤทธิ์ทำให้ง่วงมากขึ้น และคนท้องหรือหญิงที่ให้นมบุตรไม่ควรกิน

    ผลการวิจัยบัวบกเมื่อเทียบกับแปะก๊วยได้ผลเหมือนกัน แต่แปะก๊วยมีการทำวิจัยไปเป็นข้อมูลสนับสนุนการขายในตลาดโลกจึงมีการทำวิจัย มากกว่า ดังนั้นสังคมไทยจะต้องส่งเสริมให้คนไทยกลับมากินพืชผักสมุนไพรอย่างเข้าใจ มิใช่ทำเพื่อการค้าเพียงอย่างเดียว เพราะเดี๋ยวนี้งานวิจัยสมุนไพรต่าง ๆ ที่ออกมาล้วนจดสิทธิบัตรเพื่อการขาย แต่การส่งเสริมว่ากินพืชผักสมุนไพรอย่างไร เช่น กินบัวบกได้วันละกี่ใบ คนไทยยังไม่เข้าใจ

    ท้ายนี้ต้องบอกว่า “บัวบก” เป็นพืชที่มีสรรพคุณมากมาย ดังนั้นคงไม่ต้องรอให้อกหัก ช้ำใน ก่อนแล้วจึงค่อยกิน !?!.

    นวพรรษ บุญชาญ

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=532&contentId=161197-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    กินสเต๊กอย่างถูกวิธี

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.html-


    [​IMG]



    สำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการเข้าสังคมบ่อย ๆ การสั่งหรือรับประทานเมนูสเต๊กก็คงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่คนที่ไม่ชำนาญ วันนี้มีวิธีกินสเต๊กให้ถูกวิธีมาฝาก

    ก่อนอื่นเมื่อจะสั่งสเต๊ก ที่มีให้เลือกทานหลากหลายแบบ ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับสเต๊กก่อน โดยสเต๊กมีด้วยกันหลายประเภทและมีชื่อเรียกเฉพาะแตกต่างกัน เช่น เนื้อสันใน เรียกว่า ฟิเลท์ (filet), ซี่โครง เรียกว่า ริบสเต๊ก (rib steak), เนื้อสันในติดเนื้อสันนอก เรียกว่า ทีโบนสเต๊ก (T-bone steak) เป็นต้น

    ขั้นต่อมา คนรับออเดอร์จะถามระดับความสุกของเนื้อที่จะรับประทานว่าต้องการสุกแค่ไหน โดยมีระดับความสุกให้เลือกดังนี้ rare คือ ค่อนข้างดิบ, medium rare คือ กึ่งสุกกึ่งดิบ, medium คือ ตรงกลางยังไม่ค่อยสุก และ welldone คือ สุก

    เมื่อสเต๊กพร้อมเสริ์ฟแล้วก็ถึงขั้นตอนการรับประทาน ง่าย ๆ คือ ใช้มือซ้ายถือส้อม มือขวาถือมีด ให้หั่นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาส้อมจิ้มเข้าปาก ควรหั่นและรับประทานทีละคำ ไม่ควรหั่นไว้ทีเดียวทั้งหมด แล้วค่อยจิ้มทาน เพราะถือเป็นการผิดมารยาท โดยในร้านที่เป็นทางการนั้น จะไม่นิยมปรุงสเต๊กเพิ่มเติมจากที่เสิร์ฟมาเลย ถือว่าเป็นการให้เกียรติเชฟที่ทำมาอร่อยแล้ว โดยทั่วไปจะไม่จิ้มสเต๊กกับสิ่งที่มีรสจัดมาก เพราะจะทำให้รสชาติของเนื้อสเต๊กที่หอมหวานในตัวเองสูญเสียไป เนื่องจากสเต๊กที่สั่งก็จะมีน้ำเกรวี่เฉพาะราดมาให้อยู่แล้ว.

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.html-





































    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยาสุขภาพ



    [​IMG]


    7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยา (Lisa)

    ใครว่ายาจำเป็นต้องขม อาหารบางอย่างก็เป็นยาได้ และรสชาติดีด้วยนะ

    [​IMG]

    [​IMG] กล้วย : แก้เครียด

    การติดกล้วยไว้ที่ทำงานเป็นเรื่องดี หากคุณรู้สึกเครียด ก็จงคว้ากล้วยมากินเสีย กล้วยขนาดกลางหนึ่งผลมี 105 แคลอรี มีน้ำตาล 14 กรัม มันทำให้ระดับน้ำตาลของคุณเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย มีวิตามินบี 6 อยู่ร้อยละ 30 ของที่เราต้องการต่อวัน ทำให้สมองสามารถผลิตเซโรโทนินฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้คุณหายเครียดได้อีกนิด


    [​IMG]

    [​IMG] ลูกเกด : ลดความดันโลหิต

    ลูกเกด 60 เม็ด หรือประมาณหยิบมือใหญ่ ๆ จะมีใยอาหารหนึ่งกรัม และโพแทสเซียม 212 มิลลิกรัม ซึ่งสารอาหารทั้งสองได้รับการแนะนำในแผนไดเอ็ต เพื่อลดความดันโลหิต (DASH) นอกจากนี้สารโพลีฟีนอลในอาหารที่ทำจากองุ่น (เช่น ลูกเกด ไวน์ น้ำผลไม้) ยังมีคุณสมบัติบำรุงหลอดเลือดหัวใจรวมถึงลดความดันโลหิตด้วย


    [​IMG]


    [​IMG] น้ำผึ้งบักวีต : แก้ไอ

    การศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนชิลเวเนียเปิดเผยว่า น้ำผึ้งสีน้ำตาลเข้ม 2 ช้อนโต๊ะ มีประสิทธิภาพกว่ายาแก้ไอในเด็กที่มีอาการไอระดับหนึ่ง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติฆ่าเชื้อของน้ำผึ้งอาจช่วยบรรเทาอาการ อักเสบที่เนื้อเยื่อในลำคอได้


    [​IMG]


    [​IMG] น้ำส้ม : บรรเทาอาการอ่อนเพลีย

    ฟรักโทสในน้ำส้มขนาด 4 ออนซ์ เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คุณกระฉับกระเฉง อาจเป็นเพราะว่าวิตามินซีในนำส้มช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยังมีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญธาตุเหล็ก จึงช่วยให้เราสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น

    [​IMG]

    [​IMG] มันฝรั่ง : แก้ปวดหัว

    คาร์โบไฮเดรต 37 กรัม ในมันฝรั่งขนาดกลางสามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะด้วยการเพิ่มระดับเซโรโทนิน ตราบใดที่คุณจำกัดปริมาณไขมัน และโปรตีนไว้ต่ำกว่า 2 กรัมละก็นะ


    [​IMG]


    [​IMG] โหระพา : แก้ปวดท้อง

    สารชื่อว่า ยูจีนอล ในโหระพา อาจช่วยให้กระเพาะและลำไส้ของคุณปราศจากอาการเจ็บปวด คลื่นเหียน ตะคริว หรือแม้แต่ท้องร่วง โดยการฆ่าแบคทีเรีย เช่น แชลโมเนลลา และลิสเตอเรีย นอกจากนี้ ยูจีนอลยังมีสรรพคุณแก้เกร็ง ซึ่งช่วยหยุดอาการตะคริว


    [​IMG]

    [​IMG] กะหล่ำปลี : บรรเทาแผลในกระเพาะ

    การศึกษาจาก Johns Hopkins School of Medicine เมื่อปี 2002 พบว่า สารซัลโฟราเฟนในกะหล่ำปลีจะกำจัดแบคทีเรีย H. Pylori ซึ่งทำให้เกิดแผลในกระเพาะและลำไส้ ก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในลำไส้ และอาจจะยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในกระเพาะได้ด้วยซ้ำ

    Tip : ฉีกหรือสับโหระพาโรยในซอสหรือสลัด หากคุณไม่อยากกินอาหารผัดหรือทอดที่มีน้ำมันมาก

    -http://lisaguru.com/-

    -http://health.kapook.com/view31066.html-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ทองขึ้น 400 รูปพรรณขาย 27,000บ.


