พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมีช่วงต้น อธิษฐานในใจ ไม่ได้พูดออกมา 7 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงกลาง อุปบารมี แปร่งวาจาอธิษฐาน 9 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงปลาย ปรมัตถบารมี หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ 4 อสงไขยกับเศษ 1 แสนมหากัป รวม 20 อสงไขย 1 แสนมหากัป

    ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมีช่วงต้น อธิษฐานในใจ ไม่ได้พูดออกมา 14 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงกลาง อุปบารมี แปร่งวาจาอธิษฐาน 18 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงปลาย ปรมัตถบารมี หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ 8 อสงไขยกับเศษ 1 แสนมหากัป รวม 40 อสงไขย 1 แสนมหากัป

    วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมีช่วงต้น อธิษฐานในใจ ไม่ได้พูดออกมา 28 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงกลาง อุปบารมี แปร่งวาจาอธิษฐาน 36 อสงไขย บำเพ็ญบารมีช่วงปลาย ปรมัตถบารมี หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ 16 อสงไขยกับเศษ 1 แสนมหากัป รวม 80 อสงไขย 1 แสนมหากัป<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประเภทพระพุทธเจ้า
    โพสโดยคุณแล้วเจอกัน
    ��ҹ����Р06164�-���������оط�����
    ที่มา บ้านธัมมะ

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 17
    แต่โดยความหมายแห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย
    นั้น โดยกำหนดอย่างต่ำ ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลา ๔
    อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างกลาง ต้องปรารถนาการเพิ่มพูน โพธิสมภาร ตลอดเวลา ๘ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างสูงต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลาถึง ๑๖ อสงไขย (กำไร)แสนมหากัป. และข้อแตกต่างกันเหล่านี้ พึงทราบด้วยสามารถแห่งบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ.

    อธิบายว่า ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ ย่อมมีศรัทธาอ่อน แต่มีปัญญากล้าแข็ง
    และต่อจากนั้นไปไม่นาน บารมีก็จะถึงความบริบูรณ์ เพราะความเป็นผู้ฉลาด
    ในอุบาย เป็นภาวะผ่องใส และละเอียดอ่อน.
    ผู้ที่เป็นสัทธาธิกะ ย่อมมีปัญญาปานกลาง เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสัทธาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ไม่เร็วเกินไป และ
    ไม่ช้าเกินไป.
    ส่วนผู้ที่เป็นวิริยาธิกะ ย่อมมีปัญญาน้อย เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ ผู้วิริยาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ โดยการเนิ่นนาน
    ทีเดียว.


    อีกนัยหนึ่ง ย่อมต่างกัน เมื่อคราวอภินิหาร ต่อหน้าพระพุทธเจ้าที่ทรงพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่น สุเมธดาบสได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกร ถ้าพระโพธิสัตว์ใด ขณะที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วถ้ามีปัญญาฟังเพียงคาถา 4 บาทแม้ไม่จบคาถาที่ 3มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(อุคฆฏิตัญญู) ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภท ปัญญาธิกะ พระโพธิสัตว์ใดฟังเพียงคาถา 4 บาท ยังไม่จบคาถาที่ 4มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(วิปัจจิตัญญู)ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาธิกะ พระโพธิสัตว์
    ใดฟังจบคาถา 4 บาทแล้วมีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์ ถ้าหากน้อมไปเพื่อเป็นสาวก ย่อมเป็นพระพุทธเจ้าประเภทวิริยาธิกะ ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 662
    ศรัทธาอ่อนปัญญากล้าย่อมมีแก่ผู้เป็นปัญญาธิกะทั้งหลาย ปัญญาปานกลางมีแก่ผู้เป็นศรัทธาธิกะทั้งหลาย ปัญญาอ่อนย่อมมีแก่ผู้เป็นวีริยาธิกะทั้งหลาย.
    อนึ่งพึงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณด้วยอานุภาพแห่งปัญญา.

    ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า นี้เป็นการแบ่งกาลของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายด้วยความแก่กล้า ปานกลางและอ่อนแห่งความเพียร แต่โดยความ
    ไม่ต่างกัน โพธิสมภารทั้งหลายย่อมถึงความบริบูรณ์แห่งบารมีเหล่านั้น โดยความต่างแห่งกาลตามที่กล่าวแล้ว โดยความแก่กล้าปานกลางและอ่อนแห่ง
    ธรรมทั้งหลายอันบ่มบารมีให้แก่กล้าด้วยวิมุติ. เพราะเหตุนั้นความต่างแห่งกาล ๓ เหล่านี้จึงควรแล้ว. ด้วยอาการอย่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมมี ๓ ส่วนในขณะแห่งอภินิหารโดยความต่างกันแห่ง อุคฆฏิตัญญู วิปัจจิตัญญูและเนยยะ. ใน ๓ อย่างนั้น ผู้ที่ฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๓ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา เป็นอุคฆฏิตัญญู. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    บุคคลประเภทที่สองฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๔ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    ส่วนบุคคลประเภทที่สามฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจบคาถาแล้วเป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖.
    ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้องรักครับ

    ได้ยินทันหรือเปล่า ที่พี่ใหญ่บอก

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ อยู่ในประเภทไหน

    ส่วนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม โกนาคมนะ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พุทธกัสสปะ ประเภทไหน

    ที่สำคัญ อย่าลืม

    นโม 3 จบ
    และ บทอิติปิโสครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
    Daily News Online : Variety
    ที่มา เดลินิวส์

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ทราบหรือไม่ว่า การออกกำลังนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายอีก วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
    - ผิวจะดูดีขึ้น การออกกำลังมีผลในแง่บวกหลายอย่างต่อผิว ช่วยเติมสีสันให้พวงแก้ม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นจากการไหลเวียนของโลหิตที่ดีขึ้น และยังทำให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันความหย่อนยานหรือริ้วรอยได้ด้วย
    - ขนาดร่างกายจะสมส่วน การออกกำลังเป็นประจำจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกิน และลดน้ำหนักได้ จะค่อย ๆ มีขนาดร่างกายที่เหมาะสมกับส่วนสูง และโครงสร้างร่างกาย จะทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และก็จะดูดีขึ้นตามไปด้วย
    - เส้นผมจะแข็งแรงกว่าเดิม การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้มีการสูบฉีดโลหิตไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะด้วย รากผมจะได้รับอาหารจากเลือดที่เต็มไปด้วยออกซิเจน และช่วยกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำลายเส้นผม

    - ดวงตาจะแจ่มใสขึ้น เป็นผลของการไหลเวียนโลหิตที่ดี จะทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และแจ่มใส นอกจากนี้ การใช้สายตาจับจ้องไปข้างหน้าตลอดเวลาของการออกกำลัง ทำให้ได้มีการออกกำลังกล้ามเนื้อดวงตา ที่ทำให้แข็งแรงขึ้น
    - กล้ามเนื้อจะดูดีขึ้น การออกกำลังแต่ละอย่างจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ทำให้ดูเพรียวขึ้น เสื้อผ้าจะเข้ากับรูปร่างได้อย่างสวยงาม และก็จะดูฟิตมากขึ้น
    รู้ถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายกันแล้ว หันมาออกกำลังกายกันดีกว่า.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เมื่อหัวค่ำนี้ ผมกำลังจะกลับบ้าน เดินมาที่โรงรถที่ทำงาน มีความคิดขึ้นมาแวบนึง

    ผมอยากสร้างพระขึ้นมาสักรุ่นนึง พิมพ์พระสมเด็จ

    โดยผมเองมีแม่พิมพ์ ผมจะสร้างพระผงคลุกรัก โดยด้านหลังองค์พระจะติดล็อกเก็ต ล็อกเก็ตจะเป็นรูปองค์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ,คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณ-อุตร) 5 องค์ ,หลวงปู่แจ้งฌาณ ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ

    ส่วนผงที่จะใช้สร้างนั้น จะเป็นผงที่ได้จากพระวังหน้าที่แตกหัก(ที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้) ,พระธาตุพระสิวลีเถระเจ้า และยังมีมวลสารอื่นๆอีกมาก

