พระพุทธศาสนา...พระโบราณ...พระในตำนาน...

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย บรรพชนทวา, 12 กันยายน 2012.

แท็ก: แก้ไข
  1. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    ปกิณกะ ๑

    ๑) ร่วมสร้าง"พระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น" ขนาดหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว จำนวน ๕๐ องค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเต็มองค์ เพื่อถวายวัดท่าซุง เนื่องในงานกฐิน วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ที่ผ่านมานี้ โดยตั้งเจตนาไว้ว่าจะถวายพระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น ขนาดหน้าตัก ๙.๙ นิ้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเต็มองค์ จำนวน ๕๐ องค์นี้ที่วัดท่าซุง เพื่อมอบให้วัดต่างๆที่วัดท่าซุงเห็นชอบอีกทอดหนึ่ง

    เกือบ ๕ ปีมาแล้วที่มีโอกาสได้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุกับพี่ที่มอบพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆดัง post ข้างบนนี้ ครั้งนั้นมีมูลเหตุของการจัดสร้าง คือ พี่ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง(ขอสงวนนาม) ครั้งหนึ่งราวๆ ๒๐ ปีที่ผ่านมาได้เคยไปอธิษฐานจิตขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดป่าทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ ขณะอธิษฐานจิต และนั่งสมาธิสวดบทอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอยู่นั้น พระบรมสารีริกธาตุจำนวนหนึ่งได้เสด็จมาที่ศีรษะ บัดนี้พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมามีจำนวนมากขึ้นๆ การเสด็จอีกหลายครั้งนั้นมาหลายวิธีจะไม่ขอกล่าวถึงด้วยเหตุที่เป็นเรื่องปัจจัตตัง พี่ท่านนี้ และผู้ทรงฌาณเป็นปกติอีกท่านหนึ่งจึงได้มีความคิดตรงกันว่าจะจัดสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาซึ่งทำด้วยเรซิ่น เพื่อจะสามารถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุภายใน จึงได้นำสมเด็จองค์ปฐมขนาดบูชา ๑๐ นิ้ว รุ่น ๑ ของวัดท่าซุงมาถอดแบบพิมพ์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เมตตาแนะนำทางมโนมยิทธิให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในเรซิ่นให้เต็มองค์พระ โดยจัดสร้าง"พระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น" ขนาดหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว จำนวน ๕๐ องค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเต็มองค์ เพื่อถวายวัดท่าซุง เนื่องในงานกฐิน วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ที่ผ่านมานี้ โดยตั้งเจตนาไว้ว่าจะถวายพระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น ขนาดหน้าตัก ๙.๙ นิ้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเต็มองค์ จำนวน ๕๐ องค์นี้ที่วัดท่าซุง เพื่อมอบให้วัดต่างๆที่วัดท่าซุงเห็นชอบอีกทอดหนึ่ง

    พระบรมสารีริกธาตุที่จะอัญเชิญบรรจุภายในพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทั้งหมดนี้เป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม"พระพุทธกัสสป" พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ของภัทรกัปป์นี้ พระองค์ท่านได้อธิษฐานจิตใช้กำลังพุทธานุภาพให้พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ให้มีลักษณะสัณฐานที่คล้ายกัน จะแตกต่างกันที่สีเท่านั้น การบรรจุพระพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรจุตั้งแต่พระพุทธเกศจนสิ้นสุดที่ฐานที่เป็นช่วงพระวรกายของพระองค์ท่านเท่านั้น ส่วนฐานจะหล่อตันด้วยเรซิ่น รวมทั้งเรือนแก้วด้วยที่จะเป็นการหล่อตันเช่นเดียวกัน

