พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้(วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2554) ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญ การบวชพระภิกษุ ของคณะพี่สิทธิพร รวมทั้งน้องพรสว่าง ไปให้น้องพัชเรียบร้อยแล้ว

    [​IMG]

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้(วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2554) ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญ จำนวน 200 บาท

    บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสะพานใหม่ดอนเมือง
    ชื่อบัญชี นายณัฐพัชร จันทรสูตร
    เลขที่บัญชี ๐๘๑ - ๒๔๔๙๑๒ - ๓

    ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง สมเด็จองค์ปฐมปิดทองทั้งองค์ เพื่อชำระหนี้สงฆ์ และสร้าง วิหารแก้ว ณ วัดตะโก จ.สระแก้ว

    ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี เททองหล่อสมเด็จองค์ปฐมบรมครู (สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพล ที่ ๑) ปางทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ์ ขนาดหน้าตัก ๔ ศอก (เนื้อโลหะทองเหลือง ปิดทองประดับเพชร) และร่วมสร้างวิหารแก้ว ณ วัดตะโก ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว




    [​IMG]

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ


    .

    http://palungjit.org/threads/ร่วมเป...ม-ณ-วัดตะโก-ปิดรับเสาร์ที่-๒๖-มี-ค-๕๔.275216/



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ขออนุโมทนาบุญทุกประการด้วยครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ ตอนบ่าย น้องปฐม ได้เป็นตัวแทนของคณะผม (sithiphongและครอบครัว , น้องปฐมและครอบครัว , พี่เปี๊ยกและครอบครัว , น้องฝนและครอบครัว , คุณPinkcivilและครอบครัว , คุณธวัชและครอบครัว , คุณเฉลิมพลและครอบครัว และ คุณณฑนนและครอบครัว) นำพระวังหน้า , หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า , รูปคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตระ)(ที่น้องปฐมได้นำไปใส่กรอบ) , น้ำมนต์ 4 ขวด(น้องปฐมต่อน้ำมนต์จาก น้ำมนต์ 4 ขวดที่ผมได้มอบให้น้องปฐม) ไปถวายวัดที่จังหวัดสตูล

    ขอขอบใจน้องปฐม ที่ช่วยพี่เป็นธุระให้ในการงานบุญนี้


    นอกจากงานบุญต่างๆแล้ว อย่าลืมนั่งวิปัสนากรรมฐานกันด้วย ทำกันไปทั้งสองอย่าง สะสมแต้ม(ดี)กันครับ

    เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

    ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี

    อยากรวยให้ทำทาน อยากไปนิพพานให้ภาวนา

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ



    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    มาชมภาพกันครับ

    รูปต้นฉบับ ผมส่งให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า และท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าเรียบร้อยแล้วครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    ผมแนะนำท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าและท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าทุกๆท่านว่า ควรใช้ Gmail ครับ เนื่องจากว่า ในการส่งรูปไปหลายๆรูป(ที่รูปมีขนาดใหญ่) จะรับข้อมูลได้ดีกว่าครับ ขอบคุณครับ


    .





    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03358.JPG
      DSC03358.JPG
      ขนาดไฟล์:
      216.9 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSC03359.JPG
      DSC03359.JPG
      ขนาดไฟล์:
      232.3 KB
      เปิดดู:
      48
    • DSC03360.JPG
      DSC03360.JPG
      ขนาดไฟล์:
      188.8 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSC03361.JPG
      DSC03361.JPG
      ขนาดไฟล์:
      193.3 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03412.JPG
      DSC03412.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03413.JPG
      DSC03413.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.1 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03414.JPG
      DSC03414.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC03415.JPG
      DSC03415.JPG
      ขนาดไฟล์:
      167.9 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSC03416.JPG
      DSC03416.JPG
      ขนาดไฟล์:
      175.9 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSC03417.JPG
      DSC03417.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • DSC03418.JPG
      DSC03418.JPG
      ขนาดไฟล์:
      325.5 KB
      เปิดดู:
      35
    • DSC03419.JPG
      DSC03419.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164 KB
      เปิดดู:
      44
    • DSC03420.JPG
      DSC03420.JPG
      ขนาดไฟล์:
      223 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSC03421.JPG
      DSC03421.JPG
      ขนาดไฟล์:
      245.3 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSC03422.JPG
      DSC03422.JPG
      ขนาดไฟล์:
      230.7 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03423.JPG
      DSC03423.JPG
      ขนาดไฟล์:
      217.2 KB
      เปิดดู:
      43
    • DSC03424.JPG
      DSC03424.JPG
      ขนาดไฟล์:
      219.1 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC03425.JPG
      DSC03425.JPG
      ขนาดไฟล์:
      234.5 KB
      เปิดดู:
      51
    • DSC03426.JPG
      DSC03426.JPG
      ขนาดไฟล์:
      212.4 KB
      เปิดดู:
      31
    • DSC03427.JPG
      DSC03427.JPG
      ขนาดไฟล์:
      203.4 KB
      เปิดดู:
      45
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ ตอนบ่าย น้องปฐม ได้เป็นตัวแทนของคณะผม (sithiphongและครอบครัว , น้องปฐมและครอบครัว , พี่เปี๊ยกและครอบครัว , น้องฝนและครอบครัว , คุณPinkcivilและครอบครัว , คุณธวัชและครอบครัว , คุณเฉลิมพลและครอบครัว และ คุณณฑนนและครอบครัว) นำพระวังหน้า , หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า , รูปคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตระ)(ที่น้องปฐมได้นำไปใส่กรอบ) , น้ำมนต์ 4 ขวด(น้องปฐมต่อน้ำมนต์จาก น้ำมนต์ 4 ขวดที่ผมได้มอบให้น้องปฐม) ไปถวายวัดที่จังหวัดสตูล

    ขอขอบใจน้องปฐม ที่ช่วยพี่เป็นธุระให้ในการงานบุญนี้


    นอกจากงานบุญต่างๆแล้ว อย่าลืมนั่งวิปัสนากรรมฐานกันด้วย ทำกันไปทั้งสองอย่าง สะสมแต้ม(ดี)กันครับ

    เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

    ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี

    อยากรวยให้ทำทาน อยากไปนิพพานให้ภาวนา

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ



    .


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปฐม [​IMG]
    เรียนพี่หนุ่มที่เคารพและพี่ๆ ชมรมทุกท่านครับ

    เมื่อวานกระผมได้เป็นตัวแทนของชมรม
    ไปถวายพระวังหน้า
    หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ,
    หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ,
    รูปคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรใส่กรอบ
    รวมถึงน้ำมนต์ที่พี่หนุ่มเมตตาส่งให้4ขวด

    ได้เดินทางไปถวายที่วัดโพธิ์เจริญธรรมและวัดถ้ำระฆังทอง จังหวัดสตูล
    ขอพี่หนุ่มและพี่ๆชมรมร่วมโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มาชมภาพกันครับ

    รูปต้นฉบับ ผมส่งให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า และท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าเรียบร้อยแล้วครับ



    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03444.JPG
      DSC03444.JPG
      ขนาดไฟล์:
      334.1 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSC03445.JPG
      DSC03445.JPG
      ขนาดไฟล์:
      131.3 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03446.JPG
      DSC03446.JPG
      ขนาดไฟล์:
      215.1 KB
      เปิดดู:
      34
    • DSC03447.JPG
      DSC03447.JPG
      ขนาดไฟล์:
      220.3 KB
      เปิดดู:
      39
    • DSC03448.JPG
      DSC03448.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.2 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03449.JPG
      DSC03449.JPG
      ขนาดไฟล์:
      208.7 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC03450.JPG
      DSC03450.JPG
      ขนาดไฟล์:
      206.4 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC03451.JPG
      DSC03451.JPG
      ขนาดไฟล์:
      224.1 KB
      เปิดดู:
      35
    • DSC03452.JPG
      DSC03452.JPG
      ขนาดไฟล์:
      231.3 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03453.JPG
      DSC03453.JPG
      ขนาดไฟล์:
      203.2 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03457.JPG
      DSC03457.JPG
      ขนาดไฟล์:
      195.1 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03458.JPG
      DSC03458.JPG
      ขนาดไฟล์:
      604.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • DSC03459.JPG
      DSC03459.JPG
      ขนาดไฟล์:
      191 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSC03461.JPG
      DSC03461.JPG
      ขนาดไฟล์:
      383.1 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03469.JPG
      DSC03469.JPG
      ขนาดไฟล์:
      210.4 KB
      เปิดดู:
      38
    • DSC03470.JPG
      DSC03470.JPG
      ขนาดไฟล์:
      395.2 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSC03471.JPG
      DSC03471.JPG
      ขนาดไฟล์:
      416.2 KB
      เปิดดู:
      42
    • DSC03472.JPG
      DSC03472.JPG
      ขนาดไฟล์:
      412.8 KB
      เปิดดู:
      40
    • DSC03475.JPG
      DSC03475.JPG
      ขนาดไฟล์:
      426.2 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSC03476.JPG
      DSC03476.JPG
      ขนาดไฟล์:
      329.5 KB
      เปิดดู:
      45
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พัทลุง อ่วม! น้ำท่วมสูง เร่งอพยพประชาชน



    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้


    สถานการณ์ล่าสุด จังหวัดพัทลุง เข้าขั้นวิกฤติ หลังระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 1.20 เมตร ต้องเร่งอพยพชาวบ้านหนีน้ำท่วม

    ขณะนี้ พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าพะยอม อำเภอตะโหมด และอำเภอกงหรา ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 8,000 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรสวนยางพารา ถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1 แสนไร่ โดยเฉพาะหมู่ที่ 10 ตำบลเขาเจียก อำเภอเมือง ตำบลพนมวัง อำเภอควนขนุน ระดับน้ำท่วม 1.20 เมตร ชาวบ้านต้องพากันอพยพไปอาศัยในที่ปลอดภัยแล้วจำนวน 12 ครัวเรือน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราด

    นอกจากนั้น ถนนสายหลัก และสายรอง ในหลายพื้นที่มีน้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะ ถนนสายเพชรเกษม พัทลุง-ตรัง ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น กทม. ช่วง อำเภอควนขนุน มีน้ำไหลผ่านเป็นช่วง ๆ





    [​IMG]



    จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศพื้นที่เสี่ยงภัยใน 7 อำเภอ หลังฝนตกต่อเนื่อง 2 วัน ส่งผลให้มีน้ำป่าหลายหลาก และเกิดดินโคลนถล่ม ในขณะที่จังหวัดพัทลุง เริ่มประกาศเตือนประชาชน ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน 10 จังหวัดภาคใต้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้น

    เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศพื้นที่เสี่ยงภัย 7 อำเภอ หลังเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 6 อำเภอ คือ อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอพิปูน อำเภอพรหมคีรี และอำเภอนบพิตำ โดยมีผู้เสียชีวิต 2 คน ในขณะที่ อำเภอสิชล เกิดมีภูเขาหินถล่ม ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องเข้ากันพื้นที่ และประกาศเป็นพื้นที่อันตราย เพราะยังมีหินขนาดใหญ่ไหลลงมาพร้อมกับดินโคลนเป็นระยะ เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เต็มพิกัด หลังฝนตกติดต่อกันถึง 2 วัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ในขณะที่ ชลประทานจังหวัดพัทลุง ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือกับน้ำป่าไหลหลากที่อาจเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ หลังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริเวณริมเทือกเขาบรรทัด ตำบลชะรัส อำเภอกงหรา เจ้าหน้าที่ต้องประกาศปิดน้ำตก ในบริเวณดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

    [​IMG]


    สถานการณ์หลังเกิดพายุฤดูร้อน ในแต่ละพื้นที่ของประเทศ

    [​IMG] ภาคใต้


    จังหวัดพัทลุง

    หลังเจอพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง 2 วันติด ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลทะลักเข้าท่วมขังในพื้นที่ราบลุ่ม 6 อำเภอ คือ อำเภอกงหรา , อำเภอเขาชัยสน , อำเภอเมือง , อำเภอควนขนุน อำเภอป่าพะยอม และอำเภอศรีนครินทร์ ส่งผลให้ถนนในหมู่บ้านหลายสาย มีน้ำท่วมสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร โดยเฉพาะถนนสายหลัก เพชรเกษม สายพัทลุง-ตรัง ท้องที่บ้านม่วงลูกดำ ตำบลโคกชะงาย อำเภอเมือง มีน้ำท่วมสูงเป็นทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง

    ในขณะที่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 12-14 ตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน กว่า 250 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากในหมู่บ้าน มีน้ำท่วมสูง รถไม่สามารถเดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้


    จังหวัดตรัง

    หลังจากที่มีฝนตกหนักอย่างเนื่อง 3 วัน ส่งผลให้มีน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลหลากทะลักเข้าท่วมสวนยางพาราและแปลงพืชผักของชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 1 และ 2 ในเขตเทศบาล ตำบลนาโยงเหนือ โดยระดับน้ำบางจุดที่ราบลุ่มและอยู่ติดกับคลองนางน้อย สูงถึง 80 เซนติเมตร และ1 เมตร

    ในขณะที่ หมู่ที่ 1และ หมู่ที่10 ตำบลละมอ อำเภอนาโยง น้ำได้ไหลทะลักเอ่อท่วมถนนสายตรัง-พัทลุง และ ตำบลช่อง น้ำได้ไหลเข้าท่วมขังในสถานีอนามัย ทั้งนี้ เชื่อว่า หากฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานน้ำจะไหลเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของเขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือในบางพื้นที่



    จังหวัดนครศรีธรรมราช

    ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 8 อำเภอ คือ อำเภอพิปูน, อำเภอลานสกา , อำเภอฉวาง , อำเภอนบพิตำ , อำเภอพรหมคีรี , อำเภอร่อนพิบูลย์, อำเภอสิชล และอำเภอพระพรหม เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม หลังถูกน้ำท่วมฉับพลันและมีดินโคลนถล่มในบางพื้นที่ รวมถึงการเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ราบเชิงเขา บริเวณที่ราบชายฝั่งอ่าวไทย ตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง และพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ

    นอกจากนี้ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะที่ อำเภอพิปูน, อำเภอลานสกา , อำเภอฉวาง , อำเภอนบพิตำ , อำเภอพรหมคีรี และอำเภอร่อนพิบูลย์ เฝ้าระวังสถานการณการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าจะมีดินโคลนถล่มลงมาอีก เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เกือบเต็มพิกัดแล้ว

    และในขณะนี้ ยังคงมีรายงานฝนตกและตกหนักในเกือบทุกพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำและบริเวณเทือกเขาหลวง ทำให้มีน้ำท่วมขังและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ใกล้ที่ลุ่มของอำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม อำเภอพรหมคีรี และอำเภอเมือง ส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขัง และเส้นทางเข้าหมู่บ้านที่รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้

    ทั้งนี้ จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากตั้งแต่เมื่อวาน (24 มีนาคม) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ ด.ญ.วรรัตน์ พุทธศรี อายุ 9 ขวบ เสียชีวิตที่คูน้ำ ตำบลท่างิ้ว ซึ่งเป็นบ้านญาติของ ด.ญ.วรรัตน์ เอง และนายอรรถกร บุญเพชร อายุ 22 ปี เสียชีวิตจากการพลัดตกลงไปที่น้ำตกท่าหา หมู่ 9 ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา


    จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมภูเขาและชายทะเล เฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ในขณะที่บริเวณเกาะสมุย มีน้ำท่วมขังในบางจุด ส่งผลให้การจราจรติดขัด


    จังหวัดปัตตานี

    ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรของประชาชนในหมู่ 1 , 2 , 3 และหมู่ 4 ตำบลคอกกระบือ อำเภอปะนาเระ ได้รับความเสียหายกว่า 5,000 ไร่ เนื่องจากมีน้ำท่วมขัง


    [​IMG]


    ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคใต้บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากขึ้นได้ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้

    สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 25 - 27 มีนาคม 2554

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

    [​IMG] ภาคเหนือ

    อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33 - 37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม.

    [​IMG] ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 2 - 3 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31 - 33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม.

    [​IMG] ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28 - 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.

    [​IMG] ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33 - 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    [​IMG] ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

    มีพายุฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27 - 31 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร

    [​IMG] ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    [​IMG] กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30 - 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไอ.เอ็น.เอ็น. , ครอบครัวข่าว 3 , เดลินิวส์ และ กรุงเทพธุรกิจ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG]



    .

     
  9. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    คุณหนุ่มครับ
    รูปที่ปิดหน้าผมเสนอว่าลองเปลี่ยนเป็นรูปจาก FOTOSCAP แบบที่ใช้เป็นรูปวาดแต่ใกล้เคียงความจริงมากๆดีไหมครับ หรืออย่างไรดีครับ ...............
    ส่วนโปรแกรมหาไม่ยากครับในโปรแกรมมีหลายอย่างครับ เช่น
    รูปสีน้ำมัน
    ดินสอ / ดินสอสี
     
  10. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ได้ร่วมบุญกับทางสร้างพระที่วัดตะโกแล้วครับ ขออนุโมทนาบุญครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เจตนาผม ต้องการปิดหน้าครับ

    รูปจริงผมส่งให้สมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกๆท่านอยู่แล้วครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ข้อความส่วนตัว: ขอความรู้เกี่ยวกับพระวังหน้าครับ <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> [​IMG] วันนี้, 05:49 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> Lee_bangkok
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Dec 2010
    ข้อความ: 79
    พลังการให้คะแนน: 12 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center>ขอความรู้เกี่ยวกับพระวังหน้าครับ

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> เรียนคุณหนุ่ม
    คุณหนุ่มพอจะชี้แนะหน่อยได้ไหมครับ ว่าพระวังหน้านั้นของจริงกับของปลอมดูกันได้อย่างไรครับ มีข้อสังเกตุอย่างไรบ้างนะครับ ผมหมายถึงทางกายภาพนะครับ ไม่ใช่ทางจิตอย่างเช่น ใช้มโนอิทธิแบบนี้นะครับ
    ขอความรู้ด้วยนะครับ หรือมีเวบไหนที่พอจะศึกษาได้บ้างครับ พระวังหน้านี้อยู่ในสมัยเดียวกับหลวงปู่ทวดไหมครับ
    ขอบคุณครับ
    </td></tr></tbody></table>

    เรื่องของการดูพระวังหน้า การแยกพระวังหน้า ต้องดูทั้ง รูป และ นาม

    รูป คือ เนื้อหาทรงพิมพ์

    นาม คือ พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต

    การดูเรื่องนาม ทางครูบาอาจารย์ผมไม่ได้ดูทางมโนมยิทธิครับ

    ส่วนเว็บต่างๆ เท่าที่เห็น ยังไ่ม่เห็นเว็บไหน แยกพระวังหน้า , พระวังหลวงออกจากกัน ยังผสมปนเปกันไป และส่วนใหญ่ยังนำพระวังหลวงไปบอกว่าเป็นพระวังหน้า

    การดูและศึกษา ต้องเห็นของจริงมากๆ ต้องมีครูบาอาจารย์คอนแนะนำสั่งสอนวิธีการดูครับ

    การศึกษาเรื่องพระวังหน้า จะว่าง่ายก็ง่าย ่จะว่ายากก็ยากครับ

    ปัจจุบันนี้ ผมจะร่วมศึกษากับสมาชิกชมรมพระวังหน้าเท่านั้นครับ ผมไม่บอกกับบุคคลภายนอกชมรมพระวังหน้า

    พระวังหน้ามีมากมายหลายร้อยพิมพ์ มีมากมายหลายเนื้อหา ยังไม่รวมถึงวัตถุมงคลอื่นๆ เช่น พระขรรค์ , กฤช , มีดหมอ , ตะกรุด อื่นๆอีกมากมายรวมทั้งตระกูลหินหยกครับ


    .




    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำความรู้จัก “โพแทสเซียมไอโอไดด์” กับอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    24 มีนาคม 2554 16:36 น.

    [​IMG]


    จากอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้น ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีออกสู่บรรยากาศภายนอก ประชาชนชาวญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศเกิดความกังวลว่าจะได้รับสารกัมมันตรังสี เข้าสู่ร่างกาย จึงมีการหาซื้อโพแทสเซียมไอโอไดด์มากินเพื่อป้องกันพิษจากไอโอดีนรังสี

    หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักกับโพแทสเซียมไอโอไดด์ “108 เคล็ดกิน” จึงอยากบอกต่อความรู้ที่ได้รับมาจาก กลุ่มงานด้านวิชาการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง

    ก่อนอื่นจะต้องรู้ก่อนว่า ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ สารกัมมันตรังสีที่เกิดการรั่วไหลออกมานั้นจะมีอยู่หลายชนิด เช่น ไอโอดีน-131 ซีเซียม-137 ซีนอน-137 เป็นต้น ซึ่งจะเกิดอันตรายมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รั่วไหลออกมา รวมถึงคุณสมบัติในการสลายตัวของสารแต่ละชนิดด้วย

    ในร่างกายของคนปกติ ต่อมไทรอยด์จะดูดซึมไอโอดีนไปสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ สำหรับ “โพแทสเซียมไอโอไดด์” ก็คือไอโอดีนที่อยู่ในรูปเกลือที่ เสถียร (ไม่ใช่ไอโอดีนรังสีที่รั่วไหลออกมา) แต่ในกรณีของอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ เราจะหายใจเอาไอโอดีนรังสีเข้าไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์อย่างรวดเร็ว และจะทำลายเซลล์ของต่อมไทรอยด์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้

    แต่เนื่องจากต่อมไทรอยด์ไม่สามารถแยกได้ว่าอะไรคือไอโอดีนรังสี หรือไอโอดีนเสถียร และไอโอดีนทั้งสองชนิดสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วในต่อมไทรอยด์ ดังนั้น ในกรณีการเกิดอุบัติทางนิวเคลียร์ ถ้าได้กินไอโอดีนเสถียรที่อยู่ในรูปของโพแทสเซียมไอโอไดด์ในปริมาณที่เพียง พอก่อนที่จะได้รับไอโอดีนรังสี ต่อมไทยรอยด์ก็จะไม่จับไอโอดีนรังสีอีก เนื่องจากต่อมไทรอยด์มีความสามารถในการจับไอโอดีนได้ในปริมาณจำกัด จึงเป็นที่มาของการ ซื้อโพแทสเซียมไอโอไดด์มากินเพื่อป้องกันพิษจากไอโอดีนรังสี

    ในส่วนของคนไทยนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ในการกินโพแทสเซียมไอโอไดด์ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศแล้วว่าในตอนนี้ประเทศไทยยังไม่ได้รับผล กระทบ ทั้งจากการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในอาหารและเครื่องดื่ม และจากรายงานการเฝ้าระวังระดับกัมมันตภาพรังสีทั่วประเทศ ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ก็ยังไม่พบการแพร่กระจายของฝุ่นผงกัมมันตรังสีจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ดังนั้นจึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อหาโพแทสเซียมไอโอไดด์มากิน

    แต่สำหรับผู้ที่จะเป็นจะต้องกินโพแทสเซียมไอโอไดด์ อย่างเช่น คนที่จะต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง จะต้องไปรับคำแนะนำอย่างถูกต้องจากแพทย์และเภสัชกร เนื่องจากเป็นยาชนิดเข้มข้น และอาจเกิดผลข้างเคียงจากการแพ้ยาได้ เช่น เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ร้อนในปากและลำคอ ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งหากว่ากินยาเกินขนาด หรือกินถี่กว่าที่ได้รับคำแนะนำ ก็ไม่ได้ช่วยให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น แต่จะไปกระตุ้นอาการแพ้ให้รุนแรงมากขึ้น และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

    ข้อควรระวังอีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้ คือ โพแทสเซียมไอโอไดด์ ไม่ควรใช้กับบุคคลที่มีอาการดังนี้ 1.ผู้ที่มีประวัติแพ้ไอโอดีน 2.เป็นโรคผิวหนังบางชนิด 3.ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ 4.ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน นอกจากนี้ ผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องได้รับโพแทสเซียมไอโอไดด์ จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

    Travel - Manager Online -
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [FONT=Tahoma,]ถึงคิวลาว ระทึกดินไหวลาม ทัวร์ไทยวุ่น[/FONT]

    [FONT=Tahoma,]50คนติดใน'เชียงตุง' ฝนยังกระหน่ำ 5จว.ใต้ หินถล่มทับพระดับ2 ญี่ปุ่นเตา3วิกฤตอีก! เร่งสูบน้ำ-ลดรังสีแพร่


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#e0e0e0" valign="top">[​IMG]
    น้ำป่าถล่ม- สภาพศพพระสำนัก สงฆ์เชิงเขาในเพรา จ.นครศรีธรรมราช ถูกโคลนถล่มทับกุฏิ และซัดลอยมาติดในคลองขนอมมรณภาพรวม 2 ราย ขณะที่หลายจว. ภาคใต้น้ำท่วมหนัก

    </td></tr></tbody></table>นายกฯ น้อมรับสนองกระแสพระราชดำรัสรับมือภัยพิบัติ เข้าตรวจศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติวันนี้ พร้อมช่วยเหลือเบื้องต้นกับเหยื่ออุทกภัย เชียงราย น่าน นครศรีฯ วัดศรีโคมคำ พะเยา เร่งสำรวจองค์พระเจ้าตนหลวง ให้กรมศิลป์เข้ามาบูรณะซ่อมแซม หลังเสียหายเพราะแผ่นดินไหวในพม่า ส่วนในพม่าหลังถนนอาร์สามเอขาด ทำให้ชาวพม่าที่บาดเจ็บเดือดร้อนเข้ามารักษาฝั่งไทยไม่ได้ เพราะสะพานขาด-ถนนพัง ด้านกรุ๊ปทัวร์ไทยกว่า 50 คนยังติดอยู่ที่เชียงตุง แต่ทุกคนปลอดภัย กำลังเร่งหาทางกลับ ลาวสะเทือนอีก 4.8 ริกเตอร์ ห่างเชียงราย 102 ก.ม. ส่วนสถานการณ์สารกัมมันตรังสีในญี่ปุ่น ล่าสุดเข้มข้นกว่าปกติถึงกว่า 1,200 เท่าแล้ว เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำที่ปนเปื้อนออก ขณะที่สหรัฐส่งน้ำจืดช่วยรดลดความร้อนอีกทาง อุตุฯ เตือน 10 จว.ใต้ฝั่งอ่าวไทย ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คาดฝนตกถึง 28 มี.ค. นครศรีฯ หนักสุด ประกาศเขตภัยพิบัติ 12 อำเภอ ภูเขาถล่มทับกุฏิพระที่ขนอมดับ 2 รูป สั่งอพยพชาวบ้าน 50 ครัวเรือน หวั่นดินถล่ม ทับ ทหารระดมย้ายคนป่วยออกจากร.พ.นบ พิตำ ท่าศาลา เพราะ น้ำท่วมสูง รถไฟกรุง เทพฯ-นครศรีฯหยุดชั่วคราวเพราะทางขาด นายกเล็กเมืองคอนเร่งช่วยชาวบ้านจ้าละหวั่นกลางดึก ด้านจ.ตรัง น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลทะลักเข้าพื้นที่เกษตร-ตัวเมืองตรัง 4 อำเภอจม ชาวบ้านเดือดร้อนนับพัน พัทลุงประกาศเขตภัยพิบัติ 8 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อน 38,000 ครัวเรือน สตูลเตือนระวังดินถล่ม -น้ำป่าไหลหลาก สุราษฎร์ฯจม 4 อำเภอ ถนน ถูกตัดขาดหลายสาย น้ำสูง 1 เมตร ต้องอพยพคนมาอยู่บนถนน เรือเฟอร์รี่สมุย-พะงัน ต้องหยุดเดินชั่วคราว เพราะพายุถล่มหนัก