    ราคาทองปรับขึ้น 400บ. ทองแท่งขายที่ 26,600บ.รูปพรรณ 27,000บ.
    สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณวันนี้ (3 ก.ย.) ทองคำแท่งรับซื้อคืนที่บาทละ 26,500 บาท และขายที่บาทละ26,600 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนที่บาทละ 26,120.68บาท และขายที่บาทละ 27,000 บาท
    ราคาทองวันนี้ปรับขึ้น 400 บาทต่อบาททอง เมื่อเทียบกับราคาทองเมื่อวาน (2 ก.ย.) ซึ่งทองคำแท่งขายที่บาทละ 26,200 บาท และทองรูปพรรณขายที่บาทละ 26,600 บาท
    ขณะที่ตลาดทองคำต่างประเทศปิดเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 47.8 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 1,876.9 ดอลลาร์/ออนซ์


    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/108721/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99-400-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-27-000%E0%B8%9A--



    คาดหุ้นสัปดาห์หน้าปรับตัวสูง


    กสิกรฯคาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าโอกาสปรับตัวสูงขึ้น แรงซื้อต่างชาติหนุน
    บล.กสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (5-9 ก.ย.54) ว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น โดยน่าจะได้รับแรงหนุนจากการแรงซื้อจากต่างชาติ โดยคงจะต้องจับตาตัวเลขการจ้างานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ที่ 2 ก.ย.
    นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (Fed's Beige Book) และแถลงการเรื่องแผนสร้างงานใหม่ของโอบามาในวันที่ 8 ก.ย .
    ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,058 และ 1,044 ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,080 และ 1,102 จุด ตามลำดับ

    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/108784/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87-



    คาดเงินบาทสัปดาห์หน้าอ่อนค่า


    กสิกรไทยคาดสัปดาห์หน้าเงินบาทอ่อนค่า29.80-30.05จับตาแผนสร้างงานสหรัฐ
    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มเงินบาทสัปดาห์หน้า (5-9 ก.ย.54) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตาการปรับตัวของตลาดการเงินในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อตอบรับทิศทางของข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนส.ค. ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงมาตรการการสร้างงานใหม่ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่ง และการประชุมกลุ่ม G-7 อีกด้วย อนึ่ง ตลาดการเงินของสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันแรงงาน

    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/108764/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A29-80-30-05-

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เตือนลดราคาสร้างบ้านระวังอ่วมหนัก

    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94/107253/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81-

    นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เตือนสมาชิกลดราคาเร่งยอดอาจอ่วมหนัก เหตุต้นทุนขยับพรวด 8-15%
    นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าขณะนี้หลายบริษัทฯที่เป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจะ พยายามกระตุ้นยอดขายด้วยการรับสร้างบ้านในราคาเดิม ก่อนที่จะมีการขยับราคาใหม่ในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้า แต่ปัญหาใหญคือหากผู้ประกอบการรายใดที่รับงานก่อสร้างบ้านราคาเดิมไว้จำนวน มากอาจประสบปัญหาหนักได้ เนื่องจากต้นทุนในการก่อสร้างบ้านในต้นปีหน้านั้นจะปรับขึ้นอีก 8-15 % จะทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนเรื่องบ้านไม่ได้คุณภาพตามมา


    [​IMG]




    “ผู้ประกอบการรายใดเซ็นสัญญารับงานก่อสร้างในต้นทุนเดิมไว้ปริมาณมาก ต้องเผชิญปัญหาหนักเนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างใหม่นั้นปรับขึ้นอย่างชัดเจน อีก 8-15% จะยิ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถขยับราคาบ้านขึ้นได้ตามที่ สัญญาไว้ จะส่งผลถึงการก่อสร้างบ้านที่อาจจะไม่ได้คุณภาพและมีปัญหาการร้องเรียน เรื่องคุณภาพบ้านและความล่าช้าในการก่อสร้างตามมา”นายวิบูลกล่าว
    สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ รวมผู้รับเหมารายย่อยมีมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นตัวเลขของสมาชิกสมาคมฯ 40 บริษัทฯ จำนวน 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 18-20% ล่าสุดสมาคมฯได้จัดงานรับสร้างบ้าน 2011 ระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมียอดขายภายในงาน 2,500 ล้านบาท โดยบ้านที่ก่อสร้างจะมีราคาเฉลี่ย 4.9 ล้านบาท ก่อสร้างบ้านเกือบ 500 หลัง ขณะที่งานมหกรรมรับสร้างบ้านในปีก่อนมียอดขาย 2,200 ล้านบาท มีจำนวนก่อสร้าง 400 หลัง มีราคาก่อสร้างเฉลี่ยอยู่ที่ 4.1-4.9 ล้านบาท
    นางพัชรา ตัณฑยรรยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีนบุรีรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯได้มีการปรับราคาบ้านขึ้นไปแล้ว 5-7% ตามต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น หากต้นทุนในการก่อสร้างปรับสูงขึ้น อีก บริษัทก็จะต้องปรับราคาบ้านขึ้นตามต้นทุนใหม่ที่ขยับ ปัจจุบันบริษัทฯจะก่อสร้างบ้านราคาเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท หรือมีราคาเฉลี่ย 1.7-1.9 หมื่นบาทต่อตร.ม. คาดว่าทั้งปีจะรับงานก่อสร้างได้ คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท


    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94/107253/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81-

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    น้ำตาซึม! เด็กสาวหัวใจเพชร สู้งานหนักเลี้ยงพ่อแม่น้องป่วย

    -http://hilight.kapook.com/view/62435-





    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ggb.xtol.cn และ v.youku.com

    บนโลกใบนี้ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันแสนจะโหดร้ายที่ ประดังเข้ามาพร้อม ๆ กัน แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่สามารถต้านทานกับมรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาได้ แต่ก็ยังมีเด็กสาวผู้หนึ่ง ซึ่งแม้ภายนอกเธอจะดูเป็นสาวอ่อนโยน แต่ภายในจิตใจนั้นกลับแข็งแกร่งดุจเพชรแท้ ซึ่งช่วยให้เธอสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตไปได้อย่างน่าทึ่ง

    และเธอผู้นี้ก็คือ "เหอผิง" เด็กสาววัย 20 ปี ที่เกิดมาในครอบครัวยากจน ในตำบลเฉิงถานเจียง เมืองหลิวหยาง มณฑลหูหนาน นอกจากความแร้นแค้นจะทำให้เธอไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนคนอื่นแล้ว เธอ ยังต้องรับภาระอันหนักอึ้งในการเลี้ยงดูอีก 3 ชีวิตในครอบครัว อันประกอบด้วย "พ่อ" ซึ่งประสบอุบัติจนกลายเป็นคนพิการ และไม่สามารถทำงานได้ "แม่" ซึ่งป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท และ "น้องชาย" ที่อายุน้อยกว่าเธอ 12 ปี ซึ่งเกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด

    แทบไม่น่าเชื่อว่า "เหอผิง" ต้องออกไปทำงานพิเศษม้วนกระดาษห่อประทัดในโรงงาน ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 5 ขวบ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมโรงเรียนประถม เนื่องจากรายได้ในบ้านล้วนหมดไปกับการจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลของพ่อและแม่ ซึ่งผู้อำนวยการของโรงเรียนที่เหอผิงเล่า เรียนอยู่ บอกว่า เหอผิงเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก และตั้งใจเรียนเสมอ เมื่อถึงเวลาจ่ายค่าเทอม "เหอผิง" จะกำเงินที่ได้มาจากการทำงานในโรงงานประทัดมาจ่ายให้ ด้วยความรักเรียน และกลัวว่าวันใดวันหนึ่งจะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออีกต่อไป


