พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 75 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 73 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> psombat, nongnooo</td></tr></tbody></table>
    สวัสดียามค่ำครับ ขอให้เจริญอาหารเด้อ...
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 91 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 89 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chatkaew_sam </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดียากค่ำเช่นกันครับ

    .
     
  5. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อตัมมยตาประยุกต์

    รุ่น...กูไม่เอากับมึงแล้ว
    พระอาจารย์ดุษฏี ... สายหลวงปู่พุทธทาสภิกขุ

    สรุปอตัมมยตาประยุกต์
    ๑.ทำไมจึงต้องพูดเรื่องอตัมมยตา
    ในวันนี้จะบรรยายโดยหัวข้อว่า ทำไมต้องพูดเรื่องอตัมมยตา คล้ายๆ กับว่าอตัมมยตาดีวิเศษอย่างไรจึงต้องเอามาพูด แต่ใช้คำว่าทำไมจึงต้องพูดเรื่องอตัมมยตาขอให้ตั้งใจฟังเป็นลำดับๆ ไป แล้วท่านจะรู้ได้ทันทีว่าทำไมจึงต้องศึกษาเรื่องนี้ ต้องเอามาพูดกันให้เป็นที่เข้าใจ

    ข้อแรกก็อยากจะพูดว่าอตัมมยตาเป็นเพชรเม็ดสำคัญที่สุดที่ตกค้างอยู่ในพระไตรปิฎก ปิดเงียบเก็บเงียบอยู่ในพระไตรปิฎก ทั้งที่เป็นเม็ดสำคัญที่สุดวิเศษที่สุดประเสริฐที่สุด ข้อนี้จะเป็นด้วยเหตุใดก็ยากที่จะกล่าวมันมีความลึกลับซับซ้อน พูดไปก็จะถูกหาว่าอวดดี อย่างน้อยก็เห็นว่าคำๆ นี้ คำว่าอตัมมยตานี้ไม่ถูกสังคายนาในการทำสังคายนาครั้งที่สำคัญที่สุด คือครั้งรัชกาลที่ ๗ ที่เรียกว่าฉบับสยามรัฐ ปกเหลือง ช้างแดง ในพระไตรปิฎกฉบับนั้นคำนี้ไม่ถูกสังคายนาเพราะเหตุว่าได้เหลืออยู่เป็นคำว่า อตัมมยตาบ้าง อคัมมยตาบ้าง อกัมมยตาบ้าง เป็น ต บ้าง เป็น ค บ้าง เป็น ก บ้าง
    ข้อนี้ถ้าเดาก็เดาว่าทีแรกมันเป็นอักษรขอมตัว ต กับตัว ค กับตัว ก นั้น มันต่างกันเพียงว่ามีหัวใหญ่มีหัวเล็กแล้วก็ไม่มีหัว เหลืออยู่ ๓ คำจนไม่รู้ว่าคำไหนเป็นคำที่ต้องการ อตัมมยตาเป็นคำที่ไม่เข้าใจความหมายเข้าใจความหมายยาก เมื่อแปลเป็นไทยก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไร คำอธิบายในอรรถกถาก็เอาใจความอะไรไม่ได้ แทบจะทุกแห่งว่าความไม่มีตัณหา มานะ ทิฏฐิ อย่างนี้เป็นสำนวนอรรถกถาที่ใช้กับทุกคำที่มันลึกๆ อย่างนี้ มันมีความหมายที่ชัดเจนกว่านั้นที่ต้องรู้ซึ่งจะได้ค่อยๆ วิสัชนากันต่อไป

    ทีนี้ดูต่อไปก็คือข้อที่ว่าเรื่องอตัมมยตาหรือความจริงข้อนี้มันเกี่ยวกับชีวิตจิตใจ เกี่ยวกับกระแสแห่งชีวิตจิตใจอยู่ทุกเวลา ทุกขั้นทุกตอนอย่างเร้นลับที่สุดคือมองไม่เห็น อุปมาเหมือนกับว่าเรามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ที่หน้าผาก ถ้าไม่มีกระจกเงาก็ไม่มีทางที่จะมองเห็นสิ่งที่มีอยู่ที่หน้าผาก เอ้า เดี๋ยวนี้คงจะลำบากที่ท่านไม่รู้อตัมมยตาคืออะไร ก็จะต้องพูดให้รู้เสียบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดว่าความที่มองเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนรู้ประจักษ์ชัด ว่าจะเกี่ยวข้องหรืออาศัยกับมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องสละแล้วก็ไปเอาที่สูงกว่า แล้วก็สละอีกไปเอาที่สูงกว่าอย่างนี้แหละเรื่อยมา เรื่อยมาชีวิตจึงเจริญ มองกันในระยะสั้นตั้งแต่เกิดมาจากท้องมารดา มันก็ละสิ่งที่เอากับมันไม่ไหวขึ้นมาตามลำดับๆ
    ....อ่านฉบับเต็มจากไฟล์แนบครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]
    18.1 KB, ดาวน์โหลด 5 ครั้ง

    [​IMG]
    19.6 KB, ดาวน์โหลด 6 ครั้ง

    [​IMG]
    21.9 KB, ดาวน์โหลด 3 ครั้ง



    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ระมัดระวังธนบัตรปลอม ชนิดราคา1000 บาท (ตัดต่อท่อนธนบัตรปลอมกับธนบัตรจริง)
    ที่มา Fwd mail

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โอ..แม่จ้าววววว...จริงในเท็จ เท็จในจริง เนียนมากกก
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผม

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Everton12
    พี่ครับรบกวนด้วยครับไม่ทราบว่ารูปที่ผมลงไว้ใช่ของกรุวังหน้าหรือเปล่าครับ พิมพ์พระพุทธทรงครุฑอ่ะครับ พอดีผมลงรูปไม่เป็นเลยเอามาแทนรูปผมทางซ้ายมืออ่ะครับ ขอบคุณมากครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอโทษครับ ผมไม่สามารถดูให้ได้ครับ
     