    กทม.สั่งรับมือดินไหว

    เมื่อ เวลา 09.00 น. วันที่ 26 มี.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมการของกทม.ในการรับมือภัยแผ่นดินไหวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ยกร่างแผนป้องกันภัยไว้แล้ว เช่น จะอพยพคนอย่างไร จะดับเพลิงอย่างไร รวมถึงป้องกันภัยสึนามิด้วย เพราะกทม.มีพื้นที่ 4.7 ตารางกิโลเมตร ติดทะเลด้วย และได้สั่งให้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เพราะตอนนี้จะประมาทไม่ได้ เนื่องจากธรรมชาติแปรปรวน โดยสัปดาห์หน้าตนจะเรียกเจ้าหน้าที่มาทบทวนแผนอีกครั้ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมากทม.สร้างตึกสูง แต่ไม่ได้มีการคำนึงถึงเรื่องแผ่นดินไหว ต่อจากนี้ไปจึงต้องขออนุญาตในการสร้างตึกสูงจะมีแผนป้องกันแผ่นดินไหวด้วย อย่างไร

    เมื่อถามถึงตึกที่มีความสุ่มเสี่ยงในกทม. ประมาณ 12 แห่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตอนนี้กทม.พยายามประกาศว่า อย่าตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประมาท อย่างไรก็ดี อาคารสูงๆ ระยะหลังก็มีความต้านทานแผ่นดินไหวพอสมควร แต่ถ้าเป็นระดับ 7 หรือ 8 ริกเตอร์ ก็คงไม่มีที่ไหนต้านได้ ก็ต้องมีแผนช่วยเหลือรองรับ ซึ่งกทม.ก็จะค่อยๆ สำรวจตึกต่างๆ ในกทม.อีกครั้ง เพราะมีตึกสูงเป็นหมื่นอาคาร หากอาคารไหนต้องปรับปรุงหรือต้องมีแผนรับมือมาแสดงก็ต้องทำ

    ชงครม.ถกรับมือภัยพิบัติ

    วัน เดียวกัน เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า ได้มอบหมายให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับทางกรมป้องกันและบรรเทาสารณภัย (ปภ.) จังหวัด ประสานกันว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องเสริมอะไรไปจากความรับผิดชอบของหน่วยงานตามปกติ ให้เร่งบอก และในวันที่ 27 มี.ค.นี้ ตนจะไปที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งจะไปดูการเตือนภัยพิบัติทั้งหมด เมื่อถามว่ารับทราบสิ่งที่ในหลวงมีพระราชกระแสรับสั่ง ให้เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ครับ"

    นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพระราชกระแสรับสั่งให้เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว และจะราย งานให้ที่ประชุมครม.ทราบในวันที่ 28 มี.ค. ส่วนการเกิดอุทกภัยในเขตพื้นที่ภาคใต้นั้น คณะกรรมการอำนวยการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยยังคงทำงานอยู่ โดยเมื่อเกิดเหตุก็ให้หน่วยงานดังกล่าวรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจึงให้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการเปิดศูนย์ในวันที่ 27 มี.ค. ส่วนในความช่วยเหลือในเบื้องต้น จะมีงบประ มาณของจังหวัดและท้องถิ่นดูแลอยู่แล้ว แต่ได้เตรียมงบประมาณกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อดูแลในส่วนนี้ด้วย เพื่อเยียวยาช่วยเหลือในเบื้องต้น นอกจากนี้ ยังมีงบกลางที่เพิ่งผ่านสภาฯ อีกด้วย

    เร่งช่วยจว.ฝนถล่ม-น้ำท่วม

    นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 09.00 น. นายกฯ จะคอนเฟอ เรนซ์ที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ถ.งามวงศ์ วาน โดยจะมีการคอนเฟอเรนซ์ใน 2 ส่วน คือจังหวัดที่ประสบภัยแผ่นดินไหว เช่น จ.เชียงราย และน่าน และจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม เช่น จ.นครศรีธรรมราช จะมีการคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ เนื่องจากรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องดินสไลด์ เพราะมีฝนตกหนัก บางพื้นที่วัดปริมาณน้ำฝนเกือบ 300 ม.ม. ซึ่งสูงมากกว่าครั้งที่เกิดเหตุเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อถาม ว่าจำเป็นต้องอพยพคนหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า จะต้องดูในเรื่องของระบบเตือนภัย และแผนที่ทางจังหวัดมีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องประสานงานกับกรมป้องกันภัยด้วย

    นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะนำเรื่องเงินช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาท เพื่อมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งที่แล้ว รายงานต่อที่ประชุม ครม. และยังจะนำเรื่องภัยพิบัติแผ่นดินไหวเข้าหารือด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติที่เกิดในพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย

    สตูลเตือนดินถล่ม

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วันแล้ว และไม่ มีท่าทีว่าจะหยุดตก ซึ่งอาจเกิดดินถล่ม น้ำป่าไหลหลากขึ้นในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ควนกาหลง จ.สตูล นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าฯ สตูล ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ว่า จากการที่ฝนตกลงมาอย่างเนื่องติดต่อกัน ทำให้ดินอุ้มน้ำเต็มที่ และหากฝนยังตกต่อไปอีก อาจเกิดดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเชิงเขา และน้ำป่าไหลหลาก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ติดกับแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะในพื้นที่อ.ทุ่งหว้า อ.ละงู และอ.ควนกาหลง จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่าง ใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ทุกอำเภอเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่พร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และให้มิสเตอร์เตือนภัย เข้าไปสังเกตการณ์และเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีแล้ว

    พายุถล่มสวนทุเรียนตราด

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ชาวสวนทุเรียนใน ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ต้องจ้างชาวบ้านมาเก็บทุเรียนในสวน หลังเกิดพายุฝนตกลงมา 2 วันที่ผ่านมา ทำให้ ทุเรียนตกลงมาสู่พื้นจำนวนมากใน 3 หมู่ บ้านคือ หมู่ 8 หมู่ 9 และหมู่ 10 ซึ่งทั้ง 3 หมู่ มีผู้ได้รับผลกระทบ 13 ราย ทุเรียนหล่นประมาณ 20-30 ตัน พื้นที่ 90 ไร่ มูลค่าประมาณ 210,000 บาท และต้นยางพารา ประมาณ 500 ต้น

    อุตุฯเตือน 10 จว.ใต้

    เวลา 11.30 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย เรื่องสภาวะน้ำท่วมในภาคใต้ ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุม ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ต่อไปอีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนบริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ระวังอันตราย จากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 26-28 มีนาคม 2554 ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันเวลาดังกล่าวด้วย

    น้ำเขาบรรทัดทะลักตรัง

    นาย สันติ วงศ์ยงศิลป์ ผอ.แขวงการทางตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ตรวจสอบแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนน บริเวณ ต.นาบินหลา ต.บ้านควน และ ต.นาโยงใต้ หลังจากฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 4 วันที่ผ่านมา ทำให้น้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลเข้าท่วมพืชผลทางการเกษตร สวนผัก สวนยางพารา สวนปาล์ม และบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ราบลุ่ม และริมคลองนางน้อย และคลองน้ำเจ็ด

    จากนั้นไหลเข้าสู่ อ.เมืองตรัง ในเขตเทศบาลนครตรัง ท่วมถนนควนขัน-บางรัก เขตเทศบาลนครตรัง สูงประมาณ 40 ซ.ม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง คอยอำนวยความสะดวก แจ้งเส้นทางน้ำท่วมถนนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง

    อย่าง ไรก็ตามล่าสุดฝนยังคงตกในพื้นที่ จ.ตรัง อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านในพื้นที่ราบลุ่มเริ่มหวั่นวิตกว่าจะเกิดน้ำท่วมอีกครั้ง โดยจัดหาเต็นท์และอพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูง ขณะที่แขวงการทางตรังเร่งสร้างท่อลอดขนาดใหญ่หน้าวัดควนขัน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ยังไม่แล้วเสร็จ น้ำเกิดท่วมก่อน ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครตรังได้

    4 อำเภอตรังจม-น้ำสูง 1 เมตร

    สำนัก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดตรังแจ้งว่า สถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้าง จาก 2 อำเภอเป็น 4 อำเภอแล้ว คือ อ.เมือง นาโยง ห้วยยอด และวังวิเศษ รวม 10 ตำบล กว่า 30 หมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนแล้วกว่า 150 หลังคาเรือน ประมาณ 1,200 คน โดยเฉพาะที่ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง ระดับน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน สวนยางพารา และพื้นที่ทางการเกษตร เป็นบริเวณกว้าง

    ส่วนหมู่ 1-8 ต.นาโยงเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ถนนเข้าหมู่บ้านหลายสายรถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่ม และอยู่ติดลำคลอง ส่วนที่ อ.ห้วยยอด และ อ.วังวิเศษ ระดับน้ำสูง 20-60 ซ.ม. ขณะที่พื้นที่รับน้ำตอนล่างหลายตำบล ได้แก่ ต.บ้านโพธิ์ นาพละ นาบินหลา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนที่อยู่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำตรังรีบขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เพราะเกรงจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง

    ชุมพรแจ้งพ.ท.ประสบภัย

    นาย พินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าฯ ชุมพร รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชุมพร ว่า สรุปสถานการณ์หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 24-26 มี.ค.ว่า ปริมาณฝนที่ตกลงมาทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากขึ้นใน หลายพื้นที่ จึงประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย 3 อำเภอ คือ อ.เมืองชุมพร 2 ตำบล ประกอบด้วย ต.ทุ่งคา หมู่ 2, 5, 7 และ ต.ตากแดด หมู่ 1-7 อ.สวี 1 ตำบล คือ ต.เขาค่าย หมู่ 3, 6, 8, 10, 12 ส่วน อ.หลังสวน 1 ตำบล คือ ต.นาขา หมู่ 13 ซึ่งขณะนี้แต่ละอำเภอได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ออกให้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว พร้อมนำเรือท้องแบนเตรียมพร้อมอพยพชาวบ้าน แล้ว และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต<table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#e0e0e0" valign="top">[​IMG]
    1.หนีน้ำท่วม- ชาวบ้านอ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ขนข้าวของหนีน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร จากฝนตกหนักและน้ำป่าถล่ม โดยจังหวัดในภาคใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมและน้ำป่าไหลบ่า กรมอุตุฯเตือนจะมีฝนตกต่อเนื่อง

    2.พังยับ- สภาพบ้านเรือนชาวพม่า จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 40 ก.ม. ถูกแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเสียหาย ขณะที่ถนนท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง แตกเป็นทางยาว นักท่องเที่ยวไทยติดอยู่ที่เชียงตุงกว่า 50 คน

    </td></tr></tbody></table>

    ถนนเข้าสุราษฎร์ฯท่วมทุกสาย

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ ธานี มีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันมานาน 3 วันเต็ม จนถึงวันนี้ยังไม่หยุดตก โดยตกโปรย ปรายสลับกับตกหนักในบางช่วง เริ่มมีน้ำท่วมขังบ้างแล้วบนถนนหลายสายในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะถนนในหมู่บ้านการเคหะ ซึ่งเป็นชุมชนที่หนาแน่นและท่อระบายน้ำเล็ก ทำให้ระบายไม่ทัน และทำให้การจราจรติดขัดในบางช่วง ขณะที่ถนนสายหลักบริเวณถนนสายสุราษฎร์ ธานี-นครศรีธรรมราช เขต อ.กาญจนดิษฐ์ มีน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มเช่นกัน ทำให้การจราจรติดขัด นอกจากนั้นถนนหลายสายที่เข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานีมีน้ำท่วมขังเช่นกัน โดยระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 ซ.ม. ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำตาปีเริ่มสูงขึ้นขึ้น ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้ย้ำเตือนให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มต่อ เนื่อง แม้ว่ายังไม่มีรายงานเรื่องดินถล่มก็ตาม

    เมืองคอนน้ำสูง 2 เมตร

    ส่วน ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวราย งานว่า ฝนยังตกต่อเนื่องตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดอุทกภัยอย่างหนักใน 12 อำเภอ โดยเฉพาะในตัวเมืองนครศรีธรรมราช น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ในหลายชุมชน เช่น ชุมชนบ้านเอื้ออาทร ชุมชนบ่อทรัพย์ เทวบุรี ท่าโพธิ์ ประตูขาว มุมป้อม ป้อมเพชร หลังบขส. รวมแพทย์ หลังสถานีรถไฟ เป็นต้น โดยนายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนไปอาศัยยังตึกของ โรงเรียนเทศบาลต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ใกล้กับชุมชน และเข้าตรวจสอบพื้นที่อพยพคนที่ติดอยู่ในบ้านจำนวนมากอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากไม่คาดว่าน้ำจะท่วมอย่างหนักในช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน และปริมาณน้ำที่ท่วมนั้นมากกว่าฤดูน้ำหลากช่วงปลายปีที่ผ่านมา

    ส่วน การจราจรในตัวเมืองเป็นไปด้วยความ ยากลำบาก ขณะเดียวกันตลาดรวมพืชพลหัวอิฐ ซึ่งเป็นแหล่งค้าส่งพืชผักผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ น้ำทะลักเข้าท่วมสูงเกือบ 2 เมตร รถที่บรรทุกผักผลไม้ติดค้างเสียหายจำนวนมาก ส่วนพืชผักผลไม้ที่สามารถเคลื่อนย้ายออกมาได้ต่างนำมากองริมถนนจำหน่ายใน ราคาถูก

