ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุทรายรุนแรงรอบหลายสิบปีพัดปกคลุมซิดนีย์กลายเป็นเมืองกลางคืน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 กันยายน 2552 23:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

พายุฝุ่นบดบังสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ จนแทบมองไม่เห็น​

สภาพการจราจรในซิดนีย์ที่เหมือนขับขี่อยู่ในตอนกลางคืน​

เอเอฟพี - พายุทรายรุนแรงในรอบหลายทศวรรษ พัดปกคลุมพื้นที่ทางภาคตะวันออกของออสเตรเลีย โดยเฉพาะซิดนีย์เมื่อวันพุธ(23) กระทบต่อการจราจรทั้งทางภาคพื้นดินและอากาศ ขณะที่สภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ยังนำไปสู่แผ่นดินไหว ลูกเห็บขนาดยักษ์หรือแม้แต่ทอร์นาโด

พายุลมแรงได้หอบฝุ่งดินทรายแดงหลายพันตันเข้าปกคลุมเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย จนบรรยากาศรอบๆเป็นสีส้มปกคลุมโอเปราเฮาส์ อันโด่งดังของซิดนีย์ จนแทบมองไม่เห็น

ทั้งนี้พายุทรายหนนี้ถือว่าเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปีช่วงปี 1940 ขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่ามันถูกพัดขึ้นชายฝั่งมลรัฐควีนส์แลนด์ ด้วยความเร็วถึง 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอาจส่งผลกระทบไปถึงนิวซีแลนด์ ที่อยู่ห่างออกไปถึง 4,000 กิโลเมตรด้วย

ฝุ่นสีส้มยังปกคลุมไปเกือบทั่วนิวเซาต์เวลส์ มลรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ ส่งผลให้มลพิษทางอากาศแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และก่อฝุ่นทรายทับถมในทะเลแทสแมน ราว 75,000 ตันในทุกๆชั่วโมง

"พายุทรายเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ แต่ไม่บ่อยครั้งนักที่มันจะพัดมาถึงฝั่งตะวันออกและซิดนีย์ไกลเช่นนี้" จอห์น เลยส์ ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงน้ำและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งรัฐนิวเซาต์เวลส์ระบุ

พลเมืองในซิดนีย์ต่างพากันสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าพันคอปิดปากขณะที่ต้องออกเดินทางไปทำงานภายใต้ท้องฟ้าอันพร่ามัวและการจราจรที่ตัดขัดอย่างหนักบนถนนหลายหลัก ส่วนทางการมีคำเตือนให้ประชาชนที่เป็นโรคหอบหืด หรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจว่าไม่ควรออกนอกบ้าน

ด้านการขนส่งทางอากาศต้องเผชิญความโกลาหลอย่างรุนแรง โดยผู้โดยสารต้องเจอปัญหาเลื่อนเที่ยวบิน ณ สนามบินซิดนีย์ พร้อมกันนั้นยังส่งผลให้เที่ยวบินระหว่างประเทศหลายเที่ยวต้องเปลี่ยนไปลงจอดที่สนามบินอื่น ขณะที่เรือเฟอร์รี่ต้องหยุดให้บริการ ส่วนรถไฟ และผู้ใช้ถนนได้รับการแจ้งเตือนให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากมีปัญหาทัศนวิสัย

ในนิวเซาต์เวลส์ ลูกเห็บยักษ์ "ขนาดเท่าลูกคริกเก็ต" พุ่งเข้ากระแทกกระจกอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ช่วงที่พายุฝนและลมกรรโชกแรงพัดกระหน่ำมลรัฐแห่งนี้ในช่วงค่ำวันอังคาร(22)

ที่มลรัฐวิคตอเรีย ทางการได้ประกาศเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนัก หลังเมื่อวันอังคาร(22) เกิดแผ่นดินไหวไม่รุนแรง 2 ครั้ง 3.0 กับ 2.6 ริกเตอร์ ที่ไม่ก่อความเสียหายใดๆ

ตำรวจทางตะวันตกเฉียงใต้ของนิวเซาต์เวลส์ ติดพรมแดนมลรัฐวิคตอเรีย รายงานว่าด้วยสภาพอากาศอันเลวร้ายในวันอังคาร(22) ทำให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยมองเห็นได้ไกลเพียง 2 ถึง 3 เมตรเท่านั้นในบางพื้นที่

"ผมโตมาจากที่นี่ และผมไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต" เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งในโบรเคนฮิลล์ ระบุ "มันมืดกว่าเวลากลางคืนเสียอีก"

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000111750

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุฝุ่นออสซี่ลุกลามไปถึงนิวซีแลนด์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กันยายน 2552 12:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

พายุฝุ่นสีส้มปกคลุมโอเปร่าเฮาส์ในซิดนีย์​

เอเอฟพี - พายุฝุ่นที่เข้าปกคลุมทางตะวันออกของออสเตรเลียได้พัดพากันข้ามทะเลทัสมันไปจนถึงนิวซีแลนด์แล้ว นักอุตุนิยมวิทยาเผยว่า มีรายงานพบฝุ่นสีส้มปกคลุมเกาะทางเหนือของเมืองโอ๊คแลนด์ ในนอร์ทแลนด์ ไวกาโต และอ่าวเพนตีและทารานากี

พยากรณ์อากาศพบพายุฝุ่นข้ามทะเลทัสมัน ซึ่งทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายในพื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ เมื่อบายวานนี้ (24) ชาวบ้านในทารานากีเผยกับเว็บไวต์ของกรมอุตุนิยมวิทยาว่า มีฝุ่นปกคลุมหนามากในโรงเรียนที่เขาทำงาน และทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นสีส้ม

ด้าน ทัดห์ โอ ลอยซิงห์ จากคณะภูมิศาสตร์มหาวิทยาลัยโมแนชในเมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลีย เผยว่า ทีงานของเขากำลังทำภาพเขียวจำลองฝุ่นเพื่อวิเคราะห์แร่ธาตุ ซึ่งจะช่วยทำให้ทราบว่าพายุฝุ่นพวกนี้มาจากไหน หลังจากพายุฝุ่นก่อตัวปกคลุมเมืองซิดนีย์และพื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรเลียจนทำให้เกิดความปั่นป่วน การจราจรหยุดชะงัก และทำให่ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน เมื่อสองวันก่อน

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000112523

 

เรียน พี่เกษม

รหัสการชำระโลก ได้เปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ
ขออภัย จะมาเล่าต่อที่หลังนะคะ

 

เรียน พี่เกษม อีกครั้ง

เมื่อก่อน อ.ปริญญา เคยบอกข่าวว่า ชำระโลกไม่เกิน 40 ปี
ตอนนี้รหัสการชำระได้เปลี่ยนแล้ว เป็นจากนี้ไป 21 ปี

ข้อมูลการการปรากฎพระองค์ของพระศรีอาริย์ ตามที่ไปฟังมาเมื่อ
13 ก.ย 52 นั้นพระบิดาสื่อผ่าน อ.ปริญญา ว่า เป็นปี 2035(2578)
จะปรากฎพระองค์ ด้วยวัย 18 ชันษา ห่มขาว รูปร่างสูงใหญ่
ใครเห็น ก็ทราบว่าพระองค์เป็นใคร เพราะคนในปีนั้นเหลือแต่คนดี
ย่อมรู้อยู่แล้วว่าพระองค์เป็นใคร ก็หมายความว่าตอนนี้ท่านยังไม่มา

แม้กระทั่งคำทำนายของดรามุส ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา
ก็จะไม่เป็นตามดังทำนาย

การปฎิบัติการสู่วันเปลี่ยนยุค 56 วัน 7 ราตรี คือปี 2030(2573)
เวลาอาจมีเปลี่ยนแปลงได้ แต่เหตุการณ์ไม่เปลี่ยน เนื่องจากโลก
ถูกไปพิพากษาแล้ว เพราะเวลาไม่ได้มีอยู่จริง มีค่าเป็น 1 ในจักรวาล

ก็อย่าหาว่า อจ. อวดอุตริอะไรนะคะ อจ.ได้สื่อสารกับพยายมราช
ท่านได้บอกว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเลื่อนอีกแล้ว ท่านใช้การสื่อสาร
แบบแนวดิ่ง ฉะนั้น ใครที่จะมองดูว่า อจ.สื่อสารอย่างไร ก็จะมองเห็น
เห็นแต่มืดๆ ดำๆ เพราะผู้มองใช้คลื่นคนละอย่างกับที่ อจ.ใช้ ก็เพิ่งตัดสิน
อะไร ให้ฟังเนื้อหาแล้วเก็บไปคิดก่อน อย่ามองที่ตัวตนของคนพูด

