**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

รายการที่ 284​

...เหรียญหลวงปู่คำดี ปภาโส รุ่นแรก บล็อกนิยม หายากมากๆ หลวงปู่คำดี พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนา จ.เลย วัดถ้ำผาปู่ เมตตาอธิษฐานจิตเดียวหลายวัน ก่อนออกแจกญาติโยม มีด้วยกัน 2 บล็อกคือ บล็อกกากจำนวนสร้าง 2000 กว่าเหรียญ บล็อกนิยมจำนวนสร้าง 500 เหรียญ

***นับว่าเป็นเหรียญที่มีพุทธคุณด้านเมตตาสูงมากครับ ต่างมีประสบการณ์กันหลายคนแล้ว และที่สำคัญเหรียญรุ่นนี้ "หลวงปู่คำดี ปภาโส" เมตตาอธิษฐานจิตแล้ว ได้นำไปขอเมตตา "หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน" เมตตาให้อีกด้วย ด้วยหลวงปู่คำดีและหลวงตามหาบัว มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน ครั้งหลวงปู่คำดี จำพรรษา ณ วัดป่าชัยวัน จ.ขอนแก่น หลวงตามหาบัว จะมาเยี่ยมเยียนหลวงปู่คำดีเป็นประจำ และ ครั้งเมื่อหลวงปู่คำดีมาอยู่วัดถ้ำผาปู่ หลวงตามหาบัว ท่านก็มาเยี่ยมหลวงปู่คำดีเป็นประจำเช่นกัน

***ถือเป็นเหรียญยอดอริยะคุณเลยก็ว่าได้ครับ(2 อรหันต์เมตตา)***
และเป็นเหรียญที่สร้างครั้งแรก รุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.2517 ของหลวงปู่คำดี​

​

(ท่านใดสนใจสอบถามทาง PM ครับมีเพียง 1 เหรียญ)
**ขออนุญาตสงวนเฉพาะท่านที่ยังไม่มีเท่านั้นนะครับ เพราะว่าสอบถามกันเข้ามาเยอะมากครับ เลยนำมาแบ่งให้บูชาสำหรับท่านที่อยากได้ไว้บูชา เหรียญรุ่นแรกครูบาอาจารย์ ไม่มีลด มีแต่เพิ่มคุณค่าและมูลค่าของพระขึ้นทุกวันๆครับ**​

 

ประกาศเรียนแจ้งเรื่องเหรียญ 7 รอบครับ
(ช้าไปหน่อยแต่ว่าคุ้มค่าครับ)

​

.......เหรียญหลวงปู่สำลี สุทธจิตโต ครบ 7 รอบ 84 ปี จะพุทธาภิเษกครั้งสุดท้ายก่อนออกให้ผู้ศรัทธาได้บูชา ในวันที่ เสาร์ที่ 28 มี.ค. 2563 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีชวด ซึ่งโบราณถือเป็นวัน "เสาร์5" วัดมหาฤกษ์ยามแรง เสริมพลังวันได้ครบทุกด้าน

.......ถือว่าเป็นรุ่นทิ้งทวนโดยแท้ ผ่านพิธีครูบาอาจารย์อธิษฐานจิตกว่า 20 กว่าองค์ หลวงปู่สำลีเมตตาอธิษฐานจิตนานกว่า 45 วัน และจะเข้าพิธีเสาร์5 อีกครั้งในวันที่ 28 มีนาคมนี้ครับ

......สำหรับท่านที่สั่งจองชุดกรรมการ 1 ชุด 10 องค์(เนื้อเงิน 1 เนื้ออัลปาก้า 4 องค์ เนื้อฝาบาตร 5) และบวกเนื้อแถม 1 องค์ ผู้เขียนจะสรุปยอดและแจ้งให้ทุกท่านที่จองทราบอีกครั้งครับครับ

......สำหรับสมาชิกที่ไม่ได้จองชุดกรรมการ ผมจะแจกเนื้อ อัลปาก้า ท่านละ 1 องค์ฟรีๆ(ได้ริดรายชื่อไว้แล้วครับ) เพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับท่านที่ร่วมบุญและบูชาพระกันมาโดยตลอด โดยจะจัดส่งทางไปรษณีย์ให้ทุกๆท่านก่อน หลังวันอธิษฐานจิตแล้วเสร็จครับ(รวมถึงท่านที่ร่วมบุญก่อนหน้านี้ด้วยครับ)

จึงประกาศมาเพื่อทราบครับ ขอบคุณครับ



เสาร์ ๕ กับความเชื่อ
​

........วันเสาร์ ๕ ซึ่งตามโบราณกาล ถือเป็นวันแรง และวันที่แข็งที่สุด ในตำราโหราศาสตร์ ของไทย บุคคลที่เกิดในวันเสาร์นั้น จะมีเทพพระเสาร์พิทักษ์ คุ้มครองและรักษา เทพพระเสาร์นั้น เกิดจากพระศิวะ หรือพระอิศวร เทพพระเจ้าสูงสุด ของศาสนาพราหมณ์ ทรงนำเอาเสือพยัคฆราช สิบตัวมาป่นให้เป็นผง แล้วห่อด้วยผ้าสีม่วง สีดำ ประพรมด้วยน้ำอมฤตทำให้เกิดเทพเจ้าอีกองค์มีพระนามว่า พระเสาร์เทวราชอันเป็นเทพเจ้าสำหรับคนเกิดในวันเสาร์​

......วันเสาร์ห้า คือ วันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่ง โอกาสที่จะเกิดวันเสาร์ห้า นั้นเกิดได้ยาก ตามคติความเชื่อของโบราณเชื่อว่า ดาวเสาร์เป็นดาวแห่งความเข้มแข็ง และมีพลังมาก หากมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า จะมีพุทธคุณด้านคงกระพัน และแคล้วคลาด มากกว่าวันปกติ ถือว่าเป็นวันธงไชย เป็นฤกษ์งามยามดี มีดาวบนท้องฟ้าโคจรในตำแหน่งที่สวยงาม เป็นวันที่ควรจะได้มีกิจกรรมอันเป็นมหามงคลร่วมกัน หรือได้ไปอยู่ในพิธีอันเป็นมงคลจะได้อำนวยอวยสุข อำนวยอวยพรให้เกิดสุข และผล เป็นมิ่งมงคลแก่ทุกท่าน ตามโบราณกาลที่มีมา เราถือว่าเป็นวันแรง และวันที่ ผู้ที่เกิดวันเสาร์มีดาวเสาร์เป็นดาวประจำตัว มีพระเสาร์เป็นเทพเจ้าประจำวัน ดังนั้น ความแข็ง หรือความแรงของพระเสาร์นั้นปรากฏเด่นชัด ชีวิตของท่านที่เกิดในวันเสาร์ มักจะเหนื่อยยากมีภารกิจ หรือกิจการงานต่างๆ ที่ผ่านมาให้ได้รับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นแสดงถึงคุณูปการ หรือ บารมี ที่สามารถรับเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น และสร้างให้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แก่คนโดยทั่วไปว่า มีความเป็นผู้มีบุญวาสนาบารมี

