พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    แล้วกรอบที่ต้องใส่ tot 1,tot4 ประกบหน้า-หลัง แถวบ้านผมไม่มีเลยครับ พี่หนุ่ม ต้องใช้กรอบแบบหนาใช่เปล่าครับ
     
  2. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
  3. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    คุณ สิทธิพงศ์ ผมคงไม่ได้ไปร่วมงานทอดผ้าป่าที่ กทม ครับมีภาระกิจต้องทำครับ
     
  4. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อืม...ของผมเป็นกรอบเงินมิติ ลึก.กว้าง.ยาว = 12x35x45 มม. ผมไปซื้อที่ท่าพระจันทร์ร้านจะอยู่ด้านในขวามือหน่อย งานใช้ได้ครับ ราคา 750- (งานสั่งทำที่แม่สอดตกประมาณพันปลายครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียนคุณpsombat ,คุณมูริญโญ่

    ผมไปซื้อกรอบแสตนเลส(สำหรับพระสมเด็จกลักไม้ขีด) มาเรียบร้อยแล้ว แต่ราคาต่อ 1 กรอบ จะเป็นราคา 60 บาทนะครับ

    ผมซื้อมา 4 กรอบ ส่วนท่านอื่นๆที่อยากได้เพื่อนำไปใส่พระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) ยังมีอีก 2 กรอบ แจ้งความประสงค์มาได้ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ได้ครับ

    สรุปว่า กรอบแสตนเลสสำหรับพระสมเด็จ กลักไม้ขีด มีผู้ที่จองครบแล้วครับ

    คุณpsombat , คุณมูริญโญ่ ,คุณแหน่ง ,คุณพรสว่าง_2008

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับกรอบที่ใส่ พระสมเด็จ (top of the top 1 และ 4) แบบประกบกันก็มีครับ ราคาถ้าจำไม่ผิด 40 หรือ 50 บาทครับ

    ส่วนพระคาถา จะส่งให้ทาง Email ครับ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    แหน่ง, sithiphong, psombat

    หวัดดีตอนบ่ายแก่ๆ อีกครั้งครับ ท่านทั้งสอง
    ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เผย10ปัจจัยหลุดพ้นความยากจน

    Daily News Online > หน้าการศึกษา > เผย10ปัจจัยหลุดพ้นความยากจน

    รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง “สุขภาวะของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย” ว่า จากการสำรวจเชิงคุณภาพ 50 ครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาทต่อเดือน ในจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ลำปาง สุรินทร์ สงขลา และ กทม.พบว่า 10 ปัจจัย ที่ทำให้ครอบครัวยากจน จำนวน 10% สามารถหลุดพ้นจากความยากจน และอยู่อย่างมีความสุขได้ คือ 1.ไม่ยอมรับกรอบความคิดที่สังคมยัดเยียดให้ เช่น เป็นคนจนการศึกษาต่ำ อาชีพไม่แน่นอน เจ็บป่วยบ่อย หรือ คนจน คือ คนโง่ จน เจ็บ 2. ยึดคำสอนพ่อ แม่เป็นแนวทาง เช่น อดทน ตั้งใจเรียน และเป็นคนดี 3.ขยันทำมาหากิน 4.บริหารเวลาดี โดยใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างมีค่า 5.สื่อสารเชิงบวก เช่น ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของครอบครัวและร่วมกันแก้ปัญหา 6.มีกลวิธีตอกย้ำการคิดดีทำดีให้แก่ลูก เช่น การให้ลูกช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน 7.ปลูกฝังให้ลูกไม่โกหกตั้งแต่เล็ก 8.พ่อ แม่ เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก 9.ปฏิบัติตนโดย ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และ 10.เก็บเงินไว้เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน อย่างเต็มที่ ซึ่งพบว่าเมื่อลูกเรียนจบระดับสูง จะดึงพ่อแม่ให้หลุดพ้นจากความยากจนได้

    “นอกจากครอบครัวแล้ว โรงเรียนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเด็กให้เป็นคนดี เช่น โรงเรียนที่ยกย่องเด็กที่ทำความดี เรียนดี หรือ การที่ครูตบบ่าให้กำลังใจเมื่อเด็กทำสิ่งที่ถูกต้อง จะทำให้เด็กมีกำลังใจที่จะทำความดี ขยัน ตั้งใจเรียน และไม่หลุดจากระบบการศึกษา และหากมีการเสริมทุนการศึกษาเข้ามา เด็กก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้” รศ.ดร.สมพงษ์กล่าวและว่า ถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ครอบครัวอื่น ๆ ซึ่งหากทำได้ก็จะหลุดพ้นจากความโง่ จน เจ็บ ได้เช่นกัน.
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอบคุณครับ คืนนี้ยังอีกยาวไกลครับเพิ่งเริ่มเอง สืบเนื่องจากมีเพื่อนในห้องเล่นกันแล้วข้างชอล์ก ไปโดนคุณครู เลยต้องรับผิดชอบการบ้านกันทั้งห้องครับ ก็ดีครับ เด็กจะได้รับทราบมีส่วนร่วมกันครับ หุ หุ
     
  13. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ยอดเยี่ยมมากๆ "มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน" จะได้เกิดความสามัคคี ครับ หุ หุ
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า....แทบแย่เหมือนกันครับ แต่เสร็จเร็วกว่าคาดครับ(เพราะพ่อช่วยเยอะ) คาดว่าอีกไม่เกิน 15นาทีจะเสร็จแล้วขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจครับ หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า ดึกๆ เผื่อหิวกัน

