ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

กำไรสำริดนั่นมีอะไร แค่แว๊บแรกที่เห็นจะอ้วกจริงๆนะ ลองเปิดดูหลายๆครั้งก็จะอ้วก ว่าแต่เมื่อไรจะเล่าต่อครับ อโยธยาน่ะ ชอบอ่านนิทาน บางทีอาจจะมีบางตอนคล้ายนิทานผมบ้างก็ได้ 555+

 

ค่อยๆ มาทีละคน สองคน
@ท่านแม่ทัพ ยังไงๆ ก็ยั้งมือบ้าง เค้ากลัว

คืนนี้จะกลับอโยธยา แต่เนื่องจากหลังจากเล่าเรื่องคืนที่สองไป

เหมือนจะไปปลุกบางอย่างขึ้นมา เลยหลอนว่าถ้าตูเล่าคืนที่ สาม

จะเกิดไรขึ้น ชาตินี้ของอะไรยังไม่มีซักอย่าง
ร้องเพลงรอ หลับก็ฝันหวาน ตื่นยังเพ้อครวญ เพ้อไปว่ากองทัพผีมาชวนไปรบ งานเข้า ณ จุดนี้

 

อย่ากลัวผี แต่ให้แผ่พลังแสงแห่งดอกบัวให้
แต่ถ้าผีตนใด แรง ไม่ยอม ก็กำหนดส่งผีตัวนั้น มาให้ผม ผมจะจัดการเองครับ

 

ฝันถึงกองทัพผี

เป็นลานดินโล่งๆ กว้างกว่าสนามบอล เรานั้นนั่งสมาธิอยู่กลางลาน แต่คราวนี้
ดันใส่ชุดนอน ไม่ใช่ชุดขาว ดีนะที่มันเป็นชุดเรียบร้อย

ลมเย็นยะเยือกพัดมา มองไปรอบๆ เป็นป่าพุ่มเตี้ย คล้ายกระถิน ผสมกับป่ากล้วย
ดินที่นั่นเป็นสีส้มอ่อนๆ

มองไปเป็นผีเป็นร้อยตน แต่งชุดนักรบโบราณ ร่างกายกำยำมัดกล้าม สภาพเลือดอาบ
แขนห้อยบ้าง หัวห้อยบ้าง คือหัวไม่ได้ขาด แต่ห้อยอยู่ เสื้อผ้ากะรุ่งกะริ่ง ทุกตนตาดุมาก
เมื่อสังเกตุเหมือนพวกเค้านั่งตรงข้ามกับเรา จ้องหน้าเรานิ่ง บางตนเพิ่งขึ้นจากดิน บางตนที่ห่างๆ ไปก็กำลังโผล่หัวมาจากดิน เป็นที่น่าครั่นคร้าม แต่เราไม่กลัว

กลับรู้สึกเวทนามาก ไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำตาในฝันมันไหลออกมาโดยไม่มีเสียง
มันเศร้าจับจิตจับใจ

คืนนั้นคืนเดือนมืด บรรยากาศหวีดหวิว ในฝันร้อนระอุ ลมพัดทรายเข้าตา

แล้วอยู่ดีๆ ก็มีพระองค์หนึ่งลอยลงมา ตัวท่านสว่างจ้า ไม่ใช่สีขาว สีส้มอมทอง

แล้วท่านก็ว่า เอ้าได้เวลาแล้ว ลุกขึ้น พอเราลุกยืน ผีพวกนั้นที่ผุดมาจากดิน ก็ค่อยๆลุกเดินตาม หลวงพ่อสอนเราเดินจงกรม ยก ย่าง เหยีบ

เราก็ทำตาม ผีก็ทำตาม พอเราเดินได้เอง หลวงพ่อก็ลอยขึ้นไป เราร้องเรียก
ท่านว่า จงทำหน้าที่ของเจ้าซะ มีคนรอคอยเจ้าอย่างทุกข์ทน มานานแสนนาน
เรามองไปที่พวกผี พวกเค้าหยุดเดินตามเรา หลวงพ่อหายไป ราวกับเมฆที่บดบัง
พระจันทร์หายไป ฟ้าเปิด เราเริ่มเดินนำกองทัพผีของเรา เดินต่อ ค่อยๆมีผีผุดมา มืดฟ้ามัวดิน ไม่หยุด แล้วก็ตื่น

