ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    พอดีสอดคล้อง กะที่ ป๋านพ

    เคย เอ่ย ทัก ไว้

    ว่าเรา มีอาวุธ วิเศษ (ซ่อน อยู่ที่ใดสักแห่ง)

    ป๋าระมิงค์ จึงได้ ถามว่า คิดว่า อาวุธ ที่เอ็งมี น่าจะเป็นอะไร

    ก็เลย มานั่ง นึกตรึกตรอง โดย สหรคตด้วยจินตมยปัญญาญาณ
    (แปลว่า คิดเองเออเอง ภาษา แพทย์ เรียกว่า โรคอุปาทาน ชาวบ้านเรียกว่า อาการประสาทแดรก)

    เลยบอกป๋ามิงค์ ว่า หนูคิดว่า อาวุธที่มี คงเป็นลุกแก้ววิเศษ ค่ะ ที่ใสเหมือนหยดน้ำ (เพราะหนูชอบอะไรว๊อปแว๊ป)

    ป๋ามิงค์ เลยใช้ญาณ เล็งเฉลย รับรอง นิมิตรอันใดพี่เอย ของหนู ว่า คงเป็นลุกเห็บที่ฟาดหัวหนู ปีแล้วนั้นล่ะ ละลายเข้าหัวไปละ
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ข้าพเจ้าขอประกาศ สละคืน ..........…..................................

    อโหสิ อโหสิ อโหสิ ฯ
    โสสสสสสสส .....


    ไปยังไง มายังไง แต่ก็ไปเจอเข้าแล้วจนได้ค่ะคุณนพ

    ... ส่งสัณญาณให้เข้ามาตั้งแต่วันที่คุณนพโม้แล้วค่ะ ไม่ให้ดิฉันฉายเดี่ยว สงสัยจะกลัวดิฉันออกนอกทะเลไปค่ะ ...
    :boo:
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    "ทำตัวให้สบาย ทำใจให้สนุก"

    "ถ้าเราคิดถึงพระ เหมือนกับคิดถึงแฟนได้นี่เราใกล้จะดีแล้ว"

    "อย่าให้อารมณ์ไม่ดีมากระทบ ถ้ารู้ตัวให้เบนกระแสทันที"

    ........ คำสอนหลวงตาคร่าวๆค่ะ ........ :cool::cool::cool:




    คุณนพไม่อยู่ ... งั้นดิฉันขอโม้มั่ง
    โม้หรือบ่นดี ... เอ้า คุณนพเคยบอกว่าห้ามบ่น งั้นเอาเป็นมาเล่าความสับสนของตนเองให้ฟังดีกว่า
    ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไงกับตัวเองดี บางวันก็ลูกผี บางวันก็ลูกคน บางวันก็ลูกเทวดา แต่ไม่ยักกะจะหัดเป็นลูกคนรวยกะเขามั่งเลย มีแต่จะเป็นลูกคนจนๆน่ะนะ ฮี่ๆๆๆๆๆ

    นึกๆไปถึงศิษย์พี่ เคยบอกว่า ปฎิบัติมาอยู่ๆ ๕ ปี ไม่อยากเกิด อะไร ทำไม อยากปราถนาไปเกิดช่วยคนอื่นๆซะงั้น ดิฉันนั่งฟังก็ ... โห... ไม่เอา ไม่เอา นะ ทุกข์ขนาดนี้ ยิ่งไปให้เร็วๆเลยยิ่งดี

    แต่บางครั้ง ในใจลึกๆ ย้ำว่าลึกๆๆๆๆๆๆๆ ๆๆๆ.... ลึกไปไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
    ทำไม๊ ทำไม คิดพิเรนณ์ๆได้หน๊ออ...
    ตัวเองทุกวันนี้แทบเอาตัวไม่รอด ยังมีหน้าไปห่วงคนอื่นๆๆๆอีก
    บางทีมันนึกกลัวใจตัวเองขึ้นมาเหมือนกันนะคะ ว่า เฮ้ยยย ..... อย่านะ ๆๆๆ
    บอกว่าไปเลยๆ ไม่ต้องเหลียวหลังมาแล้ว ออกประตูให้พ้นไป ถ้าไม่ออกอยู่ช้าอีกนิดเดียวมีหวังหันหลังไปที่เดิมเพื่อฉุดลากหมู่คณะออกมาจากกองเพลิง
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ....

