พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

sithiphong เห็นด้วยกับคุณไมตรี ลิมปิชาติ ที่ว่า "ตำรวจสมัยนี้เก่ง จับผู้ร้ายได้แน่ อยู่ที่ตำรวจจะจับหรือไม่เท่านั้น"

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การขโมย , ย้าบ้า , บ่อนการพนัน ฯลฯ

เมื่อวานคุยกับน้องท่านนึง น้องท่านนี้บอกว่า ทางภาคใต้ หากมีกรณีขึ้นระหว่างบุคคล 2 คน หากมีหลักฐานไม่่ชัดเจน เขาจะท้าสาบานต่อหลวงปู่ทวด ว่า ใครผิดของให้ฉิบหาย

ผมว่าเหมือนกัน ผมคิดว่า หากตำรวจที่เข้ารับราชการ หรือ รับราชการแล้ว ทุกคน ให้ไปสาบานต่อพระแก้วมรกตว่า ขอปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ฯลฯ หากทำได้ขอให้ชีวิตรุ่งเรือง หากทำผิดหรือทำไม่ได้ขอให้ชีวิตประสบกับความวิบัติตลอดกาล




.



.[/QUOTE]

เหมือนนักการเมืองบ้านเราเลยพี่ท่านชอบท้าสาบานไปวัดพระแก้วแต่ไม่เคยเห็นคู่กรณีและคนท้าสาบานไปกันจริงๆสักทีนึง มีแต่ท้าให้ฟ้าผ่าถ้าผ่าจริงๆคงตามกันไปเป็นแถวๆ

 

11ผู้ให้ต่อยอด'คำว่าให้....ไม่สิ้นสุด'

วันจันทร์ ที่ 09 พฤษภาคม 2554 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

หลายคนหลายหน่วยงานหลายองค์กร ตระหนักดีว่า “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” จึงเป็นที่มาให้ มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ สมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯ ประกอบด้วยแบรนด์ไทยชั้นนำทั้งหมด 11 แบรนด์ ได้แก่ อาซาว่า, ดิษยา, เกรฮาวด์, อิชชู, โครเซ็ท, มัญชุ, ซีนาดา, สเรทซิส, สัญชัย, เธียเตอร์ และ เซนิธทอเรียล ออกแบบเสื้อยืดคอลเลกชั่นพิเศษในคอนเซปต์ “คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด” นำรายได้จากการจำหน่ายสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดี เพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ศูนย์รักษาโรคซับซ้อนที่มีมาตรฐานระดับภูมิภาคเอเชีย

ในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้ชวนช่างภาพอิสระชื่อดัง ณัฐ ประกอบสันติสุข มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว “การให้” ผ่านนายแบบนางแบบรับเชิญสวมใส่เสื้อยืดคอลเลกชั่น พิเศษ ซึ่งผู้ที่มาเป็นแบบเป็นบุคคลจากหลากหลายวงการ แต่ทั้งหมดมีแรงบันดาลใจเพื่อสนับสนุนการให้และการแบ่งปันต่อ ๆ ไปในสังคมไทยอย่างไม่มีสิ้นสุด อาทิ นพ.มหิปธร ชินะผา กุมารแพทย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ที่มอบการให้ความช่วยเหลือ แม้นอกเหนือเวลางาน, ลลิตา ศศิประภา คุณแม่ที่หลงใหลเสน่ห์ของการให้ จากพ็อกเกตบุ๊กหลายเล่มที่เขียนขึ้น แต่ละเล่มนำรายได้มอบให้การกุศลมา, ธิติมา ยุราวรรณ คุณแม่ท้องแก่ผู้กล้าหาญที่ให้การช่วยเลือกจนตำรวจจับผู้ร้ายขโมยรถยนต์ของผู้อื่น, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ผู้ให้ตามรอยพ่อเพราะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ทำให้เริ่มการให้ด้วยการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในแต่ละจังหวัด, บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล สาวสังคมผู้ให้ความสำคัญกับการให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ยังมี ประดิษฐ์ ศศิภัทรกุล กำนันผู้มีแต่ให้แห่งบ้านแม่หล่าย จ.แพร่ ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือลูกบ้านโดยให้ความรู้เรื่องการทำกิน รูปแบบเกษตรอินทรีย์, ศรีสุภา แก้วประพาฬ นักสังคมสงเคราะห์ รพ.รามาธิบดี อุทิศตนทำงานเป็นผู้ให้มากกว่า 30 ปี ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในเรื่องสภาพจิตใจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน, เอกชัย วรรณแก้ว ศิลปินครูสอนวาดภาพผู้ไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตาแม้ร่างกายพิการ เป็นผู้ให้ด้วยการไปสอนศิลปะแก่นักโทษ
ครุโทษ และสอนศิลปะเด็กพิการ, ด.ช.พิสิฐพงศ์-ด.ช.ศุภเสกข์ สุระเกรียงศักดิ์ ปาฏิหาริย์ของพี่น้องที่เกิดจากการให้, สุวรรณ หอมดี ผู้ป่วยมะเร็งที่ต่อสู้เพื่อครอบครัว และ พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ ช่างภาพแฟชั่นที่ซาบซึ้งในคำสอนพระพุทธองค์ จึงบังเกิดเป็นการให้ในการทำหนังสือธรรมะแจกโดยสามารถเข้าชมนิทรรศการภาพถ่ายและซื้อเสื้อคอลเลกชั่นพิเศษได้ในงาน “แฟชั่น วิธ พาสชั่น ทู กิ๊ฟ” ระหว่างวันที่ 11–15 พ.ค. นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์.





ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้า

วันจันทร์ ที่ 09 พฤษภาคม 2554 เวลา 9:02 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ "พระพุทธเจ้า" จากอินเดีย อายุ 2,554 ปีบรรจุยอดภูเขาทอง วัดสระเกศฯ เฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” 84 พรรษา พร้อมถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชา ที่พระพุทธศาสนาจะมีอายุครบ 2,600 ปี เผย 17 พ.ค.จัดพิธีใหญ่

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และเนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก และปีนี้จะเป็นปีที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ 2,600 ปี และในวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา วัดสระเกศฯ จะทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อายุ 2,554 ปี ซึ่งขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2439 และเป็นชุดเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อัญเชิญมาจากประเทศอินเดียขึ้นไปบรรจุบนยอดภูเขาทอง ซึ่งจะทำพิธีเหมือนเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาบรรจุไว้เมื่อ 112 ปีที่แล้ว แต่จะมีลักษณะพิเศษ คือ ทางวัดจะบรรจุแบบใสให้ประชาชนได้ชมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้เห็นความมหัศจรรย์ของหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้บรรลุจนสามารถเปลี่ยนพระอัฐิธรรมดาให้กลายเป็นพระธาตุด้วยการละจากกิเลสทั้งปวง ดำรงพระองค์อยู่ในหลักธรรม มีพระเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ

สำหรับพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ได้รับการยืนยันจากนายวิลเลียม เปปเป วิศวกรชาวอังกฤษและนักโบราณคดีว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุของแท้มีจารึกที่ผอบกำกับไว้ด้วยว่า ราชวงศ์ศากยะได้บรรจุถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าได้พระราชทานบางส่วนให้แก่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ผู้แทนที่ได้อัญเชิญมาเพื่อนำไปสักการบูชาด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 ทางทายาทเจ้าพระยายมราชได้อัญเชิญมาถวายแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เนื่องจากเห็นว่าพระบรมสารีริกธาตุควรจะได้บรรจุรวมกันไว้ที่เดียว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นพุทธบูชา

“พระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ไม่ได้ระบุว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนใด แต่เป็นพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของแท้แน่นอน ซึ่งในปีมหามงคลที่หลายวาระมาบรรจบกัน จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ที่ทรงมีพระเมตตาต่อชาวโลกโดยชี้แนวทางสว่างในการดำเนินชีวิตให้แก่มนุษย์ รวมทั้งคณะสงฆ์จะได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถวายเป็นพุทธบูชา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษาด้วย อาตมาจึงอยากเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนได้มาชมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ภูเขาทอง วัดสระเกศ กันให้มาก ๆ โดยทางวัดจะจัดพิธีแห่อย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯกล่าว

ส่วนที่ถนนราชดำริ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก สมาคมวัฒนธรรมเพื่อความดีสากล สหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ และเครือข่ายชาวพุทธ ร่วมกันจัดกิจกรรมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 12,600 รูป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชาโลก โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการตักบาตรรวมถึงปัจจัยจะนำไปมอบให้คณะสงฆ์ 286 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้.





ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:20 น. ข่าวสดออนไลน์


ชวนชมปรากฏการณ์ดาวศุกร์เคียงพฤหัสฯ 11-13 พ.ค.

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อ 6 พ.ค.54 นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า จะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติบนฟากฟ้าที่มองเห็นด้วยตาเปล่าน่าติดตามอย่างยิ่ง คือดาวศุกร์เคียงดาวพฤหัสบดี ในเช้ามืดวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 สุดขอบฟ้าทิศตะวันออก เป็นระยะใกล้มากที่ 37 ลิปดา 51 ฟิลิปดา และยังมีดาวพุธอยู่ในกลุ่มด้วยโดยดาวพุธอยู่ใกล้ดาวศุกร์ในระยะ 1 องศา 30 ลิปดา 08 ฟิลิปดา และอยู่ใกล้ดาวพฤหัสในระยะ 2 องศา 3 ลิปดา 13 ฟิลิปดา แนะนำว่า ผู้สังเกตการณ์ต้องหาที่โล่ง หรือที่สูงไม่มีอาคารบัง จึงจะพอสังเกตได้

นายวรวิทย์กล่าวว่า ดาวเคราะห์ 3 ดวงที่จะเกาะกลุ่มขึ้นจากขอบฟ้าใกล้เคียงกัน โดยดาวพฤหัสบดีขึ้นจากขอบฟ้าก่อนเวลา 04.21.56 น. ด้วยความสว่าง - 2.07 อยู่ในกลุ่มดาวปลา (Pisces) จากนั้นดาวศุกร์ขึ้นพ้นขอบฟ้าเป็นดวงที่สอง เวลา 04.24.06 น. ด้วยความสว่าง - 3.89 อยู่ในกลุ่มดาวปลา และดาวพุธขึ้นพ้นขอบฟ้าเป็นดวงที่สาม 04.26.53 น. ด้วยความสว่าง 0.30 อยู่ในกลุ่มดาวปลา จากนั้นเวลา 04.40 น. ดาวเคราะห์ดวงที่ 4 ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าคือดาวอังคาร จะขึ้นตามมา ด้วยความสว่าง 1.27อยู่ในกลุ่มดาวแกะ (Aries)

นอกจากดาวเคราะห์ทั้ง 4 ดวงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ยังมีดาวเคราะห์ดวงที่ 5 ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อยู่ในกลุ่มดาวปลาด้วยนั่นคือดาว ยูเรนัสซึ่งขึ้นจากขอบฟ้ามาก่อนแล้ว โดยอยู่สูงเหนือดาวพฤหัสบดี 21องศา 55 ลิปดา2 ฟิลิปดา

ปรากฏการณ์ดาวศุกร์เคียงดาวพฤหัสบดีไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่สังเกตได้เช้ามืดของ สามวัน คือ วันที่ 11 12 และ 13 พฤษภาคม โดยเฉพาะวันที่ 12 พ.ค. ดาวศุกร์ใกล้ดาวพฤหัสมากที่สุด จึงน่าติดตามชมเป็นอย่างยิ่ง”
ที่มา ข่าวสด ออนไลน์

 

ดีครับทุกท่านยามบ่ายนะครับผม

 

.
เตือน! แบงค์ 50 ปลอม หลังพบที่สงขลา

<!--Share<script src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type="text/javascript"></script> Tweet<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>-->

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เจ้าของร้านชำเมืองสงขลา สุดซวย! ได้แบงค์ปลอม 50 บาท ถึง 3 ครั้งในวันเดียว ด้านตำรวจเร่งประชาสัมพันธ์ ให้พ่อค้า-แม่ค้า ตรวจสอบแบงค์ใบละ 50 บาทก่อนรับว่าเป็นของจริงหรือไม่

เมื่อวานนี้ (8 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ได้รับแจ้งเหตุเรื่องธนบัตรปลอมระบาดจากเจ้าของร้านขายของชำแห่งหนึ่งในเมืองสงขลาว่า ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ได้มีลูกค้าคนหนึ่งนำธนบัตรปลอมใบละ 50 บาท มาซื้อสินค้าในร้านของตนเอง และในช่วงบ่าย ก็มีคนนำธนบัตรใบละ 50 บาท มาซื้อน้ำอัดลมที่ร้านของตน แต่เมื่อตนลองจับธนบัตรฉบับดังกล่าว รู้สึกว่าผิดสังเกต เนื่องจากผิวของกระดาษมีลักษณะบางและสีซีดผิดกับธนบัตรใบละ 50 ใบอื่น ๆ ที่ตนมี จึงได้ลองนำไปทดสอบส่องกับไฟดู เพื่อตรวจดูลายน้ำ ปรากฎว่า ไม่มีลายน้ำในธนบัตร จึงได้รู้ว่าเป็นธนบัตรปลอม และเมื่อช่วงเย็น ก็มีคนนำธนบัตรใบละ 50 บาท มาซื้อของในร้านของตนอีก และเมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นธนบัตรปลอมอีก จึงตัดสินใจรับธนบัตรฉบับดังกล่าวไว้ เพื่อนำธนบัตร 50 บาทปลอม ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา หลังจากทราบเรื่อง ก็ได้ฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าและแม่ค้าที่ขายของในเวลากลางคืนให้ระมัดระวัง โดยขอให้ตรวจสอบธนบัตรใบละ 50 บาทให้ละเอียดก่อนรับ ด้วยการสังเกตลายน้ำในธนบัตร เพื่อให้แน่ใจว่าธนบัตรที่รับมาเป็นของจริง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก สำนักข่าวไทย และ NNT






-http://hilight.kapook.com/view/58639-


.

