พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    ไอ..คุก....คุก....
     
  2. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    มีอาหารรอบดึกมาส่งสามเกลอคะ เห็นพี่เพชร กับ พี่หนุ่ม ไอใหญ่เลย เลยเอามาฝากคะ เผื่อพี่น้องนู๋ไปด้วยเลย

    <TABLE id=post1906054 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1906054", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 44
    ข้อความ: 5,862
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 3455 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1906054 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เห็นแล้วรำลึกถึงความหลังกับคุณเพชร ,คุณnongnooo

    ที่วัดไ.............. ครับ

    รูปสงวนลิขสิทธิ์ครับ
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    ไอ..คุก....คุก....<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้...
    ทำบุญกับพระที่กำลังอาพาธ(ป่วย)ด้วยโรคมะเร็งกระดูก<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0000003486OSOBH.jpg
      0000003486OSOBH.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.8 KB
      เปิดดู:
      38
    • lemon-tea.jpg
      lemon-tea.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.7 KB
      เปิดดู:
      32
    • 032.jpg
      032.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2009
  3. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    สวัสดีทุกท่านค่ะ ไม่ได้เข้ามาตั้งนานเลย...เพิ่งจะหายจากไม่สบายค่ะ(เป็นบิด) เล่นเอาน้ำหนักลดไป 4 โลแน่ะ หน้าร้อนต้องระมัดระวังกันหน่อยนะคะ ที่บ้านเป็นกันตั้งหลายคน

    ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวันเป็นนารูโต๊ะ ไปแล้ว
    ป้าไม่ทันนารูโต๊ะ นะจ๊ะ ท่านโด ต้องหน้ากากเสือหรืออิคิวซัง ก็ยังคุยกันรู้เรื่อง...555
     
  4. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    ธรรมะ มีแต่ของแท้ ไม่มีของปลอม

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ธรรมะในทางพุทธศาสนา ล้วนเป็นหลักความจริง ในการดำรงชีวิตของมนุษย์เพื่อความผาสุกในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
    ธรรมะในทางพุทธศาสนาพุทธ จะไม่มีการแบ่งแยกว่า ธรรมะชนิดไหนต้องใช้กับบุคคลชนิดไหน หรือใช้ในสังคมไหน แต่ธรรมะในศาสนาพุทธย่อมต้องสามารถใช้ได้ในทุกบุคคล ทุกสังคมทุกสถานที่

    บุคคลใด จะใช้ธรรมะในทางใด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตามค่านิยมของสังคม ก็ล้วนเป็นธรรมะในทางพุทธศาสนาทั้งสิ้น
    แต่ธรรมะในทางพุทธศาสนา มิได้เน้นให้บุคคลสร้างความแตกแยก หรือสร้างความทุกข์ให้กับตนเอง และผู้อื่น
    ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า ธรรมะในทางพุทธศาสนาสอนให้บุคคลเป็นคนดีเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มองถึงหลักความเป็นจริงตามธรรมชาติ

    ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว ธรรมะทางพุทธศาสนา ล้วนย่อมเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปในทางที่ดี หรือไม่ดี ตามค่านิยมของสังคมมนุษย์
    แต่ถ้ามนุษย์มีธรรมะหรือมีพฤติกรรมไปในทางที่ไม่ดี ตามค่านิยมของสังคม ก็ย่อมเกิดความทุกข์ทั้งต่อตนเอง หรือเกิดความทุกข์ต่อผู้อื่น และก็เช่นกัน ถ้ามนุษย์มีธรรมะ หรือมีพฤติกรรมไปในทางที่ดี ตามค่านิยมของสังคม ก็ย่อมเกิดสุขทั้งต่อตนเองและผู้อื่น สามารถขจัดกิเลสให้เบาบางลงไปได้

    ดังนั้น ธรรมะในศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะปฏิบัติ ไปในทิศทางใด ตั้งแต่ระดับปุถุชนเป็นต้นไป ก็ย่อมนับได้ว่า เป็นธรรมะแห่งพุทธศาสนา ตามแต่สมองสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ของแต่ละบุคคล ตามแต่สภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศย่อมไม่มีการแบ่งแยกว่า ถ้าธรรมะนั้น ปฏิบัติ แล้วเกิดกิเลส เกิดความโลภ เกิดความโกรธ จะไม่ใช่ธรรมะ

    แต่จะเป็นธรรมะในส่วนรายละเอียด หรือเป็น ธรรมะหัวข้อหลัก ก็เป็นอีกเรื่อง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  5. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310

    โหรุ่นนี้เขารู้จักนารุโตะด้วยหรอครับนึกว่าจะมีรุ่นผมรุ่นเดียวที่รู้จักแล้วอ่าน

    เหอๆๆเอิกๆ *-*
     
  6. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    ไม่ได้เข้ามานานยังเฮฮาเหมือนเดินนะครับพี่ๆทุกท่าน
     
  7. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    อย่าบอกนะว่า พี่เพชร พี่กวง พี่น้องหนู พี่สิทธิพงศ์ พี่ดราก้อนลอรด์ อ่านนารุโตะอ่ะครับ *0*
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า เลือกกันนะครับคุณเพชร และคุณnongnooo

    อยากทานอะไรเพิ่มเติม ฝากน้องอุ้มซื้อเยี่ยมได้เลยครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เอ่อ ถ้ารุ่นคุณเพชร หรือคุณnongnooo ต้องกาโม่ หรืออุลตร้าแมน หรือไอ้มดแดง หรือจัมโบ้ A ครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รักษาสุขภาพกันให้เยอะๆด้วยครับ

    ว่าแต่ว่า ก็ดีนะครับ ได้ลดน้ำหนักไปในตัวเลย 4 โล
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แฉเรียงคิว ยาลดความอ้วน แสนอันตราย!!

    ข่าวสุขภาพ แฉเรียงคิว ยาลดความอ้วน แสนอันตราย

    [​IMG]


    ข่าวสุขภาพ แฉเรียงคิว ยาลดความอ้วน แสนอันตราย

    แฉเรียงคิว "ยาลดอ้วน" แสนอันตราย ผลข้างเคียงสูงปรี๊ดต่อ "สมอง-หัวใจ-หลอดเลือด-ไต" (มติชนออนไลน์)

    แจงรายละเอียด "ยาลดความอ้วน" แต่ละประเภท แยกกันทำหลายหน้าที่เพื่อให้ "ดูผอม" ผลข้างเคียงสูงมากต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น "สมอง-หัวใจ-หลอดเลือด-ไต"

    <STYLE disabled></STYLE>ความอ้วนถูกบีบให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ "สิ่งน่ารังเกียจ" คนอ้วนมักถูกล้อเลียนและเหยียดหยามมากกว่าคนผอม หรือแม้แต่ในวงการแพทย์ ความอ้วนก็กลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจเพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่แม้ความอ้วนจะเป็นเรื่องน่าห่วงใย เรากลับมีการส่งเสริมปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความอ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อาหารที่มีไขมันสูง น้ำอัดลม อาหารแปรรูป หรือขนมกินเล่น ที่ล้วนแต่ให้พลังงานสูง คนที่เข้าข่ายเป็น "โรคอ้วน" จึงมีโอกาสเกิดโรคร้ายหลายชนิดมากกว่าคนอื่น เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ข้อเข่าเสื่อม หัวใจขาดเลือด เป็นต้น