    ลองไปดูในตู้เย็นนะครับว่ามี อุปกรณ์ตามนี้หรือเปล่า ถ้ามีก็ลุยได้เลยครับ อิอิ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ขนมปังหน้ากุ้ง" ถูกลิ้นถูกใจ / กุ๊กเล็ก
    Travel - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 สิงหาคม 2552 17:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : กุ๊กเล็ก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=287 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=287>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ช่วงเวลายามบ่ายของวันหยุดอาจเป็นช่วงเวลาสำราญที่หลายๆคนใช้เอนหลังงีบหลับพักสายตาสบายๆ แต่คนชอบกินอย่าง "กุ๊กเล็ก" กลับชอบเข้าครัวทำขนมหรือทำอาหารอร่อยๆ ประเคนลิ้นตัวเองและคนรอบข้างมากกว่า อย่างวันนี้ที่เข้าครัวมาทำของว่างกินเล่นอร่อยๆ อย่าง "ขนมปังหน้ากุ้ง" ที่ได้สูตรมาจาก "เดอะ คลิฟฟ์ อ่าวนาง รีสอร์ท" โรงแรมในจังหวัดกระบี่ ที่เชื่อว่าคงถูกลิ้นหลายๆคนแน่นอน

    ส่วนผสม

    ขนมปังฝรั่งเศสหั่นเป็นแว่นๆ 4 ชิ้น
    กุ้งสด 8 ตัว
    ไข่ไก่ 1 ฟอง
    ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
    รากผักชี 2-3 ราก
    กระเทียม 2-3 กลีบ
    น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
    พริกไทย พอประมาณ
    น้ำมันพืชสำหรับทอดขนมปัง

    ส่วนผสมน้ำจิ้ม

    น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
    เกลือ 1/4 ช้อนชา
    พริกชี้ฟ้าแดง 2-3 เม็ด
    หอมแดง 1 หัว
    กระเทียม 3-4 กลีบ

    วิธีทำ นำขนมปังฝรั่งเศสมาหั่นเป็นแว่นๆ ความหนาประมาณ 2-3 ซ.ม. เสร็จแล้วหันไปแกะเนื้อกุ้งมาสับให้ละเอียด โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด แล้วนำมาผสมกับเนื้อกุ้งสับ จากนั้นตอกไข่ไก่เลือกเอาแต่ไข่แดง ผสมซีอิ๊วขาวและน้ำมันงา นวดเข้ากับกุ้งสับจนเข้าเนื้อ แล้วจึงนำเนื้อกุ้งที่นวดจนเหนียวแล้วนั้นมาทาบนหน้าขนมปัง แล้วเตรียมทอดตั้งกระทะให้ร้อนด้วยไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชให้พอท่วมขนมปัง รอจนน้ำมันร้อนจัดดีแล้วแล้วจึงนำขนมปังลงไปทอด หากน้ำมันยังไม่ร้อนจัดจะทำให้ขนมปังอมน้ำมัน เมื่อทอดจนขนมปังเป็นสีเหลืองดีแล้วจึงตักขึ้น พักไว้จนสะเด็ดน้ำมัน หรือจะใช้กระดาษซับน้ำมันออกก็ได้

    เพิ่มรสชาติความอร่อยให้ขนมปังหน้ากุ้งด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด เริ่มจากโขลกพริกชี้ฟ้า กระเทียม หอมแดงให้ละเอียด นำน้ำส้มสายชูขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และส่วนผสมที่โขลกแล้วลงไปเคี่ยวรวมกัน เป็นอันได้น้ำจิ้มขนมปังหน้ากุ้ง กินเป็นของว่างแสนอร่อยยามบ่าย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดีใจด้วยนะครับท่านโดจิ

    การบ้านเสร็จแล้วก็รีบนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นไม่ไหว นา

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จากเด็กสลัมสู่นักธุรกิจพันล้าน “ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์”
    Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 สิงหาคม 2552 09:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>‘ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์’ ผู้จัดการใหญ่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์กิฟ 711 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ดร.กฤษฎา กับโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งก่อสร้างด้วยวงเงิน 200 ล้านบาท</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ดร.กฤษฎาพร้อมสมาชิกในครอบครัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เปิดตัวเนเจอร์กิฟครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ตั้งศูนย์การจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โฆษณากาแฟเนเจอร์กิฟ ที่ได้รับการกล่าวถึงถึงอย่างมาก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเนเจอร์กิฟ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แจกทุนการศึกษาแก่เด็กๆ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แจกทุนการศึกษาแก่เด็กๆ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผลิตภัณฑ์ในเครือเนเจอร์กิฟ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ในยุคสมัยที่ผู้คนในสังคม เริ่มหันมาใส่ใจกับสุขภาพกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีทั้งหลายที่หันมาใส่ใจเรื่อง “น้ำหนักตัว” จนทำให้ธุรกิจและผลิตภัณฑ์ “ลดความอ้วน” นั้นได้รับความนิยมอย่างสูงไม่ว่าจะเป็น คลินิกลดความอ้วน เครื่องออกกำลังลดหน้าท้อง เสื้อผ้าช่วยลดความอ้วน รวมไปถึงอาหารประเภทเครื่องดื่มยอดนิยมอย่าง ชา-กาแฟ ด้วย

    ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อแน่ได้ว่าท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อยคงเคยได้ยินชื่อ “กาแฟเพื่อสุขภาพ เนเจอร์กิฟ” มาบ้างจากสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์ และสื่อโฆษณาหลากหลายแขนง ทว่า คงมีไม่กี่คนที่ทราบว่า ผู้ก่อตั้งและเจ้าของธุรกิจกาแฟลดความอ้วนนี้แท้จริงแล้วในอดีตเป็นเพียงเด็กสลัมจนๆ คนหนึ่ง ซึ่งต้องวิ่งขายไอศกรีม ขายเรียงเบอร์ ต้องทนนอนเบียดกัน 8 คนในห้องเช่าขนาดแค่ 3 คูณ 4 เมตร ......

    ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ ผู้จัดการใหญ่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์กิฟ 711 เปิดใจเล่าถึงช่วงชีวิตในวัยเด็กกับ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า “ผมอยู่สลัมตั้งแต่จำความได้ เราเช่าบ้านของแม่ค้าขายผักอยู่ที่ตลาดปีระกา ใกล้กับวัดตึก พื้นที่ที่เราเช่าอยู่เนี่ยเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำของบ้านแม่ค้า เนื้อที่กว้างประมาณสองเมตรครึ่ง ลึกสองเมตร เวลานอนเลยเบียดกันมาก อยู่ที่นี่ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ที่สลัมซอยสามยอด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน พื้นที่ก็กว้างขึ้นมาหน่อยเป็น 3 คูณ 4 เมตร ตอนนั้นเราก็มีน้องเพิ่มขึ้น และมีหลานมาอยู่ด้วย ก็รวมเป็น 8 คน เวลานอนจะมีเตียง 1 เตียง นอนกัน 3 คน ส่วนคนที่นอนบนพื้นก็ต้องเอาขาสอดไปไว้ใต้เตียง บ้านเราคับแคบนะแต่ก็อบอุ่นดี (ยิ้ม)”

    แม้โชคชะตาจะทำให้ชายผู้นี้เกิดมาในสลัมซอยสามยอด แต่ด้วยความอดทน หัวใจที่รักดี และความเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวเขาจึงต้องดิ้นรนช่วยเหลือพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ถึง 5 คน กับหลานอีก 1 คนตั้งแต่ยังเล็ก

    “วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผมจะตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ไปรับขนมจากปากคลองตลาดมาขายในตลาดแถวๆบ้านจนถึงช่วงสายๆ พอขายหมดก็ไปรับไอศกรีมแท่งมาขาย หิ้วถังไอศกรีมเดินขายไปเรื่อยๆ หนักหลายกิโลฯ เหมือนกัน บ่ายๆก็หมดแล้ว เสร็จแล้วก็กลับมาทำการบ้าน ส่วนวันที่ล็อตเตอรี่ออกผมก็ไปรับเรียงเบอร์จากโรงพิมพ์แถวเฉลิมกรุงมาขาย ก็วิ่งจากเฉลิมกรุงถึงหัวลำโพง คือสมัยนั้นถ้าเลยหัวลำโพงไปมันจะมืดมากเราก็ไม่กล้าไป ก็กลับมาที่วังบูรพาซึ่งสมัยนั้นมีโรงหนังอยู่ 3 โรง คือ โรงหนังแกรนด์ คิงและควีน เพื่อรอหนังรอบดึกเลิก ผมจะขายคนที่มาดูหนังจนเรียงเบอร์หมดถึงกลับบ้าน ทำอยู่อย่างนี้จนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย"

    ข้อดีอย่างหนึ่งของความยากจนก็คือสิ่งนี้เป็นเหมือนแรงขับที่ทำให้กฤษฎามีความอดทนและมานะพยายามมากกว่าเพื่อนๆวัยเดียวกัน เด็กโรงเรียนวัดสระเกศอย่างเขาจึงสามารถสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสได้เรียนกวดวิชาเหมือนเพื่อนๆ ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว

    “ตอนเอ็นทรานซ์ติดคณะวิศวะฯ จุฬาฯ นี่พ่อกับแม่ดีใจมาก เพราะผมไม่ได้เรียนกวดวิชาเหมือนเพื่อนๆ เขาหรอกเพราะเราไม่มีเงิน บางทีเพื่อนเขาบอกว่าวิชานี้มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดลมาสอนนะ อาจารย์คนนี้สอนเก่ง ผมก็จะแอบไปเรียนโดยที่ไม่ได้จ่ายเงิน ก็จะไปนั่งหลังๆ ห้อง อาจารย์ก็ไม่ได้สังเกต (หัวเราะ) แต่เราไม่ได้ไปเรียนทุกชั่วโมงนะเพราะเราไม่ได้จ่ายตังค์ สมัยที่เรียนจุฬาฯ ก็จะกินข้าวแกงที่ขายริมรั้ว ส่วนน้ำก็ขึ้นไปกดน้ำก๊อกบนตึกกิน” ดร.กฤษฎา เล่าถึงชีวิตต้องสู้ในวัยเด็ก

    เจ้าของบริษัทที่ไม่มีแม้แต่เก้าอี้นั่งทำงาน

    หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีกฤษฎาได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้าฯ อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะลาออกไปทำงานบริษัทเอกชน ด้วยความต้องการเก็บเงินสร้างฐานะ จนกระทั่งมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเขาจึงตัดสินใจออกมาเปิดบริษัทนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ด้านวิศวกรรมของตัวเอง

    อย่างไรก็ตาม บริษัทของกฤษฎานั้นออกจะแปลกว่าบริษัทอื่นๆ ตรงที่ทั้งบริษัทมีเขาเป็นพนักงานเพียงคนเดียว และพื้นที่ซึ่งเขาใช้เป็นที่ทำงานนั้นก็อยู่ภายในบริษัทของเพื่อนชาวไต้หวัน อีกทั้งโต๊ะเก้าอี้ที่เขานั่งทำงานก็ล้วนแต่หยิบยืมมาจากเพื่อนคนดังกล่าวอีกเช่นกัน

    “ต้องบอกว่าผมโชคดีนะ มีแต่คนช่วยเหลือ บริษัทของผมเป็นบริษัทนำเข้าสินค้าด้านวิศวกรรม เช่น วาล์วต่างๆ วาล์วลม วาล์วน้ำมัน ตู้ไฟฟ้า แต่ว่าตอนนั้นผมมีเงินแค่ 50,000 บาท ไม่มีปัญญาจ้างพนักงาน ก็ทำอยู่คนเดียว จะเช่าตึกทำออฟฟิศเราก็ไม่มีเงิน ผมก็ไปขอใช้พื้นที่ในบริษัทของเพื่อนชาวไต้หวันเป็นที่ทำงาน แล้วก็ขอยืมโต๊ะเขามาตัวหนึ่ง (หัวเราะ) มานั่งทำงาน ก็ต้องขอบคุณเขาจนถึงทุกวันนี้เพราะเพื่อนคนนี้ช่วยเหลือผมเยอะมาก ผมไม่มีเงินเขาก็เปิดแอลซีให้ พอของมาถึงท่าเรือเราก็ไม่มีเงินไปเสียภาษีนำเข้าอีก ศุลกากรเขาก็กำหนดว่าสินค้าต้องอยู่ที่ท่าเรือไม่เกิน 90 วัน ถ้าเกิน 90 วันเขาจะริบเป็นของหลวง ก็เลยคุยกับเพื่อนชาวไต้วันอีกว่าจะขอยืมเงินมาเป็นค่าภาษี (หัวเราะ) ถ้าขายได้จะเอาเงินมาคืน เขาก็ให้ พอขายของได้ผมก็คืนเงินให้เขาแล้วก็แบ่งกำไรให้เขา 10%