อยากทราบเรื่องของการดูธนบัตร

ผมนำไปลงไว้ที่เว็บใต้ร่มธรรมครับ

วิธีดูธนบัตร ว่า ปลอมหรือไม่ (ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย)

-http://www.tairomdham.net/index.php/board,97.0.html-


.

 

เก่งมากครับ

-http://musicstation.kapook.com/view25959.html-


http://musicstation.kapook.com/view25959.html

.

 

ผีทำได้เชือดสิงห์ 2-1 จ่อคว้าแชมป์ลีกสมัย 19

ข่าวฟุตบอล "ปีศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ด ขยับเข้าใกล้ ตำแหน่งแชมป์ลีก 19 สมัยขึ้นทุกที หลังเปิดบ้าน เฉือนชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซี คู่ปรับแย่งแชมป์ 2-1 เก็บสามคะแนนสำคัญ ทิ้ง เชลซี ห่าง 6 แต้ม ทำให้ต้องการอีกเพียงแต้มเดียวจากสองนัดสุดท้าย ก็จะครองบัลลังค์แชมป์ทันที

ผลบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2554
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 : 1 เชลซี
ประตู : 1-0 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ น.1,2-0 เนมันย่า วิดิช น.23,2-1 แฟรงค์ แลมพาร์ด น.68

ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

ครึ่งแรก

เริ่มเกมมาได้แค่ 39 วินาทีเท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วทันทีจากจังหวะที่ กิ๊กส์ จ่ายให้ พาร์ค จี-ซอง ก่อนจะไหลแต่ ดาวิด ลุยซ์ สกัดพลาดทำให้ ชิชาริโต้ หลุดเข้าไปยิงผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เข้าไปทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0

นาที 23 เจ้าถิ่น มาได้ประตูทิ้งห่างออกไปเมื่อ กิ๊กส์ เล่นสั้นให้ พาร์ค จี-ซอง และคืนบอลไปที่ กิ๊กส์ ก่อนจะพาบอลถึงสุดเส้นแล้วโยนเข้ามาหน้าประตู ให้ เนมันย่า วิดิช สอดตัวเข้ามาโหม่งตุงตาข่าย "ปีศาจแดง" หนี "สิงห์บูลล์" ออกไปเป็น 2-0

เชลซี เกือบจะตีไข่แตกได้เหมือนกันจากลูกเตะมุมที่เปิดมาเสาแรก เทอร์รี่ โหม่งเช็ดต่อไปที่กลางประตู กาลู ได้โขกบอลเหน่งๆแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ซูเปอร์เซฟปัดมือเดียวได้ อิวาโนวิช พยายามตีลังกาซ้ำแต่ว่าเข้าหน้าต่างอีก

มาถึงครึ่งชั่วโมง เชลซี ได้โอกาสอีกครั้งจากลูกฟรีคิกระยะ 30 หลา ดร็อกบา ปั่นบอลโค้งข้ามกำแพงได้สวยแล้ว แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ยังไม่ยอมให้ผ่านเข้าประตูได้ง่ายๆ พุ่งไปปัดบอลออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

ดร็อกบา มาได้ยิงฟรีคิกอีกครั้งในอีก 2 นาทีต่อมา โดยระยะน่าลุ้นกว่าเดิมแต่ว่าครั้งนี้ยิงฉีดยาแล้วถากเสาออกไป ก่อนที่เกมจะยื้อๆกันไปและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำห่างของแมนฯ ยูไนเต็ด

ครึ่งหลัง

นาทีที่ 62 เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ได้ลงบู๊เป็นตัวสำรองรายสุดท้ายแทน กาลู ท่ามกลางเสียงโห่ต้อนรับของบรรดาเร้ดอาร์มี่

นาทีที่ 69 ทีมเยือนก็เริ่มมีหวัง จากจังหวะที่ รามิเรซ บอมบ์ลูกโด่งจากฝั่งขวา เข้าเขตโทษแล้ว อิวาโนวิช กระโดดขึ้นโขกต่อไปหน้าประตู โดยมีแลมพาร์ดแหย่ขาส่งบอลตุงตาข่ายช่วยให้สิงห์บลูส์ไล่มา 1-2

จากนั้นอีกนาทีเดียว ผีแดงน่าจะหนีไปอีกหนจากการกระชากบอลเข้าเขตโทษด้านขวาของเอร์นานเดซแล้ว จ่ายเข้ากลางให้รูนีย์ตามไปล้มตัวยิงระยะสิบหลา แต่มี อเล็กซ์ กวาดบอลทิ้งได้ก่อนพ้นเส้นประตูเข้าไป

ถึงตรงนี้เจ้าบ้านกลับมาเดินเกมรุกกดดัน เชลซี อีกยก หมายกำชัยให้แน่นอน แต่ไม่อาจคลำเป้าเพิ่มได้ จบเกมผีแดงจึงคว่ำอาคันตุกะได้สำเร็จ 2-1 ขออีกแต้มเดียวจากสองนัดสุดท้ายเพื่อครองแชมป์ลีกสมัยที่ 19 สูงที่สุดในประเทศแซงหน้าลิเวอร์พูล

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7,เนมันย่า วิดิช 8,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7.5,ฟาบิโอ 7(สมอลลิ่ง - น.88),จอห์น โอเชีย 6(อีแวนส์ 7 น.45),ไรอัน กิ๊กส์ 8,ไมเคิ่ล คาร์ริค 8,ปาร์ค จี ซอง 8.5*,อันโตนิโอ วาเลนเซีย 8.5,ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 8,เวย์น รูนี่ย์ 8.5

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7,จอห์น เทอร์รี่ 5.5,ดาวิด ลูอิซ 4(อเล็กซ์ 6.5 น.45),แอชลี่ย์ โคล 4.5,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6,จอห์น โอบี มิเกล 4(รามิเรส 6.5 น.45),แฟรงค์ แลมพาร์ด 7,มิคาเอล เอสเซียง 5.5,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 6,ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 6.5,ซาโลมอง กาลู 5.5(ตอร์เรส 6 น.62)

<EMBED src=http://goo.gl/obZ3E width=640 height=385 type=application/x-shockwave-flash quality="high" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" wmode="transparent" flashvars="file=http://content3.catalog.video.msn.com/e2/ds/us/Fox%20Sports/Fox_Soccer_FSC/1090038c-3272-4624-9f21-b17cf3a05f09.flv&stretching=exactfit&image=http://goo.gl/iJe7y&skin=http://www.longtailvideo.com/files/skins/whotube/5/whotube.zip&plugins=fbit-1,tweetit-1&dock=true">