    แต่คนที่ยังไม่ทันจะอ้วน หลายคนกลับชอบคิดว่าตัวเองอ้วนเกินไป จนต้องยอมเสี่ยงภัยจาก "ยาลดความอ้วน" แม้ว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเสียเงินมากเท่าไหร่ก็ยอม กรณีนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า หลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องความอ้วนไม่ดีพอ เพราะตามความจริงแล้ว ยาลดความอ้วนไม่ได้ช่วยสลายความอ้วนในร่างกายเราเลย แต่ได้ช่วยในด้านอื่นๆ เช่น การระงับความหิว เพิ่มการเผาผลาญร่างกาย ลดไขมัน ระบายน้ำ

    ประเภทของยาลดความอ้วน

    [​IMG] 1. ยาควบคุมความหิว ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์กดศูนย์ควบคุมความหิวในสมอง ทำให้ไม่รู้สึกอยากทานอาหารและอิ่มเร็ว แต่เนื่องจากยาประเภทนี้ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนค่อนข้างมาก เช่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หงุดหงิด ใจสั่น ปากแห้ง

    [​IMG] 2. ยาเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เป็นการนำยาในกลุ่ม "ไทรอยด์ฮอร์โมน" ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไทรอยด์มาใช้ เพราะยากลุ่มนี้สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย แทนที่จะเป็นไขมัน ดังนั้น ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูงมาก แถมยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

    [​IMG] 3. ยาระบายและยาขับปัสสาวะ เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากทำให้เห็นผลเร็วและน้ำหนักลดลงมาก แต่ความจริงแล้วถือเป็นภาพลวงตา เพราะสิ่งที่ลดลงไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย การใช้ยาประเภทนี้จะส่งผลข้างเคียง เช่น ทำให้ขาดเกลือแร่ที่สำคัญ และอาจทำให้ไตมีปัญหาได้

    [​IMG] 4. ยาที่ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกใยอาหาร (ไฟเบอร์) เช่น บุก แมงลัก ซึ่งมักทำให้เกิดอาการท้องอืด

    [​IMG] 5. ยาลดการดูดซึมไขมัน ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของน้ำย่อย ที่มีหน้าที่ย่อยสลายไขมัน เมื่อไขมันไม่ถูกย่อยก็จะไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และในที่สุดจะถูกขับถ่ายออกไป อย่างไรก็ตาม ยาประเภทนี้มีผลข้างเคียงทำให้ มีลมในลำไส้มาก ท้องอืด ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำมัน ผายลมมีน้ำมันปนออกมา อุจจาระบ่อย หรือกลั้นอุจจาระไม่อยู่ เป็นต้น

    [​IMG] 6. อาหารเสริมที่อ้างว่าสามารถช่วยลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก

    [​IMG] 7. วิตามิน มันถูกจ่ายควบคู่มาด้วย เนื่องจากผลข้างเคียงของยาต่างๆ ข้างต้นทำให้ไม่รู้สึกหิว กินอาหารไม่เพียงพอ หรือระบายน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามัน

    ส่วนยากลุ่มที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ ยาในกลุ่มออกฤทธิ์ระงับความหิว โดยที่นิยมมากคือ "เฟนเตอมีน" (Phentermine) หรือยาในกลุ่มเดียวกัน จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 และต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ยาประเภทนี้ถูกควบคุมจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างเข้มงวด เนื่องจากส่งผลข้างเคียงสูง

    อย.อนุญาตให้ขาย "เฟนเตอมีน" แก่แพทย์ได้ไม่เกิน 5,000 เม็ดต่อเดือน เพื่อป้องกันการจ่ายยาพร่ำเพรื่อ นอกจากนี้ แพทย์ยังต้องรายงานการใช้การนี้ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีการยืนยันว่า แพทย์ผู้ได้รับอนุญาตจะมีการดูแลและควบคุมการใช้ยาประเภทนี้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดหรือไม่


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน
    [​IMG]
    ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 95
    เขียนโดย กองบรรณาธิการฉลาดซื้อ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของเงินกับจุดบอด
    หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน : หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ

    คอลัมน์ จับจิตด้วยใจ

    โดย นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ www.newheartnewlife.net



    ผมรู้สึกว่า ผมยังอยากจะเขียนถึง "เรื่องของเงิน" ต่ออีกนะครับ

    ในบทความชิ้นที่แล้ว ผมเขียนถึง "การรู้ตัว" ในการใช้จ่ายเงินไปแล้วว่า "การตระหนักรู้" ในการใช้จ่ายด้วยการ "ลองจดรายการใช้จ่าย" อย่างละเอียด เราก็จะค่อยๆ "มองเห็นหรือรับรู้" ได้เองว่า ในแต่ละวันเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง และพบได้เองว่า หลายเรื่องหลายรายจ่ายเราสามารถที่จะประหยัดได้ มี "เงินเก็บ" ได้จากรายการหลายรายการที่เราจ่ายไปโดย "ไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว"

    ผมได้ย้ำไว้ตอนท้ายของบทความที่แล้วไปแล้วว่า "การตระหนักรู้" ในการใช้จ่ายเงิน ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง "ตระหนี่ถี่เหนียว" เป็นตังเมแบบไม่ยอมใช้จ่ายเลย ในทางตรงกันข้าม "การรับรู้ตระหนักรู้" ควรจะทำให้เราได้ "รับรู้สภาวะ" ของ "การไหลเวียนของกระแสเงิน" ตามความเป็นจริง เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมี "จุดบอด" ไม่ได้มองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

    ต่อเมื่อ "เห็นหรือรับรู้" ได้ ผมเชื่อว่า แต่ละคนต่างก็จะมีวิจารณญาณกันเองนะครับว่า ควรใช้เงินอย่างไร ที่ไม่ตระหนี่เกินไปและไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป

    คนที่ไม่เงินเหลือเก็บ มักจะไม่ได้เป็นเพราะรายได้น้อยเท่านั้น แต่มักจะเป็นเพราะ หนึ่ง "คิดไปเองว่าหาได้มาเยอะ" หรือ สอง "คิดไปเองว่าตัวเองไม่ได้ใช้อะไรเยอะแยะ หรือคิดว่าใช้น้อยอยู่แล้ว" ดังนั้น ฉันจะใช้เท่าไรก็ไม่เห็นน่าจะเป็นปัญหา เพราะน่าจะยังมีเงินเหลืออยู่ แต่ไม่เคยรับรู้ไม่เคยดูการใช้จ่ายจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร

    ทั้งนี้ เป็นเพราะยังมี "จุดบอด" เกี่ยวกับเรื่องของเงิน

    ตามที่ผมเล่าไว้ในบทความชิ้นที่แล้ว รายการของโอปราห์ในวันนั้น นักการเงินท่านที่โอปราห์เชิญมายังได้แนะนำวิธีการปลดหนี้บัตรเครดิตและพบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ที่มาร่วมรายการนั้น ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นตัวเลขเท่าไร เพียงทราบคร่าวๆ ว่าประมาณนั้นประมาณนี้ แต่เอาเข้าจริงกลับพบว่า "พวกเขาเป็นหนี้มากกว่าที่คาดเอาไว้"

    มีผู้เข้าร่วมรายการท่านหนึ่งมีบัตรเครดิตมากถึง 23 ใบ เป็นหนี้รวมๆ แล้วเกือบแสนดอลลาร์ แต่เจ้าตัวคิดว่าเป็นหนี้อยู่เพียงไม่ถึงห้าหมื่นดอลลาร์ และรวมไปถึงผู้เข้าร่วมรายการอีกหลายๆ คนที่มีบัตรเครดิตไม่น้อยกว่าสิบใบ และต่างก็ประเมินหนี้สินของตัวเองต่ำเกินจริงไปทั้งสิ้น