    สภาพของตัวเองมันไม่ไหวอยู่แล้วล่ะ ไอ้ที่จะวิ่งไปช่วยใครน่ะ มันวิ่งไปตายต่างหาก ของมันรู้ๆๆอยู่ แต่ที่ไม่รู้คือ "" คิดแบบนี้ได้ไงเนี่ย""

    คุณนพช่วยตบกะโหลกให้มันตื่นๆจากฝันที .....

    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อ้อๆๆ เคยๆได้ยินคุณนพเคยย้อนไปเห็นว่าตัวเองเคยเกิดเป็นพระของมหายาน ดิฉันว่าจิตของคุณนพ มาแนวๆนี้บ้างล่ะ แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยเปิดเผยกันเท่าไหร่ ในเวปฯนี้ที่ดิฉันได้คุยด้วยมีแต่ปราถนากันมาก่อนทั้งนั้น บางคนก็จะไปต่อ บางคนก็ไม่ไหว ....

    เอ้า ... คุยขำๆ ค่ะคุณนพ แต่คุณนพไม่ต้องตอบก็ได้เน้อ

    ส่วนเรื่องพลังงาน เคยปล่อยค้างเป็นเกือบอาทิตย์ สรุปคือ ขาลากเลยค่ะคุณนพ คือมันยกไม่ค่อยขึ้นกันเลย พอตกตอนเช้าต้องลงไปปล่อยค่ะ ไม่ไหว... หุหุ พลังงานขาลาก นี่ถ้าปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนั้นต่อไปดิฉันอยากทราบว่ามันจะเป็นยังไงมั่งคะ มันจะลามไปถึงไหนหนอ ...

    ก็ยังฝึกอยู่เรื่อยๆค่ะ และตอนนี้จับได้อย่างหนึ่งคือ ต้องอารมณ์ดีๆ หรือเฉยๆ พลังงานจะหนาแน่นตอนช่วงตื่นใหม่ๆค่ะ ไม่ต้องจับก็สัมผัสได้ เข้าใจว่าเวลานี้จิตว่างสุดๆ ใช่ไหมหนอ....
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เรื่องที่บ่น อ่านเรียบร้อยแล้วนะครับ ๕๕๕
    ส่วน. เรื่องความแน่นของพลังงาน
    เราจะเห็นได้ชัดว่ามันหนาแน่นขึ้น ขยายวงได้กว้างขึ้น เร็วขึ้นได้นั้น
    ที่เข้าใจ ณ ปัจจุบัน ก็ถูก คือทำให้จิตมันคลายในระหว่างวันให้นานที่สุด
    ให้ได้มากที่สุดนะครับ ทำให้ได้หลายๆวันหน่อย
    . แล้วสังเกตุดูได้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นไปของมันเอง
    จนเราขี้เกียจดูและรักษาอารมย์เลยหละครับ
    จากที่นับเส้นได้ ขึ้นบนแบบหลวมๆ โว้งเว้งๆ ๕๕๕
    จะมาเป็นรวมกันเป็นท่อกลมขนาดเป็นเมตรได้เอง จนอาจตกใจได้ ๕๕๕
    แต่ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคับ
    ที่พูดมามองเห็นได้ในสภาวะลืมตาปกติในอารมย์สมาธิไม่มากนี่หละครับ
    ปล.เคลียร์ โปร่ง โล่ง ได้นานๆ ใช้นัยยะ ที่ไม่ใช่ว่าว่าง และ
    ไม่ว่างนั้นหละว่าง. :cool:
     
