ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล​

 

เวลาตี 1.04 น. โอนเข้าบัญชีนางมลพร เชียงทา จำนวน 100 บาท อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

 

คุณมลพร และ คุณน้ำใส (คุณน้ำใส ติดธุระฝากให้ผมแจ้งครับ) ฝากแจ้งมาให้กับสมาชิกพลังจิต ได้อนุโมทนาบุญกันครับ ว่า ยอดเงินที่ร่วมบุญกับพระอาจารย์ที่ออกนิโรธสมาบัติ กันทั้งหมดทั้งในเว็บพลังจิตและญาติธรรมที่ จ. ลำพูน มีรายละเอียดข้างล่าง น่ะครับ

สำหรับภาพ นั้นคงจะมีการนำมาให้ชมอีกครั้งเนื่องจากไม่ค่อยมีสัญญาณ ครับ..


สรุปยอดร่วมทำบุญกับพระอาจารย์ ฯ ออกจากสมาบัติ

รายการ จำนวนเงิน (บาท)

ยอดรวมทั้งสิ้น 17,114.00

ซื้อของต่าง ๆ ถวายฯ 13,892.00

ปัจจัยที่เหลือถวายฯ 3,222.00

 

อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน คุณมลพร และพี่น้ำใส ด้วยครับที่ได้ร่วมบุญกันในครั้งนี้ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ที่ได้ร่วมบุญกันในครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยแต่สูงค่าด้วยจิตใจจริงๆ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านอีกครั้งครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่่านด้วยนะครับ
ขอให้สำเร็จในสิ่งที่อธิษฐานปรารถนาไว้ทุกประการครับ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่าน ทั้งหมด ทั้งมวล ด้วยค่ะ สาธุๆ

 

ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่าน ทุกประการ สาธุๆ

จันทรกาล

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ สาธุ เมื่อเช้าเจอกระทู้นี้ตอนแปดโมงกว่าอ่านแล้วยังเสียดายเลย

 

และแล้วงานบุญ แบบปัจจุบัน ทันด่วนก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อิ่มเอมใจมากกก
อนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุกๆ ท่านนะคะ แม้ว่าบางท่านที่ร่วมบุญไม่ทันก็ร่วมอนุโมทนาบุญไปพร้อมๆ กันในกระทู้นี้ได้ค่ะ

ขอบคุณ คุณ suwat.su มากๆ ค่ะที่ช่วยสรุปให้ตอน 21.42 น แต่จะขออนุญาติเพิ่มเติมค่ะ
--- น้องขาล 100 บาท (โอนเงินตอน ตี 1.04 อนุโมทนาบุญด้วยนะจ๊ะ)
--- คุณ Vatechayana 500 บาท
--- พี่น้ำใส และครอบครัว 1,354 บาท
--- กองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสี โภคมหาบพิตร 1,500 บาท

รวมเป็นเงินจากกัลยานมิตรในบอร์ด 13,734 บาท รวมกับญาติธรรมที่ลำพูนพี่มลพร 3,380 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,114 บาท
ตามที่คุณ Vatechayana ได้ชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว ภาพถ่ายพี่น้ำใสกำลังจะลงให้ชมกันค่ะ

อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับทุกๆ ท่าน ขอให้ได้รับอานิสงค์แบบปัจจุบันทันด่วนไปตามๆ กันนะคะ

 

..ภาพการถวายเครื่องสังฆทาน ภัตตาหาร และน้ำปานะแด่พระอาจารย์ขันธ์ค่ะ..

_____________________________________________

​

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมสร้างกุศลในครั้งนี้ค่ะ ดิฉันได้ทราบข่าวการเข้านิโรธสมาบัติผ่านคุณมลพรค่ะ จึงได้แจ้งเธอว่า หากจำนวนปัจจัยมีผู้ร่วมบุญมาก ให้พิจารณาเครื่องถวายสังฆทานเพิ่มเติมจากที่บอกไว้ครั้งแรก

และควรถวายในสิ่งที่ทางวัดขาดเหลือ จึงทำให้ยอดการซื้อของเพิ่มขึ้นค่ะ หลังจากถวายแล้ว คุณมลพรโทรมาบอกว่า

"วันนั้นมีผู้มาถวายภัตตาหาร น้ำก่อนที่คุณมลพรจะไปถึงหลายท่าน แต่เมื่อเวลาฉันเพล พระอาจารย์ฉันโจ๊กที่ทางเราได้ไปถวายหมดเกลี้ยงเลย และได้ทานผลไม้ที่ได้นำไปถวายด้วย พี่ซื้อซุบไก่ น้ำปานะมากหน่อย เจะได้ให้พระอาจารย์บำรุงร่างกาย"

สร้างความปิติใจแก่คุณมลพร และเพื่อน ๆ มาก ส่วนใหญ่ผู้ที่ไปถวายของวันนี้ ไม่ทราบล่วงหน้า เป็นการบอกต่อ ๆ กันไป ก็มีบางคณะที่มาแปลกบอกว่า..

