ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ถ้า ทุกคนใช้กระดาษทิชชูกระดาษชำระ เป็น ก็ดีสิครับ

เช็ดแล้วทิ้ง ไป...ทั้งกระดาษและอารมณ์ที่เกิด...มันจะมีอะไรให้ทุกข์ล่ะครับ..

 

ก่อนจะไปจากผม ให้ทิ้งทั้งกระดาษและอารมณ์ ไว้ที่ผมนี่...กรุณาไปแต่ตัวนะครับ...ขอบใจ

 

เรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่ เป็นเรื่องอะไรที่สลับซับซ้อนมาก
ยากที่จะอโหสิกรรม ยากที่จะเลิกลาได้
ติดตาม อาฆาต พยาบาทไปทุกภพชาติ ไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกคน ทุกท่าน ล้วนแต่เป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย

ต้องพรักพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจ

ประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจ

มีทั้งทุกข์กาย ทุกข์ใจ

ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์

ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลายก็เป็นทุกข์

 

เอา.... น้ำหวานเย็นๆ ดับร้อน ผ่อนคลาย
มาเสริฟ... แม่หญิง จารุจุณณณณ !... นะจ๊ะ

 

คุณขจรศักดิ์ ทุกบททดสอบที่คุณส่งมา เรารับรู้ทั้ง ภาพ. เสียง. อารมณ์
ขอบคุณมาก ที่ช่วยเป็นสะพานให้เรา

เรายินดีให้คุณถามทุกขัอ ตามใจท่านที่อยากระบายบ้าง


เรารู้ว่าท่านจริงๆแล้วเป็นเช่นไร. ทุกคนมีมืดมีสว่าง

และถ้าไม่แรงอย่าเรียกพี่ขจรศักดิ์ใช่มั้ยจ๊ะ


ป.ล. วันนี้ไปทำบุญไหว้พระ เย็นมั้ยท่าน. ระลึกถึงทุกขณะจิต

 

ขอบคุณครับที่นึกถึง แต่ไม่ต้องก็ได้นะท่าน ถ้าเป็นการบังคับตัวเองให้ฝืนทำ
มันเย็นมาน้อยนึง เสียเปล่าครับ...อิอิ

 

ยิ่งเราเขียนนิทานเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ชีวิตเรายิ่งเปลี่ยนแปลงไป

วันนี้ที่หายไปทั้งวันก็ไปพบเจอเรื่องประหลาด เหมือนอยู่ดีๆก็มา มาตามแรงดึงดูด

 

วันนี้พาพี่ท่านนึงไปไหว้พระ รัศมี 80 กิโลจากบ้าน เป็นวัดดังของจังหวัด
พี่ท่านนีี้เลยชวนแวะขากลับให้เจอพระอาจารย์ที่เคารพของท่าน
เค้าว่าท่านเด่นเรื่องให้พร หากจะไปสอบที่ไหน ใครก็มาขอพร

เมื่อถึงวัด เป็นวัดเล็กๆ ไม่เห็นใคร ในวัด ถนนแคบ เพราะต้นไม้ขึ้น
บรรยากาศดูเงียบสงบ มองไปเห็นกุฏิปูนชั้นเดียวอยู่ และมีพระองค์หนึ่งนั่งสูบยา

 

พระท่านนี้ อายุประมาณ 50 ปลายๆ กินหมากจนฟันดำ ใส่แว่น

แล้วเราก็เข้าไปในกุฏิ มีรูปชายคนนึงในกรอบ ท่านั่ง ชุดขาว มีฆ้องเล็กห้อยที่คอ

และถือพระขรรค์เทวดา แต่ไม่ยาวมาก ประมาณไม้บรรทัด สีทอง

และมีพระพุทธรูปมากมายตั้งอยู่

และบนพานมีพระขรรค์สัมฤทธิ์ขนาดเท่าพระขรรค์โบราณของจริงใส่พาน

รัศมีนั้นเปล่งปลั่งมากในสายตาเรา

ท่านเดินมานั่งตรงหน้าเรา

ขนหัวลุก

 

ท่านจ้องหน้าเราลอดแว่น วันนี้เราไปอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่งกายเรียบร้อย ปล่อยผมยาว คาดที่คาดผมมุก หน้าตาก็ผัดไว้ ให้ดูดี
ไม่ได้มีวี่แววว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องแปลกๆได้

 