    อะไร? ทำให้คนเหล่านี้ซึ่งอาจจะรวมถึงตัวท่านผู้อ่านเองด้วย "มองไม่เห็น" ตัวเลขที่แท้จริงเหล่านี้

    แม้กระทั่งประสบการณ์กับตัวผมเอง ในช่วงเวลาประมาณเกือบสิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ผมหันมาสนใจศึกษาเรื่องราวของ "มุมมองใหม่" ในเรื่องต่างๆ และเริ่มชีวิตการเป็นนักเขียนนั้น ผมพบว่าชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "แนวคิดในการใช้เงิน" จากที่เดิมเคย "หามากใช้มาก" และใช้เงินไปกับสิ่งฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นอะไรต่างๆ มากมายเยอะแยะ ถึงขนาดที่เมื่อย้อนกลับไปคิดดูแล้วไม่รู้ว่าตัวผมเองใช้เงินขนาดนั้นได้อย่างไร เงินจำนวนมากหมดไปกับเสื้อผ้าเน็คไทราคาแพง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรุ่นแรกๆ ที่ราคาเหยียบแสน มือถือ รถยนต์หรู ปากกา นาฬิกา ต่างๆ มากมาย ทั้งหมดเป็นเพราะ "ความไม่รู้ตัว"

    เกือบสิบปีที่ "เมื่อมุมมองเปลี่ยนไป" ผมก็พบว่า "วิธีการใช้เงิน" ของผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ความต้องการวัตถุสิ่งของฟุ่มเฟือยนั้น ลดน้อยลงไปมากจนเห็นได้ชัดเจน เสื้อผ้าราคาแพงๆ แทบไม่มีความจำเป็น เลิกใช้เครื่องประดับประดาราคาแพงๆ ต่างๆ มือถือใช้รุ่นที่เพียงแค่โทร.ออกได้ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้มือถือที่ถ่ายรูปได้ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยมากขึ้น แม้จะใช้เวลาในการหาเงินน้อยลงและมีรายได้ลดน้อยลง

    แต่รายการของโอปราห์ในวันนั้นก็ได้ทำให้ผมพบว่า "ผมยังมีจุดบอด" ในเรื่องของการใช้เงินอีกไม่น้อยเลย

    เฟรด ชูเมกเกอร์ โค้ชและนักเขียนชื่อดังท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า "ปัญหาของพวกเราแต่ละคน" ล้วนแล้วแต่อยู่ใน "จุดบอด" ของเราแต่ละคนทั้งสิ้น คือ "จุดที่เรามองไม่เห็น" แต่กลับไปเชื่อจริงๆ ว่า อืมมม เราไม่ได้เห็นอย่างนั้นนี่นา ถ้าเราไม่ได้หมั่นฝึกฝนการมองเห็นของเรา ด้วยการเริ่มในบริบทที่ง่ายๆ การฝึกมองให้รอบด้าน แล้วบันทึกสิ่งที่เราเห็นไว้เรื่อยๆ เราก็อาจจะพลาด "การเห็น" สิ่งที่ควรจะเห็นตั้งนานไปอย่างง่ายดายและน่าเสียดาย

    "จุดบอด" เกิดขึ้นได้เสมอๆ จาก "ความไม่รู้ตัว" ผมก็เลยอยากจะลองตั้งสมมติฐานในการแก้ปัญหาเรื่องจุดบอด เท่าที่นึกได้ในตอนนี้ว่าน่าจะมีอยู่สักสามสี่เรื่อง

    หนึ่ง ต้องยอมรับก่อนว่าเรามีจุดบอดกันทุกคน ถ้าเมื่อไรที่เรารู้สึกว่าเราไม่มีจุดบอดเลย แปลว่าขณะนั้นเรากำลังอยู่ในใจกลางจุดบอดอย่างแรง

    สอง เมื่อยอมรับแล้ว เราก็คงจะต้องหมั่น "ฝึกฝนการมองเห็น" ของเราให้ชัด สังเกตให้มากขึ้นให้ชัดเจนขึ้น "ฝึกการรู้เนื้อรู้ตัว" ในทุกบริเวณของชีวิต

    สาม ก็คือ "ไม่ต้องรู้สึกผิด" หากว่าตัวเองยังมีจุดบอดอยู่ หรือแม้จะคิดว่าตัวเองได้ฝึกฝนการรับรู้มาอย่างดีแล้วก็ตาม เพราะยังไงๆ ก็ยังต้องมีจุดบอดอยู่ดี

    สี่ "สังฆะ" หรือ "มิตร" น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ดี ต้องมีคนที่กล้าเป็นกระจกสะท้อนสิ่งที่เรามองไม่เห็นให้กับเราได้

    ผู้เข้าร่วมรายการของโอปราห์นี้ก็คงเป็นตัวอย่างที่ดีของ "จุดบอด" ในการใช้เงินและบัตรเครดิต ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ผู้เชี่ยวชาญการเงินท่านนี้ได้แนะนำไว้หลายเรื่องครับ แต่เรื่องที่สำคัญก็คือเธอแนะนำให้ผู้เข้าร่วมรายการเหล่านี้ "ทำบัญชีการใช้จ่าย" ของตัวเองอย่างละเอียด เพราะในบริบทของการใช้เงิน การจดรายละเอียดของการใช้จ่ายเป็นการฝึกการมองเห็นและรับรู้

    ในบริบทอื่นๆ ของชีวิต เราสามารถมีวิธีการฝึกฝนง่ายๆ กับการรับรู้ ที่จะค่อยๆ ทำให้เรา "มองเห็น" และ "รับรู้" สิ่งต่างๆ รอบตัวเรามากขึ้น รับรู้ "ความใหม่ ความสด และความมีชีวิต" ของสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวให้มากขึ้น

    "การเขียนบรรยาย" ถึงสิ่งที่เห็นตามที่ผมเคยเล่าให้ฟังในบทความชิ้นก่อนๆ ก็จะมีบทบาทช่วยตรงนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

    ถ้าทำแบบนี้ได้ ก็น่าจะพอช่วยให้ "จุดบอด" ของเราเล็กลงได้บ้างกระมังครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บูชาคนที่ควรบูชา
    หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน : หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สูตรสำเร็จในชีวิตข้อต่อไปนี้คือ การบูชาคนที่ควรบูชา

    พอได้ยินคำว่า "บูชา" ก็คงนึกถึงดอกไม้ธูปเทียนขึ้นมาทันทีใช่ไหมครับ เราเคยไปวัดกับคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เห็นท่านเอาดอกไม้ไปประดับที่แท่นพระ จุดเทียนสองเล่มธูปสามดอกยกจบศีรษะ แล้วทำปากขมุบขมิบว่าอะไรไม่รู้ แล้วท่านก็หันมาบอกเราว่า เอ้าบูชาพระเสียลูก

    นี่คือความหมายของการบูชาที่เราได้ทราบ การบูชาคนที่ควรบูชา ก็คงหมายถึงเอาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ท่านเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นอย่างอื่น

    ช้าก่อนโยม การบูชานั้นมีหลายอย่าง อย่างที่ว่ามานั้นก็ใช่แต่ยังไม่หมด การบูชาสามารถแสดงออกได้ 3 ทาง คือ

