ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

นักรบลาดตระเวณของกองทัพทมิฬ
ควบม้าอันสมบูรณ์นั้น อย่างร้อนใจ
ไม่น่าเชื่อว่าชาวไทยที่แสนอ่อนแอ
จักล้มกองทัพทมิฬ 50 นายได้
หรือมีเรื่องร้อนอันใดกันแน่

พวกมันแยกไปหนึ่งเพื่อไปแจ้งข่าวแก่หัวหน้ากองทัพทมิฬ
อีกสี่คน รีบควบม้าเต็มฝีเท้าม้า

และพวกมันก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง
นักรบทมิฬคนหนึ่งที่สภาพราวกับคนเสียสติ
มันวิ่งหกล้ม หกลุก ดวงตาเหลือกถลน
ดาบกับอาวุธต่างๆหายไปจนสิ้น

เท้าของมันมีเลือดออก ราวกลับไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าไหร่
มันเกือบจะวิ่งมาให้ม้าเหยียบตาย

หยุด พวกนักรบทั้งสี่ กระชากม้าอย่างแรง
ม้าพวกมันยกเท้าขึ้น แต่ก็ไม่ทัน
ม้ากระทืบลงไปที่อกของนักรบที่โดนภูติพรายหลอกจนสิ้นสติ

มันไม่ตายแต่สลบไป

นักรบทมิฬจึงจำใจต้องพามันขึ้นหลังม้าไปสอบที่ค่ายใหญ่
พวกมันที่เหลือสามคน รีบควบม้าด้วยใจร้อนรน

จนถึงที่พักแรมคืนนั้น ซากศพม้านับสิบตัว

หัวของหัวหน้ากองทัพทมิฬ ศพนักรบทมิฬ
สภาพค่ายแตกพ่ายอย่างสิ้นเชิง
และที่มันแปลกที่สุด ไม่มีศพของเชลยซักนิด
มีร่องเรือยเชือกที่ถูกตัด และล่ามเป็นสายยาว

เชือกมัดเชลยไว้ด้วยกันแต่บัดนี้เหลือแต่เชือก
เมื่อตามรอยเท้าม้าไป แสดงว่าพวกมันขโมยม้าไปด้วย

อ้ากกกกกกกกกก พวกมันร้องโหยหวน
ด้วยความคลั่งแค้น

พวกมันเป็นใคร ทำไมสภาพค่ายสับสนเช่นนี้
เกิดอะไรขึ้นกับนักรบที่โดนม้าเตะสลบ
สภาพมันราวกับคนเสียสติ

พวกมันติดสินใจ กลับค่ายใหญ่
ไปปรึกษาจอมขมังเวทย์
ต้องมีผู้มีวิชา อยู่ที่ค่ายลพบุรีแน่นอน

แค้นนี้พวกกูจักมาเอาคืน
แล้วพวกมันก็หยิบหัวของหัวหน้าทัพทมิฬที่โดนตัด
ห้อยไปกับอานม้า และควบม้าเร็วและแรงกว่าขามา
ด้วยใจอาฆาต พยาบาท

 

พวกมันควบม้าทั้งวันทั้งคืน
และไปถึงค่ายใหญ่แห่งทัพทมิฬ ในราตรีอันมืดสนิท

ที่ค่ายลพบุรี สิงห์นั้นหลับไปในราตรี
หลังจากสวดมนต์ คาถา จากคำภีร์ใบลานจนขึ้นใจ
สิงห์ยังพบคาถา กำกับภูติผี
จึงได้เรียกภูติผีมาอบรม
ห้ามทำเกินที่นายสั่ง
เช่นเปิดประตูรับแม่เอื้อม
และยังได้ใช้ผี ไปสะกดแม่เอื้อมให้หลับไหลในราตรี

สิงห์หลับไป พลันได้ยินเสียงภูติเรียก

นายแห่งข้า จงตื่น ราตรีนี้ เราจักต้องสู้ศึก

สิงห์กระโดดขึ้นนั่ง เตรียมจับดาบ
พลันปรากฏในนิมิต เห็นภาพชายคนหนึ่ง ปล่อยผมยาวรุงรัง
มันนั้นมีใบหน้าปรุประ และที่คอห้อยสร้อยประคำยาว
เม็ดประคำแต่ละเม็ดทำจากไม้สีดำ และมีกระดูกสัตว์
และหัวกระโหลกคนที่หดลงจนเหลือเท่ากำปั้นห้อยอยู่
แลลูกประคำเส้นที่สาม เป็นลูกประคำขนาดเล็ก
แต่มีแผ่นกระโหลก ประมาณเท่าฝ่ามือ ห้อยอยู่
มันคือ ปั้นเหน่งอาถรรพ์!!!
ตัวมันเต็มไปด้วยรอยสักยนต์ ทั้งเนื้อตัว แขนขา
และบางส่วนของใบหน้า มีรัศมีอำมหิต และมืดดำ
รอบตัวมันลายล้อมไปด้วย ภูติโหงพราย
แล้วมันก็ลืมตาขึ้น ราวกลับรู้ว่าสิงห์จ้องมันอยู่