    ตอนหลังผมก็ขอคู่ค้าในต่างประเทศว่าไม่ต้องเปิดแอลซีได้ไหม ส่งสินค้าให้ผมก่อน ภายใน 90 วันขายของได้แล้วผมจะโอนเงินไปให้ เขาก็ให้นะ ทั้งอเมริกา ทั้งอังกฤษ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยนะ แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งผมหาเงินไม่ทันผมก็เขียนจดหมายไปบอกเขาว่าผมหาเงินไม่ทันตามกำหนด ขอยืดเวลาออกไปอีก 60 วันนะ แต่จะให้ดอกเบี้ยเขาด้วย ช่วงนั้นก็ยังขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีเงินจ้างพนักงาน ต้องทำเองทุกอย่าง ตอนหลังพอยอดขายเพิ่มขึ้น ก็เลยย้ายบริษัทมาอยู่ที่บ้านที่บางยี่เรือ แล้วก็จ้างพนักงาน 2 คน ทั้งๆ ที่พนักงานแค่ 2 คน บางเดือนยังไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนเลย คุณแม่ต้องไปยืมเงินแม่ค้าขายปาท่องโก๋ในตลาด หรือบางทีก็ยืมเงินร้านขายยามาให้ ต่อมาผมก็หันมาผลิตเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อแอร์โรคลีน ปรากฏว่าขายดีมาก มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาด

    พอปี 2538-2539 เงินเหลือเยอะเลยไปซื้อที่ดินที่ลพบุรีประมาณ 500 กว่าไร่ มาพัฒนาเพื่อจัดสรรขาย แต่พอปี 2540 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ ลูกค้าที่มาจองซื้อที่ของโครงการไว้ก็ไม่มีเงินมาจ่าย ตอนนั้นโครงการเรายังไม่เสร็จ ผมก็มานั่งคิดว่าขุดทะเลสาบไว้ถ้าฝนตกลงมาก็จะเสียหาย เราก็เลยต้องทำต่อ โดยการโละสต็อกเครื่องฟอกอากาศทั้งหมด ได้เงินมาหลายล้านก็เอามาถมกับที่แปลงนี้ ทำให้เราเป็นหนี้ธนาคารถึง 50 ล้านบาท ขณะที่ไม่มีใครจ่ายเงินค่าที่เลย และก็ไม่มีธุรกิจอื่นๆแล้ว” ดร.กฤษฎา เล่าถึงประสบการณ์ในการทำธุรกิจที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด

    ปลดหนี้ 50 ล้านใน 2 ปี

    ถึงแม้จะหมดเนื้อหมดตัวจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังต้องเป็นหนี้เป็นสินหลายสิบล้านบาทแต่ ดร.กฤษฎาก็หาได้ท้อถอย เนื่องเพราะมีภรรยาและลูกๆทั้ง 3 คนคอยเคียงข้างเป็นกำลังใจ เขาจึงเริ่มต้นใหม่ด้วยการทำธุรกิจขายตรง ผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมจากสาหร่ายสไปรูลิน่า ภายใต้แบรนด์เนเจอร์กิฟ ในปี 2545 ซึ่งนับว่าโชคชะตาก็ยังไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปนัก เพราะแม้ธุรกิจขายตรงในครั้งนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหันมาผลิตกาแฟลดน้ำหนัก ซึ่งใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เหมือนกันคือ เนเจอร์กิฟ ที่กำลังขายดิบขายดีอยู่ในขณะนี้ และจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ ดร.กฤษฎาสามารถใช้หนี้จำนวน 50 ล้านบาทได้หมดภายใน 2 ปี หลังจากที่เริ่มผลิตกาแฟเนเจอร์กิฟออกจำหน่ายในปี 2547 อีกทั้งยังสามารถสร้างโรงงานใหม่ เป็นแห่งที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปีกว่าเท่านั้น

    “ในช่วงที่ทำธุรกิจขายตรง สมาชิกหลายคนก็บอกว่าอาหารเสริมมันขายยาก น่าจะขายพวกสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างพวก กาแฟ สบู่ ยาสีฟัน ผมก็อยากทำแต่ไม่มีเงินทุน เลยลองหาข้อมูลดู ปรากฏว่าผลิตกาแฟใช้เงินน้อยที่สุด ประกอบกับก่อนหน้านั้นผมมีความคิดว่าอยากผลิตอาหารที่ช่วยในเรื่องสุขภาพของผู้บริโภคที่มีปัญหาในเรื่องโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ก็เลยมาลงตัวที่กาแฟสูตรลดน้ำหนัก โดยเริ่มขายครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2547 พอดีตอนนั้นมีงานเกษตรแฟร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เราก็ไปออกร้าน แล้วมีนักข่าวไปทำข่าวลงหนังสือพิมพ์เนื่องจากเขาเห็นว่ามันแปลกเพราะเนเจอร์กิฟเป็นกาแฟสูตรควบคุมน้ำหนักเจ้าแรกของไทย คนก็เลยเริ่มรู้จักสินค้าของเรา จากนั้นก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยตั้งโรงงานขึ้นมา

    คือตอนที่เริ่มผลิตครั้งแรกเรายังไม่มีเงิน ก็ใช้พื้นที่ในบ้านส่วนที่เคยใช้เป็นโรงรถเป็นที่ผลิต เพราะเรากะจะผลิตแค่เดือนละ 3 หมื่นซองเท่านั้น แต่ปรากฏว่ายอดขายเพิ่มขึ้นมากจนเราต้องหาสถานที่ผลิตใหม่ ก็ไปเช่าบ้านหลังหนึ่งใกล้ๆ กับบ้านที่เราอยู่เพื่อใช้เป็นที่ผลิตกาแฟ ทำอยู่ 7-8 เดือน ยอดขายเพิ่มขึ้นไม่หยุด ประมาณเดือน มิถุนายน 2548 เราเลยตั้งโรงงานขึ้นมา ลงทุนไป 18 ล้านบาท เนเจอร์กิฟก็โตขึ้นเรื่อยๆ จนปี 2550 จำเป็นต้องสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งก็คือโรงงานปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท และในปีนี้ (2552) เราก็จะเปิดโรงงานใหม่อีกแห่งหนึ่ง ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ส่วนตัวแทนจำหน่ายที่รับสินค้าเราไปขายนั้นปัจจุบันก็มีอยู่ประมาณ 5,000-6,000 จุดทั่วประเทศ ซึ่งจากการที่ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้ผมสามารถใช้หนี้ซึ่งมีอยู่ 50 กว่าล้านได้หมดภายใน 2 ปี คือเริ่มผลิตกาแฟเนเจอร์กิฟในปี 2457 พอปี 2548 เราก็ใช้หนี้หมด ขณะที่การก่อสร้างโรงงานใหม่นั้นก็ใช้เงินสดทั้งหมด ปัจจุบันเราจึงไม่มีหนี้” เจ้าของบริษัทเนเจอร์กิฟ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