ฟังแล้ว อย่าเพิ่งเชื่อทันทีนั่นล่ะ ถูกแล้ว มีเหตุการณ์ที่จะเกิดตั้งแต่ ต.ค
ปีนี้เป็นต้นไป จดมา หากพี่เกษมอยากทราบจะ PM ไปให้ ไม่ค่อยอยาก
เปิดเผยในที่นี้ ล่อแหลมนิดนึง

มีข้อสังเกตุว่าการบอกข่าวตอนนี้ เกิดขึ้นจริง แล้วเร็วกว่าที่บอกด้วย เช่น
เรื่องอุบัติเหตุทางเครื่องบิน บ้านเราจะมีอีก ถ้าลงบนดินตายเป็นร้อย
ถ้าลงน้ำก็น้อยหน่อย เรื่องนี้ก็..ต้องคอยดู

 

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6875 ข่าวสดรายวัน


ตรวจเขื่อนกาญจน์-ยันแข็งแรง



นายวีรชัย ไชยสระแก้ว ผช.ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ ฝ่าย บริหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับความมั่นคงของเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ ในพื้นที่จ.กาญจนบุรี ว่า "เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่เมื่อวันที่ 4-6 ก.ย.ที่ผ่านมา Dr.Martin Wieland ประธานคณะกรรมการวิชาการเรื่องการออกแบบเขื่อนด้านแผ่นดินไหว (Chairman of Committee on Seismic Aspect of Dam Design) ขององค์การเขื่อนใหญ่ระหว่างประเทศ (International Commission on Large Dam; ICOLD) และ Dr.Peter Brenner ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเขื่อนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมงานครบรอบ 50 ปี ของสถาบัน AIT. ที่ กทม. ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบเขื่อน ได้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ ดังกล่าว

ผช.ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ เปิดเผยต่อว่า ทั้งสองสนใจเกี่ยวกับข้อมูลทางวิชาการโดยทางเขื่อนได้เล่าข้อมูลเกี่ยวกับความกังวลใจของประชาชนให้ทราบ ดังนั้นทั้งสองท่านจึงร่วมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนทั้งสอง พร้อมกล่าวในระหว่างการตรวจสอบว่า ทั้งสองเขื่อนมีการดูแลและบำรุงรักษาที่ดีมากอยู่ในระดับสากล เหมือนกับที่ประเทศสวิส

ข่าวนี้ลงข่าวสด 2 ครั้งแล้วไม่รู้มีไรปะนะ

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6873 ข่าวสดรายวัน


เมืองลับแล

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากเมืองลับแลที่หลายคนเชื่อว่ามีอยู่จริง

เรื่องราวของเมืองลับแล ถือว่าลี้ลับมหัศจรรย์ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ให้ชัดแจ้งได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ แบบเดียวกับเรื่องผีๆ สางๆ ที่ยืนยันไม่ได้ แต่ก็เชื่อถือกันมานมนานกาเลแล้วว่ามีอยู่จริงๆ มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ว่าเมืองลับแลอยู่ในป่าดงเร้นลับนักหนา น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เข้าไป แล้วหายสาบสูญเหมือนตายจากตลอดกาล

เมืองลับแลในจังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องนี้มากกว่าเพื่อน นอกนั้นก็มีจังหวัดอื่นๆ ทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ที่มีตำนานเล่าขานว่ามีเมืองลับแลอยู่เช่นกัน

วันนี้จะได้เจาะเวลาหาเมืองลับแลให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋กันซะเลย!

ตะวันดวงโตกำลังคล้อยต่ำลงสู่สันเขาเหยียดทะมึนทางเบื้องหลัง...เจ้าขุนมองไปยังทิวไม้เหลืองอร่าม อาบไล้ด้วยแดดผีตากผ้าอ้อม ก่อนจะกระชับปืนมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อยท้อแท้เป็นกำลัง...วันทั้งวันยังล่าสัตว์ติดมือไม่ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว

ไม่มีด่านช้าง ไม่มีรอยตีนไอ้ลาย แต่พวกเก้งกวางก็กลับหายไปหมด แม้แต่กระต่ายกระจงก็ไม่รู้หลบลี้หนีหน้าไปไหน ราวกับป่าทั้งป่ากลายเป็นป่าร้างไปโดยสิ้นเชิง!

หมู่บ้านดงหลวงมีหลายสิบหลังคาเรือน บ้างก็ทอผ้าหรือจักสานอยู่กับบ้าน พวกกลางคนจนถึงวัยชราก็ออกหาของป่าเล็กๆ น้อยๆ ใกล้บ้าน มีแต่พวกหนุ่มๆ 4-5 คนที่ชอบเข้าป่าล่าสัตว์ ทั้งได้เหยื่อกลับบ้าน ทั้งตื่นเต้นยามที่ต้องประจันหน้ากับสัตว์ร้าย

ใครดีใครอยู่! เลือดลมฉีดแรงซ่านซ่าดีนัก ตามวิสัยชายฉกรรจ์โดยทั่วไป

แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นมา?

หรือว่าจะเป็นดวงชะตาของส่ำสัตว์น้อยใหญ่ที่ยังไม่ต้องถึงฆาตเพราะปืนพราน?

"ช่างเถอะวะ! อย่างน้อยเราก็ยังไม่มีลูกมีเมีย" เจ้าหนุ่มปลอบใจตัวเอง...เดินจากสักใหญ่ต้นนั้นไปก็จะถึงมะค่าคู่...เลี้ยวซ้าย เลาะลัดลำธารสายนั้นไปอีกครู่ใหญ่ก็จะเห็นสวนกล้วยดกสะพรั่ง หลังคาสังกะสีปรากฏอยู่ลิบๆ

แต่ถึงมะค่าคู่นั้นแล้วก็ไม่เห็นมีลำธารที่เที่ยวท่องมาแต่น้อยคุ้มใหญ่ นอกจากตะแบกออกดอกสะพรั่ง...เอ๊ะ! หรือว่าเราหลงทาง?

เงยหน้าขึ้นพิจารณามะค่าคู่นั้นก็ใช่แน่...เสียงน้ำไหลกระทบแท่งหินดังแว่วมาเข้าหู ขณะที่แสงแดดลำสุดท้ายค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว...เลี้ยวซ้ายไปตามเสียงน้ำไหล กลับปรากฏกอไผ่ตายซากโดดเด่นอยู่ตรงหน้า...เดินอ้อมไปหาลำธารก็กลับกลายเป็นว่ามายืนอยู่ที่เดิม เห็นสักใหญ่ต้นนั้นยืนทะมึนอยู่ตามเคย!

...เสียงลมพัดซ่ามาตามยอดไม้ ชวนให้เยือกเย็นใจจนขนลุกไปทั้งตัว จนชักจะเอะใจอะไรขึ้นมา "อะไรกันวะ...หลงทางกลางวันแสกๆ ก็มี"

"เราหลงทางแล้วโว้ย!" แทบสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนอยู่ใกล้ๆ หันขวับไปก็เห็นเจ้าฉายกับเจ้าศรี-สองคู่หูจากหมู่บ้านดงหลวง นักล่าสัตว์เช่นเดียวกัน

"ไอ้ขุน!" เจ้าฉายเตี้ยล่ำเป็นมะขามข้อเดียวร้องลั่น วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา มีเจ้าศรีผอมสูงวิ่งตามมาติดๆ "วันนี้ซวยชิบ...ไม่เจอสัตว์ซักตัว หน็อย! เสือกหลงทางซะอีก"

เจ้าขุนยืนตัวแข็ง ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวอีกครั้ง...จู่ๆ คนถิ่นนี้กลับมาหลงทางพร้อมกันถึงสามคน ทั้งๆ ที่คุ้นเคยขนาดหลับตาเดินได้ด้วยซ้ำ

"เอ็งก็หลงทางเหมือนกันเรอะ?" เจ้าศรีพอจะเดาได้

"ข้าชักสังหรณ์ใจว่าพวกเราจะโดนผีบังตาซะแล้วโว้ย..." แทบไม่ทันขาดคำ เสียงฮูม...แปร๋น! ก็ดังสนั่นขึ้นในบัดดล!