"พระอาจารย์ได้ไปตามพวกเขาในนิมิต จึงได้มากราบพระอาจารย์"
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

ปล. สำหรับภาพที่ได้มาเป็นภาพที่น้องวัยรุ่นท่านหนึ่งที่ได้ไปถวายสังฆทานกับพระอาจารย์ช่วยถ่ายภาพให้ นำมาให้ชมเท่าที่ได้ค่ะ

 

ขอเชิญร่วมเป็นประธานดำเนินการฝ่ายฆราวาส ในงานบุญผ้าป่า กองน้อยๆ ของพวกเราค่ะ

ท่านใดมีความประสงค์จะเป็นจะเป็นสะพานบุญ แจ้งรายชื่อในบอร์ดได้เลยค่ะ
จะได้นำรายชื่อไปพิมพ์ในใบฏีกา ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 7 รายชื่อค่ะ ภายในวันที่ 19/5/2556

ประธานดำเนินการฝ่ายฆราวาส
1. กองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
2. คุณภูริชญา-คุณศักดิ์ดา – ด.ช. ณัฐนนท์ เหมรา
3. คุณพุทธารา-ด.ญ.รัศมิ์ณิชา โรจนฤทธิกร
4. ร.อ.ไพรสิทธิ์- คุณเดือนฉาย พิมพ์อ่ำ พร้อมครอบครัว
5. คุณพักตราวดี-คุณวรวุฒิ ถมกลาง พร้อมครอบครัว
6. คุณณิชกานต์ – คุณภาณุพงศ์ กรองทอง
7. คุณสมบูรณ์-คุณนาวี-ด.ช.จิรายุ หงส์บิน

หรือมีความประสงค์จะร่วมบุญ สร้างหน้าบรรณประตู และ หน้าต่างโบถส์ สามารถโอนปัจจัยร่วมบุญนี้ได้ที่บัญชี

พุทธารา โรจนฤทธิกร
ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 080-250584-0 สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ–กรีฑา)

ภายในวันที่ 13/6/2556

ปณิธานของชาวเรา “ เราจะสร้างบุญกันอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้กรรมตามทันค่ะ อิอิ ”

 

ขอเพิ่มชื่อ "กองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร" ในนาม "ประธาน" อีก ๑ รายชื่อค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..ประวัติจักรแก้วทั้ง ๔ (สุทธิธรรมฯ) ตอนที่ ๑๒ พญาวิษณุราชฯจุติ..

​

เวลาผ่านไปถึง ๕๑ กัป หลังจากพญาวิษณุราชรัตนนาคราชได้จุติบนพรหมโลกแล้ว ก็ได้เวียนว่ายตายเกิดในสุคติภูมิหลายพันชาติ จนกระทั่งจุติบนพรหมโลกชั้น ๑๑ อีกครั้ง

เมื่อถึงเวลาตามสัญญาเดิมได้จุติบนโลกมนุษย์ในตระกูลพราหมณ์มหาศาล (หมายถึงพราหมณ์ที่มีฐานะร่ำรวยมาก) นามว่า “อิทธิสิทธิ์พราหมณ์”

อิทธิสิทธิ์พราหมณ์นั้นได้รับมรดกจากท่านอัญญพราหมณ์ผู้เป็นบิดา เมื่ออายุได้ ๓๐ ปี โดยได้แต่งงานกับนางวารุณีพราหมณ์ ผู้เป็นภรรยา เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี แต่ทั้งคู่ไม่มีบุตร-ธิดาด้วยกัน เนื่องจากทั้งสองต่างประพฤติพรหมจรรย์

เนื่องจากบิดาทั้งสองฝ่ายต่างเป็นสหายกัน เมื่อมีบุตร และธิดาปรารถนาจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน จึงให้บุตร และธิดาของตนแต่งงานกัน แต่พราหมณ์ทั้งสองนั้น ต่างจุติมาจากพรหมโลก จึงมิปรารถนาจะครองคู่