    ทั้งนี้ในปัจจุบันเนเจอร์กิฟได้ขยายไลน์การผลิตสินค้าออกไปมากขึ้น โดยมีทั้งกาแฟและเครื่องดื่มสูตรควบคุมน้ำหนักรสชาติต่างๆ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งนอกจากตลาดภายในประเทศแล้ว ผลิตภัณฑ์เนเจอร์กิฟก็ยังมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย ดูไบ ตุรกี นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกา

    “อุปสรรค” คือส่วนหนึ่งของ “ความสำเร็จ”

    ดร.กฤษฎา บอกว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ก็คือความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค อีกทั้งยังเชื่อว่าการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง และช่วยให้เขาสามารถผ่านพ้นอุปสรรคนานัปการในชีวิตไปได้

    “ผมคิดว่าการทำงานทุกอย่างต้องมีอุปสรรค แต่ถ้าเจออุปสรรคแล้วเราคิดว่าอุปสรรคเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จเราก็มีกำลังใจที่จะเดินต่อไปได้ อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่งธนาคารโทรมาทวงเงิน คือตอนนั้นผมไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยเขาหลายเดือนแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมกำลังเริ่มผลิตกาแฟ ผมก็บอกว่ารอนิดหนึ่งนะ กำลังทำกาแฟอยู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็บอกว่าเห็นด็อกเตอร์ทำมาตั้งหลายอย่าง ไม่เห็นสำเร็จสักอย่าง ... ผมก็เลยบอกเขาไปว่า คุณรู้จักมิสเตอร์ฮอนด้าไหม มิสเตอร์ฮอนด้าเขาบอกว่ารถยนต์ฮอนด้าที่คุณเห็นเขาผลิตออกมาขายน่ะมันแค่ 5% ที่เขาทำมาทั้งหมด คือคุณเห็นแค่สิ่งที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จซึ่งมันมีเพียง 5% เท่านั้น ส่วนอีก 95% ซึ่งคุณไม่เห็นน่ะมันคือส่วนที่เขาทำแล้วล้มเหลว เจ้าหน้าที่ธนาคารเขาก็เลยเงียบไป เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำอะไรแล้วมันล้มตลอดก็อย่าเพิ่งท้อ เราต้องรู้ว่าเราล้มได้ถึง 95 ครั้งนะ ขอแค่ชนะ 5 ครั้งก็พอแล้ว (ยิ้ม)

    ตอนผมขายเครื่องฟอกอากาศ ผมอยู่ตึกแถวจนสามารถเก็บเงินซื้อบ้านทาวน์เฮาส์ได้ แล้วก็มาซื้อบ้านเดี่ยวซึ่งมีสนามหญ้าด้วย 2 หลัง ซื้อที่ได้หลายร้อยไร่ มีรถวอลโว่ รถบีเอ็มซีรีย์ 7 พอเกิดวิกฤตเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟผมก็ล้มละลาย โรงงานถูกยึด บริษัทก็ถูกยึด รถบีเอ็มก็ต้องขาย หมดทุกอย่ง ผมต้องนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่ผมก็มองว่ามีได้ก็หมดได้เป็นเรื่องธรรมดาของโลก อีกอย่างที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิตเนี่ยก็เพราะผมปฏิบัติตามคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า คือทำทาน รักษาศีล แล้วก็เจริญภาวนาคือสวดมนต์และนั่งสมาธิ ผมทำธุรกิจไปด้วย ทำบุญไปด้วย เราทำครบทั้งทาน ศีล ภาวนา เวลามีปัญหา จากหนักมันก็เบาลง”

    ด้วยความที่เป็นคนใฝ่รู้ผู้ชายคนนี้จึงไม่เคยหยุดนิ่งในเรื่องของการศึกษา และไม่มีคำว่าแก่เกินเรียน

    “ผมเรียนไปเรื่อยๆ เป็นคนชอบเรียน ทำธุรกิจไปด้วยเรียนไปด้วย ปริญญาบางใบได้มาตอนแต่งงานและมีลูกแล้วก็มี ผมเรียนปริญญาโท เอ็มบีเอ ที่ธรรมศาสตร์ เรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยอเมริกันโคสต์ไลน์ (American Coastline University) สหรัฐอเมริกา แต่เรียนทางไปรษณีย์นะ แล้วก็ได้อบรมหลักสูตรธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (สหรัฐอเมริกา) คือเขาเชิญไปเรียนโดยคัดจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผมเป็นนักธุรกิจไทยรุ่นแรกที่ได้รับคัดเลือก ตอนนั้นไปอบรมพร้อมกับคุณประชา มาลีนนท์ (อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3) รวมๆ แล้วทั้งปริญญาและประกาศนียบัตร ประมาณ 10 กว่าใบได้ คืออุปนิสัยผมเป็นคนใฝ่รู้ อย่างเราเรียนจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรม พอไปทำธุรกิจต้องติดต่อค้าขายกับต่างประเทศผมก็จะไปเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการเขียนจดหมายทางธุรกิจ เรียนการพูดภาษาอังกฤษ เรียนการเงิน การตลาด ก็หาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด คือผมเป็นคนไม่ชอบเที่ยว พอเลิกงานก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยไปเรียนหนังสือ” ดร.กฤษฎา กล่าว