หนุ่มทั้งสามอ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป ก่อนจะขยับปืนก็ได้ยินเสียงไม้ไร่หักโผงผางใกล้เข้ามา...ป่าแตกด้วยโขลงช้างนับสิบๆ ตัวที่ดาหน้าเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งในพริบตานั้นเอง

"เผ่นโว้ย! ขืนช้าตาย..." เสียงใครตะโกนลั่น โดยไม่ต้องซักถามหรือปรึกษาหารือ เสียงไม้ไร่หักโผงผางสะท้านใจนัก แผ่นดินราวสะเทือนเลื่อนลั่น...เจ้าหนุ่มทั้งสามกระโจนพรวดไม่คิดชีวิต วิ่งล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกัน...หวาดกลัวปานหัวใจจะหยุดเต้น

จู่ๆ พื้นดินก็หายวับไป มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ขณะที่ร่างทั้งสามหล่นวูบวาบราวกับตกจากหน้าผาสูงชัน ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนด้วยความตกใจสุดชีวิต...สรรพสิ่งคล้ายจะวูบวับดับหายไปโดยสิ้นเชิง!

ชายทั้งสามได้สติลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่ากำลังนอนอยู่บนพรมหญ้านุ่มหนา แสงแดดเหลืองอร่ามส่องจับยอดไม้ นกกำลังบินกลับรัง สายลมพัดโชยมาเย็นฉ่ำ...หอมกรุ่นด้วยกลิ่นดอกไม้ป่าน่าชื่นใจนัก

ตะลึงลานแทบไม่เชื่อตาตัวเอง เมื่อเห็นสาวสวยสามอนงค์นั่งอยู่ใกล้ชิดราวจะคอยดูแลด้วยความห่วงใย...

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6874 ข่าวสดรายวัน


เมืองแม่ม่าย

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกของเมืองลับแลที่หลายคนเชื่อว่ามีอยู่จริง

ใบหน้าขาวผ่อง ตาคมผมยาว ปากเต็มอิ่มแดงระเรื่อเผยอยิ้มอย่างเอียงอาย นัยน์ตาดำขลับก็จ้องมองตอบมาด้วยความประหม่าเขินขวยอยู่ในที...เสื้อผ้าดูเรียบง่ายแต่ก็เข้ารูปเข้าทรง สีสันสะสวยกับรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กับพี่น้องไม่มีผิด

สามสาวมองสบตากันแล้วมายิ้มหวานกับสามหนุ่ม ประหนึ่งจะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ในทีว่า...คู่ใครคู่มัน!

"พวกพี่มาจากไหนกันจ๊ะ? เราเห็นพวกพี่นอนสลบอยู่ในสวนหลังบ้านก็เข้ามาดู" เสียงไพเราะนุ่มนวลดังจากปากสาวผู้ประคองเจ้าขุน "ฉันชื่อพลับพลึง นั่นลำดวนกับสร้อยทอง" ฝ่ายเจ้าหนุ่มก็แนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ รู้สึกถูกชะตากับสาวพลับพลึง คุ้นเคยราวเคยรู้จักกันมาก่อนในอดีตชาติ หนุ่มสาวอีกสองคู่ก็พูดคุย หัวเราะต่อกระซิกแทบไม่ขาดเสียง ราวกับจะลืมเสียสนิทว่าฝ่ายชายหลงทางมา

เจ้าขุนรอบคอบกว่าก็นึกขึ้นได้ เล่าความว่าพวกตนออกมาล่าสัตว์ แต่เกิดหลงทางเจอโขลงช้างแตกตื่นปานฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย จนต้องเตลิดเปิดเปิงมาสิ้นสติถึงที่นี่

"ถ้าเป็นพรานจริง แล้วไหนล่ะจ๊ะปืนผาหน้าไม้ของพี่น่ะ?"

สาวพลับพลึงเอียงคอถามพลางยิ้มละไม สามหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก จนสามสาวยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก เจ้าฉายยกมือเสยผม ทำท่าอ่อนแรงราวจะล้มลงนอนอีกครั้ง

"หายหมดแล้ว...ไม่มีอะไรเหลือเลย"

"คงจะอีตอนที่เราวิ่งหนีไอ้หมูยาวโขลงนั้นแหละ หกล้มหกลุกไม่รู้เรื่อง"

"จริงนะ" พลับพลึงจับคางเจ้าขุนสั่นเบาๆ "อยู่ที่นี่ห้ามพูดปดนะจ๊ะคนดี!"

เจ้าขุนฝืนยิ้ม "ไม่โกหกหรอกพลับพลึงจ๋า...ว่าแต่ช่วยบอกทางไปบ้านดงหลวงให้พวกพี่หน่อยเถอะนะ นึกว่าเอาบุญ! วันหน้าวันหลังพี่จะมาเยี่ยมพลับพลึงคนสวย"

สาวเจ้ายิ้มหวาน นัยน์ตาดำขลับดูหยาดเยิ้มเมื่อมองใบหน้าคมสันของเจ้าหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้าเชื่องช้า พูดปนหัวเราะแต่ก็ดูจริงจังอยู่ในที

"มาแล้วไปไม่ได้...ไปแล้วมาไม่ได้! โถ...พวกพี่ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ไปที่บ้านพวกเราก่อนเถอะจ้ะ อาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาแล้วนอนพักสักคืน พรุ่งนี้ค่อยคิดถึงเรื่องกลับบ้านนะจ๊ะคนดี..."

สามหนุ่มมองสบตากัน ก่อนจะพยักหน้า กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...

พลบค่ำแล้ว เมื่อสามสาวพาคู่ของเธอแยกย้ายกันเข้าบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน...พลับพลึงหาอาหารมากินกับเจ้าขุนที่ชานเรือนอันแข็งแรงแน่นหนา มีแสงไต้จากเสาใหญ่ใกล้นอกชาน เนื้อต้มกับลูกเดือย ผักน้ำพริกกับปลาย่าง ราวจะเป็นอาหารวิเศษสุดในชีวิต

ในห้องนอนอันเงียบเชียบ แต่อบอุ่นด้วยไอรักของหนุ่มสาวคราวแรกพบ มีเสียงสายลมคร่ำครวญอยู่ภายนอก ราวจะขับกล่อมให้เจ้าขุนกับพลับพลึงกอดจูบ ลูบเคล้าเล้าโลมกันแสนสุขประหนึ่งจะกลืนหายเป็นเนื้อเดียวกัน!

"พี่จ๋า...พลับพลึงรักพี่ เราจะอยู่กินกันอย่างมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป...ขออย่างเดียว พี่อย่าพูดปดเด็ดขาด ไม่ว่ากับใครๆ ทั้งนั้น! กอดพลับพลึงแน่นๆ อีก พี่จ๋า..."

รุ่งเช้า....สามหนุ่มตื่นขึ้นมาก็ตะลึงลานเหมือนตกอยู่ในความฝันไม่ผิดเลย!

หมู่บ้าน...หรือเมืองๆ หนึ่งที่มีอยู่นับร้อยหลังคาเรือน ปลูกเรียงรายลดหลั่นกันไปตามเนินเขา ผืนป่าเขียวชอุ่มแผ่ไพศาลอยู่เบื้องล่างรอบทิศ มองเห็นลำธารคดเคี้ยวไปตามแมกไม้ใบหนา ท้องฟ้าดูกว้างขวางยิ่งกว่าที่เคยเห็น ลมเย็นฉ่ำพัดโชยมาชื่นใจนัก

สามสาวพาสามหนุ่มเดินชมบ้านเมืองสวยงาม สะอาดสะอ้านปานเมืองในฝัน ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก ผ่าฟืน ทอผ้าและทำเครื่องจักสาน หันมองยิ้มๆ อย่างเป็นมิตรราวรู้จักกันมาเนิ่นนาน...สังเกตว่ามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย!

หรือว่าจะเป็นเมืองลับแล เมืองแม่ม่ายอย่างที่เคยได้ยินเขาเล่าลือกันมาเนิ่นนาน?

จนกระทั่งลัดเลาะลงมาถึงห้วยละหานธารใส มีคนกลุ่มใหญ่ลงมาตักน้ำด้วยถังไม้...เจ้าศรีมองเห็นแสงวูบวาบตามชายน้ำก็ย่นคิ้ว ก่อนจะผละวิ่งเข้าไปก้มลงหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาดู...ขยี้หูขยี้ตา 2-3 ครั้ง แล้วร้องเอะอะ อะไรอย่างลืมตัว

"เฮ้ย! ทองนี่หว่า...ทองคำแท้ๆ ไม่ใช่ก้อนหินหรอกโว้ย!" คนที่มาตักน้ำหันมองยิ้มๆ ก่อนจะข้ามก้อนสีทองน้อยใหญ่เหล่านั้นโดยไม่สนใจไยดีแม้แต่น้อยนิด

"ก็ทองน่ะซีจ๊ะ" ลำดวนก้าวเข้ามาหา "มากมายกว่าก้อนหินด้วยซ้ำ ก้อนใหญ่ๆ กว่านี้ก็ยังมี...นั่น! แล้วก็นั่น! ทองคำทั้งนั้นเลย ว่าแต่พี่จะสนใจของพวกนี้ไปทำไมกันจ๊ะ?"

