ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

รอฟัง สิงห์ นักรบแห่งอโยธยา ขุนศึกคู่พระทัยครับ

 

เรียนเชิญทุกท่าน ทุกรูปทุกนาม ร่วมถวายพระแก้วแดงองค์ที่ 2 ณ.วัดลาดสิงห์ จ.สุพรรณบุรี เวลา 09:09 ค่ะ

 

แจกแจงบัญชีบุญค่ะ



ยอดพระองค์ที่ 1 20,950.00


ยอดพระองค์ที่ 2 22,476.00



43,426.00


ชื่อผู้ร่วมบุญ พระแก้วแดง ถวายเป็นพระราชกุศล หลวงปู่โลกเทพอุดร และพระนเรศวรมหาราช
1 พระธวัชชัย ชาครธมฺโม 2,000.00 สกลนคร
2 พระอภิชาติ คำต่อ 500.00

3 แม่ชีชนกานต์ ชมภูศรี 500.00

4 แม่ชีวิไลพร ขอนพันธ์และคุณชวัลนุช ไชยสีมา 100.00

5 ท่านกีระณา สุมาวงศ์และครอบครัว 2,000.00

6 จารุจุณ ดช.พุฒินันทน์ และคณะผู้ร่วมดูดวง 7,032.00 (5,000+2,032)
7 Nittra 1,500.00

8 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม(Dan) 3,349.00

9 น้ำค้างกลางหาว 500.00

10 นายศิลา พงศ์สุวรรณ นางสาวสลัลพัชญ์ สิงห์ใจดี 2,600.00 (400+2,200)
11 Namdang 1,400.00 (300+500+600)
12 Junip 300.00

13 Nok สวัสดี 200.00

14 นายชัชชล แสงอรุณและครอบครัว(Mootung) 119.00

15 ศศิณิช์ชา ตันศิริสิทธิกุล(aeetsasi) 3,000.00 (500+2,500)
16 นางสาวสิริประภา จันทมณีและครอบครัว 1,000.00 (500+500)
17 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 200.00

18 คุณศิริพรรณ ไทรม้าและครอบครัว 200.00

19 คุณสุชาดา เงินทองดี และครอบครัว 200.00

20 คุณอัญชลี เปรมปรีดาและครอบครัว 500.00 ร่วมสนับสนุนค่าเดินทางและที่พัก
21 คุณอุทัย เปรมปรีดาและครอบครัว 1,000.00 (500+500)
22 Praphaporn Phajongthiraphap 200.00

23 คุณปราณี แก้วยอดฟ้าและครอบครัว 200.00

24 Donald Labelle มลฤดี อาร์เธอร์และครอบครัว 1,500.00

25 คุณเมตตา แก้วก่าและครอบครัว 200.00

26 คุณกบและครอบครัว 500.00

27 ประเทืองทิพย์ พฤกษ์ผดุงและครอบครัว 300.00

28 อรวรรณ วัจนาปรีชาโรจน์และครอบครัว 200.00

29 อนุชิต ไชยฤา 500.00

30 กาญจนา ตันทีปธรรม 500.00

31 ชัยยุทธ สหชัยยันต์และครอบครัว 300.00

32 น.ส พรพิไล ปาลีกุล 200.00

33 นายณัฐกิตติ์ ทิพย์พานันท์และครอบครัว 500.00

34 ดลธรรม มันเดย์ 300.00

35 คุณปราณี 200.00

36 Appal & ล้อเล่น 300.00

37 ดร.ทัศน์ไชย-นางมณฑ์ศิริ เลียมไธสง 1,000.00

38 แอนดี้ & สุพิมล ลิงค์ 1,000.00

39 สุพรรณี และครอบครัวดาบสินชัยกุล 1,000.00

40 คุณตู่และครอบครัว 200.00

41 พันโทชัยกฤต ชรารัตน์และครอบครัว 300.00

42 คุณนล จินดานนท์และครอบครัว 2,000.00

43 คุณคุณาภรณฺ วิภาตวัลลิและครอบครัว 595.00

44 คุณอุทุมพร ดวงเจริญและครอบครัว 150.00

45 คุณแม่สุนี ชินกาญจนโรจน์และครอบครัวชลัฐ 700.00

46 ครูศรนรินทร์และครอบครัว 181.00

47 นางพิชามญชุ์ ตาจันทร์ดี 300.00

48 คุณบุญเทิศและครอบครัว 300.00

49 คุณศิรสิทธิ์ ถิรเนติธรรมกูลและครอบครัว 200.00

50 วิชชุดา โกสิยกุล และครอบครัว 500.00

51 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 200.00

52 น.ส.ชนันท์ญากร โกศลสุรเสนีย์ 300.00

53 อุบลรัตน์ นามปัญญาและครอบครัวค่ะ 200.00

54 นุช ภูเก็ต 200.00



43,426.00


คุณDAN สนับสนุนค่าน้ำมันรถไปถวายพระรอบแรก 551 บาท







พระแก้วองค์แรก + ชุดสังฆทานธูปเทียน (20,7 18,225.00 หักค่าผ้าและฉัตรพระนเรศวร 2,500