    ส่วนพระพิมพ์นั้น จะสร้างเท่ากับจำนวนการสั่งจองเท่านั้น

    กติกาในการจอง
    1.ต้องอยู่ในคณะพระวังหน้า,กลุ่มลูกศิษย์พระอาจารย์ผมและบุคคลที่ท่านอาจารย์ประถม เห็นสมควรเท่านั้น
    2.ผู้ที่สั่งจองต้องรับข้อแม้จำนวน 5 ข้อดังนี้
    2.1 เป็นผู้ที่ช่วยเหลือและค้ำจุนพระศาสนา ตามกำลังของตนเองอย่างเต็มที่
    2.2 เป็นผู้ที่ช่วยเหลือประเทศชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามกำลังของตนเองอย่างเต็มที่
    2.3 เพื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์
    2.4 เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มีไว้ ในการทำความดีตามข้อ 2.1 , 2.2 และ 2.5
    2.5 ช่วยกันปกป้องและเผยแพร่พระวังหน้า ตามกำลังของตนเองอย่างเต็มที่

    ผมจะใช้กติกานี้ในการจอง และผมจะให้มีการเซ็นชื่อในใบจอง โดยข้อความจะมีการตั้งจิต ตั้งสัจจะตามกติกาด้วยนะครับ

    ส่วนขั้นตอนแรก ผมขอทราบจำนวนท่านที่มีความประสงค์ที่จะสั่งจอง และจำนวนที่จองก่อนนะครับ

    ล็อกเก็ต เท่าที่ผมคุยกับพี่ท่านนึง พี่ท่านนี้บอกว่า ทางร้านคิดมา 300 บาท ผมเองคิดว่า พระพิมพ์ 1 องค์ จะให้จอง 500 บาท ในส่วนต่างอีก 200 บาทนั้น จะเป็นอุปกรณ์ต่างๆเช่น รัก หรือ ค่าใช้จ่ายในงานพิธีพุทธาภิเษก แต่หากมีเงินเหลือ ก็จะทำบุญกันต่อไป แต่หากว่า เงินไม่พอ อาจจะขอเก็บเพิ่มเติมในภายหลัง

    ผมขอสงวนสิทธิ์ในการรับจองหรือไม่รับจองครับ

    ขอให้แจ้งผมก่อนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 นี้นะครับ

    หมายเหตุ การจองเป็นการตรวจสอบจำนวนก่อน ยังต้องขออนุญาตองค์หลวงปู่พระอุปคุต ,คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีก่อน และยังมีอีกหลายขั้นตอนครับ


    เรื่องมวลสาร ผมเองจะสละ ลูกอมผงยาวาสนา(ของวังหน้า) มาเป็นมวลสารด้วยครับ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนหนึ่งของใบจอง ซึ่งมีการตั้งจิต ตั้งสัจจะไว้ครับ

    เผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ จะได้ตัดสินใจได้

    [​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....


    .


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    มาบอกเรื่องของมวลสารกันนิดนึง

    1.ผงที่เข้าพิธีพุทธาภิเษก เมย.50 (องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ มีพระเมตตาอธิษฐานจิต)
    2.พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า (เป็นผง) คุณเพชรมอบให้
    3.พระธาตุพระสิวลี (สันฐานเพชร) คุณเพชรมอบให้
    4.พระธาตุพระสิวลี พี่ท่านนึงมอบให้
    5.พระวังหน้าที่แตกหัก และไม่สามารถซ่อมได้ นำมาบดเป็นผง เช่นพิมพ์พุทธประวัติ , พระสมเด็จ (top of the top) เป็นต้น
    6.ลูกอมผงยาวาสนา (ไม่น้อยกว่า 5 ลูก)
    7.เศษพระวังหน้า ที่มีพระธาตุ พี่อ้อยhongsanart จะส่งมาให้ร่วมสร้าง

    เท่านี้ก่อนนะครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ----------------------------------------------------------------

    ท่านผู้จอง หากทำไม่ได้ตามที่ต้องตั้งจิต ตั้งสัจจะ อย่าจองนะครับ

    อันตรายกับตนเอง

    เตือนมาด้วยความห่วงใยครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ประเภทพระพุทธเจ้า
    โพสโดยคุณแล้วเจอกัน
    ��ҹ����Р06164�-���������оط�����
    ที่มา บ้านธัมมะ

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 17
    แต่โดยความหมายแห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย
    นั้น โดยกำหนดอย่างต่ำ ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลา ๔
    อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างกลาง ต้องปรารถนาการเพิ่มพูน โพธิสมภาร ตลอดเวลา ๘ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างสูงต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลาถึง ๑๖ อสงไขย (กำไร)แสนมหากัป. และข้อแตกต่างกันเหล่านี้ พึงทราบด้วยสามารถแห่งบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ.