 

สิงห์นั้น ยกดาบขึ้นเหนือหัว
แล้ววางไว้บนหิ้งเช่นเดิม

แล้วกำหนดจิตลงสู่สมาธิ
ในจิตสิงห์นั้น พลันปรากฏภาพ ขรัวอินทร์
ท่านนั่งสมาธิหลับตาบริกรมคาถา และมือท่านอุ้มบาตรอยู่
ท่านบริกรรมคาถา แล้วเป่าลงไปในบาตร
แล้วก็หยุด หยิบฝาบาตรมาปิด

แล้ววางไว้ที่หิ้ง

เจ้าภูตกระซิบบอกว่า จะรอช้าอยู่ใยละพ่อ
เปิดบาตรซี เจ้าดำหัวหน้าแห่งภูติทมิฬ จักได้ออกมา

สิงห์ยกมือขึ้นเหนือหัว แล้วหยิบบาตรลงจากหิ้ง
บาตรนี้อยู่ในเรือนมานาน แต่สิงห์คิดว่ามีพระอยู่
จึงไม่ได้สนใจค้นหา เมือเปิดในบาตร สิงห์ก็พบ...

หุ่นพยนต์ ขี่ควายธนู เป็นหุ้นที่ปั้นจากดินเจ็ดป่าช้า
พันด้วยด้ายอาคม ลงยันต์ และฝังตระกรุด
ส่วนควายธนูนั้น ปั้นด้วยดินเช่นกัน
และลงยันต์อักขระดูเข้มขลัง

เพียงแค่จับก็ให้ใจสั่น

เมื่อมือสัมผัสมือ กลับปรากฏ ภูติตนนั้น กายดำสนิท
ที่หน้าอก และลำตัว มียันต์ส่องแสงอยู๋ มันนุ่งผ้าแดงผืนเดียว
ดวงตา ก็เรืองแสงสีแดง ส่วนเจ้าควายธนู นั้นมันยกขาข้าหนึ่งราวกับม้า
ที่จมูกของมันราวกับมีไอหรือควันสีขาว และควันนั้นก็ลอยจากปากมัน
หัวมันก้ม ราวกลับจะพุ่งชน เขานั้นใหญ่ยาว โค้งสวยงาม
แต่ควายนั้น กลับมีรัศมีสีแดง แผ่ออกมา ให้ดูน่าเกรงขามนัก

พี่สิงห์ บัดนี้พี่เป็นนายข้า ตามที่ขรัวอินทร์สั่งข้า
ไม่ว่าใครคิดทำร้ายนายข้า มันต้องตายยย

สิงห์นั้นเพ่งพิศ หุ่นนั้นถือดาบสองมือ และห้อยธนูไว้ที่หลัง

 

หุ่นพยนต์กับควายธนูในฝัน ตัวไม่ใหญ่เหมือนสมัยนี้
หุ่นสูงแค่ประมาณสามข้อนิ้วผญ แลุควายธนู ก็ยาวประมาณนั้น
หน้าตาก็ไม่ได้สวยงามมาก ถูกพันทับด้วยเชือก เมื่อจับดูเหมือนมีคราบ
เหมือนสีผึ้งเคลือบอยู่ เหมือนคราบเทียนที่แข็งตัว

 

จอมปลวก(ประตูมิติ) ณ วัดระหาน

 

หลวงตาผู้อารีย์ ณ.วัดระหาน

 

เมื่อคืนฝันไป ขับรถไปบนถนนมืดสนิท
เมื่อมองไปมือที่จับพวงมาลัยกลับพบว่า รถมันใหญ่ๆแฮะ
อ้าวขับรถใครวะเนี่ย ไม่ใช่รถเรา (จขกท ขับรถกระป๋อง คันเล็ก อิอิ)
มองไปที่พวงมาลัย Benz อั้ยยะ
มองไปที่แผงคอนโซรล ฮั่นแน่ ดิจิตอลซะด้วย