-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=13491&key=news-




ข่าวฟุตบอล เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โว แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ หลังจ่อคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 19 มาครอง ภูมิใจผลงานสุดยอดมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ว่า "ปิศาจแดง" คือทีมที่ดีที่สุดในประวัติของลูกหนังอังกฤษ หลังจากเอาชนะ เชลซี ได้ 2-1 เตรียมตัวขึ้นแท่นรับแชมป์ พรีเมียร์ลีก นับเป็นชัยชนะลีกสูงสุดครั้งที่ 19 เหนือสโมสรใดๆ

"เฟอร์กี้" กล่าวว่า "มันมหัศจรรย์มากที่ได้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศ ย้อนกลับไปในนาทีที่เราคว้าแชมป์ครั้งแรกในสมัยของผมเมื่อปี 1992 นั่นคือการเปิดประตูมันเปิดขึ้นมา หลังจากนั้นเราก็เป็น 1 ใน 2 อันดับแรกของตารางมาตลอด มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก"

"ตลอด 17-18 ปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อล กับ เชลซี เป็นคู่แข่งที่ไล่บี้เรามาตลอด และช่วงหลังๆ ก็เป็น เชลซี ปีนี้ อาร์เซน่อล สู้ได้ดี แต่วันนี้พวกเขาแพ้ และชัยชนะของพวกเขาก็ทำให้ทุกอย่างมันจบแล้ว เราสำควรจะคว้าแชมป์และหวังว่าเราจะได้คะแนนที่ต้องการในการเล่นเกมต่อไปกับ แบล็คเบิร์น วันเสาร์นี้"

แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้แชมป์อย่างเป็นทางการแต่ก็ขอแค่แต้มเดียวจากอีก 2 เกมสุดท้าย ซึ่ง กุนซือชาวสกอตต์ กล่าวว่า "เราจะเล่นด้วยความเคารพต่อพวกเขาเต็มร้อย เพราะพวกเขาเป็นทีมที่ดีและกำลังสู้เพื่ออยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก"

"เฟอร์กี้" กำลังจะได้ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 12 นับตั้งแต่มาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1986 และนับเป็นถ้วยรายการสำคัญใบที่ 27 ซึ่งมีสิทธิ์จะเพิ่มได้อีก ในการชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ บาร์เซโลน่า ในวันที่ 28 พ.ค. นี้

-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=13494&key=news-




ข่าวฟุตบอล ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดจอมเก๋า ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมายอมรับว่า พวกเขาเข้าใกล้การที่จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีกเต็มแก่แล้ว หลังจากที่เอาชนะเชลซีไปได้ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ไรอัน กิ๊กส์ ปีกมากประสบการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก เปิดเผยรู้อยู่เต็มอกว่า การทำลายสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยของ ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง โดยตอนนี้พวกเขาจ่อที่จะคว้าแชมป์ลีกสมัย 19 หลังปราบซ่า เชลซี 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

"จริงๆ มันก็ยังไม่จบหรอกนะ แต่เราก็เข้าใกล้สุดๆเลย" กิ๊กส์ กล่าวเปิดใจ

"นั่นเป็นสิ่งที่เราพยายามจะทำให้ได้(บุกไปเก็บชัยชนะเหนือแบล็คเบิร์น)"

"บรรยากาศมันคงจะยอดเยี่ยมมากแน่ ซึ่งแน่นอนเลยว่าเราจะไม่ไปที่นั่นเพื่อหวังแค่ผลเสมอ เราต้องการชัยชนะ"

ทั้งนี้ ชัยชนะในเกมนัดล่าสุด ทำให้แมตช์ที่พวกเขาจะพบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในสุดสัปดาห์หน้า โดย "ผีแดง" ต้องการแค่ 1 คะแนนเท่านั้น แชมป์ลีกก็จะไปประดับในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดทันที

-http://football.kapook.com/news_inside.php?id=13493&key=news-

 

-http://football.kapook.com/clipvdo_inside.php?qid=44677-








.

 

.
<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันอังคารเบิกบานครับ



.

 

.
[FONT=Tahoma,]ดาวเคราะห์น้อย'YU55' มหันตภัยใกล้(ชน)โลกมนุษย์



<table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">
</td></tr></tbody></table>ลือ กันกระหึ่มโลกไซเบอร์ หลังจากสื่อบางสื่อของไทยแปลข่าวต่างประเทศผิด หรือตั้งใจนำเสนอหัวข่าวแบบ "บิดประเด็น" เพื่อสร้างกระแสหวือหวาก็ไม่ทราบได้ ว่า "ดาวเคราะห์น้อย YU55 จะพุ่งชนโลกปลายปีนี้!"

ส่วนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์-ดาราศาสตร์จะเป็นเช่นไร "ข่าวสดหลาก&หลาย" มีคำตอบ



จุด เริ่มต้นของกระแสข่าวผิดๆ ในเมืองไทยว่า ดาวเคราะห์น้อย "YU55" (วายยู 55) จะพุ่งชนโลกนั้นเกิดขึ้น หลังจากสื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานข่าวไปทั่วโลกในช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ ผ่านมา ว่า

นายดอน ยีโอแมนส์ โฆษกสำนักงานอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ "นาซ่า" ในฐานะผู้จัดการโครงการติดตามวัตถุใกล้โลก ออกมาแถลงข่าว ว่า

ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 นี้ ดาวเคราะห์น้อยชื่อ "YU55" จะโคจร เข้ามาใกล้โลกมากที่สุด ในระยะห่างกันประมาณ 325,000 กิโลเมตร

ซึ่ง แม้จะห่างกันเป็นแสนๆ กิโลฯ แต่ในทางดาราศาสตร์ถือว่า "YU55" เป็นวัตถุในอวกาศที่โคจรมาเฉียดใกล้โลกมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์

และนับจากปัจจุบันไปจนถึงปี พ.ศ.2571 หรืออีก 17 ปีข้างหน้าก็จะยังไม่มีดาวเคราะห์น้อยดวงใดพุ่งมาใกล้โลกเท่านี้

ด้วย ข้อมูลดังกล่าว จึงมีสื่อไทยบางสื่อเอาไปโหมกระพือว่า ดาว "YU55" จะพุ่งเข้าใกล้จนถึงขั้น "ชนโลก" ทั้งๆ ที่ในเนื้อแถลงการณ์ของนาซ่านั้น นายดอนย้ำชัดว่า "แรงดึงดูดของโลกเราที่จะกระทำต่อ YU55 นั้นน้อยเอามากๆ"