    อธิบายว่า ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ ย่อมมีศรัทธาอ่อน แต่มีปัญญากล้าแข็ง
    และต่อจากนั้นไปไม่นาน บารมีก็จะถึงความบริบูรณ์ เพราะความเป็นผู้ฉลาด
    ในอุบาย เป็นภาวะผ่องใส และละเอียดอ่อน.
    ผู้ที่เป็นสัทธาธิกะ ย่อมมีปัญญาปานกลาง เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสัทธาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ไม่เร็วเกินไป และ
    ไม่ช้าเกินไป.
    ส่วนผู้ที่เป็นวิริยาธิกะ ย่อมมีปัญญาน้อย เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ ผู้วิริยาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ โดยการเนิ่นนาน
    ทีเดียว.
    อีกนัยหนึ่ง ย่อมต่างกัน เมื่อคราวอภินิหาร ต่อหน้าพระพุทธเจ้าที่ทรงพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่น สุเมธดาบสได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกร ถ้าพระโพธิสัตว์ใด ขณะที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วถ้ามีปัญญาฟังเพียงคาถา 4 บาทแม้ไม่จบคาถาที่ 3มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(อุคฆฏิตัญญู) ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภท ปัญญาธิกะ พระโพธิสัตว์ใดฟังเพียงคาถา 4 บาท ยังไม่จบคาถาที่ 4มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(วิปัจจิตัญญู)ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาธิกะ พระโพธิสัตว์
    ใดฟังจบคาถา 4 บาทแล้วมีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์ ถ้าหากน้อมไปเพื่อเป็นสาวก ย่อมเป็นพระพุทธเจ้าประเภทวิริยาธิกะ ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 662
    ศรัทธาอ่อนปัญญากล้าย่อมมีแก่ผู้เป็นปัญญาธิกะทั้งหลาย ปัญญาปานกลางมีแก่ผู้เป็นศรัทธาธิกะทั้งหลาย ปัญญาอ่อนย่อมมีแก่ผู้เป็นวีริยาธิกะทั้งหลาย.
    อนึ่งพึงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณด้วยอานุภาพแห่งปัญญา.

    ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า นี้เป็นการแบ่งกาลของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายด้วยความแก่กล้า ปานกลางและอ่อนแห่งความเพียร แต่โดยความ
    ไม่ต่างกัน โพธิสมภารทั้งหลายย่อมถึงความบริบูรณ์แห่งบารมีเหล่านั้น โดยความต่างแห่งกาลตามที่กล่าวแล้ว โดยความแก่กล้าปานกลางและอ่อนแห่ง
    ธรรมทั้งหลายอันบ่มบารมีให้แก่กล้าด้วยวิมุติ. เพราะเหตุนั้นความต่างแห่งกาล ๓ เหล่านี้จึงควรแล้ว. ด้วยอาการอย่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมมี ๓ ส่วนในขณะแห่งอภินิหารโดยความต่างกันแห่ง อุคฆฏิตัญญู วิปัจจิตัญญูและเนยยะ. ใน ๓ อย่างนั้น ผู้ที่ฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๓ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา เป็นอุคฆฏิตัญญู. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    บุคคลประเภทที่สองฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๔ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    ส่วนบุคคลประเภทที่สามฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจบคาถาแล้วเป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖.
    ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    คณะพระวังหน้า รู้ว่า พระวังหน้าสร้างขึ้นที่วังหน้า ไม่ใช่วัดตองปุ(หรือวัดชนะสงคราม) แค่นี้ก็ยังไม่รู้เรื่อง

    ผมเอง เวลาที่บอกความรู้ ต้องบอกในสิ่งที่เป็นจริง กลัวครับ ถ้าบอกในสิ่งที่ไม่เป็นจริงและบิดเบือน กลัวเกิดมาชาติต่อๆไปจะโง่อีกหลายชาติ กลัวจริงๆ

    และอีกประการ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า พระวังหน้าที่พระพิมพ์สมเด็จ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านเมตตาอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ และ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม อธิษฐานจิต

    นี่แหละครับ คณะพระวังหน้า ที่ต้องรู้ทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)

    ขอย้ำ และ ยืนยันว่า คณะพระวังหน้า ที่ต้องรู้ทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    โมทนาสาธุครับ