    ยกย่อง เช่น เรายกย่องคนดี (ปัคคหะ) เป็นการบูชาอย่างหนึ่ง

    บูชาด้วยสิ่งของ (สักการะ) ก็เป็นการบูชาอีกอย่างหนึ่ง

    นับถือ (สัมมานะ) ก็เป็นการบูชาอีกอย่างหนึ่ง

    จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้เรียกว่า "บูชา" เหมือนกันหมด แต่ละอย่างต้องใช้ให้ถูกต้อง เช่น ติ่งพูดกับต้อยว่า "ต้อยสุดบูชาของพี่" หมายความว่า ติ่งยกย่องให้เกียรติ (ปัคคหะ) สาวคู่รัก ไม่ใช่จุดธูปเทียนบูชา

    นายเหลี่ยมบูชาพระรัตนตรัย หมายความว่า นายเหลี่ยมจุดธูปเทียนสักการะพระรัตนตรัย (สักการะ)

    นายเหลี่ยมเป็นคนบูชาตัวเอง หมายความว่า เขานับถือตัวเอง (สัมมานะ)

    เพราะฉะนั้น การบูชาคนที่ควรบูชา ก็หมายถึง ยกย่อง เชิดชู คนที่ควรบูชานั้นแล

    แจ้งจางปางแล้วใช่ไหมครับ

    บุคคลที่ควรบูชาระดับสูง คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์ รองลงมาคือ อุปัชฌาย์ อาจารย์ บิดา มารดา พระมหากษัตริย์ วัตถุที่ควรบูชา คือ ธาตุเจดีย์ (พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระสาวก) บริโภคเจดีย์ (สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ปรินิพพาน และต้นพระศรีมหาโพธิ) ธรรมเจดีย์ (คัมภีร์พระไตรปิฎกและคำสอนที่จารึกในใบลานหรือจารึกในแผ่นศิลา เป็นต้น) และอุทเทสิกเจดีย์ (พระพุทธรูป รอยพระพุทธบาท และรูปอรหันต์สาวก)

    การที่ใครๆ ยกย่องบูชาคนดีคนที่ควรเคารพนับถือบูชาบ่อยๆ เป็นการถ่ายเทหรือซึมซับเอาความดีของบุคคลนั้นมาไว้ในตนโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นเด็กที่นิยมความกล้าหาญบูชานักรบผู้กล้า เช่น พระนเรศวรมหาราช ก็อาจรับมรดกความกล้าหาญมาสู่ตัวโดยอัตโนมัติน่าอัศจรรย์

    บางทีกิริยาท่าทาง หรือคำพูดละม้ายคล้ายคนที่เขายกย่องบูชาสุดชีวิตจิตใจก็มี เพราะฉะนั้นจึงควรยกย่องบูชาคนดีๆ เถอะครับ แล้วสักวันหนึ่งเราจะกลายเป็นคนดีไปกับเขาด้วย

    ข้อสำคัญขอให้ดูดีๆ อย่าหลงยกย่องบูชาคนดีเทียมเข้าก็แล้วกัน

    ในหนังสือ มังคลัตถทีปนี (หนังสือแต่งอธิบายมงคล 38) พระสิริมังคลาจารย์ท่านเล่านิทาน คนบูชาผิดกาละเทศะ แทนที่จะได้คุณกลับได้รับโทษถึงตาย อ่านแล้วขำดี ขอนำมาขยายให้ฟัง เรียบเรียงสำนวนให้ฟังง่ายๆ สักสองสามเรื่อง

    เรื่องที่หนึ่ง สัญชีวมาณพเรียนมนต์เสกสัตว์ตายให้ฟื้นคืนชีพจากสำนักอาจารย์ดังแห่งหนึ่งมา วันหนึ่งเดินผ่านป่าพร้อมเพื่อนๆ หลายคน เห็นเสือโคร่งนอนตายอยู่ตัวหนึ่ง สัญชีวะบอกเพื่อนๆ ว่า "ข้าจะเสกมนต์ให้เสือตัวนี้ฟื้น"

    "ลูกพี่เก่งขนาดนั้นเชียวเรอะ" เพื่อนอีกคนพูดเยาะ

    "ไม่ได้พูดเล่นนะ ข้าเรียนมนต์นี้มาจริงๆ ไม่เชื่อจะทำให้ดู" เขาพูดขึงขัง

    จริงหรือไม่ "ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า" พรรคพวกคิดแล้วก็ปีนขึ้นต้นไม้กันหมด เหลือแต่มาณพคนเก่งคนเดียวบนพื้น แกร่ายมนต์เป่าพรวดเข้าที่ร่างเสือ

    พยัคฆ์ร้ายฟื้นคืนชีพขึ้นมา ลืมตาขึ้นเห็นคนอยู่ข้างๆ จึงตะปบก้านคอล้มลงสิ้นชีวิตตรงนั้นทันที

    เรื่องที่สอง ปริพาชกคนหนึ่ง เป็นประเภทคนดีโง่บริสุทธิ์ เดินผ่านไปยังสถานชนแพะ (คงคล้ายๆ ที่ชนวัว ตีไก่ อะไรทำนองนั้น) ที่เมืองพาราณสี ที่มีคนสัญจรไปมาพลุกพล่าน

    แพะตัวหนึ่งเห็นปริพาชกหัวเกรียน ต้องการขวิดให้ถนัดจึงย่อตัวลง

    "แหม! แพะตัวนี้ฉลาดจริง คนในที่นี้มากมายไม่รู้จักว่าข้าเป็นใคร มีแพะตัวนี้ตัวเดียวรู้จักเคารพผู้ทรงศีลอย่างข้า" ปริพาชกพูดพลางยิ้มปากกว้าง

    "พระคุณเจ้า นั่นแพะจะขวิดท่าน รีบหนีไปเถอะ" พ่อค้าคนหนึ่งเห็นเข้าตะโกนบอกเสียงดัง

    "ไม่ใช่หรอกโยม แพะมันเคารพอาตมาต่างหาก" ยังโอ่สำแดงความโง่ต่อไป

    "สัตว์หน้าขนไว้ใจได้ที่ไหนท่าน รีบหลบๆ ไปเถอะน่า"

    โยมผู้ปรารถนาดีเตือนซ้ำ คนเราลองให้มีมิจฉาทิฐิแล้ว ใครจะบอกจะเตือนไม่สนใจทั้งนั้น ปริพาชกแกก็ประคองอัญชลี (ประนมมือ) รับไหว้ตามธรรมเนียมที่ว่า "ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ"

    จริงดังที่พ่อค้าคนนั้นบอก แพะตัวนั้นวิ่งมาโดยเร็วเอาเขาเสยปริพาชกล้มทั้งยืน แกครวญครางก่อนตายอย่างน่าเวทนา

    "ใครก็ตามบูชาคนที่ไม่ควรบูชา ผู้นั้นจะถูกคนชั่วร้ายนั้นทำร้ายเอา เหมือนเราผู้โง่เขลา ยกมือไหว้แพะ โดนแพะขวิดเอา นอนรอความตายอยู่บัดนี้"

    กว่าจะรู้ว่ายกย่องบูชาคน (ความจริงสัตว์) ผิด ก็สายเสียแล้วครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    เล่นเอาสะเทือนกันทั้งแผ่นดิน ตั้งแต่ผู้ปลูกยันผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืช ซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 13 ชนิด ประกอบด้วย สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และ หนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 บัญชี ข <O:p</O:p

    <O:p

    ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรคู่ครัว หลายรายการนำไปใช้ทำสารกำจัดศัตรูพืชได้ แม้ล่าสุดคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะถอยไปทบทวน ทำประชาพิจารณ์ก่อน แต่ก็ได้ส่งผลกระทบต่อความรับรู้ของประชาชนอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ผลิตสินค้าด้านสมุนไพร มีผู้สอบถามเข้าไปกันมากว่าจะยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้เหมือนเดิมหรือไม่ <O:p</O:p
    <O:p

