ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. Ithanka

    Ithanka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +82
    พี่รุ้งดาวคับ เรื่องกลือ ในเรื่องพลังไม่ทราบเหมือนกัน จำได้แต่ป๋านพ บอก ควรนำไปไว้ใต้เตียง 5555 แต่ เหมือนโยคี โบราณ ใช้ ล้างเท้ากันมานนแล้ว แปลกเหมือนกัน (เคยเห็นลุงผมซึ่งนับถือ สายพลังจักรวาล ล้างด้วยครับ เก็บไว้เต็มบ้าน ... ==')
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    นั่น ... พี่นึกว่ามันจะน่าหัวเราะเสียอีก ไม่คิดว่ามันเป็นไปได้จริงๆ เพราะบางทีดินฟ้าอากาศมันไม่อำนวยให้ไปยืนบนหญ้าน่ะ พี่เลยอยากถามคุณนพฯ เพราะพี่ไปอ่านเจอมาจากบทความหนึ่ง
    .. สงสัยต้องพกเกลือจากบ้านเรามาเป็นถุงๆแล้วสิ แถวนี้มีแต่เกลือสังเคราะห์
    5555
    ขอบใจนะ แต่ทำไมพี่ไม่เคยได้ยินคุณนพฯพูดถึงเลย
     
  3. วิชญ์24

    วิชญ์24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +6,276
    เงียบจังเลยครับ หายไปไหนกันครับ
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    นานนนนนนน ... ไปหน่อยแล้วหนา ....
    ขอเสียงหน่อยค่ะคุณนพฯ กระทู้ไม่มีคุณนพฯเหมือนเล่นโทรศัพท์ไม่มี wi-Fi ชีวิตขาดสีสัน เหมือนกินส้มตำไม่ใส่ปลาร้า ว่าไปโน่นน ... อิอิ
    คิดฮอดๆหลายๆๆเน้ออ ...

    ดิฉันมีเรื่องจะฟ้องครูตั้งเยอะ แล้วทีนี้ใครจะฟังดิฉันโม้ล่ะทีนี้ เอ้ยย .. ยังรอฟังคุณนพฯมาโม้นะคะ


    :cool::cool::cool:

    ดิฉันขอกระซิบเบาๆ ให้เปลี่ยนไอดีลงสมัครใหม่เลย ดีบ๋ออออ ....
     
  5. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    วันนี้พี่นพแวะมาให้ความรู้กับพี่น้องอินทราพงษ์ค่ะ ขออนุญาตนำมาแบ่งปันนะคะ เผื่อจะหายคิดถึงป๊ะป๋าา อิอิอิ

    ใครก็ตามที่เคยนั้งสมาธิมาแล้วเห็นลมหายใจของตัวเอง เป็นเส้นสาย สีขาวบ้าง เป็นใสๆบ้าง หรือเป็น วงกลมเล็กๆบ้าง
    จำอารมณ์ตรงนี้ไว้ให้ดีๆนะคับ

    ให้รักษาอารมณ์ ตรงนี้เอาไว้ให้ดีๆ หลังจากนั้น ให้กำหนดให้เป็นก้อน วงกลมอยู่ตรงปลายจมูกเราให้ได้ ตรงนี้ ไม่ต้องรีบร้อน
    ได้บ้างไม่ได้ช่างมัน

    แรกๆต้องฝึกให้คุ้น ให้อยู่ในสภาวะนี้ให้ได้นานๆที่สุดก่อน เพื่อให้จิตมีความคุ้นเคย และเคยชินกับสภาวะความเป็นทิพย์

    หลังจากที่กำหนด เป็นวงกลมได้แล้ว หลังจากนั้น ให้เลื่อนมาตรงหัวไหล่ขวา แล้วมาที่ข้อพับแขนขวา และสุดท้ายให้มาอยู่บนฝ่ามือขวา

    ที่ต้องทำอย่างนี้ เพื่อเป็นการรักษาอารมณ์ และการสร้างกำลังสมาธิเพื่อมาหนุนให้อยู่ในอารมย์เป็นทิยพ์ได้นานขึ้น