เจอร้านข้างทางเพิงหมาแหงน
รู้สึกหิวเลยจอดกินซะงั้น
(เป็นพวกชอบจอดแวะกินข้างทาง
เน้นบรรยากาศแบบท้องทุ่ง
ขับเบ็นซ์ แต่อาจแวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระข้างทาง 555 )

ลงมา เลยเดินชื่มชมรถใหม่
สีดำ ล้อแม็คใหญ่สีเงินชุบ
แหล่มมากกกกกก
(แม็ค เหมือนรูปที่ 3
เป็นพวกแพ้แม็ค ถ้ามีเงินคงต้องจัดไป)

แต่จุดที่สำคัญ ขณะกำลังเคลิ้มกับรถในฝันตัวเอง
ก็ปรากฏภาพบนท้องฟ้า รูปสมุดไม่มีเส้น มีลายมือหวัดๆ เขียนเรื่องราวที่จารุทำ
คนเขียน วงกลมสีแดงเต็มข้อความที่จด
ที่เขียนล่าสุด พาผู้คนพิมพ์บทสวดมนต์
แล้วก็บ่นว่า ท่านทำแต่บุญ สวดมนต์นั่งสมาธิก็ละเลย
ดูซิ อย่างนี้ต้องริบรถคืน!!!

เราก็เฮ้ย ไรว้า ลำเอียง
เสียงบนฟ้าบอกต่อไปว่า อย่านึกนะว่าทำดียาวเป็นเล่มๆ
แล้วจะได้กลับมาง่ายๆ เราจับตาดูท่านอยู่

เราก็ตะโกนบอกว่า ท่านก็เหมือนกันอย่าให้รู้นะว่าเขียนลำเอียง
ระวังเหอะ จะฟ้องซะเลยย

แหะ แหะ ในฝันนักเลงตลอด
ตื่น แต่ในฝันมือกำกุญแจรถแน่นเลย 555++

แค่ขับในฝันยังฟินเลย
เหมือนจริงมาก เกียร์ถอยหลังจอดต้องยกขึ้นก่อน เกียร์ออโต้ ที่ข้างพวงมาลัย

 

หรือว่างวดนี้ จขกท จะถูกหวย

 

สังเกตุพระปฏฺิบัติ ผิวพรรณผ่องจากข้างใน มีกระแสเมตตา
เเม้เนื้อตัวเหี่ยวย่น หลวงตาที่วัดระหาร กระดูกท่านส่องประกายสดใส
ตายไปคงเป็นพระธาตุเช่นเดียวกัน ป.ล.ความเห็นส่วนตัว

 

สวดภานยักษ์

ใครเคยฟังสวดมาบ้าง จารุเคยฟังในเน็ต

https://www.youtube.com/watch?v=uKRsRq3baHg

ลองเปิดฟังนะ แต่อย่าออกลำโพงล่ะ ใส่หูฟังก็พอ

 

เคยไปร่วมพิธืมาแล้ว อาจารย์ห้ามไม่ให้ไปเข้าร่วมพิธี แต่อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงก็เลยลองไปดู ไปแล้วก็ไม่เห็นมีไร เสียแต่ตังค์ แต่ไม่เป็นไรถือว่าร่วมทำบุญ 555+

 

ฟังแล้ว ไฟลุกอ่ะ ร้อนตามแนวกระดูกสันหลัง แล้วไปทะลุที่แกนกลางสมอง
ออกท่อที่กระโหลกศรีษะด้านบน มันก็โล่งดี เห็นภาพยักษ์และอสูร
นั่งคุกเข่าข้างเดียวก้มหัวเต็มไปหมด พอช่วงหลังๆ ก็เย็นสบายย
ถึงเสียงสวดจะดุดันก็ตาม

 

ที่แม่หญิง jarujun ไม่ยอมเปิดเผยใบหน้านั้นก็เพราะกลัวว่าหนุ่มๆใหน web นี้จะหลงเสน่ห์ ขอบอก อิอิ:boo:

 

แหม พ่อเข้ม ฮาได้อีก ป้าเกรงใจกลัวเปิดเผยแล้วมีคนนอนไม่หลับ
ป้าเล่าเรื่องออกจะโหด หุ่นพยนต์ ควายธนู มันไม่เข้ากับใบหน้าอันกลมแป้นของป้า อิอิ

 

คุณ มหาเมตตา โอนเงินร่วมบุญพิมพ์หนังสือสวดมนต์ ยอดโอน 560 บาท โอนวันที่ 6/3/15 เวลา 13:22 นาฬิกา โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. หนังสือสวดมนต์ เล่มเล็ก 11x20 = 220 บาท
2. หนังสือสวดมนต์ เล่มกลาง 17x20 = 340 บาท
รวมทั้งหมด 560 บาท

และขออนุโมทนาในการเผื่อแผ่บุญในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ!

