ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    คนที่ไม่เคยฝึกมาก่อน จะเริ่มฝึกเลยใด้ใหม แล้วจะฝึกเวลาใหนคะ
     
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยากระชายทอง ความจริงแล้วคือยาบำรุงสมองนั่นเอง
    หมอสุวิตั้งชื่อให้เพราะพริ้ง โก้เก๋ ระรื่นหูขึ้นเท่านั้น

    ตัวยาหลักคือ ใบบัวบก กระชาย และพริกไทย และบวกตัวยาช่วยอื่นๆเสริมให้สรรพคุณสูงขึ้น
    กระชายทองตัวนี้กินร่วมกับยาปลูกไฟธาตุได้
    ในอัตราส่วน ยากระชายทอง : ยาปลูกไฟธาตุ 2-4:1 ส่วน
    (หมายถึงยากระชายทอง สองถึงสี่ส่วน ขึ้นอยู่กับไฟธาตุในตัวคนกิน ถ้าไฟธาตุสูง ก็ผสมกระชายทองสูงขึ้น=ลดยาปลูกไฟธาตุลง)

    ส่วนอาการปวดที่ข้อเท้า หัวแม่เท้าและขอบเท้า
    สาเหตุเกิดจาก ข้อเข่าคุณเริ่มเคลื่อน บิดเข้าด้านใน ทำให้เกิดแรงบิดที่กล้ามเนือที่ยึดเข่ากับข้อเท้า ทำให้ข้อเท้าเจ็บ
    และเส้นเอ็นที่ข้อเท้าก็บิดตามทำให้หัวนิ้วโป้งและขอบฝ่าเท้าเจ็บ

    สาเหตุที่ข้อเข่าเคลื่อนเกิดจาก การออกแรงในอริยาบทการนั่ง ของคุณ เช่น
    การขับรถ หรือหรือนั่งตะแคงตัวนานๆ และยิ่งเดินหิ้วของหนัก ทำให้ข้อสะโพกบิดตัว และดึงให้ข้อเข่าเคลื่อน

    การแก้ต้องนวดจัดตั้งแต่ข้อสะโพกลงไปหาเข่า และจัดกล้ามเนื้อที่เข่า ให้เข้าที่
    อาการปวดที่ข้อเท้า หัวนิ้วโป้ง และขอบฝ่าเท้าจะหายไปเอง

    ที่คุณไปนวดแล้วไม่หายเป็นเพราะไปแก้ที่ปลายเหตุ มันแค่ค่อยยังชั่ว แล้วเป็นอีก
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยาปลูกเตโช + ไพล(ผง)ในอัตราส่วน ๑:๑ จะมีสรรพคุณเทียบเท่าหรือดีกว่ายาประสะไพล(ยาขับประจำเดือนเน่าร้าย)
    หมายเหตุ ยาไพลทอง คือ ไพล+ขมิ้งอ้อย+ยาช่วยอื่นๆให้ยาแรงขึ้น กินคู่กับยาปลูกเตโช เป็นยาปรับ/ไล่ประจำเดือนเน่าร้ายในสัตรี
    มันสามารถขับประจำเดือนที่ตกค้าง อันเป็นสาเหตุแห่งโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆในสัตรีได้
    และยาปลูกเตโชที่ สุวิผสมขึ้นนี้ ดีกว่าประสะไพลตรงที่ ยาปลูกเตโชสามารถบำรุงโลหิตได้ด้วย ทำให้สัตรีมีโลหิตงาม

    ยาปลูกเตโชตัวนี้ สามารถกินเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะได้

    การกินยาปลูกเตโชเพื่อการรักษาโรคให้กินวันละ ๒-๓ ครั้งก่อนอาหาร
    ถ้าจะกินเป็นยาอายุวัฒนะให้กินวันละ ๑ ครั้ง ก่อนนอน
    ปริมาณการกินขึ้นอยู่กับอาการโรคในแต่ละคน ปกติจะอยู่ที่ ๑-๓ เม็ดต่อครั้ง
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยาตัวนี้นัยว่า ตกทอดกันมาแต่สมัยอยุทธยานานกาเล
    บ้างก็ว่าบันทึกจดจำกันมาแต่สมันพระนารายณ์ครองราชย์