    พอเป็นก้อนกลมๆอยู่บนฝ่ามือแล้ว ช่วงนี้ จิตจะเป็นทิพย์ และจิตจะสามารถมองเห็นอวัยวะภายในร่างกายตัวเองที่มันพร่องได้
    เราจะมองเห็นส่วนที่พร่องของร่างกายเป็นสีดำ

    จากนั้น ก็ให้เอาก้อน สีขาวๆ ที่เรารวมไว้บนฝ่ามือนั้น ลากเข้าไปแทนสีดำๆ ตรงอวัยวะส่วนนั้นๆ และให้ใช้มือขวานั้นหละ ดีงสีดำนั้นออกมา
    และทิ้งออกไปข้างนอก และให้กลับมาดีงใหม่ เรื่อยๆ จนกระทั้ง สีดำมันหาย จนข้างในมันใสหรือออกสีเขียวๆคล้ายมองกลางคืน

    ก็เป็นอันว่า อวัยวะตรงนั้นจะหายได้ของมันเอง และกลับคืนสภาพปกตินะปัจจุบันได้

    สำหรับบุคคลที่เป็นโรคมา ยิ่งถ้าทำได้ ประมาณ ครั้ง ที่ ๖ หรือ ๗ จะสามารถหายขาดได้ ประมาณนี้
    ส่วนโรคอื่นๆ ปกติทำครั้งหรือสองครั้งก็จะหายได้

    ประมาณนี้ จบ............

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2015
  6. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    คนดี คนเก่ง คนมีความสามารถเฉพาะด้าน ค่อยๆหายไปทีละคน
    น่าคิดนะ..เพราะอะไร ??
     
  7. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขอบคุณพี่ diya สงสัยถ้าคุณนพฯไม่กลับมา ดิฉันคงได้ย้ายที่สิงสถิตใหม่แล้วจริงๆแต่ยังตัดเวปฯนี้ไม่ลงอ่ะ
    เฮ้อออ...
     
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    แว๊กกก... ความรู้สึกช้าจริงๆ ได้แนวล่ะๆๆ
    รับแซ่บๆเด้อ...
    :cool::cool::cool:

    5555555... ฮิ้ววววว
     
  9. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    อยากหายจากโรคจัง จะทำได้มั้ยน้อ
     
  10. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    สวัสดีทุกท่านค่า

    ตอนนี้ป๋านบมีช่องทางการติดต่อใหม่ทางเฟสนะคะ ถ้าท่านใดทนความคิดถึงป๋านบไม่ไหว สนใจก็แอดเฟส djbkk ได้ค่ะ


    :cool::cool:
     
  11. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    หาไม่เจอเลย
     
  12. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    DJ Bkk ค่า ขออภัย สะกดผิด
     
  13. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    https://www.facebook.com/nopphakan.jaisaard?fref=ts
    ลองดูช่องทางนี้ ครับ /ขออนุญาตคุณนพด้วย..คงไม่ว่ากัน (จากที่สัมผัส
    คุณนพมีจิตใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคน เป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว)
     
  14. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    เมื่อไหร่จิกลับมาคะ เว๊ปเงียบมากมาย ...^_^...

    ท่านอื่นก็พาหายกันหมด...
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,904
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    อยากทราบเรื่อง"นิพพิทาญาน"ค่ะ คิดว่าท่านอ ระมิงค์จะกรุณาอธิบายให้ฟังได้ไหมคะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  16. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    สวัสดีค่าพี่ต้อย พี่ Raming ฝากมาตอบให้คร่า

    นิพพิทาญาณ....บนหนทางที่ผ่านมา...

    อารมณ์นิพพิทาญาณ คือความรู้สึกเบื่อหน่ายนี้ เกิดขึ้นที่จิต เป็นผลจากการฝึกอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ยาวนาน จนอินทรีย์แก่กล้ามีกำลังทั้งสติ สมาธิ และปัญญา ถึงพร้อมด้วยกันดีแล้ว...

    เริ่มต้นนั้นหลวงพ่อฤาษีท่านจะสอนให้ พิจารณาร่างกายก่อน ให้เห็นความสกปรก ความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์จากความสูญเสีย พลัดพราก จากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ความปรารถนาที่ไม่สมหวัง ความโศกความเศร้า พิลาบพิไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดเป็นต้นเหตุ....