    มีเงินพันล้าน แต่ใช้เดือนละ 6 พัน

    แม้ปัจจุบัน ดร.กฤษฎาจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจและกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่เขาก็หาได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา ... ตรงกันข้ามเขากลับยังคงใช้ชีวิตสมถะ กินง่ายอยู่ง่ายไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ยังล้มลุกคลุกคลานในช่วงที่เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ

    ดร.กฤษฎาบอกว่า เขาเลือกใช้จ่ายเฉพาะในสิ่งที่จำเป็น ซึ่งรวมๆแล้วในแต่ละเดือนนั้นเขาจะใช้เงินไม่เกิน 6,000 บาท เพราะเขามองว่าคงเป็นการดีกว่าหากเงินที่เขาหามาด้วยความยากลำบากนั้นจะถูกนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนา หรือใช้ในการส่งเสริมคุณธรรมและการศึกษาให้แก่เด็กๆที่ด้อยโอกาส

    “ทุกวันนี้ผมใช้เงินแค่เดือนละ 6,000 บาท อาหารเช้าของผมคือถั่วต้ม น่าจะประมาณ 3-5 บาท คือผมเอาถั่วแดง ถั่วเขียว ลูกเดือย ถุงละแค่ 10 กว่าบาท มาต้มใส่น้ำตาล ต้มเสร็จแล้วก็แช่ช่องแข็งไว้ เช้าก็เอาออกมากิน ถั่วนี่คุณค่าทางอาหารสูงด้วย ประหยัดด้วย มื้อกลางวันก็เป็นอาหารตามสั่งจากร้านแถวๆ ออฟฟิศ บางทีขับรถไปเจอเพิงก๋วยเตี๋ยวข้างทางผมก็แวะกินได้ ผมกินอะไรง่ายๆ ตกเย็นก็กินข้าวที่บ้านกับครอบครัว แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว คือผมมองว่าเงินทองของเราถ้าได้นำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์มันน่าจะคุ้มค่ากว่าเอามาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไร้สาระ อย่างที่บริษัทก็จะมีการแจกทุนการศึกษาให้แก่เด็กที่เรียนดี มีความประพฤติดี แต่ฐานะยากจน แจกมาต่อเนื่องทุกปี ซึ่งปีนี้เราก็แจกให้ 100 ทุน ทุนละ 12,500 บาท

    หรืออย่างรีสอร์ทที่ลพบุรีเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร ผมก็เลยถวายวัดไปเพื่อใช้สร้างสถานปฏิบัติธรรม นอกจากนั้นเราก็สร้างธรรมสภาขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จุคนได้หลายพันคน ทางวัดเขาก็ใช้เป็นที่อบรมธรรมะสำหรับเยาวชนและประชาชน ใช้เป็นที่ประชุมสงฆ์ เป็นที่จัดบวชเณร แล้วผมก็ส่งเงินไปช่วยเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าคนงาน ทุกเดือน เมื่อปีที่แล้วก็มีการจัดตักบาตรที่ศูนย์ลพบุรี 2 ครั้ง ครั้งแรกเดือนกุมภาพันธ์ นิมนต์พระมา 1,700 รูป ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนธันวาคม 2551 มีพระมารับบาตร 10,000 รูป ปลายปีนี้ก็จะจัดอีก คือเราอยากให้คนหันกลับมาทำบุญใส่บาตรกันเยอะๆ เหมือนเมื่อก่อนนี้ ผมจำได้ว่าสมัยเด็กๆ ผมอยู่ในสลัม เราเดินไปแถวถนนเจริญกรุงจะเห็นพระเดินรับบาตรมาเป็นแถว ชาวบ้านเขาก็ใส่บาตรกัน ส่วนเรายังเป็นเด็กจนๆ เราก็ได้แต่ยกมือไหว้ แต่วันนี้เรามีโอกาสทำได้มากกว่าแค่ยกมือไหว้พระ (ยิ้ม) ผมคิดว่าถ้าคนมีศีลมีธรรมเหมือนเมื่อก่อนบ้านเมืองเราก็สงบสุข”

    ดร.กฤษฎายังบอกด้วยว่า ความยากลำบากที่เขาพบเจอมาตั้งแต่วัยเยาว์นั้นเป็นเหมือนเบ้าหลอมให้เขารู้จักมานะ อดทน จนประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้ ดังนั้นเขาจึงปลูกฝังให้ลูกๆ ทั้ง 3 คนซึ่งจะต้องเข้ามาสืบสานธุรกิจของเขาต่อไปในอนาคตได้เรียนรู้ที่จะทำงานโดยไม่หวั่นต่อความยากลำบาก

    “ผมกับภรรยาจะไม่เลี้ยงลูกแบบคุณหนู ไม่สอนให้เขาฟุ้งเฟ้อ ลูกทุกคนจะช่วยกันทำงานหมด เราสอนเขาว่าอย่าอายถ้างานที่เราทำเป็นอาชีพสุจริต ลูกชายคนโตผมเขาเรียนจบปริญญาตรี ที่เอแบค ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จบออกมาก็หางานทำไม่ได้ เขาก็ไปสมัครเป็นเซลส์เดินขายไส้กรอก ได้วันละ 100 บาท วันไหนขายไม่ได้ตามเป้าก็ไม่ได้เงิน ตอนเราเริ่มทำกาแฟเนเจอร์กิฟใหม่ๆ เรายังไม่มีเงินจ้างคนงาน ทุกคนในบ้านก็ต้องช่วยกันทำทุกอย่าง ตั้งแต่ผลิตกาแฟอยู่ในโรงรถ กลางคืนก็ให้ลูกชาย 2 คนไปซื้อน้ำตาลจากห้างแมคโคร ช่วยกันเข็นมา กลางวันเขาก็ต้องไปส่งกาแฟ ขับรถกระบะไปเอง แบกเองทุกอย่าง ตอนนี้ลูกทั้ง 3 คนเรียนจบหมดแล้ว ก็เข้ามาช่วยงานในบริษัท คือผมมองว่าเราไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอด ไม่ได้อุ้มชูเขาทั้งชีวิต ดังนั้นถ้าให้เขาได้เจอกับความลำบากตั้งแต่วันนี้ ต่อไปวันข้างหน้าเจอปัญหาอะไรเขาก็รับได้หมด” ดร.กฤษฎา พูดถึงสิ่งที่เขาคาดหวังจากทายาททั้ง 3 ที่จะมาสืบสานกิจการเนเจอร์กิฟต่อไปในอนาคต