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    อีกเรื่องหนึ่งคือพิธีบวงสรวง และขอขมาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ในวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ที่จันทบุรี สืบเนื่องจากการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ อาจจะเกิดความพลาดพลั้งล่วงเกินพระรัตนตรัยทั้งที่รู้ และไม่รู้ ทั้งกระบวนการแกะแบบ การเทเรซิ่น การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ การพลิกพระพุทธรูปขึ้นลง มีโอกาสเกิดพลาดพลั้งปรามาสได้ จึงเห็นสมควรจะจัดพิธีบวงสรวง และขอขมาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ไปพร้อมกัน ผมเห็นว่าปัจจัยที่พวกเราได้ร่วมกันถวายนี้จะมีส่วนหนึ่งที่นำไปใช้ในการจัดงานในพิธีดังกล่าวด้วย จึงขอกล่าวโมทนาสาธุการมายังทุกๆท่านด้วยครับ เนื้อหาสำคัญของพิธีการขอขมาพระพุทธเจ้านี้ จะได้อธิษฐานจิตขอพระพุทธเจ้าทรงมีพระเมตตามอบหมายให้เทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งมารักษาพระสมเด็จองค์ปฐมทุกๆองค์นี้ด้วย พิธีการที่จะขึ้นนี้จะจัดขึ้นที่บริเวณที่จัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมทั้ง ๕๐ องค์ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. ในเวลาดังกล่าว ขอให้ท่านที่ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุได้กำหนดจิตพร้อมกัน ขอขมาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และอธิษฐานจิตตามชอบใจครับ

    ภาพวันขอขมาพระรัตนตรัย และบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถชมได้ที่ความเห็นตาม Link นี้ครับ เพื่อความรวดเร็ว

    มอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ - หน้า 9 - PaLungJit.com และ

    มอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ - หน้า 10 - PaLungJit.com

    ได้มอบพระบรมสารีริกธาตุให้กับผู้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ การแตกร้าวขององค์พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานนี้เป็นธรรมดาของสัณฐานนี้ ขอให้สังเกตตอนที่ได้รับมาครั้งแรก แล้วปฏิบัติบูชาไปได้ระยะหนึ่ง แล้วอัญเชิญมาพิจารณาชมบารมีกันอีกครั้ง จะเห็นความ"ปัจจัตตัง"ที่ไม่สามารถจะบอกกล่าวออกไปได้ รู้ได้เฉพาะตัวบุคคลครับ ใช้จิตที่ละเอียดเพ่งพิจารณาด้วยศรัทธา และปัญญา อยากให้สักการะบูชากันไประยะหนึ่งก่อน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเอง ไม่อยากจะไปชี้นำใดๆ แต่เมื่อเพื่อนๆของเราท่านหนึ่งสังเกตการเปลี่ยนแปลงพบ จึงต้องบอกเล่าให้ฟังบางส่วนที่เหลือต้องไปปฏิบัติกันเองครับ อย่าได้เสียกำลังใจหากองค์ใดเกิดแตกหัก ขอให้ปฏิบัติบูชาด้วยพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ด้วยจิตที่คิดว่าจะแตกหัก หรือสมบูรณ์ก็ล้วนแต่เป็นองค์แทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จังหวะของสภาวะจิตนี้ หากตั้งตรงระลึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างน้อย ๓ พระองค์ได้จะดีที่สุดครับ

    ๑) สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพล ที่ ๑ สมเด็จองค์ปฐมต้นบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ๒) สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์อธิษฐานจิตรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์สัณฐานนี้

    ๓) สมเด็จพระพุทธสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเราทุกคนอยู่ในช่วงอายุพระศาสนาของพระองค์ท่านอยู่

    เรื่องราวในวันพิธีขอขมาฯนั้นยังความปิติซ่านมายังทุกผู้คนที่ได้ร่วมพิธีในวันนั้น จนกระทั่งเวลานี้ก็ยังติดตราตรึงในใจ ในความรู้สึกอยู่ ส่วนมากจะกลั้นน้ำตาความปิติเอาไว้ไม่อยู่ หากเจ้าพิธีไม่มี"หน้าที่"ที่ต้องประกอบพิธีให้เสร็จสิ้น คงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน มีไม่บ่อยที่จะเกิดความรู้สึกร่วมแบบนี้พร้อมๆกันในจำนวนมากๆเช่นนี้...

    ตอนหนึ่งของพิธีขอขมาพระรัตนตรัย ...

    เจ้าพิธียกพานขมา พานธูปเทียนแพ ขึ้นเหนือเศียรเกล้า กล่าวว่า..

