พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดื่มน้ำคั้น หัวผักกาดแดง กลายเป็นยาเพิ่มความทรหดอดทน
    ดื่มน้ำคั้น หัวผักกาดแดง กลายเป็นยาเพิ่มความทรหดอดทน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    [​IMG]

    สารไนเตรทที่มีอยู่ในน้ำคั้นหัวผักกาดแดง ช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนน้อยลงได้ จึงออกกำลังได้เหนื่อยน้อยลง...

    ดื่มน้ำคั้นหัวผักกาดแดง จะทำให้มีความทรหดอดทนเพิ่มขึ้น ออกกำลังได้นานขึ้นกว่าเดิมอีกถึงร้อยละ 16

    นักวิจัยมหาวิทยาลัยเอกเซอเตอร์ของอังกฤษได้ค้นพบเป็นคนแรกว่า สารไนเตรทที่มีอยู่ในน้ำคั้นหัวผักกาดแดง ช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนน้อยลงได้ อย่างที่ไม่เคยพบกันมาก่อน จึงออกกำลังได้เหนื่อยน้อยลง สงสัยว่าเป็นเพราะสารไนเตรท ได้เปลี่ยนเป็นไนเตรทออกไซด์ขึ้นในตัว จึงใช้ออกซิเจนน้อยลง ระหว่างการออกกำลัง

    พวกเขาได้พบจากการทดลองกับชายฉกรรจ์ 8 คน วัยระหว่าง 19-38 ปี เมื่อให้ดื่มน้ำหัวผักกาดแดงคั้น จะออกกำลังโดยการขี่จักรยานได้นานกว่าเวลาเฉลี่ยเดิม 11.25 นาที ขึ้นอีก 92 วินาที นอกจากนั้นยังปรากฏว่าความดันโลหิตก็ลดต่ำลงด้วย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • thairath 1.JPG
      thairath 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      19.1 KB
      เปิดดู:
      1,102
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นักจิตวิทยาแนะปรอทวัดอุณหภูมิสร้างความอบอุ่นในบ้าน
    นักจิตวิทยาแนะปรอทวัดอุณหภูมิสร้างความอบอุ่นในบ้าน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์


    สร้างความอบอุ่นในบ้านโดยใชปรอทวัดอุณหภูมิครอบครัว เทรนด์ใหม่สำหรับครอบครัวสมัยนี้

    สถาบันครอบครัวสมัยนี้ความห่างเหินมีมากขึ้น เพราะด้วยสภาพสังคมที่เร่งรีบ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ไปไกลกว่าก่อน ทำให้สมาชิกในคอบครัวมีการปฏิสัมพันธ์น้อยลง ไม่มีเวลาสื่อสารกัน อีกทั้งตัวลูกเองก็อาจจะติดเกมส์ เล่นคอมพิวเตอร์ ช่องว่างในครอบครัวจึงเกิดขึ้น และนำมาสู่ความไม่เข้าใจ และปัญหาของครอบครัว

    ดร. เพ็ญนี หล่อวัฒนพงษา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาทักษะการเรียนรู้ โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่าการสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเสนอเครื่องมือที่จะช่วยให้ครอบครัวนำมาใช้ให้เป็นกิจวัตรคือ การใช้ปรอทวัดอุณหภูมิครอบครัว ที่พัฒนาโดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เวอร์จิเนีย สเทียร์ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ขั้น ซึ่งห้ามลัดขั้นตอนเด็ดขาด


    [​IMG]



    1. มีการชมเชย และขอบคุณกันหรือเปล่า
    ในขั้นตอนนี้ขาดไม่ได้เลย และควรทำบ่อยๆ เนื่องจากจะเป็นประตูสู่การสื่อสารสองทาง และจะต้องมีการชมเชยกันอย่างจริงใจ เป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม

    2. มีคำถามอะไรไหม
    หลังจากชมเชย และขอบคุณแล้ว ก็จะเป็นโอกาสในการพูดคุยโดยในครอบครัวควรมีการเปิดโอกาสให้มีการถามคำถามกัน เช่น บางทีลูกอาจจะมีคำถามว่า “ทำไม หมู่นี้พ่อกลับบ้านดึกจัง” ในขณะเดียวกันพ่อก็ควรจะได้ถามลูกว่า “ตอนนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไง มีเพื่อนไหม”

    3. การเสนอแนะ
    ในทุกรอบครัวควรสร้างบรรยากาศให้มีการเสนอแนะได้ นให้ลูกมีการเสนอแนะบ้างว่า อยากไปดูหนังหรือเปล่า อยากทำอะไร อยากเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงในครอบครัวไหม มีข้อเสนอแนะอะไรในการที่จปรับปรุงบ้านให้สะอาดขึ้น

    4. ขอบ่น
    ทุกคนนั้นควรมีสิทธิ์บ่นได้ เช่น คุณแม่อาจจะบ่นว่าเหนื่อยจังเลย และหนูก็ยังไม่ได้เก็บของเรียบร้อย ในขณะที่ลูกก็มีสิทธิ์บ่นได้ว่าเบื่ออาหารนี้แล้ว พ่อบ้านก็มีสิทธิ์บ่นได้

    5. ความคาดหวัง
    ในครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนสามารถบอกความคาดหวังได้ เช่น ลูกคาดหวังว่าเสาร์ – อาทิตย์นี้คุณพ่อจะอยู่บ้าน หรือจะพาหนูไปเที่ยว สิ่งนี้อย่างน้อยให้เขาได้พูดออกมา จะทำได้หรือไม่ได้ก็ว่ากันอีกเรื่องนึง

    ทั้ง 5 ขั้นนี้ อย่างน้อยที่สุดทำอาทิตย์ละครั้ง ให้มีช่วงเวลาก่อนทานข้าว หลังทานข้าว หรือตอนเย็น ก่อนดูโทรทัศน์ด้วยกัน จะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความอบอุ่น และเข้าใจกันได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาทำทั้ง 5 ขั้นนี้ ก็เลือกทำสักอย่าง แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือขั้นแรก คือการชมเชย และขอบคุณ

    ทั้งนี้ ดร.เพ็ญนี ยังย้ำว่าการใช้ปรอทวัดอุณหภูมิครอบครัว ยังสามารถนำไปเพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กๆ แนวใหม่ด้วย โดยทางโรงพยาบาลจะได้จัดกิจกรรมอบรม Manarom Summer Camp เพื่อฝึกทักษะในการแก้ไขปัญหาร่วมกับสร้างค่านิยม และการนับถือตนเอง ฝึกทักษะทางการสื่อสาร ทักษะทางสังคม การเป็นผู้นำ ซึ่งเด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาศักยภาพโดยใช้เครื่องมือนี้ด้วย.