  6. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    อยากฟังนิทานเรื่องต้นธาตุ (จุดเริ่มของธาตุทั้งสี่) ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากต้นธาตุ แล้วแดนนิพพานที่ผู้คนกล่าวฝันถึง มีจุดเริ่มต้น เชื่อมโยงกันอย่างไร มันอาจไกลตัวมาก แต่ก็ถือว่าเล่านิทานให้เด็กฟังแล้วกันค่ะ
    ปล.ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พูดเป็นแนวๆพลังงานจะดูเข้าถึงง่ายกว่า..
    พลังงานของจิตเราอยู่ในมิติที่ ๓ เป็นปกติพูดง่ายๆ
    ก็แบบที่มีกายเนื้ออะไรทำนองนี้หละ ที่จิตมันรวม
    เอาสิ่งๆต่างๆเข้ามาจนเป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้..
    พอละเอียดขึ้นมาหน่อยก็จะข้ามไปมิติที่ ๔ ได้หรือมักเรียก
    กันว่าภาคทิพย์แต่มันก็ยังต้องวนเวียนมาเกิดได้อยู่เพราะว่า
    ยังติตเรื่องสัญญาที่สร้างเป็นภาพต่างๆได้อยู่มันก็ยังไม่เกิน
    ๓๑ ชั้นภูมิหรือแม้เกินไปก็ยังจะต้องอาศัยรูปกายทิพย์อยู่...
    ถ้าเราจะอัพตัวเองไปถึงมิติที่ ๕ หรือมิติที่ไม่มีการเวียนว่าย
    ตายเกิดได้ เราก็ต้องสร้างให้จิตเรามันเข้าสู่โหมดวิญญานธาตุ
    ให้ได้ก่อนเป็นทุนเพราะตัวจิตจะข้ามธาตุต่างๆที่มันมารวมเป็นกายหยาบ
    แม้กระทั่งภาคทิพย์ของเราต่อไปก็ต้องก้าวข้ามพ้นไปให้ได้..
    ก็ค่อยๆยกระดับจิตพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงมิติที่ไม่มีการกลับ
    มาเวียนว่ายตายเกิดนั้นหละ เราถึงจะเรียกได้ว่าพ้นวัฏจักรนี้แล้วได้นั่นเอง
    การที่เราขอบารมีต่างๆจากผู้ที่อยู่ในมิติที่ ๕ ก็เพื่อให้จิตมันคุ้นเคย
    กับพลังงานในมิตินั้นๆ เพื่อสร้างโอกาศให้จิตเราที่มันติตอยู่ในมิติ
    ที่ ๓ ได้คุ้นเคยนั้นเอง เราถึงต้องมาปฏิบัติทุกอย่างเพื่อการปลง การวาง
    การคลายๆทุกๆสิ่งที่มันเกาะตัวจิตเราในมิติที่ ๓ เพื่อรองรับยกระดับ
    ตัวจิตให้ข้ามไปสู่มิติที่ ๕ หรือมิติที่ไม่มีการเวียนว่ายตามเกิดเนื่อง
    จากไม่มีอะไรมายึดเกาะ แม้แต่ภาคทิพย์เองก็ไม่ยึกสิ่งใดๆ..
    พอเจาะเข้าใจบ้างไหม..
    ปล.พูดให้ฟังแบบหยาบๆนะ..
     
