พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คืนนี้ สำหรับแฟนแมนฯยูไนเต็ด , แฟนแมนฯซิตี้ และแฟนบอลอังกฤษ ติดตามชมศึกฟุตบอลเอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ กันครับ


    .-----------------------------------------------------------------.



    ข่าวฟุตบอล ศึกฟุตบอลเอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ คืนนี้ เป็นการพบกันของ "แชมป์พรีเมียร์ลีก" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ "แชมป์เอฟเอคัพ" แมนเชสเตอร์ ซิตี้

    แมนฯ ยูไนเต็ด – แมนฯ ซิตี้
    เวลา : 20.30 น.
    สนาม : เวมบลีย์
    ราคา : แมนฯ ยูฯ ต่อ ปป. -10
    ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (แชมป์พรีเมียร์ลีก)

    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ "ปิศาจแดง" พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 19 ไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ล่าสุดก็เพิ่งพาลูกทีมลงเล่นในเกมเทสติโมเนี่ยล แมตช์ ของ พอล สโคลส์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะ นิวยอร์ก คอสมอส XI 6-0 โดยนักเตะสลับลงเล่น ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด โดย เซอร์ อเล็กซ์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ไมเคิ่ล คาร์ริค เจ็บเอ็นร้อยหวาย จากเกมอำลา เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ขณะที่สามแข้งใหม่อย่าง ดาบิด เด เคอา,แอชลี่ย์ ยัง และ ฟิล โจนส์ พร้อมประเดิมเกมแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยรายหลังอาจจะนั่งสำรองไปก่อน ส่วนแดนหน้าจะเป็นการจับคู่กันของ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนี่ย์

    ระบบการเล่น 4-4-2 ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสา แนวรับใช้ ราฟาเอล ดา ซิลวา, คริส สมอลลิ่ง, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า แดนกลาง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ฟิล โจนส์, อันแดร์สัน, แอชลี่ย์ ยัง คู่หน้าใช้ เวย์น รูนี่ย์ ยืนคู่ เฟเดริโก้ มาเคด้า


    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ( แชมป์ เอฟเอ คัพ)

    โร แบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" ยังให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" กองหน้าค่าตัว 38 ล้านปอนด์ เป็นเพียงตัวสำรองในเกมนี้ หลังหัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่ามีปัญหาเท้าบวมเล็กน้อย แม้จะซ้อมได้ปกติก็ยังไม่ส่งลงเล่น ส่วนในรายของ คาร์ลอส เตเวซ ที่เรียกร้องขอย้ายทีมยังไม่มีสโมสรใดยื่นข้อเสนอที่เหมาะสมเข้ามาทำให้อาจ จะต้องอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างพักร้อนหลังลงเล่น โคปา อเมริกา รอกลับมาแคมป์ฝึกซ้อมวันจันทร์นี้ ทำให้เกมนี้จะไม่ได้ลงเล่นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตัวหลักในตำแหน่งอื่นๆ พร้อมทำหน้าที่ทั้งหมด แนวรุก ดาบิด วิลบา,เอดิน เซโก้ และ เจมส์ มิลเนอร์ น่าจะได้ลงเล่น ขณะที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ ก่อปัญหาที่สหรัฐ อมริกา คงมีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น

    ระบบการเล่น 4-3-3 โจ ฮาร์ท ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เดดริค โบยาต้า, สเตฟาน ซาวิช, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, กาแอล กลิชี่ แดนกลาง ไนเจล เดอ ย็อง, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่ แนวรุกใช้ เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน, เอดิน เชโก้


    รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - เดดริค โบยาต้า, สเตฟาน ซาวิช, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, กาแอล กลิชี่ - ไนเจล เดอ ย็อง, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่ - เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน, เอดิน เชโก้

    แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา - ราฟาเอล ดา ซิลวา, คริส สมอลลิ่ง, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ฟิล โจนส์, อันแดร์สัน, แอชลี่ย์ ยัง - เวย์น รูนี่ย์, เฟเดริโก้ มาเคด้า

    ความน่าจะเป็นในเกมนี้

    จัด เป็นเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ถูกคู่ และน่าจะดุเดือดที่สุดในรอบหลายปีเพราะยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของ 2 ทีมใหญ่แห่งเมืองแมนเชสเตอร์อีกด้วย นอกจากนี้ทั้ง แมนฯ ซิตี้ และแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีขุมกำลังที่ค่อนข้างสมบูรณ์ แถมยังโชว์ฟอร์มในเกมอุ่นเครื่องได้ดี ดังนั้นรูปเกมจึงน่าจะออกมาสนุกสูสี และมีแววว่า อาจจะยืดเยื้อจนถึงขั้นต้องไปตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษเลยทีเดียว


    สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
    135 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 53 ครั้ง
    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ชนะ 37 ครั้ง เสมอ 45 ครั้ง
    ผลการพบกันล่าสุด
    16/04/11 เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 (สนามกลาง)
    12/02/11 พรีเมียร์ลีก
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 (เหย้า)


    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=13996&key=news-

    .

    �֡�ѡ������!!! ��ᴧ-��������� ��ʹ�Ũش�� : ���ǿص��� ���ǡ��ҿص��� ���Ǻ�ž���������ա ���ǿص��ŵ�ҧ����� �����

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ! 20 ส.ค.นี้ วันพาณิชย์

    -http://hilight.kapook.com/view/61578-



    [​IMG]
    วันพาณิชย์ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ (ไอเอ็นเอ็น)

    ฉลองครบรอบ 91 ปี กระทรวงพาณิชย์ ห้างค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ร่วมกัน จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าทั่วประเทศ เนื่องใน "วันพาณิชย์"

    นาง วัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เนื่องในวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ ครบรอบ 91 ปี ในวันที่ 20 ส.ค. 2554 "วันพาณิชย์" กรมการค้าภายใน ได้ร่วมกับห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ 12 ราย ได้แก่ เทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ท็อปส์ เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ ฟู้ดแลนด์ ตั้งฮั้วเส็ง แฟมิลี่มาร์ท 108 ช็อป ทั่วประเทศกว่า 10,000 สาขา จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค มากกว่า 6,000 รายการเป็นพิเศษถึง 10-70% หรือ ซื้อ 1 แถม 1 หรือ ซื้อ 2 แถม 1 เช่น ข้าวสาร อาหารสด เครื่องปรุงรส เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในครัวเรือน ตั้งแต่วันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2554 โดยแต่ละห้าง จะติดป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่า ได้ร่วมกันลดราคาสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าว มีข้อความดังนี้ "วันพาณิชย์ ปี 2554 วันธุรกิจร่วมใจพาณิชย์ ลดราคาสินค้าเพื่อประชาชน"

    นอกจากนี้ ยังได้จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ระหว่างวันที่ 15 - 17 ส.ค. 2554 ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าธงฟ้า จำนวนกว่า 200 คูหา อาทิ เนื้อหมู ไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ราคาถูกกว่าท้องตลาด 20 - 40%


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไอเอ็นเอ็น

    -http://www.innnews.co.th/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8--300932_02.html-




    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    อย.เตือนฉีดโบท็อกซ์-กูลต้าเสี่ยงตายสูง

    -http://www.innnews.co.th/%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87--296801_32.html-