ก้อนทองหล่นจากมือ เจ้าศรีพยักหน้าฝืนยิ้ม นัยน์ตาหรี่ลงโดยไม่รู้ตัว

"นั่นซี...ทองคำเยอะแยะขนาดนี้จะไปมีค่าอะไรล่ะ?

สามสาวหัวเราะเสียงใส เจ้าขุนมองดูทิวทัศน์อันร่มรื่น ฟังเสียงน้ำเซาะแก่งหิน เสียงนกร้องเพลง ลมพัดโชยกลิ่นดอกไม้มาหอมชื่น...ตระหนักถึงชีวิตที่สุขสงบและสันโดษของดินแดนแห่งใหม่ มีพลับพลึงแสนสวยเคียงข้างแนบเคล้าไปตลอดกาล!

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6875 ข่าวสดรายวัน


ลาแล้ว...ลับแล!

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากเมืองลับแลที่หลายคนเชื่อว่ามีอยู่จริง

พอดีมีสาวรุ่นคู่หนึ่งนุ่งกระโจมอก เดินหัวเราะต่อกระซิกกันลงมาที่ลำธาร สะกิดกันมองหนุ่มแปลกหน้า ซุบซิบกัน แล้วปิดปากหัวเราะคิกคัก...เจ้าฉายมองดูความอวบอัดสะพรั่งตาของสองสาวแล้วก็กลืนน้ำลาย...

ชายทั้งสามก็ดูเหมือนจะลืมเลือนเรื่องการกลับบ้านที่ดงหลวงของตนโดยสิ้นเชิง!

เวลาผ่านไปเดือนเศษ สามหนุ่มกลายเป็นชาวเมืองที่ทุกคนคุ้นหน้า ไม่มีใครซักถามถึงความหลังของกันและกัน ราวกับทุกคนเป็นญาติมิตรที่รู้จักมักคุ้นกันมาทั้งนั้น

เย็นวันหนึ่งก็เกิดเหตุร้ายขึ้น!

เจ้าขุนกับพลับพลึงกำลังอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร ใกล้ๆ กับเจ้าศรีและลำดวน เสียงหัวเราะเริงร่าดังก้องอยู่ในอากาศ เจ้าศรีชอบมองก้อนหินสีทองน้อยใหญ่ที่เกลื่อนกลาดอยู่ตามชายหาดและก้นลำธาร น่าบาดตาบาดใจนัก...ขณะที่เจ้าขุนกับพลับพลึงวักน้ำใส่กันอย่างสนุก...เสียงหวีดร้องก็ดังแว่วมาเข้าหู หญิงชายกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูเกรียวกันเข้าไปหาเพื่อช่วยเหลือ...

สองชายจากทุ่งดงหลวงตะลึงงัน เมื่อเห็นสาวสวยนางหนึ่งเรือนร่างเปล่าเปลือยวิ่งร้องไห้เข้ามาหา...เจ้าฉายนั่งกุมหัวเลือดไหล มีหินสีทองก้อนหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ ทำให้ทุกคนเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นมา?

คืนนั้นเอง...พลับพลึงหลับไปแล้ว แต่เจ้าขุนยังนอนก่ายหน้าผากลืมตาโพลงระบายลมหายใจยาวราวกับเหน็ดเหนื่อยเต็มประดา...

เจ้าฉายยอมสารภาพโดยดีว่าเห็นสาวรุ่นเล่นน้ำอยู่เดียวดาย อารมณ์ใคร่พลุ่งพล่านจนสุดระงับ ปราดเข้าไปกอดรัดปลุกปล้ำ แต่ฝ่ายหญิงต่อสู้ดิ้นรนไม่คิดชีวิต เมื่อสบโอกาสก็คว้าก้อนทองทุบหัวมันเลือดสาด พลางส่งเสียงหวีดร้องขอให้คนช่วยจนมันโดนจับได้

หญิงชายวัยกลางคนคู่หนึ่งตัดสินว่าเจ้าฉายมีความผิด ต้องได้รับโทษทัณฑ์!

ชายกำยำ 3 คนนำเจ้าฉายเข้าป่าเปลี่ยว สร้อยทองน้ำตาไหลอาบแก้มเงียบเชียบ แสงคบวอมแวมหายลับไปในป่า

เดือนต่อมา เจ้าขุนก็รู้แน่ว่าพลับพลึงคนงามตั้งครรภ์แล้ว!

วันหนึ่ง เจ้าศรีเห็นปลอดคน ก็เข้าไปปรึกษาเจ้าขุนว่าเราน่าจะหาทางกลับบ้านกลับช่องเสียที ป่านนี้ญาติมิตรคงจะตั้งตาคอยด้วยความห่วงใย...ช่วยกันขนทองไปขายตั้งตัวกันดีกว่าจะมาหมกตัวอยู่ในเมืองลับแล...เจ้าขุนได้ฟังก็ส่ายหน้า บอกว่าทุกวันนี้ก็อยู่ดีมีสุขแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนยุ่งยากแล้วจะหาความเดือดร้อนไปทำไม?

เจ้าศรียืนกรานว่ามันตั้งใจไว้แล้ว ถ้าเพื่อนไม่เอาด้วยก็อย่าปริปากบอกใคร

อีกไม่ช้าเจ้าศรีก็หายหน้าไป ไม่มีใครแยแสสนใจเลยแม้แต่คนเดียว

พลับพลึงคลอดลูกออกมาเป็นชาย หน้าตาประพิมพ์ประพายคล้ายทั้งพ่อและแม่ เจ้าขุนหลงรักลูกน้อยจนไม่อยากจากไปไหน วันๆ ก็เอาแต่เลี้ยงดูหยอกล้อลูกชายอยู่ในเรือน ส่วนพลับพลึง ออกไปทำสวนผักกับเพื่อนๆ ถึงเวลาก็กลับมาให้นมบุตร

วันเกิดเหตุ เด็กน้อยร้องไห้โยเย พ่อจะกล่อมเห่ปานใดก็ไร้ผล เจ้าขุนจนปัญญาก็อุ้มลูกขึ้นมา พลางชี้ไปที่หน้าเรือนอันว่างเปล่า บอกว่า...นั่นแน่ะ แม่มาแล้ว!

ทารกได้ยินก็เงียบไป แต่เมื่อมองไม่เห็นมารดาก็ร้องจ้าขึ้นมาใหม่ เจ้าขุนก็เอาแต่หลอกลูกชายโดยหมายใจจะปลอบโยน จนพลับพลึงกลับมา

"พี่ไม่น่าจะพูดปดกับลูกเลย" สุ้มเสียงกับหน้าตาหม่นหมองนัก "ฉันเคยขอร้องพี่ไว้อย่างเดียว...อย่าพูดปด! แต่เดี๋ยวนี้พี่ละเมิดกฎเมืองแล้ว เราอยู่กินกันไม่ได้อีกต่อไป...ยังดีกว่าพี่ศรี แกลักทองหนีไปถึงชายดงก็ถูกเสือขบหัวตาย!"

เจ้าขุนตกตะลึงขนลุกซ่า...มองดูเมียรักเช็ดน้ำตาพลางหาเสบียงให้ แล้วอุ้มลูกลงบันไดออกนำหน้ามาจนถึงชายดง พลับพลึงก็ส่งถุงย่ามหนักอึ้งให้ บอกผัวทั้งน้ำตา

"พี่เดินตามทางนี้ไปเรื่อยๆ ตกค่ำก็จะมองเห็นบ้านดงหลวงของพี่เอง อ้อ! ของในย่ามเอาไว้เปิดดูเมื่อถึงบ้านแล้ว...ลาก่อนพี่จ๋า ชาติหน้ามีจริงเราคงจะได้พบกัน"

ว่าแล้วก็อุ้มลูกหันกลับ เจ้าขุนใจวาบหวิวเจียนจะขาด กระชับย่ามสะพายบ่าแล้ว หักใจดุ่มเดินไปตามทางที่พลับพลึงชี้ให้...หิวขึ้นมาก็ล้วงอาหารในย่ามกิน นึกเจ็บใจตัวเองที่ปากพล่อยเพียงครั้งเดียวก็ต้องสูญเสียทั้งเมียและลูกอันเป็นสุดที่รัก

เหน็ดเหนื่อยก็นั่งพักที่โคนไม้...เห็นตะวันคล้อยดวงก็รีบเดินด้วยระแวงภัย...