    * * * * * * * * * *

    เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER"> </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หวัดดีตอนเช้าครับคุณหนุ่ม และท่านๆ ที่ไม่แสดงตัวอีก 17 ท่าน

    วันนี้ฝนตก อากาศค่อนข้างเย็น ดูแลสุขภาพด้วยครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สืบทอดกิจกรรมโบราณ ปฏิบัติธรรมแนว "บวร" ๐ บ.หมายถึง บ้าน ว.หมายถึง วัด ร.หมายถึง โรงเรียน

    ʗ??ʹ?Ԩ?Ã??Ò? ??ԺѵԸÃ??Ǡ"?ǃ"

    สืบทอดกิจกรรมโบราณ ปฏิบัติธรรมแนว "บวร" ๐ บ.หมายถึง บ้าน ว.หมายถึง วัด ร.หมายถึง โรงเรียน

    http://www.komchadluek.net/detail/2...หมายถึงบ้านว.หมายถึงวัดร.หมายถึงโรงเรียน.html

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คมชัดลึก :วัดพระราม 9 ได้สืบทอดกิจกรรมโบราณ ทั้งวันขึ้นปีใหม่ เข้าพรรษา ออกพรรษา วิสาฆบูชา มาฆบูชา พระเป็นผู้นำในด้านนี้จึงต้องคิดต้องทำให้ถูกต้องตามจารีต วัดพระรามเก้าพอถึงวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งก็จะมีการจัดตั้งแต่ต้นด้วยการเจริญทานด้วยการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งก็จะทำให้มีการเจริญศีล คือการบวชเลขธรรมะ ประพฤติ ปฏิบัติ เช้า-เย็น เพราะวัดยังไม่มีที่พัก การบวชเลขธรรมะศึกษาธรรมก็เกิดปัญญา เกิดความรู้ความเข้าใจ จะเป็นคนสูงอายุส่วนใหญ่ที่มานั่งปฏิบัติธรรม ศาสนาพุทธจะสอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เรามีความรู้เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะรู้สูงขึ้นไป ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา จะสอดคล้องกันเข้ามา กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักศึกษาเข้ามาในวัด บางกลุ่มก็แต่งตัวไม่ค่อยสุภาพเข้ามาในวัดก็มีผลกระทบต่อสังคมบ้างเหมือนกัน

    เมื่อเป็นวัดขึ้นมาแล้วตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีแนวเริ่มไว้เป็นกรณีพิเศษ เมื่อมีวัดขึ้นมาแล้วต้องปฏิบัติธรรม บวร บ.หมายถึง บ้าน ว.หมายถึง วัด ร.หมายถึง โรงเรียน หรือราชการ ความหมายของบ้าน วัด โรงเรียน ก็ทรงมีพระราชดำริว่าวัดจะเกิดขึ้นได้ต้องมีบ้านถ้าไม่มีบ้านไม่มีญาติโยม สร้างวัดขึ้นมาโดดๆ พระก็อยู่ไม่ได้ถ้าบวชมา พระต้องมีชีวิตอยู่เนื่องด้วยชาวบ้าน พระต้องออกบิณฑบาต ต้องโปรดสัตว์ ต้องอยู่ด้วยการทำนุบำรุงด้วยชาวบ้าน เพราะฉะนั้นมีวัดก็ต้องมีบ้านก่อน เมื่อมีบ้าน มีวัด มีโรงเรียน เรียกว่าเป็นสามพันสาน มีหลักค้ำกันอยู่ ที่จะค้ำกันอยู่ได้อย่างไรก็ด้วยการสร้างความรู้สึกที่มีต่อกันด้วยความเป็นวัด เป็นบ้าน เป็นโรงเรียน เป็นศูนย์ราชการด้วยการนำแนวพระราชดำริคือ รู้รักสามัคคี มาเป็นตัวอุ้ม สามพันสานให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข รู้ หมายความว่า ทุกวัด ทุกบ้าน ทุกราชการ ต่างก็มีความรู้กันในสิ่งที่ถูกต้อง ให้เป็นไปเพื่อความรักต่อกันเมื่อมีความรู้ที่ถูกต้องแล้วรู้จักที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องในความเป็นวัด เป็นบ้าน เป็นศูนย์ราชการ เป็นโรงเรียน นอกจากจะเป็นโรงเรียนแล้วยังเป็นราชการที่เกี่ยวข้องด้วย ร่วมกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน ก็มาผสานสามัคคี ให้รู้รักสามัคคี เมื่อเราทุกคนอยู่ในความรู้รักสามัคคีแล้ว จะเป็นเหตุทำให้บ้าน วัด โรงเรียน เกิดความเจริญ เกิดการพัฒนา บางคนก็ร่วมกันคิดร่วมกันพัฒนาเพื่อจะยังวัด บ้าน ให้มีความเจริญ บ้านก็มีแต่ความสุข เพื่อจะยังส่วนที่จะเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาเล่าเรียน ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในหลักศีลธรรม รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน (พูดภาษาชาวบ้านว่า รักวัดเช่นใด ก็ให้รักบ้านเช่นนั้น รักบ้านเช่นใด ก็ให้รักส่วนราชการ/โรงเรียนเช่นนั้น ต่างคนก็ให้รักซึ่งกันและกันเพื่อจะยังความสุขความปรารถนา) เป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานไว้ให้วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก ประเด็นที่ 1 ประเด็นที่ 2 ก็มีกิจกรรมหลายกิจกรรมแต่กิจกรรมที่จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นคือ เช้าขึ้นมาพระก็จะออกไปบิณฑบาตตามหมู่บ้านไม่ใช่ว่าพระออกไปบินบาตไม่ใช่แต่หลับตาอย่างเดียว ต้องพูดจากับญาติโยมบ้าง ก็ทำให้เกิดความรู้สึกกับวัด บ้านก็เกิดความรักต่อวัด วันสำคัญทางศาสนาหรือวันปกติก็นำข้าวปลาอาหารมากมายมาถวายพระสงฆ์ หรือการมีงานกุศลก็มาช่วยกันพัฒนาวัดช่วยกันตกแต่งวัดให้เป็นที่รื่นรมย์ ชาวบ้านมาแสดงออก วัดเป็นสถานที่ตั้ง แต่วัดก็จะเป็นสถานที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมหรือความเจริญ เช่น วัดมีกิจกรรมงานขึ้นปีใหม่ วันมาฆบูชา เป็นวันที่ประชาชนมารวมกันที่วัด เราก็แจ้งราชการว่าวัดจะทำการอย่างไรทำให้มีส่วนร่วมระหว่างวัดกับราชการก็จะแนบแน่นขึ้น ก็จะเป็นการสร้างความสามัคคี ระหว่างวัด กับราชการ ตามแนวพระราชดำริอีกอย่างหนึ่ง
    อีกอย่างหนึ่งคือกิจกรรมข้าวก้นบาตร เกิดจากความรู้สึก พระฉันไม่หมด ก็มีของเหลือ แต่ของเหลืออย่างมีคุณค่า มีนักเรียนอยู่ข้างวัดก็กำหนดให้นักเรียนมากินข้าวที่วัดเรียกว่ากินข้าวก้นบาตร นักเรียนจะผลัดกันมาวันละห้อง ห้องละประมาณ 40 คน จะมากินข้าวหลังพระฉันเพลเสร็จ เมื่อเด็กกินข้าวเสร็จแล้ว จะสร้างกิจกรรมให้เด็ก โน้มน้าวให้มีศีลธรรม ก่อนจะกินข้าวก็ต้องนมัสการพระรัตนตรัย การทำกิจกรรมเช่นนี้จะทำให้เด็กรู้สึกดีในพระพุทธศาสนาในเบื้องต้น
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    มาแจ้งข่าวงานบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    22-7-2552, 10:43 AM #32262