สังฆทานความสะอาดและของใช้เพิ่มจากคุณแดน 1,965.00 (1,749+216)

ดอกบัว 160.00


สังฆทานยา 600.00


รวม 20,950.00







พระองค์ที่ 2



พระองค์ที่ 2 ชุดกระถางธูป แจกันหน้าพระ 17,200.00


ผ้าไตร ธูปเทียน เทียนพรรษา 2,890.00


สังฆทานและยา 1,546.00


พวงมาลัย 5 พวง 340.00


ถวายปัจจัย 500.00


รวม 22,476.00

 

อ่านแล้วสนุกค่ะ อยากไปแบบนั้นบ้างจัง เมื่อก่อนฝันเห็นพญานาคบ่อย บ่อยจนคิดว่าเป็นบ้า เล่าให้ใครฟังก็หาว่าเพ้อเจ้อ จนมาเจอเว็บพลังจิต ถึงได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียว แต่เด๋วนี้นานๆที เพราะไม่ค่อยสวดมนต์และนั่งสมาธิ ล่าสุดที่ฝันจำได้แม่นคือโดนผช.สูงวัยนุ่งขาวห่มขาว ตีด้วยหางปลากระเบนที่หลัง3ทีในฝันเจ็บมากจนร้องไห้พร้อมกับต่อว่าเรื่องสวดมนต์ นั่งสมาธิค่ะ
แล้วต้องฝึกจิตแบบนี้นานมั่ยค้ะ?
อยากถามอีกนิดนึงค่ะ ถ้าเราฝันถึงพญานาคเป็นเรื่องเป็นราว ฝันบ่อย แสดงว่าเรามีสายญาณพญานาคใช่มั้ยค่ะ? เคยมีคนบอกว่า เค้าเคยเป็นพ่อ

 

ถ้าชาติภพที่แล้วเคยเป็นนาคแล้วทำไมต้องหนีเค้ามาเกิดเป็นมนุษย์คะ??สงสัยค่ะ เพราะมีคนบอกหนูมาแบบนี้ วานจขท.ตอบหนูด้วยค่ะ//ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดึทุกท่านค่ะ ขอบน้ำใจที่ยังมิลืมกัน ตอนนี้หยุดดูหมอแล้วค่ะ ท่านประทานรถ 4 ประตูมาให้ 1 คัน เครื่องสามพัน 4 WD มาแบบงงๆ ตามที่เคยอธิษฐานขอไว้ เดาว่า น่าจะให้ดำเนินตามรอยที่ท่านวางไว้

ของดดูดวงก่อนค่ะ เก็บพลังไว้เขียนเรื่อง ก่อนหน้าท่านให้ดูเพื่อช่วยคนและช่วยตน

ตอนนี้ ไกล้ได้เวลาเดินทางค่ะ

น่าจะได้ไว้ขนของทางพระพุทธศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศลให้ท่านแลบริวาร

ขอสุขสวัสดี แลชัยชนะ จงสถิตย์อยู่กับข้า

 

ในช่วงที่ผ่านมา มีเรื่องราวในใจมากมายที่อยากเขียน ทั้งเรื่องบังบด เรื่องทางจิต เรื่องของพระนเรศ แต่ก็มิได้เขียนเลย เวลานี้ ป้าจารุลางานมาเฝ้าแม่ วันนี้วันที่ 4 แม่มาทำบอลลูนหัวใจ เป็นเวลาที่จิตสงบ และได้ทบทวนหลายเรื่องราวในชีวิต บางทีเราก็วนอยู่ในชีวิตปัจจุบัน จนหลงลืมมองหัวใจตนเอง

 

ก็มนุษย์คือผู้สร้างบุญไงหนู ทุกภพภูมิต้องการหลุดพ้น เราอาจจะอธิษฐานไว้ให้ได้เกิดมาหลุดพ้น ได้พบพระพุทธศาสนา เราไม่ต้องสงสัยว่าเรามาจากไหน แต่จงสังสัยว่าเราจะไปไหน ย่อมได้ปัญญาจ๊ะ

 