    ส่วนประกอบยา
    เปลือกทิ้งท่อง เปลือกตะโกนา แห้วหมู บอระเพ็ด เมล็ดข่อย พริกไทยร่อน รากกระชาย
    สมุนไพรทั้ง ๗ ตัว อัตราส่วนเสมอภาค ตำผง ผสมน้ำผึ้รวง ปั้นเป็นลูกกลอนกินครั้งละ ๑-๒ เม็ดพุทรา วันละ ๑-๒ ครั้งเช้าและก่อนนอน
    กินเป็นยารักษา กินวันละ ๒-๓ ครั้ง เช้า เย็น ก่อนนอน ครั้งละ ๑ เม็ดพุทราไทย
    กินเป็นยาอายุวัฒนะ กินวันละ ๑ ครั้ง ก่อนนอน ครั้งละ ๑-๒ เม็ดพุทราไทย
    กินมากเกินยาจะเผาทำให้ร่างกายผอมเกร็ง แห้งดำ

    สรรพคุณ
    บำรุงธาตุเจริญอาหาร ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวกระชุ่มกระชวย มีเรียวมีแรงดี (แก้อาการอ่อนเพลีย-ไม่มีแรง) เสริมสมรรถภาพ รักษาโรคไข้เจ็บได้กว้าง
    กินได้ทั้งชายและหญิง
    ผู้มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ไม่ควรกิน สัตรีควรหมดประจำเดือนแล้วกินแก้วัยทองได้

    จากประสพการณ์ ใช้บำรุงระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายได้ดี ทำให้ร่างกายคืนสภาพกระชุ่มกระชวย
    พระภิกษุสงฆ์หากจะกินยานี้ท่านให้ตัดสมุนไพรตัวที่ ๗ ออก (ตัดกระชายออก)
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi [​IMG]
    วิธีการฝึกนี้เป็นเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของการฝึกสมาธิและพลัง แบบเกสา โลมาฯ

    การเดินพลังที่ท่านผู้เฒ่าได้ถ่ายทอดไว้
    ท่านให้กำหนดจิตที่ปลายกระดูกก้นกบ แล้วค่อยๆเคลื่อนที่(ไต่)อย่างช้าๆ ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง
    ผ่านต้นคอทะลุเข้าไปในกะโหลกศีรษะ ไปหยุดที่กลางกระหม่อม
    แล้วให้เคลื่อนที่กลับอย่างช้าๆ ผ่านแนวกระดูกสันหลังมาสิ้นสุดที่ปลายกระดูกก้นกบ
    เรียกว่าโคจรพลังหนึ่งรอบ
    ให้กระทำดังนี้ไปเรื่อยๆจนรู้สึกถึงไออุ่นของพลัง วิ่งไปมาตามแนวแกนสันหลังของร่างกาย
    และฝึกกระจายความอุ่นนี้ไปทั่วร่าง ทั้งแขนและขา

    ท่านผู้เฒ่าได้เล่าถึงการฝึกอีกแบบไว้เผื่อเลือก
    ให้กำหนดจิต สมมุติมีท่อกลวงใส เสียบอยู่ในตัว เสียบทะลุตั้งแต่กลางกระหม่อมจรดก้นกบ
    กำหนดให้จิตวิ่งขึ้น วิ่งลงอยู่ในท่อนี้ เหมือนลูกสูบ
    จะเร็วจะช้าก็ได้ ขอให้มีสติตามให้ทันอย่าให้หลุด

    ตัวข้าเลือกแบบแรก แต่พอฝึกชำนาญขึ้นหน่อยลักษณะกลับเปลี่ยนไปคล้ายแบบที่สอง
    ตอนแรกรู้สึกยาก แต่ภายหลังพอเริ่มรับรู้ถึงการเคลื่อนที่ของพลัง(ปราณ)
    ก็เกิดความรู้สึกสนุกเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ เล่นไม่เลิกทั้งหลับและตื่น เกือบทุกอิริยาบถ
    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ฝึกได้จ้า ทำได้ทั้งหลับและตื่น ทุกอริยาบถ

    แต่ถ้าอ่านละเอียดจะพบว่า "วิธีการฝึกนี้เป็นเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของการฝึกสมาธิและพลัง แบบเกสา โลมาฯ"