    [​IMG]

    เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เตือน กลุ่มสาว ๆ ระวัง ฉีด โบท็อกซ์ และสารกลูต้าไธโอน เร่งผิวขาว อันตรายสูง ต้องรับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง ชี้ สาวไทย เหมาะสภาพผิวสีน้ำตาล
    นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กล่าวถึง พิษภัยจากการทำศัยกรรม ฉีดสารโบท็อกซ์และกูลต้าไธโอน หลังจากเมื่อวานนี้ได้มีการจับกุม อดีตเจ้าหน้าที่คลินิก เสริมความงาม ขณะฉีดสารโบท็อกซ์ให้กับลูกค้าว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความรู้ความชำนาญ หากประชาชนพบเห็นโฆษณาชวนเชื่อทางอินเทอร์เน็ต ควรตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจาก ผู้ให้บริการ อาจจะไม่มีความรู้ความสามารถและที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับการร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ผ่านสายด่วน 1556 เป็นจำนวนมาก

    ทั้ง นี้ นายแพทย์ พิพัฒน์ ยังกล่าวด้วยว่า ทางหน่วยงานได้รณรงค์ปรับทัศนคติให้ประชาชนตระหนักถึงความงามอย่างสมวัยและ การให้คนไทยส่วนมากมีผิวสีน้ำตาล ถือว่าเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน พร้อมกันนี้ ยังเร่งป้องกันและปราบปรามการโฆษณาชวนเชื่อ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวีอีกด้วย



    Link : http://www.innnews.co.th/อย-เตือนฉีดโบท็อกซ์-กูลต้าเสี่ยงตายสูง--296801_32.html



    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหอๆๆๆ เป็นไงครับ ไปแตะต้องไม่ไ้ด้เลยสำหรับกลุ่มอเมริกา และ เยอรมัน

    กำหนดประเทศอื่นได้ แต่ห้ามกำหนดอเมริกา

    ---------------------------

    S&Pโต้คำตำหนิUSเหตุหั่นเครดิตเหลือAA+

    -http://www.innnews.co.th/S-P%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B4US%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%ADAA--300945_02.html-



    [​IMG]

    S&Pโต้รมว.คลังสหรัฐฯลดน่าเชื่อถือเหลือAA+ถูกต้องแล้วจากการเมือง

    นายเดวิด เบียร์ส หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับประเทศ ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส หรือ เอสแอนด์พี ออกมาตอบโต้คำตำหนิของทางการวอชิงตัน กรณีปรับลดเครดิตระยะยาวของสหรัฐฯ จากระดับ AAA ลงมาเป็น AA+ โดย นายเบียร์ส ยืนยันว่า การตัดสินใจของเอสแอนด์พี ถูกต้องแล้ว และสาเหตุหลักที่ทำให้สหรัฐฯ ถูกลดความน่าเชื่อถือ มาจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเมือง หลังพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ต้องเจรจาอย่างดุเดือดนานนับเดือน กว่าจะได้ข้อสรุปแผนเพิ่มเพดานหนี้

    ทั้ง นี้ การตอบโต้ดังกล่าวของเอสแอนด์พี มีขึ้นหลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โจมตีว่า การวิเคราะห์ตัวเลขการเงินของเอสแอนด์พี มีความผิดพลาดมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์


    Link : http://www.innnews.co.th/S-Pโต้คำตำหนิUSเหตุหั่นเครดิตเหลือAA--300945_02.html


    .------------------------------------------


    S&Pหั่นเครติดสหรัฐรีพับลิกันจวกโอบามา

    -http://www.innnews.co.th/S-P%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2--300951_02.html-


    ระส่ำ!! หลัง S&P หั่น เครติดสหรัฐ สมาชิกพรรครีพับลิกัน กระหน่ำวิจารณ์ โอบามา


    ภายหลังที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ S&P สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ลงจากระดับ AAA สู่ AA+ ส่งผลให้สมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่เสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมตำหนิ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ผู้นำคนปัจจุบันว่า เป็นตัวการที่ทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    ด้าน เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงคลังสหรัฐ กลับเห็นว่า การที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐลงนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดโดยปราศจากข้อมูลที่ถูกต้อง

    ขณะที่ นายฟรังซัวส์ บาโรแอง รัฐมนตรีกระทรวงคลังฝรั่งเศส ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐ

    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ได้โทรศัพท์หารือกับ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในช่วงเย็นวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤติหนี้ หลังการลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวของสหรัฐฯ
    Link : http://www.innnews.co.th/S-Pหั่นเครติดสหรัฐรีพับลิกันจวกโอบามา--300951_02.html




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ทองคำ...กำไรดีกว่าหุ้น




    สถานการณ์การฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
    โดย...ทีมข่าวการเงิน
    สถานการณ์การฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปได้กลายเป็น สารเร่งกระตุ้นราคาทองคำในตลาดโลกให้ทำสถิติครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่มีวี่แววที่จะสิ้นสุด
    ปรากฏการณ์ราคาทองคำพุ่งชนเพดานจนนักลงทุน แม่บ้าน พ่อบ้าน ยันเจ้าบ่าวตาค้าง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว หากค่าเงินเหรียญสหรัฐเสื่อมค่ายามเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ทองคำไม่ได้ขึ้นลงตามค่าเงินยูโรดังเช่นเคย นับตั้งแต่สหภาพยุโรปเผชิญวิกฤตหนี้สินของกรีซ
    เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคาเป้าหมายทองคำในตลาดโลกปีนี้ถูกผู้ค้าทองคำในประเทศปรับขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่านับตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นมา จาก 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขยับมาเป็น 1,800-1,850 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ในปัจจุบัน
    การปรับขึ้นครั้งล่าสุด เกิดขึ้นภายหลังรัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายปรับเพดานหนี้สาธารณะ 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และปรับลดการขาดดุลการคลังลงรวม 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า
    “เศรษฐกิจสหรัฐคงฟื้นตัวช้า เพราะขอเวลาลดหนี้ 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐถึง 10 ปี ในขณะที่มีหนี้ทั้งหมดถึง 14.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขว่างงานยังสูง การผลิตและคำสั่งซื้อยังไม่ดีขึ้นจะฟื้นตัวได้อย่างไร” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก กล่าว