    ให้ทุกท่านอธิษฐานจิต ให้บนมือของเราทุกคนกำลังประคองพานธูปเทียนแพ ดอกไม้แก้ว นั่งต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลองค์ปฐมบรมศาสดา เพื่อเราทุกคนจะได้น้อม...จิตขอขมาลาโทษต่อพระรัตนตรัยพร้อมเพรียงกัน ณ บัดนี้...

    "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ"

    กรรมใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินมาแล้ว หรือแม้ตลอดงานในพิธีแห่งการบำเพ็ญกุศลบารมีในครั้งนี้ ต่อพระรัตนตรัยอันมีองค์สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลปฐมองค์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระอริยสงฆ์ สมมุติสงฆ์ พรหม เทวดา นางฟ้า พระมหาโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ บิดา มารดาทุกภพทุกชาติ ท่านผู้มีคุณ ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินมาแล้วด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งที่เจตนาก็ดี ไม่ได้เจตนาก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี บัดนี้...ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมเศียรเกล้าถวายพานธูปเทียนแพ ดอกไม้แก้ว ด้วยจิตใจบริสุทธิ์สักการะบูชาองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อม...กาย วาจา ดวงจิตอทิสมานกายกราบแทบเบื้องพระพุทธบาท ขอขมาลาโทษทุกประการที่ได้เคยล่วงเกินมาแล้ว ขอทุกๆพระองค์ ทุกๆท่าน โปรดอดโทษ งดโทษ ต่อข้าพเจ้า นับตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ...


    เป็นส่วนหนึ่งของพิธีขอขมาพระรัตนตรัย และพิธีบวงสรวงในวันนั้น เรื่องอจินไตยอื่นๆไม่สะดวกในการบอกเล่าในที่นี้...

    ขอโมทนาสาธุ....

    พระบรมสารีริกธาตุสีฟ้าเทานี้ เป็นส่วนที่นำบรรจุที่พระยอดเกศของพระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นทั้ง ๕๐ องค์ เนื่องจากมีปริมาณที่น้อยมาก เดิมทีท่านผู้สร้างจะนำมาบรรจุทั้งองค์ แต่ปรากฎว่าไม่เพียงพอ จึงเป็นวรรณะสีที่นับว่าหายากมาก จึงอัญเชิญขึ้นบรรจุตรงส่วนยอดพระเกศสมเด็จองค์ปฐม..ผมได้รับมาเป็นการส่วนตัวเพียง ๗ องค์เท่านั้น เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนสีเสียก่อน จึงอัญเชิญมาถ่ายภาพไว้ก่อน โดยเรียงลำดับจากสีฟ้าเทาเข้ม มา ฟ้าขาว
    [​IMG]

    พระบรมสารีริกธาตุวรรณะสีฟ้าจริงๆที่พบยากมากๆ บรรจุส่วนของยอดพระเกศ ได้รับมาเพียง ๕ องค์เท่านั้น ผมทดลองอัญเชิญวางบนผ้ากำมะหยี่สีแดง และสีกรมท่าเข้ม ก็ไม่พบว่าจะทำให้สีฟ้าขององค์พระบรมสารีริกธาตุเปลี่ยนแปลงไปตามสีของผ้าสีแดง หรือกรมท่าแต่อย่างใด...
    [​IMG][​IMG]

    วรรณะสีงาช้าง ivory จุดสีเหลืองบนองค์พระธาตุมาได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ดูคล้ายกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาล
    [​IMG]

    วรรณะ"สีฟ้าอมเหลืองอ่อน" ๓ องค์
    [​IMG]

    วรรณะ"สีทองอุไร" ๓ เฉดสีหลักๆ ผมแยกเป็นทองอุไร๑ - ทองอุไร๒ - ทองอุไร๓

    ในแต่ละกลุ่ม ก็มีโทนสีต่างกันออกไปอีกเล็กน้อย

    ทองอุไร๑ จำนวน ๘ องค์ ลำดับตามสี
    [​IMG]

    ทองอุไร๒ จำนวน ๕ องค์
    [​IMG]

    ทองอุไร๓ จำนวน ๕ หรือ ๖ องค์??? ลำดับตามสี

    ภาพนี้องค์สุดท้าย กำลังเสด็จเพิ่มจำนวน...
    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  2. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    ปกิณกะ ๑

