พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 16 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, chantasakuldecha, nongnooo, psombat, sithiphong, sittiporn.s </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับทุกท่านท่านกรูรูด้วยนะครับ
     
  2. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748
    เมื่อวันจันทร์ ที่ 6 กย. นี้ ผมได้ไปร่วมทำบุญ ณ.ที่บรรจุอัฐิ ซึ่งบรรจุอยู่ในผนังด้านหลังของพระประธานวัดชนะสงคราม ( บางลำพู ) ซึ่งเป็นที่รวมบรรจุอัฐิของสายวังหน้าทุกสาย ,ทุกตระกูล (เช่นสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ,กรมพระราชวังบวรฯ แต่ไม่มีอัฐิบรรจุ ฯ ) ยังได้พบช่องบรรจุของสมเด็จสมณเจ้ากรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ดีใจมากเลย ผมจึงได้ใช้นำพระพุทธมนต์ของคณะหลวงปู่ +กลิ่นมณฑาทิพย์ พรมทุกช่องบรรจุ ผู้ใดศรัทธาไปขอกราบได้โดยมีแม่ชีถวิลดูแลและถือกุญแจห้องนี้อยู่
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    รู้ไหมว่า....ไทยมี 15 รอยเลื่อนมีพลัง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 เมษายน 2555 13:42 น.</td></tr></tbody></table>
    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000047713-


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="600"><tbody><tr><td align="center" valign="Top" width="600">[​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">รอยเลื่อนที่ทำให้ เกิดแผ่นดินไหว 3 แบบ (ซ้ายไปขวา) รอยเลื่อนปกติ, รอยเลื่อนย้อน ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวเช่นเมื่อปี 2547 จนเกิดสึนามิที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 140,000 คน, รอยเลื่อนตามแนวระนาบ ซึ่งรอยเลื่อนส่วนใหญ่ในไทยเป็นรอยเลื่อนแบบนี้ และรอยเลื่อนเช่นนี้ทำให้เกิดแผ่นไหวเช่นเมื่อวันที่ 11 เม.ย.เหนือเกาะสุมาตรา และเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ จ.ภูเก็ต (ภาพประกอบจากวิชาการธรณีไทย geothai.net)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หลังเหตุแผ่นดินที่มีศูนย์ กลางอยู่ที่ภูเก็ตหลายคนอาจเชื่อมโยงว่าเป็นผลจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกาะ สุมาตรา แต่นักธรณีมหิดลกล่าวว่ายังไม่สามารถเชื่อมโยงได้ชัดเจน พร้อมระบุประเทศไทยมี 15 แนวรอยเลื่อนมีพลังที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเหตุการณ์เช่นนี้ให้ได้และอย่าตื่นตระหนก

    เมื่อวันที่ 16 เม.ย.55 ที่ผ่านมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.3 ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นับเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ที่มีศูนย์กลางอยู่ในเมืองไทยซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยนั้งมีแนวรอยเลื่อนมีพลังถึง 15 รอยเลื่อน

    รศ.ดร.วีระชัย สิริพันธ์วราภรณ์ นักธรณีฟิสิกส์และหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ประเทศไทยมีรอยเลื่อนมีพลังถึง 15 รอยเลื่อน โดยส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ทางซีกตะวันตกของประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่ภาคเหนือลงมาถึงภาคใต้ และรอยเลื่อนเหล่านี้ก็มีโอกาสทำให้เกิดแผ่นดินไหวเช่นที่เกิดขึ้นใน จ.ภูเก็ต แต่ยังไม่พบว่ามีรอยเลื่อนมีพลังพลาดผ่านตัวเมืองใหญ่ หากมีบริเวณพาดผ่านพื้นที่ชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่

    นักธรณีฟิสิกส์จากมหิดลระบุว่ารอยเลื่อนมีพลังในไทยส่วนใหญ่เป็นรอย เลื่อนแนวระนาบ หรือรอยเลื่อนผ่านกันในแนวระนาบ และมีโอกาสทำให้เกิดแผ่นดินไหวเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือของเกาะ สุมาตราเมื่อวันที่ 11 เม.ย.55 และที่ จ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลที่มีการบันทึกกันนั้นประเทศไทยเคยมีแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดขนาด 5.9 ที่ จ.กาญจนบุรี และเคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในเมืองไทยเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือ เนื่องจากมีเพียงร่องรอยทางธรณีวิทยา ซึ่งอาจต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

    สำหรับ จ.ภูเก็ตนั้น รศ.ดร.วีระชัยกล่าวว่า มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลาอยู่แล้วและมีโอกาสไหวอีก โดยครั้งนี้เกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งถือว่าใหญ่พอสมควร แต่จากนี้ก็จะเกิดแผ่นดินไหวตามมาหรืออาฟเตอร์ช็อกขนาดเล็กกว่า ส่วนโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่านั้นเป็นไปได้แต่มีโอกาสน้อย ซึ่งคนในพื้นที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเหตุการณ์เช่นนี้ให้ได้

    “ไม่อยากให้ตื่นตระหนกเพราะแผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และไม่อยากให้ผูกโยงว่าเพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จึงเกิดแผ่น ดินไหวนี้ขึ้น แต่เราตั้งสมมุติฐานได้ว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะในทางวิทยาศาสตร์เราต้องศึกษาให้ชัดเจนก่อนจะสรุปเช่นนั้น” รศ.ดร.วีระชัยกล่าว

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="700"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="700"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพประกอบจากวิชาการไทย แสดงความรุนแรงของแผ่นดินไหวขนาดต่างๆ โดยเทียบความแรงกับระเบิดนิวเคลียร์ (ภาพประกอบจากวิชาการธรณีไทย)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="600"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="600"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ดร.วีระชัย อธิบายจุดเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา (ภาพประกอบจากวิชาการธรณีไทย)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="378"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="378"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แผนที่แสดงแนวรอยเลื่อนมีพลังในบริเวณต่างๆ ของประเทศไทย (กรมทรัพยากรธรณี)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>


    <center>ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณีระบุรอยเลื่อนมีพลัง 15 รอยเลื่อน ได้แก่
    1. รอยเลื่อนแม่จัน
    2. รอยเลื่อนแม่อิง
    3.รอยเลื่อนปัว
    4.รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน
    5.รอยเลื่อนแม่ทา
    6.รอยเลื่อนพะเยา
    7.รอยเลื่อนแม่ยม
    8.รอยเลื่อนเถิน
    9.รอยเลือนอุตรดิตถ์
    10.รอยเลื่อนท่าแขก
    11.รอยเลื่อนแม่เมย
    12.รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์
    13.รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
    14.รอยเลื่อนระนอง
    15.รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย

    </center>


    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="436"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="436"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แนวรอยเลื่อนบริเวณภาคเหนือและทางตะวันตกของไทย</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>





    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="524"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="524"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">รอยเลื่อนบริเวณรอยต่อระหว่างลาวและไทย</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>