 

@dawlong
เงินในบัญชี เข้า 200 นะคะ ดูจากยอดแจ้งทาง SMS ในโทรศัพท์ค่ะ

 

ขอเล่าเรื่องฝันผีอำให้พิจารณา

ผมเป็นคนที่นอนหลับ แล้วชอบฝันโดนผีอำ
เป็นมานานตั้งแต่ยังเด็กเล็ก จนโต เป็นประจำ แต่ไม่สม่ำเสมอ คือ นานๆ ครั้ง
แม้แต่ 30 กว่า ก็ยังเป็น ปัจจุบันไม่ค่อยเป็น

ลักษณะอาการ บีบคั้น กดดัน กดรัด ไม่เป็นอิสระ
ตอนเด็กกลัว พอโตหน่อยแล้วสู้ โดยการสวดมนต์ในใจ จนหาย แต่เหนื่อย
เคยปล่อยให้อำ ให้อำให้หนำใจ เพราะจิตบอกว่าเป็นความฝัน
แต่ไม่ยอมหยุดอำเสียที จึงสู้โดยการสวดมนต์ จนหาย
มีครั้งหนึ่ง กำหนดให้อำ จิตกำหนด ตามสบาย ๆ อำตามสบาย ๆ ๆ ๆ ถ้าตายก็ยอมตาย พิจารณาความตาย จนเลิกอำ

อีกลักษณะอาการหนึ่ง คือจะฝันว่าเราขึ้นลิฟท์ แล้วไปเจอบุคคล ๆ หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ ลักษณะองอาจผ่าเผย เป็นผู้ที่ดูแล้วน่าเกรงขาม เป็นผู้ที่มีอำนาจ
ในฝัน เราเกรงกลัวบุคคลผู้นี้มาก และบุคคลผู้นี้จะเข้ามาทำร้าย เรากลัวมากจึงวิ่งหนี
ซึ่งก็จะฝันทำนองแบบนี้ซ้ำๆ เหมือนกับฉายหนังเรื่องเดิม ม้วนเดิม เป็นเหตุการณ์ฝันในช่วงตอนที่โตแล้ว ซึ่งก็เป็นมาตลอด นานๆ ครั้ง

หลังจากได้บวช ฝึกจิต บำเพ็ญภาวนา (ตอนบวชไม่ฝัน) และได้ลาสิกขาแล้ว ก็ยังฝันทำนองนี้ แต่ก็หายได้เร็ว(สวดมนต์กำหนดจิต) ไม่ช้าเหมือนสมัยก่อนตอนที่ยังไม่บวช

มีครั้งหนึ่ง(คือช่วงหลังจากสึกแล้ว) ได้ฝันว่าขึ้นลิฟท์ ขึ้นบันได แล้วไปเจอบุคคลท่านนี้อีก แต่จิตเรากล้าแกร่งขึ้นกว่าเดิม เกิดอารมณ์โมโหฉุนเฉียว ว่าฝันแบบนี้อีกแล้วซ้ำๆซากๆ จะไม่ขอหนีอีกแล้ว จึงเข้าไปท้าชกท้าต่อย บางครั้งก็ใช้อาวุธเข้าต่อสู้โรมรัน อาวุธก็ไม่รู้มาจากไหน พอนึกก็มาเลย ก็มีทั้งได้ปะมือกันบ้าง ได้ฟันกันบ้าง แต่ก็ตื่นเสียก่อน เมื่อตื่นแล้ว ก็นอนต่อโดยนำดาบ(ของจริง)มาถือ และกำหนดจิตหลับ และขอท้ามาสู้กันในความฝัน(โมโห) ซึ่งก็ไม่เป็นตามนั้น

ปัจจุบันไม่ได้ฝันเช่นนี้อีกแล้ว เพราะจากกลัว จึงกลายเป็นสู้ และไม่กลัวอีก แม้แต่ผีที่ชอบอำ เราก็ส่งพลังจิตโต้กลับไป(ไม่ได้สวดคาถา) บางครั้งก็ได้ชกได้ต่อย