    เรื่องนี้ต้องฟังคำยืนยันให้มั่นใจจากแพทย์และเภสัชกรของโรงพยาบาลดังกล่าวกัน
    <O:p
    นพ.วิชาญ เกิดวิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ กล่าวว่าของเหล่านี้เราใช้กันมานานแล้วจนรู้ว่าจะใช้อย่างไร การมาอ้างว่าจะควบคุมคุณภาพนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับความเป็นอันตราย ที่จริงสมุนไพรเหล่านั้นไม่ใช่วัตถุอันตราย จะกินเป็นอาหารก็ดีหรือเพื่อรักษาโรคบางอย่างก็ดี เพื่อสร้างเสริมสุขภาพก็ไม่มีปัญหา เราอาจต้องเรียน รู้สักหน่อยว่าต้องกินมากน้อยแค่ไหน ตัวไหนเหมาะสำหรับโรคอะไร แต่ส่วนที่ว่าจะเข้ามาดูแลคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะในการขจัดศัตรูพืชนั้น วัตถุประสงค์ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นอันตรายเลย แต่กลัวด้อยคุณภาพ คนแค่ฟังก็กลัว ที่ผ่านมาเกิดผลกระทบพอสมควรแล้ว ถ้าไม่ได้แก้ไขให้เกิดความเข้าใจก็จะอยู่ยาว <O:p</O:p
    <O:p

    ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า ประกาศฉบับนี้เป็นการตีตราสมุนไพรไทยว่าเป็นอันตราย ส่งผลต่อประชาชนที่มีความรู้น้อยเกี่ยวกับสมุนไพร และความรับรู้ของคนรุ่นหลังต่อสมุนไพรไทยจะเป็นไปในทางลบ ขอเสนอให้ยกเลิกประกาศดังกล่าวโดยเร่งด่วน ขอให้มีมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสังคมทุกระดับถึงความปลอดภัยของพืชสมุนไพรตามความเป็นจริงให้กลับมาอย่างเร่งด่วน และขอให้มีการส่งเสริมการผลิตสมุนไพรเกษตรอินทรีย์รวมถึงพัฒนาการใช้สมุนไพรทดแทนสารพิษอย่างจริงจัง<O:p</O:p
    <O:p

    สรุปว่าคนที่ยังลังเลก็ขอให้เข้าใจกันว่ายังกินใช้สมุนไพรต่างๆ ได้อยู่ ขิงข่า ก็ยังใช้แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขมิ้นชัน ก็ยังแก้อาการท้องเดินที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวา ตกโรคได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเราเคยกินใช้กันมา อย่าได้ตื่นตระหนกไป. <O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เวรจริงๆ กรรมแท้ๆ
    สงสัยบรรพบุรุธ คงตายไปเยอะ ดันไปกิน พริก ขิง ข่า สะเดา


    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร)
    http://www.buddha4u.org/index.php?op...10--&Itemid=69

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>Written by Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top>Monday, 17 November 2008 11:06 </TD></TR><TR><TD vAlign=top>
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
    สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
    ตัวอย่าง
    1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
    2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
    3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
    4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
    5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
    6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
    7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
    8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
    9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง 10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
    ที่มา : http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm


    </TD></TR><TR><TD class=modifydate>Last Updated ( Wednesday, 26 November 2008 05:07 ) </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    หยก 12 นักษัตร อีกหนึ่งงานฝีมือของช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า
    โดยคุณ :::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_889609", true); </SCRIPT>
    http://palungjit.org/showthread.php?t=80127&page=3
    หยก ๑๒ นักษัตรฝีมือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ถ่ายใหม่อีกครั้ง

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ท่านผู้ที่แกะสลัก เป็นช่างชาวจีนที่ฮ่องเต้( (ประเทศจีน) เป็นผู้ที่มอบช่างช่าวจีนมาประเทศไทย) หากท่านใดที่มีหยกวังหน้า ต้องรำลึกนึกถึงพระคุณของท่านเหล่านี้ด้วย เวลาทำบุญก็อุทิศบุญให้ท่านเหล่านี้ด้วยนะครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี เป็นพิมพ์ที่ได้มาจากวังหน้า มีเยอะครับ หากเราไม่สนใจในการซื้อขายแล้ว มีเยอะ ผมเองมีไม่น้อยกว่า 50 องค์ครับ

    หาได้ไม่ยาก

    ส่วนหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล เรื่องนั้นเป็นนิยายหลอกเด็ก ไม่มีจริง หากใครบอกว่ามี ให้รู้ไว้ว่า นั่นเขานำนิยายมาเล่าให้ฟัง หุหุหุ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระสมเด็จก็เช่นกัน มีมากครับ ไม่มากได้อย่างไร ทีมผู้สร้างมีถึง 13 ทีม ทีมผู้สร้างที่สร้างพระสมเด็จมากที่สุด ก็คือทีมช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า(ผมขอเพิ่มช่างสิบหมู่แห่งวังหลวงและวังหลังด้วย)

    ในกลุ่มพระสมเด็จ ก็จะมีชุดที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ถึงกับสามารถบอกได้ว่า หากนำพระสมเด็จทั่วโลกมารวมกัน ยังไม่สามารถที่จะเทียบกับพระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่นได้
    พระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่น จะมีอยู่ไม่กี่รุ่น ผมยกตัวอย่างให้สัก 3 รุ่น คือ
    1.พระสมเด็จ(top of the top)
    2.พระสมเด็จ (อัศจรรย์โกลาฤกษ์)
    3.พระสมเด็จ อกครุฑอาบน้ำว่าน

    ส่วนโดดเด่นอย่างไร ผมเคยอธิบายไว้แล้วในกระทู้พระวังหน้าฯ อยากรู้และอยากทราบ ตามหาอ่านเองนะครับ ไม่ขออธิบายซ้ำอีก

    เวลาที่ไปอ่านบทความต่างๆ ก็พินิจและวิเคราะห์ถึงหลักความจริง และต้องตรวจสอบด้วย

    เรื่องพระสมเด็จเก๊เอง ก็มีมากเช่นกัน

    ผมจึงต้องย้ำเสมอว่า ต้องตรวจสอบทั้ง รูป(เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม(พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่ะ ....อ่านอะเจอครับ แต่ถ้าสนใจจะหาจากไหนครับ ขอแล้วท่านปาทานจามอบให้ใช่มั้ยครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี เป็นพิมพ์ที่ได้มาจากวังหน้า มีเยอะครับ หากเราไม่สนใจในการซื้อขายแล้ว มีเยอะ ผมเองมีไม่น้อยกว่า 50 องค์ครับ

    หาได้ไม่ยาก

    ส่วนหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล เรื่องนั้นเป็นนิยายหลอกเด็ก ไม่มีจริง หากใครบอกว่ามี ให้รู้ไว้ว่า นั่นเขานำนิยายมาเล่าให้ฟัง หุหุหุ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________



    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระสมเด็จก็เช่นกัน มีมากครับ ไม่มากได้อย่างไร ทีมผู้สร้างมีถึง 13 ทีม ทีมผู้สร้างที่สร้างพระสมเด็จมากที่สุด ก็คือทีมช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า(ผมขอเพิ่มช่างสิบหมู่แห่งวังหลวงและวังหลังด้วย)