    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="373"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="373"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">รอยเลื่อนที่ภาคใต้ของไทย</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    .
    เข้าใจ “แผ่นดินไหว” กับนักธรณีมหิดล
    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000046190-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">12 เมษายน 2555 16:39 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">พลังงาน จากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมามากเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้าที่ประเทศไทยใช้ได้ตลอดทั้งปี แต่เมื่อคำนวณแล้วการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไปได้มากกว่า</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">กราฟคลื่นแผ่นดินไหว ซึ่งนำมาแปรผลหาความรุนแรง ตำแหน่งและรูปแบบการเกิดแผ่นดินไหวได้ (ซึ่งปัจจุบันไทยยังไม่มีนักแผ่นดินไหวโดยตรง)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ต้องใช้ข้อมูลสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวตั้งแต่ 3 สถานีขึ้นไปเพื่อหาจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ลักษณะ แผ่นดินไหวจากการเลื่อน 3 แบบ (บน) การเลื่อนแบบปกติ (กลาง) การเลื่อนแบบย้อน (ล่าง) การเลื่อนตามแนวระดับ ซึ่งเป็นลักษณะของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 เม.ย.55</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี</td> </tr> </tbody></table>
    เป็นอีกครั้งที่เหตุแผ่นดินไหว ได้รับความสนใจ เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้เคียงบริเวณที่ทำให้เกิดสึนามิคร่าชีวิตผู้คน ไปกว่า 140,000 คน เมื่อปี ’47 แต่โชคดีว่าเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมาไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์วิปโยคอีกครั้ง แต่ท่ามกลางข่าวสารมากมายที่กระเพื่อมมาตามแรงไหวของพสุธา นักธรณีวิทยาจากมหิดลได้เผยข้อมูลวิชาการเพื่อทำความเข้าใจกันชัดๆ

    รศ.ดร.วีระชัย สิริพันธ์วราภรณ์ นักธรณีฟิสิกส์และหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ชายฝั่งตะวันตกทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา อินโดนีเซียเมื่อวันที่ 11 เม.ย.55 ที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.6 ริกเตอร์ และ 8.2 ริกเตอร์ ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวแบบเลื่อนตามแนวระนาบ ต่างจากแผน่ดินไหวเมื่อปี 2547 ที่เป็นการเลื่อนแบบย้อนขึ้น และจุดเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้อยู่คนละจุดกับครั้งก่อน

    ดร.วีระชัยกล่าวว่าทั่วโลกให้ความสำคัญต่อเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 เม.ย.รวมถึงมีการแจ้งเตือนเนื่องจากเป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในตำแหน่งใกล้ เคียงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 2547 และยังมีความรุนแรงเกิน 8 ริกเตอร์ ซึ่งโดยปกติเมื่อแผ่นดินไหวเกินกว่า 7 ริกเตอร์ในทะเล ก็จะมีการแจ้งเตือนและเฝ้าระวังสึนามิอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบทันทีใน 1-2 วัน โดยต้องจับตาดูเรื่อยๆ ว่าครั้งนี้จะส่งผลกระทบให้เกิดการเลื่อนครั้งใหญ่ที่อื่นหรือไม่

    สำหรับแผ่นดินไหวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติเนื่องจากเปลือกโลกมีการ เลื่อนอยู่ตลอดเวลา เช่น เฉลี่ยปีละ 2 มิลลิเมตร หรือปีละ 2 เซนติเมตร เป็นต้น ซึ่งหากมีการเลื่อนอยู่เรื่อยๆ ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเมื่อไรที่มีการกักเก็บพลังงานแล้วเลื่อนฉับพลันจะเกิดการปลดปล่อย พลังงานออกมาในรูปของ “คลื่อนแผ่นดินไหว” ที่ปลดปล่อยออกมาในทุกทิศทาง ซึ่งเราก็เครื่องและสถานีตรวจวัดคลื่นเหล่านี้อยู่ทั่วโลก

    จากเหตุแผ่นดินไหวที่ผ่านองค์การสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (US Geological Survey) หรือยูเอสจีเอส (USGS) สามารถแจ้งเตือนทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที ซึ่ง ดร.วีระชัยอธิบายว่า เพราะในเวลาเพียง 1-5 วินาทีคลื่นแผ่นดินไหวสามารถเดินทางไปทั่วโลก และยูเอสจีเอสก็มีสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวอยู่ทั่วโลก ซึ่งภายในเวลาไม่เกิน 10 นาทีก็สามารถประมวลผลได้ว่าเกิดแผ่นดินไหวที่จุดใด ความรุนแรงเท่าไร และเป็นแผ่นดินไหวจากการเลื่อนแบบใดของเปลือกโลก โดยอาศัยการวิเคราะห์กราฟแสดงคลื่นแผ่นดินไหว

    คลื่นแผ่นดินไหวนั้นมี 2 ชนิดคือ คลื่นภายในและคลื่นพื้นผิว สำหรับ คลื่นภายในนั้นจะเคลื่อนที่เฉพาะภายในโลก และทุกส่วนของโลกนั้นถึงกันหมด จึงเป็นเหตุผลว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล้ว สหรัฐฯ ญี่ปุ่นหรือพื้นที่ที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวจึงทราบได้ โดยคลื่นชนิดนี้จะใช้เวลาเดินทางไม่กี่วินาที และเมื่อเกิดแล้วก็สามารถรายงานได้ทันที ส่วนใหญ่ไม่อันตราย และคลื่นภายในยังแบ่งเป็น 2 แบบคือ คลื่นปฐมภูมิ (Primary Wave) ที่เคลื่อนตัวแบบอัด-ขยาย หรือคลื่น P และคลื่นทุติยภูมิ (Secondary Wave) หรือคลื่น ซึ่งทำให้ตัวกลางเคลื่อนตัวในแนวตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น

    สำหรับคลื่นที่สร้างความเสียหายคือคลื่นพื้นผิว ซึ่งจะทำลายสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ และใช้เวลาในการเคลื่อนที่นานกว่า โดยปกติคลื่นแบบนี้จะค่อยๆ ลดความรุนแรงไปตามเวลา แต่ในบางครั้งสภาพทางธรณีก็ขยายความรุนแรงขึ้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังศึกษากันอยู่ และคลื่นแบบนี้เองทำให้ตึกสูงต่างๆ รู้สึกสั่นไหวไปด้วย แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะบางตึกที่มีความสูงพอเหมาะกับความถี่ของคลื่นเท่านั้น และคลื่นพื้นผิวนี้ก็มีขนาดหลายร้อยเมตรจึงสามารถทำลายสิ่งก่อสร้างใต้ดิน ที่ไม่แข็งแรงได้

    ดร.วีระชัยอธิบายว่าโดยธรรมชาติแล้วสิ่งของต่างๆ หรือแม้แต่ตัวเรานั้นล้วนมี “ความถี่ธรรมชาติ” เป็นค่าเฉพาะตัวค่าหนึ่ง และเมื่อมีความถี่ค่าเดียวกันมากระทบจะทำให้เกิดการขยายความถี่และเกิดการ สั่นที่รุนแรง เรียกว่าเป็นสั่นพ้องหรือการกำทอน โดยในกรณีแผ่นดินไหวนั้นหากความถี่ของคลื่นแผ่นดินไหวตรงกับความถี่ธรรมชาติ ของตึกหรืออาคารใดก็จะทำเกิดการสั่นที่รุนแรง ซึ่งจากศึกษาของต่างประเทศพบว่าอาคารในพื้นที่ศึกษานั้นที่มีคามสุงระหว่าง 16-40 ชั้นมีความถี่ธรรมชาติตรงกับความถี่ของคลื่นแผ่นดินไหว หากแต่ในเมืองไทยหรือกรุงเทพฯ นั้นยังต้องศึกษาเพิ่มเพราะสภาพพื้นดินไม่เหมือนกับพื้นที่ศึกษาของต่างประเทศ