ท่านจ้องลึกไปในดวงตา เราก็จ้องลึกไปในตาท่าน

ตาของพระปฏิบัติ หรือผู้ปฏิบัติด้านกสิณ

ตาท่านนั้นดำมาก และในลูกตาดำนั้นเหมือนมีขอบดำมากกก อยู่ภายนอก
ตามันวาว เหมือนถูกขัด ไม่มีริ้วรอยผ้าฟาง รูม่านตาดำขยายใหญ่

จักระในร่างกายท่านวิ่งวนตลอด แถมที่มันสุดๆกว่านั้น

เราเหมือนโดนเชื่อมจิต สุดจะพรรณา

เราคิดว่า เจอของจริงแล้วซิเรา

ภายใต้จีวรเก่าๆ ผิวคล้ำ ร่างกายนั้น

ราวกับมีผู้มีพลังเปล่งออกมาให้เรารับรู้

พี่ที่มาด้วยพูดว่า หลวงพ่อคะ ลูกจะไปสอบ ช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ

ระฆังยกที่ 1 ดัง

จารุเกือบไม่รอด

 

แล้วพี่ท่านนั้นก็ถาม หลวงพ่อก็ตอบไปต่างๆ จนสิ้นความ

ระหว่างนั้นเราก็จดจ้องที่พระขรรค์ มันเปล่งพลังสุดๆ

แล้วก็ได้ยินเสียงเรียกว่า เราอยู่นี่ หลังพระขรรค์ แต่ไม่กล้าสอดส่องไปดู

แล้วหลวงพ่อก็หันมาถามเราว่า โยมมีอะไรจะถามมั้ย

เราก็แกล้งถามเรื่องสอบ เรื่องคู่ครอง เรื่องลูก ถามไปจนสิ้น

แล้วหลวงพ่อก็ถามอีกว่า มีอะไรจะถามมั้ย

เลยบอกว่า ลูกขอดูพระขรรค์ได้มั้ยเจ้าคะ ขอสัมผัสบารมี

 

พี่ที่มาด้วย ถึงกับเหวอ แต่แกก็พอจะรู้บ้างแล้ว เรื่องของเรา
แกเคยเอาเหล็กไหลมาให้ดู เราก็ตอบไปว่า ไม่เคยบูชา น้ำผึ้งก็ไม่เลี้ยง
แต่ยังอยู่ ให้รีบขอขมา แล้วก็เลี้ยงน้ำผึ้งซะ

จริงๆวันนี้ เราตั้งใจจะไปขอ เหล็กไหล กับหลวงพ่อเที่ยง ในจังหวัดบุรีรัมย์
ท่านเก่งเรื่องไสยเวทย์ แต่เมื่อก่อนไม่เคยอยากมี
เดี๋ยวนี้ หลังจากมีคนด่าว่าเราว่า เราไม่เคารพ เราเห็นเป็นแค่หิน
เลยว่าจะลองทดสอบดู ลองอย่างจริงใจ

แต่มาแวะวัดนี้ก่อน

 

หลวงพ่อไม่ยิ้ม ไม่พูด หยิบมาให้เราดู

วางลงตรงหน้า ลองสัมผัสซิ

เราก็ไม่รอช้า หยิบมาสัมผัส เป็นสัมฤทธิ์ แต่พลังเยือกเย็น

มียันต์เขียนอยู่ ที่ตัวดาบ ที่ด้ามดาบ ปลายด้าม เป็นรูปเทพหลายองค์หน้าติดกันเป็นวงกลม มีลวดลายสวยงาม

ท่านว่า เห็นแล้วเป็นไงโยม ดีไหม
เราว่า พลังงานเยอะสุดๆ โยมขนลุกไปหมดแล้ว
หลวงพ่อไปได้มาจากไหน หลวงพ่อว่า มีคนนำมาให้แลกกับเงิน
เพราะเค้าอยู่ไม่ได้ ตั้งแต่ได้มา

 

ราวกับพระขรรค์ไม่หนัก มันเบาเองอัตโนมัติ เราเงยหน้ามองท่าน
เกิดอาการขนลุกซู่

ใจเรารู้แล้วว่ามาเจอหลวงพ่อทำไม

หลวงพ่อยิ้มและพูดก่อนเลยว่า(ระฆังยกที่ 2)

 

วางลงก่อนโยม

หลวงพ่อนั้นปฏิบัติก็มา โดนมาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นความร้อน จะเป็นลม