​

แท้จริงวารุณีพราหมณีนั้นคือ เทพธิดาสิริรัตนะที่เคยอธิษฐานจะครองคู่กับพญาวิษณุราชรัตนนาคราชในอดีตนั่นเอง) ผ่านไปนับ ๕๑ กัป ด้วยบุญที่เสมอกันทำให้นางได้สมความปรารถนานั้น

นางวารุณีนั้น มีความเคารพรักสามีของนางดุจเชษฐา นางจะคอยดูแลห่วงใยดุจน้องสาวดูแลพี่ชาย เช่นเดียวกันกับอิทธิสิทธิ์พราหมณ์นั้น ก็รักนางวารุณีดุจน้องสาวเช่นกัน ทั้งคู่ต่างรักกันและอยู่กันดุจพี่น้องไม่ควรล่วงเกินกันแต่อย่างใด
ครั้นเมื่ออิทธิสิทธิ์พราหมณ์รับทรัพย์สมบัติต่อจากบิดา จึงรู้สึกว่าเป็นทุกข์มาก เกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากจะครองเรือนจึงได้กล่าวแก่นางวารุณีว่า...

“น้องหญิง คนเราเกิดมามีเพียงแค่นี้เองหรือ เราจะดำรงชีวิตเช่นนี้ต่อไปอีกนานหรือไม่ พี่ปรารถนาจะออกบวช เพื่อแสวงหาสัจธรรม ส่วนทรัพย์สมบัติเหล่านี้ พี่ขอมอบให้เจ้าเป็นผู้ดูแล ขอเจ้าจงรับไว้เถิด”

นางวารุณีนั้นเองก็มิได้ปรารถนาในการอยู่ทางโลกเช่นกัน นางจึงกล่าวว่า...

“ท่านพี่ น้องเองก็รอโอกาสนี้มานานแล้ว น้องมิปรารถนาที่จะครองเรือนเลย รอท่านเอ่ยปาก เราทั้งสองต่างเกิดมาเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ สำหรับทรัพย์สมบัติเหล่านี้
เราแจกจ่ายแก่บริวารของเราดีกว่า เพื่อให้เขาทั้งหลายเป็นไท ผุ้ที่มีความสำคัญมากก็ให้ทรัพย์มากหน่อย ตามกำลังบุญของแต่ละบุคคลไป”

อิทธิสิทธิ์พราหมณ์นั้นได้เห็นด้วยกับภรรยา จึงได้เรียกโชติสิริมานพ อันเป็นบุตรของคนเก่าแก่ ท่านอิทธิสิทธิ์พราหมณ์ คอยช่วยเหลือในกิจการค้าต่าง ๆ และทุกคนในบ้าน เมื่ออิทธิสิทธิ์พราหมณ์ ได้กล่าวว่า ตนและภรรยาจะออกบวช
โชติสิริมานพนั้น กล่าวแทนว่า..

“ผู้คนในเรือนนี้ มิมีผู้ใดปรารถนาจะแยกย้ายออกไปหรอกขอรับ เพราะทกคนอยู่ในเรือนนี้ด้วยความสุข สงบ ท่านและภรรยาก็เมตตาทุกคน พวกเราไม่ย้ายไปไหนหรอกขอรับ พวกเราขออยู่ช่วยดูแลทรัพย์ให้แก่ท่าน วันใดท่านต้องการทรัพย์ไปใช้ พวกเราก็จะนำทรัพย์นั้นมอบแก่ท่าน
หากท่านทั้งสองปรารถนาจะออกบวช พวกเรามิขัดขวาง แต่จะขออยู่เรือนนี้ไป และรอคอยท่านกลับมา หรือจนสิ้นอายุขัยขอรับ”

เมื่อโชติสิริมานพกล่าวจบ ทุกคนก็ต่างสนับสนุน อิทธิสิทธิ์พราหมณ์ก็ยอมจำนน จากนั้นก็ได้มอบหมายให้โชติสิริมานพเป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน แทนตนต่อไป


จากนั้นวันรุ่งขึ้นทั้งสองก็ออกบวชเป็นดาบส และดาบสินี ออกเดินทางไปยังป่าท้ายเมืองต่อไป

 

เพิ่มเรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ Numsai
อนุโมทนาบุญค่ะ (ได้บุญซ้ำซ้อนอีกแล้ว ดีจัง)

