ผมอยากทราบวิธีการอ่านใจคนครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 13 มิถุนายน 2011.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อนุโมทนาสาธุ.ครับ.
    อ่านได้แต่ไม่ใช่ว่าจะอ่านได้ทุกคน..คนบางประเภท
    ต่อให้เก่งแค่ไหนใครก็อ่านใจเค้าไม่ได้..ถ้าเค้าไม่อนุญาติ
    ขอบคุณครับ..
     
  2. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    ถ้าไปเจอคนเก่งกว่า เค้าสมารถบังคับภาพนิมิตร
    ที่เราไปอ่านไปเห็น ให้เป็นไปตามที่เค้าอยากให้เห็นได้ด้วย
     
  3. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ถ้าไม่เข้าใจ ในใจตนจนคล่องดีเเล้วก็ยากที่จะไปเข้าใจ ใจ ของคนอื่น

    เหมือนก่อนหมา มันจะวิ่งเข้ามากัด อาการของมัน สายตา อารมณ์ วิธีการ รูปเเบบของมัน เป็นเช่นไร
    หากเราไม่เข้าใจถึง อาการนั้นๆ เราก็ ไม่มีทางเข้าใจถึงอารมณ์นั้นๆ ได้ดีพอ ว่ามันกําลังคิดอะไร จะทําอะไร

    หากเราเข้าใจถึง อาการต่างๆภายนอกที่ มันเเสดงออกมาได้ดีเเล้ว สิ่งที่มันกําลังคิด คงไม่ใช้เรื่องยาก เกิน คําว่าปฎิหาร หลอกค่ะ
    เพราะอาการภายนอก มันก็สามารถสื่อให้เห็นถึงภายในได้เช่นกัน หากเรารู้ เราสังเกตุในอาการของใจตนได้ รู้เข้า รู้ออก รู้อารมณ์ตนได้เเม่นยําพอ เมื่อรู้อาการทางกายเเล้ว เดี๋ยวมันก็จะเเว๊บเข้ามาเอง โดยอัตโนมัต ว่า นี่ อาการเเบบนี้ ใจมันเป็นเเบบนี้ อาการเเบบนั้น ใจมันเต็มไปด้วย อารมณ์ นั้นๆ

    นั้นเป็นเพราะความละเอียดของใจ ที่ทําให้โสตการรับรู้ของเรา มันละเอียดขึ้นมากกว่าในภาวะปกติ เเละการที่จะทําให้ใจเราละเอียดได้ในระดับนั้น ก็ มีเจ้าสมาธิ นี่เเหล่ะเป็นเครื่องมือในการเข้าไป ปรับ จูน ความละเอียดของใจตน

    นั่งสมาธิ เรียนรู้ใจตน จน คล่องก่อนถึงค่อยไปเรียนใจคนอื่น มันจะง้ายกว่า ทําความเข้าใจในพื้นฐานของ จิตตัวเองก่อน

    หากอยู่ดีๆ เด้งไป กสินเลย เกรงว่า ฐาน จะไม่เเน่นเเยกไม่ออก ว่าไหนจริง ไหนหลอก เเล้วมันจะเลยไปไกล จนเรียกกลับมาได้ลําบาก เริ่มที่ หนึ่งก่อน เเล้วค่อยไป สอง สาม สี่

    เรียนใจตนให้จบในระดับนึงเสียก่อน น่าจะดีกว่า วิ่งไปกําหนดที่องค์ กสิน
    ส่วนใน กสิน ต่างๆนั้นมันก็เป็นเเค่ เครื่องมืออีก ชนิดนึง ที่เราจะต้องเลือกใช้ให้ถูกวิธี เอาเลื่อยไปตอกตะปู หรือเอาฆ้อนไปเลื่อยไม้ มันก็คงจะทําไม่ได้ ถึงจะตอกตะปูลงไปได้ด้วยเลื่อย มันก็เป็นการใช้ผิดประเภทอยู่ดี ผล มันก็จะออกมาไม่เท่ากับเอา ฆ้อน ไปตอกตะปูจริงๆหลอกนะจ๊ะ


    ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ ไม่ได้เเย้งใครน๊าาาาา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2011
  4. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    .......................อนุโมทนา สาธุ กับสัมมาทิฐิของทุกท่านด้วยนะครับ.
     