    ๒) นิมนต์พระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๒ องค์ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำริดสนิมเขียวถวายคืนพระพุทธศาสนา

    วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๒๒.๒๔ น. ถึง วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๒๔ น.
    คณะทำงานบรรพชนทวาได้ดำเนินการนิมนต์พระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๒ องค์ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อถวายคืนพระพุทธศาสนา โดยใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง ๒๗ ช.ม. ในการดำเนินการ

    ในการนี้ได้มอบพระพิมพ์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า กรุมหาวัน จำนวน ๓ องค์ให้กับผู้ร่วมสมทบปัจจัยนิมนต์ "พระบรมสารีริกธาตุ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ" ถวายคืนพระพุทธศาสนา
    ผู้ร่วมสมทบหลัก
    ลำดับที่ ๑ คุณPinkcivil
    ลำดับที่ ๒ คุณwater1(ปัจจุบันคือ คุณwater2)
    ลำดับที่ ๓ คุณพิศดู


    ผู้ร่วมสมทบอื่นๆ
    ๑) คุณtrain@sss
    ๒) คุณปฐม
    ๓) ลุงไฟดูด


    นับแต่พระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๒ องค์ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำริดสนิมเขียวนี้ล้มลง ก็มีคนหาของป่าแถบเชียงดาวได้ไปพบเข้าในป่าลึก ก็ได้นำออกมาขายให้กับคนในพื้นที่เชียงดาวเป็นทอดที่ ๒ และทอดที่ ๓ เป็นพ่อค้าขายพระหาของมาแลกเปลี่ยนซื้อขายกับบุคคลทอดที่ ๒ จนพวกเราไปพบเข้าได้มาเป็นทอดที่ ๔ และจะไม่มีโอกาสเป็นทอดที่ ๕..๖..๗..อีกอย่างแน่นอน เพราะพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญนี้จะบรรจุยังพระบรมธาตุเจดีย์แห่งใดแห่งหนึ่งจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ สาธุชน และพรหมเทพเทวาจะได้สักการะถ้วนทั่วกันได้ และจะไม่มีการสลักชื่อใดๆที่บ่งบอกว่าคณะเราเป็นผู้ถวายบรรจุแต่อย่างใดทั้งสิ้น...

    โดยปกติการถวายบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของคนสมัยโบราณ นอกจากจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ภายในผอบยังต้องรองรับด้วยอัญมณีของมีค่าแก้วแหวนเงินทองนพรัตน์นพเก้า หรือแร่รัตนชาติ การขุดค้นพบของคนหาของป่าจะต้องพบสิ่งเหล่านี้ในทอดแรก และถูกแยกส่วนจำหน่ายจ่ายโอนไปยังทอดที่ ๒ อย่างแน่นอน ผมได้สอบถามบุคคลทอดที่ ๓ แล้ว เขาก็ไม่ทราบเรื่องราวเหล่านี้....

    หากประเมินที่อายุของผอบสำริดสนิมเขียวใบนี้ที่พันปี ลองติดตามเรื่องราวเหนือจินตนาการเหล่านี้ได้ครับ เรื่องราวเหล่านี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ลองสังเกตในบางช่วงบางตอนนะครับว่า ผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำริดสนิมเขียวใบนี้ยังเกิดขึ้นก่อนที่พญามังรายก่อสร้างอาณาจักรล้านนา(พ.ศ. ๑๘๓๙) เกือบ ๓๐๐ ปีเสียด้วยซ้ำไป...

    พระบรมสารีริกธาตุ ๒ องค์นี้ และผอบบรรจุโบราณสำริดสนิมเขียว อายุของผอบมากกว่าพันปี เท่ากับบอกทางอ้อมว่า พระบรมสารีริกธาตุก็มีอายุมากกว่าพันปีเช่นกัน ในราวปี พ.ศ. ๑๔๓๒ พระมหาไหล่ลาย มหาดเล็กแผ่นดินละโว้เดินทางไปลังกา(การที่มีนามว่า"ไหล่ลาย" ก็มีที่มาที่ไป) จนพระสังฆราชลังกาบวชให้ ท่านเดินทางไปสักการะพระพุทธบาท และพระธาตุเจดีย์หลายแห่งที่ลังกา ก่อนเดินทางกลับดินแดนสุวรรณภูมิ พระสังฆราชลังกาได้มอบพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๖๕๐ องค์ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยได้เดินทางไปบรรจุยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเท่ากับว่า พระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญนี้ก็คือ ๒ ใน ๖๕๐ องค์ของพระพุทธเจ้าที่พระสังฆราชลังกามอบให้ครับ...

