ปัญหาในการปฏิบัติธรรมของคนมีองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โมก, 9 กันยายน 2010.

  1. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    สอบถามค่ะ
    การแฝง กับการติดต่อได้ นี่ต่างกัน หรือนัยเดียวกัน
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  2. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    อนัตตา ตามหลักของพุทธองค์ต้องอยู่ในวงของไตรลักษณ์ ต้องอยู่ในเงื่อนไข ของ อนิจจัง และ ทุกขัง ครับเป็นวงรอบ
    อย่าเอาคําว่าอัตตาและอนัตตามาโดดๆ

    ความหมายของอนัตตา ต้องอยู่ในแนวทางนี้ ความไม่สามารถดํารงคงทนอยู่

    ไม่ใช่อนัตตาที่แปลแบบสวดมนหรือแปลตาม คําว่าหมายถึง ไม่มี หรือไม่ใช่ตัวตน แบบที่นั้นนะครับ เป็นอุปสรรคปิดบังเรื่องกฎแห่งกรรม[/QUOTE]

    ยังไม่เข้าใจที่โพสต์ตอบครับ เพราะผมตอบเจ้าของกระทู้ตรงที่ว่า
    จิตถูกแฝง เลยบอกว่า ถ้าเขาทำความเข้าใจตรงข้อที่ว่า แม้จิตก็มิใช่เรา
    ตอนนั้นตัวเจ้าของกระทู้จะไม่ถูกแฝงเพราะตอนนั้นจะได้อารมณ์ที่เป็น
    อิสระจากอาสวะกิเลส อันเรียกกายเนื้อว่าสังขาร และเมื่อนั้น จิต ก็จะเป็น
    สังขารขันธ์ด้วย และต่อจากนั้น เขาจะเกิดอารมณ์ ตัวนั้นก็จะเป็นสังขาร
    ขันธ์ด้วยต้องตัดตรงนั้นอีก ก็จะเรียกว่า อารมณ์นี้ก็มิใช่เราครับ
    พระท่านในนิมิตของเจ้าของกระทู้เลยให้ปล่อย อย่ายึดไงครับ

    ส่วนที่ท่านโพสต์ตอบเรื่องอนัตตาก็ถูกครับ แต่ไม่ใช่เรื่องของการถูกแฝงจิต
    อย่างเรื่องพุทธสุภาสิต ก็ต้องใช้ให้ถูกเช่นว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    แล้ว ตนนี้อยู่ตรงไหน ในเมื่อกายนี้ จิตนี้ อารมณ์นี้ล้วนไม่ใช่เรา "เรา"ในที่นี้
    คือ "ตน" ที่ท่านหมายถึงหรือไม่

    ผมไม่เข้าใจที่โพสต์ครับ โปรดขยายความเป็นวิทยาทานด้วยครับ
     
  3. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ขออภัยครับคือข้อความดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณ จิ-โป ครับ
    คือต้องการขยายความของความหมายของคําว่าไม่ใช่ของเราโดยรวมนะครับเดี๋ยวผมจะกลับไปละให้เป็นถามที่เข้าใจนะครับ คิดอยู่เหมือนกันว่าเดี๋ยวคงมีการเข้าใจผิด งดโทษซึ่งกันและกันนะครับ
     
  4. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ตอบแทนเจ้าของกระทู้(ตอบในฐานะบัตร ส.เสือ)

    การแฝงคือการโดนเบียดด้วยจิตที่แข็งแกร่งกว่า มีขีดความสามารถต่างๆกัน
    เช่น
    แฝงเล็กน้อย-แฝงจิตใจให้นึกอยากกินลาบเลือดบ้าง อยากทำบุญในที่ต่างๆบ้าง แฝงให้โกรธโดยไม่มีเหตุบ้าง แฝงให้มีอารมณ์โดยไม่มีเหตุบ้าง
    พอเขาแฝงเสร็จ เราทำแล้วก็มาคิด "เอะ.เมื่อกี้เราทำไปได้ยังไง?"อันนี้แฝงเล็กน้อย

    แฝงพอประมาณ จิตที่มาแฝงแข็งหน่อยก็ควบคุมร่างกายของเจ้าของร่างได้เลย และเจ้าของร่างจะไม่ได้สติไปพักนึง แล้วแต่คนแฝงจะทำอะไร บางที
    เจ้าของร่างรู้ตัว แต่บังคับควบคุมร่างกายและวาจาที่พูดออกมาไม่ได้ ต้องปล่อยให้"เขาคนมาแฝง" พูด และทำกิริยาต่างๆ