    ปัญหาที่แก้ไม่ตกของสหรัฐ ทำให้มีความเสี่ยงถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สหรัฐ โดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) อยู่ระหว่างการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือ
    ขณะที่ก่อนหน้านี้ เอสแอนด์พี ระบุว่า มีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เพราะมีมุมมองว่าสหรัฐอาจต้องลดการขาดดุลการคลังลงถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จึงจะพอเพียงต่อการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่า 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่รัฐสภาอนุมัติ
    การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหากเกิดขึ้นอาจยังผลให้ตลาดผันผวนในระยะ สั้น คือ การอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น
    รวมไปถึงผลกระทบด้านลบต่อภาคการเงินสหรัฐ โดยเฉพาะบริษัทรับประกันความเสี่ยง
    ขณะที่ปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรปยังมีแนวโน้มว่าจะปะทุอีกรอบ เมื่อมีสัญญาณว่าอิตาลีอาจจะประสบปัญหาเช่นเดียวกับกรีซ
    นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหนีไปหาทองคำ และเป็นผลให้ราคาทองคำโลกกระโดดโลดเต้น ราคาทองคำในประเทศจ่อคิวทะลุบาทละ 2.4 หมื่นบาทรอมร่อ
    ล่าสุด ธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ปรับขึ้นราคาเป้าหมายทองคำระยะ 3 เดือน จาก 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เป็น 1,850 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เมื่อราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,672.65 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จากการเข้าซื้อของนักลงทุนที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเลี่ยงความผันผวน ในตลาดหุ้น
    ไม่เฉพาะนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และการที่สหรัฐมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินระยะยาว ธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกก็เพิ่มการซื้อทองคำเข้ามาเก็บไว้ในทุนสำรอง ของตัวเอง
    แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เอง กลายเป็นธนาคารเอเชียรายล่าสุดที่เพิ่มการถือครองทองคำสำรองในเดือน มิ.ย.
    ข้อมูลสถิติการคลังระหว่างประเทศของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พบว่าไทยมีทองคำสำรองเพิ่มขึ้น 18.66 ตัน ในเดือน มิ.ย. ส่งผลให้ไทยมีทองคำสำรองทั้งสิ้น 127.524 ตันเข้าไปแล้ว
    ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ก็ยอมรับว่าได้ทยอยเก็บจาก 100 ตัน จนตอนนี้เกือบ 130 ตันเข้าไปแล้ว
    ถ้าธนาคารกลางที่เคยเป็นคนขายทองคำออกมาหากำไรยังทยอยซื้อ นักลงทุนแมวที่ไหนไม่เข้าไปซื้อทองคำมาตุนไว้ก็พับกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว
    สำหรับผู้ค้าทองคำในประเทศไทยได้ปรับราคาเป้าหมายทองคำปีนี้มา 2 ครั้งแล้ว จากต้นปีที่คาดว่าปีนี้ราคาทองคำจะอยู่ที่ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์เมื่อกลางปี ปรับขึ้นเป็น 1,640-1,650 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เป็น 1,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และล่าสุด 1,800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
    ราคาทองคำที่ได้พุ่งพรวดขึ้นมาเหนือ 1,600 เหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ทั้งๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 นับว่าเป็นการพุ่งสูงเร็วกว่าที่ใครๆ คาด
    ขนาด นพ.กฤชรัตน์ ยังประเมินว่าราคาเป้าหมายของทองคำ คือ 1,800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือ 2.44 หมื่นบาทต่อบาททองคำ เพราะมีมุมมองว่าราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป
    และจากสถิติที่ราคาทองคำเคยขึ้นสูงสุดเฉลี่ยปีละ 25% โดยจนถึงปัจจุบันนี้ราคาปรับขึ้นมาแล้ว 16% ดังนั้นจึงเหลืออีก 9%
    ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายที่เขาคาดไว้จริง หากนักลงทุนรายใดเข้าซื้อทองคำตอนนี้ ถ้าคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐก็จะได้ผลตอบแทนอีก 9% แต่ถ้าเป็นเงินบาทก็มีโอกาสหากำไรอีกไม่น้อยกว่า 4%
    เท่ากับว่าผู้ซื้อทองคำแท่งไว้ตั้งแต่เริ่มต้นปี ถ้าถือไว้แล้วขายออกในราคาสูงสุดที่ตั้งไว้ข้างต้นจะได้ผลตอบแทน 25%
    ผลตอบแทนมากกว่าที่คาด และกลับมายืนเหนือผลตอบแทนปี 2552 ที่ทำไว้ที่ 24% แต่ยังไม่สามารถลบสถิติปี 2553 ที่ 27%
    และถ้าคิดเป็นเงินบาทก็จะได้ผลตอบแทนเบาะๆ 20.7% เหนือกว่าปี 2553 แล้ว
    ที่สำคัญ ผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำสูงกว่าตลาดหุ้นไปแล้ว
    เพราะจนถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นปรับขึ้นไปเพียง 9.75% เท่านั้น เมื่อพิจารณาจากดัชนีล่าสุด 1,124.01 จุด
    ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเป้าหมายสิ้น ปีดัชนีอยู่ที่ 1,200 จุด เท่ากับว่าจะไปต่ออีก 6.7% หรือรวมทั้งปีเท่ากับ 16.45% เท่านั้น
    หากพิจารณาจากข้อพิเคราะห์ของกูรูทองคำ นพ.กฤชรัตน์ ก็พอมองเห็นว่าทองคำมีแต่ขึ้น
    ลองไล่ดู เริ่มศักราชปีกระต่ายวันที่ 3 ม.ค. ราคาทองคำเปิดตลาดด้วยราคา 1,420 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือ 2.012.02 หมื่นบาทต่อบาททองคำ
    ก่อนปรับฐานลดลงต่ำสุดวันที่ 27 ม.ค. 2554 ที่ 1,345 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และดีดตัวกลับในวันรุ่งขึ้น จากนั้นขึ้นมาทำสถิติสูงสุดที่ 1,575 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2554 หลังจากนั้นราคาทองคำได้ปรับฐานลดลงตั้งแต่เดือน มิ.ย.กลางเดือน ก.ค. อยู่ที่ประมาณ 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพราะเป็นช่วงรอยต่อของการแก้ไขปัญหาหนี้สหภาพยุโรปและหนี้สหรัฐ
    จังหวะนี้ผู้ค้าทองคำในประเทศได้ปรับราคาเป้าหมายราคาทองคำปีนี้ขึ้นจาก 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เป็น 1,64016,50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
    นพ.กฤชรัตน์ ได้ประเมินว่าราคาเป้าหมายทองคำขึ้นเป็น 1,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
    ภายหลังรัฐสภาสหรัฐมีมติขยายเพดานหนี้เพิ่ม และให้ลดขาดดุลการคลัง ราคาทองคำในตลาดโลกได้พุ่งพรวดทำสถิติสูงสุด 5 ครั้งในวันเดียว วันที่ 3 ส.ค. โดยราคาปิดของวันที่ 1,668 เหรียญสหรัฐ และวันที่ 4 ส.ค. 1,660 เหรียญสหรัฐ
    จนกระทั่งมีการขยายเพดานหนี้สหรัฐแล้ว แต่ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐไม่เกิดขึ้น นพ.กฤชรัตน์ จึงเพิ่มเป้าหมายเป็น 1,800 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ผู้ค้าทองคำรายอื่นยังคงเป้าหมายไว้ที่ 1,600-1,700 เหรียญสหรัฐ
    ความเป็นไปได้ในราคาเป้าหมายที่ นพ.กฤชรัตน์ ตั้งเป้าไว้นั้นมีอยู่มาก เพราะเป็นเป้าหมายที่ระมัดระวังเมื่อผนวกกับประมาณการของซิตี้กรุ๊ป ที่มีแนวโน้มว่าจะลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงจากที่คาดไว้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะ เติบโต 3-4% และจะลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจทั้งปีนี้และปีหน้าของประเทศผู้นำเศรษฐกิจ โลก ทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป อังกฤษ
    สภาวะที่ความเสี่ยงราคาทองพลิก ทางลงมีเพียงประการเดียว คือ เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปฟื้นเร็วกว่าคาด
    แต่โอกาสเหล่านั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่...ริบหรี่เต็มทน
    สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลว่าสหรัฐและยุโรปจะเข้าตาจนในการหาทางออก ให้กับเศรษฐกิจประเทศ จนถึงกับนำทองคำที่เป็นทุนสำรองออกมาขาย คงเป็นไปได้ยาก เพราะหากสหรัฐจะทำเช่นนั้นต้องได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรส เนื่องจากทองคำเป็นทุนค้ำประกันค่าเงินอยู่เพื่อแสดงว่าฐานะการเงินของ ประเทศมั่นคง
    การขายออกมาเท่ากับสะท้อนความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินอย่างหนัก
    และทองคำไม่ผูกติดกับค่าเงินยูโรอีกต่อไป เพราะสถานะเงินยูโรก็เริ่มสั่นคลอน...
    ถึงบัดนี้ การลงทุนทองคำจึงเสมือนกับการลงทุนในสกุลเงินที่มั่นคงกว่าเงินสกุลหลักของโลกไปแล้ว
    ขณะที่สกุลเงินเหรียญสหรัฐและสกุลเงินยูโร...กำลังสั่นคลอน...ทองคำมีแต่ขึ้นกับขึ้น