    ตำนานพระญาธัมมิกราชกับถ้ำเชียงดาว

    http://palungjit.org/attachments/a.1182299/
    วัดถ้ำเชียงดาว

    ตำนานถ้ำเชียงดาว

    เป็นนิยายปรัมปรายุคต้นพุทธกาล กล่าวถึงสมเด็จองค์อัมรินทราธิราชเจ้า ประมุขแห่งปวงเทพเทวาได้ดำริให้จัดทำสิ่งวิเศษ เพื่อพระศรีอาริยะเมตไตรยที่จะเสด็จมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชในกึ่งพุทธกาล ได้เล็งเห็นว่าถ้ำเชียงดาวเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การเก็บรักษาของวิเศษเหล่านั้น เพราะลึกเข้าไปในถ้ำจนสุดประมาณมิได้ เป็นเมืองแห่งพวกครึ่งอสูรกาย เรียกว่าเมืองลับแล มีความเป็นอยู่ล้วนแต่เป็นทิพย์ ผู้คนทั้งหลายในมนุษย์โลกธรรมดาที่เต็มไปด้วยกิเลสยากนักที่จะเข้าไปพบเห็นได้ เพราะมีด่านภยันตรายต่างๆมากมายหลายชั้นกั้นขวาง ไว้เป็นอุปสรรค

    มียักษ์สองผัวเมียบำเพ็ญภาวนารักษาศีลเพราะได้ปฏิบัติตนเป็นผู้ถึงซึ่งพระรัตนตรัยจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีนางผู้เลอโฉมนามว่า อินเหลา อยู่ปรนนิบัติบิดามารดาผู้ทรงศีลทั้งสอง จนวันหนึ่งได้พบกับ เจ้าหลวงสุวรรณคำแดง ยุวราชหนุ่ม ซึ่งเสด็จมาประพาสป่าจากแค้วนแดนไกล ได้บังเกิดความหลงใหลในความงามของนาง ก็ได้พยายามติดตามนางไปจนถึงถ้ำเชียงดาว และทิ้งกองทหารของพระองค์ไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ไม่กลับออกมาอีกเลย ว่ากันว่าเจ้าหลวงสุวรรณคำแดงอยู่ครองรักกับเจ้าแม่อินเหลาที่ถ้ำเชียงดาวนั่นเอง ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าจะมีเสียงดังสะเทือนจากดอยหลวงเชียงดาว ปรากฏเป็นลูกไฟ ขนาดลูกมะพร้าว สว่างจ้าพุ่งหายไปในดอยนางซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งมีความเชื่อว่า เจ้าหลวงสุวรรณคำแดงลั่นอะม็อกไปเยี่ยมเจ้าแม่อินเหลาที่ดอยนาง

    นอกจากนี้ยังมีตำนานเจ้าหลวงคำแดง จากเอกสารที่เขียนขึ้นโดย พระมหาสถิตย์ ติกขญาโณ กล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ปกาศิตให้เทวดายักษ์ตนหนึ่งนามว่า เจ้าหลวงคำแดง กับบริวาร 10,000 คนมารักษาของวิเศษในถ้ำเชียงดาว เพื่อรักษาไว้ให้ พระเจ้าทรงธรรมมิกราชใช้ปราบมนุษย์อธรรมในอนาคต ซึ่งนามเดิมของเจ้าหลวงคำแดง คือ เจ้าสุวรรณคำแดง ผู้ซึ่งจะมีหน้าที่เฝ้ารักษาถ้ำและดอยหลวงเชียงดาว จะหมดเวลาของการเฝ้ารักษาเมื่อพระเจ้าทรงธรรมมาปราบมนุษย์อธรรมเสียก่อน

    ที่มาhttp://www.chumchontai.com/detail.php?p_id=2104 (http://www.chumchontai.com/detail.php?p_id=2104)