    ในกลุ่มพระสมเด็จ ก็จะมีชุดที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ถึงกับสามารถบอกได้ว่า หากนำพระสมเด็จทั่วโลกมารวมกัน ยังไม่สามารถที่จะเทียบกับพระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่นได้
    พระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่น จะมีอยู่ไม่กี่รุ่น ผมยกตัวอย่างให้สัก 3 รุ่น คือ
    1.พระสมเด็จ(top of the top)
    2.พระสมเด็จ (อัศจรรย์โกลาฤกษ์)
    3.พระสมเด็จ อกครุฑอาบน้ำว่าน

    ส่วนโดดเด่นอย่างไร ผมเคยอธิบายไว้แล้วในกระทู้พระวังหน้าฯ อยากรู้และอยากทราบ ตามหาอ่านเองนะครับ ไม่ขออธิบายซ้ำอีก

    เวลาที่ไปอ่านบทความต่างๆ ก็พินิจและวิเคราะห์ถึงหลักความจริง และต้องตรวจสอบด้วย

    เรื่องพระสมเด็จเก๊เอง ก็มีมากเช่นกัน

    ผมจึงต้องย้ำเสมอว่า ต้องตรวจสอบทั้ง รูป(เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม(พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________




    สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญกับพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาบ่อยๆ และชาวคณะพระวังหน้า ยังไงก็ต้องได้และมีไว้สักการะบูชา แน่นอน เช่น พระสมเด็จ(top of the top)

    แต่ส่วนพวกบัวใต้น้ำ และพวกที่ปรามาสพระวังหน้าฯ ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ อย่าว่าจะได้เห็นองค์จริงเลย แม้แต่รูปก็ยังไม่มีวาสนาและบารมีที่ได้เห็นครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, :::เพชร:::+, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อุ้ย ....แก๊ง 3เกลอ ครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ่า 1 ใน 3 แก๊ง 3 เกลอ ว่างมาก อยากจะจัดทัวร์นรกอยู่ครับ
    จัดทัวร์นรกนี่ ให้ไปอยู่น๊านนานเลย

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ความสามารถของแก๊ง 3 เกลอ นอกจากพาคณะไปสวรรค์แล้ว ยังสามารถจัดทัวร์(ไปอยู่)นรกได้ด้วยเนี่ย อืมมมมมมมม ไม่ธรรมดา

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มาช่วยเชียร์กันหน่อย เชียร์กันหน่อยเอ้าเชียร์กันหน่อย

    ;aa13
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440 [​IMG]
    โอ...เห็น 3 รุ่นนี้แล้วใจสั่นๆ หุหุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี เป็นพิมพ์ที่ได้มาจากวังหน้า มีเยอะครับ หากเราไม่สนใจในการซื้อขายแล้ว มีเยอะ ผมเองมีไม่น้อยกว่า 50 องค์ครับ

    หาได้ไม่ยาก

    ส่วนหลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล เรื่องนั้นเป็นนิยายหลอกเด็ก ไม่มีจริง หากใครบอกว่ามี ให้รู้ไว้ว่า นั่นเขานำนิยายมาเล่าให้ฟัง หุหุหุ

    .


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________



    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระสมเด็จก็เช่นกัน มีมากครับ ไม่มากได้อย่างไร ทีมผู้สร้างมีถึง 13 ทีม ทีมผู้สร้างที่สร้างพระสมเด็จมากที่สุด ก็คือทีมช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า(ผมขอเพิ่มช่างสิบหมู่แห่งวังหลวงและวังหลังด้วย)

    ในกลุ่มพระสมเด็จ ก็จะมีชุดที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ถึงกับสามารถบอกได้ว่า หากนำพระสมเด็จทั่วโลกมารวมกัน ยังไม่สามารถที่จะเทียบกับพระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่นได้
    พระสมเด็จที่มีความพิเศษและโดดเด่น จะมีอยู่ไม่กี่รุ่น ผมยกตัวอย่างให้สัก 3 รุ่น คือ
    1.พระสมเด็จ(top of the top)
    2.พระสมเด็จ (อัศจรรย์โกลาฤกษ์)
    3.พระสมเด็จ อกครุฑอาบน้ำว่าน

    ส่วนโดดเด่นอย่างไร ผมเคยอธิบายไว้แล้วในกระทู้พระวังหน้าฯ อยากรู้และอยากทราบ ตามหาอ่านเองนะครับ ไม่ขออธิบายซ้ำอีก

    เวลาที่ไปอ่านบทความต่างๆ ก็พินิจและวิเคราะห์ถึงหลักความจริง และต้องตรวจสอบด้วย

    เรื่องพระสมเด็จเก๊เอง ก็มีมากเช่นกัน

    ผมจึงต้องย้ำเสมอว่า ต้องตรวจสอบทั้ง รูป(เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม(พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________




    สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญกับพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาบ่อยๆ และชาวคณะพระวังหน้า ยังไงก็ต้องได้และมีไว้สักการะบูชา แน่นอน เช่น พระสมเด็จ(top of the top)

    แต่ส่วนพวกบัวใต้น้ำ และพวกที่ปรามาสพระวังหน้าฯ ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ อย่าว่าจะได้เห็นองค์จริงเลย แม้แต่รูปก็ยังไม่มีวาสนาและบารมีที่ได้เห็นครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">



    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, :::เพชร:::+, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อุ้ย ....แก๊ง 3เกลอ ครับ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ่า 1 ใน 3 แก๊ง 3 เกลอ ว่างมาก อยากจะจัดทัวร์นรกอยู่ครับ
    จัดทัวร์นรกนี่ ให้ไปอยู่น๊านนานเลย

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ความสามารถของแก๊ง 3 เกลอ นอกจากพาคณะไปสวรรค์แล้ว ยังสามารถจัดทัวร์(ไปอยู่)นรกได้ด้วยเนี่ย อืมมมมมมมม ไม่ธรรมดา

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    อ่า พระที่จะนำไป ก็จะเป็นพระกรุพระธาตุพนม(ที่มีพระธาตุพระอรหันต์และลูกปัด) จะนำไปให้สาบานที่วัดพระแก้ว เมื่อสาบานเรียบร้อยแล้วก็เดินไปท่าน้ำ ที่ท่าพระอาทิตย์ก็ได้ ท่าพระจันทร์ก็ได้ แล้วจะให้หักกลาง พร้อมทั้งให้กระทืบ แล้วให้เขวี้ยงทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา

    อยากรู้จังว่า จะเก่งเหมือนที่พิมพ์หรือเปล่า หุหุหุ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อวานนี้ นำเรื่องนี้ไปเล่าให้กับพี่สองท่าน และพี่ใหญ่ (ไปเล่ากันคนละช่วงเวลา) เล่าไปขำไป

    ผมก็เลยบอกว่า ผมจะนำพระสมเด็จ(top of the top) ไปพร้อมกับเสี้ยน(ให้เสี้ยนนำพระสมเด็จ องค์ละ 50 ล้านบาทไปด้วย และไปกันเยอะๆ ) ไปที่วัดพระแก้ว ไปสาบานกันก่อน แล้วนำ พระสมเด็จ(top of the top) ไปหาพระวิปัสนาญาณ สายพระอาจารย์มั่น 5 องค์ แล้วไปถามว่า พระสมเด็จ(top of the top) ที่ผมนำไป กับ พระสมเด็จ ที่เสี้ยนนำไป องค์ไหนดีกว่ากัน โดยพระวิปัสนาญาณทั้ง 5 องค์ บอกมาตรงกัน และพระสมเด็จ(top of the top) แท้หรือไม่ โดยเดิมพันกันด้วย ลูกปืนคนละนัด โดยพระวิปัสนาญาณทั้ง 5 องค์ บอกมาตรงกัน ทั้งพี่ทั้งสองท่านและพี่ใหญ่บอกตรงกันว่า ไม่มีใครกล้าเดิมพันด้วยแน่