.....เสาร์ห้าต้องตามตำรา โบราณจารย์ทางโหราศาสตร์กล่าวว่า ที่เรียกว่า เสาร์ห้า นั้น คือ วันเสาร์ ขึ้นหรือแรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดวันเสาร์ห้านั้น ประมาณ ๒-๓ ปีครั้ง ตามคติความเชื่อของโบราณาจารย์เชื่อว่า ดาวเสาร์เป็นดาวแห่งความเข้มแข็ง และมีพลังมาก หากมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า จะมีพุทธคุณด้านคงกระพัน และแคล้วคลาด เมตตามหานิยม​

​

 

ขอโมทนาบุญด้วยนะครับ

 

ลูกแก้วจักรพรรดิ์(มณีแก้วสารพัดนึก)
​

......ตามตำนาน ลูกแก้วจักรพรรดิ์ หรือ มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้เกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน

​

......ผู้เขียนได้จัดสร้างขึ้นถวายวัดถ้ำเมืองนะ โดย หลวงตาม้า วิริยธโร เมตตาอธิษฐานจิต หลวงตาท่านกล่าวว่า "เวลาท่านอธิษฐานจิตลูกแก้ว ท่านจะอธิษฐานให้เป็นสื่อเดียวกันกับ แก้วจักรพรรดิ์ให้เป็นพลังงานเดียวกัน ผู้ใดนำไปบูชาสวดมนต์อธิษฐานขอให้สำเร็จๆทุกประการ..."

......ลูกแก้วที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้ จัดสร้างขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยแก้วที่นำมาจัดสร้าง ทำเป็นลูกแก้วขนาดเล็ก สั่งเป่า(เป่าแก้ว) ใหม่ทั้งหมด เพราะลูกแก้วที่ขายตามท้องตลาดไม่สามารถนำไปยิงเรเซอร์ได้(ด้วยคุณภาพแก้วเปราะ) จึงนำไปยิงเรเซอร์แล้วไม่ติดกับลูกแก้ว เลยต้องสั่งทำเป็นการเฉพาะให้มีความขนาดแก้วที่หนาขึ้น จึงสามารถยิงเรเซอร์ติดได้

​

​

......ยันต์ที่นำมายิงลงลูกแก้วในครั้งนี้ เป็นยันต์ "นะซ้อนหัว" ซึ่งเป็นยันต์เฉพาะตัวของหลวงปู่ดู่ ที่เป็นยันต์นะครอบจักรวาล มีพุทธคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ให้เป็นสื่อถึงพลังงานจักรพรรดิ์อีกด้วย ได้ยิงเรเซอร์ไว้ทุกลูกให้เป็นสัญลักษณ์จะได้รู้ว่า "เป็นแก้วที่ได้รับการอธิษฐานจิตแล้ว" นำมากำสวดมนต์ติดตัว ดีนักแล...

****แจกฟรีพร้อมเหรียญ 7 รอบหลวงปู่สำลี นะครับจะจัดส่งให้พร้อมกัน****​

 

รายการที่ 285

เหรียญที่ 1 จองโดยคุณ shaj


เหรียญที่ 2 songsakth

(บอกก่อนนะครับว่า เหรียญชุดนี้ได้มาจากหลวงพ่อคำพอง เมื่อปี 2538 กับมือท่านเองครับ สวยเดิม)
เหรียญละ 400
​

......เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อคำพอง ขันติโก วัดป่าอัมพวัน จ.เลย ปี2538 จัดสร้างเนื่องในโอกาส หลวงพ่อคำพอง อายุวัฒนมงคล 60 ปี ซึ่งการจัดสร้างในครั้งนี้ จำนวนประมาณ 5000 เหรียญ(หลายเนื้อ) โดยได้จัดทั้งพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ และ หลวงพ่อคำพอง เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวเป็นเวลา 1 ไตามาส

......และก่อนหน้านี้คณะผู้จัดสร้างได้นำไปขอเมตตาครูบาอาจารย์สายวิปัสสนา เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวก่อนแล้ว ซึ่งถือเป็นครูบาอาจารย์แห่งยุคสมัยนั้น ดังนี้...
- หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม วัดป่าโชคไพศาล
- หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม
- หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน
- หลวงพ่อสีทน สีลธโน วัดถ้ำผาปู่นิมิตร (วัดถ้ำผาปู่)

************

​

หลวงพ่อคำพอง ขันติโก ศิษย์สายธรรม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ซามา อจุตโต(ซึ่งหลวงพ่อคำพองเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน) หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นต้น จริยวัตรของหลวงพ่อคำพอง ถือข้อวัตรตามหลวงปู่คำดีมาโดยตลอด และ ท่านยังเป็นพระที่ครูบาอาจารย์ให้ความนับถือว่า "มีพลังจิตกล้า" เพราะลูกศิษย์ ลูกหาที่ไปบวชกับท่านจะรู้ดี ทั้งเรื่องเดินผ่านฝนไม่เปียก สะเดาะกุญแจในยามคับขัน หายตัวเป็นต้น ประสบการเหล่านี้พูดไปมากก็หาว่าอ้างอวดไปครับ(แต่ส่วนตัวผู้เขียนได้ยินมามากต่อมาก)

****เหรียญของท่านรุ่นแรกนี้ ท่านตั้งใจเมตตามากครับ ให้ลูกศิษย์ลูกหาไว้บูชารักษาตัว และปัจจุบันมีราคาไปที่ 800-1000 ไปแล้ว และนับวันยิ่งหายาก และมากด้วยประสบการณ์ ขนาดตอนท่านมอบให้ผู้เขียนท่านยังบอกว่า"เก็บไว้คุ้มครองตนเฮ็ด(ทำ)ให้ดีแล้ว".......

​

อัฐิที่แปลงเป็นพระธาตุ​

​

 

ขอจองเหรียญที่ 1ครับอาจารย์

 

ขอจอง รายการที่ 285 เหรียญที่ 2

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

รายการที่ 286​

....เป็นรูปหล่อรุ่นแรก และรุ่นเดียวที่ผสมชนวนขวานฟ้าขององค์หลวงปู่ จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2536 ในโอกาสวันเกิดครบอายุ 92 ปี เข้าพิธีเดียวกันกับเหรียญรุ่นขวานฟ้าในวันที่ 12 ก.พ.2536 ครับ(เป็นรุ่นที่หายากมากๆ มีเนื้อเดียวสร้างไม่เกิน 999 องค์)
- หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวเป็นกรณีพิเศษ 1 วาระ
- เข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ในวันเกิดหลวงปู่อีก 1 วาระ

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยุค​

​

เปิดดูไฟล์ 5259049 ​

.....เนื้อขวานฟ้า - เป็นการเรียกขานแร่ธาตุชนิดหนึ่ง "ซึ่งเป็นเนื้อโลหะสำริด" ซึ่งปฐมเหตุแห่งเหรียญขวานฟ้ามาจากเหรียญขวานฟ้า "หลวงปู่หลุยรุ่นแรก ปี2516" ซึ่งเป็นโลหะสำริด ที่หลวงปู่หลุยท่านเก็บรักษาไว้จำนวนหนึ่ง โดยท่านได้มาในระหว่างการเดินธุดงค์ ซึ่งท่านได้มาจากการเกิด "นิมิตธรรม ที่ฟ้าผ่าบริเวณใด บริเวณนั้นจะปรากฏเกิดมีโลหะสำริดนี้อยู่" หลวงปู่หลุยท่านกล่าวว่า "ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวอยู่แล้ว" และได้นำแร่ธาตุนี้มาจัดสร้างเหรียญขวานฟ้าของท่าน อันมีพุทธคุณสูงและราคาแพงมากในปัจจุบัน...