  14. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    พี่มูนี่สุดยอดจริงๆๆ

    ดูแลสุขภาพด้วยนะครับพี่

    คิดถึงครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้จัก...สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

    บทความ รู้จัก สารให้ความหวาน แทน น้ำตาล


    [​IMG]


    รู้จัก...สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (ไทยรัฐ)
    ที่มา ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

    ในปัจจุบันมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ปลอดภัย ให้เลือกใช้ในท้องตลาดอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น ถ้าเรามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะทำให้เราสามารถเลือกใช้สารให้ความหวานเหล่านี้ได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์

    สารให้ความหวานแทนน้ำตาลชนิดที่ให้พลังงาน ได้แก่ ฟรุกโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลจากผลไม้ มอลทิทอล ซอร์บิทอล และไซลิทอล สารให้ความหวานกลุ่มนี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ส่วนสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน หรือให้พลังงานต่ำ ได้แก่ ซูคราโลส สตีเวีย ซึ่งเป็นสารสกัดจากหญ้าหวาน แอสปาแตม อะซิซัลเฟม-เค แซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกร สารให้ความหวานกลุ่มนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (sweetener) เป็นสารเคมีที่ใช้กันมากอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งให้รสหวาน แต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ และไม่ให้พลังงาน ใช้แทนที่น้ำตาลซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานใช้ไม่ได้ จึงเป็นสารที่มีคุณค่าทางการแพทย์ นอกจากนั้นยังใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหารสำหรับผู้เป็นโรคอ้วน และใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เพื่อลดต้นทุนการผลิต

    [​IMG]พระราชบัญญัติอาหาร

    สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ถูกจัดเป็นอาหารควบคุมเฉพาะตามพระราชบัญญัติอาหารปี พ.ศ. 2522 และใช้อักษรย่อว่า "คน" ปัจจุบันมีอยู่ 2-3 ยี่ห้อในท้องตลาด โดยทุกยี่ห้อใช้สารทดแทนหลักเหมือนกันคือแอสปาเทม (aspartame) แอสปาเทมประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดต่อกัน คือ ฟินิลอลานิน (phenylalanine) และกรดแอสปาติก (aspartic acid) แอสปาเทมให้ความหวานประมาณ 200-300 เท่าของน้ำตาลทรายในปริมาณเดียวกัน

    [​IMG] ฟินิลคีโตนูเรีย

    บนฉลากของสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทุกยี่ห้อ มีข้อความระบุว่าห้ามใช้ในสภาวะฟินิลคีโตนูเรีย หรือในผู้ป่วยโรคดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยโรคฟินิลคีโตนูเรีย ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกรดอะมิโนฟินิลอลานิน แต่กลับเกิดพิษจากกรดอะมิโนชนิดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม โรคนี้มักเป็นตั้งแต่แรกเกิด 1 วัน ผู้ป่วยจึงมักต้องถูกจำกัดอาหารชนิดต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดแล้ว สำหรับบุคคลทั่วไปจึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับคำเตือนข้อนี้

    [​IMG] ขัณฑสกร

    ฉลากของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ทุกยี่ห้อ ระบุว่า ไม่มีแซกคาริน (saccharin) หรือขัณฑสกรนั่นเอง ขัณฑสกรเป็นสารที่ให้ความหวานที่ใช้มาแต่ดั้งเดิม ปัจจุบันสถานะของขัณฑสกรถือว่าปลอดภัย แต่ผู้บริโภคหลายกลุ่มยังไม่มั่นใจนัก เพราะได้เคยมีการศึกษาในอดีตหลายครั้ง ที่มีผลให้ขัณฑสกรถูกงดใช้ไปหลายครั้ง นอกจากนี้ขัณฑสกรยังมีรสชาติขมในคอหลังจากกลืนแล้ว โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณที่สูง

    [​IMG] แอสปาเทม

    [​IMG]1. แอสปาเทม ถือว่าเป็นวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่มีรสชาติใกล้เคียงน้ำตาลทรายมากที่สุด จึงเป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้

    [​IMG]2. แอสปาเทม ประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดต่อกัน คือ ฟินิลอลานิน (phenylalanine) และกรดแอสปาติก (aspartic acid) แอสปาเทมให้ความหวานประมาณ 200-300 เท่าของน้ำตาลทรายในปริมาณเดียวกัน

    [​IMG]3. ข้อเสียของแอสปาเทมคือ สลายตัวในอุณหภูมิที่สูง จึงมักเห็นคำแนะนำไม่ให้ใช้ในอาหารขณะที่กำลังปรุงบนเตา เพราะอุณหภูมิสูงทำให้แอสปาเทมสลายตัว รสชาติของอาหารก็จะเปลี่ยนไปจากที่ปรุงตอนแรก

    ราคาขายของผลิตภัณฑ์

    [​IMG]1. ราคาขายของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ จะต่ำกว่าที่ทางผู้ผลิตตั้งไว้เป็นอย่างมาก มีการแข่งขันที่สูงพอควร ในฐานะผู้บริโภค การเลือกซื้อควรกระทำโดยพิจารณาเป็นปริมาณน้ำตาลเปรียบเทียบ

    [​IMG]2. ชนิดที่บรรจุเป็นซองมีน้ำหนัก 1 กรัม และมีแอสปาเทมผสมอยู่เพียงร้อยละ 3.8 บางยี่ห้อมีชนิดเม็ดบรรจุในกล่องคล้ายกล่องยาอม โดย 1 เม็ดมีน้ำหนักเพียง 70 มิลลิกรัม (0.07 กรัม) แต่มีความเข้มข้นของแอสปาเทมสูงกว่าชนิดซองมาก ซึ่ง 1 เม็ดนี้มีน้ำหนักเพียง 0.07 กรัมเท่ากับน้ำตาล 1 ช้อนชาแล้ว