    การเกิดแผ่นดินไหวนั้นจะเป็นแนวไม่ใช่เกิดแค่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ ดร.วีระชัยกล่าวว่าตามรายงานมักแสดงการเกิดแผ่นดินไหวเป็นจุด เนื่องจากเป็นจุดที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด โดยแผ่นดินไหวนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ (Main Shock) ที่รุนแรงที่สุด จากนั้นจะเกิดการปรับตัวเข้าสู่สมดุลที่เรียกกันว่าอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) โดยเกิดการสั่นไหว ณ จุดเดิม ซึ่งอาจเกิดความรุนแรงมากกว่าแผ่นดินไหวใหญ่ก็ได้ แต่ยังไม่พบว่ามีครั้งไหนที่อาฟเตอร์ช็อกรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวใหญ่

    ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกไปอีกนานแค่ไหน โดยเหตุการณ์เมื่อปี 2547 ก็ยังคงตรวจพบอาฟเตอร์ช็อกมาจนถึงทุกวันนี้ นอก จากนี้ยังแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นก่อนเมนช็อกโดยเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ หลายครั้งก่อนแผ่นดินไหวใหญ่ เรียกว่า ฟอร์ช็อก (Foreshock) แต่เกิดขึ้นน้อย ส่วนมากจะ “ตูม!” ไหวครั้งใหญ่เลย” ดร.วีระชัยกล่าว

    ปัจจุบันเครื่องวัดแผ่นดินไหวเป็นแบบดิจิทัลที่ฝังลงดิน โดยมีอุปกรณ์จีพีเอสระบุพิกัด มีแบตเตอรี เมื่อเกิดแผ่นดินไหวอุปกรณ์เหล่านี้จะส่งสัญญาณออกไป ซึ่ง ดร.วีระชัยแจงว่านักแผ่นดินไหวจะวิเคราะห์ได้ว่ากราฟข้อมูลแผ่นดินไหวที่ได้รับนั้นเป็นลักษณะของแผ่นดินไหวที่รุนแรงแค่ไหน เกิดขึ้นจากการเลื่อนแบบใด และเกิดขึ้นที่จุดใด ซึ่ง การระบุตำแหน่งนั้นต้องอาศัยข้อมูลจากสถานีวัดตั้งแต่ 3 สถานีขึ้นไป แต่ทางยูเอสจีเอสจะใช้ข้อมุลจากสถานีวัดแผ่นดินไหวทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์ แผ่นดินไหวให้แม่นยำที่สุด

    การเตือนแผ่นดินไหวนั้นต้องอาศัยเครือข่ายและความร่วมมือทั่วโลก เพราะแม้ไทยจะติดตั้งอุปกรณ์วัดแผ่นดินไหวทั่วประเทศก็ไม่ช่วยอะไรนัก แต่ทั้งนี้ทางคณะวิทยาศาสตร์ มหิดลได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหว 2 แห่งที่ อ.ทองผาภูมิ และ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อการศึกษาทางด้านธรณีฟิสิกส์ ศึกษาโครงสร้างของแผ่นเปลือกโลก รวมถึงศึกษาแผ่นดินไหวในระดับท้องถิ่น

    สำหรับเมืองไทยยังไม่มีนักแผ่นดินไหวจริงๆ ที่มีอยู่ก็ใกล้เคียง ซึ่งข้อมูลที่ผมนำมาถ่ายทอดนี้ก็เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่นักธรณีวิทยาทั่ว ไปทราบอยู่แล้ว ประเทศไทยนั้นโชคดีที่ไม่มีแผ่นดินไหวใหญ่ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ อาจจะ 1 ใน 1,000 หรือ 1 ใน 10,000 แต่ก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีใครตอบได้ว่าจะเกิดเมื่อไร และในมีร่องรอยที่บอกว่าในอดีตเมืองไทยเคยแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 8 ริกเตอร์” ดร.วีระชัยกล่าว

    จากการเปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแผ่นดินไหวของ ดร.วีระชัยได้ชี้ว่าเราไม่อาจหนีเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ เพราะเราอาศัยอยู่บนแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เหมือนเราอยู่บนตัวต่อจิ๊กซอว์ เมื่อแผ่นหนึ่งขยับย่อมไปชนเข้ากับแผ่นอื่นๆ แต่เราต้องอยู่กับแผ่นดินไหวให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เราทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นแน่ และสิ่งที่คร่าชีวิตผู้คนไม่ใช่แผ่นดินไหวโดยตรง หากแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นที่คร่าชีวิตเรา โดยประเทศไทยนั้นมีโอกาสได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 8 ริกเตอร์ได้จากแนวรอยเลื่อนสะแกงในพม่า รวมถึงรอยเลื่อด่านเจดีย์สามองค์ และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์




    <center> แผ่นที่แสดงการเกิดแผ่นดินไหวตามจุดต่างๆ ทั่วโลก เมื่อวันที่ 12 เม.ย.55 จากเว็บไซต์องค์การสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) </center>
    [​IMG]

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2012
  4. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748
    เดี๋ยวมาต่อ อย่าพึ่งมึนนะครับ[/QUOTE]


    ไม่รู้มึนอารายยยยย ของผมรวมกับสหายทางธรรมของผมมีนับหมื่นองค์ ไม่รู้มึนอาการเดียวกันหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนกันสงสัยสมาธิคงจะสั้น
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (6 กันยายน พ.ศ. 2381 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2428 ) พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ หรือ พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศบวรราโชรสรัตนราชกุมาร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าคุณจอมมารดาเอม
    บางตำรากล่าวว่า พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน ตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรก จอร์จ วอชิงตัน (พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๔๒) <SUP class=reference id=cite_ref-1>[2]</SUP>

    <TABLE class=toc id=toc sizcache="0" sizset="0"><TBODY sizcache="0" sizset="0"><TR sizcache="0" sizset="0"><TD sizcache="0" sizset="0">เนื้อหา

    [ซ่อน]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>
    [แก้] การแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เพราะในขณะนั้นพระราชโอรสพระองค์โต คือ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ยังทรงพระเยาว์เพียง ๑๒ พรรษา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงราชบัลลังก์ ฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งถูกสงสัยมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระชนม์ว่าคิดจะชิงราชสมบัติจึงได้เสนอให้ทรงแต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่ง เป็น กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐ แต่ไม่ได้ตั้งให้เป็นวังหน้า
    ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะสวรรคต ๑ วัน ได้มีการประชุมพระญาติวงศ์และขุนนาง ที่ประชุมอันมีสมเด็จเจ้าพระยามหาสุริยวงศ์ (่ช่วง บุนนาค) เป็นประธาน ตกลงที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลตามคำเสนอของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุม เพราะพระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ทรงคัดค้านว่า การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลนั้น ตามโบราณราชประเพณีเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของที่ประชุม ซึ่งทำความไม่พอใจให้แก่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ท่านจึงได้ย้อนถามว่า "ที่ไม่ยอมนั้น อยากจะเป็นเองหรือ" กรมขุนวรจักรธรานุภาพ จึงตอบว่า "ถ้าจะให้ยอมก็ต้องยอม" จึงเป็นอันว่าที่ประชุมเห็นสมควรที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล<SUP class=reference id=cite_ref-2>[3]</SUP>
    [แก้] กรณีวิกฤตการณ์วังหน้า