    โมทนาสาธุครับ
    (คำว่าโมทนาสาธุเป็นลิงค์...ครับ )
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะมีแต่น้องที่รัก แต่ไม่มีเพื่อนที่รักแฮะครับ หุ หุ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ประเภทพระพุทธเจ้า
    โพสโดยคุณแล้วเจอกัน
    ��ҹ����Р06164�-���������оط�����
    ที่มา บ้านธัมมะ

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 17
    แต่โดยความหมายแห่งสัมมาสัมโพธิญาณ ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย
    นั้น โดยกำหนดอย่างต่ำ ต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลา ๔
    อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างกลาง ต้องปรารถนาการเพิ่มพูน โพธิสมภาร ตลอดเวลา ๘ อสงไขย (กำไร) แสนมหากัป. โดยกำหนดอย่างสูงต้องปรารถนาการเพิ่มพูนโพธิสมภารตลอดเวลาถึง ๑๖ อสงไขย (กำไร)แสนมหากัป. และข้อแตกต่างกันเหล่านี้ พึงทราบด้วยสามารถแห่งบารมีของพระโพธิสัตว์ ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ.

    อธิบายว่า ผู้ที่เป็นปัญญาธิกะ ย่อมมีศรัทธาอ่อน แต่มีปัญญากล้าแข็ง
    และต่อจากนั้นไปไม่นาน บารมีก็จะถึงความบริบูรณ์ เพราะความเป็นผู้ฉลาด
    ในอุบาย เป็นภาวะผ่องใส และละเอียดอ่อน.
    ผู้ที่เป็นสัทธาธิกะ ย่อมมีปัญญาปานกลาง เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสัทธาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ไม่เร็วเกินไป และ
    ไม่ช้าเกินไป.
    ส่วนผู้ที่เป็นวิริยาธิกะ ย่อมมีปัญญาน้อย เพราะฉะนั้น บารมีของ
    พระโพธิสัตว์ ผู้วิริยาธิกะเหล่านั้น จึงถึงความบริบูรณ์ โดยการเนิ่นนาน
    ทีเดียว.
    อีกนัยหนึ่ง ย่อมต่างกัน เมื่อคราวอภินิหาร ต่อหน้าพระพุทธเจ้าที่ทรงพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่น สุเมธดาบสได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกร ถ้าพระโพธิสัตว์ใด ขณะที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วถ้ามีปัญญาฟังเพียงคาถา 4 บาทแม้ไม่จบคาถาที่ 3มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(อุคฆฏิตัญญู) ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภท ปัญญาธิกะ พระโพธิสัตว์ใดฟังเพียงคาถา 4 บาท ยังไม่จบคาถาที่ 4มีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์(วิปัจจิตัญญู)ก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาธิกะ พระโพธิสัตว์
    ใดฟังจบคาถา 4 บาทแล้วมีอุปนิสัยบรรลุเป็นพระอรหันต์ ถ้าหากน้อมไปเพื่อเป็นสาวก ย่อมเป็นพระพุทธเจ้าประเภทวิริยาธิกะ ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 662
    ศรัทธาอ่อนปัญญากล้าย่อมมีแก่ผู้เป็นปัญญาธิกะทั้งหลาย ปัญญาปานกลางมีแก่ผู้เป็นศรัทธาธิกะทั้งหลาย ปัญญาอ่อนย่อมมีแก่ผู้เป็นวีริยาธิกะทั้งหลาย.
    อนึ่งพึงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณด้วยอานุภาพแห่งปัญญา.

    ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า นี้เป็นการแบ่งกาลของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายด้วยความแก่กล้า ปานกลางและอ่อนแห่งความเพียร แต่โดยความ
    ไม่ต่างกัน โพธิสมภารทั้งหลายย่อมถึงความบริบูรณ์แห่งบารมีเหล่านั้น โดยความต่างแห่งกาลตามที่กล่าวแล้ว โดยความแก่กล้าปานกลางและอ่อนแห่ง
    ธรรมทั้งหลายอันบ่มบารมีให้แก่กล้าด้วยวิมุติ. เพราะเหตุนั้นความต่างแห่งกาล ๓ เหล่านี้จึงควรแล้ว. ด้วยอาการอย่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมมี ๓ ส่วนในขณะแห่งอภินิหารโดยความต่างกันแห่ง อุคฆฏิตัญญู วิปัจจิตัญญูและเนยยะ. ใน ๓ อย่างนั้น ผู้ที่ฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๓ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา เป็นอุคฆฏิตัญญู. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    บุคคลประเภทที่สองฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อยังไม่จบคาถาบทที่ ๔ เป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา. หากพึงน้อมไปในสาวกโพธิญาณ.