    ช่วย 3 แม่เฒ่าหนีน้ำกลางดึก

    นอกจากนี้เมื่อ คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครนครศรีธรรมราช นำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือ 3 หญิงชรา คือ นางถวิล ช่วยแก้ว อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 935/15 ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นางสวยด๊ะ ไฟพฤกษ์ อายุ 69 ปี และนางสวยม๊ะ ไฟพฤกษ์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 939/1 ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ติดอยู่ภายในบ้าน ริมทางรถไฟ ต.โพธิ์เสด็จ หลังปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่ยืนรอลุ้นอยู่บนรางรถไฟ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถช่วยเหลือหญิงชราทั้ง 3 คนออกมาจากบ้านอย่างปลอดภัย

    น้ำป่าทะลักย้ายคนไข้หนีวุ่น

    ส่วน ในอำเภอต่างๆ เช่น อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมู่ 5 ต.กะหรอ น้ำป่าทะลักลงจากแนวเทือกเขาหลวง เข้าท่วมอย่างหนัก มีบ้านเรือนจมน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านต้องขึ้นไปอาศัยชั่วคราวบนหลังคาบ้าน เจ้าหน้าที่กำลังให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เช่นเดียวกับที่ อ.ท่าศาลา ร.พ.ท่าศาลา ระดับสูงเกือบ 1 เมตร ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าไปขนย้ายคนไข้และสิ่งของออกจากโรงพยายาบาล มีคนไข้ฉุกเฉินบางคนต้องรักษากลางน้ำ ส่วนคนไข้อื่นๆ ที่อาการไม่หนักต้องย้ายไปรักษาที่ร.พ.สิชล และร.พ.มหาราชนครศรี ธรรมราช เนื่องจากน้ำทะลักเข้าท่วมอาคารโรงพยาบาล ระบบไฟฟ้าและเครื่องมือแพทย์เสียหายบางส่วน ขณะเดียวกันบริเวณริมคลองกลาย ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งติดค้างอยู่บนต้นไม้เนื่อง จากถูกน้ำป่าซัด อยู่ในระหว่างการให้การช่วยเหลือยังไม่ทราบชะตากรรม

    ภูเขาถล่มทับกุฏิพระดับ 2

    ด้าน อ.ขนอม พ.ต.อ.พิรุณ กลัดทอง ผกก.สภ.ขนอม รับแจ้งเหตุภูเขาถล่มดินและก้อนหินภูเขาสไลด์ลงมาทับกุฏิสำนักสงฆ์เชิงเขาใน เพรา หมู่ 8 ต.ขนอม หายไปทั้งหลัง พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ 2 รูป ถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังตามหา ก่อนจะพบกลายเป็นศพอยู่ในคลองขนอม ห่างจากสำนักสงฆ์ประมาณ 5 ก.ม. โดยมีซากไม้ที่ถูกน้ำพัดมาทับถมร่างไว้ ทราบชื่อ พระประภัทรกร กโฆษวโร อายุ 52 ปี ส่วนพระ อภิชาติ คุ้มประดิษฐ์ อายุ 36 ปี ถูกน้ำซัดไปไกลและพบศพเวลาประมาณ 15.00 น.

    นายพลากร บุญประคอง นายอำเภอขนอม เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย ขณะนี้ได้อพยพคนที่อยู่บริเวณดังกล่าว 50 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่แล้ว

    สลดแม่เฒ่าจมน้ำดับคาบ้าน

    ที่ อ.สิชล วันเดียวกัน เวลา 04.00 น. พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สภ.สิชล รับแจ้งมียายหลานติดอยู่ในบ้าน ที่บ้านนาลึก หมู่ 2 ต.สิชล จึงพร้อมกำลังหน่วยกู้ภัยฯ เข้า ไปช่วยเหลือท่ามกลางกระแสน้ำป่าที่ไหลทะลักจากเทือกเขานัน พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างพบศพนางนอง พรหมจิตร อายุ 85 ปี เจ้า ของบ้านจมน้ำตาย สอบสวนทราบว่าตามปกตินางนองจะนอนอยู่ชั้นล่างของบ้าน ส่วนหลานชายนอนอยู่ในห้องชั้น 2 และเกิดมีน้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านอย่างกะทันหัน นางนองกำลังนอนหลับจึงจมน้ำตายอนาถดังกล่าว

    ขณะที่ ต.กลาย ต.สระแก้ว และ ต.ตลิ่ง ชัน อ.ท่าศาลา เสาไฟฟ้าล้มทำให้ไฟฟ้าดับมืดมิดไปทั่ว โดยชาวบ้าน 4-5 คน ที่นำวัวไปเลี้ยงที่ริมคลองกลาย ท้องที่หมู่ 2 ต.ตลิ่งชัน น้ำป่าไหลทะลักจากเทือกเขาหลวง-เขานัน โดยน้ำไหลรุนแรงมากทำให้ต้องหนีตายขึ้นไปอยู่บนต้นไม้หลายชั่วโมง ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้นำเรือท้องแบนฝ่าเกลียวคลื่นไปช่วยออกมาได้อย่าง ปลอดภัย

    ที่ ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร ซึ่งเป็นถนนเลียบชายทะล มีคลื่นลมแรงและเกิดต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาทับรถยนต์กระบะ ซึ่งมีคนนั่งอยู่ด้านใน 2 คน พังเสียหายทั้งคัน นางจินตนา เหมทานนท์ อายุ 43 ปี ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกต้นไม้ฟาดเข้าที่หลัง ชาวบ้านมาช่วยกันนำส่งร.พ. มหาราชแล้ว

    รถไฟนครศรีฯหยุดชะงัก

    นาย คเณศวร์ คงหอม รักษาการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวมีร่องทางถล่มกว้างประมาณ 250 เมตร ยาวหลายก.ม.ยังไม่ได้มีการสำรวจอย่างแน่ชัด ส่วนภาพรวมทั้งจังหวัดนั้นวิกฤตในหลายอำเภอตลอดฝั่งตะวันออกของเทือกเขาหลวง และยังมีฝั่งตะวันตกของเทือกเขาหลวงในอีกหลายอำเภอ

    ด้านนายไสลเดช แสงพยัคฆ์ นายสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ประกาศว่า รถไฟทุกขบวนได้หยุดเดินรถมาตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องน้ำท่วมรางรถไฟบริเวณสถานีรถไฟบ้านโคกคราม ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ ระยะกว่า 2 ก.ม. รถไฟขบวนโดยสารสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ จัดส่งผู้โดยสารให้ไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงจะเดินรถได้

    นอก จากนี้ถนนพาดรางรถไฟศาลาหมอปาน ถ.เทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ ไปถึงสะพานท่าเรียน ระยะทาง 500 เมตร ถูกน้ำท่วมรางทำให้รถไฟไม่สามารถแล่นได้ ล่าสุดยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บ้านเขาฝ้าย อ.สิชล ระดับน้ำที่ท่วมถนนระยะทางกว่า 2 ก.ม. และเชี่ยวกรากพัดรถยนต์ที่ขับมาจมหายไปหลายคัน

    ประกาศภัยพิบัติ 20 อำเภอ

    นาย ธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าฯ นครศรีธรรม ราช กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรี ธรรมราช เข้าขั้นวิกฤตแล้วโดยมี 20 อำเภอที่ประสบภัยพิบัติ คือ ร่อนพิบูลย์ ลานสกา พิปูน จุฬาภรณ์ พระพรหม เมืองนครฯ เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร ชะอวด นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา สิชล ถ้ำพรรณรา ขนอม ฉวาง ช้างกลาง เชียรใหญ่ มีพื้นที่ประสบภัยรวม 20 อำเภอ 92 ตำบล 497 หมู่บ้าน 27,315 ครัวเรือน 61,568 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3 หลัง พื้นที่การ เกษตรเสียหาย 16,600 ไร่ ถนนเสียหาย 297 สาย และอยู่ระหว่างสำรวจเพิ่มเติม

    ด้าน ปภ.นำเรือท้องแบนออกช่วยเหลือประชาชน 21 ลำ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี สนับสนุนช่วยเหลือ 14 ลำ กองร้อย ตชด.42 จำนวน 15 นาย นำเรือพร้อมเครื่องยนต์ 1 ลำ สถานีกาชาดสิรินธรนำเรือออกช่วยประชาชน 2 ลำ และได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครเตือนภัย มิสเตอร์เตือนภัยประจำหมู่บ้าน อปพร. และ OTOS เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว

    พัทลุงจมกว่า 3 หมื่นหลัง

    ผู้ สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจาก จ.พัทลุง ว่า ล่าสุดยังคงมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่และขยายวงกว้างเพิ่มเติมเป็น 8 อำเภอ คือ อ.เมืองพัทลุง ควนขนุน กงหรา ศรี นครินทร์ ป่าพะยอม เขาชัยสน ศรีบรรพต และบางแก้ว 40 ตำบล 335 หมู่บ้าน 45 ชุมชน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 38,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกท่วม 60,000 ไร่

    ส่วนน้ำป่าจาก เทือกเขาบรรทัดไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.โคกชะงาย ต.เขาเจียก ต.ปรางหมู่ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ ต.ควนมะพร้าว และ ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง สูงขึ้น ถนนเชื่อมต่อระหว่างตำบลหมู่บ้านยังจมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านต้องใช้เรือเข้าออกระหว่างหมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ชัยบุรี ต.พญาขัน ซึ่งเป็นพื้นที่ทำนาข้าว ริมทะเลสาบ ต้นข้าวที่หว่านใหม่ๆ ก็ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันมา 3 วัน

    ส่วนที่บ้านท่าสำเภาใต้ ท่าสำเภาเหนือ ต.ชัยบุรี เกษตรกรใช้พื้นที่ปลูกพืชหลังทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ต้นพริกขี้หนูและพืชผักอื่นๆ ที่ปลูกใหม่ประมาณ 400 ไร่ ก็ถูกน้ำท่วม ต้นพริกที่เพิ่งปลูกจมน้ำเสียหายประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์

    ด้าน นายนิคม เยาว์นุ่น กำนันตำบลชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ระดับน้ำสูงกว่าน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา พื้นที่ 13 หมู่บ้านมีน้ำท่วมบ้านเรือนสูง 1 เมตร พื้นที่นาข้าว แปลงปลูกผัก พริกขี้หนูซึ่งเป็นรายได้เสริมของชาวบ้าน มีน้ำท่วมขังทั้งตำบล ได้นำเรือท้องแบน 5 ลำไปช่วยเหลือประชาชนเป็น การเร่งด่วนแล้ว

    ประกาศภัยพิบัติ 8 อำเภอ

    นาย พิสิษฐ บุญช่วง ผู้ว่าฯ พัทลุง ประ กาศเขตภัยพิบัติแล้ว 8 อำเภอ คือ อ.เมืองพัทลุง ควนขนุน กงหรา ศรีนครินทร์ ป่าพะยอม เขาชัยสน ศรีบรรพต และบางแก้ว พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทุกอำเภอที่ประกาศเขตภัยพิบัติ ให้เจ้าหน้าที่เร่งนำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ออกช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน

    ด้านธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนัก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ในขณะนี้ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค 250 ชุด ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่ 5 ต.ปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง แล้ว พร้อมส่งเรือท้องแบนอีก 19 ลำให้กับพื้นที่ อ.เมือง 10 ลำ เขาชัยสน 5 ลำ และบางแก้วอีก 4 ลำ เพื่อเตรียมพร้อมอพยพชาวบ้านและให้ชาวบ้านใช้สัญจร

    นาย สุรศักดิ์ คันธา ผอ.สำนักงานโครงการชลประทาน จ.พัทลุง รายงานว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่ง ในพื้นที่พัทลุงซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด คืออ่างเก็บน้ำป่าบอนและอ่างเก็บน้ำป่าพะยอม ยังสามารถรับน้ำได้และระบายน้ำออกตามปกติ ขอให้ประชาชนอย่าแตกตื่นเรื่องอ่างเก็บน้ำพังทลาย

    น้ำทะลักเข้าสุราษฎร์ฯ

    วัน เดียวกัน เวลา 05.00 น. ที่จ.สุราษฎร์ ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่หลายอำเภอ ประกอบกับมีน้ำป่าไหลหลากจาก จ.นครศรีธรรมราช ลงมาสมทบ ทำให้อ.กาญจนดิษฐ์ มีน้ำท่วม 5 ตำบล 5 หมู่บ้าน ถนนทางหลวงหมายเลข 401 สุราษฎร์ฯ-นครศรีฯ ตั้งแต่หน้าวิทยาลัย เทคนิคสุราษฎร์ธานี 2 ต.ท่าอุแท อ.กาญจน ดิษฐ์ ถึงสี่แยกแยกบ้านใน ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก ระยะทางประมาณ 10 ก.ม. มีน้ำท่วมสูง 40 ซ.ม. ต้องปิดเส้นทางขาเข้า อ.กาญจนดิษฐ์ และเส้นทางขาออกรถยนต์เล็กผ่านลำบากมีรถจอดเสียกลางทางหลายคัน โดยระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะในขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

    ช่วยช้างพ้นน้ำ

    ส่วน ที่ ต.ป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ น้ำป่าเอ่อล้นคลองสวาทเข้าท่วมหมู่บ้านเกือบทั้งตำบล ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาดหลายจุด ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งเข้าช่วยเหลือช้าง ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ โดยนำไปล่ามไว้ที่ริมคลองสวาท หมู่ 2 ต.ป่าร่อน ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องดำน้ำใช้คีมตัดโซ่ช่วยไว้ได้ทัน และที่ต.ช้างซ้าย หมู่ 9 บ้านคลองฮาย มีเด็กตกน้ำในท้องร่องสูงกว่า 1 เมตร ถูกกระแสน้ำพัดไปติดบนต้นไม้ชาวบ้านเข้าช่วยเหลือปลอดภัย