    <DL><DD>ดูบทความหลักที่ วิกฤตการณ์วังหน้า

    </DD></DL>เนื่องจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สนับสนุนให้ได้เป็นแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จึงทรงเกรงพระทัยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นอันมาก
    ในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๗-๒๔๑๘ ทรงริเริ่มปฏิรูปปรับปรุงการปกครองประเทศให้ทันสมัย โดย โยงอำนาจเข้าศูนย์กลาง ทรงตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ (Auditing Office ปัจจุบันคือ กระทรวงการคลัง) เพื่อรวมรวมการเก็บภาษีมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งกระทบกระเทือนต่อการเก็บรายได้ สร้างความไม่พอใจแก่เจ้านายและขุนนางเก่าแก่เป็นอันมาก โดยเฉพาะกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเดิมมีรายได้แผ่นดินถึง ๑ ใน ๓ มีทหารในสังกัดถึง ๒๐๐๐ นาย และมีข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก และเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ มีการสะสมอาวุธ มีความขัดแย้งระหว่างวังหลวงกับวังหน้า จนเกือบจะเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเรียกเหตุการณ์ขัดแย้งนี้ว่า วิกฤตการณ์วังหน้า <SUP class=reference id=cite_ref-3>[4]</SUP><SUP class=reference id=cite_ref-4>[5]</SUP>
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และเข้าไปคบค้าสนิทสนมกับนายโทมัส น็อกซ์ กงสุลอังกฤษ ประกอบกับในสมัยนั้น อังกฤษคุกคามสยาม ถึงขั้นเรียกเรือรบมาปิดปากแม่น้ำ ทางวังหลวงจึงหวาดระแวง เชื่อว่ามีแผนการจะแบ่งดินแดนเป็นสองส่วนคือ ทางเหนือถึงเชียงใหม่ ให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าครอง ทางใต้ให้กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญครอง นัยว่าเมื่อแบ่งสยามให้เล็กลงแล้วจะได้อ่อนแอ ง่ายต่อการเอาเป็นเมืองขึ้น
    เหตุการณ์บาดหมางเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เกิดระเบิดขึ้นที่ตึกดินในวังหลวง ไฟไหม้ลุกลามไปถึงพระบรมมหาราชวัง ทางวังหลวงเข้าใจว่าวังหน้าเป็นผู้วางระเบิด และไม่ส่งคนมาช่วยดับไฟ ส่วนกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ก็เสด็จหลบหนีไปอยู่ในสถานกงสุลอังกฤษไม่ยอมเสด็จออกมา เหตุการณ์ตึงเครียดนี้กินเวลาถึงสองสัปดาห์ จนกระทั่งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เดินทางกลับจากราชบุรี เข้ามาไกล่เกลี่ย โดยฝ่ายอังกฤษและฝรั่งเศสถือว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นการเมืองภายในของสยาม และไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทรงเป็นเจ้านายที่มีความสามารถหลายด้าน ด้านนาฏกรรม ทรงพระปรีชา เล่นหุ่นไทย หุ่นจีน เชิดหนัง และงิ้ว ด้านการช่าง ทรงชำนาญเครื่องจักรกล ทรงต่อเรือกำปั่น ทรงทำแผนที่แบบสากล ทรงสนพระทัยในแร่ธาตุ ถึงกับทรงสร้างโรงถลุงแร่ไว้ในพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๖ ทรงได้รับประกาศนียบัตรจากฝรั่งเศส ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาช่าง <SUP class=reference id=cite_ref-5>[6]</SUP>
    กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๓ ค่ำ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๔๗ (๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๘) พระชนมายุ ๔๘ พรรษา พระราชทานเพลิง ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใด ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง จนถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ จึงทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นมกุฎราชกุมาร และยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช ตั้งแต่นั้นมา
    [แก้] พระโอรส-พระธิดา

    [แก้] ประสูติก่อนอุปราชาภิเษก
    • พระองค์เจ้าชายแฝด (ไม่มีพระนาม) (พ.ศ. ๒๔๐๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมหลวงปริก เจษฎางกูร
    • พระองค์เจ้าหญิงปฐมพิสมัย (พ.ศ. ๒๔๐๕-๒๔๒๑) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดากรุด
    [แก้] ประสูติเมื่ออุปราชาภิเษกแล้ว
    • พระองค์เจ้าชายวิไลวรวิลาศ (พ.ศ. ๒๔๑๒) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเข็ม ทรงเป็นต้นสกุล วิไลยวงศ์
    • พระองค์เจ้าชายกาญจโนภาสรัศมี (พ.ศ. ๒๔๑๒-๒๔๖๓) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาปริกเล็ก ณ นคร ทรงได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นชาญไชญบวรยศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในรัชกาลที่ ๕ ทรงเป็นต้นสกุล กาญจนะวิชัย
    • พระองค์เจ้าชาย (ไม่มีพระนาม) (พ.ศ. ๒๔๑๓) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเวก
    • พระองค์เจ้าชาย (ไม่มีพระนาม) (พ.ศ. ๒๔๑๓) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาละม้าย
    • พระองค์เจ้าหญิงภัทราวดีศรีราชธิดา (พ.ศ. ๒๔๑๔-๒๔๔๒) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเลี่ยมเล็ก
    • พระองค์เจ้าชายกัลยาณประวัติ (พ.ศ. ๒๔๑๔-๒๔๗๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเลี่ยมใหญ่ ทรงได้รับสถาปนาเป็นกรมหมื่นกวีสุพจน์ปรีชา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ในรัชกาลที่ ๖ ทรงเป็นต้นสกุล กัลยาณะวงศ์
    • พระองค์เจ้าหญิงธิดาจำรัสแสงศรี (พ.ศ. ๒๔๑๔-๒๔๔๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียวใหญ่
    • พระองค์เจ้าหญิงฉายรัศมีหิรัญพรรณ (พ.ศ. ๒๔๑๔-๒๔๗๑) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาปุ้ย
    • พระองค์เจ้าหญิง (ไม่มีพระนาม) (พ.ศ. ๒๕๑๕) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเวก
    • พระองค์เจ้าหญิงกลิ่นแก่นจันทนารัตน์ (พ.ศ. ๒๔๑๕-๒๔๑๘) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจั่น
    • พระองค์เจ้าชายสุทัศนนิภาธร (พ.ศ. ๒๔๑๕-๒๔๖๑) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมหลวงนวม ปาลกะวงศ์ ทรงเป็นต้นสกุล สุทัศนีย์
    • พระองค์เจ้าชายวรวุฒิอาภรณ์ (พ.ศ. ๒๔๑๖-๒๔๕๘) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาป้อม ทรงเป็นต้นสกุล วรวุฒิ
    • พระองค์เจ้าชายโอภาสไพศาลรัศมี (พ.ศ. ๒๔๑๖-๓๕๕๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดากลีบ
    • พระองค์เจ้าชาย (ไม่มีพระนาม) (พ.ศ. ๒๔๑๖) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาอิน
    • พระองค์เจ้าหญิงอัปสรศรีราชกานดา (พ.ศ. ๒๔๑๖-๒๔๖๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาต่วน
    • พระองค์เจ้าชายรุจาวรฉวี (พ.ศ. ๒๔๑๗) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสมบุญ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๘ ทรงเป็นต้นสกุล รุจจวิชัย
    • พระองค์เจ้าหญิงเทวีวิไลยวรรณ (พ.ศ. ๒๔๑๘) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสุ่นใหญ่ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๘
    • พระองค์เจ้าชายวิบูลยพรรณรังษี (พ.ศ. ๒๔๑๙-๒๔๕๑) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียวเล็ก ทรงเป็นต้นสกุล วิบูลยพรรณ
    • พระองค์เจ้าชายรัชนีแจ่มจรัส (พ.ศ. ๒๔๑๙-๒๔๕๖) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเลี่ยมเล็ก ทรงได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ในรัชกาลที่ ๖ ทรงเป็นต้นสกุล รัชนี
    • พระองค์เจ้าชายไชยรัตนวโรภาส (พ.ศ. ๒๔๑๙-๒๔๔๐) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาปริกใหญ่
    • พระองค์เจ้าหญิงวิมลมาศมาลี (พ.ศ. ๒๔๑๙-๒๔๖๔) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจั่น
    • พระองค์เจ้าหญิงสุนทรีนาฎ (พ.ศ. ๒๔๒๓) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสุ่นเล็ก
    • พระองค์เจ้าหญิงประสาทสมร (พ.ศ. ๒๔๒๕-๒๔๕๖) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดายิ้ม
    • พระองค์เจ้าชายบวรวิสุทธิ์ (พ.ศ. ๒๔๒๖-๒๔๕๓) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสอาด ทรงเป็นต้นสกุล วิสุทธิ
    • พระองค์เจ้าหญิงกมุทมาลี (พ.ศ. ๒๔๒๗-๒๔๕๔) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เชื้อ อิศรางกูร
    • พระองค์เจ้าหญิงศรีสุดสวาดิ (พ.ศ. ๒๔๒๗-๒๔๘๙) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแข
    [แก้] อ้างอิง
    1. <LI id=cite_note-0>^ #REDIRECTuser:2T/ref/พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี <LI id=cite_note-1>^ http://www.vcharkarn.com/include/art...le.php?Aid=211 <LI id=cite_note-2>^ ทิพากรวงศ์, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ เล่ม ๒. พระนคร : โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๐๔. <LI id=cite_note-3>^ Untitled Document การแก้ไขวิกฤตชาติ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าหัว <LI id=cite_note-4>^ XREA.COM รัชกาลที่ ๕ กับการเสด็จอินเดีย พ.ศ. ๒๔๑๔ และความเข้าใจต่อการปฏิรูปแห่งรัชสมัย
    2. ^ http://www.thairath.co.th//thairath1...pr/17_4_48.php
    ที่มา กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ - วิกิพีเดีย