    โรงพยาบาลมนารมย์
    �ç��Һ��������� ੾�зҧ�آ�Ҿ�Ե��ШԵ�Ǫ �͡�� ��ا෾,Bangkok Thailand







    .
     
  3. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    - เมื่อวาน 13 เม.ย '53
    - หลานสาวผมกับสามีได้อัญเชิญพระบรมฯ 9 โถกลาง ส่วนของพระโลหิตธาตุ พระเสโทธาตุ อื่นๆอีกหลายสันฐานของสมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
    - กับส่วนของพระพุทธเจ้านามกัสสปะ
    - พระบูชาพระอุปคุตเถระเจ้า 2 องค์
    - และพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มาถึงเรียบร้อยแล้ว
    - ผมแกะออก เพื่อทำพิธีอัญเชิญลงโถแก้วแล้วขอขมาสรงน้ำ
    - สรงพร้อมๆกับพระบรมฯ พระบูชาอื่นๆที่ประดิษฐานอยู่ที่บ้าน เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

    - ชุดที่อัญเชิญไปที่ร้อยเอ็ดก็ถึงบ้านแล้ว
    - วันนี้เช้า 14 เม.ย '53 ...ทำพิธีสรงน้ำเสร็จแล้วอัญเชิญไปถวายตามวัดต่างๆที่สำคัญในย่านนั้น
    - พระบูชาพระอุปคุตเถระเจ้า (ตอนนี้ 14:12 ถวายแล้ว ประดิษฐานแล้ว)
    - พระบรมฯ กับพระพิมพ์ ถวายพระครูฯ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านหว่านไฟ ต.บ้านดู่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ท่านจะกระจายไปถวายต่อ
    - หนึ่งในวัดที่ถวายคือวัดหนองบัวบูรพา ต.หนองบัว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งมีพระเจดีย์อันใหญ่โตบรรจุพระธาตุ(ภาพล่าง)ของเกจิดังแห่งร้อยเอ็ด (หลวงปู่สุข ยโสธโร) อีกด้วย
    - อัญเชิญพระบรมฯไปร้อยเอ็ด 8 ชุดนะครับ
    [​IMG][​IMG]


    โมทนาสาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • d02.jpg
      d02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      55
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2010
  4. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สุขสันต์ วันสงกรานต์ 2553

    ขาวกับแดงตัดกันงดงาม...แตกแยกกันไปใย ให้น้ำตาคนไทยไหลริน ไม่จบสิ้น ...

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1130819.JPG
      P1130819.JPG
      ขนาดไฟล์:
      188.2 KB
      เปิดดู:
      109
    • P1130828.JPG
      P1130828.JPG
      ขนาดไฟล์:
      226.7 KB
      เปิดดู:
      126
    • P1130835.jpg
      P1130835.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.1 KB
      เปิดดู:
      2,201
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2010
  5. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    - น้ำพุร้อนแม่กาษา แม่สอด ตาก (ห่างจากตัวแม่สอดไปทางแม่ระมาด 10 กม.,จากปากทางเข้าอีก 7 กม.)
    - ลวกไข่เป็นวุ้น 10-15 นาที, อุณภูมิ 62-75 องศา c
    - มีสระว่ายน้ำ น้ำพุร้อน(อุ่นๆ) เด็กเล็ก, เด็กโต ผู้ใหญ่ (รวมมิตร)
    - มีห้องอาบน้ำ แช่น้ำพุร้อน แก้โรคทางข้อ กระดูก ผิวหนัง ความดัน โลหิตไหลเวียนดี ฯลฯ
    - ไม่มีกลิ่นกำมะถัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1130867.JPG
      P1130867.JPG
      ขนาดไฟล์:
      215.7 KB
      เปิดดู:
      88
    • P1130869.JPG
      P1130869.JPG
      ขนาดไฟล์:
      132.5 KB
      เปิดดู:
      93
    • P1130873.JPG
      P1130873.JPG
      ขนาดไฟล์:
      285.8 KB
      เปิดดู:
      91
    • P1130880.JPG
      P1130880.JPG
      ขนาดไฟล์:
      238.8 KB
      เปิดดู:
      85
    • P1130882.JPG
      P1130882.JPG
      ขนาดไฟล์:
      187 KB
      เปิดดู:
      88
    • P1130885.JPG
      P1130885.JPG
      ขนาดไฟล์:
      224.3 KB
      เปิดดู:
      864
    • P1130887.JPG
      P1130887.JPG
      ขนาดไฟล์:
      194.5 KB
      เปิดดู:
      87
    • P1130889.JPG
      P1130889.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.5 KB
      เปิดดู:
      87
    • P1130891.JPG
      P1130891.JPG
      ขนาดไฟล์:
      239 KB
      เปิดดู:
      94
    • P1130900.JPG
      P1130900.JPG
      ขนาดไฟล์:
      192.3 KB
      เปิดดู:
      97
    • P1130918.JPG
      P1130918.JPG
      ขนาดไฟล์:
      238.9 KB
      เปิดดู:
      96
    • P1130922.JPG
      P1130922.JPG
      ขนาดไฟล์:
      209.5 KB
      เปิดดู:
      95
    • P1130853.JPG
      P1130853.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.6 KB
      เปิดดู:
      90
    • P1130857.jpg
      P1130857.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.3 KB
      เปิดดู:
      81
    • P1130898.jpg
      P1130898.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.7 KB
      เปิดดู:
      102
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2010
  6. พระวัฒนา