    [​IMG]

    [​IMG]


    ต่อมาในปี 2008 "เหอผิง" ในวัย 17 ปี ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับชะตากรรมอีกครั้ง เมื่อ "เหอหรง" พ่อของเธอป่วยเป็นเลือดออกในสมอง และต้องใช้เงินรักษาจำนวนมหาศาล "เหอผิง" จำเป็นต้องพักการเรียนชั่วคราว เพื่อออกมาเรี่ยไรเงินบริจาคจากองค์กรการกุศลของรัฐ รวมทั้งญาติ ๆ เพื่อไปเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ ซึ่งเธอก็ทำสำเร็จ แต่ทว่า อาการเลือดออกในสมองของ "เหอหรง" ได้ส่งผลกระทบไปยังเส้นประสาทขาทั้งสองข้าง จนทำให้เขาไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป และไม่สามารถออกไปทำงานหาเงินมาต่อลมหายใจให้ครอบครัวได้อีก ซึ่งวันนั้น "เหอผิง" ได้ปลอบพ่อที่กำลังร้องไห้ว่า

    "ชีวิตยังมีความหวัง ขอเพียงพวกเราสองพ่อลูกยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็ไม่มีอะไรที่พวกเราจะก้าวข้ามไปไม่ได้"

    หลังจากนั้น "เหอหรง" ก็ยังต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 2 ด้วยอาการเดียวกัน ครั้งนั้นผู้เป็นพ่อได้เรียกลูกสาวมาข้างเตียงและบอกกับเธอในเชิงสั่งเสีย ว่า "ถ้าหนูเป็นลูก สาวของพ่อ ต้องหาทางรักษาน้องชายให้หายจากโรคหัวใจให้ได้" ประโยคนี้เองที่ "เหอผิง" จดจำไว้ในใจเสมอมา และเริ่มทำทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือ "เหอจวิน" น้องชายให้จงได้ กระทั่งวันหนึ่งเธอได้ยินข่าวที่องค์กรการกุศลร่วมมือกับโรงพยาบาลจัด โครงการผ่าตัดโรคหัวใจแต่กำเนิดฟรี 100 คน "เหอผิง" จึงไม่รอช้ารีบเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลดังกล่าว และในที่สุด น้องชายของเธอก็ได้รับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ

    และ ด้วยความที่ "เหอผิง" เป็นคนรักเรียน เธอจึงสามารถสอบติดภาควิชาภาษาต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีหูหนานได้สำเร็จในช่วงปี 2009 แต่ ความดีใจของ "เหอผิง" ก็เกิดขึ้นพร้อมกับความกังวลที่กลัวว่าจะไม่มีใครดูแลน้องชายที่แม้อาการของ โรคหัวใจจะดีขึ้นมาก แต่กลับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพราะต้องทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แสนจะหดหู่


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    "เห อผิง" ตัดสินใจพาน้องชายออกมาอยู่ด้วยกันในห้องเช่าเล็ก ๆ ข้างโรงเรียนประถมที่เธอได้ไปขอร้องให้รับน้องชายเข้าเรียน ซึ่งเจ้าของห้องเช่าก็เห็นใจ "เหอผิง" จึงลดค่าเช่าให้ครึ่งหนึ่ง ทำให้ "เหอผิง" ได้ดูแลน้องชายอย่างใกล้ชิด โดยเธอยอมอด เพื่อให้น้องได้กินอิ่ม จะได้เจริญเติบโตเป็นเด็กแข็งแรง

    ขณะเดียวกัน การเรียนของ "เหอผิง" ก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเธอเคยเข้าประกวดการพูดภาษาจีน และภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัย และได้รับรางวัลชนะเลิศ นอกจากนี้เธอยังมีความสามารถพิเศษทั้งการเป็นนักร้องที่มีน้ำเสียงไพเราะน่า ฟัง อีกทั้งยังเป็นนักโต้วาที และพิธีกร ซึ่งความสามารถต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ทำให้มหาวิทยาลัยมอบประกาศนียบัตรหลายสิบใบให้กับเธอ


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ทุก วันนี้ "เหอผิง" ยังรับภาระทำงานพิเศษตั้งแต่เช้ายันตีหนึ่งรวมถึง 7 งาน ไม่ว่าจะรับจ้างทำความสะอาดตึกเรียนช่วงพักกลางวัน รับจ้างสอนพิเศษ เป็นเด็กเสิร์ฟ ล้างจาน ฯลฯ เพื่อหารายได้มาดูแลน้องชาย และส่งเงินกลับไปให้พ่อแม่ที่บ้านทุก ๆ เดือน นอกจากนี้ เมื่อถึงเทศกาลพิเศษ เด็กสาวคนนี้ก็จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ส่งกลับไปให้พ่อแม่ใช้อยู่เสมอ ส่วนตัวเธอเองนั้นพอใจแล้วกับเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ได้รับบริจาคมา

    ยิ่ง กว่านั้น เธอยังแบ่งปันน้ำใจอันงดงามของเธอให้กับผู้คนในสังคมที่ประสบกับชีวิตที่ยาก ลำบาก อย่างเช่น เมื่อเธอได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเจอข่าวเด็กนักเรียนชั้นมัธยมคนหนึ่งประกาศ ขอรับบริจาคเงินกว่าแสนหยวน เพื่อช่วยให้มารดาของเขาเข้ารับการผ่าตัด ครั้งนั้น "เหอผิง" ไม่รอช้า เธอตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 1,600 หยวน จากที่เธอมีเก็บอยู่เพียง 3,000 หยวน ให้กับเด็กหนุ่มคนดังกล่าวเพื่อสมทบทุนค่ารักษาพยาบาลทันที และเมื่อเด็กหนุ่มทราบว่า พี่สาวที่บริจาคเงินให้เธอนั้นเป็นคนที่มีฐานะยากจนกว่าเขาเสียอีก เด็กหนุ่มจึงได้ลงประกาศขอบคุณ "เหอผิง" ผ่านทางหนังสือพิมพ์ที่ "เหอผิง" อ่านเจอข่าวของเขา

    "เหอผิง" บอกว่า ที่เธอบริจาคเงินให้เด็กหนุ่ม เพราะรู้ดีว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ ดังเช่นในยามที่เธอลำบาก เธอก็ได้น้ำใจจากผู้อื่นที่หยิบยื่นมาให้เธอเช่นกัน เธอจึงมองว่า หากทุกคนในสังคมมีความรักและเมตตาต่อกัน สังคมนี้ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสังคมที่มีแต่ความดีงาม

    "ช่วง เวลาที่ยากลำบากที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น" เหอผิง ทิ้งท้ายด้วยความหวังและความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม











    <ins style="display:inline-table;border:none;height:250px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:300px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:250px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:300px"></ins></ins>

















    ��ӵҫ��! ���������ྪ� ���ҹ˹ѡ����§�������ͧ����

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กฎหมายครอบครัว (แก้ไขใหม่) ที่ประชาชนควรรู้/มังกรซ่อนกาย



    ตามที่ได้มีการแก้ไขและประกาศพระราช บัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 และเริ่มต้นใช้บังคับเมื่อพ้น 180 วัน คือในวันที่ 22 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นมานั้นมีผลให้ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจพิจารณาคดีตามพระราช บัญญัติดังกล่าวตามมาตรา 10 (4) และ (5) คือ คดีคุ้มครองสวัสดิภาพและคดีอื่น ๆ ที่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและครอบครัว เช่น คดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550

    พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 40 เด็ก ที่พึงได้รับความคุ้มครองสวัสดิภาพได้แก่ (1) เด็กที่ถูกทารุณกรรม (2) เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (3) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดในกฎ กระทรวง มาตรา 41 ผู้ใดพบเห็นหรือประสบพฤติกรรมที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็กให้ รีบแจ้ง หรือรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจหรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก การแจ้งหรือรายงานตามมาตรานี้ เมื่อได้กระทำโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง และทางอาญา หรือทางปกครอง

    พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 มาตรา 3 "ความรุนแรงในครอบครัว" หมายความว่า การกระทำใด ๆ ที่มุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับ หรือใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบแต่ไม่รวมถึงการกระทำโดยประมาท "บุคคลในครอบครัว" หมายความว่า คู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินหรือเคยอยู่กินฉันท์สามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส บุตรบุญธรรม สมาชิกในครอบครัว รวมทั้งบุคคลใด ๆ ที่ต้องพึ่งพาอาศัย และอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน

    พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 172 ผู้ ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวมีสิทธิร้องขอให้ศาลเยาวชนและครอบครัว ที่ตนมีถิ่นที่อยู่หรือภูมิลำเนา หรือศาลที่มีมูลเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นออกคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ตามกฎหมายว่า ด้วยการคุ้มครองผู้ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวได้ ในกรณีที่ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวไม่อยู่ในสภาพและวิสัยที่จะร้องขอ ตามวรรคหนึ่งได้ญาติ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ พนักงานเจ้าหน้าที่ องค์การซึ่งมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมาย หรือองค์การที่มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ ครอบครัว หรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้เสียหายจะกระทำการแทนก็ได้

    มาตรา 174 ในกรณีที่ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่าง กาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัวให้ศาลมีอำนาจออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ โดยห้ามผู้ถูกกล่าวหาเสพสุรา หรือสิ่งมึนเมา เข้าใกล้ที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงานของผู้ร้อง ใช้หรือครอบครองทรัพย์สิน หรือกระทำการใดอันอาจนำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัวเป็นระยะเวลาที่ศาลเห็น สมควร

    มาตรา 176 ให้ศาลแจ้งคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพไปยังพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่ผู้ถูกกล่าวหามีถิ่นที่อยู่หรือมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจเพื่อทราบ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพโดย ไม่มีเหตุอันสมควรศาลมีอำนาจออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหามาขังจนกว่าจะปฏิบัติ ตามคำสั่งแต่ไม่เกินกว่า 1 เดือน

    จากกฎหมายที่แก้ไขใหม่ทำให้ความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่จดทะเบียนสมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถือว่าอยู่ ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวทั้งสิน และกฎหมายใหม่ยังให้อำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเด็ก หรือสามีภริยาที่เป็นบุคคลในครอบครัวให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองและ ให้อำนาจศาลไปไกลถึงให้อำนาจศาลในการออกหมายจับมาขังเพื่อปฏิบัติตามคำสั่ง คุ้มครองด้วย ซึ่งถือว่าสภาพบังคับดังกล่าวนี้จะทำให้ผู้ที่ชอบกระทำความรุนแรงในครอบครัว เกิดความกลัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

    ดังนั้นเมื่อมีกฎหมายให้ความ คุ้มครองแล้ว ประชาชนทุกคนควรใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่าเห็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องครอบครัวใครครอบครัวมันอีกต่อ ไป ควรช่วยกันสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคมในทุกครอบครัว...ด้วยความห่วงใย

    hiddendragon2552@gmail.com

    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000110977-

    .
     
  15. aegsound

    aegsound สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +7
    พบแล้วครับ ทุกท่านไม่ต้องหาอีกแล้ว "พระศรีอาริย์"