    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/103372/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-



    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    อิตาลี ระเบิดเวลาลูกใหม่ใหญ่กว่าเดิม


    เรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก กันอีกแล้วสำหรับวิกฤตหนี้โลก
    โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
    เพียงไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐรอดพ้นจากการผิดชำระหนี้ได้อย่างฉิวเฉียด เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา โลกก็ต้องจับตาไปที่สถานการณ์ในยุโรปอีกครั้ง โดยเฉพาะกับอิตาลี ที่ศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจในอังกฤษออกมาฟันธงกันแบบชัดๆ ว่าอิตาลีจะเป็น “หนี้เสีย” อย่างแน่นอน
    เป็นเพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถานะทางเศรษฐกิจของอิตาลีในวันนี้ ตกต่ำอย่างสุดขีด ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี อิตาลี ซึ่งหมายถึงว่ามีความเสี่ยงสูงนั้น พุ่งขึ้นไปถึงกว่า 6.26% แล้ว สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุโรปเริ่มใช้สกุลเงินยูโรมาตั้งแต่ปี 1999 ทีเดียว
    ขณะที่เบี้ยประกันความเสี่ยงพันธบัตรอิตาลีระยะ 10 ปีก็พุ่งขึ้นไปถึง 38.4% เช่นกัน ท่ามกลางความประหวั่นพรั่นพรึงต่อการสะสมหนี้อันบ้าคลั่งของแดนมะกะโรนี
    แน่นอนว่าสาเหตุหลักเป็นผลมาจากปริมาณหนี้สาธารณะของอิตาลี ที่อาจจะกล่าวด้วยว่าเมื่อเทียบน้ำหนักกันแบบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ถือว่าอิตาลีเป็นประเทศที่มีมูลหนี้คิดเป็นปริมาณมากที่สุดในยุโรป
    ตามข้อมูลในปี 2010 มูลค่าจีดีพีของอิตาลีสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีจีดีพีสูงที่สุดในโลก
    จัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ขณะที่ขนาดจีดีพีของกรีซซึ่งกำลังซมพิษไข้วิกฤตหนี้อยู่นั้น มีอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเอง แม้ว่ากรีซจะมีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีสูงกว่าที่ราว 144% ต่อจีดีพี แต่ด้วยขนาดจีดีพีที่เล็กกว่าอิตาลีถึงกว่า 3 เท่านั้น จึงทำให้อิตาลีกลายเป็นงานหนักอึ้งสำหรับยุโรป

