พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618

    ขอเสดงความยินดีกับผู้ที่ได้ไปร่วมงานนะครับ ได้รับของที่ระลึกจากคุณพี่หนุ่มผู้ใจดีเต็มพิกัด เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยไว้โอกาสหน้าครับ ขอโมทนากับพี่หนุ่มและคณะชมรมพระวังหน้าทุกประการครับผม
     
  2. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020

    สวัสดีครับ ศิษย์ท่านอาจารย์ประถมและผู้ติดตามกระทู้วังหน้าทุกท่าน เมื่อวันอาทิตย์ได้มีโอกาศไปร่วมกราบอาจารย์ประถมในครั้งนี้ ได้เห็นเหล็กใหลสีทอง และเหล็กใหลสีแก้วใสคล้ายหยดน้ำสวยงามมากครับ ได้รับแจกพระวังหน้า 2408 พระTot4 และเบี้ยแก้วังหน้าจากท่านเลขาฯมาด้วย จะเอาเบี้ยแก้ไปใส่กรอบครับ
     
  3. ARM605

    ARM605 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +51

    www.oknation.net/blog/nonglek/2009/11/04/entry-1 ขมิ้นชันรักษากรดไหลย้อนได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 เมษายน 2011
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกๆท่านด้วยครับ



    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สัตว์โลก...ผู้น่ารัก

    ผมไม่แน่ใจว่าผมกลายเป็นคนที่ติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่...


    ผมแอบอมยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็นภาพความรักใคร่ ความสัมพันธ์ ความเอ็นดูระหว่างสัตว์หลายๆประเภทที่เราถูกสอนมาโดยตลอดว่ามนุษย์ไม่สามารถนำมาเลี้ยงได้...


    สิงโตกับมนุษย์ ......


    เสือกับมนุษย์......


    หมีขาวกับมนุษย์...... และอีกหลายๆความสัมพันธ์



    [​IMG]


    [​IMG]


    ภาพที่สามารถค้นหาได้ไม่จากโดยเฉพาะจากสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งที่ถูกถ่ายไว้เพื่อเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่ามนุษย์กับสัตว์หลายหลากเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ หรือจะเป็นภาพเคลื่อนไหวที่สามารถค้นหาได้มากมายใน Youtube กลายเป็นเหมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนมากว่าความรักระหว่างสัตว์กับมนุษย์(บางคน) นั้นไม่มีสิ่งขวางกั้นจริงๆ


    ที่ผมต้องบอกว่ามนุษย์(บางคน) นั้นเพราะว่าคงมีคนบนโลกเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนบางคนที่ผมกำลังพูดถึงได้ เพราะคงจะต้องอะไรซักอย่างที่พิเศษกว่าคนปกติอย่างเราๆที่ทำให้เค้าเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตขัดแย้งกับสิ่งที่เราถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก


    แต่ความขัดแย้งนั้นเอง ที่ทำให้ผมอดที่จะอิจฉาพวกคนเหล่านั้นไม่ได้จริงๆๆ.......


    ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิงโต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ 2 หนุ่มที่เลี้ยงสิงโตกำพร้าตั้งแต่เด็กไว้ในแฟลตที่ตัวเองอาศัยอยู่ จนเมื่อวันหนึ่งมันโตเกินกว่าที่เค้าทั้ง 2 จะดูแลมันได้จึงตัดสินใจที่จะนำมันไปสู่สถานที่ที่เหมาะกับการเลี้ยงดูมากกว่าที่แอฟริกา


    หลังจากนั้นไม่นานชายทั้ง 2 คนเดินทางไปยังแอฟริกาที่เค้าตัดสินใจนำสิงโตที่เค้าเลี้ยงไปส่งที่นั้น เพียงเพื่อต้องการและรับรู้ถึงความเป็นอยู่ของสิงโตตัวนั้น


    ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ชายหนุ่มไปยืนประจันหน้ากับสิงโตหนุ่มในตอนนี้ที่ดูแข็งแรง และเติบโตขึ้นมากกว่าเมื่อตอนที่เค้าเลี้ยงดูมันไว้ สิงโตหยุดนิ่งคล้ายกับความไม่มั่นใจอะไรซักอย่าง แต่แล้วไม่นานสิงโตกระโจนเข้าหา 2 หนุ่มนั้นอย่างรวดเร็ว



    [​IMG]


    ภาพต่อเนื่องของการกระโจนเข้าหาของสิงโตที่แข็งแรงเต็มตัวตอนนี้ กลายเป็นเหมือนแมวที่พบเจอเจ้าของที่ตามหามานานแสนนาน สิงโตกระโดดโดยเอาขาหน้าทั้ง 2 ข้างพาดไว้บนบ่าของชายหนุ่มก่อนที่จะเลียหน้าชายหนุ่มเพื่อเป็นการทักทาย


    สิ่งที่มนุษย์อย่างเราได้เห็น เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดูขัดแย้งกับสิ่งที่เราเคยเรียนรู้มาโดยสิ้นเชิง จากสิงโตกำพร้าตอนนี้สิงโตตัวดังกล่าวกลายเป็นหัวหน้าสิงโตที่ปกครองสิงโตจำนวนอีกหลายตัว นั้นอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สิงโตตัวดังกล่าวสามารถแนะนำสิงโตตัวอื่นโดยเฉพาะสิงโตตัวเมียให้กับชายทั้ง 2 คนโดยไม่มีท่าทีของความดุร้ายของสัตว์นักล่าเจ้าป่าที่เรารู้จัก


    ความสัมพันธ์อีกมากมายระหว่างมนุษย์กับสิงโต ภาพเด็กน้อยตัวเล็กที่ขี่หลังสิงโตสัตว์ที่ถูกขนานนามว่าเจ้าป่า โดยไม่มีท่าทีของความกลัว ในทางตรงกันข้ามกับสัมผัสได้ถึงมิตรภาพระหว่างสัตว์และมนุษย์อย่างชัดเจน


    หรือจะเป็นภาพจากข่าวในช่วงไม่นานมานี้ ภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้าไปภาพในสวนสัตว์เพื่อเยี่ยมชมสิงโตที่ถูกขังอยู่ในกรงขนาดใหญ่ กลิ่นกายและท่าที่ที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยของหญิงสาวคนนั้นทำให้สิงโตที่อยู่ด้านนั้นกระโจนเข้าหน้าพร้อมยก 2 ขาหน้าขึ้น ลิ้นที่เหมือนจะต้องการสื่อสารผ่านการทักทายเลียไปทั่วหน้าและหัวของผู้หญิงคนดังกล่าว.....