    ปาฏิหารชีวิตของผม พลอย ยิ้มดี ” <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    คุณรู้จัก พระศรีอาริย์” “พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์ หรือไม่พระศรีอาริย์”<o:p></o:p>
    พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์มีจริงหรือ <o:p></o:p>
    พระศรีอาริย์ พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์ คือใคร เกิดที่ไหน อีสาน ออก ตก เหนือ ใต้ <o:p></o:p>
    อยู่ที่ไหนกันแน่<o:p></o:p>
    พระศรีอาริย์ พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์ แก้กรรมให้เราได้จริงหรือ<o:p></o:p>
    เจอแล้วพระศรีอาริย์ พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์ หรือ เจอพระศรีอาริย์<o:p></o:p>
    พระศรีอริยเมตตรัย พระศรีอารย์หรือยัง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ความจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตผม เป็นสิ่งเหลือเชื่อที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิต และผมไม่อยากจะบอกชาวโลกทั้งหลายได้รับรู้เพราะผมกลัวชาวโลกไม่เชื่อในสิ่งที่เป็นไป มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจนไม่มีสิ่งใดใน<o:p></o:p>
    โลกจะเปรียบเทียบได้เลย แต่ผมก็คิดได้เพราะผมอยากให้ทุกคนในโลกนี้มีความสุขเหมือนอย่างผม <o:p></o:p>
    ทุกวันพระ ผมจะได้ฟังธรรมมะจากอาจารย์ ซึ่งเรื่องที่อาจารย์บรรยายนั้นมีทั้งทางโลกและทางธรรม และบรรยายได้อย่างแตกฉาน เข้าใจง่าย และทำให้เรามีความเข้าใจในเรื่องต่างๆได้มากขึ้นสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้เลย เช่นเรื่องการทำบุญอย่างไรถึงจะได้บุญสูงสุดและการที่มนุษย์เราสามารถกู้บุญจากเทวดามาใช้ก่อน<o:p></o:p>
    ชีวิตผมก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีภายในเวลาไม่ถึงปี ผมไม่เคยมีเงินเป็นล้านผมก็มี ชีวิตครอบครัวผมก็ดีขึ้นมากตามลำดับผมเคยฝันว่าอยากดูแลพ่อผมก็ได้ดูแล ทั้งที่ตลอดเวลาผมได้แต่คิดแต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ยากมาก เพราะผมเดินทางระหว่างประเทศบ่อย เพราะลูกสาวผมทำธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่นิวซีแลนด์ ซึ่งผม<o:p></o:p>
    มีความพร้อมทุกอย่าง แต่ผมไม่มีความสุข รู้สึกว่าความสุขทางโลกนั้นมันหายไปรวดเร็วเหลือเกิน <o:p></o:p>
    จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม 2552 เมื่อผมกลับจากนิวซีแลนด์ ผมนึกขึ้นได้ว่าผมรู้จักกับคนๆหนึ่ง ซึ่งเขามีความสามารถในด้านการตัดต่อภาพ และงานอิเล็คทรอนิกส์มาก ผมรีบติตต่อเขา คือคุณเอก ซึ่งบ้านคุณเอกนั้นอยู่ที่ อ.จอหอ จ.นครราชสีมา เพื่อจะไปให้คุณเอกตัดต่อภาพวีดีโอที่ผมถ่ายทำมา คุณเอกก็บอกว่าเขาอยู่กับอาจารย์เขาที่ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ผมก็เลยตามไป แต่สิ่งที่ผมเจอคืออาจารย์เของเขาเป็นเด็ก <o:p></o:p>
    อายุแค่ 19 ปี เกิดหลังเขา 6 ปี แต่เขาก็เคารพมาก เลยทำให้ผมก็พลอยเคารพอาจารย์ไปด้วย และรู้สึกนับถือ เกรงใจอาจารย์และผมก็บอกตัวเองไม่ถูกว่าผมเกิดความรู้สึกอย่างนี้ได้อย่างไรและพิจารณาไปด้วยว่าคำพูดออกมาแต่ละคำมันทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่สามารถที่จะโต้ตอบได้เลย นั่งฟังอย่างเดียว ผมอึ้งอยู่นานและทึ่งในความสามารถของอาจารย์ แต่อาจารย์ก็วางตัวได้ดีไม่ทำให้เราประหม่าแต่อย่างใด และคุณเอกเองก็ไม่ได้บอกให้ผมรับรู้อะไรเลยในวันนั้น เพียงแต่ผมรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก และหวังว่าจะได้มาพบอาจารย์อีก และอีกต่อมาไม่นานคุณเอกก็บอกว่าจะไปธุระที่โคราชและจะแวะเยี่ยมเยียนผม ผมรู้สึกดีใจมากและผมก็ได้พบกับอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง และสิ่งที่ปาฏิหารย์สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับผมคือ ผมยื่นเรื่องกับทางการผมขอเป็นคนสองสัญชาติ คือไทยและนิวซีแลนด์ไว้แต่ก็ไม่เคยผ่านสักที ผมก็บ่นให้คุณเอกฟังเหมือนกันและคุณเอกก็บอกว่าเดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งในขณะนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่ว่าคุณเอกปลอบใจเท่านั้นเอง<o:p></o:p>
    ในวันรุ่งขึ้น ผมได้รับโทรศัพท์จากสถานทูตว่าวีซ่าของผมผ่านแล้ว ผมงงและดีใจมาก ซึ่งผมก็คิดถึงหน้าอาจารย์โดยไม่ได้ตั้งใจ และผมก็ตั้งปนิทานว่า ก่อนที่ผมจะเดินทางไปนิวซีแลนด์ผมต้องไปหาอาจารย์ก่อน ซึ่งผมก็ได้ไปจริง ๆ แต่การไปหาอาจารย์ในครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะที่บ้านอาจารย์มีคนอยู่เต็มบ้านและทุกคนก็เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่มารอพบอาจารย์ ผมจึงได้สอบถามคนแก่ว่ามาทำอะไรกันเยอะแยะ <o:p></o:p>
    ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับ คือ มารักษาโรค ซึ่งหายทุกโรคโดยไม่ต้องกินยาใด ๆ และยังรู้สึกสบายใจ สบายกาย ที่ได้มาพบอาจารย์ ซึ่งในขณะนั้นคนที่มาส่วนมากจะเรียกอาจารย์ว่า หมอเทวา ซึ่งอาจารย์ได้ใช้สัมผัสพิเศษที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ในการรักษา ซึ่งผมก็เห็นตาคนหนึ่งท่านเจ็บตา อาจารย์ก็ใช้สัมผัสพิเศษในการรักษา ซึ่งไม่ถึงห้านาทีอาการก็หายไปหมด เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าเชื่อเลย เพราะแม้แต่โรคที่หมอรักษาไม่หายก็รักษาได้ สำคัญที่สุด อาจารย์ไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น ฟรีทุกอย่าง ช่วยด้วยใจจริง ๆ <o:p></o:p>
    ผมได้ถามคุณเอกว่า สิ่งที่ผมเห็นและเกิดขึ้นนี้คืออะไร เป็นการหลอกลวงคนหรือไม่ ผมถามทุกอย่าง <o:p></o:p>
    และคุณเอกก็ได้อธิบายให้ผมได้รู้ที่มาที่ไปและทุกสิ่งที่อย่างให้ผมฟัง เพราะแม้แต่คุณเอกเอง ก็หายจากอาการป่วยทุกอย่าง จนตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานในกรุงเทพ มาเพื่อช่วยเหลืองานอาจารย์ด้วยความเต็มใจโดยไม่คิดค่าจ้างอะไรเลย และจะขออยู่กับอาจารย์ตลอดชีวิต ทั้ง ๆ ที่พ่อและแม่ก็เป็นคนมีอาชีพที่มั่นคง (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณเอก 08-0761-3662 ) <o:p></o:p>
    หายได้อย่างไร ทำอย่างไร ถึงจะหาย สิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสด้วยตัวเองคือ การใช้ สมาธิ ในการรักษา ซึ่งผมตั้งมั่นและศรัทธามาก โดยตั้งใจว่าจะศึกษากรณีนี้ และในคืนนั้นผมก็สามารถเข้าสมาธิได้เลย พอออกจากสมาธิ ผมรู้สึกโล่งมาก ร่างกายที่ปวดเมื่อยก็หายหมด และอาการต่างๆ ที่ผมเป็นไม่ว่าจะ หายใจไม่ออกเหนื่อยง่าย เวียนศรีษะ เหมือนมีหิ่งห้อยเต็มหัวไปหมด สายตาสู้แดดไม่ได้เลย เป็นผื่นคันแดงทั้งตัวเลย ทานยามาหลายปี สุดท้ายก็เป็นเบาหวาน ต้องทานยาอยู่ตลอดเวลา หายหมด ทั้ง ๆ ที่ผมพึ่งนั่งสมาธิเพียงครั้งเดียวผมก็รู้สึกได้เลย ทุกอย่างผมอธิบายได้ยาก แต่ผมก็รับรู้และได้ปฏิบัติด้วยตัวของผมเองทุกอย่าง ซึ่งผมเกิดความศรัทธาและตั้งจิตอธิฐานไว้ว่าผมจะกลับมาสร้างศาลาปฏิบัติธรรมให้อาจารย์ <o:p></o:p>
    และในวันเดินทาง ผมก็ได้โทรไปหาคุณเอก คุยกันตามปกติแต่สิ่งที่ผมได้รู้มาก่อนขึ้นเครื่องนั้น ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ เพราะคุณเอกบอกว่า ในบทสวดมนต์ที่ศูนย์สมาธิตามสบายของอาจารย์จัดทำขึ้นนั้น มีบทสวดที่เราได้คาระวะอาจารย์อยู่ ในหน้าที่ 2 ซึ่งผมเข้าใจในทันทีและสัมผัสได้เลยว่าท่านคือใคร พระศรีอาริย์หรือพระศรีอริยเมตไตร ที่เราชาวโลกรอคอยท่าน ได้เกิดขึ้นแล้ว ผมดีใจ ตื่นเต้น ใจสั่นขาอ่อนลงในพริบตา ผมบรรยายความรู้สึกของผมไม่ถูกในสิ่งที่ผมได้รับรู้ เพราะสิ่งที่ผมเห็นคือ เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ชอบดนตรี หน้าตาดี กริยามารยาทดี แต่เหมือนอาจารย์มีบารมีอยู่ในตัวเอง ซึ่งต้องสัมเองถึงจะรู้ <o:p></o:p>