ขณะที่เฝ้าแม่ในหอผู้ป่วยรวม จิตก็รวม มองสภาพของผู้ป่วย มีทุกวัย บางคนก็ร้องด้วยความเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา มีคุณป้าท่านหนึ่ง อยู่เตียงตรงข้ามกับแม่ เมื่อวาน ก็สิ้นลมหายใจ ลูกหลานต่างร้องไห้อาลัย จิตเราทั้งหลายล้วนถูกขังอยู่ในร่างกายนี้ ร่างกายอันห่อหุ้มไว้ด้วยหนัง ห่อเลือด น้ำเหลือง เนื้อ เต็มไปด้วยของสกปรกเน่าเหม็น ถังขยะติดเชื้อในห้องคนไข้รวม เมื่อเปิดขึ้นมา มีร่องรอยของผ้าซับเลือด น้ำเหลือง อันไม่น่าดู แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในร่างกายเราเท่านั้น

เราทุกคนมีความเกิด ความแก่ ความเจ็บเป็นธรรมดา คนป่วยมีสองรูปแบบ คนที่ปลงได้ กับปลงไม่ได้ ลมหายใจที่มีอยู่ และเหลืออยู่ ขอให้มีประโยชน์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อโลก

จึงจะเรียกว่า ไม่เสียชาติเกิด

 

มีช่วงนึงที่ความทรงจำในอดีตหลายภพหลายชาติกลับมา และทำให้จิตของเราเกิดสภาพจิตตก เราไม่สามารถสลัดความรู้สึกทางจิตออกไปได้ เมื่อเราดูหนัง เราเห็นภาพ จิตเรารับรู้ เรารู้สึกอินตามหนัง แต่การรับรู้ของเรา มันละเอียดกว่านั้นมาก เรารับความรู้สึกที่แท้จริงของเรื่องราวจริง มิใช่การแสดง บางเรื่อง บางภพ ที่เราเป็นคนหรือเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันทำให้เราไม่อยากยอมรับตัวเอง ทำให้เกิดสภาวะ ที่เราเรียกเองว่า จิตแตก จิตไม่รวม

อยากบังคับ อยากแก้ไข แต่ทำไม่ได้ และเมื่อมองสภาพตัวตนในปัจจุบันชาติ เลยยิ่งจิตตก มองกรรมในอดีตที่เราได้รับ และมองกรรมที่จะต้องรับในอนาคต

แต่ก็เป็นแรงใจให้มุ่งมั่นทำบุญต่อไป อดีตในชาตินี้ ที่ว่าพลาดพลั้ง ยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับกรรมในบางภพชาติของป้า

ทุกวันนี้ อธิษฐานขอเพียงปัญญา ครูบาอาจารย์ และกัลยาณมิตร ทุกภพชาติ

 

เคยอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้ามาว่า "ไม่ว่าที่ผ่านมาเราเคยทำอะไรไม่ดีมา ให้ลืมมันไปให้หมด แล้วเอาใหม่ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดีอย่างเดียว"

เป็นกำลังใจให้พี่ขวัญนะคะ

 

ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม.....

 

เพลานั้น เมฆเคลื่อนมาบดบังแสงสุริยะ ทรงพระดำเนินออกไป มองเมฆดำนั้น แล้วจับยามสามตาด้วยพระหัตถ์ หันมาตรัสกับสิงห์ว่า "ศึกครานี้ เห็นจักต้องสู้ด้วยไสยเวทย์มากกว่าศาสตราวุธ"

 

เมื่อทรงพระดำเนินมาจนถึงหน้าประตูเข้าโบสถ์ ตามด้วยสิงห์ที่เดินตามดั่งเป็นเงาของพระองค์
ทหารราชองครักษ์ ก็ปิดประตูทางเข้าไปยังลานโบสถ์ ทรงมิตรัสการใด พยักหน้าให้เหล่าทหารที่ติดตาม แล้วขบวนเจ้าหอหน้ากับทหารก็เร่งรุดไป ยังประตูชั้นกลางก็วัง เหล่าทหารยาม เมื่อเห็นเจ้าหอหน้า ก็ถวายบังคม แล้วต่างรีบหลบไปให้พ้นทาง สิงห์รับรู้ได้ถึงความยำเกรงที่ทหารในวังมีต่อทหารทั้งหลายที่ติดตามเจ้าหอหน้า แลรู้สึกได้ถึงความยำเกรงที่ทหารทั้งหลายมีต่อเจ้าหอหน้า ทหารองครักษ์ที่ติดตามเจ้าหอหน้าในเวลานี้ แม้เดินยังเดินด้วยช่วงจังหวะการก้าวที่สม่ำเสมอพร้อมเพรียงกัน แม้ยามเท้ากระทบพื้นก็ยังเป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหอหน้า ก้าวสั้นแต่เร็ว
เสียงฝีเท้าที่ย่ำลงพร้อมกัน ช่างกระทบใจสิงห์ ให้ตื่นเต้นแลอยากออกศึกเมืองละแวก

 