  8. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    พอฟังแนวพลังงานมันก็เข้าใจค่ะ .แต่เหมือนในส่วนของวิญญาณธาตุก็ยังคงอยู่

    ขอโทษค่ะ ที่ถามทั้งๆที่ตัวเองไม่มีความสามารถเข้าถึง .ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 พฤษภาคม 2015
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    โหมดวิญญานธาตุก็เป็นพลังงานเหมือนกัน..
    เพียงแต่เหมือนเป็นพลังงานที่เป็นตัวกลาง
    ที่เชื่อมตัวจิตในพลังงานมิติที่ ๓ ไปพลังงาน
    ในมิติที่ ๕ ได้นั่นเอง ที่เรียกว่าเป็นวิญญานธาตุ
    เพราะมันข้ามธาตุทั้ง ๔ ที่รวมเป็นกาย
    แต่นัยยะลึกๆหน่อยตัวเราจะมีปกติ ๖ ธาตุ
    คือมีอากาศธาตุและวิญญานธาตุด้วยแต่มันแยก
    ให้ชัดเจนได้ยากจึงพูดรวมๆแค่ ๔ ธาตุ
    ยกตัวอย่าง เวลาจิตเราคิดถึงเรื่องอะไรก็ตาม
    แล้วดึงเข้ามาในจิต เราจะรู้ประมาณว่าเรากำลังคิดๆ
    เรื่องนั้นอยู่..แต่จริงๆ ไอ้ตัวที่มันไปดึงเรื่องนั้นๆเข้า
    มานั่นหละคือวิญญานธาตุ.ปกติเราจะมองไม่เห็นหรือคิดไม่ถึง
    และมันก็ต้องผ่านอากาศธาตุโดยมีอากาศธาตุเสมือนถนน
    ให้วิญญานธาตุมันเดินทางได้ แต่เรื่องพวกนี้มันข้ามมิติและเวลา
    มันไม่ได้อยู่ในสภาวะปัจจุบันชัดเจนเหมือนธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลมและไฟ
    จึงเป็นที่มาให้พูดง่ายๆแค่ธาตุ ๔ หรือเรื่องอื่นๆจริงๆมันมีอยู่ปกติ
    และพลังงานในโหมดวิญญานธาตุ นั้นจะข้าม
    เรื่องสัญญาต่างๆที่สร้างจากอายตนะต่างๆที่สร้างเป็น
    ภาพขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะก้อน หิน อิฐ ปูน ภพภูมิรูปร่างต่างๆ ฯลฯ
    นี่คือเอกลักษณะของวิญญานธาตุ ทางวิทยาศาสตร์เค้าอาจเรียก
    ตัวหนอนอะไรประมาณนี้ มันก็คือ วิญญานธาตุกับอากาศธาตุนั้นหละ
    อย่างกายทิพย์อะไรเนี่ยยังเป็นพลังงาน
    ในมิติที่ ๔ อยู่มันก็ยังข้ามไปมิติที่ ๕ ยังไม่ได้ถ้า
    ไม่ปล่อยวางทั้งหมดหมายถึงปล่อยวางการหวัง
    ที่จะเข้าไปยังพลังงานในมิติที่ ๕ ด้วย..พูดง่ายๆ
    คือตัวจิตจะต้องไม่มีอะไรมายึดเกาะเลยมันถึง
    จะเข้าสู่เขตพลังงานมิติที่ ๕ นั้นได้...

    ปล.มองเป็นพลังงานให้หมดจะได้ไม่งง..
     
  10. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515

    อาตแมว จะเดินทาง ไป มข. ค่ะ ทะลุ ไปเมืองเลย

    น่าจะวันที่ 30 ถ้าหลง 31 ก็น่าจะถึงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2015
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ปรับแผนการเดินทางให้มาถึงให้ได้วันที่ ๒๙ ถึงจะมีแก็งค์เฮฮาร่วมเดินทาง
    อีกหลายพระนาง และจะได้เจอมนุษย์แปลกๆอีกหลายตน ๕๕๕
    เหตุเพราะว่าก๊วนๆจะไปบ้านหมอเสน่ห์ เช้าวันเสาร์ที่ ๓๐ เน้อ..
    และมีของดีของวิเศษอะไร ก็พกมาให้หมดด้วยเลยวันนั้น..
    จะได้มาไม่เสียเที่ยว..ส่วน ช ไม่ต้องไปหาดูเอาข้างหน้า ๕๕๕.
     