    ขณะที่ ต.กรูด อ.กาญจนดิษฐ์ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากต.ป่าร่อน ถูกน้ำท่วมทั้งตำบลเช่นกัน เจ้าหน้าที่ต้องช่วยอพยพชาวบ้าน ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ ริมถนนสายเซาเทิร์นซีบอร์ดถูกน้ำท่วมกว่า 30 หลังคาเรือน

    พายุถล่มเฟอร์รี่สมุยหยุด

    อ.ดอน สัก มีน้ำท่วม 4 ตำบล 14 หมู่บ้าน ถนนสายสามแยกบ้านใน-ดอนสัก ที่บ้านควนดินแดง หมู่ 15 ต.ปากแแพรก น้ำท่วมสูงกว่า 60 เมตร รถยนต์ทุกชนิดผ่านไม่ได้ ทำให้รถโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยว อ.เกาะ สมุย และอ.เกาะพะงัน จากท่าเรือเฟอร์รี่ จะเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทาง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช แทน ซึ่งช่วงบ่ายเรือเฟอร์รี่ของซีทรานเฟอร์รี่และราชาเฟอร์รี่ต้องหยุดการเดิน เรือเป็นระยะ เนื่องจากมีพายุฝนตกหนัก

    ข่าวแจ้งว่า ที่ท่าเรือเทศบาลนครสุราษฎร์ ธานี เรือโดยสารกลางคืน (เรือนอน) เส้นทางบ้านดอน-เกาะสมุย-เกาะพะงัน-เกาะเต่า ซึ่งออกเดินทางเวลา 23.00 น. ได้ประกาศหยุดการเดินเรือจนกว่าสถานการณ์จะปลอดภัย

    นายประเสริฐ จิตมุ่ง นายอำเภอดอนสัก กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์น้ำท่วมผิดฤดู เพราะพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในเขตภัยแล้ง โดยเฉพาะที่บ้านควนดินแดง หมู่ 15 ต.ปากแแพรก ไม่เคยน้ำท่วมสูงมาก่อนในรอบหลายสิบปี และน่าเป็นห่วงที่ต.ชลคราม และไชยคราม มี 11 หมู่บ้าน ที่เป็นเส้นทางน้ำท่วมไหลผ่านลงทะเล

    อ.บ้านนาเดิม มีน้ำไหลล้นเข้าท่วมย่านชุมชนและตลาดในเขตเทศบาล ต.บ้านนา สะพานทางเข้าหมู่บ้านขาด นายมนตรี เพชรขุ้ม นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี นำเครื่องจักรกลเข้าไปช่วย นอกจากนี้ ที่อ.ไชยา น้ำท่วม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน และอ.เวียงสระ น้ำท่วม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน

    จม 4 อำเภอ-เตือนดินถล่ม

    นาย ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ ธานี กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้มีน้ำท่วมพื้นที่ใน 4 อำเภอ 12 ตำบล จำนวน 24 หมู่บ้านแล้ว ประกอบด้วย อ.ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ ไชยา เวียงสระ โดยทางจังหวัดได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง

    อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลากและคลื่นลมแรง พร้อม ทั้งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดช่วยเหลือประชาชน

    ลาวอีกดินไหว 4.8 ริกเตอร์

    สำนัก สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลาง ขนาด 4.8 ริกเตอร์ ในประเทศลาว เมื่อเวลา 12.57 น. ตามเวลาประเทศไทย ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจาก จ.เชียงราย ไปทางเหนือราว 102 ก.ม. และห่างจากกรุงเทพฯ 782 ก.ม. ลึกลงไปใต้ดินเพียง 10.2 ก.ม. แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงมณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของจีน แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายในประเทศลาว เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในรอบไม่ถึง 3 วัน หลังจากมีแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า ขนาด 6.8 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 75 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 111 ราย

    นอก จากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหว จ.เชียงใหม่ ตรวจวัดการเกิดแผ่นดินใหวในพม่าได้ถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค เวลา 20.55 น. เวลา 21.23 น. เวลา 22.54 น. เช้าวันที่ 25 มี.ค เวลา 07.22 น. ล่าสุดเมื่อเวลา 12.57 น. วันที่ 26 มี.ค. วัดได้จุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศลาว ห่างจากเชียงรายวัดได้ 4.8 ริกเตอร์

    อาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง

    รายงาน ข่าวจากจ.เชียงราย ว่า หลังจากเกิด แผ่นดินไหวรุนแรง จนเกิดบ้านเรือนราษฎรพังได้รับความเสียหาย ตั้งแต่คืนวันที่ 25 ม.ค เป็นต้นมา หลังจากนั้นได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะเช้าวันที่ 26 มี.ค เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นสามารถรู้สึกได้ทั่วไป ส่งผลให้ประชาชนแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ต่อมาเวลาประมา 13.00 น. เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาอีก 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 10-30 วินาที แต่ไม่รุนแรงเท่าไหร่นัก ซึ่งการสั่นสะเทือนทั้งสองครั้งนี้ มีเพียงทำให้กระจกหน้าต่าง โคมไฟ แกว่งไปมาเท่านั้น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เฝ้าระวังและติดตามข่าวสาร เพราะยังวิตกกังวลอยู่

    ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนบางส่วนออกมาจับจ่ายซื้ออาหารแห้ง อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม เครื่องนอน และเงินสดเก็บตุนไว้ในรถยนต์ส่วนตัว โดยให้เหตุผลว่า หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจะอพยพได้อย่างทันท่วงที

    ถนน-สะพานอาร์สามเอขาด

    ผู้ สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงราย ว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหววันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดผลกระทบจากเหตุดังกล่าวยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝั่งประเทศพม่า พบว่าที่เขตชุมชนของเมืองเลนและเมืองพยาก ได้รับผลกระทบมากที่สุด บ้านเรือนพังเสียหายหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บไม่สามารถเดินทางมารักษาตัวฝั่งไทยได้ เนื่องจากถนนและสะพานถูกตัดขาด

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ถนนและสะพานที่ถูกตัดขาดในพม่าดังกล่าว อยู่ที่หมู่บ้านผาเดื่อ จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากชายแดนไปทางทิศเหนือประมาณ 40 ก.ม. โดยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวพม่าและชาวไทยใหญ่ และเป็นชุมชนตลาด จุดพักรถ หากมีการเดินทางไปมาระหว่างจ.ท่าขี้เหล็ก กับเมืองเชียงตุง ศูนย์กลางของรัฐฉานในพม่า โดยคอสะพานซึ่งกั้นแม่น้ำรวก แม่น้ำสายใหญ่และสายหลักของบริเวณดังกล่าวถูกตัดขาดออกจากพื้นและผิวถนน บริเวณดังกล่าวแตกเป็นทางแยกยาว ลึกกว่า 1-2 เมตร และแยกกว้างกว่า 1 ฟุต ขณะที่บ้านเรือนพังลงมาหลายหลัง ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แม้ว่าชาวพม่าจะนำกระสอบทรายมาวางที่คอสะพาน แต่ก็ใช้สัญจรได้เฉพาะรถจักรยานยนต์และมีความเสี่ยงต่อการพังของสะพานอย่าง มาก

    ทำพม่าเดือดร้อนหนัก

    นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าอ.แม่สาย กล่าวว่า ถนนสายที่ตัดขาดดังกล่าวคือ ถนนอาร์สามเอใช้เชื่อมไทย-พม่า-จีนตอนใต้ จึงเป็นถนนสายหลักในพม่า การที่เกิดสะพานและถนนเสียหายดังกล่าว ทำให้ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมในพม่าอย่างหนัก โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าอุปโภคบริโภคจากฝั่งไทย ตนยังไม่แน่ใจว่าการซ่อมแซมสะพานจะทำได้เร็วเหมือนในฝั่งไทยหรือไม่ โดยหากล่าช้าออกไปส่งผลกระทบหนักมากขึ้น

    ทัวร์ไทย 50 คนตกค้าง

    แหล่ง ข่าวจากผู้ประกอบการไทยที่นำเที่ยวหรือทัวร์ในพม่า เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ทำให้กรุ๊ปทัวร์คนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวตาม ถ.อาร์สามเอ ประมาณ 50 คน ตกค้างในพม่า โดยเดินทางไปกับรถตู้นำเที่ยวของพม่า 5 คัน ซึ่งหลังจากสะพานและถนนถูกตัดขาดทำให้ทั้งหมดต้องพักอยู่ที่เมืองเชียงตุง ศูนย์กลางของรัฐฉาน ติดถนนอาร์สามเอห่างจากชายแดน อ.แม่สาย ไปทางทิศเหนือประมาณ 168 ก.ม. เพื่อหาทางเดินทางกลับมาต่อไป ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะไม่ใช่ฤดูน้ำหลาก อาจใช้เรือหรือวิธีอื่นๆ เพื่อลำเลียงนักท่องเที่ยวกลับได้ตามเวลา

    อย่างไรก็ตาม สำหรับกรุ๊ปทัวร์ใหม่ ที่เตรียมจะเดินทางเข้าไปเที่ยวในพม่าพบว่า มีการยกเลิกทัวร์ไปแล้ว 500 คน เฉพาะเอกชนรายใหญ่รายหนึ่งที่ชายแดนแม่สาย ยกเลิกไปแล้ว 5 คันรถตู้ หรือประมาณ 200 คน จนกว่าการก่อสร้างสะพานและถนนในพม่าจะแล้วเสร็จ

    วธ.รุดตรวจพระธาตุหัก

    วัน เดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ร่วมกับผู้บริหารสำนักศิลปากร ภาค 8 เดินทางไปตรวจดูความเสียหายของโบราณสถานหลายแห่งในเขตเมืองประวัติศาสตร์ เชียงแสน โดยเฉพาะที่พระธาตุเจดีย์หลวง ต.เวียง ซึ่งยอดเจดีย์ยาวกว่า 7 เมตร ได้หักลงมากระทบกับเจดีย์บริวารจนแตกหักและองค์เจดีย์สูง 88 เมตร ฐานกว้าง 24 เมตรก็ร้าว ยอดเอียงและมีอิฐหลุดออกเป็นโพรงกว้าง ขณะที่พระธาตุจอมกิตติ ยอดฉัตรเอียงประมาณ 35 องศา ฯลฯ ซึ่งนายนิพิฏฐ์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสรุปข้อมูล เพื่อจะตั้งงบประมาณเพื่อการบูรณะต่อไป

    ด้านนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าฯ เชียงราย และทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย รวบรวมความเสียหายของถนน ลำคลอง สถานที่ราชการ ฯลฯ เพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปดูแลตามขั้นตอน และปัจจุบันความตื่นตระหนกและผลกระทบได้เริ่มลดลงตามลำดับแล้ว

    เร่งสำรวจเจ้าตนหลวง

    พระ ศรีสุทธิเวที รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา เปิดเผยว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมา พบมีรอยร้าวบางแห่งที่ศอกด้านขวาของพระเจ้าตนหลวง พระประธาน ของวัดศรีโคมคำ เบื้องต้นพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เจ้าอาวาส จะทำหนังสือแจ้งไปยังนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าฯ พะเยา ในวันที่ 27 มี.ค. เพื่อขอให้ประสานงานไปยังกรมศิลปากร จัดส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจและซ่อมแซมหรือบูรณะองค์พระเจ้าตนหลวงตามขั้นตอน ต่อไป

    "หลังจากมีข่าวว่าพระประธานมีรอยร้าวบางแห่ง มีผู้ใจบุญที่กรุงเทพฯ แสดงความจำนงขอสนับสนุนงบประมาณ ในการซ่อมบำรุงหรือบูรณะองค์พระเจ้าตนหลวง ทางวัดจึงต้องร้องขอความร่วมมือจากกรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้รู้ด้านการบูรณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ ดำเนินการสำรวจและประมาณการอย่างถูกต้องก่อน" รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยากล่าว

    ด้าน นายนพดล ภู่ชัย หัวหน้าหอจดหมาย เหตุเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจรอยร้าวที่พระเจ้าตนหลวง คาดว่าวันที่ 27 มี.ค. จะส่งข้อมูลให้กับกรมศิลปากร เพื่อประมาณการและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจาก องค์พระเจ้าตนหลวงมีอายุการก่อสร้างมายาว นานกว่า 500 ปี บางจุดพบว่าทองที่ลงไปกับองค์พระเจ้าตนหลวงอาจจะนูนขึ้นมา จึงต้องสำรวจและประมาณการรายละเอียดว่า จะซ่อมหรือบูรณะเฉพาะจุดรอยร้าว หรืออาจจะต้องทำทั้งองค์ แต่อาจจะใช้งบประมาณมากพอสมควร ซึ่งเมื่อมีภาคเอกชนที่ประสงค์ จะสนับสนุนงบประมาณถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

    ไทยช่วยดินไหวพม่า 3 ล้าน

    วัน เดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศออกประกาศข้อความสารแสดงความเสียใจทางเว็บไซต์ กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพม่าเมื่อเวลา 20.55 น. วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา มีจุดศูนย์กลางที่เมืองลอย มเว รัฐฉาน ทางตอนเหนือของพม่า และส่งผลให้เกิดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงสร้างความเสียหายจำนวนมากนั้น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีข้อความสารแสดงความเสียใจถึงนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ของพม่าตามลำดับ นอกจากนี้รัฐบาลไทยได้ประกาศให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่พม่าเนื่องใน เหตุการณ์ดังกล่าว 3 ล้านบาท โดยเอกอัครราชทูตไทยประจำนครย่างกุ้งอยู่ระหว่างการสอบถามฝ่ายพม่าเกี่ยวกับ ความช่วยเหลือที่ฝ่ายพม่าต้องการเพิ่มเติม