    พระวัฒนา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +68
    ร่วมบริจาคเงินสร้างผ้าป่ามหากุศลแด่พระสงฆ์ไทย

    อาตมาภาพพระวัฒนา อธิจนฺโท เป็นพระนักศึกษาพุทธศาสตร์ชั้นปี่ที่4 แล้ว โดยฐานะส่วนตัวก็เป็นพระนักเขียนหนังสือแนวธรรมะเพื่อเผยแพร่รุ่นใหม่ต้องการให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญร่วมกุศลในการถวายปัจจัยสมทบทุนเพื่อ"โครงการสร้างผ้าป่ามหากุศลทางการศึกษาของพระสงฆ์ครั้งที่1"เพื่อถวายเป็นสังฆบูชาแด่พระนักศึกษาทางธรรมทั่วประเทศ และต้องการสร้าง"มูลนิธิเพื่อการศึกษาของพระนักศึกษาไทย" เพื่อการเผยแผ่พระธรรมคำสอนไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก เพราะว่าต้องการถวายสักการะบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระครูบาอาจารย์สงฆ์เจ้าทุกๆ พระองค์ และเพื่อเชิดชูพระเกียรติของพระราชวงศ์ไทยทุกๆพระองค์ ให้ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญถึงพระคุณของพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ของไทยทุกพระองค์
    โดยท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสร้างมหากุศลทางปัญญาแด่มูลนิธินี้ได้โดยการโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 741-0-09478-8
    อาตมาภาพต้องขอแสดงการอนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกับอาตมาภาพในการสร้างกุศลเพื่อการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ในครั้งนี้ด้วย เพื่อจุดประสงค์ที่ดีในการสร้างปัญญา เพื่อแก้ปัญหาให้กับพระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชนทุกท่าน เพื่อสร้างพระนักปฏิบัติ พระนักเทศน์ พระนักเผยแผ่ธรรมะ รุ่นใหม่ สมดังพระพุทธภาษิตบทหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ว่า
    "นตฺถิ ปญฺญา สมา อาภา ....แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญา ย่อมไม่มี" เพื่อการโอบอุ้มพระพุทธศาสนาด้วยกันต่อไป ขออนุโมทนาธรรม..สาธุ
    เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ระบบดีแทค 086-8149-140
    ระบบวันทูคอล 082-2948-700
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>
    "ตงสือซีสู้" : "กินทางตะวันออก นอนทางตะวันตก" [​IMG]
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    14 เมษายน 2553 09:58 น.[​IMG]

    《东食西宿》


    东(dōng) อ่านว่า ตง แปลว่า ตะวันออก
    食(shí) อ่านว่า สือ ในที่นี้แปลว่า กิน
    西( xī) อ่านว่า ซี แปลว่า ตะวันตก
    宿(sù) อ่านว่า สู้ แปลว่า พัก ค้างแรม


    [​IMG]

    ภาพจาก �����Ͱ͡��й�-ȫ������������ó���г� [​IMG][​IMG]

    เล่ากันว่าในยุคจีนโบราณ แคว้นฉีปรากฏหญิงสาวงามเพียบพร้อมนางหนึ่ง เมื่อถึงวัยที่นางจะมีคู่ครองออกเรือนได้แล้ว จึงมีผู้มาสู้ขอ 2 ราย โดยผู้ที่มานั้นก็คือเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ทางด้านทิศตะวันตก และทิศตะวันออกนั่นเอง

    ครอบครัวที่มาจากทิศตะวันออกนั้นมีฐานะร่ำรวย บุตรชายเป็นพ่อค้ากว้างขวางในสังคม ทว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้แหร่ ส่วนครอบครัวจากทิศตะวันตกยากจนข้นแค้น บุตรชายเป็นนักวิชาการผู้หนึ่ง แต่ก็มีรูปร่างหน้าตางดงามน่าดูยิ่งนัก

    บิดา-มารดาของหญิงงามผู้นี้ต่างมีความลำบากใจต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องเพราะหากตบแต่งไปกับผู้ที่เป็นเศรษฐีก็รังเกียจที่เขาหน้าตาขี้ริ้ว หากออกเรือนไปกับครอบครัวที่ยากจนก็เกรงบุตรสาวจะต้องไปตกระกำลำบากในภายภาคหน้า สองสามี-ภรรยาคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก สุดท้ายจึงได้เรียกบุตรสาวมาเพื่อสอบถามความสมัครใจของเจ้าตัวต่อหน้าสองครอบครัวที่เดินทางมาสู่ขอ

    เมื่อหญิงงามผู้เป็นบุตรีมาถึง สองสามี-ภรรยาจึงนำเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้นี้บอกกล่าวกลับนางจนหมดสิ้น อีกทั้งยังกำชับนางว่า "เจ้ายินดีที่จะออกเรือนไปกับผู้ใดไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาตอนนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเขินอาย เพียงเจ้ายื่นแขนออกมาก็เพียงพอแล้ว หากเจ้าสมัครใจตบแต่งไปกับคุณชายบ้านตะวันออกก็จงยื่นแขนซ้ายออกมา แต่หากเจ้าพึงใจคุณชายบ้านตะวันตกก็จงยื่นแขนขวาออกมาแทน เช่นนี้ก็อยู่ที่เจ้าว่าจะตัดสินใจเช่นไร?"

    เมื่อสองสามี-ภรรยากล่าวจบ หญิงงามผู้เป็นบุตรีก็ค่อยๆ พับแขนเสื้อด้านซ้าย ต่อมาก็พับแขนเสื้อด้านขวา สุดท้ายกลับชูทั้งสองมือขึ้นมาให้บิดามารดาเห็นชัดเจนอย่างไม่ลังเล

    สองสามี-ภรรยาเห็นดังนั้น ได้แต่ตกตะลึงอ้าปากค้าง ขบคิดไม่เข้าใจถึงการกระทำของบุตรี จึงได้เอ่ยถามออกมาอย่างมึนงงว่า "นี่ นี่นับเป็นอะไรได้?"