    [​IMG]


    คล้ายเป็นเหมือนคำขอบคุณ และการแสดงความรักของสิงโตที่มีต่อมนุษย์ที่เคยช่วยชีวิตครั้งที่มันเกือบจะตายจากการทารุณกรรมและการใช้งานอย่างหนักของคณะละควรสัตว์ร่อนเร่


    อาจจะดูเป็นทฤษฎีที่ตรงกันข้ามระหว่างคำสั่งสอนที่เราเคยรับรู้กันมา แต่ความรักไม่ว่าจะเป็นระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หรือมนุษย์กับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทใด ความเป็นไปได้จากอนุภาพของความรักอาจจะทำให้สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้โดยไม่ยาก


    ปล.ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ต



    http://mblog.manager.co.th/myself/th-111039/
    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ย้อนรอย...ขนมไทย อร่อย มากภูมิปัญญา</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 เมษายน 2554 11:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขนมไทยความอร่อยที่มาพร้อมกับภูมิปัญญา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ขนมไทย” มีความสัมพันธ์กับคนไทยอย่างแยกไม่ออก และเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีและความเชื่อต่างๆ มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย การทำขนมไทยนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย และยังต้องอาศัยฝีมือ ความประณีต ประดิษฐ์ประดอยสวยงาม ด้วยจุดเริ่มต้นจากการทำถวายในวัง ออกมาสู่ชาวบ้าน เป็นการถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

    สำหรับนิทรรศการ “ย้อนรอย...ขนมไทย” ที่อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ได้กล่าวถึงวัฒนธรรมความเป็นมาของขนมไทย เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้ถึงเส้นทางการพัฒนาของขนมไทย ผ่านกาลเวลาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากขนมในวังสู่ชาวบ้าน ไปจนถึงความสัมพันธ์ของขนมไทยกับขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และอนุรักษ์ขนมไทยสืบต่อไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นิทรรศการย้อนรอยขนมไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ตามรอย…ขนมไทย

    หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนมไทยกับคนไทย ก็คือวรรณคดีมรดกสุโขทัย เรื่องไตรภูมิพระร่วง ซึ่งกล่าวถึงขนมต้ม ที่เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งไว้ โดยขนมไทยเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎข้อความในหนังสือ “คำให้การขุนหลวงวัดป่าประดู่ทรงธรรม” กล่าวว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีที่แห่งหนึ่งภายในกำแพงเมืองเรียกกันว่า “ย่านป่าขนม” หมายถึง เป็นตลาดขายขนมโดยเฉพาะ แต่กล่าวชื่อขนมไว้เพียง ขนมชะมด ขนมกงเกวียน ขนมภิรมถั่ว และขนมสำปะนี

    จากหลักฐานยังระบุว่า “ขนมไทย” เฟื่องฟูมาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาวโปรตุเกสนามว่า “ท้าวทองกีบม้า” หรือ ดอญ่า มารี กีมาร์ (Dona Marie Guimar) ภรรยาเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (นามเดิม คอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีก) ผู้เป็นต้นเครื่องขนมในวัง ได้สอนให้สาวชาววัง ทำของหวานต่างๆ โดยเฉพาะการนำไข่ขาว และไข่แดง มาเป็นส่วนผสมสำคัญ และขนมเหล่านั้นยังได้กลายมาเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน อาทิ ขนมทองหยิบ, ขนมทองหยอด, ฝอยทอง, ขนมผิง, ขนมทองพลุ เป็นต้น

    สำหรับคำว่า “ขนมไทย” ได้มีการสันนิษฐานว่า เพี้ยนมาจากคำว่า “เข้าหนม” คำว่า “หนม” แปลว่าหวาน เข้าหนม แปลว่า เข้าหวาน นอกจากนี้ ในภาษาถิ่น จ.นครพนม และลาว มีคำว่า “หนม” เป็นคำกริยา แปลว่า “นวด” เช่น การนวดแป้ง ก็จะเรียกว่า หนมแป้ง และในพงศาวดารเมืองน่าน (ปาระชุมพงศาวดาร ภาค 10 ) และชาวไทลื้อ ก็ปรากฏคำว่า “เข้าหนม” เช่นกัน และอีกข้อสันนิษฐานหนึ่ง คือ คำว่า “เข้า” เป็นการเขียนแบบโบราณ ในปัจจุบันเขียนว่า “ข้าว” ดังนั้น ข้าวหนม ก็คือ ข้าวที่นำมานวด หรือบดเป็นของหวานนั่นเอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขนมไทย อร่อย สีสันสวยงามชวนกิน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ภูมิปัญญา....จากวัสดุธรรมชาติ
    สร้างสีสัน - ปรุงกลิ่นหอม

    ขนมไทย ไม่ใช่แค่ของหวานธรรมดาทั่วไป แต่ยังแฝงไว้ด้วยภูมิปัญญามากมาย ทั้งเรื่องของสีสันที่ดึงดูดสายตาที่ได้จากการนำวัสดุธรรมชาติรอบตัว เช่น สีเขียว จากใบเตย สีน้ำเงินและสีม่วง จากดอกอัญชัน สีเหลืองจากขมิ้น สีแดง จากกลีบหุ้มผลกระเจี๊ยบ และสีดำ จากกาบมะพร้าวนำไปเผาแล้วนำมาโขลกผสมกับน้ำ จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางหลายๆชั้น