    ตำนานเจ้าหลวงคำแดง

    ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร แห่งสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาตำนานเจ้าหลวงคำแดง ค้นคว้าเรื่องราวของเจ้าหลวงคำแดงจากเอกสารใบลานจากวัดต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ หนังสือประชุมตำนานล้านนาไทย

    ตำนานเชียงใหม่ปางเดิมกล่าวถึง เจ้าชายสุวรรณคำแดง เป็นกษัตริย์องค์แรกในดินแดนล้านนาที่มีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง มีชีวิตอยู่ในช่วง 1,000 ปีก่อนที่ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ว่าพญามังรายเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรล้านนาในปี พ.ศ. 1839

    เจ้าชายสุวรรณคำแดงมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับถ้ำเชียงดาวเมื่อครั้งที่ไล่ต้อนเนื้อทรายทองมาจนถึงหน้าถ้ำ แต่ไม่พบเนื้อทรายทองแต่พบสาวงามชื่อนางอินเหลา แล้วทั้งสองก็ได้ครองคู่กัน หลังจากนั้นเจ้าชายสุวรรณคำแดงยังต้องตามหาเนื้อทรายทองต่อไป จนกระทั่งมาถึงที่ราบลุ่มน้ำระมิงค์ ฤาษีจึงแนะนำให้สร้างเมือง ซึ่งมีชื่อว่าเมืองล้านนา หลังจากสร้างเมืองเสร็จกษัตริย์ล้านนาจึงกลับไปหานางอินเหลาและอยู่ร่วมกันในถ้ำเชียงดาว

    ในส่วนนี้เจ้าหลวงคำแดงจึงมีฐานะเป็นปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาและเป็นหัวหน้าผีอารักษ์หรือผีบ้านผีเมืองแห่งอาณาจักรล้านนา โดยมีอ่างสลุง ซึ่งเป็นพื้นที่ยอดดอยหลวงที่มีลักษณะเป็นอ่างเป็นที่ประชุมของผีอารักษ์ ดังนั้นการไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตามประเพณีล้านนาจึงต้องมีการบูชาถึงเจ้าหลวงคำแดง

    เรื่องราวอีกชุดหนึ่งของเจ้าหลวงคำแดง ปรากฎในพุทธตำนานที่แต่งขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาถึงสมัยของของพระเจ้าสามฝั่งแกน (พ.ศ.1866-1985) เรื่องพระเจ้าเลียบโลก ด้วยฤทธานุภาพทรงเหาะเหิรเดินอากาศมายังดินแดนล้านนา “พระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงฝั่งแม่น้ำปิง ประทับรอยพระบาทไว้บนหินก้อนหนึ่งที่ผาสะแกง ในเขต อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จากนั้นเสด็จไปทางอากาศ แล้วชี้ไปที่ดอยแห่งหนึ่ง และทำนายว่าศาสนาจะมารุ่งเรืองในเมืองเชียงดาว จะบังเกิดมีอารามของพระยาคำแดง”

    พร้อมทั้งมีตำนานเกี่ยวกับดอยหลวงเชียงดาวและถ้ำเชียงดาว โดยตำนานอ่างสรงฉบับวัดสันป่าข่อย คัดลอกไว้ในปี พ.ศ.2431 หรือเมื่อ 116 ปีที่แล้ว แปลเป็นไทยได้ ดังนี้

    “ศรีสวัสดี ที่นี้จักกล่าวยังตำนานนิทานปางเมื่อพระพุทธเจ้าแห่งเรานิพพานไปแล้ว ยังเมืองกุฉินาราแล อรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตนก็เอายังธาตุพระเจ้ามาไว้ยังดอยสรงที่นี้ เลยได้ชื่อว่าอ่างสรงเชียงดาว พระยาอินทร์ พระยาพรหม และเทวดาเจ้าทั้งหลาย ก็จิ่งจักแปงก่อสร้างยังมหาเจดีย์ทองคำหลัง 1 แล้วด้วยทองคำทั้งแท่ง สูงได้ 3 คาวุตมาบรรจุไว้ยังพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า แล้วอรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตนก็เลยนิพพานในถ้ำที่นั้น ยามนั้นยังมีพระยาตน 1 ชื่อว่าอานันทราชา กินเมืองเชียงดาวที่นั้น ก็ได้ส่งสการสรีระคาบยังอรหันตาเจ้าทั้งหลาย 500 ตน อันได้นิพพานไปนั้นทุกองค์…”