หมายความว่าแรงดึงดูดโลกจะไม่ฉุดเอา YU55 เข้ามาชนโลกนั่นเอง

"YU55 โคจรผ่านมาทางดวงอาทิตย์ทุกๆ 14 ปี โดยครั้งนี้จะไม่ส่งผลคุกคามใดๆ และจะไม่พุ่งชนโลกไปอีกอย่างน้อยภายในรอบ 100 ปีข้างหน้า" นายดอน แถลงที่สำนักงานห้องปฏิบัติการเจพีแอลของนาซ่า ในเมืองพาซาดีน่า สหรัฐ



สํา หรับข้อมูลทั่วไปของ "YU55" มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 400 เมตร จัดเป็นกลุ่มหินในอวกาศขนาดใหญ่ที่สุดและโคจรมาใกล้โลก มากที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ<table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">
</td></tr></tbody></table>

โดย ผู้ค้นพบ "YU55" เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2005 หรือ พ.ศ.2548 คือ "โรเบิร์ต แม็กมิแลน" หัวหน้าโครงการสำรวจอวกาศประจำมหาวิทยาลัยรัฐอริโซนา สหรัฐ ซึ่งได้รับทุนสนับ สนุนจากนาซ่า

ต่อมาในเดือนเมษายน 2553 "ไมก์ โนแลน" และทีมผู้เชี่ยวชาญดาราศาสตร์ประจำหอสังเกตการณ์อวกาศ "เอเรซิโบ" ในเปอร์โตริโก สามารถบันทึกภาพแบบเบลอๆ ของ "YU55" เอาไว้ได้ขณะเดินทางล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ห่างจากโลกราว 2.3 ล้านกิโลเมตร

เนื่องจากดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีขนาดใหญ่ นักดาราศาสตร์จึงจัดไว้ในกลุ่ม "เป็นอันตรายต่อโลกมนุษย์" โดยคำนวณกันออกมาว่า

ถ้าอีกร้อยปีข้างหน้า "YU55" เกิดมีวงโคจรพุ่งเข้ามาชนโลกจริง

อานุภาพทำลายล้างจะสูงพอๆ กับการที่โลกถูก "ระเบิดนิวเคลียร์" 65,000 ลูกถล่มใส่!

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการค้นพบ "YU55" รวมถึงรู้เส้นทางโคจรของมันแล้ว ก็ช่วยให้การ "วางแผนรับมือ" ทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยระหว่างที่ "YU55" โคจรมาใกล้โลกในเดือน พ.ย.2554

ทาง นาซ่า และนักดาราศาสตร์ทั่วโลกจะใช้หอสังเกตการณ์อวกาศ และหอดูดาวต่างๆ ติดตามความเคลื่อนไหวและเก็บข้อ มูลลักษณะของดาวเคราะห์น้อยอันตรายดวงนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด

"เมื่อ YU55 ผ่านโลกปลายปีนี้ เราวางแผนจะจับภาพที่ความละเอียด ระดับใกล้กับพื้นผิวราว 4 เมตร และด้วยประสิทธิภาพของเครือข่ายสำรวจอวกาศที่โกลด์สโตน รัฐ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเพิ่งได้รับการปรับปรุงอุปกรณ์หลายชิ้น ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเรดาร์ที่โกลด์สโตนจะจับภาพรายละเอียดของดาวไว้ได้" แลนซ์ เบนเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเรดาร์สำรวจอวกาศของห้องปฏิบัติการเจพีแอล กล่าว

ทั้งนี้ วิธีการทำงานของระบบ "เรดาร์สำรวจอวกาศ" ทำโดยการยิงสัญญาณคลื่นไมโครเวฟกำลังสูงออกไปจาก "เสาส่งสัญญาณ" ขนาดใหญ่ที่มีหน้าตาคล้ายจานรับส่งสัญญาณดาวเทียม

และความแรงของคลื่นไมโครเวฟที่ยิงออกไปนั้น มีรัศมีไกลครอบคลุมไปถึงดวงจันทร์บริวารของ "ดาวเสาร์" กันเลยทีเดียว<table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">
</td></tr></tbody></table>

จาก นั้นเมื่อคลื่นไปกระทบกับวัตถุเป้าหมายก็จะสะท้อนสัญญาณกลับมายัง "สถานีภาคพื้นดิน" เพื่อแปลค่าออกมาเป็นภาพเรดาร์ 3 มิติของวัตถุเป้าหมาย



ส่วน วิธีการ "ทำลาย" หรือ "สกัด" ดาวเคราะห์น้อยไม่ให้พุ่งเข้ามาชนโลกจนเกิดหายนะ เบื้องต้นในวงการวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐาน-ทฤษฎีกันหลายรูปแบบ

แต่ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดมี 3 วิธีดังนี้ ประกอบด้วย

1.ใช้ อาวุธนิวเคลียร์ยิงใส่เพื่อเปลี่ยนวิถีโคจร แต่มีข้อกังวลว่าระเบิดนิวเคลียร์จะกลับกลายเป็นว่าทำให้ดาวเคราะห์น้อยแตก ตัวกลายเป็นชิ้นเล็กลง แล้วพุ่งชนพื้นโลกตรงจุดอื่นๆ แทนหรือไม่

2.ส่ง ฝูงยานอวกาศออกไปนอกโลก แต่ละลำติดตั้งกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์ปรับมุมองศาให้สะท้อนความร้อนจากแสง อาทิตย์ไปยังพื้นผิวดาวเคราะห์น้อย เพื่อให้ก๊าซที่ผุดออกจากพื้นผิวเปลี่ยนวงโคจร

3.ส่งยานอวกาศพุ่งชนเพื่อเปลี่ยนวิถีโคจร ซึ่งวิธีนี้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อย แต่ความสำเร็จยังไม่เป็นที่แน่ชัด

ข้อมูล : นาซ่า, เดลี่มิเรอร์, เดลี่เมล์, ซินหัว, สเปซดอตคอม



ไขข้อเท็จจริง

ลือ'YU55'ชนโลก

สมาคม ดาราศาสตร์ไทย โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด ตอบคำถาม-ข้อสงสัยเกี่ยวกับข่าวลือกระหึ่มโลก กรณีดาวเคราะห์น้อย 'YU55' จะพุ่งชนโลกในวันอังคารที่ 8 พ.ย. 2554 ดังนี้

ถาม : 2005 YU55 คืออะไร

ตอบ : 2005 YU55 (2005 วายยู 55) หรือบางคนอาจเรียกสั้นๆ ว่า YU55 (วายยู 55) เป็นชื่อวัตถุดวงหนึ่งที่ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) จัดเป็นดาวเคราะห์น้อย ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ปัจจุบันระบบสุริยะของเรามีดาวเคราะห์ 8 ดวงเท่านั้น

ถาม : มีขนาดใหญ่แค่ไหน

ตอบ : คาดว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 400 เมตร

ถาม : 2005 YU55 จะพุ่งชนโลกในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 จริงหรือไม่