1000
(มีหลายท่านสอบถามเข้ามา เลยนำมาแบ่งให้บูชาอีก1องค์ครับ **สงวนเฉพาะท่านที่ยังไม่มีได้บูชานะครับ)

จอง​

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ซามา อจุตโต
​

....หลวงปู่ซามา ท่านเคยกล่าวว่า
- เรื่องธรรมภายในฤทธิ์เดชอาจารย์ชอบเพิ่นเด่นกว่าหมู่(ท่านเด่นกว่าเพื่อน)
- อาจารย์หลุยเทศนาว่าการดีหลาย
- อาจารย์คำดี เป็นพระผู้วิเศษ จำพรรษากับเพิ่น(ท่าน)นานสุด(10 พรรษา)

 

พระทำน้ำมนตร์
พุทธมนตร์แห่งน้ำอธิษฐานผ่านพุทธคุณ​

......มนตร์ เป็นภาษาบาลี เป็นคำนามคําศักดิ์สิทธิ์ คําสําหรับสวดเพื่อเป็นสิริมงคล เช่น สวดมนต์ คำเสกเป่าที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์(ราชบัณฑิตยสถาน) พุทธคุณ หมายถึง บารมีธรรมแห่งพระพุทธเจ้า เป็นพลังงานที่อยู่ในโลกที่พระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ ท่านมาจุติและนิพพานไปแล้วท่านก็ทิ้งไว้ในโลกสะสมในโลกนี้ไว้ตั้งแต่อดีตจนมาปัจจุบัน(พลังงานย้อมไม่ศูนย์หายไปจากโลก) ทั้งพลังงานแห่งจักพรรดิ์(พระพุทธเจ้าถ้าไม่ออกบวชท่านก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ปกครองโลก ตามความเชื่อในพุทธมหายาน)

.....ดังนี้การอธิษฐานจิตพระหรือวัตถุมงคล ของครูบาอาจารย์ ท่านจะไม่ใช้กำลังบุญบารมีของท่านอย่างเดี่ยว แต่ท่านจะอัญเชิญบารมีธรรมแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ทั้งที่เป็นพระอรหันต์และพระโพธิ์สัตว์ ที่อยู่ในโลกนี้อันไม่มีประมาณ มาสู่วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิต จนทำให้วัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านั้นเป็นกระแสเดียวกันกับพลังงานพระพลังงานความดีทั้งหลาย ดังนี้วัตถุมงคลต่างๆจึงเป็นสื่อของพลังงานธรรมดังกล่าวมานี้

....ฉะนั้นพระจึงเป็นสื่อของพลังงาน ทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนผู้อธิษฐานจิตจะให้วัตถุมงคลเด่นดีไปทางไหนนั้น แล้วแต่ว่าท่านจะน้อมนำพลังงานอธิษฐานจิตให้เป็นไปทางใดมากน้อยกว่า เช่น เมตตามหานิยม หรือคงกระพันชาตรี ตรงนี้แล้วแต่ท่านผู้อธิษฐานครับ ซึ่งหลักการดังกล่าวข้างต้นเรื่องพลังงานนี้ หลวงตาม้า วิริยธโร ท่านได้เมตตาอธิบายหลักการนี้ไว้ครับ(ตามที่ท่านได้ไปฝึกศึกษากับหลวงปู่ดู่)

.....ดังที่กล่าวมานี้พอจะสรุปได้ว่า "พระทุกอย่าง(รูปลักษณ์พระ)สามารถน้อมนำพลังงาน" มาอธิษฐานทำน้ำมนต์เองได้ทุกองค์ครับ เพราะพระทุกองค์ ทุกรุ่นนั้นมีพลังงานเป็นสื่อของพลังงาน ที่เราสามารถน้อมนำมาอธิษฐานจิตทำน้ำมนตร์ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามแต่ละคนกำลังใจไม่เท่ากัน เพราะการอธิษฐานนั้น นอกจากวัตถุมงคลอันเป็นสื่อของพลังงานแล้ว ตัวผู้ทำเองก็ต้องมีความมั่นใจในคุณพระท่านด้วย จึงจะได้ครบองค์ประกอบทั้งรูป(ธาตุ4ของเรา)และนาม(จิตของเรา) พลังงานจึงผ่านมาได้เต็มที่ เพื่อความมั่นใจ ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนท่านจึงมักนิยม สร้างเสกวัตถุมงคลในรูปแบบที่เรียกว่า "เหรียญบาตรน้ำมนตร์" หรือ "พระกริ่งพุทธมนตร์" เพราะให้เจตนาตรงกันทั้งท่านผู้นำไปใช้ และผู้อธิษฐานจิต เป็นไปในทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มและเสริมกำลังใจให้กับตัวผู้บูชา ได้มีพลังใจเพิ่มมากขึ้น ที่จะทำให้น้ำที่อธิษฐานจิตนั้น "เห็นผลและเพิ่มประสิทธิคุณในน้ำนั้นได้อย่างเต็มที่"

ผู้เขียนจึงขอนำเสนอวัตถุมงคลที่ "ตัวผู้สร้างและผู้อธิษฐานจิต" มีเจตนาเพื่อให้ท่านที่นำไปบูชาสามารถนำพระนั้นไปใช้ทำน้ำมนตร์เองได้ไม่ว่าจะใช้ทำเพื่อ ป้องกันสิ่งไม่ดี รักษาโรคภายในร่างกาย หรือเสริมสิริมงคล ให้กับบ้านสถานที่นั้นๆ ก็สามารถทำได้ ผู้เขียนขอนำเสนอบางรุ่นเ ที่พอจะทราบความเป็นมาในเจตนาได้ว่า "สร้างขึ้นเพื่อทำน้ำมนตร์" โดยเฉพาะครับ

1.เหรียญบาตรน้ำมนต์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย ปี พ.ศ.2536