    และอารยันตคุปต์ เขียนในปี พ.ศ.2495 ซึ่งมีเนื้อหาตรงกับที่ปรากฏรวมอยู่ในเอกสารใบลานเรื่องตำนานอ่างสรงเชียงดาว ต้นฉบับเป็นของวัดสันป่าข่อย จ.เชียงใหม่ ต้นฉบับเป็นของวัดแสนฝาง จ.เชียงใหม่ และต้นฉบับเป็นของวัดป่าแดด จงเชียงใหม่ ว่า “ภายในถ้ำนั้น พรหมฤาษีผู้วิเศษได้เรียกประชุมอินทร์พรหมยมนาค เนรมิตของวิเศษหลายอย่างคือ พระพุทธรูปทองคำ พระเจดีย์ทองคำ ต้นโพธิ์วิเศษ ช้างวิเศษ ดาบวิเศษ ผ้าทิพย์ อาหารทิพย์ สิ่งของเหล่านี้นัยว่ามีไว้สำหรับพระยาธรรมิกราช ผู้จะมาเกิดในวันข้างหน้า โดยพระอิศวรสั่งให้เทวยักษ์ตนหนึ่ง คือเจ้าหลวงคำแดง หรือ เจ้าสุวรรณคำแดง เป็นผู้ดูแลรักษาไว้”

    ที่มา ..........

    คณะทำงานบรรพชนทวาได้รับพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๒ องค์ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำริดสนิมเขียวจากบุคคลผู้นั้นเพียงห่อกระดาษทิชชู และบรรจุใส่ซองพลาสติกเอาไว้เท่านั้น แล้วส่ง EMS ใส่ซองกันกระแทก เมื่อเปิดซองออก ก็พบว่าผอบบรรจุมีขนาดเล็กมากไม่เกิน ๒ ข้อนิ้วมือเมื่อสวมปิด ผอบมีรอยกระเทาะออกมาเล็กน้อยเห็นสนิมเขียวร่อนหลุดออกมา ซึ่งจะเกิดจากขั้นตอนการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในผอบของบุคคลผู้นั้น ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ ๒ องค์ งามมากจริงๆ ไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด

    เช้าวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ คณะทำงานบรรพชนทวาได้เดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์นิลที่วัดกระโจม และได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๒ องค์ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำริดสนิมเขียว พระอาจารย์นิลท่านได้สอบถามถึงเจตนาแต่แรกว่า ต้องการอย่างไร ก็กราบเรียนพระอาจารย์นิลว่า เจตนาถวายพระอาจารย์นิลเพื่อบรรจุพระบรมธาตุเจดีย์ที่หนองคาย หากวันหนึ่งในกาลข้างหน้าท่านจะได้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ พระอาจารย์นิลได้กล่าวอนุโมทนา และจะบอกว่าจะประดิษฐานในที่เหมาะสมต่อไป...

    เรื่องของผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุใบใหม่ที่จะสวมครอบใบเดิมนี้ พระอาจารย์นิลท่านขอเวลาพิจารณาอีกครั้งถึงความเหมาะสมในด้านของลักษณะรูปทรงของผอบ เนื้อวัสดุที่จะใช้จัดสร้าง และอื่นๆครับ...

    ขออนุโมทนาร่วมกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  3. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    ปกิณกะ ๑

    ๓) ร่วมสมทบทุนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม

    หลังกึ่งพุทธกาลปรากฎพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆขึ้นมากมาย พระบรมสารีริกธาตุส่วนๆต่างๆดังต่อไปนี้ได้รับมาจากท่านผู้หนึ่งที่เก็บรักษาไว้ที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ผู้ทรงฌาน ๔ ทรงอารมณ์ของพระอริยเจ้าได้ตรวจสอบแล้ว ส่วนการตรวจสอบทางกายภาพได้ใช้เครื่องมือตรวจสอบอัญมณีตรวจสอบระดับความแข็งแกร่งแล้ว เช่นส่วนของสมอง มีความแข็งตามสเกลของโมส์ (Moh's scale)มีค่าความแข็งเท่ากับ ๗ และส่วนของพระยกนัง(ตับ)มีค่าความแข็งเท่ากับ ๖ รายละเอียดอื่นๆล้วนเป็นอจินไตย ไม่ขอกล่าวในรายละเอียด...