    ชี้ดินไหวไม่กระทบกรุง

    วัน เดียวกัน เวลา 11.30 น. วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) แถลงข่าวเรื่อง "แผ่นดินไหวประเทศพม่า มีผลต่ออาคารประเทศไทยหรือไม่ และควรรับมืออย่างไร" ในงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2554 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา โดยมี ดร. หรรษา วัฒนานุกิจ อุปนายก วสท., นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการ วสท., ดร.ธีรธร ธาราไชย ประธานคณะกรรมการประชา สัมพันธ์ ดร.อมร พิมานมาศ ประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมโครงสร้างและสะพาน ดร.อาณัติ เรืองรัศมี อนุกรรมการผลกระทบจากแผ่นดินไหวและแรงลม และนายจักรพันธ์ ภวังค์คะรัตน์ ประธานกรรมการสาขาวิศว กรรมเครื่องกล

    ดร.อมร กล่าวว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ติดต่อกันหลายครั้ง ตั้งแต่ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมืองเซนได จ.มิยากิ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น และเมืองตาปิง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ส่งผลให้มีผู้กังวลว่าเกิดขึ้นถี่ผิดปกติหรือไม่ จากการตรวจสอบสถิติที่ผ่านมาพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะที่ส่งผลถึงประเทศไทย คือจ.ท่าขี้เหล็ก เพราะเป็นบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ริกเตอร์อย่างต่อเนื่องตลอดมา

    และ ครั้งนี้แม้จะส่งผลสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ แต่ไม่มีผลทำให้อาคารสูงเสียหายแต่อย่างใด แม้เมื่อครั้งแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ บริเวณหัวเกาะสุมาตรา ประเทศ อินโดนีเซีย เมื่อปลายปี 2547 ที่มีความรุนแรงมากกว่าครั้งนี้หลายเท่ายังไม่ทำให้อาคารเสียหายร้ายแรง เนื่องจากมีระยะทางไกลกันมาก แต่เนื่องจากกรุงเทพฯ มีพื้นเป็นดินเหนียวส่งผลให้มีความอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือน

    ห่วงฝั่งตะวันตกมากกว่า

    ดร.อมร กล่าวอีกว่า จุดที่น่ากังวลและเป็นจุดเสี่ยงสำหรับอาคารในกรุงเทพฯ มากกว่า คือ รอยเลื่อนด้านทิศตะวันตก เช่น รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ ที่เชื่อมต่อกับรอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่า เพราะเคยมีแผ่นดินไหวขนาด 5-7 ริกเตอร์มาแล้วในอดีต ที่สำคัญคืออยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 ก.ม.เท่านั้น ดังนั้น อาคารในกรุงเทพฯ ต้องเตรียมความพร้อมให้ดี อาคารที่ก่อสร้างใหม่ควรทำตามกฎกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 และควรออกแบบให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวตามมาตรฐานการออกแบบอาคาร ต้านการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือ เจ้าหน้าที่รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

    แนะสร้างอาคารให้ถูกหลัก

    "อาคาร ใหม่ที่กำลังจะก่อสร้าง ควรเน้นการใส่ปลอกเหล็กในเสาให้สูงและถี่ เพื่อเพิ่มความเหนียวให้อาคารโยนตัวไปมาได้มากขึ้น หากเป็นอาคารที่สร้างเสร็จแล้วควรเสริมกำลังเสาด้วยการใช้แผ่นคาร์บอนไฟ เบอร์หุ้ม หรือใช้วิธีโฟโรซีเมนต์ ด้วยการทำปลอกเหล็กหุ้มเสาพันด้วยลวดกรงไก่ และฉาบปูนทับอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเพิ่มความเหนียวให้ตัวอาคาร เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพได้รับการพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการทดสอบมาแล้ว สำหรับอาคารที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ตึกแถว เพราะการก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน บ้านสำเร็จ รูปที่มีจุดอ่อนที่รอยต่อต่างๆ และอาคารที่สูง 10-15 ชั้น เนื่องจากมีการแกว่งตัวที่เข้ากับจังหวะการขยับตัวของแผ่นดินไหว ส่วนอาคารสูงไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากมีมาตรฐานการก่อสร้างที่สูงมาก นอกจากอาคารที่มีลูกเล่นมากๆ มีส่วนยื่น ส่วนเว้าบริเวณตัวอาคาร อาจมีผลกระทบจากแผ่นดินไหวมากกว่า แต่หากเกิดแผ่นดินไหวบริเวณรอยเลื่อนในภาคตะวันตกของไทยจริงต้องมีความแรง ตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไปถึงจะสร้างความเสียหายให้ กรุงเทพฯ ได้" ดร.อมรกล่าว

    เน้นระบบป้องกัน 7 ข้อ

    ด้านนายจักรพันธ์ กล่าวถึงการตรวจสภาพ อาคารหลังเกิดแผ่นดินไหวว่า วิศวกรและผู้บริหารอาคารต้องตรวจสอบ 7 ข้อต่อไปนี้ คือ 1.ลิฟต์โดยสาร เพราะเป็นสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในอาคาร หากระบบรางบิดอาจเกิดการติดค้างได้ แต่ไม่มีทางที่ลิฟต์จะร่วงหล่น เพราะมีระบบสายสะลิงหลายชั้น และไม่ควรใช้ลิฟต์ในการอพยพ ควรใช้บันไดหนีไฟเท่านั้น 2.ท่อน้ำ ทั้งท่อประปา ท่อน้ำดับเพลิง ท่อน้ำระบบระบายอากาศ ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ เนื่องจากอาคารอาจเกิดความเสียหายจากน้ำที่รั่วออกมา 3.ท่อก๊าซหุงต้ม ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ 4.น้ำประปาบนชั้นหลังคาหรือกึ่งกลางอาคารว่ามีความเสียหายหรือไม่ 5.สายไฟฟ้าและตัวนำไฟฟ้าแนวดิ่ง ต้องตรวจสอบทุกห้องไฟฟ้าประจำชั้นว่ามีการลัดวงจรหรือกลิ่นไหม้ มีความร้อน หรือสิ่งผิดปกติหรือไม่ 6.ท่อระบายความร้อน ตรวจสอบความเสียหาย ความแข็งแรง การแตกร้าว ยึดติดกับฐานมั่นคงหรือไม่ สุดท้าย 7.สิ่งของที่ร่วงหล่นจากอาคาร เช่น เครื่องปรับอากาศ กระถางต้นไม้ วัสดุอาคาร

    ระบบฉุกเฉินต้องพร้อม

    "ส่วนประชาชนที่จะ เข้าไปใช้อาคารสามารถตรวจสอบความปลอดภัยเบื้องต้นได้ดังนี้ 1.บันไดหนีไฟ ต้องมีป้ายบอกทางที่ชัดเจน ประตูต้องเปิดเข้าได้ตลอดเวลา ไม่มีสิ่งกีดขวางบนบันได และมีแสงสว่างที่เพียงพอ ต้องมีแสงสว่างจากไฟฉุกเฉิน เมื่อถึงชั้นล่างแล้วประตูต้องเปิดออกสู่ภายนอกได้ทันที 2.ไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ต้องทำงานภายใน 10 วินาที หลังจากมีการตัดไฟ โดยจ่ายไฟฟ้าไปยังไฟส่องสว่างในตัวอาคารและบันไดหนีไฟ 3.มีหัวสปริงเกลอร์ดับเพลิงในอาคาร 4.ต้องมีระบบแจ้งสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินที่ใช้งานได้จริง จากการตรวจสอบอาคารกว่าครึ่งในกรุงเทพฯ ระบบสัญญาณฉุกเฉินใช้งาน ไม่ได้ หรือไม่ได้รับการดูแลรักษา สุดท้าย 5.ต้องมีหนังสือรับรองการตรวจสอบอาคารประจำปีที่ออกโดยเจ้าพนักงานท้องถิ่น เช่น กทม. หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เท่าที่ตรวจสอบ มีอาคารจำนวนมากใน กรุงเทพฯ ที่ไม่ผ่านการรับรองนี้" นายจักรพันธ์กล่าว

    สุด ท้ายนายธเนศแจ้งว่า วสท.พร้อมให้ความช่วยเหลือในการส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบอาคารทุกแห่งที่กังวล เรื่องโครงสร้าง ติดต่อได้ที่โทร.0-2319-2208-10 ต่อ 205 จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเบื้องต้น หรือทำหนังสือให้ช่วยเข้าตรวจสอบอาคารอย่างเป็นทางการที่วสท. หรือผ่านกทม.ได้ตลอดเวลา

    ญี่ปุ่นเร่งสูบน้ำเปื้อนรังสีทิ้ง

    สำหรับ สถานการณ์สารกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ จ.ฟูกูชิมะ รั่วไหลนั้น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สำนักงานความปลอดภัยอุตสาหกรรมและนิวเคลียร์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญเพื่อกู้วิกฤตที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะขณะนี้ คือ วิศวกรกำลังเร่งสูบน้ำปนเปื้อนรังสีที่สะสมอยู่ในอาคารกังหันลมที่เชื่อมกับ เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูหมายเลข 3 ออกทิ้ง หลังจากตรวจพบปริมาณรังสีสูงกว่าระดับปกติถึง 10,000 เท่า จนทำให้เกิดความวิตกว่าเตาปฏิกรณ์อาจได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน โดยการสูบน้ำทิ้งจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้หลุดเข้าสู่สิ่ง แวดล้อม ส่วนอุณหภูมิและแรงดันของเครื่องปฏิกรณ์ทั้งหมดยังอยู่ในระดับทรงตัว ไม่สูงขึ้นหรือลดลง

    สำหรับเจ้าหน้าที่ 3 คนที่ได้รับรังสีเกินมาตรฐานและต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน นั้น ไม่มีอาการน่าเป็นห่วงและจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันจันทร์ โดยอาการที่เกิดขึ้นคือที่เท้าเป็นแผลพองเนื่องจากต้องยืนแช่น้ำทำงานเป็น เวลา 2 ชั่วโมงทำให้ได้รับรังสีซึ่งปนเปื้อนในน้ำที่ระดับเข้มข้นราว 10,000 เท่าดังกล่าว โดย 2 ใน 3 คนมีอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ส่วนอีกคนสวมรองเท้าบู๊ต 2 ชั้นจึงมีอาการเบากว่า

    ผงะรังสีในทะเลเพิ่ม

    สำนัก ข่าวเกียวโดรายงานว่า การตรวจวัดระดับกัมมันตรังสีในน้ำทะเลนอกชายฝั่งไม่ไกลจากโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ฟูกูชิมะ พบว่า มีความเข้มข้นมากกว่าปกติถึง 1,250 เท่า โดยเพิ่มขึ้นจากเช้าวันก่อนที่ตรวจได้ 104 เท่าของระดับมาตรฐาน โดยตัวอย่างน้ำทะเลที่เก็บมาตรวจได้จากสถานีตรวจสอบซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่ง ออกไป 330 เมตร

    เจ้าหน้าที่จากบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ หรือเทปโก เจ้าของโรงไฟฟ้านิว เคลียร์ กล่าวว่า น้ำทะเลที่ตรวจพบระดับกัมมันตรังสีที่มีความเข้มข้นสูงมากขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องมีการรั่วไหลลงสู่ทะเลโดยตรงเกิดขึ้น โดยไม่ใช่เกิดจากการแพร่กระจายจากชั้นบรรยากาศหรือน้ำฝนเพียงอย่างเดียว เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ไอโอดีนที่แผ่รังสีอาจถูกซัดออกไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก หรือน้ำที่ปนเปื้อนรังสีซึ่งออกมาจากอาคารกังหันลมที่เชื่อมกับเครื่อง ปฏิกรณ์ปรมาณู 2 เครื่อง ซึ่งตรวจพบว่ามีกัมมันตรังสีเข้มข้นกว่าปกติ 10,000 เท่า ไหลซึมลงสู่ทะเล

    อย่างไรก็ตาม ระดับกัมมันตรังสีดังกล่าวยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์โดยตรง เนื่องจากไม่มีใครดื่มน้ำทะเลหรือลงไปว่ายน้ำใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใน สถานการณ์ เช่นนี้ แต่จะส่งผลต่อระบบนิเวศวิทยา ทางทะเล แต่เชื่อว่าเมื่อแพร่กระจายในทะเล เป็นบริเวณกว้างแล้วระดับความเข้มข้นจะเจือจางลง

    ทัพเรือสหรัฐส่งน้ำจืดไปให้

    ด้าน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐส่งน้ำจืดในรูปของน้ำขวดไปให้กับคนงานชาวญี่ปุ่น ที่กำลังปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายกู้วิกฤตที่เกิดขึ้นกับเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ โดยน้ำจืดเหล่านี้จะนำไปใช้รดระบายความร้อนแทนน้ำทะเล ที่ใช้เครื่องปั๊มน้ำสูบขึ้นมาจากทะเล แล้วนำไปฉีดพ่นผ่านท่อดับเพลิงเพื่อรดระบายความร้อนที่เกิดขึ้นกับเครื่อง ปฏิกรณ์ทั้ง 6 เครื่อง เนื่อง จากการใช้น้ำทะเลรดเป็นเวลานานอาจเกิดปัญหาการกัดกร่อนของเกลือจากน้ำทะเล ได้

    อพยพประชาชนรัศมี 20 ก.ม.