    ส่วนบุคคลประเภทที่สามฟังคาถา ๔ บท ต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจบคาถาแล้วเป็นผู้มีอุปนิสัยสามารถบรรลุพระอรหัตด้วยอภิญญา ๖.
    ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    คณะพระวังหน้า รู้ว่า พระวังหน้าสร้างขึ้นที่วังหน้า ไม่ใช่วัดตองปุ(หรือวัดชนะสงคราม) แค่นี้ก็ยังไม่รู้เรื่อง

    ผมเอง เวลาที่บอกความรู้ ต้องบอกในสิ่งที่เป็นจริง กลัวครับ ถ้าบอกในสิ่งที่ไม่เป็นจริงและบิดเบือน กลัวเกิดมาชาติต่อๆไปจะโง่อีกหลายชาติ กลัวจริงๆ

    และอีกประการ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า พระวังหน้าที่พระพิมพ์สมเด็จ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านเมตตาอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กุกกุสันโธ และ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม อธิษฐานจิต

    นี่แหละครับ คณะพระวังหน้า ที่ต้องรู้ทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)

    ขอย้ำ และ ยืนยันว่า คณะพระวังหน้า ที่ต้องรู้ทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    การโพส ย่อมรู้ว่า คนที่โพสนั้นเป็นคนอย่างไร

    แรกๆก็โพสโจมตีท่านอาจารย์ประถม

    ต่อมาบอกว่า ไม่ได้โพสโจมตีท่านอาจารย์ประถม

    ย่อมรู้ได้ว่า คนเหล่านั้น เป็นคนอย่างไร อย่าเป็นคนที่กลับกลอกมากนัก

    ซึ่งถ้าผมบอกว่า ศิษย์มันเป็นอย่างนี้ แล้วครูมันจะเป็นอย่างไร
    บอกแบบนี้ก็ไม่ดี งั้นผมขอถอนคำพูด

    แต่ที่แน่ๆ ท้าคนเหล่านี้ไปกี่ครั้ง กี่หน ก็ไม่กล้าที่สมเป็นลูกผู้ชาย
    ถ้ากล้าจริงๆ ก็ไปเจอกันที่วัดพระแก้วได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอก

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ ที่ผมไปหาพี่ใหญ่ พร้อมกับน้องรัก ผมเล่าเรื่องที่ผมได้เคยตายแล้ว(เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา) ให้กับพี่ใหญ่ฟัง พี่ใหญ่บอกว่า นั่นคือ การหลงตาย

    อย่าลืมนะครับ ต้องปฎิบัติสมาธิภาวนากันไว้ให้มากๆครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมรู้อยู่ว่า พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ไม่ชอบให้ผมไปโพสแรงๆ ตามสไตล์ผม

    ซึ่งหลายๆท่านก็บอกว่า เปรียบพวกแก๊งค์บัวใต้น้ำ เหมือนขี้ อย่านำไม้หรือนิ้ว ไปเขี่ย เดี๋ยวจะเหม็นและเลอะมือ

    ขนาดผมท้าขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้าผมสักคน หรืออาจจะเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์มันไม่ได้สั่งสอน เพราะว่าถ้าสั่งสอนมาก็กล้ารับคำท้าไปที่วัดพระแก้วกัน แต่คำพูดนี้ก็ไม่ดีอีก งั้นผมขอถอนคำพูดครับ

    บางครั้งผมเองก็อดไม่ได้ที่จะตอบไปบ้าง

    ก็จะใช้ความพยายาม อุเบกขา ให้มากกว่านี้ครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คนทำเว็บฯ เซ็งผิดพรบ.คอมฯถูกปฏิบัติหนักกว่าค้ายา
    http://www.thairath.co.th/content/tech/4750

    ที่มา ไทยรัฐ

    [​IMG]

    เจ้าของเว็บไซต์ 212คาเฟ่ โอดเคยถูกคัดค้านประกันตัว นอนคุก แถมเงินประกันตัวสูงกว่าถูกจับยาบ้า ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดเอง เพียงเพราะลบช้าไม่ทันใจ จนท. ด้าน สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ติงการใช้ พรบ.คอมฯ บางกรณียังเป็นปัญหา...