​

.....เป็นเหรียญที่จัดสร้างขึ้นโดยคณะศิษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ในปี พ.ศ.2536 ไว้เป็นที่ระลึกงานอายุวัฒนมงคล 92 ปีของพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่าน ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาอนุญาตให้จัดสร้างได้ โดยท่านดำริให้จัดสร้างในรูปแบบเหรียญกลมขนาดใหญ่ และท่านได้บอกกับทางคณะผู้จัดสร้างว่า "เฮาสิเฮ็ดให้ เอาไปเฮ็ดน้ำมนต์"(เราทำไว้ให้ เอาไปทำน้ำมนตร์) จึงถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลวงปู่ชอบดำริเจตนา "อธิษฐานจิตไว้ให้เอาไปใช้ทำน้ำมนต์ได้" ครับ

2.เหรียญหล่อพระพุทธชินบัญชร

​

......รุ่นนี้เจตนาสร้างขึ้นเพื่อถวายหลวงปู่เทือง ญาณธโร ไว้แจกตอนงานทำบุญบูรณะกุฏิหลังเก่าของหลวงปู่ ซึ่งจัดสร้างขึ้นแบบ "เนื้อชนวนมวลสารมากมาย" โดยเฉพาะแผ่นยันต์ที่นำมาตีมาหล่อ ถือว่ามีความซับซ้อนกว่าจะนำไปขึ้นรูป และหล่ออกมาเป้นองค์พระได้

รุ่นนี้แม้ไม่ได้เจตนาสร้างขึ้นเพื่อไว้ทำน้ำมนต์โดยตรง "แต่ด้วยชนวนมวลสารหลักคือแผ่นยันต์พระคาถาชินบัญชร และเจตนาจัดสร้างรวมไปถึงยันต์ตัวย่อพระคาถาชินบัญชรด้านหลัง" จึงมีพุทธานุภาพมากมายครอบจักวาลหรือที่โบราณกล่าวว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" เป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าที่ได้เคยมาตรัสรู้ก่อนหน้านั้น จากนั้นเป็นการอัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพ อันสำเร็จคุณธรรมวิเศษแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน นอกนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆ อันโบราณาจารย์เจ้าถือว่า เป็นพระพุทธมนต์อันวิเศษแต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงแก้วคุ้มกันตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนกระทั่งหาช่องโหว่ให้อันตรายสอดแทรกเข้ามามิได้...

ซึ่งหนึ่งในพระสูตรที่ปรากฏในพระคาถาชินบัญชรนี้คือ "รัตนสูตร" ปรากฏในบทที่ 10 และ บทที่ 11 ของตัวพระคาถา และถือเป็นพระสูตรที่นิยมสวดกันมากในตอนนี้ เพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ ขับไล่เชื่อโรค "ที่ทุกวัดออกประกาศให้สวดในปัจจุบันนี้" ก็คือบท "รัตนสูตร" นี้เองดังนั้นพลังงาน จึงเป็นไปในทาง "ทำน้ำมนต์เพื่อขจัด ปัดเป่าสิ่งไม่ดี และโรคภัยทั้งหลาย" ด้วยสูตรแห่งพุทธคุณนี้ ดังนั้นเหรียญหล่อพุทธชินบัญชรนี้ จึงมีพุทธานุภาพ "ในเรื่องการทำน้ำมนต์ได้เช่นกัน" และได้รับการอธิษฐานจิตจาก หลวงปู่เทือง ญาณธโร หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ หลวงพ่อมหาสุพัฒน์ สุวัฒโน จึงถือเป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพในตัวมากมาย...

​

3.เหรียญบาตรน้ำมนต์ รุ่นบ่อน้ำพญานาค
หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ ปี2560
​

......เป็นเหรียญที่จัดสร้างแจกในงานที่ระลึก "เปิดบ่อพญานาค" ที่วัดป่าม่วงไข่เมื่อปี พ.ศ.2560 เดิมทีเป็นบ่อน้ำที่อยู่วัดป่าม่วไงข่ไม่มีท่าลง ที่ในสมัยหลวงปู่ชอบท่านมาอยู่วัดป่าม่วงไข่เมื่อราวปี 2510 โดยหลวงพ่อขันตีเล่าให้ฟังว่า "เดิมทีวัดป่าม่วงไข่ ไม่มีน้ำอุปโภค บริโภคใช้สอยเพราะอยู่บนเขา พระเณรที่มาอยู่ที่นี้สมัยนั้นต้องเดินไปเอาน้ำมาใช้ ที่ในหมู่บ้านทำให้เกิดความลำบากพอสมควร หลวงปู่ชอบท่านจึงอธิษฐานบอกให้พญานาคแถวนั้น ขุดบ่อน้ำบนเขาที่วัดป่าม่วงไข่นี้ไว้ใช้สอยกัน" มาจนถึงปัจจุบันแต่ด้วยตลอดทางที่ลงไปเอาน้ำ และขึ้นมาค่อนข้างลำบากเพราะบ่อน้ำอยู่ที่ต่ำ ต้องเดินลงไปเอา หนทางสูงชัน หลวงปู่สาคร ธัมมาวุโธ ถึงขนาดกล่าวในสมัยไปอยู่กับหลวงปู่ชอบว่า "พอสรงน้ำแล้ว ลงไปตักน้ำจากบ่อพญานาคขึ้นมา เหงื่อออกจนได้สรงน้ำอีกรอบสอง"

จนในปี พ.ศ.2560 คณะศิษย์สายภูเรือ นำโดยปลัดอำเภอภูเรือ ขออนุญาตหลวงพ่อขันตี สร้างทางลงไปบ่อน้ำแห่งนี้ แม้ว่าจะเลิกใช้การไปนานแล้วเพราะนำไฟเข้าถึงวัด แต่ก็เพื่อเป็นอนุสรณ์ในความอัศจรรย์ของหลวงปู่ชอบ ที่เกี่ยวข้องกับพวกโลกทิพย์ หลวงพ่อขันตีท่านจึงเมตตาอนุญาต ให้คณะศิษย์ทำทางลงไปได้

และในวาระเดียวกันนี้ทางคณะ ก็ได้จัดสร้าง "เหรียญบาตรน้ำมนต์" หลวงพ่อขันตีขึ้น โดยเลียนพิมพ์มาจาก เหรียญบาตรน้ำมนต์ "หลวงปู่ทิม อิสริโก" วัดละหารไร่ และคณะกราบเรียนหลวงพ่อขันตีว่า "เหรียญทำน้ำมนต์ครับผม" ท่านก็บอกว่า "โอวดีแล้ว ดีแล้ว ไว้ทำน้ำมนต์" แล้วท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้บน บาตรน้ำมนต์ขนาดใหญ่

........จึงถือว่าเป้นเหรียญอีกหนึ่งรุ่นที่เจตตนาสร้างและเสก เพื่อไว้ทำน้ำมนต์ครับ.........