ต้นสักใหญ่โดดเด่นอยู่ตรงหน้า เจ้าหนุ่มวิ่งถลาไปก็เห็นมะค่าคู่ถนัดตา เลี้ยวซ้ายก็มีลำธารเล็กๆ ที่คุ้นเคยไหลรินราวเสียงกระซิบกระซาบให้ชื่นใจ...พ้นจากดงกล้วยดกหนานั่นก็คือสวนผักและหมู่บ้านดงหลวงอันเป็นจุดหมายปลายทาง

ในถุงย่ามหนักอึ้งคือก้อนทองที่พลับพลึงมอบให้ผัวด้วยความรักและห่วงใย...

เจ้าขุนร่ำรวยแล้วแต่ก็ยังออกป่าล่าสัตว์ตามเดิม วันๆ เฝ้าชะเง้อชะแง้แลหาช่องทางที่จะเข้าเมืองลับแล แต่ไม่เคยพบพานอีกเลยจนกระทั่งวันตาย!

อเมริกาขอเลิกเป็นพระเอกโลก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
แบ่งบท-ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ว่า สหรัฐจะเลิกสวมบทพระเอกฉายเดี่ยวในการแก้ปัญหาของโลก ในเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 64 ที่นครนิวยอร์ก โดยมีผู้นำจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 120 ประเทศ เมื่อ 24 ก.ย. (เอเอฟพี)

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 24 ก.ย. เอเอฟพีและบีบีซีรายงานวิเคราะห์สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ว่า สหรัฐจะยุติการวางท่าทีเป็นใหญ่เป็นโต และเลิกทำตัวเป็นพระเอกฉายเดี่ยวในการแก้ปัญหาของโลก หันมาขอให้นานาประเทศ รวมถึงประเทศที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามามีส่วนแสดงบทบาทและความรับผิดชอบร่วมกัน

"ชาติที่เคยวิพากษ์วิจารณ์อเมริกาว่าชอบฉายเดี่ยวในโลก จะมัวยืนดูเฉยๆ และรอให้อเมริกาแก้ปัญหาของโลกตามลำพังไม่ได้อีกแล้ว เราต้องสร้างพันธมิตรใหม่จากที่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ทุกประเทศมีสิทธิและความรับผิดชอบร่วมกัน นั่นจึงเป็นความคาดหวังที่จะแก้ปัญหาได้ เรามาถึงการสร้างยุคใหม่ของการสานไมตรีในโลก ถึงเวลาแล้วสำหรับเราทั้งหมดที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ของโลก" โอบามากล่าว และพูดถึงวิกฤตการณ์ต่างๆ รวมถึงความพยายามที่จะยุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จะมีการเจรจาในกลุ่มชาติมหาอำนาจของโลกและกับรัฐบาลอิหร่านในวันที่ 1 ต.ค. <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ม็อบมารอ - สมาชิกออกซ์แฟม กลุ่มช่วยเหลือผู้ยากไร้ ใส่หน้ากากเป็นรูปหน้าผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจโลก หรือจี 20 โหมโรงก่อนการชุมนุมของเอ็นจีโอกลุ่มต่างๆ ในการประชุม จี 20 ที่เมืองพิตส์เบิร์ก สหรัฐ เมื่อ 24 ก.ย. (เอพี)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากรับตำแหน่งผู้นำมา 9 เดือน โอบามาปรับเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสมัยจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อย่างชัดเจน พยายามเปิดทางประนีประนอมกับชาติคู่อริ และท่าทีในสันติภาพตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังระดมกองกำลังทหารจากพันธมิตรในกลุ่มนาโต้เพื่อไปเสริมในอัฟกานิสถานไม่ได้ ส่วนจีนก็ยังไม่เปลี่ยนท่าทีที่จะเข้าร่วมวงลงโทษอิหร่านในเรื่องนิวเคลียร์ แต่ประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่าน เสนอตัวขอเจรจาด้วย

วันเดียวกัน นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เผยท่าทีใหม่ของรัฐบาลสหรัฐที่จะเจรจากับรัฐบาลทหารพม่า รวมถึงลดมาตรการลงโทษพม่าในบางข้อเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับความร่วมมือ เพราะเห็นว่า วิธีที่ใช้มาตลอดยังไม่ได้ผล ไม่อาจโน้มน้าวให้พม่าปรับเข้าหาระบอบประชาธิปไตย

ตั้ง 3 หมื่นล่ามือแกล้งแมว



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 24 ก.ย. เอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งรัฐเพนซิล วาเนีย ในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ตั้งเงินรางวัล 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 33,500 บาทให้กับผู้แจ้งเบาะแสคนใจร้าย แกล้งพันเทปกาวทั่วตัวแมวเหมือนมัมมี่ ตั้งแต่คอไปจนจรดขาสี่ข้างแล้วเอาไปปล่อยทิ้งในสวนสาธารณะ โชคดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งไปพบเข้าและแจ้งเจ้าหน้าที่ สัตวแพทย์ช่วยแกะเทปออกให้และแมวมีท่าทีมีความสุขขึ้น ส่งเสียงคราง และเริ่มไม่กลัวคนอุ้ม โดยลายขนสีขาวดำเริ่มขึ้นมาเหมือนเดิมแล้ว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่าเจ้าสติ๊กกี้ แปลว่า เหนียวหนึบ

 

ขอข้อมูลด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอข้อมูลด้วยครับ ตอนนี้อยู่ เขมรครับ กำลังจะกลับไทย ขอบคุณครับ

 

ขอข้อมูลด้วยครับ
ขอบคุณครับ

 

24 ก.ย. 52
<O</O
<O</O
แผนหนึ่ง
<O</O
<O</O
ผมได้เดินทางกลับจากซื้อที่ดิน ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นที่เรียบร้อย กลับถึงกรุงเทพฯ ลงรถที่รังสิตเวลาประมาณ 20.00น.
<O</O
<O</O
การซื้อขาย ตอนแรกคิดว่าจะมีปัญหา เนื่องจากผมมีเงินแค่หนึ่งแสนบาท ได้ตกลงกันว่าจะซื้อ 1ไร่ ราคาต่อรองกันที่ 9หมื่นบาท ผมขอลดเพราะต้องการนำมาซื้อโอ่งน้ำและทำอย่างอื่น ผู้ขายตกลงขายให้แต่เมื่อมาดูหลักฐาน ปรากฏว่าในโฉนดเป็น 1ไร่ 1งาน 70ตารางวา ในใจผมขณะนั้นคิดว่าโครงการล้มแน่ๆ คนขายก็ขายให้แต่ขอ 1แสนถ้วน เป็นอันว่าแผ่นหนึ่งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
<O</O
<O</O
ที่เป็นที่ น.ส.3 ก ถ้าจะให้สมบูรณ์ก็ต้องแจ้งรังวัด ปักหลักเขตที่ดิน จึงจะเป็นโฉนดที่สมบูรณ์ แต่มีสิทธิ์เท่ากับโฉนดทุกอย่าง คิดว่าถ้าได้ขึ้นไปอยู่ถาวรจริงๆแล้วค่อยแก้ไขทีหลัง
<O</O
<O</O
ที่นี้เป็นที่ถูกกำหนดให้ไปอยู่ สิ่งที่ยืนยันอันดับแรกคือการซื้อขายที่ราบรื่น ขอให้ท่านสังเกตดูอีกอันดับเพื่อเป็นการยืนยันคือ
<O</O
<O</O
น.ส.3 ก เลขที่ 416(11)<O</O
เล่มที่ 5ก หน้าที่ 16(7)<O</O
แผ่นที่ 65(11)<O</O
เลขที่ดิน 89(17)<O</O
จำนวนที่ดิน 1ไร่ 1งาน <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com70 ตารางวา</st1:metricconverter>(117)<O</O
คนขายอายุ 56ปี(11)<O</O
ซื้อขายในราคา 1แสนบาท<O</O
เลข 1 และ 7 คือเลขเกี่ยวกับภัยพิบัติ


ส่วนรายอื่นๆซื้อขายยังไม่สำเร็จ เนื่องจากราคาต่อรองและที่ดินส่วนที่เหลือมีปัญหา ถ้าจะซื้อสำเร็จจะต้องยกซื้อทั้ง 4ไร่

 

ขอบคุณครับ ขอข้อมูลทาง PM ด้วยครับ ข้อมูลเรื่องใดล่อแหลมเกินไป ผมก็จะไม่นำมาเปิดเผยในกระทู้นี้ครับ

เรื่องอายุและรูปร่างของพระศรีอาริย์ นั้นผมไม่ติดใจอะไร เพราะรู้ดีว่าถึงแม้ในตอนนี้ท่านอาจจะมีรูปร่างหน้าตาขึ้ริ้วขี้เหร่ เพราะวิบากกรรมที่เคยไปเหยียบเงาของพระสมณโคดมโดยไม่เจตนา แต่เมื่อท่านได้เสวยผลมะม่วงกาซอ(ผลไม้ทิพย์) ที่พระอินทร์นำมาถวายแล้วก็จะกลับเป็นหนุ่มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติลงมาจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว ตรงตามที่ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้เห็นในนิมิตนั่นแหละครับ