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เวลาที่ผมเข้าห้องพระ ถ้าผมเองทำอะไรไม่ถูก เวลามองที่รูปหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ถ้าผมเองทำอะไรไม่ถูก ท่านจะดุด้วยสายตาของท่าน แต่ถ้าทำอะไรที่ถูกต้อง ท่านก็จะยิ้มด้วยสายตาของท่าน

    อาจจะเป็นจิตใต้สำนึกของผมเอง หรือ หลวงปู่ท่านเมตตา ????
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไม่รู้มึนอารายยยยย ของผมรวมกับสหายทางธรรมของผมมีนับหมื่นองค์ ไม่รู้มึนอาการเดียวกันหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนกันสงสัยสมาธิคงจะสั้น[/QUOTE]

    แบ่งผมมั่งสิ อิอิ


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แอบนำมาเล่าให้ฟัง

    พี่เปี๊ยกได้นำพระวังหน้า(ขอสงวนชื่อพิมพ์) ไปให้แม่ค้าขายข้าวแกงคนนึง ซึ่งขายไม่ดีเลย พอแม่ค้าได้ไป ขายหมด(เร็ว)ทุกวัน

    ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ชอบหน้าแม่ค้า ยังมาสั่งอาหารอีกต่างหาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเลย

    ขออนุญาตพี่เปี๊ยกนะครับ

    ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมาก แต่ว่า ผมเองก้ไม่ได้นำมาลงในกระทู้พระวังหน้าฯ นี้เท่านั้นเองครับ

    .
     
  8. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    <table id="post3764929" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;">[​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("3764929")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> <table class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><thead> <tr> <td background="images/gradients/bg_p.gif"> [​IMG] สมาชิกที่กล่าว " ไม่เห็นด้วย " กับข้อความของ คุณ Lek2010 ที่เขียนไว้ทางด้านบน </td> </tr> </thead> <tbody id="collapseobj_post_groan_3764929" style=""> <tr> <td class="alt1"> <table class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr valign="top"> <td class="alt1"> sittiporn.s (วันนี้)
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2"> <center> </center>

    อันนี้มึนหนักกว่าอีก ว่าดิฉันไปเขียนตรงไหนให้คุณsitiporn ไม่เห็นด้วย
    เพราะที่เขียนคือหลักที่ดิฉันปฎิบัติเวลาที่เลือกทำบุญไม่ได้เกี่ยวข้องไปว่ากล่าวใคร
    เป็นสิ่งที่ดิฉันใช้พิจารณาว่าจะทำหรือไม่ทำเพราะเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของตัวดิฉันเอง

    ส่วนเรื่องPM บอกบุญจากใครไม่รู้ รวมถึง PM ขายสินค้ามาถึงดิฉันจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้นี้ ดิฉันได้รับก็เฉยไม่ได้นึกอยากร่วมด้วย เพราะไม่ชอบวิธีนี้แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะปกติใน email ก็เจอมาจนเบื่อ พอมาเว็บธรรมะ ก็ยังจะเจออีก เหนื่อยลยถือโอกาสบอกกล่าวลอยๆให้ใครก็ตามที่ใช้วิธีนี้เลิกส่งได้แล้ว เพราะเชื่อว่าคงอาศัยดูตามทู้ต่างๆเอาและส่ง PM อาจเห็นว่าเพิ่งสมัครมาใหม่คงไม่รู้อะไร ถึงไม่รู้อะไรแต่ก็ไม่ชอบถูกบังคับ หรือละเมิดความเป็นส่วนตัว มีเจตนาเท่านั้นจริงๆ แต่อาจเขียนออกมาแล้วสื่อในทางสับสนก็ขออภัยด้วย

    แต่หากไม่เห็นด้วยเนื่องจากเหตุผลอื่น อันนั้นก้แล้วแต่ค่า เหตุผลใครเหตุผลคนนั้น
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table>
     