    "นับเป็นอะไรได้..." หญิงงามในใจมีความคิดอ่านของตนเองอยู่แล้ว จึงได้อธิบายให้สองผู้เฒ่าเข้าใจว่า "ข้าล้วนสมัครใจออกเรือนไปกับคุณชายทั้งสองบ้าน! เมื่อถึงเวลานั้น ยามกลางวันข้าย่อมอยู่กับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อกินอาหารให้อิ่มท้อง ส่วนยามค่ำย่อมไปหลับนอน ณ บ้านของคุณชายผู้ยากไร้แต่งดงามผู้นั้น เช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องลำบากยากไร้ ทั้งยังได้ชายรูปงามมาเป็นสามีแล้ว"

    สำนวน "ตงสือซีสู้" หรือ "กินทางตะวันออก นอนทางตะวันตก" ใช้เปรียบเปรยในทางลบว่า ผู้ที่โลภมากนั้นไม่ว่าผลประโยชน์ทางใดล้วนต้องการเอาไว้เป็นของตัวทั้งสิ้น โดยไม่คำนึงถึงขนบจารีตประเพณี ความถูก-ผิด หรือกฏเกณฑ์ใดๆ

    สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) หรือส่วนขยายนาม(定语)



    ที่มา �ٶȰٿơ���ȫ���������İٿ�ȫ��
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9 นิ้ว

    ที่ผมเคยแจ้งไว้ว่า ได้อัญเชิญให้กับคุณณัฐสิทธิ์ เพื่อที่จะถวายที่วัดแสงอรุณวราราม ทางคุณณัฐสิทธิ์และคุณสืน เป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้ถวายพระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9 นิ้ว กับพระอาจารย์ทวี ปนนภาโร วัดแสงอรุณวราราม บ้านหนองแคน ต.ดงยาง อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ในวันนี้เรียบร้อยแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ส่วนรูปนั้น ต้องขออภัย เนื่องจากรูปที่ผมได้รับจากคุณณัฐสิทธิ์ ที่ส่งให้ผมทางมือถือ รูปที่ได้มาเป็นรูป(ขนาด)เล็กครับ

    โมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดทุกๆท่านครับ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • c5b66506.jpg
      c5b66506.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.9 KB
      เปิดดู:
      877
    • c5b6f407.jpg
      c5b6f407.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      823
    • c5b75f08.jpg
      c5b75f08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      780
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มีข่าวมาฝากจากพี่สิทธิพรครับ

    น้องพัช เป็นผู้ที่ส่งข้อมูลมาให้ ตามนี้ครับ

    เรียน ทุกท่าน

    ขอเชิญทุกท่านร่วมโมทนาบุญในการถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแด่พระภิกษุที่บวชใหม่ ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนทิพย์โลกอุดร ระหว่างวันที่ 3 - 22 เมษายน 2553 เวลา 8.00-9.00 น. ทุกวันค่ะ


    โมทนาสาธุค่ะ

    -----------------------------------------

    วันนี้ ทางลูกน้องและเพื่อนลูกน้องพี่สิทธิพร จำนวน 10 ท่าน ได้ไปบวชที่วัดสันติวนาราม (วัดหนองผักหนาม) ซึ่งพระครูสุเมธ (เจ้าคณะอำเภอฝาง ท่านบวชมาจากวัดอโศการาม สมุทรปราการ) ท่านเป็นผู้ที่บวชให้ เริ่มบวชประมาณเวลา 9.00 น.(วันเสาร์ที่ 3 เมษายน 2553) และในช่วงบ่ายก็เดินทางกลับไปที่สวนทิพย์โลกอุดร (ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่)

    มีอีก 1 ท่าน จะบวชในวันที่ 5 เมษายน 2553 จะไปบวชที่วัดบวรนิเวศ (บวชแล้ว)

    และมีอีก 2 ท่าน จะบวชในวันที่ 10 เมษายน 2553

    ทุกๆท่านที่บวชนี้ มีกำหนดการสึกในวันที่ 22 เมษายน 2553

    ที่สำคัญ อย่าลืมที่น้องพัชแจ้ง(ตามข้างบน)นะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]

    อย่าลืมโมทนาบุญกันครับ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12042010030.jpg
      12042010030.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.4 KB
      เปิดดู:
      603
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หนทางรอด ธัมมิกสังคมนิยม /อ้วน อารีวรรณ
    Celeb Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 เมษายน 2553 12:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> jatung_32@yahoo.com

    เชื้อโมหะ โทสะ และโลภะ มีอยู่แล้วในใจของทุกคน จะแตกตัวใหญ่โตแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผัสสะที่แต่ละคนได้สัมผัสผ่านอายตนะทั้งหกของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น “ตาเห็นรูป” “หูฟังเสียง” “ลิ้นลิ้มรส” “กายสัมผัส” “จมูกได้กลิ่น” “ใจนึกคิด” สรุปสุดท้ายก็มาลงที่ใจ .. อะไรๆ ที่เราได้สัมผัสรับรู้ได้ ก็มาลงที่ใจทั้งนั้น..

    เมื่อผัสสะเหล่านี้ได้ผสมผสานกับเชื้อกิเลสเดิม ที่แต่ละคนมีอยู่ในตัวเแตกต่างกันไปมากบ้างน้อยบ้างไม่เท่ากัน แต่สุดท้าย “ใจก็เป็นทุกข์เหมือนกันหมด”

    ถามว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ มีวิธีทำให้ไม่ทุกข์ได้ไหม?