    [​IMG]3. ชนิดกล่องละ 50 ซอง ราคาเท่ากับน้ำตาลทราย 100 ช้อนชา (419 กรัม) ในราคา 66-85 บาท จึงเท่ากับซื้อน้ำตาลบริโภคในราคา 157-203 บาทต่อกิโลกรัม

    [​IMG]4. ควรบริโภคผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น การควบคุมน้ำตาลให้ได้พอดีต้องคุมอาหารชนิดอื่น ๆ ที่มีน้ำตาล และแป้งมากด้วย ไม่ใช่เฉพาะน้ำตาลในชาหรือกาแฟเท่านั้น นอกจากนี้ ยังควรทราบถึงชนิดหรือประเภทของอาหารที่มีน้ำตาล หรือแป้งสูงด้วย เพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังการบริโภคอาหารดังกล่าว เพื่อช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ผลด้วย

    [​IMG] ไซลิทอล

    [​IMG]1.ไซลิทอล (xylitol) เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่มีคาร์บอน 5 อะตอม ในโครงสร้างเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล พบได้ในพืช ผัก ผลไม้หลายชนิด อาทิ สตรอเบอร์รี่ ต้นเบิร์ช

    [​IMG]2. ร่างกายก็สามารถผลิตได้เองในระหว่างการสันดาปของกลูโคส โดยมากในกระบวนการผลิตมักสกัดมาจากต้นเบิร์ช ในประเทศฟินแลนด์

    [​IMG]3. ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ ลดการเกิดหินปูน เป็นน้ำตาลที่เชื้อจุลินทรีย์ไม่สามารถย่อยสลายให้เกิดสภาวะกรดในช่องปากได้ จึงไม่เป็นเหตุให้เกิดฟันผุ จากผลการวิจัยพบว่า แบคทีเรียในช่องปากไม่สามารถย่อยสลายเป็นอาหารได้ จึงช่วยลดปริมาณการเกิดคราบฟัน และช่วยลดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส มิวแทนส์ ที่อาศัยอยู่ในคราบฟันลงได้

    [​IMG]4. สารไซลิทอลยังมีคุณสมบัติ ในการช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลาย ซึ่งเป็นตัวสภาวะความเป็นกรดในช่องปากให้เป็นกลาง และน้ำลายยังเป็นตัวกลางในการนำแร่ธาตุที่มีประโยชน์มาหล่อเลี้ยงฟัน จึงเท่ากับช่วยลดโอกาสของการเกิดฟันผุลงอีกทางหนึ่งด้วย

    [​IMG]5. เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของไซลิทอลที่ช่วยลดปัญหาฟันผุ มีรสหวานอร่อย และเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ หลาย ๆ ประเทศชั้นนำในยุโรป และอเมริกาจึงมีการนำไซลิทอลมาใช้เป็นส่วนประกอบในขนมขบเคี้ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมากฝรั่ง เพื่อช่วยลดปัญหาฟันผุ นับเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และยังนิยมแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน

    [​IMG] ซัยคาเมต

    ซัยคลาเมต (cyclamate) เป็นสารให้รสหวานมีความหวานประมาณ 30 เท่าของน้ำตาลซูโครส ซึ่งปัจจุบันได้ห้ามใช้แล้ว ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2522) เนื่องจากพบว่าสามารถทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง

    [​IMG] ซัคคาริน

    [​IMG]1. ซัคคาริน (saccharin) เป็นสารเคมีที่ใช้กันแพร่หลายมีความหวานเป็น 300 - 400 เท่าของน้ำตาลซูโครส ซัคคารินถูกทำลายโดยความร้อน จึงไม่สามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง ๆ

    [​IMG]2. ถ้าหากรับประทานซัคคารินในขนาด 5 - 25 กรัมต่อวันเป็นเวลาหลาย ๆ วัน หรือรับประทานครั้งเดียว 100 กรัม จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง ซึมและชักได้ บางคนอาจแพ้ซัคคารินได้แม้กินในจำนวนน้อยอาการแพ้จะมีอาเจียน ท้องเดินและผิวหนังเป็นผื่นแดง

    [​IMG]3. อาหารที่นิยมใส่ซัคคาริน ได้แก่ ผลไม้ดองและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ไอศกรีม และขนมหวานต่าง ๆ

    [​IMG]4. ถึงจะยังไม่พบหลักฐานที่แสดงว่า ซัคคารินมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งหรือ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่การใช้ก็ควรอยู่ในวงจำกัด เช่น สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่บริโภคน้ำตาลมากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นในปัจจุบันทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงอนุญาตให้ใช้ได้สำหรับ อาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษเท่านั้น

    [​IMG] สตีวิโอไซด์

    [​IMG]1. สตีวิโอไซด์ (stevioside) เป็นสารที่ให้รสหวานแทนน้ำตาล สกัดได้จากต้นหญ้าหวาน มีชื่อทางพฤษศาสตร์ว่า Stevia rebaudiana Bertoni มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ดูดความชื่นได้ดี มีความหวานประมาณ 280 - 300 เท่าของน้ำตาลทราย

    [​IMG]2. ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารมีข้อดีเหนือกว่าน้ำตาล หลายอย่าง เช่น ไม่ทำให้อาหารเกิดสีน้ำตาลเมื่อผ่านความร้อนสูง ๆ ไม่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้กับอาหารจึงไม่ทำให้เกิดบูดเน่า และประการสำคัญที่สุดคือ ไม่ถูกดูดซึมในระบบการย่อย ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการให้พลังงานต่ำ ประมาณร้อยละ 0 - 3 แคลอรี จึงเหมาะที่จะใช้เป็นสารให้ความหวานกับอาหารสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ

    [​IMG]3. นอกจากนั้นสตีวิโอไซด์ยังมีคุณภาพทนต่อความร้อนและกรด จึงนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารค่อนข้างแพร่หลาย เช่น ทำหมากฝรั่ง ลูกกวาด เครื่องดื่ม ไอศกรีม แยมเยลลี่ มาร์มาเลด ไม่เพียงแต่ใช้กับอาหารเท่านั้น ยังได้นำสตีวิโอไซด์ไปใช้แทนน้ำตาลในการผลิตยาสีฟัน และผสมสนบุหรี่อีกด้วย

    [​IMG]4. จากการศึกษาถึงความปลอดภัยของสตีวิโอไซด์ ที่ทำกันมาเป็นเวลานานจนถึงปัจจุบันปรากฏว่า มีแนวโน้มทางด้านความปลอดภัยได้ดีพอสมควร

    [​IMG] น้ำตาลทราย

    [​IMG]1. น้ำตาลชนิดที่เราคุ้นเคยและใช้กันอย่างแพร่หลาย คือน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ฝรั่งเรียกว่า "ซูโครส"

    [​IMG]2. ซูโครส ประกอบด้วยน้ำตาลซึ่งมีขนาดเล็ก 2 ตัวมาต่อกัน น้ำตาลทั้งสองชนิดนี้คือ กลูโคส และฟรุกโตส ทั้งนี้หมายความว่าเมื่อร่างกายบริโภคน้ำตาลซูโครสเข้าไป ก็จะถูกย่อยเป็นกลูโคสกับฟรุกโตส ก่อนที่จะนำไปผ่านกระบวนการอื่นในร่างกายต่อไปได้

    [​IMG]3. น้ำตาลทรายแดง ไม่ได้ผ่านกระบวนการฟอกสีอย่างสมบูรณ์ ทำให้ยังมีการปนของสารธรรมชาติจากอ้อยอยู่บ้าง น้ำตาลทรายแดงจึงมีกลิ่นรสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และอาจไม่ปนเปื้อนกับสารที่ใช้ฟอกสีเหมือนน้ำตาลทรายขาว

    [​IMG]4. น้ำตาลทราย ทั้งสองชนิดถูกจัดอยู่ในประเภทอาหารทั่วไปตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และไม่จำเป็นต้องมีฉลาก จึงไม่พบเครื่องหมาย "อย." บนหีบห่อผลิตภัณฑ์

    [​IMG] กลูโคส

    [​IMG]1. น้ำตาลกลูโคส ปกติบรรจุจำหน่ายในกระป๋องโลหะสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน มีฝาปิด กลูโคสถูกจัดว่าเป็นอาหารควบคุมเฉพาะในหมวดเครื่องดื่ม ราคากิโลกรัมละ 60-70 กว่าบาท ซึ่งสูงกว่าน้ำตาลทรายธรรมดาประมาณ 4-6 เท่า ผู้ผลิตบางรายพยายามเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ขึ้น โดยการเสริมเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดีลงไปด้วย

    [​IMG]2. จุดด้อยของน้ำตาลกลูโคสคือ ความหวานที่ต่ำกว่าน้ำตาลทรายธรรมดาประมาณร้อยละ 40 ดังนั้น ถ้าต้องการความหวานปกติที่เคยใช้น้ำตาลทราย ต้องใช้น้ำตาลกลูโคสเพิ่มขึ้น ร้อยละ 40 อันจะมีผลให้ร่างกายได้รับน้ำตาลและพลังงานในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

    [​IMG]3. น้ำตาลกลูโคสเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เร็วที่สุด จึงมีผลในการเพิ่มน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ในผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องระมัดระวังในการบริโภคน้ำตาลชนิดนี้

    [​IMG]4. น้ำตาลกลูโคสมีประโยชน์ สำหรับผู้ที่อ่อนเพลียมาก ซึ่งต้องการพลังงานอย่างรวดเร็วเท่านั้น

    [​IMG] ฟรุกโตส

    [​IMG]1. น้ำตาลฟรุกโตสเป็นน้ำตาลอีกชนิดที่พบ แต่ยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก บางครั้งเรียกว่าน้ำตาลผลไม้ ที่จำหน่ายอยู่เป็นผลิตภัณฑ์สั่งเข้าจากต่างประเทศ มักบรรจุในถุงพลาสติก และใส่ในกล่องกระดาษอีกชั้นหนึ่ง

    [​IMG]2. ปกติน้ำตาลฟรุกโตสมักดูดความชื้นได้ง่าย จึงต้องระวังหลังจากเปิดถุงแล้ว

    [​IMG]3. น้ำตาลชนิดนี้มีราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ราคาประมาณ 200-240 บาทต่อกิโลกรัม ฟรุกโตสเป็นน้ำตาลที่ประกอบเป็นซูโครส ฟรุกโตสจึงสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็วเช่นกัน

    [​IMG]4. จุดเด่น ของฟรุกโตสคือมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 1.4 เท่าที่อุณหภูมิปกติ จึงทำให้สามารถลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลลงได้ ถ้าต้องการความหวานเท่ากัน





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี

    วันตรุษจีน ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตรุษจีน 2553 เฮงตลอดปี




    [​IMG]

    [​IMG]
    เทพไฉ่ซิ่งเอี้ย วัดหนองหอย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​



    ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี (ครับ) (ประชาชาติธุรกิจ)

    องค์ไท้ส่วย ประจำปี 2553 นี้ ทรงนามว่า "อูฮ้วงไต่เจียงกุง" ซึ่งองค์ไท้ส่วย หรือเทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา นี้เป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยดูแลชะตาชีวิตของผู้คนในแต่ละปี