    เมื่อเป็นเช่นนี้ ไยไม่ฝึก เกสา โลมาฯ ซะเลย
    ได้ให้เอกสารการฝึกไว้แล้ว ลองย้อนไปหาดู
    เมื่อเข้าใจ จะรู้เรื่องของพลังทั้งหมดรวมถึงการอาบน้ำแข็งสลับน้ำร้อนด้วย
     
  6. tezch

    tezch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +195
    อาจารย์สงสัยครับ
    การจับชีพจรเเบบไทย ที่จับตรงกลางสร้อยข้อมือเเขนด้านในจับดูเเล้วจะเต้นเหมือนปลายหลอดยาคูลท์เป็นจังหวะ
    การจับเเบบนี้สามารถดูการเดินของลมได้อย่างเดียวหรือไม่ครับ ? หรือมีรายละเอียดลงลึกกว่านี้ไหมครับ
    จับเเล้วยังเเยกไม่ออกเลยครับ จับได้เเต่พอรู้ว่าเร็วหรือช้า ลึกหรือตื้น เห็นหมอบางคนจับเเล้วรู้กรุ๊ปเลือดเลยครับ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ใช่ไหมครับ ถ้าจับเเบบจีนจะละเอียดกว่าไหมครับอาจารย์ ?
    ;aa14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2009
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    การจับชีพจร พอรู้เคร่าๆเท่านั้น ไม่ได้ศึกษาจริงจัง
    ข้อนี้คงตอบคุณไม่ได้

    ทีเคยเห็น
    การจับชีพจรแบบไทยมีอยู่ บางคนใช้นิ้วโป้งนิ้วเดียวจับ บางคนใช้ ๓ นิ้วจับ ผลที่ได้ ไม่แพ้ของจีนที่เห็นทั่วไป (เป็นวิชาประจำตะกูล)

    ส่วนแบบจีนที่เคยเห็น สุดยอดมาก เหมือนในหนังกำลังภายในเลย
    จับผ่านผ้าก็ได้ ผ่านเส้นเชือกก็ได้ รู้ไปหมดว่าไปทำอะไรมา โกหกไม่ได้เลย

    เสียดายไม่ได้ขอเรียน
     
  8. tezch

    tezch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +195
    โห สุดยอดครับ
     
  9. tezch

    tezch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +195
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=779 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=246><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=180>
    พิพิธภัณฑ์การเเพทย์เเผนไทย
    สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
    มุ่งอนุรักษ์องค์ความรู้จากภูมิปัญญาไทยที่มีการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษให้คงอยู่ประจักษ์แก่สายตาของชนรุ่นหลัง
    และรับรู้ถึงวิวัฒนาการด้านการแพทย์แผนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ด้านการแพทย์
    แผนไทยในรูปแบบนิทรรศการ 9 ห้อง

    Thai Traditional Medicine Museum preserves and showcases the wisdom of TTM for our
    generation and future generations to learn from and to develop such wisdom further.
    The museum is comprised of 9 galleries.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width=13 background=../../data_infor2/images/body_side_07.gif rowSpan=2><!--DWLayoutEmptyCell--> </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=432 height=1523><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><!--DWLayoutTable--><TBODY><TR><TD class=style13 vAlign=center width=432 height=221> [​IMG]
    แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันระหว่างพระพุทธศาสนา
    กับการแพทย์แผนไทยหรือเรียกว่า
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ผมเรียนแพทย์แผนไทย จบจากสถาบันนี้
    "สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข"
    เคยช่วยงานสถาบันในส่วนของพิพิธภัณฑ์การเเพทย์เเผนไทย นี้ด้วย
     