    นอกจากสีสันที่สวยงามโดดเด่น และรสสัมผัสที่หวานหอมของขนมไทยแล้ว“กลิ่น” ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทยที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบรสขนมไทยได้มากขึ้น ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ส่วนใหญ่ได้จากธรรมชาติรอบๆ ตัว อาทิ กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ, กลิ่นดอกกระดังงา, กลิ่นเทียนอบ, กลิ่นใบเตย เป็นต้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ครูกล้วยไม้ หัวหน้าโครงการฯนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อเยาวชนอัมพวา ขอสานต่อ “ขนมไทย” พื้นบ้าน

    จากกระแสการเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตก และรสชาติที่ค่อนข้างหวานสำหรับผู้ที่ไม่รับประทานหวาน ทำให้การบริโภคอาจลดลง แต่ความนิยมขนมไทยกับคนไทย ก็ไม่จางหาย เมื่อเยาวชนอัมพวา ขอสร้างความรู้ได้ด้วยตนเองจากขนมพื้นบ้าน ในโครงการแนวทางการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียนรู้ขนมพื้นบ้านของนักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนวัดช้างเผือก ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) โดยมีครูกล้วยไม้ คูณขาวเจริญ อดีตอาจารย์โรงเรียนวัดช้างเผือก เป็นหัวหน้าโครงการฯ

    ทั้งนี้จากหลักสูตรใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการที่กำหนดให้เด็กจะต้องได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเอง จึงเป็นที่มาของโครงการดังกล่าว ซึ่งผู้ที่ตัดสินใจคือ เด็กส่วนใหญ่ เลือกที่จะเรียนรู้ถึงการทำขนมไทยพื้นบ้าน จากนั้นเด็กต้องเป็นผู้ไปหา “ครูภูมิปัญญาขนมพื้นบ้านท้องถิ่น” เพื่อมาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ โดยใช้เวลาในช่วงวันหยุดปิดเทอมหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินการมากว่า 2 ปี ใช้ศูนย์สาธิตการเกษตร หมู่ 1 ต.บางช้าง อ.อัมพวา เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากเด็กนักเรียน ครูอาจารย์ โรงเรียนในชุมชน และผู้ปกครอง เกิดการแลกเปลี่ยนกันระหว่างโรงเรียนและชุมชน เพราะเห็นประโยชน์ชัดว่าการถ่ายทอดการทำขนมไทยของชุมชนให้แก่เด็ก จะนำไปสู่การต่อยอดและขยายผลต่อไปในอนาคตได้ดีกว่า เป็นการส่งต่อองค์ความรู้จากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ให้เกิดการอนุรักษ์และยังคงอยู่สืบสานต่อไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ครูจุฬาลักษ์สอนเด็กทำฝอยทอง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ประการสำคัญ โครงการนี้ยังทำให้เด็กได้เปิดใจ และกล้าแสดงออก ได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน รู้จักสังเกต ตั้งคำถาม รู้จักคิดวิเคราะห์ และได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ รวมถึงมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รู้จักการเอื้ออารีย์ต่อกัน เป็นประโยชน์ต่อเด็กอย่างมาก นอกจากได้ทักษะ และลงมือทำด้วยตนเองแล้ว ยังได้ประสบการณ์จากผู้รู้ คือ ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้นำองค์ความรู้และเทคนิคมาสอนมาถ่ายทอดให้อย่างไม่ปิดบัง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เด็กเรียนรู้การทำขนมไทยจากครูวีระ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น...ที่ไม่อมภูมิ

    การทำขนมไทยส่วนใหญ่เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในครอบครัวหรือเครือญาติ เป็นสิ่งที่สั่งสมมายาวนาน เพื่อไม่ให้องค์ความรู้การทำขนมไทยขาดหายไป จึงเกิดการส่งต่อไปยังคนกลุ่มอื่นนอกเครือญาติ ด้วยจิตอาสายินดีสละเวลามาถ่ายทอดการทำขนมไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในฐานะผู้รู้ แม้ไม่ใช่ครู ... แต่คนในชุมชนต่างเรียกว่า “ครูภูมิปัญญาขนมพื้นบ้าน” เช่น ครูวีระ ทับทิมทอง และครูจุฬาลักษ์ สุวรรณโณ

    “แม้อาชีพหลักจะเป็นเพียงชาวสวน แต่ไม่อยากให้ความรู้การทำขนมไทยที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นแม่ต้องสูญหายหรือหยุดลงที่ตน จึงยินดีเข้าร่วมโครงการฯ เพราะเกรงว่าในอนาคตขนมไทยจะเริ่มได้รับความสนใจน้อยลง ประกอบกับวัตถุดิบหลักในการผลิตที่ปัจจุบันมีราคาแพงขึ้น และค่านิยมในการบริโภคขนมไทยที่เริ่มลดน้อยลง ทำให้ต่อไปอาจจะไม่เห็นการทำขนมไทยอีก จึงต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจโดยไม่มีการปิดบังสูตรหรืออมภูมิ พร้อมเผยเคล็ดลับการทำขนมไทยจากรุ่นแม่ เพื่อให้เกิดการสืบสานวัฒนธรรมการทำขนมไทยให้คงอยู่สืบต่อไปให้มากที่สุด” ครูวีระ กล่าวฝากทิ้งท้าย

    ดังนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุด ที่เราทุกคนสามารถร่วมกันอนุรักษ์ขนมไทยไว้ไม่ให้สูญหายก็คือ การหันมา “บริโภคขนมไทย” เพราะเมื่อเราบริโภคมากขึ้น แม่ค้าขนมไทยก็จะมีกำลังใจในการผลิต และยังคงสืบสานขนมไทยไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    Travel - Manager Online -
     