    และที่น่ากลัวกว่านั้น ปริมาณหนี้สาธารณะของอิตาลีต่อจีดีพีพุ่งขึ้นไปถึง 128% แล้ว
    อิตาลีภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ตลอด 3 สมัย ได้สั่งสมหนี้ไว้มหาศาล โดยเมื่อเดือน เม.ย. ปริมาณหนี้สาธารณะของอิตาลีสูงถึง 1.812 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 2.219 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
    ขณะที่ปริมาณหนี้สาธารณะของสหรัฐที่โลกกลัวๆ กันนั้นมีอยู่ที่ 14.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
    อิตาลีมีภาระหนี้มากกว่าสหรัฐเกือบเท่าตัวครึ่ง !
    สาเหตุสำคัญที่ทำให้อิตาลีมีหนี้มากขนาดนี้ เป็นเพราะปัญหาจากการบริหารประเทศผลงานชิ้นโบดำอันอื้อฉาวของนายกรัฐมนตรี แบร์ลุสโคนี ที่เข้าข่าย ยิ่งบริหาร “ประเทศยิ่งมีหนี้ แต่ตัวเองกลับรวยเอาๆ”
    แบร์ลุสโคนี มีทรัพย์สินส่วนตัวรวมกันเกือบ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางเสียงประณามว่าบริหารประเทศด้วยการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย
    ไหนจะเรื่องอื้อฉาวทางเพศที่กำลังเผชิญหน้าสารพัดคดี ครอบงำสื่อในประเทศ และยังบริหารแบบกึ่งเผด็จการ ไม่ฟังเสียงใครแม้ว่าจะบริหารประเทศผิดพลาดมาหลายครั้ง
    อีกทั้งยัง “ไม่กินเส้น” กับรัฐมนตรีคลัง กุยลิโอ เตรมินติ เมื่อรัฐมนตรีคลังได้เสนอให้รัฐบาลเร่งตัดลดรายจ่ายได้แล้ว แต่แบร์ลุสโคนีกลับไม่เห็นด้วย ถึงขนาดมีข่าวต่อเนื่องว่าอาจจะไล่รัฐมนตรีคลังรายนี้ออกจากตำแหน่งเสียด้วย
    การบริหารงานที่ผิดพลาดและย่ำแย่ ถือว่าแย่ที่สุดแล้ว อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิตาลีที่ต่ำเรียดติดดินมาตลอดไม่ถึง 1% ของจีดีพี
    อย่างในไตรมาสแรกของปีนี้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของแดนมะกะโรนีอยู่ที่ 0.1% เท่านั้น
    เรียกได้ว่าแบร์ลุสโคนีบริหารประเทศด้วยการเอาแต่สร้างหนี้ ขณะที่เศรษฐกิจประเทศแทบไม่ขยับ ถ้าเทียบเป็นบุคคลก็ต้องบอกว่าถือเป็นคนล้มละลายไปแล้ว
    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนทั่วยุโรปและทั่วโลกในวันนี้จะหวาดผวาถึง อนาคตแดนมะกะโรนีว่าในที่สุดจะเบี้ยวหนี้ และกลายเป็นหนี้เสียก้อนมหึมาในที่สุด ดังที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของอังกฤษได้ออกมาฟันธงล่าสุด ในท้ายที่สุดแล้วอิตาลีจะกลายเป็นหนี้เสียแน่นอน
    ขณะที่สเปน เพื่อนบ้านใกล้ชิดติดกัน อีกหนึ่งประเทศที่กำลังถูกจับจ้องว่าอาจจะเป็นเหยื่อวิกฤตหนี้รายต่อไปนั้น ในท้ายที่สุดจะสามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
    นั่นเป็นเพราะเหตุผลประการเดียวก็คือ อิตาลีมีหนี้มากเกินไป และมากกว่าสเปน ซึ่งสัดส่วนหนี้ของสเปนเมื่อเทียบกับจีดีพีนั้นอยู่ไม่เกิน 75% เท่านั้น
    และที่สำคัญ จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าในปี 2017 หากอิตาลียังไม่เร่งปฏิรูปเศรษฐกิจภายใน และลดรายจ่ายลง จะทำให้หนี้ต่อจีดีพีพุ่งกระฉูดไปถึง 150% ทีเดียว
    ทั้งนี้ หากพิจารณาหนี้ของอิตาลีจะพบว่าราวครึ่งหนึ่งของหนี้นั้นถือครองไว้ในอิตาลี ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในมือของนักลงทุนในยุโรป
    กระนั้นแม้ว่าหนี้ส่วนใหญ่ของอิตาลีจะถือครองอยู่ในแผ่นดินแม่ แต่ในส่วนที่กระจายอยู่ทั่วยุโรปนั้น ถือว่ามีปริมาณมหาศาล และกระจายอยู่ในมือของธนาคารรายใหญ่ทั่วยุโรปมากกว่าหนี้สเปน กรีซ โปรตุเกส หรือไอร์แลนด์
    พิจารณารายประเทศแล้วจะเห็นว่าธนาคารรายใหญ่ต่างๆ ในยุโรปถือครองหนี้อิตาลีรวมกันคิดเป็นมากถึงราว 1 แสนล้านยูโร เมื่อเทียบกับหนี้สเปนอยู่ที่ราว 2.5 หมื่นยูโรเท่านั้น
    ส่วนหนี้กรีซ โปรตุเกส และไอร์แลนด์ ธนาคารต่างๆ ในยุโรปถือครองไม่ถึง 2 หมื่นยูโร
    หมายความว่ายิ่งหนี้อิตาลีมีความเสี่ยงสูง ธนาคารรายใหญ่ในยุโรปทั้งหลายก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามไปด้วย
    ความเสี่ยงของอิตาลีจึงกระจายไปทั่วภาคการเงินของยุโรป ปัญหาของอิตาลีจึงมีอานุภาพที่รุนแรงมากกว่าหนี้ของกรีซ และประเทศอื่นๆ หลายเท่าตัว
    ยิ่งไปกว่านั้น ความวิตกกังวลต่อสถานะของอิตาลีนั้น เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อธนาคารกลางยุโรป อีซีบี) จำเป็นที่จะต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้การขึ้น ดอกเบี้ยเป็นการซ้ำเติมปัญหาในอิตาลี
    ทั้งๆ ที่ยูโรโซนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังก่อตัวเป็นปัญหามากขึ้น เรื่อยๆ โดยในเดือน มิ.ย. ดัชนีเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นไปที่ 2.7% เกินเพดานที่วางเอาไว้ที่ 2%
    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนพอจะไว้วางใจได้ชั่วคราวในขณะนี้ก็คือ หนี้ของอิตาลีนั้นมีกำหนดชำระคืนที่ถือว่ายังไม่รัดตัวนักเมื่อเทียบกับกรีซ
    ดังนั้น อิตาลียังพอมีเวลาที่จะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในเพื่อเรียกความเชื่อมั่น ของนักลงทุนให้กลับมาอีกครั้ง ดังที่ล่าสุดนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ได้แถลงต่อรัฐสภาเรียกลูกฮึดสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประเทศครั้ง สำคัญ
    จึงอาจจะบอกได้ว่า สำหรับหนี้อิตาลีนั้น คงต้องลุ้นกันยาวๆ ว่าในที่สุดแล้วระเบิดเวลาลูกนี้จะปะทุขึ้นถล่มยุโรปหรือไม่!


    .

    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/103373/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    หุ้นเสี่ยงแนะเล่นสั้น


    หุ้นยังเสี่ยงสูง แนะกลยุทธ์เล่นสั้นฟันกำไร เน้นหุ้นปลอดภัยกลุ่มธนาคาร อาหาร ค้าปลีก หนีหุ้นพลังงาน ส่งออก
    นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ลดลง 2.73% เป็นการปรับตัวตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการลดลงระหว่าง 1-5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ชัดเจนขึ้นถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยใน สหรัฐอเมริกาและปัญหาหนี้ในยุโรป ซึ่งเชื่อว่าปัญหายังมีผลต่อภาวะการลงทุนทั่วโลกไปอีกระยะหนึ่ง

    นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสซื้อหุ้น แต่จะต้องทยอยซื้อ และต้องไม่ลงทุนยาว เพราะภาวะตลาดอย่างนี้ไม่เหมาะลงทุนยาว และจะต้องเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน
    น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วง 3 วันทำการ (5-9 ส.ค.) คาดว่าต่างชาติอาจเทขายหุ้นไทยประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีแรงซื้อในประเทศร่วม 3 หมื่นล้านบาทมารองรับ เพราะที่ผ่านมาสถาบันขายออกจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท และรายย่อยขายจำนวน 7,000 ล้านบาท
    สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงอีกไม่มาก มีแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 1,050 จุด และจะเริ่มฟื้นตัวหากในการหารือของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ และมีความชัดเจนเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงิน 2-3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
    ปัจจุบัน กิมเอ็ง ยังคงให้เป้าหมายดัชนีปลายปีที่ 1,234 จุด ดังนั้นช่วงที่ตลาดลงแรง แนะนำให้ทยอยเก็บหุ้นที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก สื่อสิ่งพิมพ์ และหลีกเลี่ยงหุ้นส่งออก โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์
    ทั้งนี้ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ควรชะลอลงทุน เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นมากแล้ว และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กับบริษัท ช.การช่าง (CK) อาจจะต้องเพิ่มทุน
    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หุ้นที่ทรุดลงแรงจากความตื่นตระหนก (แพนิกเซลส์) จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน คาดว่ามีแนวรับที่บริเวณ 1,040-1,050 จุด
    “หุ้นที่ควรเข้าซื้อคือหุ้นที่ได้รับผลดีจากนโยบายรัฐ เช่น กลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร ส่วนกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง คือ หุ้นส่งออก รับเหมาฯ และให้ชะลอลงทุนกลุ่มพลังงาน” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
    ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำให้นักลงทุนสะสมหุ้นในช่วงที่ดัชนีตกต่ำ โดยเน้นหุ้นเกี่ยวเนื่องกับปัจจัย 4 ด้าน เช่น BIGC, CPALL, CPN, BBL, KTB, TCAP, PS, SPALI, STEC, TUF, CPF, STANLY และ AH
    ด้านตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตือนให้ผู้ถือหุ้นบริษัท จีสตีล (GSTEEL) และบริษัท จีเจสตีล (GJS) ให้ศึกษาข้อมูลและตัดสินใจอย่างรอบคอบในการใช้สิทธิออกเสียงในวาระการทำ รายการที่เกี่ยวโยงกันกับอาร์เซลอร์ มิตตัล (AM) และวาระการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 15 ส.ค.นี้
    บริษัท ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตอล (LL) มีการซื้อขายหุ้นบิ๊กล็อต ของผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ราย จำนวน 100 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นเงิน 50 ล้านบาท