  12. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    หลาน ของพายุ จะสอบ ที่ มข. ตอน ครึ่งวันเช้า วันที่ 29 น่ะค่ะ

    ตอนบ่าย น่าจะไปได้ ละคะ ถ้าไม่หลงนะคะ

    เรา จะ ไปเลี้ยงกาแฟคุณ นพค่ะ

    เอของวิเศษ รึคะ เรามีแต่ใจพิเศษ ค่ะ แล้วก็มีความงาม ประดุจอาวุธ ค่ะ (one-eye)
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อืมงั้นน่าจะพอดีเวลา กลับเดอะแก๊งค์ สตรีทั้งหลายเหาะมาถึงช่วงบ่ายพอดี..
    คงจะได้เจอกันก่อน..ถ้าไม่ไปหลงเสน์ห์ หนุ่มเซอๆแถว สถาปัด ก่อน..
    ส่วนเรื่องอาวุธ ขอฮาก่อนนะ..๕๕๕๕
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ส่งนายตำรวจ ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ไปให้คุณนพฯช่วยแนะนำ น้องวัลย์ ชื่นชมและขอบคุณเป็นอย่างมาก แบบว่าสามารถทำให้แฟนที่ป่วยอยู่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังจริงๆ
    สองสามีภรรยา จะออกเดินทางเที่ยงคืนวันศุกร์ เพื่อหวังจะไปเจอเดอะแก๊งและคุณนพฯเผื่อจะขอฝึกวิชาในระหว่างที่ให้หมอเสน่ห์รักษาตัว...

    แล้วก็มาซักเรื่องราวคุณนพฯเอาจากผมว่าอยู่ที่ไหน อยากไปขอฝึกวิชาด้วย ฯลฯ
    ก็แล้วผมจะไปรู้ได้ไงนิ...ก็คุยกันแล้วไม่ถามกันเอง...น้องเขาบอกว่าเกรงใจคุณนพฯมาก..เลยมาถามเอาจากผม..ส่วนผมก็ไม่ค่อยไปยุ่งเรื่องคนอื่น รู้เท่าที่เจ้าตัวจะบอก ไม่เคยไปซอกแซกเรื่องใคร...ผมบอกได้แต่ว่า ถ้าเรื่องเกี่ยวกับพลังทางด้านฤทธิ์อภิญญา ต้องคนนี้เลย ทำได้จริง ผมเองก็มาศึกษาจากคุณนพฯนี่แหละ...

    เรื่องแบบนี้ถนัดใครถนัดมัน...เรื่องไหนผมไม่ถนัด ผมก็ส่งให้คนที่ถนัด ...จริงๆแบบนี้ผมชอบมากเลยนะ...ไม่เหนื่อย ไม่ต้องออกแรงเอง ... คอยนั่งโมทนาสาธุเอาครับ..สบายใจจริงๆ...555+
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อะจึย!! พี่งทราบว่าเป็นตำรวจ พอดีไม่ได้ถามเหมือนกันครับ ๕๕๕
    เรื่องแบบนี้ เด่วต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าจริงๆเลย หรือจริงๆแล้ว
    ตัวเองเนี่ยไม่ได้ถือว่าถนัด หรือว่าเก่งอะไรเลยนะครับ..ที่ทำอยู่ตอนนี้
    เป็นเพียงการทำงานในระดับปกติทั่วๆไป และการรู้ต่างๆ
    ก็ยังถือว่าหยาบๆอยู่ครับ..เรื่องนี้พูดตรงๆแบบไม่อายครับ เพราะว่ามันเรื่องจริง ๕๕๕

    ในเรื่องของการรับรู้ โดยเนื้อแท้ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตของแต่ละบุคคลครับ..
    สมมุติว่า มี ๑๐ ขั้นตอนการรับรู้ บางคนอาจจะเริ่มต้นที่ ๐.๕ หรือ ๒ หรือ ๕ หรือ ๖ หรือ ๑๐
    ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญด้วยครับ..เพราะว่าไม่ว่าจะเริ่มต้นรับรู้ขั้นตอนไหน
    ก็สามารถที่จะฝึกเข้าถึงด้วยกันให้ถึง ๑๐ ขั้นตอนได้เหมือนกันหมดในอนาคตทุกคนครับ..
    และการรับรู้ในขั้นตอนที่ ๖ ขึ้นไปนั้น ทุกๆคนก็สามารถ
    ที่นำมาพัฒนาเพื่อที่จะรักษาตัวเองได้ทั้งนั้นครับ..