  11. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    อาจารย์สุวิคะ อยากปรึกษาอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องเดินปราณสักเล็กน้อยค่ะ
    ตอนนี้ฝึกเดินปราณโดยจับให้ก้อนพลังอุ่นๆนั้นเดินอยู่ทั่วร่างกายค่ะ ไม่เคยเรียนเรื่องปราณมาก่อนเลยค่ะ แต่พอมีคนพูดถึงเรื่องการเดินปราณแล้วจะช่วยให้กำลังในการปล่อยพลังนั้นดีขึ้นมากกว่าใช้แค่กำลังสมาธิเพียงอย่างเดียว ก็เลยเริ่มเดินปราณเองมาตั้งแต่นั้นก็ประมาณ ๒-๓ เดือนค่ะ แล้วพบว่าพอเริ่มเดินปราณตั้งแต่ตอนนั้น มาตอนนี้มันก็ยังเดินอยู่เป็นอัตโนมัติอยู่ในร่างกายค่ะ โดยจะกำหนดให้ปราณแยกออกเป็น ๒ สายเดินทั่วร่าง แล้วบางครั้งเบื่อๆ ก็เปลี่ยนกระแสเดินปราณให้มันเดินย้อนกลับในเส้นทางเก่าแทนบ้างแก้เซ็งค่ะ
    ทีนี้เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาลองให้เพื่อนที่เป็นหมอไทยจับชีพจร เขาก็บอกว่าพลังปราณแข็งแกร่งเหมือนของผู้ชาย และลักษณะของร่างกายและโรคที่จะเกิดกับร่างกายก็จะสามารถย้ายที่ได้ ไม่ได้เจ็บป่วยที่อวัยวะไหนเป็นพิเศษ
    จึงอยากถามอาจารย์ว่า เรื่องของการเดินปราณนั้น มีขั้น advance อะไรบ้างหรือไม่คะ? แล้วการเดินปราณนั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรกับระดับการฝึกสมาธิของเราแค่ไหนคะ? คนที่ฝึกสมาธิถึงระดับสมาบัติ๘จะสามารถเดินปราณแบบ advance ได้หรือไม่คะ?
     
  12. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตอบคุณ Schmeichel

    ปกติการเดินปราณทั่วๆไป จะเดินปราณอยู่ในขณิกะถึงอุปจาระสมาธิเท่านั้น

    ในขั้นสูงจะตั้งโปรแกรมการเดินปราณไว้ แล้วเข้าสู่ฌาน 1- 4 (มีสลับไปมา)ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามครรลองเองโดยอัตโนมัติ

    การเดินปราณในขั้นสูงมีอะไรบ้าง เดินอย่างไร ยากที่จะตอบได้เพราะทุกอย่างจะเดินเองโดยอัตโนมัติ
    อาจบอกเล่ากันฟังสนุกๆได้แต่ไม่อาจทำได้ในภาวะปกติ เช่นเคยพูดไว้ในบันทึก "การรวมดินฟ้าให้เป็นหนึ่ง"
    หนึ่งปราณพุ่งทยานขึ้น และอีกหนึ่งปราณทิ้งดิ่งลงจากฟ้า วิ่งเข้าพัวพันกัน ถ่ายพลังให้กันและกัน
    แล้วเกิดปรากฏการณ์บางอย่างขึ้น คล้ายดั่งพายุหมุน(อธิบายไม่ถูก)
    ลักษณะดังกล่าวจะเกิดในสมาธิระดับฌานหนึ่งขึ้นไป

    ส่วนการเดินปราณในสมาบัติ ไม่แน่ใจว่าทำได้หรือไม่ ด้วยไม่เคยทำ และไม่เคยเข้าสมาบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2009
  13. เต๊ะจุ๊ย

    เต๊ะจุ๊ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +695
    แหม่..อ.ครับ
    จุ๊ยนี่มีสรรพปัญหาจะคุยกับอ.ตลอดเลยครับ
    :D
    อิอิ
     
  14. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    แล้วเราจะศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จากที่ไหนบ้างคะ?
    มันอยากรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้เพิ่มเติมน่ะค่ะ เพื่อเอามารักษาร่างกายของตัวเองค่ะ
    พอรู้มาคร่าวๆ (จากการอ่านกระทู้นี้ทั้งหมดค่ะ) ว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องธาตุไฟไม่สมบูรณ์ค่ะ มือเท้าเย็นอยู่ตลอดเวลาค่ะ ทั้งเวลาที่อยู่ในห้องแอร์และเวลาที่อากาศหนาวค่ะ เลยอยากจะลองใช้ปราณรักษาตัวเองดูบ้างค่ะ
    ตอนนี้ก็สนใจยาปลูกเตโชธาตุของอาจารย์อยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบกินยาเท่าไรค่ะ
    ขอบพระคุณที่ให้ความกระจ่างเรื่องปราณนะคะ
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    ตอบคุณ Schmeichel