    ท่านให้พิจารณาเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา พอหนักๆเข้าคนก็เริ่มมีความคิดว่าทุกอย่างนี้ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ ชักจะเบื่อการมีชีวิต เบื่อการเกิดขึ้นมา เห็นอะไรมันรู้สึกเบื่อไปหมด แล้วก็ไปเข้าใจว่านี่คือ นิพพิทาญาณ ต้องขอบอกว่า “ไม่ใช่” เพราะนี่คือ ความคิดเบื่อหน่าย มันเกิดจากความคิด ไม่ใช่ปัญญาเห็นตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นที่จิต ความเบื่อหน่ายที่เกิดจากการคิดแบบนี้ มีอารมณ์หนักใจ มีความไม่ชอบใจไม่พอใจ อยู่อย่างนั้น ต่างจากนิพพิทาญาณ ที่ผู้เห็นแล้วรู้แล้ว จะเบาใจว่า เราไม่ยินดีกับสิ่งอันน่าเบื่อหน่ายเหล่านี้อีกแล้ว เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะไม่อาจทำอันตรายใดๆกับเราไม่ได้อีกต่อไป...แล้วนิพพิทาญาณนี้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วมีเกณฑ์อะไรเป็นเครื่องชี้วัดตัดสินว่านี่คือ อารมณ์นิพพิทาญาณแล้ว

    เริ่มต้นก็ต้องทำอย่างที่หลวงพ่อฤาษีท่านสอนนี่แหละครับถูกต้องแล้ว ต้องเริ่มจากการคิดก่อน แต่ว่าไม่หยุดอยู่แค่เท่านั้น ต้องเจริญกายคตานุสติกรรมฐานไปด้วย เจริญสติ สัมปชัญญะ และมีอานาปาณสติกรรมฐาน ร่วมด้วย เมื่อเดินจงกรมไป นั่งสมาธิดูลมหายใจบ้าง เอาสติตามดูจิตบ้าง ตามดูความคิดบ้าง จะเริ่มเห็นการเกิด-ดับที่จิต เมื่อมีอารมณ์มากระทบ จิตก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ เมื่ออารมณ์ดับไป จิตก็กลับสู่ความว่าง มองเห็นความว่าง แล้วความว่างหายไป กลายเป็นไม่ว่าง มองเห็นความสงบลงของจิต แล้วไม่นานจิตนี้ก็ไม่สงบ เมื่อมีสติตามรู้ตามดูอยู่อย่างนี้เนืองๆ คำว่า เนืองๆนี่หมายถึงตลอดเวลาครับ ตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น ไปจนถึงขณะสุดท้ายที่หลับ เห็นการเปลี่ยนแปลงซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ คือการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของ อารมณ์ที่จิตเสวย จนจิตเริ่มเห็นว่า โอ้หนอ ... จิตที่เราค้นหาว่าดี ว่าเป็นนายของกายนี้ ก็หาความเที่ยงไม่ได้ คงมีแต่เกิด ดับ สงบ ไม่สงบ ว่าง ไม่ว่าง เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไป หาที่สิ้นสุดลงไม่ได้ ควรหรือเราจะยึดถือว่า สิ่งนี้เป็นเราเป็นของเรา เป็นตัวเป็นตน เป็นธุระของเรา

    สติที่ตามดูจิตอยู่นี้ เกิดอาการเบื่อหน่ายแล้วคลายตัวลงจากความยึดมั่นถือมั่นในจิตนี้ว่าไม่เที่ยง...แล้วรวมวูบลงไปเข้าสู่โคตรภูญาณ คือ สติเป็นผู้เข้าไปเห็น สภาวธรรม อันเป็นเหตุที่ทำให้รู้แจ้ง เห็นจริง สิ้นสงสัย ในร่างกายนี้ คือปรากฏว่า ร่างกายนี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกายนี้ ร่างกายนี้ไม่มีในเรา เป็นสภาวะการเห็น ไม่ใช่การรู้ ...