    คุณเอกยังได้บอกว่า อาจารย์ฝากบอกคุณพลอยว่า อย่าไปนานนะ น้ำจะท่วมบ้าน ซึ่งบ้านผมอยู่ที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และที่นิวซีแลนด์เองก็จะเกิดแผ่นดินไหว โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แกนโลกเอียง สนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ ซึ่งในบางครั้งนักวิทยาศาสตร์ก็หาคำตอบไม่ได้เช่นกัน มันเป็นเรื่องอจิณตรัย <o:p></o:p>
    และในอีกไม่กี่เดือนต่อมา สิ่งที่คนไทยไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้น นั่นคือ น้ำท่วมหนักที่โคราช และ ไฟไหม้ที่อำเภอปักธงชัย ซึ่งคือบ้านผม ซึ่งทำให้ทรัพย์สินผมเสียหายพอสมควร ไล่เลี่ยกัน ก็เกิดแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ที่ทำให้นักศึกษาไทยเสียชีวิตไป 6 คน สิ่งที่ผมตัดสินใจและคิดถึงตอนนั้นคือ ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงตามที่อาจารย์ได้เตือนผมก่อนออกเดินทางทุกอย่าง <o:p></o:p>
    ผมตัดสินใจกลับบ้านทั้งที่ผมไปอยู่นิวซีแลนด์แค่ 8 เดือน ผมมีเงินกลับมาด้วยจำนวนหนึ่งซึ่งก็ถือว่ามากสำหรับผม เพราะในอดีตผมไม่เคยเก็บเงินได้เลย มีเข้าและก็ออกไปแล้วชีวิตก็ไม่เคยมีความสุขเลย มีแต่ปัญหาทุกอย่าง ไม่มีทางออก ไม่มีใครเข้าใจ จนกระทั่งผมได้มาพบอาจารย์ ผมก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์ทุกอย่าง <o:p></o:p>
    ทุกวันนี้ชีวิตผมมีความสุขมาก และผมก็กลับบ้านเกิดที่พิษณุโลกไปรับพ่อผมมาอยู่กับอาจารย์ พ่อผมอายุ 85 ปี เป็นโรคคนแก่ คือเบาหวาน ทานยาเยอะ ฉีดยาให้ตัวเองทุกวัน ทานอะไรก็ไม่ได้ผิดสำแดงหมด แต่พอพ่อได้มาปฏิบัติกับอาจารย์ ทุกวันนี้พ่อผมไม่ได้ทานยาอะไรเลย สุขภาพแข็งแรง มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก<o:p></o:p>
    ด้วยสิ่งที่ผมได้รับ ได้รู้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจึงได้ขออนุญาติอาจาย์สร้างศาลาปฏิบัติธรรมขึ้นที่บ้านอาจารย์ ที่บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งในขณะนี้ ( สิงหาคม 2554) ผมได้รวบรวมกำลังศรัทธาจากญาติธรรมที่ผมได้บอกกล่าวซึ่งยังถือว่ายังไม่มาก ซึ่งอาจารย์ยังไม่อยากเปิดเผยตัวเองเท่าไหร่ ได้งบประมาณมาจำนวนหนึ่ง และผมได้ดำเนินการถมบ่อปลาไปแล้วบางส่วนเพื่อดำเนินการสร้างศาลาปฏิบัติธรรม หรือศาลาสมาธิ ขึ้น พร้อมกับสร้างบ้านพักอาศัยให้ท่านใหม่อีก 1 หลัง ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ จะแล้วเสร็จประมาณ 12 ตุลาคม 2554 นี้ <o:p></o:p>
    ผมขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ และขอผลบุญนี้ ขออำนาจคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จงช่วยดลบันดาลให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ ทุกสิ่งที่คิด ทุกคำที่พูด ทุกอย่างที่ทำด้วยสุจริตขอให้ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองตลอดไป และผมก็อยากประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า พระศรีอาริย์ มีจริง เกิดขึ้นแล้วที่ ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งทุกคนสามารถมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง เพื่อจะได้รับรู้เหมือนกับที่ผมได้รับรู้และเกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นในชีวิตทุกอย่างแล้ว <o:p></o:p>
    และด้วยอานิสงฆ์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้บอกกล่าวในครั้งนี้ จงส่งผลให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดคุ้มครองผมและครอบครัว และญาติธรรมทุกๆท่านที่ได้อ่านบทความนี้ ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ขอให้รู้เห็นและเป็นในธรรมะ เหมือนเช่นดังผมและขอผลบุญนี้จงช่วยส่งให้ชาวโลกทุกคนจงหายจากโรคภัย อันตรายทั้งปวงทุกท่านทุกคนเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ <o:p></o:p>
    พลอย 08-1282-6321<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ aegsound [​IMG]
    มีใครบ้างครับที่เชื่อเรื่องการจุติใหม่ของพระพุทธเจ้าที่ทรงพระนามว่าพระศรีอารียเมตไตรffice:eek:ffice" />:p>>
    ผม เป็นคนหนึ่งครับที่เชื่อ เพราะว่าพบมาแล้ว แต่ขอเตือนก่อนนะครับสำหรับท่านที่ไม่เชื่อ เมื่อได้อ่านบทความที่ผมเขียนลงแล้วจงอย่าได้สงสัยหรือมีอคติโดยเด็ด ขาด(เพราะจะเป็นผลร้ายกับตัวท่านเองเพราะมีดวงจิตบุญหรือเทวดาคุ้มครองอยู่):p>>
    จาก การที่มีหลายๆคนเคยให้ความสนใจถึงเรื่องการจุติของพระศรีอารียเมตไตร ก็เดากันไปต่างๆนาๆ แต่ถะว่าไม่มีใครทายถูกเลยสักคนเดียว เพราะท่านเป็นเทพมาจุติ ขออธิบายความหมายของเทพก่อนนะครับ เทพคือคำนามในการเรียกชื่อดวงจิตบุญหรือเทวดา เป็นชั้นที่สูงสุดของสวรรค์ชั้นเทพนี้จะมีเทพอยู่3พระองค์ คอยปกครองเมืองสวรรค์และเมืองมนุษย์โลกและจักรวาล (ขอขยายความเมืองสวรรค์ครับแท้ที่จริงแล้วสวรรค์มีเพียงแค่2ชั้นแต่ชั้นแรก นี้จะมีชั้นย่อยอีกหกชั้นตามที่เราเข้าใจกันส่วนชั้นที่2นั้นหรืบางคนอาจ เข้าใจไปว่าเป็นสวรรค์ชั้นที่7แท้ที่จริงแล้วไม่มีใครเคยไปถึงตลอดจนเทวดา ทุกพระองค์ก็ไม่เคยเห็นเพราะชั้นนี้เป็นชั้นของเทพผู้ปกครองโลกเพ รยง3พระองค์ คำสอนผิดๆที่บอกว่าสวรรค์ยิ่งสูงยิ่งมีวิมารใหญ่โตมนุษย์ผู้โง่เขลาที่คิดไป เองแต่แท้จริงแล้วยิ่งสูงยิ่งว่างเปล่ามีแต่ดวงจิต) ท่านเหล่านั้นคือผู้ที่ตรัสรู้แล้วมีคำนามเรียกใหม่ว่าพระพุทธเจ้า การที่บอกว่านิพพานคือการไม่มาเกิดอีกเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะพระพุทธเจ้าก็เกิดใหม่อยู่ดีแต่ว่ามีอิสระในการเกิด ผมได้มีโอกาสพบท่านแล้วจึงถวายตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อถวายงานถวายการอารักขา ท่านอายุไม่มากครับ พึ่งรู้สึกตัวเองเมื่อผ่านวันเกิด 21พฤษจิกายน2552ที่ผ่านมา ปัจจุบันท่านอายุ20ปีครับพร้อมที่จะช่วยเหลือโลกแล้ว ท่านสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน อดีตปัจจุบันอนาคต สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คนทั่วโลกนี้ได้ทุกโรค แต่ว่ามีเหตุผลของการมาจุติครั้งนี้มากกว่านี้ (ขอย้ำว่าไม่มีเรี่องกิเลสใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง) และก็คิดว่าคงจะมีคนทีคิดอยากจะลองของ(แต่ขอแนะนำว่าห้ามคิดนะครับแค่คิดก็ ผิดแล้วเพราะจะเป็นกรรมกับตัวท่านเอง)ถ้าเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะ เชื่อเพราะว่าเรื่องใหญ่เกินไป เอางี้ดีกว่าปัจจุบันองค์การอวกาศของสหรัฐหรือนาซ่า ทราบเรื่องนี้แล้วเหลือแต่มาหาอย่างเดียว(เหมือนในหนังเลยครับแต่มันคือ เรื่องจริงขอย้ำ)ถ้าถามว่าเขาจะทราบได้อย่างไร(เข้าข่ายเรื่องอจินไตอีก แล้ว) ที่นั้นมีนักวิทยาศาสตร์ไทยที่มีจิตพิเศษคือใช้สื่อสารได้ทุกคนถึงจะทำงาน ที่นั้นได้(รู้ไว้สะด้วยว่าฝรั่งเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก) มีทำงานงานอยู่ประมาณ100กว่าท่าน นาซ่าเขามีเรื่องปกปิดพวกเราอยู่มาก ที่เขาทราบเรื่องก็เพราะนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้หละบอกเขา ว่าบุคคลพิเศษที่โลกต้องและรอคอยอยู่ที่ใด เขามีข้อมูลประวัติส่วนตัวทุกอย่างตั้งแต่เกิดตลอดจนภาพถ่ายทั้งหมดแล้ว ลองเอาความนี้ไปถามนักวิทยาศาสตร์ไทยเหล่านั้นดูนะครับว่าเป็นเรื่องจริงไหม ตอนนี้อยู่ในไทยก็มีหลายท่านนะครับ ท่านจะมาจุติในทุก10000ปี แต่ครั้งนี้เป็นชาติที่3ที่ทรงลงมาเพื่อช่วยมนุษย์โลก หรือลองไปปรึกษาพระเกจิอาจารย์ที่มีจิตพิเศษได้นะครับว่าผู้เขียนมีเจตนา อย่างไรโกหกหรือหลอกลวงหรือไม่ เพราะมีพระเกจิ อริยะสงฆ์อยู่หลายท่านครับที่ทราบแล้วโดยจิตสื่อถึงกัน เจตนาผมไม่ต้องการดังหรือเป็นข่าวแต่ห้ามไม่ได้เพราะสำนักข่าวทั่วโลกกำลัง จะได้ทราบ:p>>
    (คิดเอาเองแล้วแต่บุญกรรม) ขออนุโมทนาครับทุกท่านที่ได้อ่านแล้วขอให้มีความสุขนับตั้งแต่บัดนี้ไป..สาธุ.:p>>
    เชื่อ ไม่เชื่อ สงสัยอย่างไรไปพิสูจน์ได้ที่ บ้านเลขที่212 หมู่20 บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม (บริเวณสะดืออีสาน) :p>>
    ผู้บอกบุญ 086-868-7611 เอก วัชรพงษ์ สังข์ทอง