 

เขาให้เกิดมาเป็นผู้ให้....ไม่ไช่เกิดมาเป็นผู้เอา ผู้อยาก .....อิอิ อะอะ อุอุ

 

ให้ความจริง ให้ปัญญา ให้บุญบารมีที่ท่านมี แก่จิตวิญญาณเหล่านั้น เท่าเทียมกันทุกตัวตน เสมอเทียมตัวท่าน เป็นการชดใช้ จนหมดทุนที่ตนเองมี ไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีอะไรติดค้าง....จงเมตตาและรักพวกเขา เท่าที่ .....ท่านเคยรักตนเอง

 

ผู้นำสงคราม คือ ผู้นำคนอื่นไปตาย คือผู้ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก คือผู้ที่ทำลายความสงบสุขความรักความอบอุ่นของคนอื่นเขา.....แต่ก่อน บริวารให้ใจมา...ตอนนี้ถึงครา หัวหน้า ให้ความจริง ความสุข อิสระ ตอบแทนพวกเขา...มันคือ หน้าที่..ที่ควร..กระทำ ครับ

 

ความจริง ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม ไม่มีใครอยากรบราฆ่าฟันใคร

แต่ ...เพราะ กาม กิน เกียรติ ของคนบางคน...เลยเดือดร้อน ไปถึงคนอื่น

ชีวิตมีใครบ้าง.....ไม่อยากมีชีวิตที่สงบสุข....เลิกเบียดเบียนได้ ไม่หลงไหลอยากตามกิเลสตัณหาแห่งตนได้.......ยอมรับในกรรมของตน ก็จะไม่ดึงคนอื่น..มาเดือดร้อนด้วย

เวลาตนเองมีความทุกข์ เดือดร้อนคนอื่นจัง.....เวลาตนเองมีความสุข ปกปิด ปิดบัง คนอื่นจัง...นี่แหล่ะ..คนชาติชั่วตัวจริง

 

ผมไม่ได้ว่ากล่าวโทษใคร ผมพูดในฐานะ ความเป็นกลาง
นั่นเพราะ ปัจจุบัน พม่า ลาว จีน เวียดนาม เขมร..จะรวมกันเป็น เออีซี....แล้วตกลง อดีตที่ฆ่าฟันกันมา....เพื่ออะไร

ฝรั่ง มาเอาเมียคนไทย ต่างชาติเข้ามาอยู่เมืองไทย....โผ้มร๊ากเมืองทาย.......

โลกไร้เขตแดน...........ไร้การกีดกัน...ไร้ขอบเขต ความรักไม่มี กฏ

แล้วความสงบสุขล่ะ......

 

ตั้งแต่พูดมาเยอะแยะในกระทู้ แหมเพิ่งเข้าหู ตอนนี้ โดนใจสุดๆ

 

ถ้าคนไทย ประเทศไทย มีพระพุทธเจ้า เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ...แห่ง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เมื่อคนประเทศอื่น เข้ามาเมืองไทย....คนไทยสิ..จะต้องเป็นผู้ชี้นำ..ทางแห่งพระนิพพาน...แก่คนทั้งโลก

อิอิ...ใครเห็นด้วย...บ้างครับ

 

อิอิ...ละครมันยาว ก็ต้องมีหลากหลายอารมณ์สิครับ...คนอ่านคนดูจะได้สนุกจริงๆ

 

เอ้า...ท่านเจ้าของกระทู้...มาเล่าต่อสิครับ

ว่าแต่ กองทัพผี...จบลงยังไงครับ

 

มันซับซ้อนกว่านั้นซิ คือปกติตายแล้วก็ต้องไปเกิด ไปตกนรก ไปสวรรค์
แต่ทำไมพวกเค้าไม่ไปเกิด คงเกี่ยวกับมนต์คาถา ที่เรากำลังศึกษาอยู่
ขังวิญญาน สะกดวิญญาน การแยกเก็บกะดูก ฝังรูปฝังรอย สะกดจิตที่กำลังจะออกจากร่าง
แล้วนำไปกักไว้ ใต้พิิธีกรรม ข่มบุญบารมี ไม่ให้ไปเกิด
แล้วที่ตายมันแผ่นดินไทย หรือ พม่า ทำไม
มันรู้สึก หงุดหงิด มองไปก็ไม่เห็น