ส่วนเรื่องเวลา 56 วัน 7 ราตรี นั้น ผมว่าอย่าเพิ่งไปปักใจว่าจะต้องเกิดในปี พ.ศ.2573 เลยครับ เวลามันอาจจะถูกเลื่อนให้เกิดเร็วขึ้นก็เป็นได้ เพราะ อ.ปริญญา ท่านก็บอกเอาไว้แล้วว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานะการณ์ในขณะนั้น ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะลงมือแก้แค้นเอาเมื่อไหร่ เหมือนเมื่อตอนที่ อ.ปริญญา บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ 56 วัน 7 ราตรี ในปี พ.ศ.2542 ในตอนนั้นผมก็เชื่อว่าจะต้องเกิดแน่ๆ เพราะตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส และตรงกับคำเตือนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ได้บอกเตือนมา แต่แล้วเวลามันก็ถูกเลื่อนออกไป ในที่สุดก็ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในปีนั้น

 

ขอเอาข้อมูลมาให้อ่านเล่นน่ะครับ

 

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"


​

ฉบับที่ 10 (150/2009) ลงวันที่ 26 กันยายน 2552

หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณภาคเหนือตอนล่างได้อ่อนกำลังลงแล้ว แต่หย่อมความกดอากาศต่ำนี้ยังอยู่ในแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

จึงขอให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร หนองคาย นครพนม มุกดาหาร สกลนคร อุดรธานี และกาฬสินธุ์ ต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

สำหรับ คลื่นลมที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้และจะทวีกำลังแรงขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทยได้ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 2552

ที่มา กรมอุตุนิยมวิทยา
http://www.tmd.go.th/list_warning.php

 

พระสงฆ์ทั่วประเทศทำพิธีเจริญพุทธมนต์ขอทรงหายจากพระอาการประชวร​

​

ภูมิภาค 26 ก.ย.-พระสงฆ์ทั่วประเทศทำพิธีเจริญพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร

ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพระสงฆ์ ร่วมกันทำพิธีเจริญพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมพิธียังร่วมกันลงนามถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรักภักดี

เช่นเดียวกับที่ จ.อุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมกับพระสงฆ์จำนวน 999 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่พระสงฆ์มีการสวดพระพรชัยมงคล และนั่งสมาธิเป็นเวลา 9 นาที เพื่อถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรงและมีพระชนมายุยั่งยืนนาน

ส่วนที่อาคารพระพุทธชินวงศ์ วัดสระแก้ว พระอารามหลวง จ.เชียงราย พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 6 นำพระสงฆ์จำนวน 384 รูป จาก จ.เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน ประกอบพิธีทางศาสนา เจริญพระพุทธมนต์ สวดคาถาชินบัญชร ก่อนร่วมกันนั่งสมาธิ เจริญจิตตภาวนา 9 นาที ตั้งจิตอธิษฐานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร

ขณะที่นายนะรงษ์ ชาวเพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนศึกษาพิเศษปราจีนบุรี นำเด็กบกพร่องทางปัญญาลงนามถวายพระพร ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรง.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 01:13:25

น้ำป่าเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลบ่าท่วม 8 หมู่บ้าน อ.หนองไผ่



​

เพชรบูรณ์ 26 ก.ย.-ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวันส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลบ่าเข้าท่วมหมู่บ้านใน อ.หนองไผ่ ล่าสุดจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ชาวบ้านเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำและเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไว้บนที่สูง

ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ได้หลากเข้าท่วม 8 หมู่บ้านของ ต.วังท่าดี และอีก 2 หมู่บ้านใน ต.ท่าแดง อ.หนองไผ่ รวมเกือบ 1,000 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งอพยพทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอยู่บนที่สูงเพื่อความปลอดภัย ส่วนพื้นที่การเกษตร ทั้งนาข้าว และสวนผลไม้จมอยู่ใต้น้ำ รวมกว่า 5,000 ไร่

ระดับน้ำที่ท่วมสูงทำให้ถนนสายหนองไผ่-ท่าด้วง มีสภาพไม่ต่างไปจากลำคลอง รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้ อย่างไรก็ตาม ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทางจังหวัดจึงได้ประกาศเตือนให้ชาวบ้านเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำและการแจ้งเตือนจากจังหวัดอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 00:35:56

ฝนถล่มนราธิวาสโค่นต้นสนชายหาดทับร้านค้า-รถยนต์​

​

นราธิวาส 25 ก.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝนกระหน่ำอย่างหนัก ช่วงเวลา 15.30 น. วันนี้ (25 ก.ย.) ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ส่งผลให้ประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวช่วงฮารีรายอ บริเวณชายหาดนราทัศน์ วิ่งหลบสายฝนและลมพัดแรงอย่างจ้าละหวั่น ขณะเดียวกัน ต้นสนใหญ่ริมหาดถูกแรงลมพัดหักโค่นกว่า 10 ต้น และทับใส่รถยนต์เสียหาย 4 คัน รวมทั้งร้านค้า 5 แห่ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนรา 01 เร่งนำอุปกรณ์เลื่อยยนต์ตัดกิ่งไม้ออกจากจุดเกิดเหตุ. - สำนักข่าวไทย

2009-09-25 18:27:23

น้ำท่วมอำเภอเมืองจันทบุรี หลังฝนตกหนักนานกว่า 4 ชม.​

​

จันทบุรี 25 พ.ย.-ฝนที่ตกหนักนานกว่า 4 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมสถานที่ราชการและถนนเขตอำเภอเมืองจันทบุรี

ถนนสายโปร่งแรด-พลับพลา ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 60 เซนติเมตร หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.จันทบุรี ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ น้ำยังท่วมเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี โดยเฉพาะพื้นที่ ต.พลับพลา น้ำป่าจากเทือกเขาสระบาปไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของไปไว้ที่สูง เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำออกจากถนนสายหลัก

ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำจันทบุรีและเขื่อนยางงะดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายพูนศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี สั่งเตรียมพร้อมชุดเคลื่อนที่เร็วตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งประกาศเตือนชาวบ้านให้ระมัดระวังจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก.-สำนักข่าวไทย

2009-09-25 05:10:14

พายุฝนกระหน่ำศรีราชา ไฟดับ-น้ำท่วมถนนหลายสาย​

​

ชลบุรี 25 ก.ย.-เกิดพายุฝนตกในเขตพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ทำให้น้ำท่วมถนนหลายสายและจราจรติดขัดอย่างหนัก และยังส่งผลให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ในเขตตัวเมืองศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบนถนนหลายสาย โดยเฉพาะถนนสุขุมวิทช่วงสี่แยกวังหินจนถึงสี่แยกโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากที่สูง มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 เซนติเมตร เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ทำให้รถที่สัญจรผ่านไปมาบางคันเครื่องดับไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก นอกจากนี้ ยังจากลมพายุที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

2009-09-25 00:34:58

แม่น้ำลาวเชี่ยวกรากพัดคอสะพานขาดตัดหมู่บ้านชาวเขามูเซอ​

​

เชียงราย 24 ก.ย. - นายณัฏฐเวศ รัตนะสถาพร กำนันตำบลท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เปิดเผยถึงผลกระทบจากฝนตกหนักตลอดคืนที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า ทำให้แม่น้ำลาวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลเชี่ยว ว่า

จากการตรวจสอบความเสียหายพบว่า สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 7 เมตร ยาว 30 เมตร ซึ่งเชื่อมหมู่บ้านแม่ผักและบ้านป่าถ่อน ถูกกระแสน้ำพัดคอสะพานขาดยาวกว่า 10 เมตร สัญจรไม่ได้ ราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่ามูเซอเดือดร้อน 177 หลังคาเรือน กว่า 700 คน เพราะไม่สามารถนำผลผลิตการเกษตรออกมาขายสู่ตลาดในตัวอำเภอแม่สรวย และต้องอ้อมไปใช้เส้นทางต่างหมู่บ้านไกลหลายกิโลเมตร ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น. - สำนักข่าวไทย