 

จากผลของการถวายทานแก่พระอาจารย์ขันธ์ออกจากสมาบัติเมื่อวานนี้

วันนี้ ช่วงบ่าย ๆ พี่ได้รับข่าวดีเรื่องหนึ่ง อธิษฐานเป็นผล อัศจรรย์ทันตาเห็นจริง ๆ ค่ะ (ขออนุญาตไม่เล่าในรายละเอียดนะคะ) ขอให้ทุก ๆ ท่านสมความปรารถนาเช่นเดียวกันค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

ปล. สำหรับท่านใด ร่วมบุญไม่ทันนะคะ ขอให้ทำใจใส ๆ น้อมใจอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุก ๆ ท่านก็จะมีผลในบุญนี้เช่นกันค่ะ

 

..จักรแก้วทั้ง ๔ (สุทธิธรรมฯ) ตอนที่ ๑๓ ท่านสีหดาบส สัญญาเดิมกลับคืนมา..

​

หลังจากดาบสและดาบสินีได้เดินทางเข้าไปในป่า เป็นเวลา ๓ วัน ก็ได้พบกับพระดาบสท่านหนึ่งนามว่า “สีหดาบส”

ท่านสีหดาบสได้ออกบวชมาแล้ว ๑๕ ปี มีอายุได้ ๔๕ พรรษา ท่านมีความเชี่ยวชาญในเรื่องเล่นแร่แปรธาตุอย่างยิ่ง จึงได้สอนวิชาต่าง ๆ รวมทั้งวิชาเล่นแร่แปรธาตุให้แก่อิทธิสิทธิ์ดาบสจนสำเร็จวิชาใช้เวลา ๓ เดือน

ส่วนวารุณีดาบสินีนั้น ท่านสอนเรื่องการใช้หูทิพย์ ตาทิพย์ การย่นระยะเวลา การกำบังกาย ตลอดทั้งการใช้ภาษาสัตว์ต่าง ๆ ยกเว้นวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เนื่องจากอินทรีย์ของนางยังอ่อนอยู่ แต่วิชาที่ท่านสอนนั้น ทำให้นางอยู่รอดปลอดภัยในป่านี้ได้ด้วยตนเอง จากนั้น ท่านสีหดาบสได้สอนวิชาการเปิด ๓ โลก เพื่อให้นางสามารถช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายตามกำลังบุญ

เมื่อวารุณดาบสินีสำเร็จวิชาต่าง ๆ โดยใช้เวลา ๕ เดือน ท่านสีหดาบสได้กล่าวแก่นางว่า..

“บัดนี้เจ้าก็ได้สำเร็จวิชาที่อาจารย์สอนไปหมดแล้ว ขอให้เจ้าอยู่ดูแลอาศรมของอาจารย์ที่นี่ หากมีใครมาหาบอกว่า อีก ๖ เดือนอาจารย์และอิทธิสิทธิ์ดาบสจะกลับมา เรามีภารกิจต้องทำ"

แท้จริงท่านสีหดาบสนั้น คือ โฆษกเทพบุตร ผู้คอยประกาศข่าวงานบุญ เรื่องสิริมงคลแก่เทพบุตรเทพธิดาทั้งหลายบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้รับการบัญชาจากท้าวสักกเทวราชได้ลงมาจุติ เพื่อรอรับการมาจุติของพญาวิษณุราชรัตนฯอีกครั้ง ในการเป็นพยานการอธิษฐานจักรแก้วของพญานาคราช และนาคเทวีทั้ง ๔

เมื่อพบกันแล้ว ท่านสีหดาบสได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ ๕๑ กัป ที่ผ่านมา อิทธิสิทธิ์ดาบส และวารุณีดาบสินี ต่างย้อนระลึกเรื่องราวในอดีตด้วยญาณทัสสนะของตน และต่างก็มีความปิติที่ถึงเวลาที่นาคเทวีทั้ง ๒ ตนจะออกจากสมาบัติดังกล่าว

วารุณีดาบสินีได้รับคำอาจารย์จะดูแลอาศรม เพื่อให้พระดาบสทั้งสองไม่ต้องกังวลใจ จากนั้น พระดาบสทั้งสองก็เหาะไปยังถ้ำแก้วที่เหล่าพญานาคราชเข้าสมาบัติ เพื่อรอรับการออกจากสมาบัติของนาคเทวีทั้งสองต่อไป

ยังมีต่อ..