    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/103711/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ดอลลาร์หมดเสน่ห์เงินหยวนจีนเตรียมผงาด


    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้นจากสภาพผิดนัดชำระหนี้
    โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้น จากสภาพผิดนัดชำระหนี้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าแผนดังกล่าวแค่ต่อสายชนวนระเบิดให้ยาวขึ้นอีกนิด ก่อนที่จะระเบิดตูมออกมาเท่านั้น
    เพราะจำนวนหนี้ของสหรัฐยังคงอยู่ และมีทีท่าว่าจะงอกเงยขึ้นมาอย่างไม่จบสิ้น โดยมีปัจจัยจากสภาพถดถอยของเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จีดีพีแทบจะไม่ขยับ และอัตราคนว่างงานยังคงสูงลิ่ว
    สถานการณ์ความตึงเครียดที่ส่งกลิ่นคุกรุ่นนี้ ทำให้ทั่วโลกเริ่มตระหนักได้ว่าเงินสกุลเหรียญสหรัฐไม่ใช่หลักประกันสำหรับ เงินสำรองระหว่างประเทศที่ปลอดภัยอีกต่อไป จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาลให้นานาประเทศต้องดิ้นรนหาทางรอดและทางเลือก ที่ไม่พึ่งพิงพี่เบิ้มเหมือนที่แล้วมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ

    ต่างประเทศ ดอลลาร์หมดเสน่ห์เงินหยวนจีนเตรียมผงาด



    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้นจากสภาพผิดนัดชำระหนี้
    โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
    แม้ว่าแผนการเพิ่มเพดานหนี้และตัดลดงบประมาณของสหรัฐจะทำให้ประเทศรอดพ้น จากสภาพผิดนัดชำระหนี้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าแผนดังกล่าวแค่ต่อสายชนวนระเบิดให้ยาวขึ้นอีกนิด ก่อนที่จะระเบิดตูมออกมาเท่านั้น
    เพราะจำนวนหนี้ของสหรัฐยังคงอยู่ และมีทีท่าว่าจะงอกเงยขึ้นมาอย่างไม่จบสิ้น โดยมีปัจจัยจากสภาพถดถอยของเศรษฐกิจในปัจจุบันที่จีดีพีแทบจะไม่ขยับ และอัตราคนว่างงานยังคงสูงลิ่ว
    สถานการณ์ความตึงเครียดที่ส่งกลิ่นคุกรุ่นนี้ ทำให้ทั่วโลกเริ่มตระหนักได้ว่าเงินสกุลเหรียญสหรัฐไม่ใช่หลักประกันสำหรับ เงินสำรองระหว่างประเทศที่ปลอดภัยอีกต่อไป จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาลให้นานาประเทศต้องดิ้นรนหาทางรอดและทางเลือก ที่ไม่พึ่งพิงพี่เบิ้มเหมือนที่แล้วมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐ
    [​IMG]
    ทั้งนี้ จีนเองก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเช่นกันว่าไม่สามารถคาดหวังกับสหรัฐได้อีกต่อไป เห็นได้จากปฏิกิริยาของ โจวเสี่ยวฉวน ประธานธนาคารกลางจีน ที่ออกมาระบุในแถลงการณ์ภายหลังการตัดสินใจของสหรัฐว่า จีนจำต้องเดินหน้ากระจายเงินสำรองระหว่างประเทศให้มีความหลากหลายมากขึ้น
    เพราะในสถานการณ์ที่เงินเหรียญสหรัฐมีสิทธิอ่อนค่าลง ทำให้ 70% ของเงินสำรองระหว่างประเทศจีนที่สูงถึง 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลดหายไปได้ทุกเมื่อ
    แต่สถานการณ์ของตลาดโลกในปัจจุบัน ทำให้จีนเองอดกุมขมับไม่ได้ เพราะตัวเลือกที่จะให้เลือกนอกเหนือจากสหรัฐนั้นแทบไม่มี เนื่องจากเงินสกุลยูโรที่พอจะสูสีกับสหรัฐก็ดันประสบปัญหาหนี้สาธารณะ ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นก็เจอพิษสึนามิซัดยังไม่หายมึน
    สำหรับประเทศอื่นๆ ก็คงต้องควานหายาแก้ปวดมากินบรรเทาอาการกันต่อไป แต่เพราะเป็นจีน ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียที่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำตอบที่ได้ย่อมแตกต่างออกไป ซึ่งก็คือการเดินหน้าผลักดันเงินหยวนให้เป็นหนึ่งในเงินสกุลหลักของโลก

    หากเป็นก่อนหน้านี้ แนวคิดดังกล่าวดูจะเป็นฝันที่ไกลเกินตัวของจีน แต่ทว่าวินาทีนี้จีนกลายเป็นคำตอบที่หลายประเทศต่างเล็งเข้าซบอิงแอบกันทั่ว หน้า
    เพราะในสายตาของประเทศเหล่านั้น หรือแม้กระทั่งนักลงทุน เงินหยวน (RMB) กำลังเป็นเงินสกุลใหม่ที่มั่นคง เติบโต และเริ่มได้รับความเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มโตวันโตคืน
    ทั้งนี้ จากสถิติของบริษัทหลักทรัพย์ยูบีเอส พบว่าเงินสกุลหยวนเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับการชำระหนี้และการคำนวณมูลค่าการ ค้าการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 18.4 หมื่นล้านหยวน มาอยู่ที่ 3.6 แสนล้านหยวน ในไตรมาสเดียวกันของปี 2554
    พร้อมกันนี้จีนได้ลงนามในข้อตกลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Swap Deals) กับประเทศต่างๆ โดยขยายจากฮ่องกงสู่สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอาร์เจนตินา ซึ่งช่วยให้บริษัทนอกประเทศจีนสามารถกู้ยืมเงินหยวนในปริมาณมหาศาลเพื่อลง ทุน หรือทำการค้าได้ภายในระยะเวลาเพียง 23 ปีที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มว่าจะขยายครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงรัส เซียภายในปีสองปีนี้
    นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมถึงพันธบัตรรัฐบาลจีนรสอร่อยที่เปิดขายในฮ่องกง อย่างติ่มซำบอนด์ซึ่งกำลังเนื้อหอมในหมู่บริษัทข้ามชาติ
    การค้าขายเงินหยวนในตลาดที่คึกคักดังกล่าว ล้วนเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของสกุลเงินที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นเงินสกุล หลักของโลกแทบทั้งสิ้น
    [​IMG]

    ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติจากฝั่งตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่าลูกค้าเริ่มให้ความสนใจถือเงินสกุลหยวนเป็นเงิน สำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ธนาคารรอยัลแบงก์ในสกอตแลนด์ ที่มีเงินหยวนสูงถึง 7 หมื่นล้านหยวน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มธุรกิจเครือคอนราดเองก็เริ่มเล็งเงินหยวนเป็นทางเลือกที่สำคัญ นอกเหนือจากเงินเหรียญสหรัฐแล้วเช่นกัน
    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเอื้ออำนวยให้จีนเดินเครื่องได้แบบเต็มกำลัง
    อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมในตลาดค้าเงินมากขึ้น แต่การที่รัฐบาลจีนควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนผ่านคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของ ธนาคารกลางอย่างเคร่งครัด ทำให้เงินหยวนยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้าง เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนไม่เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างที่ควรจะเป็น
    ปัญหาดังกล่าวจึงนับเป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลจีนอย่างมาก ว่าจะกล้าเดินหน้าปล่อยให้เงินหยวนเป็นไปตามราคาตลาดเพื่อดันสกุลเงินตนเอง ให้เทียบชั้นเงินสกุลหลักของโลกอย่างสหรัฐหรือไม่
    หากว่ารัฐบาลจีนไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ ความหวังที่จะเห็นเงินหยวนเป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนที่จะเป็นเงินสกุลทาง เลือกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ยังคงอยู่อีกยาวไกล

    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/103140/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%94-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    คุมเข้มรถตู้สาธารณะห้ามบรรทุกเกิน


    กรมการขนส่งคุมเข้มรถตู้โดยสารสาธารณะบรรทุกผู้โดยสารเกินถูกปรับอัตราสูงสุด
    นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนนิยมใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะมากขึ้น ทำให้มีผู้ประกอบการแก้ไขดัดแปลงจำนวนที่นั่งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด บางรายถึงขั้นให้ผู้โดยสารยืนบนรถตู้ เช่น สายอยุธยา-สุพรรณบุรี-ตลาดโรงเกลือ ดังนั้น กรมฯ จึงสั่งให้เพิ่มมาตรการตรวจเข้มในเส้นทางต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และสระแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยหากพบการกระทบผิดจะถูกลงโทษตามกฎหมายสูงสุด

    ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตรวจสอบตามจุดต่าง ๆ มาตลอดอย่างต่อเนื่อง พบว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2554 จากการตรวจสอบ 7,772 ราย พบรถตู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 749 ราย ความผิดส่วนใหญ่คือ ไม่พกใบอนุญาตขับรถและแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ จำนวน 146 ราย มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท รองลงมาคือ วิ่งออกนอกเส้นทาง จำนวน 140 ราย มีความผิดปรับคันละไม่เกิน 5,000 บาท/วัน จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่มีชื่อเส้นทาง หรือป้ายแสดงอัตราค่าโดยสาร จำนวน 134 ราย มีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท และการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของตัวรถ (การเพิ่มจำนวนที่นั่ง) จำนวน 113 ราย มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งผู้ตรวจการได้เปรียบเทียบปรับ จำนวน 552 ราย และออกใบสั่งผู้ตรวจการ จำนวน 197 ฉบับ เพื่อให้เจ้าของรถหรือผู้ประจำรถมาชำระค่าปรับต่อไป โดยมาตรการตรวจเข้มจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง

    นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์สิทธิในการใช้บริการรถโดยสาร สาธารณะ พบเห็นพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ขับรถไม่ปลอดภัย แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง.


    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94/103660/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99-



    .---------------------------------------------------------------------.


    ไม่รู้ว่า จะควบคุมได้หรือเปล่า


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    แก้ปัญหารองเท้าเหม็บอับรับหน้าฝน

    แก้ปัญหารองเท้าเหม็บอับรับหน้าฝน (Woman's Story)


    -http://women.kapook.com/view28746.html-

    ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้นะคะว่ารองเท้าของคุณ ๆ ต้องประสบกับปัญหาเปียกชื้น เปียกน้ำ เหม็นอับ บางรายถึงขั้นขึ้นรา ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะคะแล้วปัญหาต่าง ๆ จะหมดไปค่ะ..

    [​IMG] อันดับแรกหลังรองเท้าเปียกน้ำฝนมา ควรใช้น้ำที่สะอาดล้างทำความสะอาดภายนอก แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วนำไปผึ่งลม โดยห้ามใช้สบู่หรือผงซักฟอก และห้ามตากแดด

    [​IMG] ที่สำคัญควรวางรองเท้าให้เอียง 45 องศากับพื้น โดยให้ส้นรองเท้าเสมอพื้น หมั่นเทน้ำออกจนกว่ารองเท้าจะแห้งสนิทแล้วจึงนำไปตากแดดอ่อน ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง

    [​IMG] นอกจากนี้ชิ้นส่วนรองพื้นที่อยู่ด้านใน ถ้าเป็นแบบถอดออกได้ ให้นำไปล้างและทำให้แห้ง โดยวิธีเดียวกันหากรองเท้าที่เปียกน้ำเป็นวัสดุที่ทำจากหนัง ไม่ควรนำมาใช้จนกว่าจะแห้งสนิท เพราะจะทำให้หนังยืดและเสียรูปทรงค่ะ..


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    -http://www.womanstoryonline.com/index.php-

    [​IMG]
    1-15 กรกฎาคม 2554 ISSUE 267



    -http://women.kapook.com/view28746.html-

    .
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอทราบคำตอบด้วยคนนะครับท่านพี่
     
  13. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ดีชัวร์ ตามคุณหนุ่มว่าอ่ะครับ ว่าแต่ กำแพงขาว กับ ....เล็กอย่าลืมตามมาอีกนะครับ หุ หุ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อสักพักนี้ จะเตรียมจัดพระใส่กล่อง เพื่อจะส่งให้ท่านที่ร่วมทำบุญ

    ปราำกฎว่า กล่องพัศดุหมดเกลี้ยง

    ผมคงต้องไปซื้อ อาจจะฝากพนักงานส่งเอกสารช่วยซื้อให้ครับ

    รอหน่อยนะครับ

    และต้องขอโทษที่จัดส่งให้ช้าครับ

    .
     
  15. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณสำหรับความรู้นะครับพี่ท่าน คุณพี่หนุ่มนี่ตาถึงจริงๆเลยนะครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    ดูแล้วรู้สึกชอบมาก ดูขลังมีพลังน่าเคารพบูชา แต่มีพระวังหน้าพิมพ์อื่นๆหลายองค์แล้ว ขอโมทนาครับ
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    เหลือ น้อยมากๆครับ ได้มาเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นจิตบอกว่า....เก็บไว้นะ จะมีคนตามหา ..ระหว่างนั้นผมก็แจกไปบ้าง ให้ร่วมบุญกันไปบ้าง เข้าร่วมในโครงการธนาคารความดีมั่ง จนไม่น่าเหลือเกิน ๓๐ องค์แล้วครับ พิมพ์นี้ผมคิดว่าน่าจะมีในกลุ่มอีกหลายองค์ แต่ละองค์ในกลุ่มก็เก็บไว้ 1-2 หรือ 2-3 องค์เท่านั้น เนื่องจากลักษณะของเนื้อว่านยา การปิดทอง และบรรจุกริ่ง เขาบอกให้เอามาดูเล่น ผมเลยเอามาดูจริงๆ ไม่ดูเล่นอยากเขา..
    </td> </tr> </tbody></table>
    ดูแล้วรู้สึกชอบมาก ดูขลังมีพลังน่าเคารพบูชา แต่มีพระวังหน้าพิมพ์อื่นๆหลายองค์แล้ว ขอโมทนาครับ

    รุ่นนี้ก็ไม่จำเป็นค้องกล่าวถึงครับ หุ หุ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลุ้นเกือบแย่ครับกว่าที่จะชนะ หืดขึ้นคอจริงๆ