ทุกครั้งที่มองไป เราเห็นกองทัพผีพม่า มารอเรา แต่กองทัพนั้นไม่ได้อนาถาเหมือนกองทัพเรา
มันมีช้าง และม้าศึก มีธง มีขุนม้า ขุนธนู ทหารเดิน มาครบ และแม่ทัพเยอะมาก
เราคิดว่าเป็นผี 37 ตน ที่ชาวพม่ายึดถือ
พม่ามีประเพณีไหว้ผี วีรกษัติรย์ของพม่า เช่น บุเรงนอง
ยังคอยเฝ้าดูแลประเทศอยู่

หากพร่ำเพ้อไปขออภัย มันแค่ฝันเรา

บุเรงนอง คือสุดยอดเจ้าแห่งไสยเวทย์ ไม่ใช่แค่ไสยเวท์แบบผี เครื่องราง ของขลัง
แต่เป็นไสยเวทย์แบบพิธีเปลี่ยนชะตาบ้านเมือง ดวงดาว ฟากฟ้า ดาราศาสตร์
....ในฝันเราที่จะเล่าต่อไป ช่างพิศดารพันลึก
เจดีย์ในพม่า ไม่ใช่ต่างคนต่างสร้าง แต่มีการวางแผนผัง ตำแหน่ง
ตามหลักดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และไสยศาสตร์
โดยเฉพาะเจดีย์ชเวดากอง มีธาตุกายสิทธิ์อยู่ภายในมากมาย
เราคิดว่าอาจารย์ของบุเรงนองคงไม่ใช่มนุษย์อย่างเดียว
ชุดเกราะของบุเรงนอง และชุดเทวดาในพม่า เหมือนเทวดาที่เคยเห็นบางองค์มาก
ใครเป็นคนคิด ใครเห็น ถ้าไม่ใช่บุเรงนอง
และที่สำคัญพลังจิตกล้าแข็งมาก แม้ผ่านไปยาวนาน
ดวงของบุเรงนองและราชาอโยธยานั้น จรัสแสงคู่แข่งกันไป
กว่าจะได้มาเป็นจักรพรรดิ ทั้งคู่ สะสมบารมีมาแก่กล้าพอกัน

ขนลุกขนชัน มาก

 

ท่านต้องฝึก เมตตาจิตให้มากกว่านี้ครับ....ถึงจะสู้กรรมที่ปิดบัง ได้
มันปิดบัง..ต้นเหตุ เอาไว้...ให้ท่าน แก้ไม่ได้....ท่านต้องสงบ เย็น สุข เมตตา บุญกุศลพร้อม ด้วยครับ

 

แผ่นดินไทยเรามีการสะกดวิญญาณมานานแล้วครับ ตั้งแต่การการสร้างเสาหลักเมือง ที่มีการเอาชีวิตคนจริงๆมาฝัง....มันคืออวิชชาครับ..ใครคิดก็ไม่รู้ อิอิ

 

งานปลดปล่อยวิญญาณ...ควรเป็นงานของใครกันล่ะครับ

 

ปีนึงจะเขียนจบมั้ย เล่าข้ามผีด่า เล่าไม่ครบเทพด่า เล่ามากไปคนด่าว่าเวอร์
ไกล้ไปรับยาช่องแปด

 

ไช่ครับ.....ไม่ธรรมดา ไม่งั้นก็ไม่ได้ชื่อว่า....ผู้ชนะสิบทิศ

แต่ในฐานะของ...นันทะบุเรง...(เจตจำนงของนันทะบุเรง คุณจารุ ..พอทราบมั้ยครับ)

 

มีเหตุผลแน่นอน เป็นดาวค้ำจุนพระบิดา เหมือนองค์ขาวของไทย และจะเล่าต่อๆไป ถึง โนนเตียะบาเย็ง เวลาเอ่ยชื่อ สงสัยสะดุ้งอยู่พม่า สมน้ำหน้ามัน