    แต่ที่แน่ๆ งานวันสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ,พระธาตุพระอรหันต์ ผมมีแจก(ฟรี)สำหรับทุกๆท่านที่ไปร่วมงานนี้แน่นอนครับ หุหุหุ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถูกตามคำพูดของพี่ครับ

    เลือกเอง ด้วยตัวเอง ว่าจะเชื่อพระวิปัสนา หรือเสี้ยน

    ถะ ถะ ถะ ถะ ถูกต้องน๊ะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>พลิกแฟ้มคดีดัง-ชิงทรัพย์ ฆ่าข่มขืน...ภัยสาวหอพัก :
    ภัยสาวหอพัก

    คมชัดลึก เจาะข่าว ทั่วไทย หนังสือพิมพ์ ยอดเยี่ยมในงานประชุมหนังสือพิมพ์โลก 2005


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>สภาพเศรษฐกิจที่กำลังดิ่งเหว ส่งผลกระทบร้ายแรงกับธุรกิจต่างๆ สถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดกิจการลง ส่วนที่ยังพอดำรงอยู่ได้ก็ต้องปรับลดพนักงาน

    เพื่อหวังพยุงฐานะบริษัทให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ ทำให้ขณะนี้มียอดคนตกงานพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสภาพการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง ปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ ทั้งลัก... วิ่ง... ชิง... ปล้น... เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากสถิติพบว่า ตามหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม แฟลต และแมนชั่นต่างๆ เป็นสถานที่ลำดับต้นๆ ที่มักเกิดเหตุทำนองนี้บ่อยครั้ง

    หลายคดีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อโดยเฉพาะรายที่เป็นผู้หญิง นอกจากจะเสียทรัพย์สินแล้ว ยังต้องเสียตัว บางรายถึงกับสังเวยชีวิต
    คดีสดๆ ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นกลางเมืองหลวง ย้อนเวลากลับไปไม่ไกล เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา น.ส.ศศิวิมล เพชรศรี หรือหนิง นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วัย 21 ปี ถูกนายประภาส แสงขาว พนักงานฝ่ายสินเชื่อบัตรเครดิตธนาคารชื่อดัง บุกห้องพักเลขที่ 810 อาคารสยามเฮ้าส์อพาร์ตเม้นต์ ย่านพัฒนาการ ข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้มีดปาดคอฆ่าปิดปาก ก่อนจะชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือของผู้ตายเป็นของแถม
    ก่อนหน้านั้นไม่นาน น.ส.ภานุภัณฑ์ จันสิง เด็กสาววัย 22 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งพักอาศัยอยู่ห้องเช่าเลขที่ 307 ชั้น 3 อาคาร 96 คอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 96 แขวงและเขตวังทองหลาง ก็ถูกคนร้ายดอดเข้าไปในห้องพักหวังขโมยทรัพย์สิน แต่ผู้ตายผิวพรรณหน้าตาดี และอยู่ในห้องพักตามลำพัง คนร้ายจึงปลุกปล้ำข่มขืน ผู้ตายดิ้นรนต่อสู่ปกป้องความสาวจึงถูกคนร้ายใช้สายไฟเตารีดรัดคอจนขาดใจตาย
    ไม่ใช่เฉพาะหญิงสาววัยละอ่อนเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายของโจรหอพัก แม้กระทั่งหญิงสูงวัยอย่างนางจิระพรรณ แเกมสะเตียม อายุ 50 ปี ก็ถูกคนร้ายฆ่าข่มขืน หมกศพไว้ใต้เตียงภายในห้องเลขที่ 310 ชั้น 3 อาคารรุ่งทรัพย์คอนโดทาวน์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม แล้วกวาดเอาทรัพย์สินภายในห้องพักไปจำนวนหนึ่ง
    คดีอาชญากรรมประเภทนี้เกิดขึ้นถี่ยิบในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่มีมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดระยะ
    ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2543 ขณะ น.ส.ดวงใจ ไทยเจริญ อายุ 27 ปี กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้องเลขที่ 66/27 ชั้น 6 อาคารพระโขนงแมนชั่น เลขที่ 66 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตวัฒนา ก็ถูกคนร้ายดอดเข้าไปในห้องพักแล้วฉวยโอกาสขณะเหยื่อหลับกระทำมิดีมิร้าย แต่สวรรค์ล่ม เหยื่อกามรู้สึกตัวเสียก่อนจึงตะโกนให้คนช่วย
    คนร้ายเห็นจวนตัวจึงคว้าครกดินเผาฟาดศีรษะ น.ส.ดวงใจ จนเลือดอาบ ก่อนจะใช้มีดจ้วงแทง น.ส.ดวงใจ จนขาดใจตาย แล้วรื้อค้นเอาทรัพย์สินมีค่าทั้งเงินสดและทองรูปพรรณติดมือไปก่อนหลบหนี
    ชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบก.น.5 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ระดมกำลังไล่ล่าคนร้ายอยู่นานร่วม 2 เดือน ก่อนจะจับกุมนายอรุณศักดิ์ พุทศิริ หรืออั๋น เด็กหนุ่มวัย 21 ปี ฆาตกรหื่นกามรายนี้ได้ขณะกบดานอยู่ในชุมชนบ่อนไก่ ย่านถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตคลองเตย
    ฆาตกรรายนี้รับสารภาพอย่างหน้าตาเฉยว่า เพิ่งออกจากคุกในข้อหาพยายามฆ่า ไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้ จึงแอบเข้าไปในแมนชั่นที่เกิดเหตุ เดินไล่บิดลูกบิดประตูห้องพักต่างๆ กระทั่งมาถึงห้องพักของผู้ตาย พบว่าไม่ได้ล็อกประตูจึงเข้าไปในห้องหวังขโมยทรัพย์สิน
    บังเอิญเห็นผู้ตายนอนหลับอยู่บนเตียงในลักษณะเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ระหว่างพยายามข่มขืน ผู้ตายเกิดรู้สึกตัวตะโกนร้องโวยวาย จึงต้องฆ่าทิ้ง
    หลังถูกจับกุม นายอรุณศักดิ์ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่เมตตาลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะนายอรุณศักดิ์รับสารภาพ ปัจจุบันยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง
    คดีดังกล่าวปลุกกระแสให้สังคมเรียกหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินกันอย่างกว้างขวาง ขณะที่ตำรวจเองก็เอาจริงเอาจังในการกำกับควบคุมให้อาคารที่พักต่างๆ ต้องให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้พักอาศัย
    ประตูคีการ์ด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องโทรทัศน์วงจรปิด รวมไปถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ถูกคิดค้นนำมาใช้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้พักอาศัย ซึ่งถือปฏิบัติกันอย่างเข้มงวดอยู่ระยะหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ก็คลายลง โจรผู้ร้ายก็กลับมาลงมือได้อีก
    อย่างเมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2546 หญิงสาววัย 26 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.จันทบุรี ชื่อ น.ส.สุพัชตรา ปันพรม ถูกพบกลายเป็นศพห่อด้วยผ้าปูที่นอนซุกอยู่ที่ซอกกำแพงอาพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ เลขที่ 442/21 หมู่ 4 ซอยพหลโยธิน 52 แขวงคลองถนน เขตสายไหม โดยมีน้ำอสุจิอยู่เต็มช่องคลอด
    พ.ต.อ.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบก.น.2 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) นำทีมสืบสวนเข้าคลี่คลายคดี กระทั่งสามารถจับกุมนายอภิชาต กอบเกียรติถวิล หรือหยก ทหารเกณฑ์สังกัดกรมทหารแห่งหนึ่ง ฆาตกรที่ลงมือสังหาร น.ส.สุพัชตรา ได้ และส่งดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกนายอภิชาต 20 ปี แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 10 ปี
    คดีที่กล่าวถึงข้างต้น เป็นเพียงส่วนน้อย มีอีกหลายคดีที่เกิดขึ้นในทำนองนี้ มีทั้งที่มีแจ้งความดำเนินคดี และเหยื่อเกิดความอับอายไม่กล้าแจ้งความ ทำให้คนร้ายอีกจำนวนไม่น้อยยังคงลอยนวล และอีกไม่น้อยเช่นกันที่ยังคงมีพฤติการณ์ทำนองนี้อยู่
    เพราะฉะนั้นผู้ที่พักอาศัยอยู่ตามสถานที่พักที่กล่าวไว้ข้างต้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหญิงสาวที่ต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง ไม่เช่นนั้นเหยื่อรายต่อไปอาจเป็น...ท่าน
    -----------------
    อยู่คนเดียวพึงระวัง
    "ต้องยอมรับว่าขณะนี้ปัญหาโจรผู้ร้ายอาละวาดลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ถี่ขึ้น โดยเฉพาะตามที่พักอาศัยที่มีคนอาศัยอยู่รวมกันจำนวนมากอย่างเช่น คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือแมนชั่นต่างๆ ซึ่งคนเหล่านี้มาจากร้อยพ่อพันแม่ มีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นผู้ที่พักอาศัยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ" พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าว
    โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดคดีฆาตกรรมนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ขอความร่วมมือไปยังอาคารที่พักต่างๆ ให้ดูแลความปลอดภัยแก่ผู้พักอาศัยเป็นพิเศษ โดยแนะนำให้จัดทำประวัติผู้พักอาศัยทุกคนอย่างละเอียด
    สถานที่ใดไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็แนะนำให้ทำประวัติ รปภ.ไว้ด้วย ทุกครั้งที่มีบุคคลภายนอกเข้ามายังอาคารที่พักจะต้องมีการจดบันทึก และต้องให้ผู้พักอาศัยที่บุคคลภายนอกอ้างถึงมารับและส่งบุคคลดังกล่าวออกจากบริเวณที่พักด้วยตัวเอง รวมทั้งหากเป็นไปได้ก็ให้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดให้ทั่วถึง เพื่อดูแลป้องกันเหตุร้าย
    "นอกจากเจ้าของหอพักต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยแล้ว ผู้พักอาศัยเองก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้หญิงที่พักอยู่คนเดียว จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ก่อนเข้าออกห้องพักจะต้องดูหน้าดูหลังให้ดีว่ามีใครตามมาหรือไม่ ก่อนจะเปิดประตูต้อนรับใครก็ควรตรวจสอบเสียก่อนว่าไว้ใจได้หรือไม่ และขณะอยู่ในห้องพักก็ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดพอที่คนร้ายจะไม่สามารถเข้าไปภายในได้" พล.ต.ต.สุพร กล่าว ในส่วนของตำรวจนั้น พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ระยะนี้เศรษฐกิจไม่ดีมีคนตกงานค่อนข้างมาก ทำให้มักเกิดคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์บ่อยครั้ง ซึ่งตำรวจได้ปรับเปลี่ยนแผนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถรับมือกับลุ่มมิจฉาชีพได้ รวมทั้งการตั้งด่านตรวจค้น หรือเรียกตรวจค้นรถต้องสงสัยต่างๆ ด้วย