    ตอบว่า “ยากมาก”

    เพราะทั้งตาเห็นรูป หูฟังเสียง ในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านในเมืองของเรา มันดูย่ำแย่มากๆบางคนจึงใช้วิธีปิดหู ปิดตา ตัวเอง โดยการไม่รับฟังข่าวสารใดๆ เลย แต่ในใจตัวเองก็ยังมีความกังวลและความทุกข์ ไม่อยากให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น

    ตามหลักอริยสัจ 4 ในพระพุทธศาสนา ที่เป็นความจริงมีอยู่คู่โลกมานานแสนนาน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และทรงชี้ให้เราดูว่า

    ๑.ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ

    ๒.สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
    ๓.นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ที่ทำให้ทุกข์นั้นหมดไป
    ๔.มรรค คือ วิธีปฏิบัติเพื่อไปสู่ความดับทุกข์

    ถ้าจะเปรียบเทียบกับความเจ็บป่วยของมนุษย์

    ทุกข์ ก็เปรียบเสมือน สภาพความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
    สมุทัย ก็เปรียบเสมือน ตัวเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุของความเจ็บป่วย
    นิโรธ ก็เปรียบเสมือน สภาพที่หายจากความเจ็บป่วยนั้นแล้ว
    มรรค ก็เปรียบเหมือน วิธีการรักษาจนหายเจ็บป่วย

    แต่จะว่าไปแล้ว “ความทุกข์” ที่เรากำลังเผชิญหน้ากันอยู่ในขณะนี้ เป็นความทุกข์ที่ใหญ่ยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก หรือทุกข์ของสังคม โดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก “เชื้อความเห็นแก่ตัว” และ “การขาดศีลธรรมประจำใจ

    แค่คิดว่า เราจะทำอย่างไร? ที่จะทำให้ทุกคนสามารถก้าวพ้นความเกลียดชัง หรือสามารถก้าวพ้นความแตกแยกที่เกิดขึ้นในคนไทยด้วยกันได้ และประเทศไทยจะจบลงด้วยภาพแบบไหน เราได้แต่หวั่นไหว หวาดกลัว และห่วงใยไปกับอนาคตที่พร่ามัวไม่ชัดเจนนั้น

    เมื่อ “การเมือง” กลายเป็นเรื่องของ “อำนาจ” ที่ประกอบไปด้วย “ความเห็นแก่ตัว” ที่สามารถทำให้ชีวิตของคนหลายๆ คน เปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายได้อย่างรวดเร็ว

    ท่านพุทธทาสได้กล่าวถึง “การเมือง คือ อะไร?” ดังนี้

    “การเมือง คือ สิ่งที่ตั้งจากรากฐาน อยู่บนความทะเยอทะยาน ในการอยู่เติบ กินเติบ หรือ ความมัวเมาในความสุขทางเนื้อหนัง โดยปราศจากการนึกถึงโลกหน้า พระเป็นเจ้า และความตาย”

    โดยเราลืมสัจธรรมที่สำคัญยิ่ง คือ “ยิ่งโลกทุนนิยม หรือวัตถุนิยม แผ่ขยายแนวคิดความเจริญทางวัตถุมากขึ้นเท่าไร ความเจริญทางวัตถุนั้นเองจะเข้ามาทำลายวัฒนธรรมแห่งความสงบ หรือสันติภาพ เพราะทุนนิยมหรือวัตถุนิยมเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตเรา มากกว่าความดีในจิตใจมนุษย์”

    สุดท้าย “การเมือง” กลายเป็นเรื่องของการเอาชนะคะคานกันระหว่างผู้ที่มีอำนาจในสังคม ไปในที่สุด

    ท่านพุทธทาสได้กล่าวว่า “ถ้าจะให้ธรรมครองโลก” ได้ ต้องประกอบด้วย

    1 ต้องจัดระบบการศึกษาเสียใหม่ อย่าให้จิตใจของมนุษย์ทั้งหมดไปเป็นทาสของกิเลส

    2 ต้องปรับปรุงสัมมาทิฎฐิกันเสียใหม่ ไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
    3 ต้องยึดหลักสัมมาทิฎฐิ ไม่เมาปรัชญา มีสติปัญญาเฟ้อ
    4 ต้องระดมปรับปรุงทางศีลธรรมกันเป็นการใหญ่ เพราะว่าได้เสื่อมทรามลงจนไม่รู้ว่า อะไรเป็นศีลธรรมแล้ว และ
    5 ต้องมีระบบการเมืองแบบธัมมิกสังคมนิยม

    หลายคนอาจสงสัยคำว่า “ธัมมิกสังคมนิยม” ที่ท่านพุทธทาสกล่าวถึงคืออะไร กล่าวโดยสั้นๆ “ธัมมิกสังคมนิยม” มีหลักการพื้นฐาน 3 ประการ คือ

    1. ถือประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งแสดงถึงเค้าโครงทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองทั้งหมด เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ทุกสิ่งต้องอยู่ร่วมกันพึ่งพาอาศัยกันในฐานที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบ

    2. การควบคุมตัวเองและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ซึ่งแสดงถึงการควบคุมพฤติกรรมของปัจเจกบุคคล เพื่อให้สัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ อย่างสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ให้ละเมิดต่อประโยชน์สุขส่วนรวม ตระหนักว่าทุกสิ่งต้องอยู่ร่วมกัน หลักการควบคุมตัวเองนี้เป็นการมองชีวิตในด้านดียิ่งกว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพของมนุษย์ การกำหนดวางแบบแผนชีวิตอันเรียบง่ายและพอเหมาะพอดีไว้ ในขณะเดียวกันก็เตือนให้ระลึกว่าความพอเหมาะพอดีที่ว่านั้นอาจแตกต่างกันไปได้ในระหว่างบุคคล กลุ่มและสังคมที่มีวัฒนธรรมต่างๆ กัน ด้วยหลักทางสายกลางอันไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินไป ไม่สุดโต้งไปในทางลุ่มหลงปรนเปรอตนเองหรือทรมานตน

    3. มีความเคารพนับถือและเมตตากรุณาต่อกันในการให้คุณค่าต่อชีวิตของสรรพสัตว์ ซึ่งอธิบายถึงท่าทีที่เราพึงมีต่อชีวิตในทุกรูปแบบ เป็นท่าทีที่ยอมรับนับถือปัจเจกบุคคลแต่ละคนแต่ละชีวิตที่อยู่ร่วมในสากลโลกเดียวกับเรา อันเป็นการเชิดชูส่งเสริมสันติภาพและประณามสงคราม

    หรือกล่าวได้ว่า “ธัมมิกสังคมนิยม คือ ระบอบที่ถือเอาประโยชน์ของสังคมเป็นหลักและประกอบไปด้วยธรรมะ ไม่มีการกอบโกยเอาส่วนเกิน เป็นประชาธิปไตยที่ไม่ให้โอกาสแก่บุคคลเพียงคนเดียวสามารถกอบโกยส่วนเกิน

    เพราะการเมืองที่แท้จริงสำหรับมนุษย์ ต้องตั้งรากฐานอยู่บนรากฐานทางศาสนา ของทุกศาสนาที่มีอยู่ว่า สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น เราทุกคนจึงควรรู้จักพอ และมีเมตตากรุณาต่อกัน”

    แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด..จะเป็นจริงได้ คงต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนว่ามีสติกำกับกิเลสหรือปีศาจร้ายในใจของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน?