    ด้านรัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศให้ประชาชนในรัศมี 20-30 ก.ม. รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อพยพออกจากบ้านเรือนได้โดยความสมัครใจ โดยจะจัดรถบัสโดยสารไปรับออกมา หลังจากที่เคยประกาศให้ชาวบ้านในเขตนี้หลบอยู่แต่ในบ้าน แต่ชาวบ้านร้องเรียนว่าอยู่กันลำบาก เนื่องจากหาของกินหรือซื้อของลำบาก ขณะที่ประชาชนที่อยู่ในรัศมี 20 ก.ม. รอบโรงไฟฟ้าได้รับคำสั่งให้อพยพไปหมดแล้วก่อนหน้านี้

    ก่อนหน้านี้ นายนาโอโตะ คัง นายกรัฐ มนตรีญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ปลอบขวัญประชาชนญี่ปุ่น ระบุว่า สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะยังไว้วางใจไม่ได้ ยังต้องทำงานด้วยความระมัดระวังตลอดเวลาและขอให้เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับรังสี เกินมาตร ฐานจนต้องหามเข้าโรงพยาบาลมีอาการดีขึ้นโดยเร็วและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่ทำงานเสี่ยงชีวิต
    [/FONT]

     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ย้อนอดีต1,500ปี“นครโยนก”ดินไหว


    คมชัดลึก : แทบไม่น่าเชื่อว่าแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ที่พม่า จะสร้างแรงสั่นสะเทือนจากภาคเหนือมาถึงยอดตึกสูงใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้ ภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายให้แก่ เมืองไครสต์เชิร์ชของนิวซีแลนด์ และเมืองฟูกูชิมาของญี่ปุ่นยังไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำ หลายคนหวาดกลัวว่าภาคเหนือจะเกิดภัยพิบัติแบบนั้นเช่นกัน


    แผ่นดินไหวในพม่าเมื่อ คืนวันที่ 24 มีนาคมนั้น เกิดจากการรอยเลื่อนที่เรียกกันว่า "รอยเลื่อนน้ำมา" เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำมาในพม่า จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ห่างจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพียง 56 กม. เท่านั้น ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับรายงานความเสียหายเบื้องต้น นอกจากบ้านเรือนหลายหลังจะพังลงมาแล้ว แหล่งโบราณคดีและโบราณสถานอายุหลายเกือบพันปีได้รับผลกระทบหลายแห่ง เช่น ยอดฉัตรของเจดีย์หลวงในวัดพระธาตุเจดีย์หลวง จ.เชียงราย หักโค่นลงมาจนทำให้เจดีย์เล็กเสียหาย นอกจากนี้ยอดฉัตรของพระธาตุจอมกิตติหักงอเช่นกัน ส่วนที่ จ.น่าน ตรวจพบวิหารรอบพระอุโบสถวัดภูมินทร์ ที่อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ของ จ.น่าน มีผนังแตกร้าวหลายจุด ภาพจิตรกรรมได้รับความเสียหายหลายจุด
    นักประวัติศาสตร์รู้ดีว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะเคยรุนแรงขนาดทำให้อาณาจักรยิ่งใหญ่สมัยโบราณหายสาบสูญไปในพริบตา เมื่อ 1,500 ปีที่แล้วยังไม่มีใครรู้ว่าระดับแผ่นดินไหวมีขนาดกี่ริกเตอร์ มีเพียงตัวอักษรที่บันทึกถึงอาณาจักรที่ยุบจมหายกลายเป็นหนองน้ำใหญ่
    บันทึกประวัติการเกิดแผ่นดินไหวในอดีตนั้น กล่าวถึง อาณาจักรโยนก ปัจจุบันคือที่พื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ว่าเป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่เมื่อ 1,500 ปีที่แล้วเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดทำให้อาณาจักรโยนกถึงกับจมหายไป โดยพงศาวดารโยนกบันทึกว่า ในคืนวันเสาร์ เดือน 7 แรม 7 ค่ำ พ.ศ.1003
    “...สุริยอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียง เหมือนตั้งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหวประดุจว่าเวียงโยนกนครหลวงที่นี้จัก เกลื่อนจักพังไปนั้นแล แล้วก็หายไปครั้งหนึ่ง ครั้นถึงมัชฌิมยามก็ดังซ้ำเข้ามาเป็นคำรบสอง แล้วก็หายนั้นแล ถึงปัจฉิมยามก็ซ้ำดังมาอีกเป็นคำรบสาม หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวงที่นั้นก็ยุบจมลง เกิดเป็นหนองอันใหญ่ ยามนั้นคนทั้งหลายอันมีในเวียงที่นั้น มีพระมหากษัตริย์เป็นประธาน ก็วินาศฉิบหายตกไปในน้ำที่นั้นสิ้น...”
    "ไกรสิน อุ่นใจจินต์" หัวหน้ากลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 จ.เชียงใหม่ เล่าถึงหลักฐานหลายชิ้นที่เชื่อมโยงให้เห็นว่าอาณาจักรโยนกหรือ “เวียงโยนกนาคพันธุ์” ล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำเพราะแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการพบหลักฐานโบราณวัตถุจำนวนหนึ่งในหนองน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับตำนานเอกสารโบราณ และหลักฐานแนวรอยเลื่อนทางธรณีวิทยา ดังนั้งจึงยืนยันได้ว่าบริเวณนี้เคยเกิดแผ่นดินไหวจริง ปัจจุบัน คือพื้นที่ประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร ช่วงรอยต่อระหว่าง อ.แม่จัน กับ อ.เชียงแสน หรือชาวบ้านเรียกว่า “เวียงหนองหล่ม” มีผู้คนอาศัยไม่น้อยกว่า 100 ชุมชน

    ด้าน รศ.ดร.พิษณุ วงศ์พรชัย หัวหน้าภาคธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อธิบายว่า รอยเลื่อนน้ำมาของพม่านั้นวางตัวขนานกับรอยเลื่อนแม่จันและรอยเลื่อนเชียง แสน ในอดีตเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6-7 ริกเตอร์มาแล้วหลายครั้ง และมีหลักฐานทางธรณีวิทยาเชื่อมโยงให้เห็นว่า “อาณาจักรโยนก” ถูกแผ่นดินไหวถล่มจนหายไปทั้งเมือง แต่ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกมากนัก เพราะในอดีตการก่อสร้างบ้านเรือนยังไม่แข็งแรง เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็พังลงอย่างง่ายดาย แต่เพื่อความไม่ประมาท ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้รอยเลื่อนที่ยังมีพลังในภาคเหนือเฝ้าติดตาม ข่าวสารอย่างใกล้ชิดแต่ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป
    จับตา 13 รอยเลื่อนมีพลัง
    ในประเทศไทย สามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม โดยกลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมดวางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด คือ ภาคเหนือ 11 จังหวัด ภาคใต้ 6 จังหวัดภาคตะวันตก 3 จังหวัด และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่
    1.กลุ่มรอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่ 2.กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านแม่ฮ่องสอนและตาก 3.กลุ่มรอยเลื่อนเมย พาดผ่านตากและกำแพงเพชร 4.กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย 5.กลุ่มรอยเลื่อนเถิน พาดผ่านลำปางและแพร่ 6.กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านลำปาง เชียงราย และพะเยา 7.กลุ่มรอยเลื่อนบัว พาดผ่านน่าน
    8.กลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอุตรดิตถ์ 9.กลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านกาญจนบุรีและราชบุรี 10.กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านกาญจนบุรีและอุทัยธานี 11.กลุ่มรอยเลื่อนท่าแขก พาดผ่านหนองคายและนครพนม 12.กลุ่มรอยเลื่อนระนอง พาดผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา 13.กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

    สำหรับรอยเลื่อนที่น่าจับตามากที่สุด คือ รอยเลือนสะแกง อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 400 กม. ส่วนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 200กม. แถมยังมีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อน นั่นคือ เขื่อนศรีนครินทร์ และยังมีรอยเลือนที่น่าจับตาอีก 2 แหล่ง คือ รอยเลื่อนแม่จัน และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง

     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ของย่างๆ

    ที่มา โพสต์ทูเดย์

    ของกินอะไรก็แล้วแต่ที่ย่างควันกระจาย ก็น่ากินแล้ว ยิ่งเห็นผิวมันฉ่ำๆ กลิ่นหอมฉุย รับรองน้ำลายหกทั้งนั้น
    พอนึกถึงเรื่องย่างก็หนีไม่พ้นไก่ย่างเป็นอันดับแรก จะไก่ย่างสนามมวย ไก่ย่างห้าดาว ไก่ย่างห้าลาว ไก่ย่างนิตยา ไก่ย่างน้ำผึ้ง น่าอร่อยทั้งนั้น
    ถึงจะไม่ใช่ไก่ย่างตามที่เอ่ยชื่อมา ไก่ย่างส้มตำรถเข็นก็น่าสนใจ ไก่ย่างรถเข็นหรือไก่ย่างโดยชาวอีสานนี่ที่น่ากินเพราะเป็นการย่างไก่แบบ สุมควันหรือย่างแบบช้าๆ ไฟรุมๆ ไม่ใช่ไฟลุกท่วมท้นเหมือนอาหารทะเลย่างแถวเยาวราช
    การย่างแบบไฟรุมๆ นี้เหมือนเป็นลักษณะของอีสานโดยแท้ ที่อีสานนั้นเวลาย่างอึ่ง กบ ปลา นก หนู มักจะใช้ฟืนสด ซึ่งให้ควันมากกว่า ค่อยๆ ย่างข้างนอกผิวเหลืองอิ่มตึง ข้างในสุก

    [​IMG]


    เมื่อมาย่างไก่ขายก็ทำแบบเดียวกัน ถึงเดี๋ยวนี้อาจจะคิดมากหน่อย สำหรับการปรุงรสไก่หรือหมักไก่ ก็แล้วแต่ว่าใครจะคิดสูตรต่างๆ นานากันออกไป อาจจะใส่ซีอิ๊วปรุงรสหรือใส่ผงรสดี หรือซีอิ๊วขาวกับแม็กกี้และพริกไทย แต่กรรมวิธีการย่างไก่จะเหมือนกันที่ใช้ถ่าน จะคอยๆ เขี่ยขี้เถ้ากลบถ่านไม่ให้ไฟลุกแดงแจ๋ และขยันกลับหน่อย ส่วนมากพอหนังเหลืองเกรียม ข้างในก็สุก อย่างนั้นเรียกว่าพอดีกำลังกิน ถ้าไก่ย่างยังเห็นเลือดแดงๆ ระหว่างเนื้อกับกระดูกอยู่ อย่างนั้นยังไม่ได้ที่
    มีวิธีดูไก่ย่างส้มตำรถเข็นครับ ปกติทั่วไปเขาจะใช้ไม้ไผ่ประกบไก่หรือหนีบไก่ย่าง เพื่อความสะดวกในการจับย่าง ลองเมื่อไหร่เอาก้านหรือด้ามไม้ไผ่นั้นเสียบกับตะแกรงย่างไก่เป็นแนวตั้ง นั่นหมายความว่าสุกแล้ว และถ้าเสียบอยู่นานๆ ยังไม่มีคนซื้อ เนื้อไก่จะแห้งเกิน ไม่อร่อย
    เวลามีคนซื้อ คนขายมักจะหยิบชิ้นที่เสียบตั้งไว้ขายก่อน ต้องชี้เอาที่ยังย่างแบๆ กับเตาอยู่ เอาย่างแห้งๆ มาไม่อร่อย ถ้าเขายัดเยียดให้ก็ไม่เอาเสียอย่าง
    สำหรับไก่ย่างแบบอื่น เช่น ไก่ย่างบางตาล ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง การหมักไก่นั้นหนักกระเทียม พริกไทย เกลือ จะย่างแบบเปียกๆ อยู่ ไก่ย่างบางตาลที่เคยกินก็อยู่ที่ประชานิเวศน์ ริมคลองประปาแถวมติชน เมื่อก่อนคนขายตีรถปิกอัพขนไก่มาจากราชบุรีทุกเช้า แล้วมาย่างๆ ข้างถนนใกล้ชลนิเวศน์ ตอนนั้นมีไก่ย่างกับข้าวเหนียวเท่านั้น ตอนหลังซื้อห้องหนึ่งในหมู่บ้านนั้นเอง มีส้มตำด้วย แต่ส้มตำไม่อร่อยเพราะเพื่อนเล่นแยกมะละกอ มะเขือเทศ ใส่ถุงแล้วมีน้ำยำแยกมาต่างหาก ส้มตำต้องใส่ครกตำ ไม่ใช่ยำมะละกอมาในถุง
    มีไก่ย่างบางตาลอีกเจ้า เป็นรถเข็น ดั้งเดิมขายอยู่เยื้องๆ กับโจ๊กสามย่าน นี่ก็เอาไก่หมักตีรถมาจากราชบุรีเหมือนกัน แล้วมาตั้งเตาย่างบนรถเข็นขายตั้งแต่เช้า ขายดีมาก สายๆ หมดแล้ว ตอนหลังเลยเช่าร้านเยื้องๆ กับที่เคยตั้งรถเข็นขาย พอเข้าร้านไม่ได้นาน หายจ้อยไปเลย
    การกินไก่ย่างนี่ดูเหมือนจะแยกออกจากส้มตำไม่ได้ แม้กระทั่งร้านอาหารอีสาน มีส้มตำ ลาบ น้ำตก ไม่มีไก่ย่างก็ดูจะขาดๆ และมีมากเหมือนกันที่ ส้มตำอร่อย แต่ไก่ย่างยังไม่ถึงใจ หรือไม่ไก่ย่างดี ส้มตำไม่ได้เรื่อง
    ผมชอบไก่ย่างบางตาล ชอบรสที่ถึงกระเทียม พริกไทยดี แล้วก็เป็นร้านที่ประชานิเวศน์ที่ว่า และต้องซื้อส้มตำที่ศรีย่าน อยู่ริมฟุตปาท เยื้องๆ กับลูกชิ้นน้ำใสศรีย่าน มีอยู่ 2 เจ้าอยู่ติดกันเลย มีส้มตำสารพัด ตำแตง ตำถั่ว ตำปูปลาร้า ตำไทยใส่ปู แล้วครกยังแยกตำอันไหนอันนั้นอีกต่างหากฝีมือนั้นบรรเจิดด้วยกันทั้งคู่ เจ้าไหนก็ได้ ก็เผอิญว่าไก่ย่างบางตาลอยู่ประชานิเวศน์ ส้มตำอยู่ศรีย่าน ยังถือว่ายังอยู่ไม่ห่างกันเสียทีเดียว แต่ถ้าส้มตำอยู่พระโขนง ไก่ย่างอยู่ตลิ่งชัน ซื้อกลับไปกินที่บ้านแล้วบ้านอยู่ถนนตก นั่นคงเป็นโอษฐวิบากกรรม
    สำหรับเรื่องย่างๆ นั้นที่จริงก็ไม่ได้มีแค่ไก่ย่างอย่างเดียว ปลาย่างก็อร่อยเหมือนกันโดยเฉพาะปลาดุกย่าง ปลาดุกย่างนี่ก็เหมือนกันที่ใช้ไฟรุมๆ ผิวปลาดุกยังตึงๆ เนื้อที่เผยอแย้มออกมาเหลืองอร่าม ได้แค่น้ำปลาพริกป่นกินกับข้าวร้อนๆ เท่านั้นก็สุดประเสริฐแล้ว
    ผมมีเจ้าหนึ่งอยู่ที่ตลาดลาวๆ อยู่ด้านนอกตลาดคลองเตย อยู่ริมถนนพระรามสี่ ที่เรียกตลาดลาวเพราะผักหญ้า ปลา แมลง กบ มาจากอีสานทั้งนั้น ที่นี่มีแผงปลาดุกย่างอยู่ 2 เจ้า ใช้ได้ทั้งคู่ ต้องซื้อตอนเช้าๆ เพราะเขาย่างไปขายไป เลือกซื้อที่ย่างใหม่ๆ พอบ่ายๆ ก็ปิดเตา จะเป็นปลาดุกที่ย่างสุมไว้ สำหรับคนมาซื้อตอนบ่าย
    ไหนๆ ก็เป็นปลาย่างแล้ว ถ้าเที่ยวนอกเมือง ไปทางแถบอยุธยาค่อนไปทางอ่างทอง ต้องวิ่งไปเส้นทางอ่างทอง ท่าเรือ จะผ่านแยกเจ้าปลุก ร้านอาหารเจ้าปลุกใกล้ๆ สี่แยก มีปลาช่อนย่างกับน้ำจิ้มสามแบบ มีน้ำจิ้มน้ำปลาหวาน น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด ใช้ได้เลย เมื่อก่อนยังย่างปลาช่อนด้วยกาบมะพร้าว พอขายดีใช้เตาอบรมควัน แต่ก็ยังพอใช้ได้
    นี่ก็เป็นเรื่องของย่างๆ ครับ ตอนนี้พอนึกถึงควันย่างลอยโชยชาย เห็นท่าจะอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ต้องไปหาอะไรย่างๆ กินครับ
    .