อีกรูปแบบหนึ่งมาเป็นสุนัข หรืองูตัวใหญ่ เมื่อเราโมโห ใช้สองมือจับปาก แล้วฉีกร่างแยกออกเป็น 2 ท่อน แต่ไม่ค่อยฝันบ่อย เพราะเหมือนจะรุ้ว่าถ้ามาอีกก็จะโดนจับฉีกอีก

ปัจจุบันขณะนี้ จะปฏิบัติธรรมสวดมนต์ แผ่บุญกุศล แม่เมตตาให้เจ้ากรรม นายเวร ให้ศัตรูคู่อาฆาตพยาบาท แม้แต่ท่านบุคคลที่อยู่ในฝัน ก็ยังมีมาเห็นลางๆ ก็แผ่ไปให้ แต่ถ้าเกิดจะมาทำร้ายก็ขอสู้ เพราะไม่กลัว

โอกาสหน้าจะมาเล่าเรื่อง บุเรงนอง ที่จิตเรา ที่ผ่านมาแต่ก่อน คิดไม่ดี เคยขอท้าสู้กับท่าน เคยคิดจะเอาดาบฟันรูปปั้นท่าน คือ ถ้าลองได้โกรธแล้วนี่ไม่กลัว จิตนี้น่ากลัวเหมือนกัน
ปัจจุบันศึกษาธรรม จนพอจะเข้าใจอะไรเป็นอะไร คือ กรรม และย่อมเป็นเช่นนั้นเอง

สาธุ อนุโมทาครับ
เนื่องจากกระทู้นี้ มีภูติผีวิญญาณเข้ามาอ่าน (จขกท. เขาว่า)

บุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าทำแล้วในอดีต ปัจจุบัน และกระทำต่อในอนาคต ขอบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้จงมีแด่ท่านทั้งหลาย
กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ที่ีข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อท่านทั้งหลาย โดยรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี
ขอให้ท่านทั้งหลายจงอโหสิกรรม และโปรดงดโทษซึ่งล่วงเกินอันนั้น
เกิดชาติหนึ่งภพใด อย่าได้มีทุกข์โทษเวรภัยอันตรายซึ่งกันและกัน
และขอให้ข้าพเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล เพื่อยังประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งหลายในภายภาคหน้า

 

มีคนโอนเงินมา 299 ยังหาชื่อผู้โอนไม่ได้ค่ะ ถ้าหาไม่พบ ขออนุญาต
ใส่ชื่อเป็นผู้ไม่ประสงค์ออกนามนะคะ

 

อิอิ สมัยก่อน อาจารย์ผมท่านจะทำการขนย้ายพระ จากเหนือมา หนองบัวลำภู...อาจารย์เขาก็ให้ผม มาออกประกาศข่าวบอกบุญในเวปนี้แหล่ะ แต่อาจารย์กำกับผมมาว่า ห้ามอธิบายอะไรมากมาย ให้บอกแค่ว่า ใครอยากทำบุญร่วมก็ ร่วมบริจาคทานมาร่วม โดยห้ามอธิฐานขอพรใดใด ทั้งสิ้น...ให้ผมรับหน้าเสื่อ แค่ประกาศรับเงิน แล้วโอนเงินต่อไปให้อาจารย์ผมที่เชียงใหม่.... ก็มีคนดีดีหลายคนที่เขาร่วมบุญร่วมบริจาค ด้วยใจ.....แต่ก็ยังมีพวกชิงหมาเกิดหลายคนครับ ที่พวกมัน เข้ามาเล่นงานผมต่างๆนาๆ ว่าผมเป็นพวกหลอกแดก ต้มตุ๋น โกหกหลอกลวง.....อิอิ พวกชิงหมาเกิด เยอะครับ แถวนี้ แบบว่าไม่ทำแต่ เอาตีนราน้ำ

อิอิ เล่าสู่กันฟังครับ ไม่มีอะไรจ้า

 

และพวกชิงหมาเกิดพวกนี้ มันก็ไส่ไข่เติมแต่งเรื่อง ของผม จนคนอื่นอ่านแล้วเข้าใจผิด เข้ามาด่าผมมากมาย....อิอิอิ

ผมว่า กรรมที่พวกมันเคยกระทำกับผม มันคงจะมีผลกับพวกมันมั่งนะ อิอิ

ผมว่า พวกชิงหมาเกิดพวกนี้ น่าจะได้รับกรรมอย่างสาสม นะครับ (สะใจผม)