4.พระกริ่ง "พุทธมนต์"
หลวงตาวิลาศ ปสาทิโก

​

......จัดสร้างขึ้นเนื่องใจโอกาส หลวงตาวิลาศ ปสาทิโก อายุวัฒนมงคลครบ 76 ปี ในปี พ.ศ.2562 จัดสร้างจำนวนน้อยมากครับ ไม่เกิน 500 องค์ สร้างจากเนื้อทองผสมระฆังเก่าและฝาบาตรหลวงตาวิลาศ

......เหตุแห่งการจัดสร้าง ตรงไปตรงมาเลยครับ "สร้างไว้ทำน้ำมนต์โดยตรง" เพราะคนในพื้นที่จะรู้กันดีครับว่า หลวงตาวิลาศ ท่านเข้มขลังนักในเรื่องการทำน้ำพระพุทธมนต์ ถึงขนาดว่าต้องทำใส่ถังพราสติกใบใหญ่ๆ ทำน้ำมนต์ไว้ให้ตักกันหน้ากุฏิ ไว้ให้ญาติโยมไปอาบ ไปประพรมบ้านเรือนให้เกิดความเป็นสิริมงคลกันมากมาย

.....ผู้เขียนเคยได้ยินกับหู ที่ชาวบ้านมาขอน้ำมนต์จากหลวงตาไปให้ลูกอาบ โดบเขาเล่าให้หลวงตาฟังว่า(ผู้เขียนก็อยู่ในเหตุการณ์) ลูกเขาหมอดูทักว่า ชะตาจะขาด ก่อนหน้านั้นเลยมาขอน้ำมนต์จากหลวงตาไปอาบให้ลูก กรรมบันดาลหรือป่าวไม่ทราบ ไม่นานจากนั้นถูกรถสิบล้อวิ่งชนมอไซร์ที่ขับขี่อยู่ ถึงขนาดว่าล้อรถมอไซร์ที่ขับมากับเพื่อนบิดม้วนเป็นเลขแปด แต่ลูกชายเขาที่ว่าชะตาขาดไม่เป็นอะไรเลยหลังจากเอาน้ำมนต์หลวงตาไปอาบ แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันเสียชีวิต

.....ด้วยเหตุที่มีผู้ศรัทธาในน้ำมนต์หลวงตาจำนวนมาก หลวงตาจึงอนุญาตให้จัดสร้างพระกริ่ง"พุทธมนต์" ขึ้นมาเป็นรุ่นแรก มีผู้ศรัทธาจับจองกันเป็นจำนวนมาก พร้อมหลวงตาเมตตาเล่าใฟ้ฟังว่า "สมัยก่อนสมเด็จพระสังฆราชแพ ท่านก็ทำน้ำมนต์กินแก้โรคเอง" ด้วยเหตุดังกล่าวจึงถือเป็นพระกริ่งทำน้ำมนต์ โดยเจตนาตรงอยู่แล้ว

5.เหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รุ่น สิริมงคล
กูให้ปราศจากโรคภัยทั้งปวง เด้อ


ขออนุญาตตัดบทความจากผู้สร้างดังนี้​

บทความต่อไปนี้เขียนโดยคุณวุฒิชัย อรุณศิริประเสริฐ ผู้สร้างเหรียญ สิริมงคล ได้อยู่รับใช้องค์ลพ.คูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ปลายปี 35 ต้นปี36 เป็นต้นมาจนถึงปี 40 มีความภูมิใจและเป็นเกียรติในวงศ์ตระกูลเลยทีเดียว ที่ได้ความเมตตาอย่างท่วมท้นจากองค์ลพ.คูณ ปริสุทโธ ที่สอนธรรมะอย่างง่าย ๆ ให้มาหลายบท (กระผมนายวุฒิชัย อรุณศิริประเสริฐ) จะเขียนบอกเล่าให้อ่านไปเรื่อย ๆ ) ผมได้ยึดตามคำสอนขององค์ลพ.คูณ ปริสุทโธมาตลอด เช่นท่านขอให้ลูกหลานทุกคนให้ถือศีล 5 ข้อ อย่าได้ขาด กูขอมึงแค่นี้แหละ เรื่องศีลนะลูกเอ่อหลานเอ่อ

ลพ.คูณท่านเคาะหัวคนมาตลอดตั้งแต่เช้าทุกวัน วันละหลายรอบ ยิ่งช่วงปี 35 เป็นต้นมา ทุกคนต่างมุ่งมาวัดบ้านไร่เพื่อชมบารมีขององค์ลพ.คูณปริสุทโธ (ที่ทุกคนยกย่องท่านเหมือนเทพเจ้าแห่งด่านขุนทดเลยทีเดียว) วันละเป็นหมื่น ๆ คนได้ ถึงไม่ถึงก็หลายพันคนเลยทีเดียว เช้าถึงบ่ายก็ยังเห็น ลพ.ท่านไม่มีอาการเมื่อยล้าแต่พอตกช่วงเย็น ลพ.ท่านแทบ จะยกแขนไม่ขึ้นเลยทีเดียว ใครได้เห็นท่านแล้วก็จะเกิดความสงสาร ลพ.มากเลยที่เดียว มีอยู่วันหนึ่งผมได้เอ่ยปากถามองค์ลพ.คูณท่าน "ลพ.ครับทำไมต้องเคาะหัวคนด้วยครับ ลพ.คูณท่านได้มองหน้าผมอย่างเมตตาและพูดว่า ชัยเอ้ย กูเคาะกันให้เขาไม่ให้เป็นโรคภายใน เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคท้องมาร และโรคริดสีดวงทวาร เพื่อกันให้ทุกคนปราศจากโรคร้ายทั้งหลาย และเคาะให้ทุกคนมีความเป็นสิริมงคล

เมื่อลพ.อธิบายให้ฟังแล้วก็ได้รู้เจตนาของ ลพ.คูณว่า ทำไมท่านถึงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการที่จะเคาะหัวให้กับทุกคนที่มาชมบารมี ท่าน เมื่อผมรู้อย่างนี้ผมได้คิดอยู่ในใจคนเดียวว่า โอ้ลพ. ท่านมุ่งโพธิสัตว์เลยนี่ ท่านทำทุกอย่างเพื่อศิษยานุศิษย์ทุกท่านที่มีศรัทธาต่อท่าน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจริง ๆ (โอบุญของลูกช้างแล้วที่ได้มาอยู่คอยรับใช้ลพ.) มีอยู่วันหนึ่งลพ.คูณท่านได้พูดว่าได้เอากล้องมาหรือเปล่า ผมตอบว่าเอามาครับลพเอามาถ่ายรูปกูไปทำเหรียญรุ่นสิริมงคลซะเมื่อผมได้ขึ้นไปบนชั้น 2 ด้านซ้ายมือที่ผมพักอยู่ ได้นำกล้องลงมา ลพ.คูณท่านได้ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าเคาะหัวให้ผมถ่ายรูปเพื่อเอามาสร้างเหรียญ ช่วงที่กำลังถ่ายอยู่นั้น ลพ.คูณท่านอารมณ์ดีมาก และพูดขึ้นว่าเอ้า! กูคือหรือยัง หมายถึงเหมือนหรือยังเมื่อถ่ายรูปได้ 2 ท่าในท่าเคาะหัวเสร็จแล้วท่านได้เคาะไปที่หัวของยายคนหนึ่งอย่างแรงพอสมควร แล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี นี้คือที่มาของเหรียญรุ่นสิริมงคล