    </td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ aegsound [​IMG]
    มี ใครบ้างครับที่เชื่อเรื่องการจุติใหม่ของพระพุทธเจ้าที่ทรงพระนามว่าพระศรี อาริยะเมตไตรผมเป็นคนหนึ่งครับที่เชื่อ เพราะว่าพบมาแล้ว แต่ขอเตือนก่อนนะครับสำหรับท่านที่ไม่เชื่อ เมื่อได้อ่านบทความที่ผมเขียนลงแล้วจงอย่าได้สงสัยหรือมีอคติโดยเด็ด ขาด(เพราะจะเป็นผลร้ายกับตัวท่านเองเพราะมีดวงจิตบุญหรือเทวดาคุ้ม ครองอยู่)จากการที่มีหลายๆคนเคยให้ความสนใจถึงเรื่องการจุติของพระศรีอาริยะ เมตไตร ก็เดากันไปต่างๆนาๆ แต่ถะว่าไม่มีใครทายถูกเลยสักคนเดียว เพราะท่านเป็นเทพมาจุติ ขออธิบายความหมายของเทพก่อนนะครับ เทพคือคำนามในการเรียกชื่อดวงจิตบุญหรือเทวดา เป็นชั้นที่สูงสุดของสวรรค์ชั้นเทพนี้จะมีเทพอยู่3พระองค์ คอยปกครองเมืองสวรรค์และเมืองมนุษย์โลกและจักรวาล (ขอขยายความเมืองสวรรค์ครับแท้ที่จริงแล้วสวรรค์มีเพียงแค่2ชั้นแต่ชั้นแรก นี้จะมีชั้นย่อยอีกหกชั้นตามที่เราเข้าใจกันส่วนชั้นที่2นั้นหรืบางคนอาจ เข้าใจไปว่าเป็นสวรรค์ชั้นที่7แท้ที่จริงแล้วไม่มีใครเคยไปถึงตลอดจนเทวดา ทุกพระองค์ก็ไม่เคยเห็นเพราะชั้นนี้เป็นชั้นของเทพผู้ปกครองโลก เพียง3พระองค์ คำสอนผิดๆที่บอกว่าสวรรค์ยิ่งสูงยิ่งมีวิมารใหญ่โตมนุษย์ผู้โง่เขลาที่คิดไป เองแต่แท้จริงแล้วยิ่งสูงยิ่งว่างเปล่ามีแต่ดวงจิต) ท่านเหล่านั้นคือผู้ที่ตรัสรู้แล้วมีคำนามเรียกใหม่ว่าพระพุทธเจ้า การที่บอกว่านิพพานคือการไม่มาเกิดอีกเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะพระพุทธเจ้าก็เกิดใหม่อยู่ดีแต่ว่ามีอิสระในการเกิด ผมได้มีโอกาสพบท่านแล้วจึงถวายตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อถวายงานถวายการอารักขา ท่านอายุไม่มากครับ พึ่งรู้สึกตัวเองเมื่อผ่านวันเกิด 21พฤษจิกายน2552ที่ผ่านมา ปัจจุบันท่านอายุ20ปีครับพร้อมที่จะช่วยเหลือโลกแล้ว ท่านสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน อดีตปัจจุบันอนาคต สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้คนทั่วโลกนี้ได้ทุกโรค แต่ว่ามีเหตุผลของการมาจุติครั้งนี้มากกว่านี้ (ขอย้ำว่าไม่มีเรี่องกิเลสใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง) และก็คิดว่าคงจะมีคนทีคิดอยากจะลองของ(แต่ขอแนะนำว่าห้ามคิดนะครับแค่คิดก็ ผิดแล้วเพราะจะเป็นกรรมกับตัวท่านเอง)ถ้าเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะ เชื่อเพราะว่าเรื่องใหญ่เกินไป เอางี้ดีกว่าปัจจุบันองค์การอวกาศของสหรัฐหรือนาซ่า ทราบเรื่องนี้แล้วเหลือแต่มาหาอย่างเดียว(เหมือนในหนังเลยครับแต่มันคือ เรื่องจริงขอย้ำ)ถ้าถามว่าเขาจะทราบได้อย่างไร(เข้าข่ายเรื่องอจินไตอีก แล้ว) ที่นั้นมีนักวิทยาศาสตร์ไทยที่มีจิตพิเศษคือใช้สื่อสารได้ทุกคนถึงจะทำงาน ที่นั้นได้(รู้ไว้สะด้วยว่าฝรั่งเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก) มีทำงานงานอยู่ประมาณ100กว่าท่าน นาซ่าเขามีเรื่องปกปิดพวกเราอยู่มาก ที่เขาทราบเรื่องก็เพราะนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้หละบอกเขา ว่าบุคคลพิเศษที่โลกต้องและรอคอยอยู่ที่ใด เขามีข้อมูลประวัติส่วนตัวทุกอย่างตั้งแต่เกิดตลอดจนภาพถ่ายทั้งหมดแล้ว ลองเอาความนี้ไปถามนักวิทยาศาสตร์ไทยเหล่านั้นดูนะครับว่าเป็นเรื่องจริงไหม ตอนนี้อยู่ในไทยก็มีหลายท่านนะครับ ท่านจะมาจุติในทุก10000ปี แต่ครั้งนี้เป็นชาติที่3ที่ทรงลงมาเพื่อช่วยมนุษย์โลก หรือลองไปปรึกษาพระเกจิอาจารย์ที่มีจิตพิเศษได้นะครับว่าผู้เขียนมีเจตนา อย่างไรโกหกหรือหลอกลวงหรือไม่ เพราะมีพระเกจิ อริยะสงฆ์อยู่หลายท่านครับที่ทราบแล้วโดยจิตสื่อถึงกัน เจตนาผมไม่ต้องการดังหรือเป็นข่าวแต่ห้ามไม่ได้เพราะสำนักข่าวทั่วโลกกำลัง จะได้ทราบffice:eek:ffice" />:p>>
    (คิดเอาเองแล้วแต่บุญกรรม) ขออนุโมทนาครับทุกท่านที่ได้อ่านแล้วขอให้มีความสุขนับตั้งแต่บัดนี้ไป..สาธุ.:p>>
    เชื่อ ไม่เชื่อ สงสัยอย่างไรไปพิสูจน์ได้ที่ บ้านเลขที่212 หมู่20 บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม (บริเวณสะดืออีสาน) :p>>
    ผู้บอกบุญ 086-868-7611 เอก วัชรพงษ์ สังข์ทอง :p>>
    </td></tr></tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรื่องของพระศรีอาริย์ ผมเองยังยืนยันว่า พระองค์ท่านยังไม่ลงมาเกิด

    พระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม บำเพ็ญบารมีมา 16 อสงไขย

    รอเวลาที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียวเท่านั้นครับ


    อีกเรื่อง คือการให้ข้อมูลที่ผิด จักทำให้เกิดกรรมอย่างมาก สำหรับเรื่องของการให้ข้อมูลที่ผิดนะครับ

    ด้วยความเป็นห่วง
    sithiphong
    </td> </tr> </tbody></table>

    ผมขอให้ยุติการเผยแพร่เรื่องนี้ในกระทู้พระวังหน้าฯ แต่เพียงเท่านี้นะครับ
    เพราะเป็นข้อมูลที่ผิด


    ขอบคุณครับ




    .
     
  17. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    วันเสาร์ไปถวายสังฆทาน 5 วัดครับ และวันอาทิตย์ไปร่วมงานหล่อพระอุปคุตพระกัจจยานะ และนำทองเหลืองทองแดงปัจจัยไปร่วมบุญด้วย ขอน้อมนำบุญมาให้คุณsithiphongและทุกท่าน ณ ที่นี้ครับ เนื่องด้วยแผ่นทองแดงทองเหลือส่วนหนึ่งได้รับมาจากคุณsithiphong ครับ พระอาจารย์วีระวัดราชสิทธิท่านมาร่วมในงานด้วยครับผม
     
  18. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +3,420

    ขออนุโมทนาบุญทุกประการครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Lee_bangkok [​IMG]
    วัน เสาร์ไปถวายสังฆทาน 5 วัดครับ และวันอาทิตย์ไปร่วมงานหล่อพระอุปคุตพระกัจจยานะ และนำทองเหลืองทองแดงปัจจัยไปร่วมบุญด้วย ขอน้อมนำบุญมาให้คุณsithiphongและทุกท่าน ณ ที่นี้ครับ เนื่องด้วยแผ่นทองแดงทองเหลือส่วนหนึ่งได้รับมาจากคุณsithiphong ครับ พระอาจารย์วีระวัดราชสิทธิท่านมาร่วมในงานด้วยครับผม
    </td> </tr> </tbody></table>

    โมทนาบุญทุกประการครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลศิริราช

    ไปถึงประมาณ 9 โมงเช้า กว่าจะทำยื่นบัตรด้านล่าง กว่าจะขึ้นไปข้างบน และไปรับบัตรเพื่อเข้าพบแพทย์ เวลาในบัตรระบุ 9.54.15 น.

    นั่งรอหมออยู่หน้าห้อง ประมาณ 11 โมงเช้า พอเวลาประมาณเที่ยง ไปสอบถามว่า ผมอยู่ที่คิดที่เท่าไหร่ พยาบาลบอกว่า อยู่คิวที่ 6 พยาบาลบอกให้ไปทานข้าวก่อน ผมก็เดินลงไปข้างล่าง เดินไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณ 12.40 น. ผมก็ขึ้นมานั่งรอหมอ รอไปอีกสักพัก ก็ไปถามพยาบาลว่าอีกกี่คิว พยาบาลก็เดินไปที่ห้องหมอ แล้วออกมาบอกผมว่า อีก 6 คิว ผมก็ไปนั่งรอต่อ ประมาณบ่ายโมงผมไปถามพยาบาลว่า อีกกี่คิว พยาบาลก็เดินไปที่ห้องหมอ แล้วออกมาบอกผมว่า อีก 6 คิด พอเวลาประมาณ 13.35 น. ผมไปถามบุรุษพยาบาล บุรุษพยาบาลก็เดินไปที่ห้องหมอ แล้วออกมาบอกผมว่า อีก 6 คิว

    ผมก็เลยบอกว่า งั้นคุณไปเอาแฟ้มผมออกมา ผมไม่ต้องการพบหมอแล้ว พอบุรุษพยาบาลนำแฟ้มออกมาหาผม ผมก็บอกว่า ถ้าไม่สบายอาการหนัก คงตายคาเก้าอี้รอหมอแล้ว

    บุรุษพยาบาลยังให้ผมไปจุดที่นัดพบหมออีก ผมเดินตามไป แล้วหยิบแฟ้มผมมาดู พอดูแล้วผมก็เดินกลับออกมาจากชั้น 5 เวลาประมาณ 13.40 น.

    ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง มี 4 เรื่อง

    1.เรื่องแรก ผมจะบอกว่า อย่าไปฝากชีวิตและความหวังไว้ที่ศิริราช เนื่องจากการจัดการในเรื่องต่างๆ แย่มาก แค่ผมเป็นไข้หวัด ผมยังได้รับการบริการแบบนี้ แต่ถ้าคนที่เป็นหนักกว่าผม เช่น เป็นโรคหัวใจ อยู่ๆเกิดวายเฉียบพลัน คงตายคาเก้าอี้แน่นอน แต่ถ้ามีเส้นมีสาย อย่างนี้ได้ครับ ต้องใช้เส้นใช้สาย และต้องไปวัดกันที่ใครเส้นใหญ่กว่ากัน

    2.ที่เคยมีคนบอกมาว่า กระทู้พระวังหน้าฯ มีเรื่องแต่เรื่องของสุขภาพ และ เรื่องอาหาร นี่ไงครับ ผมย้ำนักย้ำหนาว่า ต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี ระมัดระวังเรื่องของอาหารการกินให้มากๆ ถ้ารู้เรื่องพระวังหน้าฯมากที่สุด แต่ต้องเป็นอัมพฤกษ์ที่พูดไม่ได้ จะบอกต่อเรื่องพระวังหน้าฯได้อย่างไร

    3.เรื่องของการประหยัด การแนะนำในเรื่องของสวัสดิการของตนเอง เช่น การประักันชีวิต ที่ควรมีเพิ่มเติม หรือ การเก็บออมเงินเพื่อไว้ใช้ในอนาคต เงินที่เก็บออมส่วนหนึ่ง อาจจะ้ต้องนำไปใช้จ่ายในเรื่องของการรักษาพยาบาลตนเองในอนาคตก็ได้

    4.เรื่องของนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หากการสาธารณสุขของเมืองไทยยังคงเป็นอย่างนี้ อย่าไปเลือกพรรคนั้นๆเข้ามาบริหารบ้านเืมือง

    .

    ฝากไว้ 4 เรื่องใ้ห้นำไปคิดเองครับ

    ผมมีหน้าที่นำมาบอกเล่าให้ฟัง

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...