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข่าว "ปดส.รวบ2หนุ่มแพร่คลิปร่วมเพศอาจารย์สาว" ในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ ข่าวไทยรัฐออนไลน์: ปดส.รวบ2หนุ่มแพร่คลิปร่วมเพศอาจารย์สาว วานนี้ (8 พ.ค.) ที่ตำรวจ ปดส.ได้แถลงข่าวจับกุม นายชูศักดิ์ เสียงระฆัง อายุ 24 ปี เจ้าของธุรกิจให้บริการจัดทำเว็บไซต์ และเจ้าของเว็บไซต์ www.gooseed.com ในข้อหาเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ ซึ่งสิ่งอันลามก และเป็นผู้ให้การยินยอมให้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ส่วนรายที่สองจับกุม นายจักรพงศ์ เกาะศิริ อายุ 33 ปี ข้าราชการระดับ 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1251/2552 ลงวันที่ 6 พ.ค.52 ข้อหา ทำให้แพร่หลายหรือการค้าสิ่งของลามก โฆษณา หรือไขข่าวว่าสิ่งดังกล่าวหาได้จากบุคคลใดหรือโดยวิธีใด และสนับสนุนการเผยแพร่ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก

    นายศิริพร สุวรรณพิทักษ์ เจ้าของเว็บไซต์ www.212cafe.com ผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน ตาม พรบ.คอมฯ กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะนายชูศักดิ์ ได้โทรมาขอคำปรึกษาในฐานะผู้ที่เคยมีประสบการณ์ โดยทางนายชูศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า ถูกดำเนินคดีเนื่องจากตอนแรกมีผู้แจ้งว่ามีการโพสรูปโป๊ของหญิงสาวคนหนึ่งตามข่าว แต่ได้มีการลบออกจากระบบแล้ว อย่างไรก็ตาม ตำรวจพบแบนเนอร์โฆษณาขายสื่อลามกในเว็บไซต์ จึงถูกดำเนินคดี จึงเป็นเหตุให้ต้องเข้าไปนอนในห้องขัง 1 คืน เพราะประกันตัวไม่ทัน

    เจ้าของเว็บไซต์ 212คาเฟ่ฯ กล่าวต่อว่า จากที่ได้ฟังนายชูศักดิ์เล่ามา พบว่ารูปแบบการจับกุมและการปฏิบัติเหมือนกับกรณีของ 212คาเฟ่ฯ เกือบทุกขั้นตอน คือ มีเจ้าพนักงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และตำรวจ ปดส.ชุดเดิม ทั้งนี้อยากให้ทางมีคนของสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยมาช่วยแนะนำขั้นตอนในการปฏิบัติตัว หรือ การเตรียมตัวสู้คดี ส่วนผิดถูกอย่างไรให้ศาลตัดสิน เวลานี้คนทำเว็บไซต์ที่ต้องนั่งอยู่หลังลูกกรง ไม่ทราบชะตาตัวเองแน่นอนว่า ใครจะมาช่วยเหลือ เนื่องจากเมื่อครั้งที่ตัวเองติดคุก ก็มีแค่ทนายคนเดียวที่ช่วยอยู่ข้างนอก

    นายศิริพร กล่าวอีกว่า ล่าสุดเพิ่งทราบว่าอัยการได้ส่งเรื่องฟ้องศาลแล้ว ทำให้ต้องหาเงินมาประกันตัวถึง 2 แสนบาท แล้วในวันนั้นโชคดีที่หาเงินมาประกันตัวได้ทัน จึงไม่ต้องถูกส่งไปฝากขัง ดังนั้นส่วนตัวเห็นว่าเงินประกันตัวสูงกว่า ผู้ที่ถูกจับในข้อหามียาเสพติดในครอบครองอีก โดยหลังจากที่โดนจับไปนอนในคุกทำให้คิดได้ว่า เว็บมาสเตอร์เป็นอาชีพที่รับความเสี่ยงแทนคนอื่นๆ ในสังคมออนไลน์ จึงอยากฝากน้องๆ เยาวชนที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่กำลังจะทำงานด้านเว็บไซต์ หรือเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง ต้องระมัดระวังไม่ให้มีการกระทำความผิดตาม พรบ.คอมฯ การละเมิดลิขสิทธิ์ และ พรบ.อาหารและยา ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเริ่มเอาจริง มีการจับกุมมากขึ้น จริงๆ แล้ว แค่ความผิดหมิ่นประมาทคนทำเว็บไซต์ก็ลำบากแล้วกับการส่งหลักฐานให้ตำรวจ