    ในรอบ 60 ปี จะมีเทพเจ้าองค์ไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี รวมทั้งสิ้น 60 องค์ ซึ่งทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือเฝ้าปีอยู่ ซึ่งแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณ ดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ ทุกข์ภัย หรือให้โทษแก่ผู้ใด ก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของท่าน

    โดยเฉพาะท่านที่มีเคราะห์ หรือพื้นดวงชะตาตก ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่น สมหวัง ท่านก็จะช่วยปัดเป่า เคราะห์ภัย บังเกิดแต่ความเป็นศิริมงคล มาสู่ตัวท่านและครอบครัว

    ประเพณีการไหว้ ฝากดวงชะตาต่อองค์ไท้ส่วย ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ของจีน(ตรุษจีน) ของทุกๆ ปี ก็เพื่อให้ท่านที่มีพื้นดวงดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนใครที่มีพื้นดวงไม่ค่อยดี ก็จะช่วยขจัดปัดเป่า ผ่อนหนักเป็นเบา แก้ร้ายเป็นดี และโดยเฉพาะท่านที่มีปีเกิดไปชงหรือทับกับองค์ไท้ส่วย ซึ่งในแต่ละปีจะแตกต่างกันออกไป

    ปีนี้ผู้ที่ควรต้องไหว้องค์ไท้ส่วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอจากคนทั่วไปที่ต้องการไหว้ เพื่อเกิดความเป็นศิริมงคลต่างๆแล้ว ได้แก่คนที่เกิดปีชง กับองค์ไท้ส่วยประจำปีนี้(ปีขาล) ได้แก่ ท่านที่เกิดปีวอก (ชงโดยตรงกับปีขาล), ท่านที่เกิดปีขาล (ทับองค์ไท้ส่วย), ปีมะเส็งและปีกุน (ปีร่วมชง)

    และท่านที่เกิดปีดังกล่าว ห้ามท่านไปเป็นเจ้าภาพงานศพ หรือไปร่วมพิธีงานศพ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ห้ามไปไหว้ศพ หรือไปร่วมส่งศพ

    การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภปีนี้ 2553

    ฤกษ์ที่ดีที่สุดในการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภในปีนี้ ตรงกับเช้ามืดของ วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 24.01-24.59 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ฟ้าเปิด เป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด โดยปีนี้องค์ไท้ส่วย จะเสด็จมาทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ซึ่งฤกษ์วันและเวลา จะเปลี่ยนไปทุกปีนะครับ ไม่ตรงกัน รวมถึงทิศที่องค์ไท้ส่วยจะเสด็จมาด้วย)

    เครื่องสักการะ บูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีดังนี้

    1. รูปภาพ หรือรูปปั้น องค์ไท้ส่วย หากไม่มี เวลาไหว้ ก็ให้ระลึกถึง
    2. แจกันดอกไม้สด 1 คู่
    3. เทียนแดง 1 คู่
    4. กระถางธูป 1 ใบ (ปกติให้ใช้แยกต่างหาก เพราะเมื่อไหว้เสร็จแล้ว ต้องอัญเชิญเข้าบ้าน และตั้งบูชาไว้ตลอดปี)
    5. ธูป 3 ดอก ต่อหนึ่งท่าน
    6. หงิ่งเตี๋ย 12 ชุด
    7. กิมหงิ่งเต้า 1 คู่
    8. เทียงเถ้าจี๊ 1 ชุด
    9. ผลไม้ 5 อย่าง
    10. สาคูแดงต้มสุก 5 ถ้วย (ต้มสาคู แล้วใส่น้ำแดงเฮลบลูบอยลงไป)
    11. น้ำชา 5 ถ้วย
    12. ข้าวสวย 5 ถ้วย
    13. เทียบเชิญแดง 1 แผ่น (สำคัญมาก)
    14. ขนมจันอับ 1 จาน
    15. กระดาษสีเขียว 1 แผ่น (เทียบเชิญสีเขียว)
    16. เจไฉ่ 5 อย่าง (เช่น เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, ดอกไม้จีน, วุ้นเส้น, ฟองเต้าหู้)

    ตามปกติ ชุดไหว้องค์ไฉ่ซิ่งเอี้ย จะมีขายตามศาลเจ้าจีนทั่วไป หรือร้านขายพวกของมงคลของจีน ซึ่งเมื่อซื้อมาแล้ว ก็ให้เปิดออกมาเช็คดูครับ เพราะบางที่อาจไม่ครบ จะได้เตรียมหาเพิ่มเติมให้เรียบร้อยก่อน ส่วนพวกของไหว้ อย่างข้าวสาร,ผลไม้,สาคูแดง และเจไฉ่ ให้เตรียมในวันไหว้ได้

    ซึ่งหาได้ครบหรือไม่ครบ ก็ไม่เป็นไรครับ ที่สำคัญที่สุด คือต้องมีเทียบเชิญสีแดง และสีเขียว สองอย่างนี้ จำเป็น เพราะเราต้องเขียนชื่อและที่อยู่ของเราลงไป รวมถึงเขียนเชิญ องค์ไท้ส่วย หาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพียงแต่เวลาและทิศทาง ให้ถูกต้องตามฤกษ์ของปีนี้ครับ

    การประกอบพิธีไหว้

    [​IMG] ให้จัดเตรียมของไหว้ทุกอย่างลงบนโต๊ะพร้อมทั้งหันหน้าไปทางทิศที่องค์ ไฉ่ซิ่งเอี้ย จะเสด็จมา โดยให้ทุกคนอยู่หน้าโต๊ะ และผู้ที่ไหว้ หันหน้าไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้

    [​IMG] ให้นำเทียบเชิญสีเขียว(เพื่อเชิญเทพเจ้า) มาวางไว้บนโต๊ะในทิศที่อัญเชิญเทพเจ้า