    ผมได้ขอพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จากคุณnongnooo ไว้จำนวน 5 องค์ จากคุณเพชร จำนวน 5 องค์ และผมจะมอบให้จำนวน 10 องค์ เพื่องานผ้าป่าสามัคคีโดยเฉพาะครับ

    รายละเอียดมีดังนี้ครับ

    ข้อที่ 1.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 10 องค์ สำหรับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า(ที่สมัครก่อนวันที่ 20 กรกฎาคม 2552) ให้ร่วมทำบุญ 3,000 บาท(สามพันบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ส่วนสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าที่สมัครหลังจากวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ให้ร่วมทำบุญ 6,000 บาท(หกพันบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น

    หมายเหตุ 1.1 การทำบุญในข้อที่ 1 และ ข้อที่ 2 สามารถจองไว้ก่อนได้ และต้องโอนเงินร่วมทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนหรือภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เท่านั้น

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 1.
    1.คุณpsombat โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    2.คุณchantasakuldecha โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    3.คุณแหน่ง โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    4.คุณพี่เบิ้ม โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    5.คุณมูริญโญ่ โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    6.คุณMEA โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 25 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    7.คุณพรสว่าง_2008 โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    8.คุณ
    9.คุณ
    10.คุณ
    11.คุณ
    12.คุณ
    13.คุณ

    ข้อที่ 2.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 5 องค์ ให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนแล้ว โดยร่วมทำบุญ 20,000 บาท(สองหมื่นบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้ท่านที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนแล้ว ร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น

    หมายเหตุ 2.1 การทำบุญในข้อที่ 1 และ ข้อที่ 2 สามารถจองไว้ก่อนได้ และต้องโอนเงินร่วมทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนหรือภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เท่านั้น

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 2.
    1.คุณ
    2.คุณ
    3.คุณ
    4.คุณ
    5.คุณ
    6.คุณ
    7.คุณ

    ข้อที่ 3.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 5 องค์ ให้กับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาเลย โดยร่วมทำบุญ 2,000,000 บาท(สองล้านบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้ท่านไม่ที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาเลย ร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น และทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 เท่านั้น

    ปัจจุบัน วันที่ 4 สิงหาคม 2552 ได้หมดเขตการจองและร่วมทำบุญในข้อที่ 3 แล้ว
    หมายเหตุ 3.1 หากการทำบุญในข้อที่ 3 ไม่มีท่านไหนมาร่วมทำบุญภายในกำหนดระยะเวลาที่กำหนด ผมจะยกพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) ดังกล่าวไปมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญในข้อที่ 1. และ ข้อที่ 2 แทน

    หมายเหตุ 3.2 หากการทำบุญในข้อที่ 3 มีท่านที่ทำบุญ 5 ท่าน ซึ่งจำนวนเงินที่ร่วมทำบุญมา เกินกว่ายอดเงินที่ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ผมจะขออนุญาตพระอาจารย์นิล ,พี่แอ๊ว และท่านที่เกี่ยวข้อง นำเงินดังกล่าวทั้งหมดไปทำบุญในสถานที่อื่นๆ ตามที่พระอาจารย์นิล ,พี่แอ๊ว และผมเห็นสมควร

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 3.
    1.คุณ - 2.คุณ - 3.คุณ - 4.คุณ - 5.คุณ -

    เนื่องจากในข้อที่ 3 ไม่มีผู้ที่จองและร่วมทำบุญ ผมขอยกยอดจำนวนพระสมเด็จ (กลักไม้ขีด) ไปไว้ที่ ข้อ 1.(จำนวน 3 องค์) และ ข้อ 2.(จำนวน 2 องค์) ครับ

    การจองและการร่วมทำบุญ สามารถจองไว้ก่อนได้ ท่านใดจองก่อน มีสิทธิ์ก่อน และการรับจองต้องโอนเงินร่วมทำบุญตามกำหนดระยะเวลาที่ได้แจ้งไว้แล้ว

    PaLungJit.com

    http://palungjit.org/.105/เ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...