  9. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    ดิฉันเข้าใจความรู้สึกคุณสิทะธิพงษ์ การโต้เถียงโดยใช้หลักการหรือทฤษฏีคนละอย่างย่อมหาข้อสรุปไม่ได้ ขนาดทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเวลาผ่านไปก็มีทฤษฏีใหม่มาหักล้างทฤษฎีเก่าอยู่เรื่อยๆ นักวิชาการยังตีกันแทบตายเพราะอาจารย์สอนต่างกัน อันไหนที่ถึงแก่นก็จะอยู่ได้นานและเป็นจริง ดิฉันไม่มีญาณ มีความรู้ทางธรรมน้อย แต่ไม่เคยลบหลู่เรื่องที่มองไม่เห็นเพราะบางเรื่องก้เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวเองและหาทางพิสูจน์ไม่ได้
    ความรู้เรื่องพระเครื่องก็แทบไม่มี แต่มีข้อดีนิดหน่อยคือเนื่องจากไม่รู้จึงไม่โลภ เมื่อไม่โลภโอกาสถูกหลอกก็น้อยลง หรือถุกหลอกก็เป็นเงินจำนวนไม่มาก อีกอย่างไม่ชอบบูชาพระเก่าเพื่อเก็งกำไรหรืออยากได้มาสะสมเพราะไม่รู้จะเอามาทำไม เงินไม่ได้เหลือเฟือมากมายขนาดนั้น จะบูชาก็แต่พระใหม่ที่เค้าจัดสร้างตามวาระเพื่อทำบุญ หรือเพราะเห็นแล้วถูกจิตมากกว่า จะทำบุญเมือ่จิตใจผ่องใสและอยากทำ แต่หากขณะนั้นจิตใจขุ่นมัวดิฉันจะไม่ทำต่อให้ยกอานิสสงฆ์มากมายมหาศาลก็ไม่ทำ ดิฉันไม่รู้จักใครในเว็บเป็นการส่วนตัว และไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ เข้ามาเพื่ออยากทำบุญตามที่ใจอยากทำและอ่านธรรมะที่อาจเป็นประโยชน์กับตัวเองบ้าง ยังเป็นคนที่ติดทางโลกอยู่เยอะ ได้แต่ค่อยๆ ขัดเกลาไปทีละน้อยไม่เร่งรัด สิ่งไหนที่เห็นว่าดีแล้วถูกจริตกับตัวเองก็ลองไปปฏิบัติ เนื่องจากความรู้น้อยจึงต้องหัดเป็นผู้ฟังให้มาก ฟังแล้วเอาไปคิดพิจารณาและคัดกรองในสิ่งที่คิดว่าเหมาะกับตนเอง
    เพราะแต่ละคนมีจริตต่างกัน ได้ผลไม่เหมือนกัน ก็อาศัยเรียนรู้จากประสบการณ์ผู้อื่นเอามาแยกแยะอีกที (ประเภทรักสบายอยู่บ้างขืนลองเองทุกอย่างใช้เวลานาน)

    คงอธิบายจุดประสงค์และสิ่งที่ดิฉันเขียนมาได้กระจ่างขึ้นบ้างแล้วนะคะ
    ส่วนใครจะยังติดใจอีก อันนี้ดิฉันปล่อยวางแล้วค่าเพราะถือว่าแสดงเจตจำนงค์ให้ทราบแล้ว
     
  10. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สวัสดียามบ่ายๆ ครับพี่ๆ เพื่อนๆ
    วันนี้ลาป่วยเป็นไข้หวัด สาเหตุเกิดจากความประมาท คิดว่าตัวแน่เพราะไม่ป่วยมาปีเศษ
    เมื่อวานเลยนอนแต่หัวค่ำ ตื่นอีกทีเที่ยงคืน เห็นเงียบๆดีเลยลองเข้าสมาธิได้ราวๆ 45 นาที นอนต่อ
    เช้ามาคิดว่าจะหาย เป็นหนักไปอีก แต่ยังลุกขึ้นสวดมนต์-ถวายน้ำพระ
    เมื่อสักครู่เกิดอยากขยายหิ้งพระ ปรากฎว่าเจอผงสีขาวใต้ฐานพระบูชา ลป.ทวด หายป่วยเลย :)
    เห็นบอร์ดวันนี้มีอะไรคึกคักจังแหมๆ อยากร่วมวงด้วยแต่เกรงจะมึนหนักไปอีก ไว้หายดีกว่านี้จะเข้ามา ขอให้ผมหายดีครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมแนะนำว่า หากมี pm ที่เราไม่ชอบ เราสามารถตอบกลับไปได้ว่า เราไม่ต้องการ น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงจุดมากกว่าครับ

    .
     
  12. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรียน ท่านผู้สนใจในพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และอยากอาราธนาเก็บไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ

    ของจริงอยู่นี่แล้ว จะมัวสังสัยอะไรอีก ทำบุญเราก็ได้บุญแน่ๆมากน้อยตามกำลังศรัทธาที่มีต่อองค์หลวงปู่ฯ และถ้าอยากได้พระพิมพ์ไปบูชาอีกเพิ่มเติมเป็นของแถม เพียงแต่แจ้งการทำบุญผาผึ้งมาเท่านั้น ท่านเลขาฯชมรมฯ ตรวจสอบยอดเงินแล้วก็จะส่งพระไปให้ท่าน โดยที่ท่านเลขาฯก็ไม่ได้มีส่วนแบ่งอะไรด้วยด้วยสักสตางค์ ที่สำคัญพระที่ท่านเลขาฯหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาเป็นสิบๆปี รวมค่าส่งก็เป็นทุนทรัพย์ส่วนตัวของท่านเอง

    เราอยากให้เป็นกติการ่วมกัน ณ ตอนนี้ เราอยากเห็นการทำบุญเข้าผาผึ้ง เป็นการแสดงศรัทธาต่อองค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร เพราะนี่เป็นจุดรวมใจการกุศลของคณะรักษ์พระวังหน้า
    อีกโครงการหนึ่งก็คือ กองทุนหาพระถวายวัด เป็นการรวมตัวกันภายในชมรมฯ และเราได้แสดงความคืบหน้าของกิจกรรมผ่านทางบอร์ดดังกล่าวอยู่แล้ว

    ควรมิควรก็แล้วแต่จะพิจารณา ขอโมทนาในกุศลบุญที่ท่านอยากจะทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2010
  13. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    มาแจ้งการโอนเงินทำบุยสร้างเจดีย์ค่า

    ดิฉันได้โอนเงินร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ไปแล้วนะคะเป็นจำนวนเงินเงินที่ดิฉันกำหนดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะทำ อันนี้คือส่วนที่ต้องการทำบุญไม่ได้บวกเรื่องส่วนที่อยากได้พระ หลักฐานการโอนแจ้งในเว็บทำบุญสร้างเจดีย์แล้ว

    ส่วนพระก็แล้วแต่คุณสิทธิพงาษ์ใช้จิตกำหนดดูแล้วกันค่า
    ว่าจะเลือกองค์ไหนให้ หากเกี่ยวกับวันเกิดก็ช่วยดูให้นิดแล้วกัน(
    ายละเอียดข้อมูลวันเกิดและที่อยู่ ดิฉันขอแจ้งใน PM นะคะรบกวนไม่นำขึ้นบอร์ด เพราะแค่นี้ก็หงุดหงิดกับการขายประกันทางโทรศัพท์มีมาได้เรื่อยๆไม่รู้ไปเอาเบอร์จากไหน ว่างๆจะทำเรื่องถึง สคบ. การขายข้อมูลลุกค้าบัตรเครดิตให้บริษัทประกัน น่าจะมีกฏหมายออกมาคุ้มครองซักที อย่าให้ถึงกับเข้ามาดูจากบอร์ดแล้วส่งไปตื้อถึงที่อยู่เลย ขอบ่นนอกเรื่องหน่อยเถอะค่ะ)