  7. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    อยากทราบว่า พระสมเด็จ Tott 4 เป็นอย่างไรครับ คุณ Sithiphong
     
  8. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <IFRAME id=_atssh132 title="AddThis utility frame" style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: 0px; Z-INDEX: 100000; LEFT: 0px; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px; HEIGHT: 1px" name=_atssh132 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh36.html#cb=0&ab=-&dh=palungjit.org&dr=&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff179%2F%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2233.html&dt=&inst=1&lng=th&pc=men&pub=xa-4a38f0f6636e48fa&ssl=0&sid=4d99d40c39060cda&srd=1&srf=0.02&srp=0.2&srx=0.5&ver=250&xck=0&rev=95438" width=1 height=1 frameborder="0"></IFRAME>
    [​IMG]
    ปิ้งย่างเหมือนควันบุหรี่ เสี่ยงมะเร็ง!

    วันจันทร์ ที่ 04 เมษายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ของอร่อยๆ มีไว้ใจไม่ได้ที่ไหน หากกินมาก กินบ่อยเกินไปจะเป็นภัยต่อสุขภาพ อาหารปิ้งๆ ย่างๆ ที่กำลังนิยมกินกันอยู่ก็เช่นกัน เรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เตือนถึงพิษภัยการกินอาหารชนิดดังกล่าว มีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง โรคร้ายที่หลายคนหวาดกลัว...

    @@@

    จะว่าไปวัฒนธรรมการกินของชนชาติต่างๆ ก็ก่อให้เกิด “โรคเฉพาะ” ต่างไปตามกลุ่มชนเช่นกัน เป็นต้นว่า ฝรั่งอเมริกัน ติดนิสัยกินเนื้อย่างก้อนโตๆ อันเป็นความชอบที่สืบสายกันมาแต่ครั้งบุกเบิกทวีป จนปัจจุบันก็ยังชอบหาเรื่องปิ้งย่างกันในสวนหลังบ้านเป็นงานอดิเรก ทั้งเนื้อวัวชิ้นยักษ์ สันคอหมูปื้นใหญ่ แผ่นซี่โครงทั้งหมูและแกะ หรือแม้กระทั่งไก่ก็ใช้ส่วนอกที่เป็นปั้นหนามาย่างกันในเตาเฉพาะ ทั้งอบทั้งรมควันกันจนเป็นลายไหม้ ไม่เฉพาะเนื้อสัตว์อย่างเดียวแต่ก็เที่ยวเอาผักหญ้าที่ตัวเองอยากกินมาหั่นหยาบเป็นชิ้นหนาแล้วโยนผสมปนเปกันปิ้งคละกันไปในเตากับหมูเนื้อ ได้ควันรมอบร่ำเอื้ออาทรกันไปหมด

    ควันจากมันเนื้อที่หยดแล้วระเหยขึ้นมารมนั้นมีส่วนสำคัญที่กลายเป็นเชื้อมะเร็งอยู่ได้มาก เพราะธรรมชาติเนื้อที่ถูกความร้อนจากการเผาไหม้นั้นจะสร้างธาตุมะเร็งคือ “พีเอเอช(PAH)” ขึ้นมาพอหอมปากหอมคอ ถึงไม่น่าแปลกที่จะพบโรคจำพวกเกี่ยวแก่อาหารกับคนอเมริกันมาก โดยเฉพาะโรคหัวใจกับมะเร็ง จนสามารถเรียกได้ว่า เป็นโรคประจำถิ่น

    ส่วนคนเอเชียเราก็ใช่ว่าจะไกลจากโรคที่ว่าด้วย ถึงแม้อาหารเราจะไม่หนักเนื้อเน้นๆอย่างฝรั่งตัวใหญ่ แต่เราชอบใช้ยาเส้น,ยาสูบและยังคงหุงหาอาหารด้วยการปิ้งย่างอยู่

    โดยเฉพาะในยุคที่วัฒนธรรมไทยหัวใจเกาหลีเข้ามาทำให้เรามีการย่างหมูย่างปลากินกันจนเป็นส่วนสำคัญที่เรียก “ควันมะเร็ง” มาเหมือนกัน เพราะการย่างและอบด้วยควันแต่ละครั้งนั้นก็เทียบได้กับอัดบุหรี่เข้าตัวอยู่นานนับชั่วโมง ที่น่ากลัวคือยังกินบุหรี่นั้นเข้าไปด้วย!!!

    @@@

    สำหรับผู้ที่รู้ตัวว่ายังมิสามารถตัดขาดจากอาหารประเภทปิ้งย่างนี้ได้ พรุ่งนี้โปรดติดตามเคล็ดลับการกินอาหารปิ้งย่างลดเลี่ยงโอกาสเสี่ยงป่วยมะเร็ง ซึ่งแนะนำโดย คุณหมอกฤษดา ท่านเดิม.

    takecareDD@gmail.com





    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > ปิ้งย่างเหมือนควันบุหรี่ เสี่ยงมะเร็ง!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  9. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ยลงานช่างหลวงทรงคุณค่าสืบศิลปะอนุรักษ์มรดกไทย

    วันอาทิตย์ ที่ 03 เมษายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD><TD id=ext-gen16 style="WIDTH: 57px">รูปภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]



    [​IMG]

    ต่อเนื่องมาสำหรับการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทยซึ่งในปีนี้ในพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรมศิลปากรจัดงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทยภายใต้แนวคิด ช่างหลวง จากนี้จวบถึง 8 เมษายน 2554 ให้ศึกษาสัมผัสใกล้ชิด