    แต่จะว่ากันไปจริงๆแล้วนั้น เวลาเข้าสู่นิพพิทาญาณตอนนั้นเอง ไม่มีใครทันรู้หรอกครับว่า นี่นิพพิทาญาณแล้วนะ นี่กำลังไปโคตรภูญาณแล้วนะ กำลังดำเนินไปอย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้าง สิ่งเหล่านี้นั้นเกิดขึ้นเร็วมาก เหมือนเราลั่นไกปืน พอเสียงดังปัง กระสุนก็ถึงเป้าเสียแล้ว มองวิถีที่กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกปืนแหวกอากาศ หมุนควง ไปกระแทกเป้า ไม่ทันครับ...

    แล้วตอนฝึกกันจริงๆก็ไม่มีใครเขาไปสนใจว่านี่นิพพิทาญาณแล้วหรือยัง หรือว่าจะโคตรภูญาณแล้วนะ นี่คือธรรมที่เป็นปรมัตถ์สัจจะ หรือยังเป็นสมมติบัญญัติอยู่นะ นี่เรายึดในยึด หรือเราติดในอนุสัยอยู่หรือเปล่านะ ฯลฯ เรื่องพวกนี้ผู้ที่ฝึกอยู่และกำลังดำเนินไป ไม่มีใครสนใจเลยนะครับ แต่เมื่อไปจนถึงที่สุดแล้ว นั่นแหละ จึงจะย้อนกลับมาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น ว่ามีลักษณะอาการอย่างไร มีอะไรเป็นเครื่องสังเกตแยกแยะ แบบนี้มีอยู่ครับ แล้วแต่ละคนก็จะมีความสามารถในการแยกแยะละเอียด หยาบได้ไม่เท่ากัน

    เมื่อผู้ฝึกมาถึงอารมณ์นิพพิทาญาณแล้วนั้น ไม่มีใครสนใจในร่างกาย ความเกิดดับเปลี่ยนแปลงของร่างกายใดๆเลย มีแต่เพียงความสนใจในการเปลี่ยนแปลงของจิต โดยมีสติเป็นผู้รู้ มีสมาธิเป็นฐานกำลังช่วยประคับประคองให้ทรงอารมณ์ขณะนั้นได้ จิตจะเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายที่ตัวจิตเอง แล้วมีการถอนตัว คล้ายๆกับคนที่เดินถอยหลังออกมาจากความวุ่นวาย อาการตอนนี้ผมแยกไม่ได้ชัดเจนนัก เหมือนกับว่า อารมณ์นิพพิทาญาณนี้ จะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับที่จิตมีการถอยออกมาจากสภาวะของจิตที่มีการเกิด ดับ เป็นเหมือนกับมีจิตอีกจิตหนึ่ง ถอยจากจิตเดิม เป็นลักษณะที่ท่านเรียกว่าจิตเห็นจิต คือเห็นว่าจิตนี้ก็ไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตตัวนี้ที่ท่าน ฮวงโป หรือหลวงพ่อพุทธทาสเรียกว่า จิตเดิมแท้ จิตหนึ่ง หลวงปู่ดูลย์เรียก จิตพุทธะ หลวงปู่เทสก์ เรียกว่า ใจ ...

    หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่โคตรภูญาณเพื่อไปเห็นสภาวธรรม จนเมื่อเห็นแจ้งในสภาวธรรมแล้วนั้น จิตพุทธะนี้ จะมีธาตุรู้ ที่อยู่เหนือสติ คือรู้ในรู้อีกทีหนึ่งว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนี้ แม้จะอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งก็ตาม แต่ธรรมนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน ขึ้นชื่อว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ไม่ดับไปย่อมไม่มี