  5. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ลุงหมานครับ ใจเย็นๆก่อนครับ
    ผมคิดว่าคุณขันธ์มีเจตนาที่ดีนะครับ เป็นการยืนยันคำสอนขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเป็นจริง นะครับ

    แล้วตอนนี้ก็เป็นยุคเปิดของอภิญญาแล้วนะครับ หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านก็บอกว่าหลังปี43 นี่อภิญญาใหญ่จะเข้า ทุกคนสามารถฝึกและใช้อภิญญาได้นะครับ

    แล้วบอร์ดนี้ก็เป็นบอร์ดอภิญญา ถ้าไม่มีคนได้อภิญญาอยู่ในบอร์ดนี้ ผมคิดว่าชาวบ้านเค้าจะดูหมิ่นเอาได้ ว่ามีแต่พวกจอมปลอมลวงโลก ไม่ก็หาว่าหลงตัวเอง หรือไม่ก็ถึงขั้นบอกว่า อภิญญาไม่มีจริง

    ตอนนี้ถ้าท่านใดได้อภิญญาแล้วก็มาบอกเล่าประสบการณ์ มาสอนมาให้ความรู้
    ผมว่าจะเป็นประโยชน์มากๆเลย น่ะครับ

    และที่สำคัญจะได้ช่วยกันดำรงและสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี
    ด้วยนะครับ

    และอีกอย่างพระพุทธเจ้าท่านห้ามพระ ไม่ได้ห้ามฆราวาส แสดงอภิญญานะครับ

    เจริญในธรรมครับทุกท่าน
     
  6. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
  7. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    จริงๆ ลุงขันธ์แกก็กล่าวได้ถูกในส่วนที่จะชี้ ลุงหมานก็กล่าวถูกในส่วนที่จะชี้

    แต่ทีนี้เป็นความเข้าใจคนละส่วนในเรื่องเดียวกัน หรือจริงๆ ก็อาจจะรู้ เพียงแต่นำมาเป็นข้อถกต่อกันเท่านั้น

    ผู้ที่ปฏิบัติและพิจารณาผลของการปฏิบัติในแต่ละขั้นจะเห็นได้เลยว่า สติปัฏฐานสี่ นั่นล่ะคือ สมถะ
    เช่น หมวดกายานุปัสนาสติปัฏฐาน บรรพะย่อยต่างๆ คือการพิจารณากาย ก็คือ การปฏิบัติสมถะ
    แต่วิปัสสนามันจะเกิดตอนไหน คือ นำผลจากความสงบ แล้วพิจารณาออกรู้ จนเกิดความสลดสังเวช เบื่อหน่าย เห็นความแปรปรวนในไตรลักษณ์ จึงจะเป็นวิปัสนา ละความเห็นผิด

    แต่ทีนี้เราผู้ศึกษาเรียนรู้ ก็จะเข้าใจไปว่า แผนบทเรียนสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสนาโดยถ่ายเดียว
    ตรงนี้จึงเป็นความทึกทักด้นเดา เข้าใจโดยเพียงฉาบฉวย

    ฉะนั้นในหมวดสมถะกรรมฐาน 40 กองตามแบบแผนบทเรียน ก็เป็นวิปัสสนาได้หากใช้การพิจารณาด้วยสติปัญญาพอ ไม่จมอยู่กับความสงบ
    ทุกอย่างไม่ตายตัวโดยเพียงถ่ายเดียว

    ทั่วไปแล้วก็จะเข้าใจว่า กรรมฐาน 40 กอง คือการเจริญสมถะ ใครอยากได้ฤทธิ์ ได้อภิญญา ต้องเจริญกรรมฐาน 40 กอง เท่านั้น

    ส่วนใครอยากหลุดพ้นต้องเจริญสติปัฏฐาน4 เท่านั้น

    ไม่รู้เข้าใจกันอย่างนี้หรือป่าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2011
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    พูดง่ายๆ ก็คือ ในแผนบทเรียนสติปัฏฐาน4 พอเอาเข้าจริงในการปฏิบัติก็ต้องผ่านสมถะ ทั้งนั้นล่ะ
    แต่ในส่วนของ ปฏิปทา 4 คงจะพอเรียนรู้ได้อ่านได้ศึกษากันมาบ้าง
    เป็นในเรื่องของ อินทรีย์ พละ ที่เคยได้พากเพียร อบรมมาต่างกัน จะเป็น สุขา หรือ ทุกขา ก็ตามแต่ธาตุพันธุกรรมของจิตดวงนั้น

    ฉะนั้นผู้ได้วิปัสสนาที่แท้จริง คือพระโสดาบัน นี่เริ่มต้นเลย....