อ้อผมเกือบลืมไปว่าท่านได้พูดว่า ให้ใส่คำว่า (ขอให้ปราศจากโรคภัยทั้งปวงเถิด) ให้ชื่อรุ่นว่า สิริมงคลนี่คือที่มาที่ไปของเหรียญรุ่นสิริมงคล เหรียญรุ่นนี้แกะได้สวยงามมาก และเหมือนใกล้เคียงมากเลยทีเดียว พอดีช่วงนั้นอาจารย์วิชา วัดเขาวงษ์หนองม่วง จ.ลพบุรี มากราบลพ.คูณบ่อยมาก เลยได้ขอความเมตตา หาปัจจัยในการก่อสร้างศาลาการเปรียญวัดเขาวงษ์ หนองม่วง จ.ลพบุรี การแกะบล็อกทุกอย่างในรุ่น สิริมงคลนี้ ลพ.คูณท่านได้มอบหมายให้ข้าพเจ้านายวุฒิชัย อรุณศิริประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินงานทุกอย่าง การตีโค้ดและหมายเลข ข้าพเจ้าเน้นเป็นกรณีพิเศษ จะต้องมีทุกเหรียญทุกเนื้อเพื่อให้สมกับการไว้วางใจในองค์ลพ.คูณ ปริสุทโธซึ่งได้มอบหมายมาและจำนวนที่ได้กราบเรียนองค์ ลพ.คูณปริสุทโธว่า

​

*****************

การอาราธนาพระทำน้ำพุทธมนต์ ​

--- ถ้าจะนำไปอาราธนาทำน้ำมนต์ไว้อาบ หรือประพรมบ้านเรือน สถานที่ สิ่งของ ให้นำพระอาราธนาจุ่มแช่ลงในภาชนะที่รองน้ำ แล้วกล่าวบท บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย หรือ บทไตรสรณคม ก็ได้ 3-5 จบ ยิ่งสวดมากกำลังใจก็ยิ่งมากขึ้นตามลำดับ แล้วอธิษฐานขอบารมีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอให้น้ำนี้เป็นน้ำพุทธมนต์ นำไปอาบ นำไปประพรม ให้เกิดความเป็นศิริมงคล....(อันใดดีดีก็สามารถอธิษฐานลงได้)....จากนั้นก็อาราธนาพระขึ้นมาจากน้ำเก็บพระไว้ดังเดิม

--- ถ้าจะเสกน้ำไว้ดื่มกิน คือพระเป็นเนื้อโลหะ จึงไม่เหมาะสมที่จะนำพระลงไปแช่เพราะอาจเกิดสารตกค้างได้ ดังนั้น ด้วยพุทธคุณแล้วให้อาราธนาไว้ในมือแล้วกล่าวบท บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย หรือ บทไตรสรณคม ก็ได้ 3-5 จบ ยิ่งสวดมากกำลังใจก็ยิ่งมากขึ้นตามลำดับ แล้วอธิษฐานขอบารมีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอให้น้ำนี้เป็นน้ำพุทธมนต์ นำไปดื่มกิน รักษาธาตุ ปรับธาตุให้หายจากโรคภัย อันเกิดแต่โรคลมก็ดี โรคกรรมก็ดีให้มลายหายไป จากธาตุขันธ์ด้วยเทอญ.... ซึ่งน้ำตรงนี้จะเสกผ่านขวดน้ำที่ขายทั่วๆไปตามท้องตลาดก็ได้ หรือ น้ำสะอาดๆในแก้วก็ได้ โดยไม่ต้องจุ่มแช่ เพราะอาจทำให้เกิดสารจากโลหะตกค้างในร่างกาย เพียงเราอาศัยผ่านบารมีพระมาที่น้ำก็ทำได้แล้ว...

--- หรือแม้จะเลี่ยมห้อยติดตัว ก็เป็นศิริมงคลครบทุกด้าน ด้านพุทธคุณ โดยเฉพาะป้องกันรักษาธาตุขันธ์
​

บทสวดมนต์ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (อิติปิโส)​

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.


สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ.​

บทสวดไตรสรณคม
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ​

 

ขอเล่าเรื่องเหรียญทำน้ำมนต์
ของวัดโพธิ์ศรี ต.เมือง อ.เมือง จ.เลย ปี 2560

​

.......ช่วงนี้อยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน ผมเลยได้ลองหาไฟร์ภาพเก่าๆในคอมพิมเตอร์ตัวเก่าดู ปรากฏเจอแบบเหรียญสมเด็จองค์ปฐม รุ่น"ทำน้ำมนต์" ที่ตนเองได้เคยช่วยงานท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี จัดสร้างเพื่อให้ศรัทธาญาติโยมร่วมบุญในกฐินปี 2560 ไว้เป็นที่ระลึก ในการร่วมบุญกฐินปีนี้

ซึ่งเหรียญที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้ถือว่าดีมากๆอีกหนึ่งรุ่นก็ว่าได้ครับ เพราะเป็นดำริของ ท่านพระครูวิมลโพธิคุณ หรือ หลวงพ่อมหาสนธิ์ สุขกาโม ตอนท่านสร้างเหรียญรุ่นนี้ท่านได้เล่าความเป็นไปเป็นมาได้หน้าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง ธรรมบารมี หรือ ธรรมโอสถ ของบารมีพระก่อนที่จะออกมาเป็นเหรียญรุ่นนี้ ให้ผู้เขียนฟังเป็นการส่วนตัว เลยจะมาขอเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานความเป็นมาของเหรียญคราวๆดังนี้ครับ

เมื่อปี พ.ศ.2557 หลวงพ่อมหาสนธิ์ท่านเล่าว่า ช่วงนั้นท่านเป็นอะไรไม่ทราบมีอาการเจ็บท้องอย่างหนัก ติดต่อกันหลายวัน ซึ่งปกติท่านเจ็บท้องแบบนี้มานานแล้วประมาณ 5-6 ปี แต่จะเป็นๆหายๆ บางครั้งฉันท์ยาแก้ปวดทั่วไปหรือยาต้มสมุนไพรก็หาย เลยปล่อยปละละเลยที่จะไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ ด้วยประกอบกับช่วงนั้น ท่านมีภาระกิจมากทั้งงานนิมนต์ ทั้งงานก่องานสร้าง มีเรื่องของบูรณะพระอุโบสถที่ยังไม่แล้วเสร็จ และศาลาการเปรียญที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ งานจึงค่อยข้างมากในช่วงอายุ 62 ปีของหลวงพ่อท่าน ซึ่งมีถึง 3 วัดที่อยู่ในการดูแลของท่าน(เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอีกด้วย)