    โพสต์ทูเดย์ กิน-เที่ยว : ของย่างๆ

    http://www.posttoday.com/กิน-เที่ยว/กิน-ดื่ม/กินอยู่เป็น/80494/ของย่างๆ
    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    จุฬาฯเปิดให้ชม!บัตรพระนามในหลวงรัชกาลที่4อายุ150ปี


    บัตรพระนามใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 150 ปีแห่ง เอกสารอันทรงคุณค่าของไทย
    ในปีพ.ศ. 2408 รัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะราชทูตไทยเดินทางไป เข้าเฝ้าพระเจ้าโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส พร้อมนำพระราชสาสน์ และเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศทั้งสอง



    .
    [​IMG]


    ขณะที่คณะราชทูต พำนักอยู่ ณ กรุงปารีสการเข้าพบของ “ขุนสุนทรสาทิสลักษณ์” หรือนามเดิมว่า นายเรอเน พรูเดน ดากรอง ช่างภาพประจำราชสำนักฝรั่งเศส เข้าพบ และนำไปสู่จุดกำเนิด ผลงานพระฉายาลักษณ์ที่นายดากรองจัดทำถวาย รูปถ่าย พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ในชุดฉลองพระองค์แบบต่าง ๆ พระฉายาลักษณ์พระราชโอรส พระราชธิดา
    กาลเวลาผ่านไป บางส่วนของประวัติศาสตร์ถูกเก็บไว้กับ “ตระกูลดากอง” จนกระทั่ง จอร์จ ดากอง ชาวฝรั่งเศส ทายาทของนาย รุ่นที่ 3 ของ ขุนสุนทรสาทิสลักษณ์ เปิดกล่องสมบัติของครอบครัว ภายในนั้น พบซองกระดาษสีน้ำตาล ซึ่ง บรรจุบัตรพระนาม และพระราชหัตถเลขา ในรัชกาลที่ 4 รวม 40 ฉบับใน ทั้งหมดเป็น เอกสารอายุกว่า 150 ปี นี้
    จนถึงวันนี้ ตระกูลดากอง ตัดสินใจมอบเอกสารทั้งหมด ให้ประเทศไทยเพราะคิดว่าจะมีคุณค่ามากที่จะอยู่ในประเทศบ้านเกิด เตรียมทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไว้เป็นสมบัติชาติ
    ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลป์ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการประสานงาน ในการมอบบัตรพระนามและพระราชหัตถเลขา หรือเอกสารที่เขียนด้วยลายพระหัตถ์ต้นฉบับ ในรัชกาล ที่ 4 ให้พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีเจ้าของบัตรพระนาม ร.4 อายุกว่า 150 ปีเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเป็นสมบัติชาติไทย


    .
    [​IMG]


    ด้าน ดร. อรัญ หาญสืบสาย หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เล่าว่า หลักฐานที่ค้นพบเป็นสิ่งที่ยืนยันชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้ ริเริ่มให้มีการพิมพ์หนังสือ โดยขณะที่ยังผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเล็งเห็นประโยชน์ของการพิมพ์ ในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
    ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2385 ทรงตั้งโรงพิมพ์ขึ้นในวัด บวรนิเวศวิหาร มีแท่นพิมพ์ 1 แท่น ตัวพิมพ์อักษรโรมันหลายแบบ แม่ทองแดงหล่อตัวพิมพ์และเบ้าหล่อตัวพิมพ์ นอกจากนี้พระองค์ทรงสร้างตัวอักษรขึ้นชุดหนึ่งคือ ตัวอักษรอริยกะ สิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่เป็นภาษาบาลี หลังจากพระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติแล้ว ในปีพ.ศ. 2401 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงพิมพ์ในบริเวณพระราชวัง เป็นอาคารสองชั้น พระราชทานชื่อว่า โรงพิมพ์อักษรพิมพการ พิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นหนังสือทางราชการฉบับแรก ที่เผยแพร่ข่าวของพระราชสำนักและความประกาศของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ระบบพิมพ์ที่ใช้มีทั้งระบบพิมพ์หิน (lithography) และระบบตัวเรียง (letterpress)
    หลักฐานทางประวัติศาสตร์ 40 ชิ้นที่ได้รับมานี้ ที่เป็นของในพระองค์ ประกอบด้วยลายพระหัตถ์ สิ่งพิมพ์ และพระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์ และในส่วนของบัตรพระนามจะประกอบด้วย 2 ชุดคือ พิมพ์ด้วยทองคำแท้ และพิมพ์ด้วยสี 3 สีคือ เงิน ฟ้า แดง รวมถึงเอกสารอีก 1 ชิ้นซึ่งเป็นการแจ้งข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ระบุว่าสวรรคตเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2411 โดยเอกสารทั้งหมด ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก
    ทั้งนี้ เอกสารทั้งหมดจะเปิดให้ประชาชนได้ชมตั้งแต่ 28 มี.ค.-8 เม.ย. ที่พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพฯ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
    .

    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : จุฬาฯเปิดให้ชม!บัตรพระนามในหลวงรัชกาลที่4อายุ150ปี

    http://www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใ...เปิดให้ชม-บัตรพระนามในหลวงรัชกาลที่4อายุ150ปี


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]
    ตามไปดูมอเตอร์โชว์ เปิดโลกยนตรกรรมสู่อนาคต

    วันอาทิตย์ ที่ 27 มีนาคม 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD><TD id=ext-gen16 style="WIDTH: 57px">รูปภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]

    ประเดิมการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 หรือมอเตอร์โชว์ที่ย้ายจากไบเทคมาจัดที่ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-5 เม.ย.นี้ มีค่ายรถยนต์ร่วมงาน 35 รายและรถจักรยานยนต์ 7 ราย รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งอีก 117 บริษัทเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษว่ากำลังการผลิตที่ส่อเค้าว่ามีปัญหาเรื่องชิ้นส่วนและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ค่ายรถยนต์หันมาผลิตรถช่วยลดมลพิษให้กับโลกใบนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนไทยมีใจอยากจับจ่ายใช้สอยได้แค่ไหน

    เริ่มจากการเปิดตัวรถปิกอัพใหม่แกะกล่องของ 2 ค่าย คือ “โคโลราโด” ปิกอัพสายพันธุ์อเมริกันแท้จากค่ายเชฟโรเลต ที่ดูบึกบึนโฉบเฉี่ยวทันสมัยมาพร้อมเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรโดยจะเปิดขายปลายปีนี้

    หันมาทางค่ายฟอร์ดส่ง “เรนเจอร์” ใหม่เข้าประกวดและขายปลายปีเช่นกัน ส่วนข้อมูลเบื้องต้นฟอร์ดมีตัวถังให้เลือกถึง 3 แบบ คือ แบบธรรมดา โอเพ่นแค็บและดับเบิลแค็บ ใช้เครื่องยนต์ 3 รุ่น คือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร กับ 3.2 ลิตร 5 สูบและเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ขณะที่ค่ายอีซูซุส่งรถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) คันเท่ ที่ได้รางวัลความพอใจสูงสุด

    2 ปีซ้อน เปิดตัวโชว์ครั้งแรก “อีซูซุ มิว-เซเว่น ช้อยส์” เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี เทอร์โบ 163 แรงม้าขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ โดยภายในได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด ดูสปอร์ตสะดุดตาด้วยสีขาวและสีดำอินเทรนด์

    ด้านรถหรูค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีรถใหม่ไม่น้อยกว่า 5 แบบ 5 รุ่นมาให้เลือก เช่น รถเอ็มพีวี “เมอร์เซเดส-เบนซ์ วีโต้” ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เคาะราคา 2.82 ล้านบาท หรือรถสปอร์ต “เอสแอลเค 350” ค่ายใบพัดฟ้าขาวส่งรถสปอร์ตเปิดประทุน ในตระกูลซีรีส์ 6 “บีเอ็มดับเบิลยู 640 ไอ คอนเวอร์ทิเบิล” เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ราคา 9.499 ล้านบาท ขณะที่ค่ายวอลโว่นำ “เอส 80 ดี3” เครื่องยนต์ดีเซล เข้ามาเสริมไลน์ตระกูลเอส 80 โดยเครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงใหม่ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 30%

    ย้ายมาทางค่ายฮอนด้าเปิดตัวรถอีโคคาร์คันแรกในโลก “บริโอ้” คันเล็กกะทัดรัดสีสันแจ่มแจ๋วมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 20 กม./ลิตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ราคาอยู่ระหว่าง 399,900-508,500 บาท ปะทะคู่แข่ง “นิสสัน มาร์ช” ได้อย่างสูสี

    ลองหันมาดูรถต้นแบบ แต่ละค่ายได้พัฒนานวัตกรรมยานยนต์เพื่ออนาคตจริง ๆ โดยค่ายโตโยต้านำมาโชว์ถึง 2 รุ่นคือ “เอฟที 86” หรือ “ฮาชิโรกุ” รถสปอร์ตต้นแบบขนาดกะทัดรัด 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบลูกสูบนอนขนาด 2 ลิตร และ “เอฟที-อีวี ทู” เป็นรถไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดสำหรับการเดินทางระยะสั้นหรือในเมือง โดยการพัฒนาตัวถังขนาดกะทัดรัดแต่จุผู้โดยสารได้ถึง 4 คน ทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ขับขี่ได้ระยะทาง 90 กม.เมื่อชาร์จไฟเต็มที่
    ค่ายมิตซูบิชินำรถต้นแบบอีโคคาร์ “โกลบอล สมอล” รถเล็กประหยัดน้ำมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ สามารถรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง ซึ่งมิตซูบิชิวางแผนผลิตในประเทศไทยและจะเปิดตัวในเดือน มี.ค. ปี 2555 ส่วนค่ายเกียนำ “ออพติมา เค 5 ไฮบริด” รถใช้ระบบไฮบริดเต็มรูปแบบมาประชัน พร้อมกับซูซูกิ “สวิฟท์ เรนจ์ เอ็กซ์เทนเดอร์” รถยนต์ต้นแบบที่ใช้พลังงานไฮบริด ตามด้วยโปรตอน ค่ายรถดังจากแดนเสือเหลืองที่นำรถ “โปรตอน เลอเค้” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานการต่อสู้ที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตร เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขับรถแข่ง

    นอกจากนี้ค่ายรถต่าง ๆ ได้ยกทัพรถรุ่นเดิม รุ่นปรับโฉม รุ่นใหม่ พร้อมแคมเปญเด็ดให้เลือกชมเลือกช้อปตามใจชอบอีกมากมายถึงวันที่ 5 เม.ย.นี้.

    ลำยอง ปกป้อง





    Daily News Online > โลกสีสวย > รถยนต์ > ตามไปดูมอเตอร์โชว์ เปิดโลกยนตรกรรมสู่อนาคต
     

แชร์หน้านี้

Loading...