    จิตพุทธะนี้ จะวางสภาวธรรมลงเสีย แล้วถอยกลับออกมา จิตพุทธะนี้จะสว่างโพล่งอยู่เป็นเอกเทศอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงสั่นไหว ไม่มีเยื่อใย ไม่ผูกพัน ไม่สืบเนื่อง เป็นแต่รู้โพลงอยู่อย่างนั้น มีอาการเห็นจิตที่กระทบอารมณ์ เห็นสัญญา เห็นสังขาร เห็นอุปาทาน เห็นสุข เห็นทุกข์ เห็นรูป เห็นนาม เห็นจิตว่าว่าง เห็นจิตว่าไม่ว่าง เห็นสติว่าตามดูจิตอยู่บ้าง แต่ไม่มีสิ่งใดเลย แม้แต่ปรมัตถ์ธรรมใดๆก็ไม่เกี่ยวเนื่องกับจิตพุทธะนี้ครับ

    ถึงตรงนี้แล้วจะเป็นพยานให้ตัวเองได้ครับว่า กิจอื่นที่จะต้องกระทำอีกนั้น ไม่มีแล้วสำหรับเรา ความเพียรของเราได้ทำความดับสิ้นในทุกข์ทั้งปวงลงเสียได้แล้วในบัดนี้... ถึงตรงนี้แล้ว ดีใจก็ไม่มีครับ เสียใจก็ไม่มี ปีติใดๆก็ไม่มี หากจะมีอุทานขึ้นมาก็จะว่า “มันก็เป็นของมันอยู่เช่นนี้เอง”

    เวลานั้นก็จะปรากฏว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทรงมาประทานพรให้ ถ้าเป็นสาวกภูมิก็จะจบแต่เพียงเท่านี้...ถ้าปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณ ต้องกลับไปเริ่มตั้งต้นใหม่อีกรอบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปอีกนับอสงไขยกัลป์ จนกว่าจะมีความรู้ ความชำนาญ เพียงพอที่จะเป็นครูสอนผู้อื่นได้...


    ว่าถึงเลยนิพพิทาญาณไปหน่อย ก็เล่าเผื่อไว้สำหรับคนที่ขี้สงสัย จะถามต่อไปเรื่อยๆ ก็เล่าไปให้ครบตามที่คิดสงสัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ผมอธิบายนี่ก็อย่าได้ถือเอาว่าเป็นจริงแล้วไปใช้อ้างอิงเพื่อถกเถียงกับใครใดๆนะครับ เป็นแต่เพียงเรื่องเล่า เรื่องราวที่ผ่านมา...แล้วผมก็ยังไม่ได้บรรลุธรรมใดๆ ไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์ใดๆ เป็นแต่เพียงปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง...ที่สนใจในการปฏิบัติธรรม แล้วก็นำมาเล่าสู่กันฟัง เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤศจิกายน 2015
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,904
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุค่ะ ไปค้นมาอ่านมาที่อื่นก็ยังงงๆ คราวนี้แจ่มแจ้งดีมากค่ะ
     
  18. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    อนุโมทนาสาธุ คนถาม คนตอบ คนส่งสาร แถมคนอ่านและคนนำไปปฏิบัติ
    ป่าRamingไปตอบไว้ที่ไหนเนี่ย มาให้ความรู้ในนี้บ้างซิเผื่อบางคนไม่ได้ไปเที่ยวที่อื่นด้วยอย่างกระผม คุณNopphakanก็หายไปเลยหลังจากโดนแบน ทิ้งเพื่อนๆน้องซะแล้ว ประมาณว่าไม่ให้ใช้userก็ไม่เดือดร้อน แต่เพื่อนๆน้องๆเดือดร้อนเพราะคิดถึง เข้าใจบ่

    อารมณ์นิพพิทาญาณเป็นตัววัดตัวเองได้ดีว่าปฏิบัติถูกทางไหม เจริญก้าวหน้าไหม
    คำอธิบายของป๋าRamingปุถุชนคนธรรมดาเป็นคำอธิบายที่ละเอียดครอบคลุมมากๆ
    เคยค้นหาความหมายมาก่อน ป๋าสรุปข้อสำคัญทั้งเหตุที่ทำให้เกิด ความแตกต่างจากอารมณ์คิดหรือการรู้เห็นโดยจิต การพิจารณาธรรมหลังจากเกิดอารมณ์นิพพิทาญาณ
    ลักษณะสภาวะขณะเกิดนิพพิทาญาณ