    อ้อรบกวนบอกรุ่น/ปีที่สร้างนิดนึงก็ได้อย่างน้อยก็ให้พอรู้จักบ้าง จะได้เรียกถูก
    หากมีวิธีปฏิบัติด้วยช่วยแจ้งด้วยเพราะเรื่องนี้ไม่ถนัดอย่างแรง ส่วนใหญ่อาศัยกำหนดจิตแล้วบอกกล่าวตรงๆเลย แต่ก็เข้าใจว่าบางครั้งพิธีกรรมก็เหมือนมารยาทอย่างหนึ่งหากทำบ้างก็น่าจะดี
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปัจจุบันผมคงไม่ไปโต้เถียงแล้วครับ เสียเวลา เพราะผมตั้งใจจะเก็บกวาดให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันไป

    เรื่องของการทำบุญให้ได้บุญเต็ม100นั้น ยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่ผมเชื่อว่า มีผู้ที่รู้จริงๆนั้น น้อย บางส่วนผมได้อธิบายในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ไปแล้ว ผมคงไม่นำมาบอกซ้ำอีก

    ส่วนเรื่องที่จะทำบุญและรับพระวังหน้า ผมเป็นคนนึงที่ค่อนข้างที่จะแข็งกร้าว หากจะทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ อย่างที่บอก ใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม ใครปลูกอะไรย่อมได้เช่นนั้น ปลูกมะม่วงต้องได้มะม่วง ไม่เคยมีที่ปลูกมะม่วงแล้วจะออกผลมาเป็นเมล็ดข้าว

    เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้ มีทำบุญและรับพระที่ไหน ต้องไปทำและรับพระมา แต่ในปัจจุบัน มีคนนำพระใหม่มาให้ ผมไม่เคยรับมาอีกเลย

    ในเรื่องกรรม ไม่มีใครที่แก้กรรมได้ หากมีคนที่บอกว่า สามารถแก้กรรมได้ นั่นแสดงว่า ต้องเก่งกว่าพระพุทธองค์ หรือ พระโมคคัลลานะ

    มีเพียงแค่ การหนีกรรมชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ตราบใดกรรมที่ติดตามตัวเราอยู่ ไม่เป็นอโหสิกรรม และกรรมได้ตามมาทัน เราเองยังต้องรับกรรมนั้นแน่นอนครับ


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของชื่อ ที่อยู่ ผมไม่นำขึ้นบอร์ดอยู่แล้วครับ รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ ส่วนตัวผมเองก็ไม่นำขึ้นบอร์ดเช่นกัน ยกเว้นแต่จะนำลงบอร์ดเอง

    โมทนาบุญทุกประการ
    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแนะนำเพิ่มเติม

    <TABLE class=tborder id=post3765708 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_3765708 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>โอนเงินร่วมทำบุญ<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ด้วยค่า จำนวน 500 บ
    โอนวันนี้นะคะได้อธิษฐานและอุทิศส่วนกุศลก่อนโอนเงินไปแล้วด้วย
    และได้ขอให้บุญที่ทำครั้งนี้ผู้ที่เป็นธุระในการจัดการบุญให้สำเร็จจงมีส่วนแห้่งบุญครั้งนี้ด้วยเทอญ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD class=style6 align=left>ผลการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลอื่น : รายการโอนเงินของท่านสำเร็จแล้ว</TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>
    </TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">เลขที่อ้างอิงการทำรายการ</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">2349526089201099</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">วัน/เวลาการทำรายการ</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">09-09-2010 14:44:50</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">บัญชีผู้โอน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">xxxxxxxxxxxxxxxx</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">ยอดเงินที่ถอนได้</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">xxxxxxxx</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">บัญชีผู้รับโอน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">KTB*พระวังหน้า*189-0-13128-8</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">นางพิชญ์สินี ชาญปรีชญา,นาย</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">จำนวนเงิน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">500.00 บาท</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">ค่าธรรมเนียม</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">8.00 บาท (เก็บ ณ วันเกิดรายการ)</TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">รวมจำนวนเงิน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">508.00 บาท </TD></TR><TR><TD width="10%">
    </TD><TD class=MessageBoxHeader2 vAlign=top width="40%">ประเภทการโอนเงิน</TD><TD vAlign=top align=left width="50%">ทันที</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("3765708")</SCRIPT> [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หากจะนำลง ไม่ควรบอกเบอร์บัญชีของตนเอง และ ยอดเงินคงเหลือ ครับ


    .
     
  17. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    ขอบคุณนะคะพอดียังไม่ชินกับระบบการใช้งานเท่าไหร่
    ปกติจะคาดดำทับแต่ที่เว็บนี้ไม่มีให้คาด เลยใช้สีขาวแทนแต่ไม่นึกว่าจะมองเห็นอีก
    จัดการลบทิ้งไปแล้วค่า
    ขอบคุณอีกครั้ง ม่ายงั้นสงสัย PM แปลกๆมาตรึมแน่
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแก้ไขเรื่องนึงครับ

    เรื่องของการทำบุญ ไม่ว่าจะทำมาก ทำน้อย ไม่มีผลต่อบุญที่เราทำ

    การทำบุญที่ให้ได้ผลสูงสุด จะมีปัจจัยอยู่ เรื่องของ ก่อนทำ , ขณะทำ , หลังทำ , ที่มาของเงิน , จิตของผู้ทำ และ การกรวดน้ำที่ถูกต้อง ซึ่งได้อธิบายไว้แล้วในกระทุ้พระวังหน้าฯ แต่จำไม่ได้ว่า หน้าไหน


    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีบูชาพระบรมครูพระเทพโลกอุดร

    คำบูชาบรมครูพระโลกอุดร

    นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯลฯ ( 3 จบ )
    <O:p</O:p
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร ปฎิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรา นุสาสะโก โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต อิฐะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ ปะระมะสาริกะธาตุ วะชิรัญจา ปิวานิตัง โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง เวเรนะ สุภาสิตัง โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา มะหาเถรา นุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม

    บทสวด แบบย่อหรืออาราธนาพระพิมพ์ (ได้ทุกทรงพิมพ์)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    หรือภาวนา ๓ จบ , ๗ จบ , ๙ จบ (เช้า-เย็น ตื่นนอนและก่อนนอน)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ

    หมายเหตุ : บทความที่นำมาเสนอนี้ได้รับการอนุญาตในการคัดลอกและเรียบเรียงเพื่อเผยแพรเป็นวิทยาทานจากท่าน อาจารย์ ประถม อาจสาครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นพระคุณและความกรุณาอย่างยิ่ง<O:p</O:p

    ผมขอเสริมนะครับ ท่านสามารถอาราธนาเป็นภาษาไทย ได้นะครับ ถ้ายังจำบทสวดของท่านไม่ได้ครับ

    ท่านที่ห้อยพระหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่ท่านเมตตาเสกให้นั้น หากมีความจำเป็นที่ต้องไปในสถานที่อโคจรทั้งหลาย ผมมีบทสวดที่ใช้ในการนี้มาฝากทุกท่านครับ

    ก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อิติภะคะโว
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด โสภะคะวา