    ที่ปรากฏเป็นตำราที่ฝึกๆกันอยู่เป็นพื้นฐานการฝึกแทบทั้งสิ้น สูงกว่าพื้นฐานก็มีบ้าง แต่ไม่มากนัก
    ในระดับสูงโดยมากจะถ่ายทอดกันแบบปากเปล่า ถ่ายทอดให้เฉพาะบุคคลที่ฝึกถึงและมีพรสวรรค์

    แต่ในไทยเรามีความแปลกแบบหนึ่ง พอฝึกสมาธิถึงขั้น ก็จะมีเหล่ามหาเทพ มาช๊อปปิ้งเลือกหาจับจองตัวกัน ถ่ายทอดวิชาเฉพาะตัวให้
    นัยว่าเทพพวกนี้เวลาเป็นมนุษย์ หวงวิชาไม่ยอมสอนใคร พออยู่ในสภาพจิตวิญญาณ ก็ให้เสียดายของ จึงต้องหาผู้ถ่ายทอด
    บ้างขณะเป็นมนุษย์ ก็เกิดจากการกลัวว่าผู้ได้รับวิชาทั้งหมดจะสำเร็จปริญญาเนฯ ด้วย ... (เนรคุณนะ) จึงไม่ยอมถ่ายทอดให้หมด ขยักเอาไว้
    การถ่ายทอด นอกจากวิชาการแล้วยังถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดให้ด้วย บ้างก็เป็นสัมมาธิฐิ บ้างก็เป็นมิจฉาธิฐิ
    นี่จึงเป็นเหตุให้สุวิเวลาถ่ายทอดให้ใคร จะพยายามถ่ายทอดให้หมดเปลือก ไม่ขยักเอาไว้ และยังสอนให้รู้จักคิด (เข้าสู่ภูมิวิปัสสนากรรมฐาน)

    http://palungjit.org/showthread.php?t=111372

    ส่วนใครจะสำเร็จปริญญาเนฯหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของสุวิ กรรมใครกรรมมัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2009
  16. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    เรื่องนี้จริงทุกประการครับ แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยอืนอีกนิดคือ บุญกรรมผูกพันกันมา
    มากน้อยเพียงใด กับภูมิปัญญาและพลังของผู้ฝึก
    แต่ก็มีอีกอย่างหนึงที่คนละชั้วเลยสำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้มักจะมีมาร
    อย่างที่ อาสุวิบอกไว้เปียบเลยคือสอนไม่หมดการเดินลมถ้าติดหรือสอนไม่หมด
    เป็นโทษมหัตณ์เลย ก็ขึ้นกับผู้สอนนะครับว่ารู้จริงเปล่า บางที่ไม่รู้สอนให้คน
    อืนฝึกแรกๆก็ดีแต่พอมาตอนหลังเริ่ทแย่เพราะผู้สอนไม่รู้จริง ก็จะเจ็บป่วยแทน
    ที่จะดีกลับยิ้งแย่กว่าเดิมครับ
     
  17. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    saved ไว้ศึกษาเรียบร้อยค่ะ เท่าที่อ่านไม่ง่ายเลย จะฝึกดู แต่ไม่มีเรื่องอาบน้ำแข็งสลับน้ำร้อน ขอความกรุณาอาจารย์อธิบายหน่อยเถอะค่ะ ดีอย่างไร และทำอย่างไร .
    กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  18. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    ขอบคุณมากค่ะ
    ที่เมตตาให้วิชาเหล่านี้มาเป็นวิทยาทาน
    จะตั้งใจศึกษาเรื่องนี้ค่ะ
     
  19. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    เดิม เรื่องการอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำเย็น ที่ได้รับถ่ายทอดมายังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่บันทึกไว้เป็นเรื่องเป็นราว
    แต่ ณ ปัจจุบันประติดประต่อได้ค่อนข้างสมบูรณ์ คงได้เวลาที่จะรจนาคัมภีร์ใหม่อีกเล่มแล้ว
    รอสักพักนะ จะบันทึกมาให้อ่านกัน คงอีกไม่นาน
     
  20. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    อาจารย์คะ ยาอายุวัฒนะ พระนารายณ์ ที่อาจารย์ปรุงแล้วมีใหมคะ .
    ขอบพระคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...