    งานช่างหลวง งานช่างชั้นสูงถ่าย ทอดแสดงถึงความเชี่ยวชาญ ภูมิปัญญาอันวิจิตรลึกซึ้งเนื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งในงานช่างของกรมช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรปัจจุบันนั้นแบ่งได้เป็น งานจิตรกรรม ซึ่งหมายถึงศิลปะการวาดภาพที่เน้นถึงการวาดที่ใช้เส้น และสี จิตรกรรมที่เป็นงานวิจิตรศิลป์ เกิดจากแรงบันดาลใจจินตนาการ เนื้อหาสาระแสดงให้เห็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ วรรณคดี วิถีชีวิตและปรัชญา ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเขียนการสร้างสรรค์จิตรกรรมปัจจุบัน ฯลฯ

    งานลายรดน้ำ งานช่างเขียนลายทองหรืองานเขียนลายรดน้ำจัดเป็นงานประณีตศิลป์ ประเภทการตกแต่งอย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเชื่อมต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์จวบปัจจุบัน งานเครื่องเคลือบดินเผา มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของมนุษยชาติมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตของมนุษย์สืบมาทุกยุคสมัย

    งานช่างปั้นปูนสด อีกแขนงหนึ่งของงานประณีตศิลป์ที่มีมาแต่สมัยโบราณและหากแบ่งตามลักษณะสากลงานช่างแขนงนี้จัดอยู่ในประเภทประติมา
    กรรมมีทั้ง ภาพนูนสูง นูนต่ำ และลอยตัว ใช้ขบวนการปั้นแบบสากลปั้นด้วยปูนตำซึ่งเป็นภูมิปัญญาทรงคุณค่าของช่างไทยมาแต่โบราณ

    นอกจากนี้ยังมี งานแกะสลัก ซึ่งมีมาแต่โบราณเป็นงานที่เกิดจากการใช้เครื่องมือที่เป็นโลหะแข็งและมีความคมมากพอในการแกะสลัก งานช่างไม้นับเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในสมัยโบราณ เป็นมรดกล้ำค่าในชั้นเชิงการช่าง มีขบวนการผลิตและเทคนิคในเชิงสร้างสรรค์อย่างมีขั้นตอน

    ขณะที่ งานโลหะ อีกงานช่างที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในอดีตช่างโลหะจะเรียกว่า งานช่างบุ หรืองานช่างสลักดุน เป็นงานช่างที่นำโลหะชนิดต่าง ๆ เช่น ดีบุก เงิน ทองแดง ทองคำ หรือโลหะอื่น ๆ ที่หลอมละลายตัวง่าย มาสร้างสรรค์เป็นงานโลหะประดิษฐ์ในรูปแบบงานศิลปกรรมไทย

    งานศิราภรณ์ ศิลปะในการสร้างหัวโขนซึ่งงานสร้างหัวโขน เป็นการทำงานลักษณะการบูรณาการของช่างสิบหมู่หลายสาขารวมไว้ไม่ว่าจะเป็นงานปั้น งานปิดทองประดับกระจก งานเขียน เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงความแยบยลของภูมิปัญญาไทย ของช่างไทยในอดีต

    ส่วน งานปิดทองประดับกระจก งานประดับมุก งานทองแผ่ลวด อีกงานช่างที่งดงามประณีตโดยในครั้งนี้ ได้สาธิตจัดแสดงพร้อมให้ร่วมในกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการแสดงนาฏศิลป์ให้ได้ชมโดยการแสดงจะมีขึ้น ณ สังคีตศาลาภายในพื้นที่พิพิธภัณฑ์ฯพระนครร่วมถ่ายทอดมรดกศิลปวัฒนธรรมทรงคุณค่า.





    Daily News Online > โลกสีสวย > ศิลปวัฒนธรรม > ยลงานช่างหลวงทรงคุณค่าสืบศิลปะอนุรักษ์มรดกไทย
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ข้อความส่วนตัว: สอบถามเรื่อง ทำบุญเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> [​IMG] วันนี้, 09:33 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> อนัตตัง
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2011
    ข้อความ: 37
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center>สอบถามเรื่อง ทำบุญเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> ถ้าทำบุญ เจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง 500 บาท ขึ้นไป ก็ ได้รับพระวังหน้า 1 องค์ ด้วยป่าวครับ
    </td></tr></tbody></table>

    ขอตอบหน้าบอร์ดครับ

    จริงๆแล้ว ผมต้องการให้คุยหน้าบอร์ด ดีกว่าครับ อย่า pm มาเลยครับ

    สำหรับการร่วมทำบุญ ที่เกี่ยวกับงานพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมมอบให้เช่นกันครับ


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ ทางชมรมพระวังหน้า ได้นำกระเช้าผลไม้ ไปกราบท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เนื่องในวาระวันปีใหม่ไทย (วันสงกรานต์)

    ผู้ที่มอบกระเช้า ก็คือพี่เปี๊ยก (ประธานชมรมพระวังหน้า)

    ผู้ที่ไปจัดเตรียมกระเช้าให้ก็คือ คุณPinkcivil

    ผู้ที่ไปร่วมงาน มีคุณณฑนน(จากโคราช) , คุณมูริญโญ่ , คุณธวัช(จากน่าน) ,น้องฝน และผม

    วันนี้ ผมแจกพระเช่นเคย โดยได้มอบพระพิมพ์ 2408 (พิมพ์ฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ชุึด 8 พิมพ์) , พิมพ์สมเด็จ(แหวกม่าน) , พิมพ์พระสมเด็จ (Tott 4) แจกกันไม่อั้นครับ

    ตอนเย็นๆ นึกครึ้มอกครึ้งใจ ดีใจที่มาเจอกัน แจกเบี้ยแก้(วังหน้า) สำหรับท่านที่อยู่กันถึงตอนเย็น ตอนที่ผมแจกไป ผมได้ขอสัญญาจากท่านที่รับเบี้ยแก้ว่า ต้องพกทุกวัน ซึ่งทุกๆท่านที่ได้รับไป ได้ให้สัญญากับผมแล้ว