มีอยู่วันหนึ่งท่านว่าประมาณเดือนกลางเดือนเมษาของปีนั้น ท่านตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกเหนื่อยมาก หายใจไม่ทันหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ท่านจึงตื่นขึ้นมาฉันท์ยาสมุนไพรของท่านสักพักอาการหัวใจเต้นเร็วก็ค่อยๆทุเลาลง แต่อาการเหนื่อยก็ยังมีอยู่ พอตอนเช้าก่อนที่ท่านจะออกบิณฑบาตร ท่านมีอาการปวดท้องมาก จึงลองเข้าห้องน้ำเพื่อขับถ่ายแต่ปรากฏว่า อุจจาระของท่านออกมาเป็นสีดำ มีกลิ่นคาวเลือดปนมีอาการหน้ามืด ท่านจึงแจ้งให้พระลูกวัดทราบ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด

นอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอยู่หนึ่งคืน หมอบอกว่ามีค่ามะเร็งสูง(จากการนำเลือดไปตรวจ) และจะขอตรวจร่างกายหลวงพ่อซ้ำอีกครั้ง เมื่อผ่านไป 2-3 วันหลังจากผ่านการตรวจอะไรต่างๆนาๆของทางโรงพยาบาล ผลตรวจก็ทราบว่าหลวงพ่อเป็นมะเร็งลำใส้ เพราะมีติ่งก้อนเนื้อที่ลำไส้ คุณหมอแนะนำหลวงพ่อว่าจะลองใช้เคมีบำบัดดูก่อน เพราะหลวงพ่ออายุมากการผ่าตัดคงจะลำบาก ลองให้เคมีบำบัดไป 6 ครั้ง ถ้าอาการดีขึ้นค่ามะเร็งลดลงก็ไม่จำเป็นต้องผ่าก็ได้(เนื่องจากติ่งเนื้อเล็กมากๆ)

หลังจากที่หลวงพ่อให้เคมีบำบัดไปหนึ่งครั้ง ท่านมีอาการแพ้มาก ทั้งอาเจียร ทั้งเหนื่อยอ่อน ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจใดๆได้เป็นอาทิตย์ น้ำหนักลดฉันท์ไม่ค่อยจะได้ จนท่านปรงใจว่า "โธ่น่อ...ทำไมเกิดมาอัตภาพร่างกายทุกข์เข็นขนาดนี้ แก่ชราถือว่าลำบากแล้ว นี้มาเจ็บป่วยไข้อีก" ในขณะที่ท่านปรงสังขารอยู่อาสนะที่นอนของท่านในห้อง ท่านได้หันหน้าไปทางแท่นที่วางรูปหล่อพระพุทธรูป "สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นพระบูชาของท่าน ที่ประจำไว้ในห้อง แล้วท่านอธิษฐานว่า "กระผมพระสนธิ์ บวชมาได้40พรรษา ถ้าพอจะมีความดีอยู่บ้างก็ขอบารมีธรรมแห่งองค์พระพุทธเจ้าโปรดเมตตาให้หายจากทุกขเวทนาที่เกิดครั้งนี้ด้วยเทอญ ด้วยตัวกระผมไม่ได้คิดกลัวตาย บวชมาก็เพื่อสละชีวิตให้ทางธรรมอยู่แล้ว แต่ด้วยมีเหตุจำเป็นอันงานการทางศาสนายังค้างคาอยู่มาก แต่ถ้าด้วยกระผมมีกรรมวาระเพียงเท่านี้ก็ขอให้ตายไปเสีย ด้วยจะให้หนีจากเวทนานี้ด้วยเทอญ" จากนั้นท่านก็ยกมือขึ้นหัวในขณะที่นอนอยู่...

ไม่นานทุกขเวทนานั้นของท่านก็หายไป จนทำให้ท่านนอนหลับได้สนิทหลังจากให้เคมีบำบัดมา2วัน หลวงพ่อท่านเล่าว่าคืนนั้นท่านฝันแปลกมากท่านฝันว่า "หลังจากที่ท่านมองพระพุทธรูปองค์ปฐมแล้วหลับตานอน ท่านรู้สึกอีกทีก็เห็นพระพุทธรุปองค์ปฐมนั้นอีกครั้งในฝัน ซึ่งท่านบอกว่ารู้แน่ว่าในฝัน เพราะพระพุทธรูปองค์ปฐมที่ปรากฏต่อหน้าท่านองค์ใหญ่มากๆ ท่านบอกว่าใหญ่กว่าตึก 4 ชั้นเสียอีกมีแสงรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศทาง" ท่านจึงได้นั่งลงแล้วก้มลงกราบพระพุทธรูปองค์ปฐมใหญ่นั้นสามครั้ง พอท่านเงยหน้าขึ้นหลังจากก้มกราบครั้งที่สามแล้ว ท่านสังเกตุว่า "มียันต์บางอย่างติดอยู่ที่ฐานพระพุทธองค์ปฐม" ท่านมีความสงใสว่าเป็นแผ่นยันต์อะไร ท่านจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ท่านยืนดูอยู่สักพักมีเสียดังขึ้นมาว่า "ให้เอาไปรักษาโรค" ท่านก็ยกมือพนมขึ้นจากในฝัน จากนั้นท่านก็ตื่นขึ้นมา ท่านบอกว่าในขณะที่รู้สึกตัวตื่นขึ้น มือของท่านยังยกมือพนมอยู่เลย

พอท่านตื่นจากฝัน วันนั้นท่านบอกว่าร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นอย่างผิดปกติ ดีกว่าวันที่ให้เคมีบำบัดมา2วันก่อน แต่มีอาการเหนื่อยอยู่บ้างแต่ก็สามารถฉันท์อาหารได้ ทั้งวันนั้นท่านบอกว่า "ท่านนั่งพิจารณาอยู่นาน เกี่ยวกับเรื่องยันต์ในฝัน ท่านจำได้แม่นเลยว่า ตัวไหนอักขระจัดว่างยังงัย เพราะเหมือนเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วแต่จำไม่ได้ แล้วควรเอาไปทำอย่างไรที่ท่านบอกว่า ให้เอาไปรักษาโรค" เมื่อท่านพิจารณาอยู่นาน ท่านจึงบอกให้ลูกศิษย์ไปซื้อแผ่นทองเหลืองมาให้ แล้วท่านก็นำมาจารยันต์ตามที่ท่านฝันลงไปในแผ่นทองเหลืองท่านบอกว่า "จำได้แม่นว่าแบบนี้" แล้วท่านก็นำแผ่นจารนั้นเอาลงไปไว้ในโอ่งน้ำดินเผา(ซึ่งหลวงพ่อท่านยังใช้กระบวยตักน้ำฉันท์ในโอ่งดินอยู่) แล้วเอาน้ำต้มสุกมาเทลงโอ่งฉันท์ดื่มประจำ...