    คมชัดลึก เจาะข่าว ทั่วไทย หนังสือพิมพ์ ยอดเยี่ยมในงานประชุมหนังสือพิมพ์โลก 2005
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมอเตือนระวังโรคพิษสุนัขบ้าหน้าร้อน

    โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - หมอเตือนระวังโรคพิษสุนัขบ้าหน้าร้อน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 09:41

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมควบคุมโรคเตือนหน้าร้อนระวังโรคพิษสุนัขบ้า ระวังภัยนักเรียนช่วงปิดเทอม

    นายสัตวแพทย์พลายยงค์ สการะเศรณี นายสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าว่า เมื่อปี 2551 มีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 10 ราย ถือว่ายังไม่รุนแรงมากนัก แต่ในเดือนมกราคมปี 2552 มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย ซึ่งในขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ โดยได้แนะนำประชาชนว่า โรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้แพร่ระบาดในเฉพาะช่วงฤดูร้อนตามที่หลายคนเข้าใจ แต่ฤดูร้อนก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับสุนัขมีความเสี่ยงที่จะติดโรค เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดจะทำให้สุนัขเข้าไปซ่อนตัวในที่มืดหรือในที่ร่ม และเมื่อเจ้าของไปดึงตัวสุนัขออกมาอาจทำให้ถูกกัดได้
    นายสัตวแพทย์พลายยงค์ ยังได้ฝากเตือนไปยังเด็กนักเรียนที่ใกล้จะปิดเทอมให้ระมัดระวัง เพราะเด็กจะอยู่บ้านและเล่นกับสุนัข ซึ่งทำให้โอกาสที่จะติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามีสูง ฉะนั้น ผู้ปกครองควรป้องกันด้วยการพาสุนัขไปฉีดวัคซีคและกำชับเด็กไม่ให้เล่นกับลูกสุนัขหรือสุนัขจรจัด โดยเฉพาะอย่าไปเหยียบหรือแย่งอาหารสุนัข เพราะอาจจะถูกแว้งกัดได้
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    ตั้งแต่วันนี้( ศุกร์ที่ 23 มกราคม) ผมขอมอบพระวังหน้า บุเงิน จำนวน 6 องค์ (มีพิมพ์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 องค์) นอกนั้นเป็นพิมพ์วังหน้า(หลายพิมพ์) และผมจะเป็นผู้ที่เลือกพิมพ์ให้เอง

    สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิในคร้งนี้ จำนวนเงินที่ร่วมทำบุญ 1,500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์(สำหรับท่านที่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาแล้ว

    แต่สำหรับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญมาก่อน ต้องทำบุญ 15,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    องค์ที่ 1 คุณ drmetta
    องค์ที่ 2 คุณ drmetta
    องค์ที่ 3 คุณ dragonlord<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1824240", true); </SCRIPT>
    องค์ที่ 4 คุณ เทพารักษ์
    องค์ที่ 5 คุณ เทพารักษ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1824426", true); </SCRIPT>
    องค์ที่ 6 (หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน) คุณ teerachaik<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1825141", true); </SCRIPT> จอง

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ 3 พระพิมพ์ที่ผมนำมามอบให้นั้น คุณnongnooo เป็นผู้มอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญ สร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    เมื่อท่านโอนเงินร่วมทำบุญหรือจองไว้ก่อน แล้วผมจะส่งพระพิมพ์ให้ ส่วนค่าจัดส่ง,ค่ากล่องและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผม(และหลายๆท่านที่ร่วมทำบุญค่าจัดส่งพระพิมพ์)เป็นผู้จ่ายให้เองครับ

    หมายเหตุ 4 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...