(เราอึ้ง เราเลยคิดว่า ถ้าตูทำตัวแบ๊วต่อไป โดนพระขรรค์แน่

เลยเผยตัวด้วามจริงใจ แล้ว) ตอบว่า

กสิณไฟ กสิณลมหรือเจ้าคะ
ตอนนั้นพี่ที่มาด้วย หนีไปทำตัวลีบอยู่ริมกุฏิ คงจะอยากวิ่งแล้ว
พูดเรื่องไรกันหนอ

 

หลวงพ่อว่า ใช่ (เต็มๆครับ เราเริ่มเหงื่อไหล) รู้สึกร้อนวูบในท้อง (ท่านพูดไม่พอ ส่งมาให้รับรู้เสร็จ) ร้อนวูบไปกลางหน้าอก แล้วไหลไปที่ปลายนิ้ว แล้วก็มีลมพัดเย็น

หลวงพ่อว่า รูปนั้นคือ......ท่านนั้นเป็นผู้สำเร็จวิชาคาถาอาคมทั้งปวง
ตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ ยุคอโยธยา ยุคเสือใบ เสือมเหศวร
ไม่ว่าจะคงกระพันชาตรี ยันต์เกราะเพ็ชร เสือเผ่น และคาถาอีกมากมาย
ไม่ใช่แค่ไล่ชื่อคาถา แต่ท่องให้ฟัง รัวไม่หยุด เสียงดังคับกุฏิ คาถาแรงมาก
รู้สึกเหมือนยืนต่อหน้าเสือดำ แล้วโดนคำรามใส่ พี่ที่มาด้วย ทำหน้าเหวอมาก

 

พี่ที่มาด้วยอีกคนวิ่งมาแอบดู หน้ากุฏิ แกไม่ได้เข้าไป แกนอนเฝ้าหลานอยู่
ตอนหลังแกบอกว่า นึกว่าใครเป็นอะไร หลวงพ่อท่องแรงมากยังกับไล่ผี

หน้าตาตอนท่องคาถา และบารมีที่แผ่ออกมา เหมือนในฝันทุกประการ
สุดจะบรรยาย

ท่านพูดว่ามีคาถาอีกมากมายที่คนสมัยนี้ไม่รู้ค่า เช่นในการสงคราม
มีคาถาปฐวีธาตุ เสกดินให้อ่อนนุ่ม เมื่อโดนทำร้ายหัวกระแทกพื้น จะไม่แตก ไม่ตาย

คาถาคงกระพันชาตรี นั้นส่วนมากอาจารย์จะสอนว่า ให้ปิดหมด เปิดไว้หนึ่งทวาร
ส่วนมากที่กำหนดคือรูทวารหนัก สมัยโบราณมีทหาร โดนเหล็กหลาว แทงทะลุก้น
หลายคน(หนึ่งในนั้นคือ สิงห์ ตายทุเรศเหลือเกิน) เรานั้นเอ่ยปากไม่ออก พะงาบๆทีเดียว

 

ท่านว่า คนสมัยนี้ เอาคาถามาเล่าเล่น มาแสดงเป็นละครทีวี

ไม่รู้หรอกว่า กว่าจะเปล่งคาถาออกมาแต่ละคำ มันมีพลังขนาดไหน

เราอึ้งเลยพูดต่อว่า ถ้ามีเหล็กไหล จะยิ่งแรงมั้ยเจ้าคะ
สมัยโบราณ ลูกฝันเห็น ร่ายคาถากัน เหมือนเป็นสายพลังจากปาก

ท่านว่า แล้วเมื่อกี้เห็นไหมโยม ....เห็นเจ้าค่ะ เสียงตอนนั้นเจี๋ยมเจี้ยมสุดๆ
ในใจเราคิดว่า ท่านรับศิษย์มั้ยน้อ เราเป็นผู้หญิงด้วย
อยากได้อาจารย์เก่งๆ แบบในฝัน

หลวงพ่อพูดโดยเราไม่ทันถามอีกแล้วอาตมานั้นสมัยก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่ง เป็นจน
ไอ้พวกขี้อิจฉาไม่ทนไม่ได้ ไปแก้ของมันเยอะ มันเลยส่งมา มันหมาหมู่
มันรุม วิบากกรมของเราด้วย เมื่อก่อนอาตมาสร้างวัดมาเยอะ ด้วยฤทธิ์คาถานี้

เราเลยเงียบ แล้วว่า ขอดูเหล็กไหลได้มั้ยเจ้าคะ แล้วท่านก็ไปหยิบ
มาจากหลังที่ตั้งพระขรรค์ ที่มาของเสียงที่เราได้ยิน

 

ได้ขอถ่ายรูปมามั้ยครับ อ่านตามไป นึกอยากเห็นๆ