ตอบ : ไม่จริง เพราะแค่ผ่านใกล้โลกโดยใกล้ที่สุดที่ระยะห่างประมาณ 325,100 กิโลเมตร และผ่านใกล้ดวงจันทร์ที่ระยะห่างประมาณ 239,700 กิโลเมตร (ดวงจันทร์อยู่ห่างโลกเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร) ขณะใกล้โลกที่สุด ตรงกับวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา 06.28 น. ตามเวลาประเทศไทย

ถาม : การเข้าใกล้โลกของ YU55 จะทำให้โลกเกิดภัยพิบัติหรือไม่

ตอบ : ไม่ มวลของวัตถุนี้ที่ระยะขนาดนี้มีแรงไม่มากพอที่จะส่งอิทธิพลต่อแผ่นดินไหว หรือแม้แต่น้ำขึ้น-ลง

ถาม : ขณะผ่านใกล้โลก เราจะเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่

ตอบ : ไม่ มันสว่างน้อยเกินกว่าที่ตาเปล่าของเราจะมองเห็น จำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดู โดยเห็นเป็นจุดคล้ายดาวทั่วไป แต่เคลื่อนที่ไปท่ามกลางดาวฤกษ์ฉากหลัง ขณะใกล้โลกที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2554 มันจะสว่างที่สุดด้วยโชติมาตร 11 หรือจางกว่าดาวจางที่สุดที่ตาเปล่าจะเห็นได้ประมาณ 60 เท่า

ถาม : นอกจากโลกแล้ว YU55 ผ่านใกล้ดาวเคราะห์ดวงอื่นหรือไม่

ตอบ: YU55 โคจรรอบดวงอาทิตย์โดยมีระนาบวงโคจรใกล้เคียงกับโลก ประ กอบกับวงโคจรที่รีมาก ทำให้มันมีโอกาสผ่านใกล้ดาวศุกร์และดาวอังคาร

ถาม : แล้วมีโอกาสที่ YU55 จะชนโลกหรือไม่

ตอบ : การคำนวณขององค์การนาซ่า ไม่มีโอกาสชนโลกในระยะ 100 ปีนับ จากนี้

ส่วนดาวเคราะห์น้อย หรือ asteroid คือ วัตถุขนาดเล็กที่อยู่ในระบบสุริยะ มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่สิบเมตรจนถึงหลายร้อยกิโลเมตร

ดาว เคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุดคือ 'เซเรส' มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 กิโลเมตร เชื่อว่าดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.6 กิโลเมตรอาจมีมากถึงกว่า 500,000 ดวง แม้ว่าดาวเคราะห์น้อยจะมีอยู่เป็น จำนวนมาก แต่ถ้ารวมมวลดาวเคราะห์น้อยเข้าทั้งหมด อาจมีมวลเพียงประมาณหนึ่งในพันของมวลโลกเท่านั้น

ดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่โคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย ซึ่งอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี[/FONT]










-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEV3TURVMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOUzB4TUE9PQ==-






.



.


http://www.khaosod.co.th/view_news....nid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOUzB4TUE9PQ==

.

 

.
[FONT=Tahoma,]สร้างเป้าหมายด้วยตนเอง

สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต


วัย รุ่นเป็นวัยที่เริ่มตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง การตั้งเป้าหมายในชีวิตของวัยรุ่น อาจมาจากความชอบ ความสนใจ ของตัวเขาเอง ซึ่งอาจมีอิทธิพลมาจากครอบครัว

ดังนั้น ความคาดหวังของครอบครัว แบบอย่างของพ่อแม่ ล้วนเป็นจุดกำเนิดของประกายความฝันของลูก อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสุดท้ายจะเกิดจากการตัดสินใจของวัยรุ่นว่าอยากเป็นอะไร ดังนั้น หากพ่อแม่เข้าใจให้ความสำคัญชื่นชมในเป้าหมายของลูก ก็จะช่วยเสริมสร้างพลังใจให้กับลูก

แต่หากเป้าหมายของลูกเกิดจากการ ทำเพื่อให้พ่อแม่หรือคนในครอบครัวพอใจในขณะที่ตัวเองไม่ได้ชื่นชมหรือยอมรับ เป้าหมายนั้น ก็จะเกิดความรู้สึกสับสน ต่อต้านว่าทำไปเพื่ออะไร ยิ่งในเวลาที่เกิดปัญหาเผชิญอุปสรรค ก็จะท้อถอย ไม่อยากต่อสู้ หรือพยายามก้าวเดินเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจ

เป้าหมายใน ชีวิตมีไว้เพื่อเป็นจุดหมายในการก้าวเดินสู่อนาคต การไปถึงจุดหมายย่อมต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่หากจุดหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่เราเลือกด้วยความชอบความสนใจของตนเอง ก็จะมีกำลังใจในการมุ่งสู่จุดหมายที่เราต้องการ[/FONT]


-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPVEV3TURVMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOUzB4TUE9PQ==-

.



.

 

.
เผย“อาหาร”ใกล้ตัวทำ“กรดไหลย้อน”

​

ต้องนับว่าเป็นโรคฮิตสำหรับหนุ่ม-สาวออฟฟิต รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมือง สำหรับ “โรคกรดไหลย้อน” ซึ่ง มีสาเหตุหลักมาจากนิสัยส่วนตัว รวมถึงนิสัยการนอน เมื่อเริ่มเป็นมักมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ระคายเคืองบริเวณลำคอตลอดเวลา หรือหลังอาหารมื้อหลักจะรู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน

แม้ปัจจุบัน การศึกษา และการรักษาทางการแพทย์จะพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการกรดไหลย้อน จะสามารถควบคุมได้ด้วยยา แต่การปรับเปลี่ยนนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยบรรเทา และป้องกันได้ยั่งยืนกว่า โดยสามารถเริ่มง่าย ๆ จาก “นิสัยการรับประทาน” เพราะอาหารบางอย่างทานแล้ว เสี่ยงกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น จึงควรเลี่ยง

นั่นก็คือ “กาแฟ-ช็อคโกแลต-โกโก้” มีคาเฟอีน และสารธีโอโบร์ไมน์ (theobromine) ลองเปลี่ยนมาชงชาสมุนไพรดอกคาโมไมล์ดื่มแทน ช่วยผ่อนคลายประสาท บรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้

ยังรวมถึง “แอลกอฮอล์-โซดา-น้ำอัดลม” ที่เร่งปฏิกิริยาคาร์บอเนชั่น (Carbonation) โดยฟองอากาศจะขยายภายในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความดันมากขึ้น

ส่วน “อาหารทอด-เนื้อสัตว์ไขมันสูง” จาก เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ มักกระตุ้นใก้เกิดอาการเจ็บหน้าอกจากกรดไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ควรทานเนื้อติดมันเพียงสัปดาห์ละครั้ง

สำหรับใครที่กำลังเผชิญ หรือคาดว่าจะเป็น “โรคกรดไหลย้อน” ควรลองปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานดูใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com



.