สิงห์ตามเจ้าหอหน้าจนมาถึงประตูวังชั้นกลาง แล้วก็พบกับขบวนม้าที่ได้จัดเตรียมรอไว้ แม้แต่ม้าของสิงห์ก็มีผู้นำมารอไว้เช่นกัน สิงห์เห็นเจ้าหอหน้าทรงเตรียมตัวขึ้นม้า จึงรีบเข้าไปทูลถาม "เจ้าพี่จักไปจัดทัพที่ใดฤา ใยเตรียมเสบียงแลม้า แล้วใยมีทหารเพียงหยิบมือ " เจ้าหอหน้าตรัสตอบเพียงสั้นๆ "จงตามข้าดั่งเงา แล้วเจ้าจักรู้แจ้ง ข้าไม่ใช้ทหารหลวง ข้าจักใช้ทหารข้าต่อกรกับเมืองละแวก" สิงห์งงงันนัก "ทหารเจ้าพี่ กับ ทหารหลวง ต่างกันฤา" เจ้าหอหน้า ชักม้านำขบวน แล้วควบไป สิงห์รีบโผนม้าตามไปดั่งเงา ตามด้วยทหารองครักษ์ เมื่อมาถึงประตูเมืองชั้นนอก จึงได้พบขบวนม้าเกือบห้าสิบนาย ตั้งขบวนทัพรออยู่ สิงห์งงนัก นึกว่า ใยทัพเล็กเพียงนี้ จักไปละแวก แล้วเจ้าหอหน้าก็ตะโกนว่า "กลับสองแคว"

 

สิงห์มิกล้าถามให้ระคายพระทัยอีก ได้แต่มองตามพระปฤษฎางค์(แผ่นหลัง) ของเจ้าหอหน้าที่ตั้งตรง ทรงควบม้าสุดกำลัง แต่ยังคงพระกิริยาองอาจงดงามนัก สิงห์ควบตามจนฝุ่นตลบ จนออกจากเขตวัง แลเมืองอโยธยา ก็มิได้พัก ขบวนม้าที่ห้อมล้อมด้วยม้าฝีเท้าจัด แลทหารองครักษ์ฝีมือฉกาจที่ถูกคัดเลือกโดยเจ้าหอหน้า ก็ล่วงถึงเขตเมืองวิเศษไชยชาญ ก็พลบค่ำเสีย จึงเข้าซุ่มเขตชายป่าโปร่งไกล้แม่น้ำ แล้วตั้งกอง จัดเสบียงเตรียมพัก ณ.ที่แห่งนั้น

 

สิงห์มิได้มีหน้าที่ใด ในกองทัพขนาดย่อมนั้น ทหารที่ติดตามทุกคน มิมีใครพูดจาสนทนากับสิงห์ ต่างนั่งจับกลุ่ม พูดคุย ตั้งเวรยาม ดูแลม้า จัดเตรียมอาหาร ก่อฟืนไฟ อย่างชำนาญ สิงห์สังเกตุผู้คนเงียบๆ ทำตัวดั่งเจ้าพี่สั่งสอนว่า เป็นดั่งเงา เจ้าหอหน้า ทรงประทับที่โคนไม้ใหญ่ ทหารนำเครื่องเสวยมาถวาย เพียงข้าวสวยแลเนื้อย่าง เจ้าหอหน้ารับเครื่องเสวยในห่อใบตอง ทหารก็นำใบตองอีกห่อมาให้สิงห์ พร้อมกระบอกไม้ไผ่ บรรจุน้ำฝนสะอาด ที่ทหารจัดเตรียมมา เจ้าหอหน้าทรงเทน้ำลงที่โคนต้นไม้ใหญ่แล้วล้างพระหัตถ์เบาๆ จากนั้นทรงเสวยข้าวแลเนื้อย่าง เช่นเดียวกับทหารทั้งกอง สิงห์รีบเปิบข้าวแลเนื้อย่าง รู้สึกเอร็ดอร่อยกับอาหารมื้อนั้น เมื่อท้องอิ่ม ล้างมือจากกระบอกน้ำเรียบร้อย เจ้าหอหน้าก็ทรงพระดำเนินไปที่ตลิ่งริมน้ำ ทรงลงสรงน้ำอย่างว่่องไว สิงห์รีบเดินลงตลิ่งตามไป อาบน้ำอย่างว่องไว เมื่อพระองค์ขึ้นจากน้ำ สิงห์ก็รีบขึ้นตาม เจ้าหอหน้าซ่อนพระวรกายหลังต้นไม้ใหญ่ ทรงผลัดฉลองพระองค์ สิงห์ก็ทำตามดั่งเงาเช่นเดิม

 

เจ้าหอหน้าทรงเข้าสมาธิที่โคนไม้นั้น สิงห์ก็ดำดิ่งสู่สมาธิตามไปเช่นกัน