    ถ้าจะเปรียบแล้ว ตัวเอง ก็เสมือนกับเพียงพวกตัวแหย่ๆ ต๊อดๆ สิ่งที่เค้ามี
    อยู่เดิมแล้วในจิตของเค้าเอง เพื่อที่จะดึงให้ขึ้นมาใช้งานได้เท่านั้นเองครับ..
    แต่จะว่าไป(โม้เล็กน้อย)..ข้อดีก็คือ ไม่ต้องมาเสียเวลาฝึกให้เมื่อยเหมือนตัวเอง ๕๕๕
    ย้ำว่า เป็นการดึงความสามารถที่มีอยู่เดิมแล้วในจิตของคนนั้นๆนะครับ..
    เพราะฉนั้นแต่ละคนย่อมมีการรับรู้ แตกต่างกันไป ชำนาญต่างกันไป
    ขึ้นอยู่กับว่าจิตดวงนั้นๆเคยฝึกสะสมอะไรมาก่อน และก็อีกเรื่องที่สำคัญ
    ก็คือ การเคลียร์กระแสวิบากหรือกระแสจร หรือกระแสร้อน ต่างๆที่มัน
    มาเกาะยึดติดกับจิตดวงนั้นๆให้เบาบางลง ซึ่งตรงนี้ ต้องเป็นดวงจิตนั้นๆ
    หรือบุคคลนั้นๆเป็นผู้ทำเอง เรียกว่ากระแสของใคร คนนั้นก็ต้องแก้เอง
    ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บุคคลนั้นๆจะต้องรับผลของกระแสนั้นๆไปก่อน
    ด้วยตัวเองจนถึงในระดับที่เริ่มวาง เริ่มปลงได้ เริ่มยอมรับได้
    บวกกับการสร้างกระแสเย็นๆให้จิตเพื่อมาหนุนเช่น ทำบุญ สร้างความดี
    ถือศีล ไม่โกรธ ไม่อิจฉา ไม่ริษยา ไม่อาฆาต มีเมตตา ฯลฯ
    กระแสเย็นพวกนี้พอมีมากๆ มันก็จะมาผลักพวกกระแสไม่ดีต่างๆให้มันอ่อนลง
    และเริ่มคลายลง จนกระทั้งไม่มีได้ด้วยตัวของมันเองครับ...