    ท่านที่ได้พระสมเด็จ Tott 4 หากห้อยได้ ให้นำไปห้อยกันนะครับ

    วันนี้ ผมได้นำพระพิมพ์ ...... เนื้อ....... และ เนื้อ........ ไปให้ทุกๆท่านที่ไปในวันนี้ ได้ชมองค์จริงๆกัน (ผมได้ส่งรูปให้กับท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าแล้ว) ตกลงว่า ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ อิอิ และผมได้มอบให้กับท่านเจ้าของไปบางส่วนแล้ว ยังเหลืออีก 2 ท่านไว้ผมจะมอบให้ในวาระต่อไป (ผมจะโทร.ไปหานะครับ)

    วันนี้ มีโอกาสได้เห็นเหล็กไหลวรรณะสีทอง ดูภายนอกเหมือนกับก้อนทองคำ ต้องยอมรับว่า สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    จะถ่ายรูปมาให้ชม ปรากฎว่า ผมทำกล้องตก ทำให้เลนส์เสียหาย ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมครับ

    ในตอนเช้า ผมได้นำเงินที่หลายๆท่าน ได้ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป ปางจักรพรรดิ ไปมอบให้.... เรียบร้อยแล้ว

    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปฐม [​IMG]
    ขอ เสดงความยินดีกับผู้ที่ได้ไปร่วมงานนะครับ ได้รับของที่ระลึกจากคุณพี่หนุ่มผู้ใจดีเต็มพิกัด เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยไว้โอกาสหน้าครับ ขอโมทนากับพี่หนุ่มและคณะชมรมพระวังหน้าทุกประการครับผม
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ tawatd [​IMG]
    สวัสดี ครับ ศิษย์ท่านอาจารย์ประถมและผู้ติดตามกระทู้วังหน้าทุกท่าน เมื่อวันอาทิตย์ได้มีโอกาศไปร่วมกราบอาจารย์ประถมในครั้งนี้ ได้เห็นเหล็กใหลสีทอง และเหล็กใหลสีแก้วใสคล้ายหยดน้ำสวยงามมากครับ ได้รับแจกพระวังหน้า 2408 พระTot4 และเบี้ยแก้วังหน้าจากท่านเลขาฯมาด้วย จะเอาเบี้ยแก้ไปใส่กรอบครับ
    </td> </tr> </tbody></table>


    นำรูปมาให้ชมบางส่วนครับ

    ส่วนรูปทั้งหมด ผมส่งให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าและท่านผู้สนับสนุนสมาชิกชมรมพระวังหน้าทาง Email แล้วครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60 KB
      เปิดดู:
      273
    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      290
    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      275
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แต่ถ้าจะมาสอบถามเรื่องพระพิมพ์ต่างๆว่า แท้หรือไม่แท้ ผมไม่ตอบ

    ส่วนความรู้ต่างๆ ลองเข้าไปอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ดู ผมลงมาหลายๆเรื่องครับ


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันอังคาร เบิกบาน ครับ



    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    "สื่อสยิว" ง่ายแค่นิ้วคลิก! สอนลูกอย่างไรให้เป็นนายมัน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">4 เมษายน 2554 17:14 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="230"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="230"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">อ.นคร สันธิโยธิน </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ในยุคที่ทุกอย่างเข้า ถึงง่ายแค่เพียงนิ้วคลิก คิดจะเสิร์ช อยากจะโหลดก็ทำได้ทุกเมื่อ ยิ่งเด็กสมัยนี้เกือบทุกคนมีไอโฟน บีบี รวมไปถึงคอมพิวเตอร์พกพาเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ทำให้สื่อร้าย ๆ อย่าง "สื่อลามก" กลายเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก และห้ามเด็กดูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

    เมื่อเป็นเช่นนี้ นคร สันธิโยธิน ครูผู้บุกเบิกการสอนเพศศึกษาแนวใหม่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บอกกับ ทีมงาน Life & Family ว่า ยิ่งไปห้ามเหมือนยิ่งยุ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กอยู่กับสื่อลามกอย่างรู้เท่าทัน และควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็น พูดง่าย ๆ คือ คิดจะดู ต้องดูแบบเป็นนายมัน อย่าตกเป็นขี้ข้ามัน เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาเรื่องเพศตามมาได้

    "ความอยากรู้อยากเห็นของคน มันไม่มีขีดจำกัด ยิ่งถ้าบ้านไหนมีลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่นด้วยแล้ว ต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็กว่า พวกเขาอยากรู้ อยากโต อยากโชว์ และอยากช่วย ฉะนั้นเราต้องตอบสนองด้วยการสอนให้ลูกรู้จักคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ แล้วเด็กจะอยู่กับมันอย่างเป็นนายมัน" อาจารย์ผู้บุกเบิกการสอนเพศศึกษาแนวใหม่เผย

    การสอนให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ และแยกแยะนั้น ครูนครบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องเปิดใจ และรับฟังลูกในทุก ๆ เรื่องก่อน ไม่ควรตัดสิน หรือประเมินคุณค่าของลูก จากนั้นหยิบยกตัวอย่าง หรือมีกิจกรรสนุก ๆ ให้เด็กทำ เช่น ชวนกันคิดจากข่าว ละคร หรือสิ่งรอบตัว ซึ่งทำได้ตั้งแต่เล็ก ๆ เป็นต้นว่า ลูกเห็นเหตุการณ์แบบนี้แล้ว รู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไร ถ้าเป็นเพื่อน หรือตัวลูกเองจะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าหวังพึ่งแต่โรงเรียนให้สอน คงไม่ทัน เพราะหลักสูตรไม่ได้สอนในเรื่องนี้