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนังสือที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร หากท่านใดสนใจไปซื้ออ่านกันได้

    หนังสือ "พุทธศาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย พระราชกวี(อ่ำ) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กทม."

    [​IMG]


    [​IMG]


    วัดโสมนัสวิหาร ราชวรวิหาร
    ๖๔๖ ถนนกรุงเกษม แขวงโสมนัส
    เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐
    เบอร์โทร ๐๒-๒๗๑-๗๙๔๔
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือน"บวชเณร"ภาคฤดูร้อน ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
    Matichon Online: ˹ѧ

    เตือน"บวชเณร"ภาคฤดูร้อน ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271236554&grpid=&catid=04
    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    พระรัตนเมธี วัดแก้วฟ้าจุฬามณี ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ในเขตกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า อาตมาอยากขอเตือนไปยังผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานเข้าบรรพชาสามเณรฤดูร้อนในช่วงเวลานี้ ควรจะไปดูวัดหรือสำนักสงฆ์ให้แน่ใจว่า สถานที่ที่ทำการบรรพชานั้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์จริงๆ และที่สำคัญควรให้บุตรหลานบรรพชาในวัด หรือสำนักสงฆ์ใกล้บ้าน เพราะจะได้รู้ว่าพระสงฆ์ที่อยู่ที่วัดหรือสำนักสงฆ์แห่งนั้นมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ไม่ควรที่จะให้ไปบรรพชาในวัดที่ห่างไกล เนื่องจากจะทำให้พวกมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการหากินได้ ซึ่งการบรรพชาสามเณรนั้นจะต้องมีพระอุปัชฌาย์ และเมื่อบรรพชาแล้วในการออกบิณฑบาตก็ต้องบิณฑบาตในรัศมีใกล้ๆ วัด ไม่ใช่ออกบิณฑบาตข้ามจังหวัด ข้ามเขต ซึ่งถ้าพบในลักษณะนี้ให้สันนิษฐานได้เลยว่า เป็นการออกบิณฑบาตเพื่อเรี่ยไรเงิน และให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพระวินยาธิการให้เข้าไปตรวจสอบได้ทันที อย่างกรณีพระบุญช่วย ปัญญาวโร จากสำนักสงฆ์เอราวัณ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี อายุ 70 ปี พาสามเณรที่บวชในภาคฤดูร้อน จำนวน 16 รูป ออกจากสำนักสงฆ์ มาที่จังหวัดนครปฐมแล้วออกเดินเรี่ยไรขอรับบริจาคในตลาดปฐมมงคล จนถูกพระวินยาธิการของจังหวัดนครปฐมส่งกลับไปให้เจ้าคณะผู้ปกครองดำเนินการ

    พระรัตนเมธีกล่าวต่อว่า โดยภาพรวมของพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ออกบิณฑบาตเรี่ยไรเงิน หรือบิณฑบาตอยู่กับที่ โดยสมรู้ร่วมคิดกับแม่ค้าอาหารถุง เมื่อมีคนมาซื้ออาหารใส่บาตรแล้วก็จะนำกลับมาเวียนวางขายใหม่ รวมไปถึงการปลอมบวช ก็ยังมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดี นอกจากนี้ เป็นเพราะกฎหมายที่ใช้บังคับลงโทษยังค่อนข้างเบา
     
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุทุกประการครับ ...

    วันนี้ 15 เม.ย. ... เป็นวัน"พญาวัน" เป็นวันที่จะกระทำการวันมงคลที่ดีสุดของชาวล้านนา ... เปิ้นว่าจะอั้น

    ผมเองก็สรงน้ำพระบรมฯ กับสรงน้ำพระบูชาแต่เช้าเลย ไม่ได้ไปทำบุญที่วัด เพราะต้องทำงาน (หยุดแค่วันที่ 13 เม.ย วันเดียว)

    ปีใหม่ไทย ๒๕๕๓ นี้ ขอให้คนไทยทุกคนตลอดจนผู้ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งองค์พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย จงมีความสุขชื่นเย็นกันโดยง่าย รักกันให้มากๆ นะครับ

    ...ด้วยความเป็นห่วงยิ่ง :)

    การสรงน้ำพระนั้นเป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า "อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษกจะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1440.jpg
      IMG_1440.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      141
    • IMG_1489.jpg
      IMG_1489.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      152
    • IMG_1510.jpg
      IMG_1510.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      136
    • IMG_1526.jpg
      IMG_1526.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.6 KB
      เปิดดู:
      138
    • IMG_1532.jpg
      IMG_1532.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.5 KB
      เปิดดู:
      137
    • IMG_1615.jpg
      IMG_1615.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.7 KB
      เปิดดู:
      143
    • IMG_1738.jpg
      IMG_1738.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.2 KB
      เปิดดู:
      129
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของ กองทุนหาพระถวายวัด ผมได้ไปตั้งกระทู้ กองทุนหาพระถวายวัด ที่ PaLungJit.com > กลุ่มชมรม > พระเครื่อง-วัตถุมงคล > พระวังหน้า > กองทุนหาพระถวายวัด