    และพอได้ไปแหย่ ไปดีงหน่อย ความสามารถที่เคยทำได้มาก่อนในอดีต แม้ว่าปัจจุบัน
    จะไม่เคยฝึกไม่เคยรู้เรื่อง มันก็จะผุดขึ้นมาได้เองเพราะตัวขวางมันน้อย..
    และหน้าที่ต่อไป ก็คือให้บุคคลนั้นๆ ทำการเคลียร์กระแสวิบาก กระแสจรพวกนี้
    ในระหว่างวันด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้มันมาเกาะยึดกับตัวจิตก็เท่านั้น..
    ส่วนกระแสที่มันเกาะตามร่างกายต่างๆ หรืออวัยวะต่างๆมานานแล้ว เราก็ค่อยๆ
    เคลียร์มันออกไปบ่อยๆ ทุกวัน มันก็จะคลายตัวและออกไปได้จนหมดของมันเอง
    ในอนาคตด้วยตัวเราเอง และก็จะเหลือสภาพปัจจุบันปกติตามความเป็นจริง
    ของร่างกาย ณ เวลานั้นๆได้เอง บางคนพูดง่ายๆว่าหายป่วย หายจากโรค
    อะไรก็สุดแล้วแต่จะเรียกครับ..แต่ส่วนตัวไม่มีความสามารถสร้างขึ้นให้ได้นะครับบอกไว้ก่อน
    และไม่มีความสามารถพอที่จะสลายส่วนเกินให้หายไปได้เลย ณ เวลานั้นๆ
    ส่วนการปรับกระแสก็พอทำได้ ขึ้นอยู่กับกรณีๆไป..และที่สำคัญ ณ เวลานี้
    ไม่มีความสามารถพอที่จะเคลือนย้ายหรือปลดกระดูกให้กลับสู่
    สภาพเดิมๆได้ เพียงแค่ท่องบ่นเพียงไม่กี่คำเหมือนหมอเสน่ห์ครับ..
    ..
    เพราะฉนั้นจึงเป็นที่มาคล้ายๆป๋า มิงค์
    คอยนั่งโมทนาเอา เช่นกันครับ ๕๕๕๕
    ปล.ส่งลูกต่ออีกรอบเช่นกันครับ ๕๕๕๕
     
  16. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    สงสัยว่า เอาบารมีลงมามากหรือเอาลงมาน้อย คืออะไรครับ แล้วทำไมบางคนเอาลงมามาก บางคนเอาลงมาน้อย
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    การเอาบารมีลงมา จะเป็นดวงจิตของพวกที่เค้ามีสัมพันธ์ กับพระพุทธฯท่านต่างๆ
    พระโพธิสัตว์ท่านต่างๆ หรือองค์มหาบารมี หรือผู้โปรด อะไรทำนองนี้ครับ
    พูดง่ายๆคือ เคยทำงานร่วมกันมา เป็นญาติกันมาก่อน อะไรประมานนี้ครับ
    บารมีคือความสามารถพิเศษทางจิตต่างๆ
    ในระดับใช้งานได้เลยไม่ว่าด้านไหนๆ
    แบบที่จะเกิดขึ้นได้เองเมื่อเวลามาถึง
    ที่สำคัญคือไม่ต้องฝึกครับ ส่วนการเอาลงมา
    แค่ไหนจะรู้ได้เองเมื่ออยู่ตัว คือเน้นเอามาใช้งานนั่นหละครับ
    บางคนแค่จับตัวผู้ป่วยบางโรค คนป่วยก็หายเลยก็มีครับ
    นี้ยกตัวอย่างนะครับ หรือเมื่อจิตเคยชิน
    โดยไม่ส่งผลกะทบทางด้านต่างๆทั้งร่างกายและจิตใจ
    ก็จะรู้เองว่าเอาด้านไหนลงมามากและเพื่ออะไรครับ
     