    และในส่วนพระอริยเจ้าที่พรั่งพร้อมไปด้วยอภิญญาที่เป็นโลกุตตระ
     
  9. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ขอสอนนะ

    การอ่านใจคนอื่นได้
    อย่างแรกควรจะอ่านใจตัวเองให้ได้ก่อน



    รับรู้อารมณ์ตัวเองให้ได้
    เวลาโกรธอย่าเป็นไปตามมัน
    ในตอนโมโห พยายามคิด เราไม่ผิด เขาก็ไม่ผิด
    พยายามมองในกาย เนื้อหนังตัวเอง
    จิตนาการว่า ใครมันทำเราโกรธ
    จะเห็นดวงไฟสีดำมันอยู่ในกายเรา
    พยายามเอามันออกให้ได้
    เมื่อทำได้มาคุยกันนะครับ
     
  10. tanmaashee

    tanmaashee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +11
    <!-- ARCHIVE PAGE --><!-- MAIN PAGE --><!-- ENTRY PAGE -->

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2011
  11. cfour1234

    cfour1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +93
    การอ่านใจคนนั้น อย่าทำเลยผมว่า อย่าไปหัดมันเลยจะดีกว่า รู้แล้วรำบาก จะรู้ไปทำไม
    อีกอย่างถ้าเราจะอ่านใจคนอื่น ทำไมเราไม่หัดรองอ่านใจตนเองก่อนละ ใจเองยังอ่านได้แล้ว แล้วจะไปยุ้งกับใจคนอื่นทำไมละ อีกอย่างถ้าอ่านใจคนได้แล้ว แต่จิตรตัวเองไม่มั่น มันจะทำให้ตัวเองรำบากนะครับ เจอคนโน้นก็อ่าน คนนี้ก็อ่าน ไม่อยากอ่านก็อ่าน อีกอย่างระวังใจคนที่มีกำแพงนะครับ จะวิ่งไปอ่านใจคนอื่น ไปเจอกำแพงใจ ชนโป๊ก หัวแตกแล้วรักษาด้วยยาไม่หายด้วยน่า (แต่ถ้าอยากอ่านจริง ต้องหัดจากใจตนเองก่อน แล้วต้องกำราบใจให้ได้ด้วย เราต้องอยู่เหนือจิตรของตัวเองก่อน ควบคุ้มมันได้ดั่งใจ ถึงจะดี ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ ก็จัดเก็บข้าวของเตรียมตัวทั่วนรกได้เลยครับ)
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก่อนอื่นต้องช่วยตัวเองก่อนนะครับ ถ้าจะช่วยเหลือผู้อื่นได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเตี้ยอุ้มค่อม

    ช่วยตัวเองหมายถึง ทำตนให้พ้นจากภัยทั้งหลาย จากมารทั้งหลาย จากทุกข์ภัยทั้งหลาย ทำตนให้มีสัมมาทิฐิ รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผิดชอบชั่วดีเสียก่อน จึงจะช่วยผู้อื่นได้ ดั่งเช่นพระพุทธองค์ต้องการรื้อขนสัตว์ ท่านก็ปฎิบัติตนจนดับทุกข์ได้เสียก่อน รู้หนทางเสียก่อน

    การอ่านใจสัตว์ทั้งหลายมิใช่จะกระทำไม่ได้ หากเรารู้ทุกข์ รู้สมุทัย เพราะสัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม เป็นไปตามกิเลสทั้งหลาย หากเรารู้จักกิเลสทั้งหลาย รู้ที่จะละ จะหยุด จะงดเว้น เราจึงจะช่วยผู้อื่นได้ถูกทางครับ
     
  13. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,277
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,490
    ขอร้องทุก ๆ คน ให้เริ่มต้น มีใจเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขากันใหม่ อย่าได้เบียดเบียนกัน ขอให้สร้างสรรค์กันด้วยดีและให้เกียรติกัน

    ขอปิดกระทู้สักระยะ และลบโพสต์ที่ไม่สบายใจกันออก แ้้ล้วจะเปิดให้ใหม่

    ขออภัยในความไม่สะดวก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2011
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เห็นว่าทีมงานดูแลบอร์ดควรที่จะมีการสอดส่องเรื่องการใช้ภาษาของสมาชิกเวบให้มากขึ้นกว่านี้หน่อยนะครับ...บ่อยครั้งเมื่อขอความร่วมมือแล้ว....ไม่ได้ให้ความร่วมมือ......เมื่อมากไปก็ควรตักเตือนบ้าง....จะได้ไม่เสียระเบียบของเวบ...ที่เป็นเวบพระพุทธศาสนา...และได้รับรางวัล....