    สามารถไปอ่านเรื่องราวของกองทุนหาพระถวายวัด ย้อนหลัง(บางส่วน)ได้ครับ

    โมทนาบุญทุกประการครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รวมฮิต 4 โรคหน้าร้อน ช่วยทุกบ้านรู้เท่าทันพร้อมรับมือ!
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 เมษายน 2553 08:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อนก็จริง แต่หลังๆ นี้ มันช่างร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ร้อนจนทำให้คนในบ้านบางคนรู้สึกหงุดหงิด และอารมณ์เสียได้ง่าย ซึ่งนอกจากร้อนแบบหงุดหงิดแล้ว ยังเป็นช่วงที่เหล่าเชื้อโรคต่างเริงร่าเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะแฝงตัวมากับอาหาร หรืออากาศ

    เพื่อให้ทุกบ้านรู้เท่าทัน และเตรียมพร้อมรับมือ ทีมงาน Life and Family ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์จากโรงพยาบาลกรุงเทพเกี่ยวกับโรคฮิตในช่วงหน้าร้อนมาฝากกัน โดยมี 4 โรคยอดนิยมดังนี้

    ระวัง! มันมากับอาหาร

    เริ่มจาก "โรคอาหารเป็นพิษ" โรคนี้เกิดจากการรับประทานเชื้อโรค หรือสารพิษของเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารเข้าไปในร่างกาย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไป โรคอาหารเป็นพิษอาจเกิดขึ้นทีละหลายๆ คน โดยการกินอาหารปนเปื้อนชนิดเดียวกัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับอาหารปิกนิก อาหารที่ไม่ได้เก็บแช่ไว้ในตู้เย็น อาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านานๆ โดยไม่มีการแช่เย็น หรืออุ่นให้ร้อนอยู่เสมอ อาหารที่เตรียมขึ้นอย่างไม่สะอาด บางครั้งพบในอาหารที่ปรุงไม่สุก

    กับโรคนี้ จากข้อมูลคนป่วยพบว่า เด็ก และคนชรามีโอกาสเสี่ยงสูง โดยอาการของโรคมักเกิดภายใน 2-6 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อ หรือสารพิษของเชื้อ เริ่มตั้งแต่มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางครั้งอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ถ้าถ่ายอุจจาระมากจะเกิดอาการขาดน้ำและสารเกลือแร่ในร่างกาย ร่างกายอ่อนเพลีย ทางป้องกันที่ดีคือ ควรกินอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ทานอาหาร ที่เก็บไว้ค้างคืนนานๆ เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น

    นอกจากนี้ ยังทำให้เกิด "โรคอุจจาระร่วง" เป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โปรโตซัว และหนอนพยาธิ เชื้อก่อโรคเหล่านี้สามารถติดต่อได้โดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นอาการสำคัญของโรคอุจจาระร่วง อาจถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายมีมูกปนเลือด โดยทั่วไปมักจะอาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันได้มาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ระวัง! มันมากับน้ำลาย

    โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำเกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน ส่วนใหญ่พบในสุนัข แมว ค้างคาว ติดต่อได้ทั้งการโดนกัด ข่วน หรือถูกเลียบริเวณที่มีแผลถลอก หรือน้ำลายสัตว์ที่มีเชื้อเข้าตา ปาก หรือจมูก ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการภายใน 15-60 วัน บางรายอาจนานเป็นปี เมื่อเป็นโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่มียารักษา ทำให้เสียชีวิตทุกรายภายใน 2-7 วันหลังแสดงอาการ จึงต้องรีบให้วัคซีนทันทีเมื่อได้รับเชื้อ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบทันที เพื่อเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ หากถูกสัตว์กัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่ และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และฉีดวัคซีนป้องกัน

    ระวัง! มันมากับแสงแดด

    นอกจากช่วงหน้าร้อน จะเป็นช่วงที่เชื้อโรคเติบโตได้ดีแล้ว ตัวการอย่างแสงแดดโดยตรง มีผลต่อร่างกายไม่น้อย โดยเฉพาะผิวไหม้แดด หรือ Sun Burn เกิดจากการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน โดยอาการไหม้แดดจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน ถ้ายิ่งขาวมากเท่าไร ผิวจะยิ่งไหม้เร็วเท่านั้น และอาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ บวม แดง ร้อน และอาการปวดแสบปวดร้อน นอกจากนี้อาจมีอาการคันร่วมด้วย

    ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการออกแดด หรือทาครีมกันแดด ครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ครีมเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิวหนัง และทาพวกแอนตี้ฮีสตามีน เพื่อลดอาการคัน และสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ป้องกันแดด หลีกเลี่ยงการขัดถู และงดใช้สารต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังแห้ง เช่น สบู่ ตรงบริเวณที่เป็นผิวไหม้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือเป็นมากๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที

    เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกครอบครัวรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยยึดหลักความปลอดภัย 4 ข้อง่ายๆ ที่ทำได้ในบ้าน คือ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ รักษาความสะอาดห้องน้ำ กินอาหารปรุงสุกใหม่ๆ และใช้ช้อนกลาง ที่สำคัญทำจิตใจให้ผ่อนคลาย นั่นจะทำให้กาย และใจไม่ร้อนไปกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วัน(พฤหัสที่ 15 เมษายน 2553)นี้ เวลาประมาณ 13.03 น. ผมและพี่ชนิดา ได้เป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม จำนวน 3 โถ(แก้ว) (สัณฐาน พระเสโทธาตุ , ผิวหนังด้านหลัง และไม่ทราบส่วน) ถวายแด่ท่านเจ้าอาวาสวัดยายร่ม เรียบร้อยแล้ว

    และพี่ชนิดา ได้ร่วมทำบุญกับ กองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 1,000 บาท

    มาโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัด และพี่ชนิดากันครับ

    โมทนาบุญทุกประการ
    [​IMG]

    วัดยายร่มครับ

    [​IMG]

    พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม จำนวน 3 โถ(แก้ว) (สัณฐาน พระเสโทธาตุ , ผิวหนังด้านหลัง และไม่ทราบส่วน).