  18. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ แล้วทำไมต้องเอาลงมามากหรือน้อยครับ ใครเป็นคนกำหนดครับ ทำไมไม่เอาลงมาหมดเลยละครับ อันนี้สงสัยตามประสาปุถุชนคนช่างสงสัยจริงๆครับ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คือเอามาลงมามากน้อยก็เพื่อประเด็นเรื่องการนำไปใช้งาน..
    ที่รู้จักส่วนตัว มีตาทิพย์กับย้อนอดีตได้เป็นพันๆชาติเนี่ย..
    เมื่อก่อนก็เพี้ยนๆครับ..เพราะว่าจิตมันจะไปยึดกับทุกอย่าง
    ที่รับรู้ จนกลายเป็นตัวเองไปเลย..ช่วงหลังมาฝึกสติ มาหัด
    ปล่อยวางถึงกลับเป็นปกติได้..หลายๆคนเข้าโรงพยาบาล
    จิตเวชไปเลยก็มีครับ..เพราะฉนั้นบางครั้งกลุ่มแบบนี้เราต้อง
    ดูให้ดีๆด้วยครับ..ถ้าเผลอไปปรามาสเข้าเนี่ยอาจเป็นกรรมหนักได้...
    และเอาลงมาหมดไม่ได้ครับ เพราะว่าธาตุร่างกายโดยปกติของมนุษย์
    มันจะไม่มีภูมิต้านทานเพียงพอในเรื่องของพลังงานทางจิตครับ
    ถึงต้องมาฝึกฝนก่อนในระดับหนึ่งเพื่อสร้างภุมิต้านทานเรื่องแบบนี้
    .ต้องยุครวมบารมีในผู้เป็นเลิศ
    สมัยต่อไปโน้นครับถึงจะเป็นยุครวมบารมีได้..
    และเรื่องพวกนี้โดยมากจะเป็น
    เรื่องในส่วนที่มันเกี่ยวข้องกับภาคทิพย์ด้วยครับ..
    สังเกตุไหมครับ ที่ครูบาร์อาจารย์สมัยก่อนท่านบอกว่า
    ท่านนั้นท่านนี้ร่างกายเป็นทอง เป็นนั้นเป็นนี้นั่นหละครับ.
    และในบุคคลส่วนมากที่มีสัมผัส
    มักจะไม่ค่อยทราบเรื่องที่เกี่ยว
    ข้องกับภาคทิพย์ตัวเองด้วยครับ.
    ซึ่งเรื่องพวกนี้จะเป็นพลังงานอยู่ในมิติที่ ๔ ครับ..
    หรือเราเรียกง่ายๆว่าส่วนภพภูมินั่นหละครับ...
     
  20. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    พี่มาย บอกว่า

    ขอให้ ท่านหมอ เจริญๆ บรรลุพระนิพพานเทอญ
    (ตอนแรก กะว่าถ้าเจ็บมาก จะต่อยหมอด้วย ด้วยจิตใจอันลึกซึ้งชัวร้ายสารพัดพิษ)

    และน้องเด็กชายผู้ช่วยท่านหมอ เราอาหลานมีความเห็นว่า ช่างเป็นเด็กดี มีจิตใจเมตตา
    เพราะ ระหว่างที่ช่วยงาน ท่านหมอรักษาผู้คน เด็กชายน้อยๆหูกางคนนั้น ดูสายตา เป็นห่วงเป็นใย ผู้ป่วยหนักที่ร้องโอดโอย อย่างน่าเวทนา ด้วย (บ้างก็จั๊กกะจี้) พางปลอบใจผุ้ป่วยด้วย

    เราอาหลานประทับใจมากค่ะ (แม้ว่าตอนแรก เราจะคิดในใจว่าเด็กนี้เป็นมนุษย์ป่าววะ รึกุมารทอง)

    และรู้สึก ขอบคุณ พี่ป๋าท่านนบ อย่างยิ่งใหญ่ ที่เมตตาต่อ เอเลี่ยนนรก อย่างเรา (และยังอดทน ไม่ด่าทอ กระทืบซ้ำส่ง)
    และ เรา ทึ่ง ใน สายตาแสกนนอกในใส้พุง ของพี่มากๆๆ เลย
    ทั้งยังสละเวลาส่วนตัว มา บำเพ็ญประโยชน์ มาพวกเรา ไปวัดด้วยไหว้พระเจ้า

    และซาบซึ้งกับ โอ๋ (กาลีนะ) ที่ใจดี เป็นห่วงใย เราสารพัด จิกทึ้ง ให้เราไปรักษา ก่อนตายให้ได้

    และคุณพี่เครือวัลย์และครอบครัว ที่จองคิวให้ด้วย (ครอบครัวนี้จมูกโด่งหน้าตาดีทุกคนเลย)

    ขอบคุณพี่ติง และท่านป๋าระมิงค์ ที่ช่วย ด้วยนะคะ

    พี่เกทก็ ใจดีสวย เปอเฟค สปอต กทม ค่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...