    แฝงเต็มตัว อันนี้นานๆเจอที โดยมากเป็นวิญญาณพันปีขึ้นไป มีตบะสูงส่ง
    จะเลือกแฝงคนที่ตายแล้ว ชั่วขณะที่หมดลมหายใจ และร่างคนนั้นบริสุทธิ์
    จะเข้าเต็มคุมร่าง ส่วนเจ้าของร่างก็จะไปเกิด แต่กรณีนี้ต้องแฝงพอประมาณ
    ให้เจ้าของร่างรับรู้ก่อนว่า จะแฝงร่างเจ้าแล้วนา ก็จะคล้ายกับว่า ปู่มาประทับ
    ร่างแบบหมดสติก่อน พอตายแล้วก็แฝงเต็มๆ แฝงเต็มๆก็เช่น ฤาษี.. และ
    หลวงปู่.. นั่นแฝงบำเพ็ญบารมี ร่างเป็นอีกคน วิญญาณเป็นอีกคน อยู่ใน
    ร่างได้นานตราบเท่าที่อธิฐานจิตใว้

    ส่วนการติดต่อ จะมีเรา และท่านๆ(ท่านไหนไม่รู้) คือแยกจากกันเด่นชัด
    ไม่ถูกควบคุมเลย ทุกอย่างเราตัดสินใจเองหมด ท่านๆจะ บอก บอก และบอก
    ส่วนเรา จะเชื่อ-ไม่เชื่อ ทำ-ไม่ทำ ก็ท่านๆไม่สนใจเราหรอกเพราะท่านๆ ถือว่า
    "กูบอกมันแล้ว มันไม่ฟังเอง" จบเรื่องการแฝงครับ
     
  5. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขออนุโมนาบุญกับคุณ จิต-โป กระจ่างแจ้งจริงๆ คะ
     
  6. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    แหะ..แหะ..

    เจอคุณจิ-โปอีกแล้วเย้ๆๆ อยากถามว่าถ้าเราไม่ให้แฝงได้ไหมค่ะ
     
  7. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    มันเกี่ยวเนื่องกับ"กรรม"ครับ เช่นว่า ชาติก่อนรับขันธ์ครอบครูเขามา
    ชาตินี้แม้ยังไม่รับ ก็ต้องเป็นร่าง หรือสื่อสัมผัสกับเจ้าของขันธ์ได้ ตลอดจน
    ทายาทกรรม(กรรมเป็นเผ่าพันธ์) ก็ต้องสื่อได้เช่นกัน

    ซึ่งไม่ให้แฝงได้ในขั้น 2-3 ทำได้โดย ตัดอวัยวะเช่น เส้นผม เล็บมือ
    ไปอธิฐานลอยน้ำ ให้กรรมทั้งหลายติดตามกระทงหลงทางนั้นไป ฝากไป
    กับพระแม่คงคานั่นเอง ก็จบสิ้นกรรมการเคยครอบครูทั้งหลายมา
    ส่วนมากจะจบ จะแฝงไม่ได้อีกเลย นอกจากมีกรรมต่อกันเป็นพิเศษ

    อีกกรณีหนึ่งให้เทพองค์ใหญ่ เช่น พระนารายณ์มาถอด แล้วปิดร่างไม่ให้
    เทพ-มาร องค์ไหนลงได้ ก็ได้เช่นกัน เพราะเคยเห็นร่างพระนารายณ์เดินผ่าน
    ตำหนักทรง แล้วท่านบอกว่า ห้ามลงอีก จากนั้นมาตำหนักนี้องค์ลงไม่ได้เลย
    จนได้ปิดสำนักไป เพราะเทพลงแล้ว ร่างเอามาหากินเรียกเงินทองมากไป

    ส่วนกรณีแฝงแบบ แฝงจิตใจ ให้เกิดอารมณ์ต่างๆ รัก โลภ โกรธ หลง โดย
    ไม่มีสาเหตุ เช่น อยู่ๆเกลียดขี้หน้าแฟนขึ้นมาเฉยๆ ทำอะไรขัดตาไปซะหมด
    แฝงอันแรกนี้แก้ไม่ได้เลยครับ แก้ไม่ได้เลย พระท่านจึงบอกว่า ให้มองเห็น
    กิเลส และละกิเลส เพราะแม้แฝงมาก็ดี เกิดจากเราเองก็ดี อารมณ์กิเลสทั้ง
    หลาย เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องละวางทั้งสิ้น ไม่ต้องกังวลว่า แฝง หรือ
    ไม่แฝง ให้ละรักโลภโกรธหลงให้หมดนั่นเอง เพียงให้รู้ตัวเรา เช่นเรากำลังโกรธ
    นี่ความโกรธก็เบาบางลงแล้ว แค่รู้ทันมัน
     