    [​IMG] แล้วนำเทียบสีแดงมาเขียนขอพรจากเทพเจ้า(ตามต้องการของแต่ละบ้าน) และให้ลงชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิด ของแต่ละคน ของทุกคนในบ้านลงไป(รวมถึงคนที่อาจไม่ได้มาร่วมไหว้ในวันนี้ แต่เป็นคนในบ้านของท่าน) และเขียนคำขอที่ต้องการให้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ประทานมาให้ในปีนี้

    [​IMG] สำหรับคำกล่าวอัญเชิญเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี้ย ให้เปล่งเสียงหรืออธิษฐานในใจ กล่าวว่า "วันนีข้าพเจ้า........ ขอเรียนเชิญองค์ไฉ่ซิ่งเอี้ย มารับเครื่องสักการะบูชา ซึ่งมี(กล่าวถึงสิ่งที่ท่านได้จัดเตรียมและนำมาถวาย) และหลังจากองค์ท่านได้รับเครื่องสักการะเหล่านี้แล้ว จงประทานพรให้ครอบครัวของข้าพเจ้าทุกคน จงประสบแต่โชคลาภความสุข และความสำเร็จ สมดังที่มุ่งหวังทุกประการ" (หากท่านมีขอสิ่งใดเป็นพิเศษ ก็ขอต่อไปได้)

    [​IMG] หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ให้นำของไหว้ที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมถึงเทียบเชิญสีแดง และสีเขียว ไปเผาไฟในภาชนะที่เตรียมไว้ จึงจะสัมฤทธิ์ผล แล้วอัญเชิญองค์ไท้ส่วย กระถางธูป เทียนแดง นำเข้าบ้าน ปิดประตูบ้าน เพื่อเชิญองค์ไท้ส่วยเข้าบ้าน

    [​IMG] ส่วนของที่รับประทานได้ จะทานเลย หรือเก็บไว้ทานวันหลังก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งไป เพราะถือเป็นของมงคล

    [​IMG]หากไม่สะดวก หรือไม่มีเวลาจัดเตรียม แต่มีแรงศรัทธา ก็ใช้เพียงธูปเทียน จุดธูปกล่าวอัญเชิญท่าน ตามฤกษ์และทิศทางที่ท่านจะเสด็จมา โดยตัวคุณต้องหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และกล่าวคำสักการะและขอพรจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากนั้นปักธูปลงในกระถาง แล้วกล่างอัญเชิญท่าน เข้ามาทางประตูบ้าน


    [​IMG] รวบข้อมูล วันตรุษจีน ทั้ง ประวัติ ความหมาย สถานที่ท่องเที่ยว คำอวยพรวันตรุษจีนE-card ดุ๊กดิ๊ก display emoticon ตรุษจีน รวมถึง เกมส์ รูปภาพ เทศกาลตรุษจีน เพียบ






    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ( ข้อมูลจาก www.modonut.net )
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไทยร้อนสุด 22 เม.ย. - กทม. อุณหภูมิทะลุ 40 องศา

    ?ǐⅡé͹ ͘?؏ ༂䷂é͹ʘ? 22 ?® - ??? ͘?ˀفԷЅؠ40 ͧȒ

    [​IMG]

    ไทยร้อนสุด 22 เม.ย. - กทม. อุณหภูมิทะลุ 40 องศา (ไทยรัฐ)

    เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ดร.สมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวในการเสวนาเรื่อง "ร้อนปนฝน เกิดอะไรขึ้นกับฤดูหนาวของไทยในปี 2553" ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า การที่มีฝนตกในฤดูหนาว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ทั้งนี้ เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมายังตอนล่างสู่ประเทศไทยและบริเวณ ใกล้เคียง มวลอากาศเย็นนี้ถ้าสู่ประเทศไทยจะทำให้เกิดเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดนำ เอาความหนาวเย็นมาด้วย ถ้าเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้จะทำให้เกิดเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าสู่คาบสมุทรอินโดจีน ทำให้เกิดฝนตกได้ โดยแต่ละปีจะมีความหนักเบาแตกต่างกันไป แต่ปีนี้ถือว่ามีฝนตกมากกว่าปกติโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ถึงขนาดเกิดน้ำท่วม สาเหตุทั้งหมดน่าจะมาจากปัญหาโลกร้อนทำให้ภูมิอากาศของโลกแปรปรวน ขณะเดียวกันโลกพยายามปรับสภาพเข้าสู่ภาวะสมดุลของตัวมันเอง ดังนั้นในพื้นที่บางแห่งจะมีฝนมาก บางแห่งมีน้อย บางแห่งร้อนมาก บางแห่งหนาวมาก เป็นต้น "สำหรับ คนกรุงเทพฯ อาจรู้สึกหน้าหนาวไม่นาวหรือหนาวช่วงสั้นๆ สาเหตุเพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป มีการสร้างตึกเกิดขึ้นมาก สภาพอากาศจึงเปลี่ยนไป ขณะที่ในภาคเหนือหรือตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศยังหนาวเย็นตามปกติ" รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าว

    ด้าน ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า อุณหภูมิหนาวหรือร้อนของคนกรุงเทพฯ เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ อาทิ จากประชากรที่เพิ่มมากขึ้น การเกษตร การใช้พลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตามปีนี้สภาพอากาศ ค่อนข้างแปรปรวน เพราะภาวะเอลนิโญ ทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ระบบหมุนเวียนอากาศของโลกอ่อนกำลังลง จึงทำให้เกิดฝนตกในฤดูหนาว ที่สำคัญปีนี้จะเกิดจุดความร้อนมากขึ้นในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือบาง

    ส่วน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัญหาที่ไทยจะเจอแน่คือ ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ระดับรุนแรงในรอบ 10 ปี โดยจะทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์แล้วว่าจะส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น 40-42 องศาในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ น่าจะเกิน 40 องศา โดยช่วงร้อนที่สุดอยู่ระหว่างเดือน มี.ค.ไปจนถึงเดือน เม.ย. ซึ่งวันที่ร้อนที่สุดคือ วันที่ 22 เม.ย. นี้



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เที่ยวตรุษจีน บริหารเงินให้ดี
    Travel - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 กุมภาพันธ์ 2553 17:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับ “เทศกาลตรุษจีน” ที่จะมาถึงในวันที่ 14 ก.พ. นี้ หลายๆ คนคงเตรียมตัวที่จะร่วมเฉลิมฉลองด้วยการออกเดินทางไปท่องเที่ยวกัน และเพื่อเป็นการเที่ยวอย่างให้คุ้มค่าเงิน สำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตทั้งหลาย ทางบัตรวีซ่ามีคำแนะนำ 5 ข้อในการบริหารจัดการเงินเพื่อการท่องเที่ยวมาฝากกัน

    โดยคำแนะนำเหล่านี้ได้มาจากผลการสำรวจที่ได้ทำการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวมากกว่า 7,500 คนทั่วเอเชียแปซิฟิคเกี่ยวกับวิธีที่ใช้บริหารจัดการเงินงบประมาณและการใช้จ่ายในระหว่างท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งคำแนะนำที่ว่ามีดังนี้

    1. วางแผนการเดินทางและงบประมาณไว้ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเดินทาง โดยทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจะได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเดินทาง ตลอดจนเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในกิจกรรมหรือการซื้อสินค้าต่างๆ ที่อาจมีราคาสูง และผู้ถือบัตรควรแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรให้ทราบล่วงหน้าก่อนที่ท่านจะออกเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับบัตร และควรจะจำรหัส PIN ให้แม่นยำ

    2. ตรวจสอบข้อเสนอต่างๆ ในแต่ละจุดหมายปลายทางที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวมีความคุ้มค่าที่สุด เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่ามอบสิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ให้แก่ผู้ถือบัตร เพื่อเป็นการช่วยประหยัดงบในการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นห้องพักโรงแรมฟรี ไปจนถึงส่วนลดพิเศษตามภัตตาคารต่างๆ สามารถตรวจสอบข้อเสนอต่างๆ ได้ที่ Visagoexplore – Offers and discounts across Asia Pacific with Visa cards.

    3. หลีกเลี่ยงการพกพาเงินสดจำนวนมาก เพราะการพกเงินสดติดตัวเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเดินทางได้ และการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยบัตรวีซ่า เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และบัตรพรีเพด สามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้ หากเงินสดสูญหายหรือถูกขโมยจะไม่สามารถเอาเงินกลับคืนมาได้ แต่ถ้าหากเลือกใช้บัตรวีซ่า สามารถติดต่อกับธนาคารผู้ออกบัตรให้ออกบัตรใบใหม่ให้ได้ และผู้เดินทางยังมั่นใจได้ว่าบัตรวีซ่าได้รับการยอมรับจากห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ธุรกิจต่างๆ กว่า 29 ล้านแห่งทั่วโลก

    4. ใช้บัตรเอทีเอ็มถอนเงินสด เพื่อความสะดวกและปลอดภัย เพราะมีเครื่องเอทีเอ็มวีซ่าจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านเครื่องให้บริการอยู่ทั่วโลก รวมทั้งเครื่องเอทีเอ็มในทุกๆ สนามบินที่สำคัญ ทำให้สามารถถอนเงินสดได้อย่างสะดวกง่ายดาย

    5. เก็บรายละเอียดสำคัญของบัตร และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ในที่ปลอดภัย และสะดวกเมื่อต้องการใช้ ซึ่งหากในกรณีที่บัตรสูญหายหรือถูกขโมย ผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปางประทานพร

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ปางประทานพร เป็นชื่อเรียกของพระพุทธรูปลักษณะ ทำห้อยพระหัตถ์เบื้องขวา หันฝ่าพระหัตถ์ไปข้างหน้าเป็นเครื่องหมาย แต่ส่วนองค์พระพุทธรูปนั้นทำท่านั่งขัดสมาธิอย่างปางสมาธิ ยืน หรือเดิน

    ประวัติ

    • ปางประทานพรในท่านั่ง เมื่อครั้งพระอานนท์ถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า ท่านได้ขอพร 8 ประการ จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร 4 ข้อแรก ได้แก่
    1.ไม่ประทานจีวรอันประณีตแก่ท่าน
    2.ไม่ประทานบิณฑบาตอันประณีตที่พระองค์ได้มาแก่ท่าน
    3.ไม่ประทานให้ท่านอยู่คันธกุฏิเดียวกับพระพุทธองค์
    4.ไม่ทรงพาท่านไปในที่นิมนต์
    5.ขอให้พระพุทธองค์ไปในที่นิมนต์ที่ท่านรับไว้
    6.ถ้าท่านนำพุทธบริษัทมาจากแดนไกลขอให้ได้เข้าเฝ้าทันที
    7.ถ้าท่านมีความสงสัยขอให้ถามท่านได้ทันที
    และข้อสุดท้ายคือ 8. ถ้าพระพุทธองค์ทรงไปแสดงพระธรรมที่ไหน ถ้าท่านไม่ได้ฟัง ขอให้แสดงแก่ท่านอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันคำครหาว่าท่านอุปัฏฐากแล้วไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากพระพุทธองค์เลยพระพุทธองค์ได้ประทานพรทั้ง 8 ประการ แก่พระอานนท์
    • ปางประทานพรในท่ายืน เมื่อนางมหาอุบาสิกาวิสาขา บุตรีของธนัญชัยเศรษฐี ซึ่งเป็นหญิงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบญจกัลยาณี ได้แก่ มีผมงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิวงาม วัยงาม นางมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และได้บรรลุเป็นพระโสดาบันเป็นอริยะบุคคลตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในช่วงฤดูฝนในพรรษาหนึ่ง นางวิสาขาไให้นางทาสีของนางมานิมนต์พระภิกษุ พอดีฝนตก พระภิกษุเปลือยกายอาบน้ำฝนอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร นางทาสีเข้าใจว่าเป็นนักบวชลัทธิชีเปลือย จึงกลับไปบอกนางวิสาขา หลังจากถวายภัตตาหารและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว นางวิสาขาจึงกราบทูลขอประทานพรจากพระพุทธองค์เพื่อถวายสิ่งของต่าง ๆ แก่ภิกษุ ภิกษุณี ได้แก่ 1.ผ้าอาบน้ำฝน 2. อาหารสำหรับภิกษุอาคันตุกะ 3.อาหารสำหรับภิกษุผู้เตรียมจะไป 4.อาหารสำหรับภิกษุป่วยไข้ 5.อาหารสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุ 6.ยาสำหรับภิกษุผู้ป่วยไข้ 7.ขอให้ได้ถวายข้าวยาคู 8.ผ้าอาบน้ำสำหรับภิกษุณี พระพุทธองค์ทรงประทานพรทั้ง 8 ข้อแก่นางวิสาขา
    ความเชื่อและคตินิยม