2009-09-24 16:13:26

ดินไหลตัวทับถนนแม่ฮ่องสอนหลังฝนกระหน่ำทั้งคืน​

​

แม่ฮ่องสอน 24 ก.ย.- นายพงษ์เดช ทิพย์เดช ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน เร่งประสานขอเครื่องจักรกลจากสำนักงานแขวงการทางแม่ฮ่องสอน และอำเภอเมือง เพื่อเข้าดำเนินการจัดเก็บเศษดินที่ไหลตัวมาลงปิดทับเส้นทางแม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า ช่วงกิโลเมตรที่ 155 บ้านลุกข้าวหลาม ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า หลังเกิดฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืน

ทำให้น้ำป่าทะลักท่วมพื้นที่ตำบลห้วยผา อ.เมือง และ อ.ปางมะผ้า โดยเฉพาะถนนแยกทางเข้าวัดถ้ำวัว ต.ห้วยผา น้ำสูง 80 เซนติเมตร ระยะทาง 2 กิโลเมตร ขณะเดียวกันผู้ที่มาปฏิบัติธรรมจากจังหวัดนครสวรรค์ในวัดดังกล่าวจำนวน 5 คน ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา และมีกำหนดกลับวันนี้ยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้ เพราะล่าสุดระดับน้ำยังทรงตัว และการสัญจรลำบาก ประกอบกับมีดินปิดทับเส้นทาง

คาดว่าสถานการณ์จะคืนสู่ภาวะปกติภายในวันนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาอีก ส่วนความเสียหายทางอำเภอเมืองและอำเภอปางมะผ้าให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือราษฎรในเบื้องต้น.- สำนักข่าวไทย

2009-09-24 12:48:40

บ.ทอสเท็มไทย นวนคร ปิดกิจการลอยแพแรงงานกว่า 5 พันคน ​

​

ปทุมธานี 25 ก.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา บริษัท ทอสเท็มไทย จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้ประกาศหยุดกิจการอย่างถาวร ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2552 เป็นต้นไป

ภายหลังไม่สามารถไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานเรื่องการขึ้นค่าแรงและสวัสดิการต่าง ๆ กับลูกจ้างได้ แม้ นายจงกล แก้วคำแสม ผู้แทนฝ่ายบริษัทฯ พร้อมทั้งกรรมการอีก 8 คน และนายวิชา เนื้ออ่อน ประธานสหภาพแรงงานฯ พร้อมกรรมการอีก 5 คน จะเจรจากันอย่างเคร่งเครียด เพื่อหาข้อยุตินานหลายชั่วโมง โดยมี นายสุวิทย์ สุมาลา หัวหน้าสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมไกล่เกลี่ย ส่งผลให้ฝ่ายลูกจ้างประกาศนัดพนักงานทั้ง 5,600 คน หยุดงานประท้วงในวันที่ 29 กันยายนนี้

ภายหลังทราบมติของฝ่ายลูกจ้าง ผู้บริหารบริษัท ทอสเท็มไทย จำกัด จึงประกาศหยุดกิจการอย่างถาวรในวันที่ 28 กันยายน ทันที เพื่อป้องกันเหตุประท้วงที่จะเกิดขึ้น ล่าสุด ประธานสหภาพแรงงานทอสเท็มไทย จึงประกาศเลื่อนนัดหยุดงาน มาเป็นวันนี้ (25 ก.ย.) แทน โดยมีกลุ่มพนักงานกว่า 4,000 คน ออกมารวมตัวกันที่หน้าบริษัท เพื่อเรียกร้องให้บริษัทรับผิดชอบ และจ่ายเงินค่าชดเชยตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด.- สำนักข่าวไทย

2009-09-25 18:24:51

วอนเร่งแก้ปัญหาลิงเขาตังกวน หวั่นกระทบท่องเที่ยวสงขลา​

​

สงขลา 25 ก.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ เขาน้อยและเขาตังกวน ในเขตเทศบาลนครสงขลา กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาประชากรลิงที่อาศัยอยู่บนเขาน้อยและเขาตังกวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากลิงที่นี่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และในระยะนี้พบว่าลิงมีลูกเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเป็นห่วงว่า เมื่อประชากรลิงเพิ่มขึ้นจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่มากขึ้น เนื่องจากอาหารตามธรรมชาติมีไม่เพียงพอกับประชากรลิง แม้เทศบาลนครสงขลาจัดหาอาหารมาให้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ก็พบว่ายังมีลิงออกหาอาหารตามบ้านเรือนประชาชน และแย่งชิงอาหารจากนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ แม้ลิงเขาน้อยและเขาตังกวนเป็นจุดขายหนึ่งในการท่องเที่ยว แต่หากปล่อยให้ลิงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะกลายเป็นการสร้างปัญหาทางการท่องเที่ยวได้ โดยก่อนหน้านี้ประชาชนได้เรียกร้องให้มีการทำหมันหรือคุมกำเนิดลิงที่นี่ แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาดูแล. - สำนักข่าวไทย

2009-09-25 16:22:20

ที่มา http://news.mcot.net

 

ฝนกระหน่ำทำสะพานเชื่อมไทย-เขมรพัง กระทบค้าชายแดน​

​

จันทบุรี 26 ก.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.จันทบุรี ส่งผลให้ปริมาณน้ำในคลองด่านที่รับน้ำจาก “เขาปรึก” ใน อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา และเขาตาง็อก จ.สระแก้ว ของไทย เพิ่มสูงขึ้น และไหลเชี่ยวกราก จนพัดสะพานข้ามคลองด่านขนาดกว้าง 6 เมตร ยาวกว่า 20 เมตร ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมไทย-กัมพูชา ที่จุดผ่อนปรน หมู่บ้านซับตารี หมู่ 2 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ทรุดตัวลง ท่อนไม้ขนาดใหญ่และเสาคอนกรีตหักโค่น รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ส่งผลกระทบกับการค้าบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จุดผ่อนปรนบ้านซับตารี

โดยนายสมบัติ จึงตระกูล นายกชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ การขนย้ายสินค้าทุกชนิดที่กัมพูชาสั่งซื้อจากผู้ประกอบการค้าชาวไทย ไม่สามารถขนส่งผ่านสะพานคลองด่านได้ คาดว่าจะมีความเสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย

2009-09-26 15:54:02

เร่งซ่อมสะพานชั่วคราวช่วยหมู่บ้านถูกตัดขาดโลกภายนอก​

​

เชียงราย 26 ก.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวไทยภูเขาเผ่ามูเซอ หมู่บ้านแม่ผักแหละ หมู่ 11 ต.ทาก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จำนวน 177 หลังคาเรือน กว่า 700 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมาถึง 3 วัน เนื่องจากคอสะพานคอนกรีตบริเวณบ้านป่าถ่อน หมู่ 2 ต.ท่าก๊อ ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวของแม่น้ำลาวพัดขาดยาวกว่า 11 เมตร ขณะเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ศูนย์ซ่อมสร้างทางพิจิตร กรมทางหลวง และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รวมทั้ง อบต.ท่าก๊อ และชาวบ้าน ยังคงช่วยกันนำดินมาถมคอสะพาน เพื่อสร้างสะพานเหล็กชั่วคราวให้ชาวบ้านได้สัญจรและขนผลผลิตที่ตกค้างออกขายตลาดก่อนจะเสียหายมากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าชาวบ้านจะใช้สะพานดังกล่าวได้ในวันพรุ่งนี้.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 16:29:13

เหนือ-อีสาน ฝนตกหนัก ส่งผลให้บางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง ​

​

26 ก.ย. - เหนือ-อีสาน ฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้บางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.ออกตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมฝั่งธนบุรี เชื่อยังรับมือได้

เมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลหลากเข้าท่วมหลายหมู่บ้านในอำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม ทางจังหวัดต้องประกาศเตือนชาวบ้านให้เก็บสิ่งของไว้บนที่สูง

ที่จังหวัดพิจิตรได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร รวมทั้งสถานที่ราชการหลายแห่ง โดยเฉพาะที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร มีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูง 30 - 40 ซม. นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชน

จังหวัดกาฬสินธุ์ เตือนประชาชนบริเวณพื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ติดเขตเทือกเขาภูพาน ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก หลังฝนตกต่อเนื่องส่งผลระดับน้ำในเขื่อนลำปาวพุ่งสูงขึ้น เหลืออีกเพียง 200 ล้าน ลบ.ม.จะเกินปริมาณเก็บกัก
ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.ตรวจและเตรียมการป้องกันน้ำท่วมฝั่งธนบุรี มั่นใจแนวป้องกันทั้ง 4 ทิศและสถานีสูบน้ำต่าง ๆ สามารถรับปริมาณน้ำฝนได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 400 ตารางกิโลเมตร ระบุไม่ห่วงปัญหาน้ำเหนือเข้ากรุง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ยังรับน้ำได้อีกมาก. -สำนักข่าวไทย