  8. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    คุณ จิ-โป ท่าทางนับถือท่านท้าวเวสสุวัณมากนะครับ คุณเป็นร่างหรือมีความเกี่ยวพันธ์กับท่านท้าวเวสสุวัณด้วยใช่มั้ย
     
  9. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ท่านท้าวเวสสุวัณช่วยผมบ่อยครับ เลยนับถือในความสามารถ ไม่ได้เป็น
    ร่างครับ ผมเคยถามเทพทั้งหลายว่า มีใครอยากลงร่างผมใหม ก็ไม่เห็น
    ใครจะอยากลงซักองค์ มีแต่ยิ้มๆ (สงสัยร่างผมไม่หล่อพอ)
     
  10. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    [​IMG] ขออภัยครับ...มันขำอ่ะ
     
  11. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    แหะ..แหะ..

    ถามต่อนะคะ..ท่านผู้รู้คือแบบนี้ง่า..
    ท่านมาแฝงกรณีที่จะช่วยใครในเรื่องใด แฝงแบบเนียนๆ คือคนนั้นไม่รู้เลยว่าใครแฝงแต่แค่รู้ว่าเราพูดแปลกๆแบบนี้ แล้วก็ไม่บ่อยแล้วแต่บางคนแต่หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องจริงตามที่พูดหลายครั้งมากๆ..จะว่าอุปทานมันก็จริงทุกครั้งน่ะ
    การจะช่วยต้องเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดีไม่เคยช่วย แต่มันปัญหาตรงที่ว่า เดี๋ยวองค์นั้น เดี๋ยวองค์นี้ ..แต่กำหนดตจิตถามเวลาท่านมาได้ ท่านจะตอบ หูงี้ได้ยินชัดดังลักษณะน้ำเสียงก็ไม่เหมือนกันทุกองค์ แต่คนข้างๆ( คุณสามี)ไม่ได้ยินอย่างเรา แต่การมา ไม่มาพร่ำเพื่อ เป็นเรื่อง รู้กาละเทศะ และไม่ใช่มาช่วยทุกคน นี้สงสัยมากๆๆๆเลยแต่ไม่รู้จะคุยกับใครดี ง่ะ...แหะ..แหะ..ถามถูกที่ไหมนี่
     
  12. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    ตามมาจับตัวครุฑสาว ไว้ในหัวใจ อิอิ
     
  13. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ฝ่อ..ฝ่อ... ฟิ้ว..ขอโฉบนาคีคนจ๋วยไปด้วย.....
     
  14. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    โฉบไปไหน ไปฉิมพลีปะ คิกคิก รออยู่นะ
     
  15. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    พุทธานุสติเป็นธรรมใหญ่สุด เป็นหนึ่งในธรรมที่ใช้คุ้มครองกรรมฐานตามหมวดธรรม "อารักขกัมมัฏฐาน" หมายถึง ธรรมที่ใช้รักษาสมาธิไว้ คือใช้ประกอบการเจริญกรรมฐานต่างๆตามที่ท่านทั้งหลายถนัด

    ขอบคุณค่ะสำหรับทุกท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้และแนะนำกัน
    การจะเจริญจิตให้ได้ถึงการละตัวละตน จิตไม่ใช่ของเรา อารมณ์ไม่ใช่ของเรา เป็นเรื่องยากค่ะสำหรับดิฉัน เพราะเรายังไม่มีสมาธิดีพอ ต้องใช้จิตเดินสมาธิไป ถ้าจิตไม่ใช่ของเราแล้วเราเดินจิตใคร เพราะต้องมีสติกำหนดรับรู้ตลอด จิตเป็นธาตุรู้ ไม่มีการตาย เพราะไม่มีอะไรต้องตาย

    ครูบาอาจารย์ถึงสอนให้มีสติรู้อยู่เสมอ จิตรู้อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีความก้าวหน้าทางจิตแล้ว ย่อมละวางความเป็นตัวเป็นตนได้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องผ่านการปฏิบัติขั้นอุกฤษมาก่อน ผ่านความกลัวในทุกรูปแบบ ฝึกกันอย่างหนัก สำหรับพระสงฆ์ต้องออกธุดงค์ อยู่กันในป่า เจอกันสารพัดรูปแบบมาทดสอบกำลังจิตกัน ครูบาอาจารย์นั่งกันยันสลบไปก็มี ตามความเข้าใจของดิฉันแล้ว ต้องเช่นนั้นถึงจะทำได้ อันนี้ก็ตรงกับนิมิตองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เคยเห็นขณะนั่งรถอยู่