.

-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=459&contentId=137706-


.

 

สวัสดีตอนเช้า วันอังคาร ครับ

 

<IFRAME id=_atssh710 title="AddThis utility frame" style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: 0px; Z-INDEX: 100000; LEFT: 0px; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px; HEIGHT: 1px" name=_atssh710 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh41.html#cb=0&ab=-&dh=palungjit.org&dr=&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff179%2F%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2255.html&dt=&inst=1&lng=th&pc=men&pub=xa-4a38f0f6636e48fa&ssl=0&sid=4dc88841ff4294c5&srd=1&srf=0.02&srp=0.2&srx=0.5&ver=250&xck=0&rev=97533" width=1 height=1 frameborder="0"></IFRAME>
เที่ยว“ตลาดสุขใจ”ทางเลือกใหม่คนรักสุขภาพ

วันอังคาร ที่ 10 พฤษภาคม 2554 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT>​

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหัวใจรักการเดินทาง แต่อาจไม่ค่อยมีเวลาท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาหลายวัน “สวนสามพราน นครปฐม” คงจะเป็นสถานที่ที่หลายคนนึกถึง เพราะภายในมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวมากมาย ครบครัน ตั้งแต่อาหารรสเลิศ เพลิดเพลินกับสวนสวย พักผ่อนเพื่อสุขภาพกับการทำสปา ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ทำเครื่องหอม และตรวจธาตุเจ้าเรือนโดยแพทย์แผนไทย รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้ง อาทิ ปั่นจักรยาน เป็นต้น

แต่สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถจากชีวิตเร่งรีบให้ช้าลง ลองมาสัมผัสกับเส้นทางเที่ยวทีละก้าว ชมธรรมชาติ และชีวิตสงบงาม ริมแท่น้ำท่าจีนแห่งนี้ได้เช่นกัน เพียงล่องเรือจากท่าของ โรงแรม โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซด์ สวนสามพราน ข้ามแม่น้ำ ก็จะพบกับวิถีชาวสวน ชมนาบัว แปลงผักปลอดสารพิษ ชิมผลไม้ในสวนตามฤดูกาล นำมาทำอาหารว่างแสนอร่อย และมีชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพให้ได้ลิ้มลองด้วย

“สวนออแกนิกส์” แห่งนี้ มีพื้นที่ราว 30 ไร่ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นอยู่อย่างไทยค่อนข้างชัดเจน มาที่นี่จะได้เห็นถึงกระบวนการทำสวนเกษตรอินทรีย์ โดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิดในการควบคุมแมลงศัตรูพืช ป้องกันกำจัดโรค เพิ่มธาตุอาหารพืช รวมถึงควบคุม และกำจัดวัชพืช ตลอดการเพาะปลูก ซึ่งผลผลิตจากแปลงผัก ผลไม้ สมุนไพร นาบัว และนาข้าว จะถูกนำส่งเข้าครัวสวนสามพราน และบางส่วนถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาทิ สบู่ แชมพู น้ำมันมะพร้าว และชา

จากนั้น แวะริมถนนเพชรเกษม บริเวณด้านหน้าสวนสามพราน โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซด์ เดินชม “ตลาดสุขใจ” ศูนย์รวมสินค้าเกษตร และอาหารปลอดภัย ส่งความสุขใจจากเกษตรกร และกลุ่มภาคีเครือข่ายในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง สู่ผู้บริโภค โดยนำผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มาจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม และมีกระบวนการตรวจสอบ ณ จุดขาย

ภายในนอกจากจะจำหน่ายของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดแล้ว ยังมีอาหารจากเกษตรอินทรีย์ที่ถูกนำมาประยุกต์ให้มีความแปลกใหม่ เก๋ไก๋ และทานง่ายขึ้น ล้วนอร่อยถูกปาก มากประโยชน์ อาทิ ส้มโอนครชัยศรี ข้าวยำธัญพืช ขนมจีนเห็ด ไข่ไก่อินทรีย์ ข้าวตังข้าวกล้อง พิซซ่าข้าวตัง ข้าวตังทรงแบน กระเจี๊ยบอบกรอบ ผักอบกรอบ น้ำฟักข้าว แชมพูฟักข้าว ทองม้วนฟักข้าว ครองแครงฟักข้าว ผักอินทรีย์ เช่น ผักสลัด มะเขือเทศ บวบ แตงกวา ข้าวโพดอ่อน เป็นต้น ทั้งยังเป็นศูนย์รวมข้าวหลากหลายชนิด

นอกจากนี้ ยังถือเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้สำหรับคนรักสุขภาพ เพราะทุกเดือนจะมีการจัดกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นความรู้ และประสบการณ์แก่ผู้บริโภคด้วย

แวะไปสัมผัสวิถีไทยแบบนี้ได้ใกล้ ๆ กรุง โดย “สวนออแกนิกส์” เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 10.00-17.00 น. ส่วน “ตลาดสุขใจ” เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 10.00-17.00 น. หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ โทร 080 818 9365.



ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

ไม่รับประทานอาหารเช้า อันตราย!!!

วันอังคาร ที่ 10 พฤษภาคม 2554 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

​

อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เกิดขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการไม่รับประทานอาหารเช้าก็ได้ อยากรู้อันตรายแค่ไหน วันนี้มีมาฝาก

การไม่รับประทานอาหารเช้า เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่ทราบไหมว่า อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะร่างการต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00 - 09.00 น. เนื่องจากช่วงเวลานี้สมองของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุง ถ้าไม่รับประทานอาหารเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง

ถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอหรือส่งไปได้น้อยแล้วล่ะก็ จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ฝันบ่อย ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดศีรษะ ปวดหู ปวดกระบอกตา ปวดข้อเท้า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น เป็นไซนัส หรือ วิตกกังวล โดยอาการเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกันก็ได้ จนเป็นสาเหตุไปสู่อาการสมองเสื่อมต่อไปในอนาคต

รู้ดังนี้แล้ว ก็เสียสละเวลาสักนิดรับประทานอาหารมื้อเช้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เป็นภาระต่อผู้อื่นในอนาคต.





ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เคล็ด (ไม่) ลับดูแล "ผู้สูงวัย" ในบ้านให้อายุยืน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 พฤษภาคม 2554 06:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ความไม่เที่ยงของ "สังขาร" เป็นปรากฏการณ์สำคัญของชีวิตที่ทุกคนไม่อาจหลีกหนีพ้น ทำให้คนเราเวลาแก่ตัวลงร่างกายมักจะเคลื่อนไหวช้าเป็นธรรมดา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหัวใจ และความรู้สึกจะโรยราลงไปด้วย ฉะนั้นโอกาสที่ผู้สูงอายุจะเสียใจ ทุกข์ใจ และไม่สบายใจ ย่อมเกิดขึ้นได้หากลูกหลานปฏิบัติต่อท่านไม่เหมาะสม

วันนี้ ทีมงาน Life & Family มีโอกาสพูดคุยกับ ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช อีกหนึ่งคุณหมอที่มีหลักคิด และแนวทางดี ๆ ในการเสริมสร้างชีวิตที่สดใสในผู้สูงวัยมาฝากกัน ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้างที่ลูกหลานอย่างเรา ๆ ควรให้ความสำคัญ ไปติดตามกันครับ

สำหรับบ้านใดที่มีผู้สูงวัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน คุณหมอท่านนี้บอกว่า การให้อาหารทางใจสำคัญกว่าอาหารชนิดใด ๆ ในโลก เพราะร่างกายกับจิตใจมักมาคู่กัน ถ้าจิตใจรู้สึกดี และมีความสุข ร่างกายก็จะพลอยมีสุขภาพดีไปด้วย

ฉะนั้น การดูแลผู้สูงวัยในบ้านให้มีชีวิตที่สดใส และอายุยืนยาวนั้น ประกอบด้วยเคล็ดลับ 3 ข้อได้แก่ ใส่ใจ รู้ใจ และเข้าใจ ซึ่งแต่ละข้อนั้นคุณหมอขยายความให้เห็นภาพไว้ดังต่อไปนี้

1. ใส่ใจ เป็นความใกล้ชิดที่ลูกหลานควรใช้การพูดคุย สื่อสาร ตลอดจนรับฟัง และให้เกียรติท่านได้มีส่วนร่วมในการคิด และตัดสินใจบ้าง เพราะบ่อยครั้งเวลาจะทำอะไร เรามักไม่ค่อยได้ถาม หรือปรึกษาท่าน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ท่านเคยมีบทบาทสำคัญมาก เพราะฉะนั้น เวลาจะคิด และวางแผนทำอะไรที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ๆ ในบ้าน ควรมีการพูดคุย หรือปรึกษาท่านสักนิด เพื่อให้ท่านรู้สึกว่า ยังเป็นคนสำคัญ และมีคุณค่าอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ยังรวมถึงความใส่ใจในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และอนามัย ซึ่งผู้สูงวัยควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีนที่มีคุณภาพ และย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน รวมถึงการบริโภคผัก และผลไม้เพื่อรับวิตามินเกลือแร่อย่างเพียงพอ ส่วนการออกกำลังกาย ควรหาโอกาสพาท่านไปทำกายบริหาร และฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เพื่อช่วยให้ข้อต่อ และกล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น รวมทั้งพาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดี และห่างไกลโรค

2. รู้ใจ เป็นสิ่งลูกหลานควรรู้ว่าท่านต้องการอะไร ชอบ หรือไม่ชอบอะไร ซึ่งบางเรื่องไม่ต้องถาม แต่ควรใช้ความที่เราเป็นคนใกล้ชิด และรู้นิสัยใจคอของท่านมากกว่าใครหาโอกาสซื้อของใช้ของกินที่ท่านชอบ หรือพาท่านไปเที่ยวผ่อนคลายบ้าง ส่วนเรื่องไหนที่ทำให้ท่านไม่สบายใจก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ท่านคิดมาก และส่งผลต่อสุขภาพได้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> 3. เข้าใจ คือความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในตัวท่านว่ากำลังอยู่ในวัยเสื่อมถอยทั้งร่างกาย และจิตใจ จากเมื่อก่อนเคยทำอะไรได้ดี เคยมีรายได้ กลับต้องมาพึ่งพาลูกหลาน หรือจากคนเป็นใหญ่ในบ้านกลับต้องถูกลดบทบาทลง ดังนั้น ถึงแม้ว่าท่านจะหลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้าง ความสามารถถดถอยไปบ้าง ดื้อไปบ้าง เราก็ไม่ควรไปบั่นทอนความรู้สึกเหล่านี้ให้ยิ่งแย่ลงไปอีก แต่ควรพูดดี ๆ ปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพ และให้เกียรติเสมอ

"ลูก ๆ หลาน ๆ ต้องทำหน้าที่เป็นนักสังเกตอยู่ตลอดเวลา ถ้ารอให้ท่านบอก หรือเอ่ยปากพูดกับเราว่าไม่สบาย หรือรู้สึกไม่ดีตรงนั้นตรงนี้ บางทีอาจจะช้าไป ดังนั้นเราเองต้องสังเกต และใส่ใจสุขภาพของท่านทุกวัน เช่น พักพลังมานี้ท่านกินน้อยเกินไปหรือเปล่า ผอม หรือการลุกเดินผิดปกติหรือไม่ เพื่อจะได้รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้อย่างเท่าทัน" ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์เผย

ทั้งนี้ คุณหมอได้ให้ทัศนะเพิ่มเติมว่า ครอบครัวยุคใหม่ เป็นครอบครัวเดี่ยวกันมากขึ้น ส่วนใหญ่ปู่ย่าตายายมักจะอยู่ในชนบท หรือต่างจังหวัด ทำให้รุ่นหลานไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะกับญาติผู้ใหญ่เท่าที่ควร ดังนั้น ควรหาโอกาสพาลูกไปเยี่ยมท่านบ้าง อย่างน้อย ๆ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อที่ลูกจะได้รู้จักดูแล และช่วยเหลือท่าน แถมยังช่วยให้ท่านไม่รู้สึกว่าเหงา หรือถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวด้วย

อาจจะกล่าวได้ว่า การดูแลผู้สูงอายุในบ้าน แค่ "รัก" อย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องเติมความใส่ใจ รู้ใจ และเข้าใจลงไปด้วย นั่นถึงจะทำให้มีชีวิตในวัยผู้สูงอายุของท่านสดใส และมีกำลังใจที่จะอยู่กับลูกหลานต่อไป
ที่มา Manager Online

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ช่วงนี้อากศเปลี่ยนแปลงกันบ่อยๆนะครับผม

 

เมื่อเดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสร่วมทำบุญกับพระอาจารย์แผน วัดบ่อเงินบ่อทอง
โอนเงินเข้าบัญชี ร.ร.พระปริยัติธรรม บ่อเงินบ่อทอง จำนวน 2,000 บาท

ขอรบกวนถามคุณสิทธิพงษ์ครับ
พระปิดตา 2 หน้า นอกจากสีดำแล้วยังมีสีแดงกับสีขาว ไม่ทราบว่าสร้างจากเนื้ออะไรครับ

สำหรับชื่อที่อยู่ผมจะส่งให้ทาง PM ครับ

 

เรียนคุณ sithiphong ไม่ทราบว่าพอมีพระแตกหักที่สามารถนำมาเป็นมวลสารสร้างพระบ้างไหมครับผม