    หรือก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อะระหัง
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด หังระอะ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่ได้บูชาพระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตไว้ให้นั้น ผมขอเรียนชี้แจงให้ทราบกันนะครับว่า การวางพระพิมพ์หรือวัตถุมงคลต่างๆ ต้องวางไว้ในที่เหมาะสม ควรใช้พวงมาลัยไว้พระพิมพ์ (เป็นการไหว้หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และเทวดาผู้ที่รักษาพระพิมพ์) พวงมาลัยที่ใช้ไหว้นั้น ต้องเป็นพวงมาลัยที่มีดอกรัก ,ดอกมะลิ ,ดอกกุหลาบ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ห้ามใช้พวงมาลัยที่เป็นดอกดาวเรืองโดยเด็ดขาด ส่วนการวางพวงมาลัย ควรหาพานมาเพื่อใช้ในการวางพวงมาลัยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หากท่านใดที่ได้ทำบุญไม่ว่าจะเป็นการทำบุญเรื่องอะไรก็ตาม ควรที่จะกรวดน้ำให้กับองค์ผู้อธิษฐานจิต(ผู้เสก) ,พระองค์ท่านผู้มีพระราชดำรัสหรือพระบัณฑูรให้สร้าง ,ผู้สร้าง(ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า,วังหลวง,วังหลัง,ช่างราษฎร์) ,เจ้าของเดิม และเทวดาประจำองค์พระพิมพ์ด้วยทุกๆครั้งนะครับ<O:p</O:p


    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก่อนหน้าที่ผมจะสวดบทบูชาองค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ผมจะสวดบทไหว้ 5 ครั้ง ก่อนเสมอ

    ไหว้ 5 ครั้ง<O[​IMG]</O[​IMG]





    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )<O[​IMG]</O[​IMG]





    วัดเทพศิรินทราวาส<O[​IMG]</O[​IMG]

    [​IMG]

    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html<O[​IMG]</O[​IMG]

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า<O[​IMG]</O[​IMG]
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา<O[​IMG]</O[​IMG]
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน<O[​IMG]</O[​IMG]
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน<O[​IMG]</O[​IMG]
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู<O[​IMG]</O[​IMG]
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู<O[​IMG]</O[​IMG]
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา<O[​IMG]</O[​IMG]
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา<O[​IMG]</O[​IMG]
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน<O[​IMG]</O[​IMG]
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์<O[​IMG]</O[​IMG]
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน<O[​IMG]</O[​IMG]
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา<O[​IMG]</O[​IMG]
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี<O[​IMG]</O[​IMG]
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น<O[​IMG]</O[​IMG]
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน<O[​IMG]</O[​IMG]
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์<O[​IMG]</O[​IMG]
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม<O[​IMG]</O[​IMG]
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม<O[​IMG]</O[​IMG]
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง<O[​IMG]</O[​IMG]
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง<O[​IMG]</O[​IMG]
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]

    (บทประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส<O[​IMG]</O[​IMG]

    ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    ต่อไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอเพิ่มเติมเรื่องราว ไหว้ 5 ครั้ง
    http://www.saktalingchan.com/index.p...icle&Id=262016

    [​IMG]



    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร<O:p</O:p

    วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร<O:p</O:p



    <O:p</O:p
    1. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงนี้ เมื่อพระคุณท่านมีอายุเพียง 27 ปี มีพรรษา 7 ยั่งยืนตลอดมาเป็นเวลาช้านานถึง 53 ปีฯ<O:p</O:p
    2. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ นั้นมีอายุเพียง 56 ปี เท่านั้น ฯ<O:p</O:p
    3. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งธรรมเนียมการเทศนาธรรมในวันอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ติดต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 45 ปี ล่วงแล้ว ฯ<O:p</O:p
    4. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ แลบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงสืบต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2481 ) ฯ<O:p</O:p
    5. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาติดต่อกันถึง 4 รัชกาล คือตั้งแต่รัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเวลาถึง 25 ปี ฯ<O:p</O:p
    6. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มีสัทธิวิหาริก-อันเตวาสิก มากที่สุดถึง 6,666 องค์ ฯ<O:p</O:p
    7. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นต้นกำเนิดตำราไหว้ 5 ครั้งให้ศิษยานุศิษย์ปฏิบัติตาม หากผู้ใดไหว้ครบ 1 ปี เป็นกำหนด ผู้นั้นจักได้รับรูปที่ระลึกจากองค์ท่านด้านหน้าเป็นรูปองค์ท่าน ด้านหลังเป็นรูปยันต์ภควัม จากกรึกนามองค์ท่านเป็นอักษรย่อ โดยลำดับแห่งราชทินนามนั้น ๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายได้จารึก 3 อักษรว่า พ.ฆ.อ. ซึ่งย่อจากราชทินนามว่า พุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ฯ<O:p</O:p
    8. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ ท่านเจ้าคุณพระโศภณศีลคุณ ( หลวงปู่หลุย พาหิยเถร ) ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 23 ปัจจุบันอายุ 92 ปี พรรษา 67 ( เกิด 9 สิงหาคม 2426 ) ยังเดินลงโบสถ์ลงสวดมนต์ทำวัตรได้เป็นประจำทุก ๆ วัน เป็นพระเถราจารย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือยิ่งของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ<O:p</O:p
    9. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ประพฤติปฏิบัติยอดเยี่ยม และเป็นพระเถระองค์สำคัญที่มีเกียรติคุณโด่งดังในปัจจุบัน คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ธมมฺวิตกฺโก ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 1740 ฯ






    ไหว้ 5 ครั้ง<O:p</O:p

    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์<O:p</O:p
    วัดเทพศิรินทราวาส<O:p</O:p



    <O:p</O:p
    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาใด ตามแต่เหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวกัน ถ้ามีดอกไม้ ธูปเทียน ก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประนมมือว่า นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสฺมพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภควา อรห<SUP>°</SUP> สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน<SUP>° </SUP>พุทฺโธ ภควาติ ฯ หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธฺมโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺ จตฺต<SUP>°</SUP> เวทิตพฺโพ วิญฺญหีติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 3ว่าสังฆคุณ คือ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ยทิทฺ จฺตตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสฺงโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนฺยโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรฺ ปุญฺญกฺเขตตฺ โลกสฺสาติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ นั่งพับเพียบประนมมือ ตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ พุทฺธ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ธมฺม<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ สงฺฆ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ฯ ทุติยมฺปิ พุทฺธ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ทุติยมฺปิ ธมฺม<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ทุติยมฺปิ สงฺฆ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ฯ ตติยมฺปิ พุทฺธ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ตติยมฺปิ ธมฺม<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ตติยมฺปิ สงฺฆ<SUP>°</SUP> สรณ<SUP>°</SUP> คจฺฉามิ ฯ ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ และครูบาอาจารย์เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ <O:p</O:p
    ต่อนี้ไปไม่ต้องประนมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่องและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้นพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณ มีบิดามารดาเป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ ทั้งเทพดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ<O:p</O:p
    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้หนี้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยอมือไม่ขึ้นก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เป็นเครื่องหยุดตนให้เป็นคนดีไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดีไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอจนตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มชั้นของตน ฯ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    ปัจฉิมโอวาท
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
    เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

    ธรรมของพระก็คือ
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
    ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
    ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

    (มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔)<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...