เพื่อการกุศล " พระลีลาแพร่บุญ " โครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุ ฯ ครั้งที่ ๖ ......หมดเขตร่วมบุญแล้ว

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๘ ก.พ. ๕๖

พระครูสุวัตถิ์ปัญญาโสภิต (ครูบาปัญญาวชิระ) วัดแสนเมืองมาหลวง (วัดหัวข่วง)
ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อายุ ๕๖ ปี พรรษา ๓๕

 

ใกล้วันปั๊มพระแล้วจะโทร.บอกครับ

และสำหรับท่านที่ PM มาสอบถามเรื่องรายการพิเศษ...รับพระนำฤกษ์ เหมือนครั้งที่ ๒ นั้น ขอตอบว่ามีครับ แต่ว่าจะได้พระนำฤกษ์ เพื่อมาจัดรายการพิเศษ จำนวนสักเท่าไร ต้องหลังจากวันปั๊มพระนำฤกษ์แล้วเสร็จ จึงจะรู้ว่าจะนำมาจัดได้สักกี่ชุดนะครับ

ขอบพระคุณที่สอบถาม โมทนากับทุกๆท่านที่ติดตามโครงการสร้างพระฯนี้ด้วยครับ

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๘ ก.พ.๕๖

พระครูสุธรรมลังการ (พระอาจารย์คงทอง สุธมฺโม) วัดชัยศรีภูมิ (วัดปันต๋าเกิ๋น)
ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๓ พ.ค. ๕๖

ครูบาเอนก อาสโภ เจ้าอาวาสวัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน อายุ ๖๔ ปี พรรษา ๔๔

ประวัติโดยย่อ
เดิมมีนามว่า อเนก อุปนันต์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๒ ปี ฉลู เดือน ๑๒ ของทางเหนือ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ (ทางใต้) เป็นบุตรของนายคำ อุปนันต์ และนางทำ อุปนันต์ เกิดที่บ้านเลขที่ ๙๕ หมู่ ๔ (บ้านวังจ้อม) ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีน้องสาวอีก ๑ คนชื่อ นางจันทร์ฟอง ได้เสียชีวิตไปแล้ว ในปี พ.ศ.๒๕๐๖

บรรพชา
เมื่อท่านมีอายุ ๑๔ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอินทรราม โดยมีพระครูญาณวิเชียร เจ้าคณะอำเภอเชียงดาว เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้เรียนพระธรรมวินัย และการสวดมนต์บทต่างๆ อันเป็นพระพุทธมนต์ เช่น พระอิติปิโสถวายพรพระ และพระคาถาต่างๆ แบบทางเหนือจาก พระอุปัชฌาย์(ซึ่งถือว่าเป็นอาจารย์องค์แรกของท่าน) ท่านได้เรียนนักธรรมชั้นตรีและสอบผ่านได้ ในปี พ.ศ .๒๕๐๘ ขณะยังเป็นสามเณร

อุปสมบท
ล่วงมาในปี พ.ศ.๒๕๑๒ เมื่อท่านมีอายุได้ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดศรีทรายมูล(แม่ก๊ะ) ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พระครูวิกรมคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอเชียงดาว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการบุญช่าว อธิปุญโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการอเนก ขนฺติสาโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “อาสโภ”

หลังจากนั้นท่านก็ได้เรียนพระปริยัติธรรม และได้เรียนนักธรรมชั้นโทต่อ สอบผ่านนักธรรมชั้นโทในปี พ.ศ.๒๕๑๒ และ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ในช่วงเวลานี้ท่านได้มี โอกาสเข้ากราบนมัสการ และได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ข้อธรรม และฝึกพระกรรมฐานกับ หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่หลายปี ในพรรษาที่ ๕ ท่านก็เริ่มที่จ เดินธุดงค์จาก อ.เชียงดาว ไปสู่ อ.ฝาง พักฝึกพระกรรมฐานไปตามป่าช้า และขึ้นสู่ขุนเขาต่างๆ และกลับมาจำพรรษาที่วัดเดิม จนมาในพรรษาที่ ๑๒ ท่านก็ คิดที่จะออกเดินธุดงค์อย่างจริงจัง จึงได้ตัดสินใจเลิกเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ท่านได้ออกเดินดุงค์จากอำเภอเชียงดาว จนเข้า เขตจังหวัดลำพูน ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ได้เข้าไปกราบครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เพื่อขอข้อวัตร และวิธีการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน โดยได้พักอยู่ที่ป่าช้าไม่ไกลจากวัดพระพุทธบาทตากผ้ามากนัก

ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ท่านได้เข้าจำพรรษาที่วัดเหมือนจี้หลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และได้เดิน ไปกราบนมัสการพระครูสุภัทรสีลคุณ (ครูบาดวงดี สุภทฺโท) วัดท่าจำปี ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเรียนพระกรรมฐาน โดยได้จำพรรษาอยู่ด้วย และไปๆ มาๆ ถึง ๖ พรรษา จึงได้ออกเดินธุดงค์ ไปตามป่าเขา แล้วแวะพักอาศัยตาม หมู่บ้านชาวเขาเผาต่างๆ และได้ช่วยชาวเขาพัฒนาหมู่บ้านตามทางที่ท่านได้เดินธุดงค์ผ่าน ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ท่านได้เดินธุดงค์ลงจากหมู่บ้านชาวเขา มาจำพรรษาตามวัดต่างๆ ในเขต อำเภอลี้จังหวัดลำพูน อยู่หลายวัด

จนมาในปี พ.ศ.๒๕๕๓ ท่านได้รับนิมนต์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง อำเภอลี้จังหวัดลำพูน ซึ่งถือว่าตำแหน่งที่มีคุณค่า และเป็นความภูมิใจของท่าน เพราะวัดบ้านปางนี้ เป็นวัดที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญแห่งล้านนาไทย เคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๓ พ.ค. ๕๖

พระอธิการบุญต่อ อุปลวัณโณ (ครูบาจง) วัดศรีสว่าง(วัวลาย)
อ.หางดง จ.เชียงใหม่ อายุ ๕๖ ปี พรรษา ๓๖

ประวัติครูบาจง
http://www.krubajong.com/Krubajong/Krubajong.php

 

สลับมาชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันบ้างครับ

๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖

พระครูสุจิตตาภิวัฒน์ ( หลวงพ่อเดช เตชจิตฺโต ) วัดสังฆมณฑล (ธ) อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อายุ ๗๓ ปี พรรษา -

สำหรับแผ่นจารของหลวงพ่อเดช นี้ได้รับความเมตตาจากท่านเมื่อครั้งที่ท่านรับนิมนต์มานั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษกที่วัดโคกหม้อ อ.เมือง จ.ลพบุรี และผมนำพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๒ พิมพ์ “เจ้าสัวลาภัง มหาสิทธิโชค” ไปเข้าร่วมพิธีนี้ด้วย ซึ่งในวันนั้นก็มีพระคณาจารย์มานั่งอธิฐานจิตด้วยกันหลายองค์ดังนี้ครับ

๑. พระครูศีลสังวรวิสุทธิ์( ลพ.พิเชษฐ์ สีลสุทโธ) วัดโคกหม้อ ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี

๒. พระครูอุทัยธรรมสาร (ลพ.อั้น อภิปาโล) วัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี

๓. พระครูสุจิตตาภิวัฒน์ (หลวงพ่อเดช เตชจิตฺโต ) วัดสังฆมงคล อ.เมือง จ.นครสวรรค์

๔. พระครูวิมลญาณอุดม (พอจ.ติ๋ว ฐิตวฑฺฒโน) วัดมณีชลขัณฑ์ ต.พรหมาสตร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี

๕. หลวงพี่ยันต์ ตัวแทนหลวงพ่อสมคิด วัดเขาวงศ์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖

พระครูอุทัยธรรมสาร (ลพ.อั้น อภิปาโล) เจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี และเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง อายุ ๘๐ ปี พรรษา ๕๘

สำหรับแผ่นจารของหลวงพ่ออั้นนี้ท่านเคยเมตตาจารให้กับโครงการสร้างพระนี้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ๑๙ พ.ค.๕๕ โดยคุณยันต์ครูนะครับ เป็นพระคณาจารย์ที่เมตตาจารแผ่นชนวนให้รายนามลำดับที่ ๖๕ ดังนั้นรายนามของท่านผมจะไม่นับซ้ำ เพียงแต่บันทึกว่าท่านจารให้จำนวน ๒ ครั้ง นะครับ

ซึ่งสำหรับโครงการสร้างพระบรรจุกรุฯ นี้ก็มีพระคณาจารย์หลายองค์นะครับที่จารให้ ๒ ครั้ง เช่น หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง อ่างทอง , หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา , หลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี , หลวงพ่อเกิด วัดเขาดิน หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ ชัยนาท , หลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู่ สุพรรณบุรี, ฯลฯ

อัตโนประวัติหลวงพ่ออั้น เกิดในสกุล โพธิพิทักษ์ เมื่อวันที่ ๑๐ ม.ค. ๒๔๗๖ ณ บ้านดอนฉนวน ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

ในช่วงวัยเยาว์ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ที่โรงเรียนท่าเรือนุกูล อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ศ.๒๔๙๒ พ.ต.ต.ตุ๊ วงศ์อุทัย ซึ่งเป็นลุง พาท่านไปสมัครเป็นตำรวจที่วังปารุสกวัน รับราชการได้ ๔ ปี มีผลงานดีเด่น และได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท

ต่อมาได้ลาออกจากราชการตำรวจ ในช่วงอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ เข้ารับการเกณฑ์ทหาร เป็นทหารเกณฑ์ที่ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ นาน ๑ ปีครึ่ง

เมื่อปลดเกณฑ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๐ มิ.ย. ๒๔๙๘ ณ พัทธสีมาวัดหัวเมือง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยมีพระครูอุปการโกวิท (หลวงพ่อแอ๋ว) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์ออม สุขาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ฟื้น ฐานวุฑโฒ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายา อภิปาโล หมายความว่า ผู้รักษาที่ยิ่งใหญ่

เมื่ออุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดแจ้ง อ.หนองฉาง ได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม วัดหนองขุนชาติ อ.หนองฉาง

พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดธรรมโฆษก อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง อ.เมืองอุทัยธานี

หลวงพ่ออั้น เล็งเห็นว่าการแพทย์พื้นบ้านเป็นระบบแพทย์พื้นฐาน สามารถแก้ปัญหาความเจ็บป่วยตามวิถีชีวิตและความเชื่อตามวัฒนธรรมและระบบนิเวศของแต่ละ ท้องถิ่น ได้มีดำริจัดตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทยที่วัดโรงโค หลักสูตรวัดโพธิ์

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (โรงโค) และเป็นพระกรรมวาจาจารย์, เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดธรรมโฆษก และเป็นกรรมการออกตรวจเยี่ยมสนามสอบธรรมสนามหลวง

พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมที่พระครูอุทิตธรรมสาร อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นฐานานุกรมที่ พระปลัดของพระครูอุทิตธรรมสาร

พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรีที่ พระครูอุทัยธรรมสาร

พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม

ย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งหลวงพ่ออั้นเป็นฆราวาส อายุ ๑๑ ขวบ ได้มีโอกาสเดินธุดงค์กับครูบาศรีวิชัย จากเขาฆ้องชัย อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จนถึง จ.ลำพูน รวมเวลา ๓ เดือนเศษ พร้อมศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมกับท่านด้วย และช่วงที่รับราชการตำรวจได้ใช้เวลาว่างเรียนวิชาโหราศาสตร์ กับหม่อมหลวงขาบ กุญชร และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศ

พ.ศ.๒๕๐๑ ได้ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร จ.พิจิตร

จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๒๐ พระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) อดีต เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระเถราจารย์ผู้เข้มขลังวิทยาคม ศิษย์เอกสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชา พร้อมกับนำตำราหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี, ตำราหลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง และตำราหลวงพ่อพูน วัดหนองตางู มาถ่ายทอดเพิ่มเติมอีกด้วย

หลวงพ่ออั้น เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับหลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ วัดหลวงราชาวาส เกจิดังในอดีต ได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธา ภิเษกวัตถุมงคลในวัดต่างๆ มาโดยตลอด

นอกจากกิจนิมนต์ในจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ยังได้เข้าร่วมพิธีพุทธา ภิเษกที่จังหวัดภาคใต้ วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประจำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
��ǧ������� ��Ի��� ���ࡨ����������ᡡ�ѧ : ����ʴ�͹�Ź�

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ


๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖

หลวงพี่ยันต์ วัดเขาวงศ์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

เนื่องจากในช่วงเวลานั้นหลวงพ่อสมคิด วัดเขาวงศ์ ท่านอาพาธมาร่วมงานพุทธาภิเษกที่วัดโคกหม้อไม่ได้ ได้มอบหมายให้หลวงพี่ยันต์องค์นี้มาเป็นตัวแทนท่านในการพุทธาภิเษกในวันนั้นนะครับ

 

กำหนดการวันปั๊มพระ

วันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๙

วันอาทิตย์เป็นทั้งอธิบดีและสิทธิโชค

เวลา ๑๐.๒๒ ถึง ๑๐.๕๙ เป็นเทวีฤกษ์ ลัคนาราศีตุลย์

สำหรับในวันปั๊มพระนั้นผมได้นิมนต์หลวงพ่อสุข ลฺทเมโธ วัดหนองฆ้อ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อายุ ๗๗ ปี พรรษา ๕๖ ท่านมานั่งอธิฐานจิตปั๊มพระนำฤกษ์นะครับ

หลวงพ่อสุข นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ สายพุทธาคมหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และ หลวงปู่แก้ว เกสาโร ซึ่งเรียนวิชาคู่กันมากับหลวงพ่อนาค นาคเสโน วัดหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

 

ปั๊มที่ไหนครับพี่

 

พนัสนิคม ชลบุรีครับ

 

ออ ขอแผนที่ไว้ด้วยได้ไหมครับ อาจจะขับรถตามไปครับ

 

ที่จองร่วมบุญไว้ ต้องโอนปัจจัยภายในวันไหนครับพี่ ?

 

เขียนแผนที่จะค่อนข้างงงเหมือนกันครับ เพราะพื้นที่ข้างเคียงไม่ค่อยรู้จัก ถ้าอธิบายทางโทรศัพท์จะง่ายกว่านะป๊อป แต่จะลองประสานกับทางโรงหล่อเพื่อขอแผนที่ให้นะครับ

 

ประมาณสิ้นเดือนตุลาคมครับ

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ทางภาคกลาง เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๑๑ เมษายน ๒๕๕๖

พระอาจารย์นคร (ปุ้ม) โฆสการี วัดศาลาแดง คลองทวีวัฒนา แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม.