    สอดรับกับวิธีการของ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้ อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว บอกไว้ในงานเสวนา "ทำอย่างไรให้ผู้ใหญ่ไทยเข้าใจเรื่องเพศของเยาวชน" ที่สมาคมวางแผนครอบครัวฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้ใหญ่ไม่สามารถห้ามเด็กไม่ให้ดูนั่น ดูนี่ได้ เพราะสื่อสมัยนี้เข้าถึงเร็ว และง่าย แต่พ่อแม่ควรตระหนัก และสอนลูกให้รู้จักเท่าทันต่างหาก คือวิธีรับมือที่ดีที่สุด

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "ตอนนี้มีความกังวลมาก เพราะสื่อปิดกั้นลำบาก ละครน้ำเน่าก็มี ฉากเลิฟซีนก็มี ถ้ายิ่งกดรีโมทหนี เด็กก็จะยิ่งอยากรู้ แต่ถ้าเปิดประเด็นถามเล่น ๆ ชวนกันคิดว่า ลูกเห็นแล้ว ลูกรู้สึก หรือคิดเห็นอย่างไร เราจะเริ่มอ่านความคิดของลูกออก หรือเหตุการณ์แบบนี้ ลูกเคยเจอในชีวิตจริงบ้างไหม แล้วลูกของแม่จะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าความเห็นมีส่วนที่ต้องเพิ่ม เราก็ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเสริมเข้าไป หรือถ้าไม่รู้ ก็ไปหาคำตอบร่วมกัน" นพ.สุริยเดวยกตัวอย่าง

    ทำอย่างไร เมื่อหนังสือโป๊อยู่ในห้องลูก

    ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังสือโป๊ หรือสื่อลามก ถือเป็นเรื่องหนักอกหนักใจของคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านที่ไม่อยากให้ลูกเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ยุคสมัยนี้เร็วเกินกว่าที่จะห้ามเด็กได้ จนบางท่านถึงกับอึ้ง และรับไม่ได้เมื่อเจอสื่อเหล่านี้อยู่ในห้องของลูก ไม่ว่าจะรูปแบบของหนังสือ หรือวีซีดีก็ตาม

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="230"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="230"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">นพ.สุริยเดว ทรีปาตี </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ครูนคร ในฐานะคุณแม่ผู้เคยมีประสบการณ์ตรงบอกวิธีรับมืออย่างสร้างสรรค์ว่า ก่อนอื่นพ่อแม่ไม่ควรตำหนิ หรือต่อว่าลูก แต่ควรตั้งสติ และทำใจเย็น ๆ จากนั้นพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแล้วพูดคุยกันให้เข้าใจ ชี้ให้เห็นถึงผลเสียเพื่อที่ลูกจะได้ไม่ติดเป็นนิสัยจนกลายเป็นความเคยชิน หรือดูแล้วควรมีทางออกที่ถูกต้อง และเหมาะสมอย่างไร

    "หนังโป๊ดูได้ แต่ดูคนเดียว แล้วต้องถามตัวเองให้เป็นว่าดูแล้วรู้สึกอย่างไร ควบคุมตัวเองได้ไหม แล้วมันไปสิ้นสุดที่ไหน คือเราต้องสอนให้ลูกเรียนรู้ และเท่าทัน เพราะเราไม่รู้หรอกว่า ลูกเราดูหรือไม่ดู อย่างน้อย ๆ ลูกจะได้รู้ว่า เวลาดูแล้วเกิดอารมณ์ควรจัดการ และดูแลตัวเองอย่างไร เช่น เด็กผู้ชายอาจสิ้นสุดด้วยการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ซึ่งต้องบอกลูกด้วยว่า ทำได้ แต่ควรทำในที่รโหฐาน ไม่ใช่ในที่มโหฬาร ลูกก็จะรู้เองว่า อยู่คนเดียวก็เสียวได้" ครูนครให้แนวทางจากประสบการณ์ตรงที่ครั้งหนึ่งเคยเจอการ์ตูนโป๊ในตู้เสื้อผ้าลูกชาย

    ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ครูนคร กำลังจะบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความรัก เปิดใจให้กว้าง พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้ลูกรู้ว่า พ่อกับแม่รับได้ทุกเรื่องนะ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะรุนแรง หรือหนักหนาสักเพียงไร หากพ่อแม่รับฟัง สังเกต และไม่ตัดสินในทันที ลูกก็จะเกิดความรู้สึกไว้วางใจ และกล้าคุย กล้าปรึกษามากขึ้น

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด การรับมือกับสื่อลามกได้ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลา หรือหากิจกรรมต่างๆ ที่มีประโยชน์ให้เด็กทำ ไม่ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวในบ้าน จะช่วยให้ลูกมีเวลาสร้างสรรค์ และลดการขลุกตัวอยู่กับโทรทัศน์ เกม หรืออินเทอร์เน็ตได้มาก

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]


    Life & Family - Manager Online -
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับท่านใดที่ได้ร่วมทำบุญ ในงานบวชพระภิกษุ ที่สวนทิพย์โลกอุดร วันนี้จะมีการบวชพระภิกษุนะครับ

    อย่าลืมกรวดน้ำกันครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบวชพระภิกษุที่สวนทิพย์โลกอุดรครับ


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=Content height=25>ช่วยภัยน้ำท่วม มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปัมภ์ </TD></TR><TR><TD class=Content><HR color=#e5e5e5 SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    วิธีการเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
    สมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
    การโอนเข้าบัญชี(ประเภทออมทรัพย์)
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อย สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า)
    ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เลขที่บัญชี 401-636319-9

    ธนาคารทหารไทย สาขาย่อย สำนักพระราชวัง(สนามเสือป่า)
    ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เลขที่บัญชี 046-2-44777-2
    (กรุณาส่งสำเนาใบนำฝาก พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ ที่จะออกใบเสร็จของท่าน มาทางโทรสารหรือจดหมาย ภายใน 15 วัน)