    จิตคิดไปว่าทำไมสมาธิมันไม่ไป ไม่ใคร่คืบหน้า บังเกิดภาพพระพุทธเจ้าปางทรมายกายขึ้นมาอยู่ตรงหน้ารถนั่นล่ะ ปรากฎเด่นชัดนานมากให้พิจารณาดู จิตจึงเกิดปัญญาว่า อ้อ นี่เป็นเพราะมนุษย์ล้วนตกอยู่ในความกลัว จึงเป็นเช่นนี้ กลัวลำบาก กลัวเจ็บ กลัวตาย จิตเกิดปิติในความรู้นั่น แล้วนิมิตนั้นจึงหายไป เป็นความแปลกอีกอย่างในชีวิตที่พบเจอค่ะ เมื่อหลุดพ้นจากความกลัวไปแล้ว สมาธิจะก้าวหน้าไปโดยอัตโนมัติ ภายหลังจากที่ได้ศึกษาครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติกันมา พบว่าตรงกัน คือต้องพ้นความกลัวในทุกรูปแบบได้ สมาธิไปฉลุย

    ขอยกเคสของพระอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านเป็นผู้มีบุญวาสนาได้ร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ในดงลึก ผ่านการปฏิบัติขั้นอุกฤษมาแล้วหลายรูปแบบ กระโดดลงเหวทั้งยังเป็นๆนั่นล่ะก็มี สำเร็จได้อภิญญามากมาย พวกลูกศิษย์ที่ดื้อมากๆ อยากลองของ เจอเสกประคตเป็นงูของท่าน โกยกันแทบไม่ทัน

    วันหนึ่งท่านป่วยหนัก จิตเกิดทนไม่ไหวกับอาการทางร่างกายที่เกิดขึ้น ท่านจึงจะถอดจิตละสังขารไป แต่พระอาจารย์ใหญ่ในดงมาเตือนท่านให้กลับเข้าร่างซะ นั่นเป็นกรรมของท่าน ให้จิตของท่านรับรู้กับทุกข์นั่น คืออยู่กับทุกข์นั่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการฝืนกรรม ท่านจึงกลับเข้าร่างเช่นเดิม

    ขนาดพระที่ได้อภิญญาแล้วก็ใช่จะละจิตละอารมณ์ของตนได้ ปัจจุบันมีหลายรูปที่ทำได้ ป่วยหนักแต่อาการยังทรงสังขารมาได้หลายปีแบบฉีกตำราหมอ เทศน์ได้ทำงานได้เหมือนคนปกติค่ะ ถ้าไม่ใช่ศิษย์ใกล้ชิดไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงท่านป่วยหนัก
    ขอน้อมคำเทศนาขององค์หลวงตามหาบัวเป็นข้อคิด
    "กายป่วยแล้ว อย่าให้จิตป่วยตาม"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  16. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ขอตอบในฐานะผู้ปฏิบัตินะคะ ยังไม่ใช่ผู้รู้ค่ะ
    คนมีองค์บารมีไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นร่างทรง มีคนมากมายที่มี ที่ทำงานเก่าของดิฉันก็มี สัญญาเก่ามาผูกพันกันมาก็มา
    จิตเป็นธาตุรู้โดยธรรมชาติ มีของเก่ามาจะมีลักษณะสัมผัสที่หกหรือตาที่สามอะไรเทือกนี้ เคยฝึกกันมาเคยได้กันมาก็จะมี เรื่องบางอย่างที่รู้ หรืออะไรที่ไม่ดีจะมาถึงตัวแต่จะรู้ก่อนแล้วเลี่ยงไปได้ก็มี อีกอย่างคือเป็นความรู้จากองค์บารมีที่ท่านมาสื่อในจิต ต้องสังเกตดูค่ะ มีความต่างกัน ถ้าลักษณะพูดแปลกๆไม่ใช่สำนวนเราก็คือท่าน แล้วหลายคนก็มีมากกว่าหนึ่งองค์บารมี ท่านจะมาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือฉุกเฉิน

    ว่าแล้วเล่าซะเลย สำหรับคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ดิฉันเคยรอดตายจากอุบัติเหตุรถชนในเมืองนอก คือเคยไปโพสต์ไว้ บางคนไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ บอกว่าให้ยึดเอาบารมีคุณบิดามารดาดีที่ซู้ด พูดกึ่งๆว่า เป็นความเข้าใจผิดของดิฉันที่รอดมาได้เพราะแบบนั้น
    คือบารมีของคุณบิดามารดาประเสิรฐอยู่แล้วคือทำให้ชีวิตของลูกเจริญ ไม่ตกต่ำเจริญในหน้าที่การงาน คนที่จะไปสมัครงานไปสอบสัมภาษณ์งาน กราบเท้าท่านอธิษฐานขอบารมีคุณบิดามารดาให้ได้สำเร็จ มักได้สมใจปรารถนา