    ผมได้พูดคุยกับพี่ท่านหนึ่ง(ที่เคยเป็นแม่งานสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น หน้าตัก ๙.๙ นิ้ว จำนวน ๕๐ องค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานที่พระพุทธกัสสปอธิษฐานจิตไว้) และมีโอกาสได้เดินทางไปพบปะกัน ท่านได้มอบพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆมาให้จำนวนหนึ่งเพื่อสักการะบูชา และเผยแพร่ โดยมีความตั้งใจจะเก็บรวบรวมให้ครบถ้วนมากที่สุดตามอาการ ๓๒(ธาตุดิน ๒๐ ธาตุน้ำ ๑๒ ความจริงพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆมีมากกว่าอาการ ๓๒ เช่น น้ำในพระกรรณ ฯลฯ) เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต การเก็บรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆนี้มีความจำเป็นต้องใช้ปัจจัยทางโลกแลกเปลี่ยนเพื่อผลทางธรรมอันหาประมาณมิได้ ผมรู้จักกับพี่ท่านนี้มามากกว่า ๒๐ ปีแล้ว ขณะนั้นท่านก็ได้เกษียณอายุการทำงาน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ ได้รักษาตัวยังสถานที่ต่างๆ ก็ดำรงชีพด้วยการแนะนำพระกรรมฐานเน้นธรรมะเพื่อการเป็นพระอริยเจ้า ผู้คนก็สงเคราะห์อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ปัจจัย ๔ เล็กๆน้อยๆ ปัจจัยทางโลกไม่มีความสำคัญกับพี่ท่านนี้มากนัก แต่ก็มีความจำเป็นในการทำงานด้านพระพุทธศาสนาอยู่บ้าง

    คณะทำงานบรรพชนทวาเห็นว่า อยู่ในกรอบแนวทางเดียวกันของการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาที่คณะทำงานกระทำอยู่ จึงได้ถือโอกาสบอกกล่าวเพื่อร่วมกันสมทบทุนให้การทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสมนี้ลุล่วงไปด้วยดี โดยที่ไม่ต้องกังวลใจกับปัจจัยทางโลก และหาทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งเพื่อจัดทำหนังสือรวบรวมประวัติความเป็นมาต่างๆของพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆนี้ ผู้เห็นด้วยกับแนวทางการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาด้านนี้ และต้องการร่วมสมทบทุนทรัพย์สามารถPM แจ้งขอร่วมสมทบทุนไม่จำกัดจำนวนเงิน โดยทางคณะทำงานบรรพชนทวาจะไม่เผยแพร่รายละเอียดของเลขที่บัญชีใดๆในกระทู้ฯ เว้นแต่ผู้สนใจจะสอบถามทาง PM เท่านั้นครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  4. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1964

    บรรพชนทวา
     
  5. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1965

    บรรพชนทวา
     
  6. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1966

    บรรพชนทวา
     
  7. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1967

    บรรพชนทวา
     
  8. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1968

    บรรพชนทวา
     
  9. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1969

    บรรพชนทวา
     
  10. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1970

    บรรพชนทวา
     
  11. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1971

    บรรพชนทวา
     
  12. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1972

    บรรพชนทวา
     
  13. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1973

    บรรพชนทวา
     
  14. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1974

    บรรพชนทวา
     
  15. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1975

    บรรพชนทวา
     
  16. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1976

    บรรพชนทวา
     
  17. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1977

    บรรพชนทวา
     
  18. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1978

    บรรพชนทวา
     
  19. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1979

    บรรพชนทวา
     
  20. บรรพชนทวา

    บรรพชนทวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +167
    เรียน ทีมผู้ดูแลเว็ปบอร์ด

    ความเห็นนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูล1980

    บรรพชนทวา
     

แชร์หน้านี้

Loading...