    เป็นพระพุทธรูปประจำปีมะแม
    อ้างอิง

    • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ตำนานพุทธเจดีย์. ธนบุรี : โรงพิมพ์รุ่งวัฒนา, 2513.
    • เรื่องพระพุทธรูปปางต่างๆ หลวงบริบาลบุรีรัตน์ และนายเกษมบุญศรี (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระกรุณาโปรเกล้าฯ ให้พิมพ์ขึ้นเพื่อพระราชทานในงานพระราชกุศลราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2500)
    • สกุลศิลปพระพุทธรูปในประเทศไทย อาจารย์จิตร บัวบุศย์
    • ศิลปในประเทศไทย ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิสกุล
    • ?Ð?ط?Ù??ҧ?蒧栭 Dharmathai.org : BUDDHISH INFORMATION NETWORK
    <TABLE class=navbox cellSpacing=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 2px; PADDING-LEFT: 2px; PADDING-BOTTOM: 2px; PADDING-TOP: 2px"><TABLE class="nowraplinks collapsible autocollapse" id=collapsibleTable0 style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%; WIDTH: 100%" cellSpacing=0><TBODY><TR><TH class=navbox-title style="BACKGROUND: #8a9e49; COLOR: #fefefe" colSpan=3>


    ปางพระพุทธรูปต่าง ๆ
    </TH></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TD class="navbox-list navbox-odd" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px" colSpan=2>ขัดสมาธิเพชรขับพระวักกลิขอฝนจงกรมแก้วฉันสมอชี้มารชี้อัครสาวกชี้อสุภะถวายเนตรทรงจีวรทรงตัดเมาลีทรงทรมานช้างนาฬาคิรีทรงทรมานพระยาวานรทรงพยากรณ์ทรงพระสุบินทรงพิจารณาชราธรรมทรงรับผลมะม่วงทรงรับมธุปายาสทรงรับหญ้าคาทรงรับอุทกังทรมานพระยามหาชมพูบำเพ็ญทุกรกิริยานาคปรกนาคาวโลกปฐมเทศนาปฐมบัญญัติประดิษฐานรอยพระพุทธบาทประทับเรือขนานประทานเอหิภิกขุประทานธรรมประทานพรประทานอภัยประสานบาตรประสูติปรินิพพานปลงอายุสังขารปัจเจกขณะป่าเลไลยปลงกรรมฐานปาฏิหาริย์เปิดโลกโปรดพกาพรหมโปรดพุทธบิดาโปรดพุทธมารดาโปรดสัตว์โปรดสุภัททปริพาชกโปรดองคุลีมาลโจรโปรดอสุรินทราหูโปรดอาฬาวกยักษ์พระเกศธาตุภัตตกิจมหาภิเนษกรมณ์มารวิชัยรับสัตตูก้อนสัตตูผงรำพึงเรือนแก้วลอยถาดลีลาสนเข็มสมาธิสรงน้ำฝนเสด็จลงจากดาวดึงส์เสวยมธุปายาสแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แสดงโอฬาริกนิมิตแสดงยมกปาฏิหาริย์ห้ามญาติห้ามพยาธิห้ามพระแก่นจันทร์ห้ามมารห้ามสมุทรอุ้มบาตรอธิษฐานเพศบรรพชิต

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 2px; PADDING-BOTTOM: 0px; WIDTH: 0%; PADDING-TOP: 0px"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="CLEAR: both; BORDER-RIGHT: #90a0b0 1px solid; BORDER-TOP: #90a0b0 1px solid; FONT-SIZE: 90%; BACKGROUND: #fcfcfc; MARGIN: 10px 0px 0px; BORDER-LEFT: #90a0b0 1px solid; WIDTH: 100%; BORDER-BOTTOM: #90a0b0 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=3><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=40></TD><TD style="COLOR: #696969" align=left>ปางประทานพร เป็นบทความเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
    <SMALL>ข้อมูลเกี่ยวกับ ปางประทานพร ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:พระพุทธศาสนา</SMALL>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 365/1000000Post-expand include size: 25791/2048000 bytesTemplate argument size: 20210/2048000 bytesExpensive parser function count: 1/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:57666-0!1!0!!th!2 and timestamp 20100211014113 -->
    ดึงข้อมูลจาก "ปางประทานพร - วิกิพีเดีย".
    หมวดหมู่: ปางพระพุทธรูป | บทความเกี่ยวกับ พุทธศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์
    หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...