    -------------------------------------------------

    "ผี" คัมแบ็กแซงชนะเรือ 3-2 ซิวโล่ห์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">7 สิงหาคม 2554 22:31 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG]
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG]

    หลุยส์ นานี ปีกชาวโปรตุกีส ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์จากการตาม 2 ลูกในครึ่งแรกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 3-2 คว้าถ้วยคอมมูนิตี ชีลด์ ประจำฤดูกาล 2011-12 ในการแข่งขันที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2554

    ผลฟุตบอลคอมมูนิตี ชีลด์
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี

    ศึกฟุตบอลคอมมูนิตี ชีลด์ ที่สนามเวมบลีย์ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ลีก ฟาดแข้งกับคู่อริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เอฟเอ คัพ สำหรับสภาพทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ "ผีแดง" ปล่อย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เป็นเพียงสำรอง แดนนี เวลเบ็ค ได้โอกาสลงมาล่าตาข่ายร่วมกับ เวย์น รูนีย์ ก่อน พร้อมกับมี แอชลีย์ ยัง และ นานี คอยทำเกมทางริมเส้น ทางด้าน "เรือใบสีฟ้า" ของ โรแบร์โต มันชินี วาง เอดิน เชโก และ มาริโอ บาโลเตลลี ล่าตาข่ายร่วมกัน โดยมี ดาบิด ซิลบา สร้างสรรค์เกมรุก

    เริ่มเกมครึ่งแรกมาทั้งสองทีมพยายามต่อบอลกันไปขึ้นลุ้นประตูคู่แข่ง แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์แบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอกระทั่งนาที 22 แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นจากลูกฟรีคิกบริเวณมุมเขตโทษ หลังจาก แอชลีย์ ยัง ถูกเสียบจาก ไมกาห์ ริชาร์ดส์ โดย เวย์น รูนีย์ ปั่นด้วยขวาเหินข้ามคานออกไป

    แมนฯ ซิตี ตอบโต้ขึ้นมาเช่นกันในนาที 27 ดาบิล ซิลบา แทงบอลให้ เจมส์ มิลเนอร์ หลุดเข้าไปตวัดยิงในเขตโทษ บอลผ่านหน้าประตูออกหลัง เกมผ่านมาถึงนาที 35 แชมป์พรีเมียร์ลีกมีโอกาสจากลูกฟรีคิกอีกครั้งบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ คราวนี้ นานี ซัดแฉลบกำแพงหลุดโคนเสานิดเดียว

    แต่เรือใบสีฟ้าซึ่งรูปเกมเป็นรองกว่ากลับมาทำประตูออกนำก่อน 1-0 ในนาที 38 ซิลบา เปิดลูกเซตพีซไปเข้าหัว โจเลียน เลสคอตต์ โหม่งบอลข้ามตัว ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไป หลังจากนั้นแนวรับของผีแดงประกบตัวไม่ดี เอดิน เชโก มีเวลาสับไกยิงจากนอกเขตโทษ อีกทั้ง เด เคอา ล้มตัวช้าจนบอลพุ่งเข้าซุกก้นตาข่ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พร้อมกับทำให้ แมนฯ ซิตี หนีห่าง 2-0 เมื่อจบครึ่งแรก

    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงผู้เล่น 3 คนในช่วงครึ่งหลัง ทอม เคลเวอร์ลีย์, ฟิล โจนส์ และ จอนนี อีแวนส์ ลงมาแทนที่ ไมเคิล คาร์ริก, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานยา วิดิช เกมผ่านมาถึงนาที 52 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไล่ตีตื้นขึ้นมา 1-2 แอชลีย์ ยัง เปิดฟรีคิกทางกราบซ้าย กองหลัง แมนฯ ซิตี ประกบไม่ดีปล่อยให้ คริส สมอลลิง โฉบมาแปหน้าปากประตูเข้าไป

    ผีแดงเริ่มได้ใจเดินหน้าบุกต่อ หลังจากนั้นอีก 5 นาทีจากการต่อบอลที่ยอดเยี่ยมจากเท้าสู่เท้าระหว่าง นานี, รูนีย์ และ เคลเวอร์ลีย์ กระทั่ง นานี หลุดเข้าไปแตะบอลหนี ฮาร์ท ก่อนชิพบอลข้ามตัวนายด่านคู่แข่งตุงตาข่ายอย่างสวยงามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอ 2-2 กลับมาสู่เกมได้สำเร็จ

    กองหลังแมนฯ ซิตี ประกบตัวกันพลาดอีกครั้งจากจังหวะเตะมุมในนาที 62 ปล่อยให้ รูนีย์ เก็บบอลได้ทางเสาไกล แต่ยังดีที่กองหน้าทีมชาติอังกฤษซัดบอลเหินข้ามคานไปเอง หลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับเสียส่วนใหญ่ในครึ่งหลัง ทีมของ โรแบร์โต มันชินี จึงมาได้ลุ้นประตูอีกครั้งในนาที 75 อดัม จอห์นสัน ตัวสำรองสับไกยิงจากนอกเขตโทษ บอลเกือบเสียบเสาแรก แต่ เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งออกไป

    เกมเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมกลับมาทำเกมสู้กันอย่างสูสีอีกครั้ง เคลเวอร์ลีย์ มีโอกาสสับไกยิงจากนอกเขตโทษให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหินข้ามคานออกไป ในนาที 87 เป็นโอกาสของ แมนฯ ซิตี จากลูกเตะมุม ซิลบา เปิดบอลมาเข้าหัว ริชาร์ดส์ โขกเต็มศีรษะไปติดเซฟ เด เคอา แต่ก็เป็นการฟาวล์ไปก่อนแล้ว ก่อนที่ เชโก ได้วางเท้ายิงในเขตโทษ แต่เบาเกินไปเข้ามือ เด เคอา รับสบาย

    นาทีสุดท้าย สมอลลิง ทำเกมบุกขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนผ่านเรียดมาให้ นานี ซัดไปติดบล็อกกองหลังเรือใบสีฟ้า บอลมาเข้าทาง รูนีย์ โหม่งชงมาให้ เคลเวอร์ลีย์ ยิงเหินข้ามคานไปอีก แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แวงซองต์ กอมปานี สกัดบอลพลาดกลางสนามทำให้ นานี หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลเดี่ยวกับ ฮาร์ท ก่อนแตะหลบแล้วซัดเข้าไปกลายเป็นประตูขึ้นนำ 3-2 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด และเป็นประตูชัยเมื่อจบเกม

    ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, คริส สมอลลิง, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, นานี, ไมเคิล คาร์ริก, อันแดร์สัน, แอชลีย์ ยัง, เวย์น รูนีย์, แดนนี เวลเบ็ก
    แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แวงซองต์ กอมปานี, โจเลียน เลสคอตต์, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ไนเจล เดอ ยอง, ยายา ตูเร, เจมส์ มิลเนอร์, ดาบิด ซิลบา, เอดิน เชโก, มาริโอ บาโลเตลลี

    .

    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000098252-


    .
     
  20. JobZ

    JobZ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    โอนแล้วนะครับ
    จำนวน 1,100 บาท
    รายละเอียดเดี๋ยวผมPMไปนะครับ
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...