ท่านบอกกับผู้เขียนเองเลยว่า "แปลกมากคุณโยม(คุยกับผู้เขียน) หลังจากที่อาตมาฉันท์น้ำมนต์ที่เอาแผ่นยันต์ลงไปนี้ อาการของอาตมาดีขึ้น ดีขึ้นทุกวันนะ เอ๋แปลกทีแรก คิดว่าหรือเพราะยาเคมีนะ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะพึ่งให้ยาครั้งแรก หมอก็บอกว่ายังไม่เห็นผลแต่อาตมาแพ้มากนี้ จะให้ทำงัย"

หลังจากนั้น 2 เดือนหลวงพ่อจะต้องไปให้เคมีบำบัดครั้งที่สองตามหมอนัด ครั้งนี้ปรากฏว่า ท่านบอกลูกศิษย์ว่า "ไม่ไปแล้ว ไม่ไหวจะตายก่อน ไม่ได้ตายเพราะมะเร็งละ แต่จะตายเพราะยานี้แหละ ไม่ไปละหายแล้ว" ทำเอาลูกศิษย์มึนงง หลวงพ่อไม่ย้อมไปรักษาตามหมอนัด แถมยังออกไปทำงานคุมงานก่อสร้างตามปกติ บิณฑบาตรได้ ฉันท์อาหารได้ รับกิจนิมนต์ทางไกลๆได้ตามปกติ โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้าเลย อาการเจ็บท้องเรื้อรังก็หายไป หลวงพ่อไม่ฉันท์ยาต้มนับแต่นั้นมา....

ผู้เขียนกราบเรียนถามท่านว่า "หลวงพ่อเสกน้ำมนต์ดื่มนี้ใช้คาถาอะไรครับ" ท่านบอกว่า "อาตมาไม่ได้ใช้คาถาอะไร เอาแผ่นจารยันต์ที่เห็นในฝันไปแช่ในโอ่งเท่านั้น แล้วก็ฉันท์ดื่ม...."

***ผ่านไป 1 ปีกว่าๆก็มีเหตุให้หลวงพ่อสนธิ์ท่านต้องได้เข้าโรงพยาบาล ด้วยท่านกำลังคุมงานก่อสร้างศาลาอยู่นั้น อยู่ๆท่านก็เดินไปเหยียบตะปูเข้าเลือดออกมาก ลูกศิษย์จึงส่งตัวท่านไปที่โรงพยาบาลเพราะกลัวท่านจะติดเชื้อ พอไปถึงที่โรงพยาบาลหลังจากทำแผลอะไรเสร็จคุณพยาบาลก็เข้ามาบอกหลวงพ่อว่า ขอให้รอก่อนอย่าพึ่งกลับวัด เพราะคุณหมอตรวจดูประวัติหลวงพ่อ(ที่ทางโรงพยาบาลเก็บไว้) ที่หลวงพ่อไม่มาเข้ายาเคมีตามนัด คุณหมออยากขอตรวจหลวงพ่ออีกรอบ หลังจากที่นำตัวท่านไปตรวจร่างกายตามหมอสั่ง ผลปราฏว่า ติ่งในลำใส้หลวงพ่อหายไป(คุณหมอยังคิดว่าหลวงพ่อคงไปรักษาที่โรงบาลอื่น) ค่ามะเร็งลดลงเป็นปกติ นอกจากหมอจะไม่ถามเหตุผลแล้ว(เพราะคิดว่าหลวงพ่อคงไปรักษาที่อื่นโดยไม่ขอประวัติจากโรงบาล) หมอยังบอกว่า "หลวงพ่อหาย(มะเร็ง)แล้วนะครับ แต่ก็ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี เพราะมะเร็งอาจกลับมาเกิดอีกครั้งได้..." จากนั้นก็ให้ท่านกลับวัด...

ในปี 2560 ท่านจึงดำริจัดสร้างเหรียญ "สมเด็จองค์ปฐม" รุ่นทำน้ำมนต์ขึ้น โดยได้นำยันต์ที่ท่านฝันมาไว้ด้านหลังเหรียญโดยการ "ยิงเรเซอร์" ทีแรกผู้เขียนถามท่านว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่ทำบล็อกด้านหลังอีกตัวเป็นรูปยนัต์" ท่านบอกว่า "เอาไปยิงเรเซอร์นะดี จะได้เหมือนรอยจาร และ อยู่ได้คงทนกว่าเหรียญปั้ม(เพราะเหรียญปั้มยันต์อาจสึกได้นานๆไป)"

ในกฐินปีนั้นท่านได้ปัจจัยจากการบูชาเหรียญถึง 12 ล้าน จนสามารถสร้างศาลาการเปรียญ 3 ชั้นแล้วเสร็จท่านบอกอีกว่า "นอกจากทำน้ำมนต์แล้ว ยังมหาลาภด้วย" เพราะ
-ยันต์ตัวในเป็นยันต์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ "นะโมพุทธายะ"
-ยันต์รอบนอกเป็นยันต์ พระสิวลีมหาลาภ "นะชาลีติ"

ท่านกล่าว่า "แม่ค้า คนขายของแถวนี้ทำน้ำมนต์ ประพรมหน้าบ้านทั้งนั้นแหละ เห็นไหมขายดีกัน ขนาดเศษฐกิจไม่ดีนะนั้น ขายหมดทุกวัน...ฮ่าๆ(ท่านหัวเราะไปพราง)"
​

เหรียญทั้งหมดจัดสร้างเนื้อเดียวคือทองแดงรมดำจำนวน 1000 เหรียญ ออกให้บูชาช่วงนั้น องค์ละ 80 บาทเท่านั้น แต่กฐินในปีนั้นเจ้าภาพต่างหามาคนละหลายแสน หลายล้านเลยได้แจกออกไปจำนวนพอสมควร

- พิธีอธิษฐานจิตเดียวโดย ครูบาอาจารย์ 7 องค์
- หลวงปู่เทือง ญาณธโร วัดโพธิ์ชัย 1/5/2560
- หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ 28/4/2560
- หลวงตาวิลาศ ปสาทิโก วัดวาริทราวาส 3/5/2560
- หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต วัดถ้ำคูหาวารี 5/5/2560
- หลวงปู่เผย ธัมมัจฉันโท วัดป่าเจริญธรรม 12/5/2560
- หลวงปู่อร่าม ชินวังโส วัดถ้ำแกลบ 10/5/2560
- เมตตาอธิษฐานจิตองค์สุดท้ายแบบขอบารมีพระ พระครูวิมลโพธิคุณ(หลวงพ่อมหาสนธิ์ สุขกาโม) วัดโพธิศรี

****โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เป็นความเชื่อส่วนบุคคล****​

 

*******​

 

ขอร่วมบุญ 10 เหรียญครับอาจารย์

 

ขอร่วมบุญ 2 เหรียญครับ

 

ขอจอง5เหรียญครับอาจารย์

 

จอง 10 เหรียญครับ