    แต่เหตุการณ์นั้น ในวันหยุดดิฉันไปซื้อของจากซุปเปอร์ใกล้บ้าน เดินออกมากำลังข้ามถนน เป็นถนนในซอยแคบๆ มีรถจอดเต็มสองฝั่ง ก้าวมาได้ครึ่งถนน ปรากฎว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งตะบึงเร่งเครื่องมา เสียงเครื่องยนต์ชัดแจ๋ว ไม่รู้เมียแกจะคลอดรึไงถึงเร่งรีบปานนั้น

    ดิฉันยืนนิ่งหลับตาลง คือคิดว่ายังไงก็ไม่รอดแน่ นึกในใจว่าที่บ้านจะรู้มั้ยเนี่ยว่าต้องมาตายอยู่เมืองนอก
    ผ่านแว็บเดียว ชักแปลกๆ เอ๊ะ ทำไมมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใจยังนึกว่าหรือว่าเราตายไปแล้ว จึงลืมตามอง เห็นตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม รีบหันไปมองเห็นรถคันนั้นเลี้ยวไปอีกทางแยก

    เฮ้ย คือมันเป็นไปไม่ได้ นี่คือคำแรกที่พูดกับตัวเอง นึกไปยังขำๆ เออ ไอ้เรานี่ก็แปลกไม่ดีใจหรือไงที่รอด คือมีอยู่สองวิธีที่ดิฉันรอดมาได้เมื่อคิดเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้ว คือหนึ่งรถคันนั้นต้องขับตะกายสองล้อพาดรถข้างทางไป ดิฉันจึงไม่ถูกชนเข้า สองคือดิฉันอาจเกิดพลังพิเศษหายตัวได้ รถขับผ่านทะลุไปได้
    ซึ่งอย่างหลังเพ้อเจ้อมาก ไม่ได้ฌานขั้นสูงทำไม่ได้ค่ะ คือขับมาเร็วซะอย่างนั้นต่อให้ดิฉันไม่เป็นซากก็ถูกชนตัวลอยกลางอากาศแน่ แล้วต้องลุ้นเอาว่าจะเอาหัวโหม่งพื้นรึปล่าวตอนลง คือต่อให้รอดก็น่าจะเจ็บหนักต้องมีชิ้นส่วนหักบ้างล่ะ

    เหตุฉุกเฉินเฉียดตายอย่างนั้น นึกแล้วยังต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตาค่ะ ยังมีอีกหลายครั้งที่รอดจากอุบัติเหตุรถชนมาได้ นี่เป็นประโยชน์ขององค์บารมีส่วนการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันนี้น่าจะเป็นกันทุกคน เพราะนอกจากท่านจะคุ้มครองแล้วท่านมาช่วยเหลือโลกมนุษย์ผ่านทางคนมีองค์
    ระหว่างองค์เทพหรือองค์พระกับมนุษย์คนอื่นเราคือคนกลาง เหมือนล่าม ถ้าไม่มีเราแล้วท่านจะสื่อสารจะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนทุกข์ใจได้อย่างไร แล้วที่ช่วยไม่ได้ทุกคนขึ้นอยู่กับวาระ ท่านจะรู้ว่าช่วยได้หรือไม่ได้
    ดิฉันเคยช่วยไม่ได้เหมือนกัน พอรู้ข่าวว่าน้องเขาตาย น้ำตาซึม คือทำไมเราช่วยเขาไม่ได้ แต่ลิขิตคือลิขิต ไม่มีใครฝืนได้ ความเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา ต้องทำใจอย่างเดียว

    อนุโมทนากับทุกท่านที่มีเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2010
  17. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    เบิกแผ่นดิน เบิกแผ่นฟ้า เบิกแผ่นนํา ในฝ่ายอาณาจักร
    เวลาทํากิจการงานใด หากเท้ายังยืนบนแผ่นนี้ไทย เวลาทํากิจการงานใดผมนึกถึง 3 พระองค์นี้ตลอด และก็ถือเป็นเรื่องเคร่งครัดในกลุ่ม
    [​IMG]
     
  18. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ตามมาดู ท่านจิโป

    ตอบทู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...