พอจ.ปุ้ม ท่านเมตตาจารให้ทั้งสองด้านครับ ด้านหนึ่งเป็นยันต์เกราะเพชร อีกด้านหนึ่งเป็นยันต์โสฬส

 

ชมภาพแผ่นจารจากพระคณาจารย์ เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๑๕ เมษายน ๒๕๕๖

พระครูอดุลพิริยานุวัตร ( หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค และเจ้าอาวาส วัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี อายุ ๘๗ ปี พรรษา ๖๕

สำหรับแผ่นจารจากหลวงพ่อชุบนี้ได้รับความเมตตาจากท่านเมื่อท่านรับนิมนต์มาปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดท่าช้าง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เมื่อ ๑๕ เม.ย.๕๖ และมีพระคณาจารย์รับนิมนต์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกกันหลายท่าน ซึ่งพิธีแบ่งการปลุกเสกออกเป็นสองชุดคือ

ชุดที่หนึ่ง

๑. เจ้าคุณทอง วัดปลดสัตว์ อ่างทอง

๒. หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง อ่างทอง

๓. หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ่างทอง

๔. หลวงพ่อสมบุญ วัดลำพันบอง สุพรรณบุรี


ชุดที่สอง

๑. หลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ กาญจนบุรี

๒. หลวงปู่สม วัดโพธิ์ทอง อ่างทอง

๓. หลวงพ่อสนั่น วัดกลางราชครู อ่างทอง

๔. พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ ลพบุรี

และก็เหมือนกับทุกครั้งครับได้นำชนวนหัวเชื้อชิ้นเล็ก สำหรับการสร้างพระบรรจุกรุ ที่เหลือไปเข้ารวมพิธีพุทธาภิเษกด้วยเช่นเคย

หลวงพ่อชุบ เกิดเมื่อ วันศุกร์ ที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ตรงกับ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีขาล โยมบิดาชื่อนายปลื้ม ถินนาก โยมมารดาชื่อนางช่วง ถินนาก มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด ๕ คน มีพี่สาวต่างมารดา ๑ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ มีพี่สาว ๓ คน น้องชาย ๑ คน ในวัยเยาว์ท่านมีความ สามารถด้านศิลปะวาดเขียน มากกว่าเด็กอื่นๆในวัยเดียวกัน

ในช่วงวัยรุ่นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์และได้รับการถ่ายทอดวิชาการสักยันต์และ วิชาอาคมต่างๆจากอาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว เมื่อครั้งที่ อาจารย์รื่นท่านเปิดสำนักสักยันต์ที่ อ.บางคณฑี จ.สมุทร สง คราม อาจารย์รื่น ท่านเป็นศิษย์ ของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และ อาจารย์รื่นท่านยังเป็นพระสหายกับ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ ณ. วัดคู้สนามจันทร์ ตำบลบ้านปรก อำเถอเมือง จ.สมุทรสงคราม
โดย มีหลวงพ่อกลึง ธมฺมโชติ วัดสวนแก้วเป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่วัดคู้สนามจันทร์ได้ ๔ พรรษา ท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรม ที่วัดเพชรสมุทร และยังได้ศึกษาสรรพวิชา จากพระมหาสิทธิการ ทอง วัดเพชรสมุทรด้วย โดยพระมหาสิทธิการทอง นั้น ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม

หลังจากหลวงพ่อได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมต่างๆจนจบแล้ว หลวงพ่อชุบได้เริ่มเดินธุดงค์ไปยังจังหวัดต่างๆเช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี

พ.ศ.๒๕๐๕ ท่านได้เดินธุดงค์มาที่จ.กาญจนบุรีและได้เดินทางจนมาถึงถ้ำละว้า ได้มีญาติโยมที่อาศัยอยู่ที่วังกระแจะได้นิมนต์ให้ท่านมาพักที่บ้านวัง กระแจะ และสร้างกุฏิให้อยู่เป็นไม้ไผ่มุงแฝก ๑ หลัง หลังจากนั้นได้สร้างกุฏิไม้แบบถาวรให้ ๑ หลัง

พ.ศ.๒๕๑๑ได้รับเป็นวัดที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน

พ.ศ.๒๕๑๔ ได้รับพระราชทานเป็นวิสุงคามสีมา

พ.ศ.๒๕๓๓ ได้ทำพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ

ตำแหน่งหน้าที่(งานปกครอง)

พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นเจ้าคณะตำบล ท่าทุ่งนาและต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าคณะตำบลวังกระแจะ
พ.ศ.๒๕๒๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ (๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒)
พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค
พ.ศ.๒๕๔๙ เมื่ออายุครบ ๘๐ ปีเกษียณจากตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค และได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมหาเถระสมาคม อันมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศฯ ผู้ทำหน้าที่เป็นประธานในตำแหน่งปฏิบัติงานแทน สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นผู้รับรองการแต่งตั้ง เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๙

งานด้านการศึกษา

พ.ศ.๒๔๙๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรม
พ.ศ.๒๔๙๙ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง
พ.ศ.๒๕๐๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนบาลี
พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นเจ้าสำนักเรียนประจำสำนักเรียนวัดวังกระแจะ

งานสาธารณูปโภค

พ.ศ.๒๕๑๖ - ๒๕๑๘ สร้างพระอุโบสถ
พ.ศ.๒๕๑๙ - ๒๕๒๑ สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอฉัน หอสวดมนต์ ห้องน้ำ
พ.ศ.๒๕๓๔ - ๒๕๓๖ สร้างเมรุ ศาลาฌาปณสถาน และห้องน้ำใหม่
พ.ศ.๒๕๔๗ - ๒๕๔๙ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่

งานเผยแพร่

พ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ(อินเดีย)

สมณศักดิ์

พ.ศ.๒๕๑๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอกในพระราชทินนามว่า พระครูอดุลพิริยานุวัตร

ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค และ เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก...

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๕ พ.ค.๕๖

พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) วัดอนาลโยทิพยาราม
ต.สันป่าม่วง อ.เมือง จ.พะเยา อายุ ๗๙ ปี พรรษา ๔๙

อัตโนประวัติ
หลวงพ่อไพบูลย์ มีนามเดิมว่า ไพบูลย์ สิทธิ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๔๗๗ เป็นบุตรของคหบดีชาวอำเภอเกาะคา โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายกองแก้ว และ นางคำ สิทธิ ในวัยเยาว์ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ จ.เชียงใหม่ เรียนจบชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ ๖ ก่อนไปประกอบอาชีพหาเลี้ยงตน

จนอายุ ๒๙ ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลำปาง มีพระ ครูธรรมาภิวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์หลังอุปสมบทได้อยู่จำพรรษา ณ วัดป่าสำราญนิวาส ภายใต้การอบรมจากพระอาจารย์ หลวง กตปุญโญ เจ้าอาวาส เมื่อมีความก้าว หน้าจากการปฏิบัติธรรมแล้ว ได้ออกท่องธุดงค์ไปจำพรรษาในภาคอีสาน และกลับธุดงค์ขึ้นมาแถบป่าเขาในเขตเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พ.ศ.๒๕๑๓ หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโลได้มีโอกาสไปร่วมงานถวายเพลิงศพพระอาจารย์สม ที่ อ.แม่เมาะ ได้พบกับ พระอาจารย์ทอง ที่เดินทางมาจากวัดอโศการาม จึงได้ชักชวนพระไพบูลย์ออกเดินธุดงค์หาความวิเวก คณะของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโลท่านได้ผ่าน มาถึง จ.พะเยา ได้พักบำเพ็ญสมณธรรมอยู่วัดร้างและจำพรรษา ณ วัดร้างแห่งนี้ ชาวบ้านแถบนั้นได้มาทำบุญฟังเทศน์ เกิดความเลื่อมใสศรัทธา พากันอาราธนาให้ท่านอยู่ ช่วยบูรณะวัดร้างขึ้นใหม่