    กฏเป็นกฏ ระเบียบก็ต้องเป็นระเบียบ..ความดีส่วนความดี เมื่อมันมีที่ไม่ดีจะไม่ชี้เลยอันนี้ก็ไม่ควร..เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ไม่รู้กัน.....
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ พานุเดช เรื่องภาษาเอ็งๆ ข้าๆ กูๆ มึงๆ นี่ เขาพูดกันมาตั้งแต่ สุโขทัยแล้ว
    คำว่า โง่ คำว่า บ้า จะให้ไปใช้คำไหนแทนหรือคุณ
    จะให้มันสุภาพ มาก ดัดจริต ตามใจกิเลส ก็รอชาติหน้า ถึงจะรู้จักธรรม
    คนสมัยนั้น พูด กูๆ มึงๆ ไม่เห็นจะมีปัญหา แบบ คุณๆ ท่านๆ ในสมัยนี้

    ไม่เคยได้ยินหรือ กิเลสมีน้ำหนัก ธรรมก็ต้องมีน้ำหนัก
    สำหรับ คุณ ภานุเดช ก็เช่นกัน ควรจะต้องเจอธรรมหนักๆ บ้าง มันจะได้ไม่เลอะเลือน

    ยิ่งเว็บ พุทธศาสนา ได้รับรางวัล นี่แหละ ต้องรู้จัก ใช้คำพูด กูๆ มึง ๆ นี่แหละดี
    จะได้ โฆษณาไปว่า หัดฟังกันบ้าง คำว่า กูๆมึงๆ โง่ บ้า จิตใจมันจะได้ ไม่สะเทือนง่าย

    แหม ต้องๆ คุณๆ ผมๆ พอ พูด กูหน่อยเดียว มันหาว่าหยาบ

    หัด ยกระดับ ความต้านทาน ทางภาษากันซะบ้าง ประเทศมันจะได้เจริญ
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ขอบคุณครับ....ผมอยู่ในยุครัตนโกสิทนร์....และสังคมปัจจุบัน...

    ตั้งแต่ประถมเขาก็มีการสอนไว้ครับว่าอันใดสุภาพอันใดไม่สุภาพ....

    อย่างไรเรามาตอบธรรมก็ควรเป็นอย่างยิ่งไม่ใช่เหรอครับ...ที่ควรใช้ถ้อยคำสุภาพ.....สำหรับผมถือว่าไม่ใช่การดัดจริตหลอกนะ....ผมถือว่าเป็นมารยาทที่ควรกระทำต่อกันมากกว่า....

    อย่างไรก็ร่วมมือกับทางเว็บเขาหน่อยไม่ได้เหรอครับ....
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ภาณุเดช ถ้า คุณอยากจะสุภาพ คุณก็สุภาพไป ไม่มีใครเขาว่าอะไรคุณ

    แต่ คุณควรจะต้อง คำนึงถึง คำว่า ตอแหลสุภาพ กับ ตรงกระด้าง นั่นแหละ ให้คุณไปคิดดูว่า คุณคิดว่าอย่างไรดี

     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมก็ไม่ได้ดีเต็มร้อยหลายคนก็ไม่ได้ดีเต็มร้อย....แต่ผมเชื่อว่าคนเราสามารถพัฒนาขึ้นได้...เพื่อความสงบสุขของสังคมเว็บพุทธเราแล้วกันนะครับ...

    ผู้ที่ไม่ให้เกียรติคนอื่น ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติตนเอง......

     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมยกให้ ไม่ตอแหลและสุภาพครับ....

    พระพุทธเจ้าท่านเทศนาสอนคนท่านก็สุภาพนะ.....ครูบาอาจารย์ท่านก็สุภาพนะครับ....ดูอย่าง หลวงพ่อพุธ หลวงปู่เทศน์ หลวงปู่หล้า หลวงปู่สิม ท่าน ป.อ.ประยุตโต สิครับ....ท่านงามนะ......
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ปนเป ไปเอง

    การให้เกียรติคน มันจำเป็นตอนนี้หรือ

    คุณเอาเกียรติไปทำอะไร ตอนนี้

    ถามตรงๆ ใครมีเกียรติ ในที่นี้

    เรื่อง สุภาพ เขาก็สุภาพ กับ คนมีอรรถมีธรรม

    พวกกิเลส เข้ามา เข้ามา ตำหนิ ธรรม ส่งๆ เดชๆ มัวแต่ไปสุภาพ มันทันกินหรือ


     

แชร์หน้านี้

Loading...