    การส่งเช็คธนาคาร ตั๋วแลกเงิน หรือธนาณัติ
    สั่งจ่าย ในนามมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ
    ปณ.พลับพลาไชย 10100 หรือ ปณ. จิตรลดา 10303
    พร้อมแจ้งชื่อที่อยู่ที่จะออกใบเสร็จของท่านแล้วส่งไปที่
    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
    ตู้ ปณ.22 พลับพลาไชย กรุงเทพมหานคร 10100

    ***********************************

    สร้างกุศลร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ

    สามารถติดตาม กำหนดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ที่
    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

    ครับผม



    1522 :
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1522.jpe
      1522.jpe
      ขนาดไฟล์:
      6.6 KB
      เปิดดู:
      891
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    พระราชทานกำเนิดมูลนิธิ เมื่อได้ช่วยเหลือประชาชนในระยะแรกแล้ว ยังเหลือเงินอีกสามล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า เงินสามล้านบาทนี้ ควรตั้งเป็นทุนเพื่อหาดอกผลสำหรับสงเคราะห์เด็ก ซึ่งครอบครัวต้องประสบวาตภัยภาคใต้ และขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูประการหนึ่งและสำหรับสงเคราะห์ช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบสาธารณภัยทั่วประเทศอีกประการหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานเงินสามล้านบาท ให้เป็นทุนประเดิมก่อตั้งมูลนิธิ และพระราชทานนามว่า “มูลนิธิราชประชานุเคราะห์” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อยู่ใน “พระบรมราชูปถัมภ์” กับทรงดำรงตำแหน่ง พระบรมราชูปถัมภกแห่งมูลนิธินี้ด้วย ชื่อของมูลนิธินี้หมายความว่า “พระราชา” และ “ประชาชน” อนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงน้ำพระทัยว่า เวลาทำงานควรจะได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย

    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์โดยได้ทรงมีพระราชดำริว่าภัยธรรมชาติหรือสาธารณภัยอาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ ไม่มีผู้ใดจะคาดหมายได้ดังที่ได้เกิดขึ้นที่แหลมตะลุมพุกนครศรีธรรมราช และหลายจังหวัดภาคใต้

    มูลนิธิฯ ได้ทุนดำเนินงานจากเงินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เงินอุดหนุนจากรัฐบาล จากผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาค จากทรัพย์สินซึ่งมีผู้ยกให้ และจากดอกผลอันเกิดจากทรัพย์สินอันเป็นทุนของมูลนิธิฯ

    การใช้จ่ายเงินของมูลนิธิฯ อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งมีการควบคุม ตรวจสอบอย่างรอบคอบ การดำเนินงานยึดมั่นในพระบรมราโชบาย “...ให้ไปให้ความอบอุ่นไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยฉับพลัน ทำให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไป...”

    “...การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นจะต้องช่วยในระยะสั้นหมายความว่า เป็นเวลาที่ฉุกเฉินต้องช่วยโดยเร็ว และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเนื่อง...ส่วนเรื่องการช่วยเหลือในระยะยาวก็มีความจำเป็นเหมือนกัน... เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแลเหลียวแลมาจนกระทั่งได้รับการศึกษาที่สามารถทำมาหากินได้โดยสุจริตและโดยมีประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ...”

    คณะกรรมการบริหารได้มอบหมายหน้าที่ให้กรรมการช่วยปฏิบัติงาน แบ่งออกเป็น ๖ ฝ่าย คือ ฝ่ายหาทุน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายบรรเทาทุกข์ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายการศึกษาสงเคราะห์ และฝ่ายฝึกอบรม คณะกรรมการเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครต่างๆ ได้เสียสละเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์ ดำเนินตามพระบรมราโชบายตามเบื้องพระยุคลบาท ออกช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชน ผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนทั่วราชอาณาจักร ยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพสกนิกรทั้งใกล้ไกล ที่ได้ทรงห่วงใยเอื้ออาทรอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะสนิทแน่นอยู่ในดวงกมลของคนไทยต่อไป


    วัตถุประสงค์ :

    1. เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
    2. เพื่อให้การสงเคราะห์ด้านการศึกษา

    2.1 ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีเยี่ยมในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และเด็กกำพร้า หรืออนาถา ที่ครอบครัวประสบสาธารณภัย
    2.2 บูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์

    3. เพื่อให้มีการป้องกันสาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
    4. เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือเป็นส่วนรวมแก่ประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนประการ อื่น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพิจารณาเห็นสมควร และได้รับความเห็นชอบจากนายกมูลนิธิฯ
    [​IMG]
    กิจกรรมมูลนิธิ :

    1. มอบทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่องแก่นักเรียนกำพร้าที่ครอบครับประสบธารณภัยต่าง ๆ
    2. ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการสร้างโรงเรียนที่ประสบสาธารณภัย และสร้างโรงเรียนให้สำหรับบุตรหลานที่ประสบภัยในจังหวัดต่าง ๆ
    3. สงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัยกรณีต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม 1,258,822 ครอบครัว จำนวน 6,630,412 คน มอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้ประสบสาธารณภัยตามแผนปฏิบัติงานร่วมกันที่ ตกลงไว้กับกรมประชาสงเคราะห์ ได้แก่ เครื่องครัว เครื่องนอน วัสดุซ่อมแซมบ้าน ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องใช้ ที่จำเป็นสำหรับครอบครัว ทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และความเดือนร้อนประการอื่น



    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมป์

    .

    http://www.rajaprajanugroh.org/intro.aspx

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • rach.JPG
      rach.JPG
      ขนาดไฟล์:
      153.2 KB
      เปิดดู:
      451
    • rach 1.JPG
      rach 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.5 KB
      เปิดดู:
      5,959
    • rach 2.JPG
      rach 2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.7 KB
      เปิดดู:
      5,789
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...