อยู่ช่วยปฏิสังขรณ์วัดร้าง จากสภาพวัดร้าง จนมีสภาพดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกันนี้ได้ยื่นหนังสือขอสร้างวัดไปยังกรมการศาสนา ได้รับอนุญาต ให้สร้างเป็นวัดในพระพุทธศาสนา มีนาม "วัดรัตนวนาราม"ต่อมาได้มี ชาวบ้านจากบ้านสันป่าม่วง บ้านสันบัวบก บ้านสันป่าบง เข้ามาอาราธนาท่านไปดูสถานที่สำคัญ บนดอยสูง ฝั่งกว๊านพะเยาด้านตะวันตก เพื่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ไว้เป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน
สำนักสงฆ์แห่งนี้ ในเวลาไม่นาน ได้รับการยกฐานะให้เป็นวัด ชื่อ วัดอนาลโยทิพยาราม ได้รับประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการ อนุญาตให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๐

ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงพ่อไพบูลย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมของพระเทพวราภรณ์ เลขานุการของสมเด็จพระสังฆราชวัดราชบพิธ ที่ พระครูปลัด
พ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร แต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมที่ พระครูปลัดสัมพิพัฑฒญาณาจารย์
พ.ศ.๒๕๓๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระปัญญาพิศาลเถร
พ.ศ.๒๕๔๗ ได้รับพระ ราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระราชสังวรญาณ
พ.ศ.๒๕๕๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระเทพวิสุทธิญาณ

พระเทพวิสุทธิญาณ เป็นพระเถระที่มีปฏิปทาเป็นพระกัมมัฏฐานในสายพระอาจารย์ ใหญ่มั่น ภูริทัตโต เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านในเขตจังหวัดพะเยาและจังหวัดใกล้เคียง ท่านมีความเคร่งครัดต่อการฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานด้วยกิตติศัพท์ แห่งคุณงามความดีที่ท่านได้ฟื้นฟูสภาพจากสำนักสงฆ์วิปัสสนาที่ไม่มีอะไรเลย จนกลายเป็นวัดที่โดดเด่น คือ วัดอนาลโยทิพยาราม จนเป็นที่นับถือเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

แม้ทุกวันนี้ พระอาจารย์ไพบูลย์ สุมงฺคโล วัดอนาลโยทิพยารามแม้จะดำรงตำแหน่งพระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ แต่วัตรปฏิบัติท่านยังคงเรียบง่ายดุจเดิม ยังคงให้การอบรมศีลธรรมแก่สาธุชนที่เข้ามาทำบุญฟังธรรม เน้นให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระ พุทธศาสนา ตามหลักเบญจศีล เบญจธรรม เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้เป็นปกติสุขในสังคม แม้สังขารเริ่มโรยราไปบ้างตามกาลเวลา แต่จิตใจของท่านยังเข้มแข็ง เป็นบุคคลต้นแบบในการดำเนินชีวิตที่ดีงามโดยแท้

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๕ พ.ค.๕๖

พระครูสังวรญาณโสภณ (หลวงปู่เจริญ ญาณวุฒโฒ) วัดถ้ำปากเปียง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อายุ ๘๔ ปี พรรษา ๖๓

 

มาชมภาพการจารแผ่นชนวนเพื่อนำไปจัดสร้างพระบรรจุกรุ ครั้งที่ ๓ (ภาคใต้) กันต่อครับ

๒๕ พ.ค.๕๖

พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (ครูบาพรชัย ปิยวัณโณ) วัดพระพุทธบาทสี่รอย
ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อายุ ๔๖ ปี พรรษา ๒๖


ประวัติ

เกิด

วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ ณ บ้านสันกำแพง ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรนายชุมพร กิริยา และนางประทุมมา กิริยา

บรรพชา

เป็นเด็กวัดสันกำแพง ตั้งแต่อายุได้ ๖ ขวบ บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๓ ปี ณ วัดสันกำแพง ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

อุปสมบท

อุปสมบท ณ วัดสันป่ายาง ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยมีพระครูวิจตรคุณสาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุดมธรรมพิราช เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหามิ่งมิตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ปิยวัณโณ” แปลว่า ผู้มีวรรณะอันเป็นที่รัก

ประวัติและปฏิปทา พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (ครูบาพรชัย ปิยวัณโณ) วัดพระพุทธบาทสี่รอย

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15338