    [​IMG]

    หลวงพ่อพุ่ม พระประธานวัดยายร่ม

    [​IMG]

    ต้นศรีมหาโพธิ์

    ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.6 KB
      เปิดดู:
      79
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.5 KB
      เปิดดู:
      95
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.6 KB
      เปิดดู:
      74
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      183.9 KB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2010
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 66 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 63 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chantasakuldecha+, Nil07 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ว่าอย่างไรครับน้องchantasakuldecha ไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่าครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รักษาโรคชาวออฟฟิศ หมอนรองกระดูกเคลื่อน

    ˹ѧ��;��������ʴ�͹�Ź� : �ú�ء�� ʴ�ء����ͧ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ปวดหลัง โรคฮิตของคนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ หรือคนที่ต้องอยู่ในท่าเดิมนานๆ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรค และหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคปวดหลังคือ "ภาวะหมอนรองกระ ดูกเคลื่อน"

    ดร.มนต์ทณัฐ โรจนาศรีรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญไคโรแพรกติก ประจำไคโร เมด สหคลินิก กล่าวว่า หมอนรองกระดูกเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่รองรับระหว่างกระดูกสองชิ้น และเป็นตัวรับน้ำหนัก รับแรงกระแทกระหว่างกระดูก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะผิดปกติคือ ภาวะการทำงานผิดปกติ (Mechanical Malfunction) หรือการรับน้ำหนักมากเกินไปของข้อ อันเกิดจากท่าทางที่ผิดลักษณะ เช่น ก้ม ยืน เอี้ยวตัว อุบัติเหตุหรือการออกกำลังกายซึ่งอาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ถ้าปราศจาก การทำงานที่ถูกต้อง ของหมอนรองกระดูก การเคลื่อนไหวของตัวข้อคงเป็นไปได้ยาก การถ่ายเทสารอาหารสู่ตัวข้อคงเกิดขึ้นน้อย นำมาสู่การเสื่อมสมรรถภาพของหมอนรองกระดูกและเคลื่อนไปจากตำแหน่งปกติ เราเรียกภาวะนี้ว่า โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดร.มนต์ทณัฐ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมมีแนวโน้มที่ผู้ป่วยมีช่วงอายุน้อยลงคือ 15-20 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดโรคเนื่องจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป เช่น เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ท่าทางขณะใช้โทรศัพท์ ฯลฯ ถัดมาวัยทำงานช่วงอายุที่พบบ่อยคือ 30-40 ปี ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงคือ น้ำหนักตัวมาก สูบบุหรี่จัด และกลุ่มที่นั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ สุดท้ายกลุ่มที่พบมากคือกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่เกิดจากภาวะเสื่อมตามวัย

    สำหรับแนวทางการรักษา ดร.มนต์ทณัฐ กล่าวว่า ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงแพทย์แนะนำทำกายภาพบำบัด แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อเส้นประสาทและไขสันหลัง อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด แต่ปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้คิดค้นการรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่เป็นการลดการกดทับของหมอนรองกระดูก ช่วยฟื้นฟูหมอนรองกระดูกให้กลับสู่สภาวะปกติมากที่สุด เรียกวิธีนี้ว่า Spinal Decompression Therapy ซึ่งเป็นการลดภาวะการรับน้ำหนักมากเกินไปของหมอนรองกระดูกและฟื้นฟูหมอนรองกระดูกให้กลับสู่สภาวะปกติ รวมถึงการจัดแนวของกระดูกสันหลังให้กลับสู่ภาวะสมดุลโดยเลี่ยงการผ่าตัดซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่เลือกการผ่าตัดเป็นตัวเลือกสุดท้ายของการรักษา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "ขณะนี้แนวทางการรักษาโรคมุ่งเน้นการรักษาเชิงป้องกัน เพื่อมิให้เกิดอาการซ้ำอีก จากเดิมที่รักษาตามอาการ ด้วยยาและกายภาพบำบัด หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา การผ่าตัดจึงเป็นทางออกสุดท้าย ซึ่งให้ผลในระยะสั้น หลังจากนั้นจะกลับมาเป็นอีกในระยะยาว ส่วนใหญ่มักมีอาการแย่กว่าเดิม ดังนั้น หากเริ่มต้นดูแลสุขภาพ ด้วยการดูแลลักษณะการทำงานของโครงสร้างร่างกาย รวมทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อพยุง เป็นหนึ่งวิธีการดูแลปัญหาหมอนรองกระดูกเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิผล"

    ส่วน พ.ญ.กุสุมา คุณาวงษ์กฤต แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและการฝังเข็ม กล่าวต่อว่า การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู กำหนดเป้าหมายให้ผู้ป่วยลดความเจ็บปวด อาการชา และภาวะอ่อนแรง ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติ โดยเน้นการรักษาด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ประกอบกับการรักษาโดยไม่ใช้ยา ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ไม่จำเป็นต้องรับการผ่าตัด ถ้าลดความเสี่ยงหรือลดแรงเสียดทานของตัวข้อให้น้อยลงได้ ก็จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

    ด้าน น.พ.กฤษณ์ ไกรภักดี แพทย์เวชศาสตร์ทั่วไป กล่าวถึงการรักษาโดยใช้ยาว่า ได้ผลการรักษาค่อนข้างเร็ว แต่ฤทธิ์ยาที่ใช้จะอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น อาการก็จะกลับมาอีกหลังเลิกใช้ยา และยายังส่งผลข้างเคียง เช่น ยาลดอาการอักเสบในกลุ่ม NSAIDS ใช้ลดอาการปวด อาจทำให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือยากลุ่มสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงที่รุนแรงเช่นกันหากใช้ไม่ถูกต้อง ดังนั้น การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเป็นครั้งคราว ต้องใช้ควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ

    สนใจปรึกษาปัญหาสุขภาพ โทร. 0-2713-6745-6 หรือคลิกที่ Chiromed :: ปวดคอ ปวดหลัง รักษาได้ไม่ต้องผ่าตัด The Non-Surgical Solution of Neck & Back Pain
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 85 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 82 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, Heureuse, Nil07 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนเย็นๆครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...