    ด้าน นางภูมิจิต ศิระวงศ์ประเสริฐ กรรมการควบคุมจริยธรรม และคณะทำงาน สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า สำหรับ กรณีการจับกุมเจ้าของเว็บไซต์ กูซีดดอทคอม เท่าที่ได้ดูตัวเนื้อหาบนเว็บไซต์ จะเป็นเว็บที่เปิดให้มีการโพสรูป และขายโฆษณาออนไลน์ โดยโฆษณาที่เป็นปัญหาเป็นแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่ไม่ใช่โฆษณาจากระบบอัตโนมัติ แต่คนที่มีสิทธิ์ใส่ลงเว็บไซต์ได้ คือ เจ้าของเท่านั้น เหมือนกับว่าเจ้าของเว็บไซต์นี้รู้เห็น หรือสนับสนุนให้มีการซื้อขายวีซีดีลามก ต่างจากคดีที่ภาพโป๊มาจากผู้ใช้งานโพสขึ้นมา

    กรรมการควบคุมจริยธรรมฯ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวด้วยว่า กรณีนี้เว็บไซต์กูซีดดอทคอม อาจจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทำให้สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ยังไม่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ หรือ ดูแล แต่ทำได้ คือ การดูแลเกี่ยวกับขั้นตอนการจับกุม หรือ ปิดเว็บไซต์ว่า จนท.ตำรวจได้ทำตามขั้นตอนตาม พรบ.คอมฯ หรือไม่เท่านั้น อย่างไรก็ตามวงการคนทำเว็บไซต์ยังตั้งข้อสงสัยว่า การใช้กฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ และดูเหมือนคนทำเว็บไซต์จะตกเป็นจำเลยหลักมากที่สุด ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ถ่ายรูป หรือคลิปวิดีโอไปโพสบนเว็บบอร์ด หรือเว็บไซต์
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    รูปนี้คือ
    1.พระสมเด็จ top of the top

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 238 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิต เมื่อ
    28-02-2009 10:42 PM

    2.พระสมเด็จ top of the top 4

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 139 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิต เมื่อ
    05-05-2009 08:56 PM


    ส่วนรูปอื่นๆ


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 197 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 07-04-2009 09:13 PM


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 189 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 191 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 190 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 192 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 08-03-2009 10:44 AM


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 154 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 13-03-2009 05:38 PM
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ตาลุงข้างบ้านปายสาดุดมาอีกแล้วครับ ไม่ทราบที่ไหนยังไงดีปล่าวครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ต้องขอบคุณท่านปาทานไปเหนื่อยมาเพื่อเพื่อนๆ พี่ น้องๆครับ หุ หุ (รักรึเปล่าไม่ทราบครับ) หุ หุ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 33 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 31 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณnongnooo ผมจะบอกว่า ตอนนี้ พระวังหน้า ดังมาก

    มีกลุ่มคนที่รับตังมา เพื่อมาล้ม มาหยุดกระแสความดังและความแรงพระวังหน้า

    จะล้ม จะหยุดได้อย่างไร เมื่อหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ท่านบอกว่า พระของท่านจะดังปี พ.ศ.2549

    มีบุคคลจำนวนมาก ที่กำลังศึกษาค้นคว้า และไขว่คว้าหาพระวังหน้ากันมาก

    ไม่อย่างนั้น จะมีผู้ที่โหลดรูปไปมากหรือครับ

    นำมาบอกอีกรอบ

    รูปนี้คือ
    1.พระสมเด็จ top of the top

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 238 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิต เมื่อ
    28-02-2009 10:42 PM

    2.พระสมเด็จ top of the top 4

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 139 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิต เมื่อ
    05-05-2009 08:56 PM


    ส่วนรูปอื่นๆ


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 197 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 07-04-2009 09:13 PM


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 189 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 191 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 190 ครั้ง
    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 192 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 08-03-2009 10:44 AM


    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 154 ครั้ง
    ลงเว็บพลังจิตเมื่อ 13-03-2009 05:38 PM<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...