    คำอธิบายเพียงย่อหน้าเดียวแต่มีแต่เนื้อหาเนื้อๆและหัวใจ อ่าน ทบทวนให้ดีมีประโยชน์มากๆ
    ขออนุญาตเน้นอีกที เช่น นิพพิทาญาณ ไม่ใช่ ความคิดเบื่อหน่าย
    นิพพิทาญาณจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องเจริญกายคตานุสติกรรมฐานไปด้วย เจริญสติ สัมปชัญญะ และมีอานาปาณสติกรรมฐานร่วมด้วย นิพพิทาญาณจะเกิดเมื่อมีสติตามรู้ตามดูอยู่อย่างนี้เนืองๆ คำว่า เนืองๆนี่หมายถึงตลอดเวลาครับ
    อารมณ์นิพพิทาญาณ คือความรู้สึกเบื่อหน่ายนี้ เกิดขึ้นที่จิต เป็นผลจากการฝึกอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ยาวนาน จนอินทรีย์แก่กล้ามีกำลังทั้งสติ สมาธิ และปัญญา ถึงพร้อมด้วยกันดีแล้ว

    นิพพิทาญาณนี้ จะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับที่จิตมีการถอยออกมาจากสภาวะของจิตที่มีการเกิด ดับ เป็นเหมือนกับมีจิตอีกจิตหนึ่ง ถอยจากจิตเดิม(จิตเดิมของป๋าคงจะหมายถึงจิตดวงเดิมที่เรารู้จักทั่วไป ที่คิดว่ามีสถาพจิตเพียงสภาพเดียว แต่ในขณะเกิดสภาวธรรมนิพพิทาญาณนี้ เสมือนมีอีกจิตที่เรียกว่าจิตเดิม จิตเดิมแท้ หรือใจ ถอยออกมาดูจิตหรือจิตดวงเดิมที่เรารู้จักทั่วไป) เป็นลักษณะที่ท่านเรียกว่าจิตเห็นจิต คือจิต(จิตเดิมแท้)เห็นจิต ,จิต(จิตเดิมแท้)เห็นอารมณ์ ,จิต(จิตเดิมแท้)แยกจากอารมณ์ ,จิต(จิตเดิมแท้)แยกจากเจตสิก)
    คือจิตเดิมแท้เห็นว่าจิตนี้ก็ไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จิตตัวนี้ที่ท่าน ฮวงโป หรือหลวงพ่อพุทธทาสเรียกว่า จิตเดิมแท้ จิตหนึ่ง หลวงปู่ดูลย์เรียก จิตพุทธะ หลวงปู่เทสก์ เรียกว่า ใจ ... หลวงพ่อลีเรียกว่า จิตเดิม

    จิตพุทธะนี้ จะวางสภาวธรรมลงเสีย แล้วถอยกลับออกมา จิตพุทธะนี้จะสว่างโพล่งอยู่เป็นเอกเทศอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงสั่นไหว ไม่มีเยื่อใย ไม่ผูกพัน ไม่สืบเนื่องกับสติ สมาธิ ปัญญา ฌาน ญาณรู้ใดๆ ไม่มีสิ่งใดเลย แม้แต่ปรมัตถ์ธรรมใดๆก็ไม่เกี่ยวเนื่องกับจิตพุทธะนี้ครับ

    ไหนๆก็พูดถึงนิพพิทาญาณแล้ว ฝากถามป๋าRamingด้วยครับ
    การรู้เห็นสภาวธรรมอริยสัจ4 ในอนุโลมญาณ หรือ สัจจานุโลมิกญาณนั้น ขณะจิตรวมดับวูบไปนั้น มีการดับไปของสัญญา เวทนา วิญญาณ ในสภาวะของการดับในลักษณะนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรกับ การดับในนิโรธสมาบัติ
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,904
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ระหว่างรอท่านอ ระมิงค์มาตอบก็อ่านคําถามของท่านTHE SEVEN ก็งงแล้ว สาธุๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Headache.jpg
      Headache.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.4 KB
      เปิดดู:
      43
  20. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ตามอ่านมาพักใหญ่ๆค่ะ (ได้ความรู้มากจริงๆค่ะ) โมทนาสาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...