2009-09-26 12:15:48

เชียงใหม่ครึ้มฝน-ผู้ว่าฯ ห่วงน้ำท่วมย้ำทุกอำเภอรับมือ​

​

เชียงใหม่ 26 ก.ย. - นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการไปยังทุกอำเภอให้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ เพราะสภาพท้องฟ้ายังมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน แม้ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากฝนตกหนักมาตั้งแต่ค่ำวานนี้ แต่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง

เนื่องจากมรสุมและอิทธิพลความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่พาดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนัก ซึ่งบางพื้นที่ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เริ่มมีน้ำท่วมขัง เพราะระบายไม่ทัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ตามจุดที่เป็นปัญหาเรียบร้อยแล้ว เพราะหากฝนยังไม่ทิ้งช่วงอาจเกิดปัญหาขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 13:30:38

พิษณุโลก-พิจิตร ห่วงพื้นที่เสี่ยงน้ำป่า-ดินถล่มจากฝนตกหนัก​

​

ภูมิภาค 26 ก.ย.- ปภ.พิษณุโลกห่วงพื้นที่ 5 อำเภอ เสี่ยงน้ำป่า-ดินถล่มกว่า 100 หมู่บ้าน ย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่พิจิตรฝนกระหน่ำหนักน้ำท่วมหลายจุด

นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 116 หมู่บ้าน 5 อำเภอ คือ อ.ชาติตระการ นครไทย เนินมะปราง วังทอง และวัดโบสถ์ เตรียมป้องกันผลกระทบจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากฉับพลัน โดยสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดพิษณุโลก รายงานว่า สภาพอากาศแปรปรวนจากพายุโซนร้อน “คอปปุ” บริเวณทะเลจีนใต้ในระยะนี้ ทำให้ฝนฟ้าคะนองกระจายทั่วไป

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยวดยานควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ล่าสุดเช้าวันนี้ (26 ก.ย.) เกิดอุบัติเหตุรถกระบะ ทะเบียน บฉ 619 อุตรดิตถ์ ชนรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ฉ 7254 พิษณุโลก บนถนนเอกาทศรถ หมู่ 5 ต.หัวรอ อ.เมือง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายและหญิงอายุ 60 ปี จากรถจักรยานยนต์ ส่วนอีกจุดรถยนต์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กพ 6340 นนทบุรี เสียหลักท่ามกลางฝนตกหนักบนถนนสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ บ้านวังส้มซ่า ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง เคราะห์ดีคนขับบาดเจ็บเล็กน้อย

ส่วน จ.พิจิตร ฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืน ส่งผลให้หลายพื้นที่เขตเทศบาลเมืองพิจิตรน้ำท่วมเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ โดยเฉพาะสถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ระดับน้ำสูง 30-40 ซม. นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนและสถานที่ราชการอีกหลายแห่งถูกน้ำท่วมเช่นกัน ชาวบ้านร้านค้าเร่งเก็บสิ่งของขึ้นบนที่สูง ด้านนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กำชับให้แต่ละอำเภอติดตามสถานการณ์ทุกระยะ ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้กับเขาเพชรบูรณ์ และแม่น้ำยม ให้ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนไว้เป็นพิเศษ เพราะอาจมีฝนตกสะสมและดินอุ้มน้ำไม่ไหว ทำให้น้ำป่าไหลหลากฉับพลัน.- สำนักข่าวไทย

2009-09-26 10:33:03

รุกหนักป่าต้นน้ำรอยต่อ 2 จังหวัดใต้-เร่ง จนท.จัดการปัญหา​

​

สงขลา 26 ก.ย.- นายประวิทย์ ทองประสม ประธานประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ จ.สงขลา เปิดเผยถึงปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาวังพา รอยต่อระหว่าง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา กับ จ.สตูลว่า ล่าสุดจากการนำชาวบ้านคลองหอยโข่งเข้าตรวจสอบพบว่าป่าถูกตัดโค่นและเผาทำลายกว่า 500 ไร่

นอกจากนี้ ยังมีตัดโค่นไม้รอขนย้ายกระจายหลายจุด และการนำเครื่องจักรกลเข้าปรับไถหน้าดินเป็นขั้นบันได เพื่อรอปลูกยางพารา ซึ่งป่าสงวนแห่งชาติยังเป็นแหล่งผลิตน้ำให้ประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี และประสบปัญหาบุกรุกทำลายมาร่วม 10 ปีแล้ว ทำให้เหลือผืนป่าที่อุดมสมบรูณ์น้อยมาก โดยกลุ่มผู้บุกรุกส่วนใหญ่ใช้ที่ดินเพื่อทำสวนยางพาราเป็นหลัก หากยังไม่มีหน่วยงานใดเร่งจัดการ เชื่ออีกไม่นานไม้ป่าแห่งนี้จะหมดไปอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 15:10:08

อบจ.ภูเก็ต เดินหน้าคุมอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวเล่นน้ำทะเล​

​

ภูเก็ต 26 ก.ย.- นายไพบูลย์ อุปติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงการป้องกันนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุจมน้ำทะเลว่า โครงการบีชการ์ดของ อบจ.ภูเก็ต ที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือและป้องกันอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตามชายหาดนั้น มีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงดูแลไม่ทั่วถึง และยังมีปัญหานักท่องเที่ยวจมน้ำเกิดขึ้น

แต่สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้เล่นน้ำเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ มาจากการที่นักท่องเที่ยวไม่เชื่อฟังคำเตือนหรือฝ่าฝืนกฎป้ายที่ปักเตือนไว้ เช่น ธงแดงห้ามลงแล่นน้ำ ดังนั้น อบจ.จะเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจของสภาพท้องทะเลในพื้นที่ภูเก็ตให้มากขึ้น เนื่องจากมีความแตกต่างกับที่อื่น แม้จะดูด้วยตาคล้ายกับคลื่นไม่รุนแรง แต่คลื่นใต้น้ำบางช่วงค่อนข้างอันตราย โดย อบจ.ได้ประสานกับสมาคมธุรกิจโรงแรมทำใบแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไว้ทุกภาษาตามห้องพัก เพื่อให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังไม่ควรลงเล่นในจุดเสี่ยง และช่วงนี้ทะเลภูเก็ตมีคลื่นลมแรงและฝนยังตกต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 13:03:42

เชียงใหม่คุมเข้มหวัด 2009 ระบาดฤดูหนาว ​

​

เชียงใหม่ 26 ก.ย. - ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในช่วงฤดูหนาว เพราะมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ซึ่งล่าสุุด จ.เชียงใหม่ มีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง 2,950 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตที่มีผลตรวจยืนยันแล้ว 3 ราย ขณะที่รายที่ 4 เป็นนักศึกษานั้นอยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่

สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจพบการติดเชื้อส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และเด็กอายุ 1-4 ปี โดยพบผู้ป่วยในทุกอำเภอ มากที่สุดคือ อ.เมือง สันทราย สารภี และหางดง ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่มียาทามิฟลูรองรับ 5,000 โดส แต่ถ้ามีการระบาดมากสามารถระดมยาจากส่วนอื่นมาช่วยเหลือได้ เพื่อป้องกันการระบาดในวงกว้าง.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 18:34:20

เด็กบุรีรัมย์จุดประทัดเล่นระเบิดนิ้วขาด​

​

บุรีรัมย์ 26 ก.ย.- เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (26 ก.ย.) นายณรงค์ฤทธิ์ ตรงไธสง อายุ 44 ปี นำตัว ด.ช.อาทิตย์ จูนไธสง หลานอายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 ส่งโรงพยาบาลอำเภอพุทไธสง เนื่องจากบาดเจ็บถูกประทัดระเบิดใส่นิ้วมือขวาขาด 2 นิ้ว ซึ่งแพทย์เร่งปฐมพยาบาลบาดแผลและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ทันที จากนั้นแพทย์นำ ด.ช.อาทิตย์ เข้าห้องผ่าตัดเป็นการด่วน โดยแพทย์ระบุว่านิ้วกลางและนิ้วนางที่ถูกแรงประทัดตัดขาดถึงบริเวณข้อทั้ง 2 นิ้ว คงไม่สามารถต่อได้ ส่วนนิ้วโป้งมีสภาพหวิดขาดนั้นต้องรอดูว่าจะสามารถต่อได้หรือไม่

เบื้องต้นทราบว่า ด.ช.อาทิตย์ ซื้อประทัดสามเหลี่ยมขนาดใหญ่มาจุดเล่นกับเพื่อนบริเวณสระน้ำหนองตาล่อม ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 200 เมตร ขณะที่พ่อแม่ออกไปทำนา คาดว่าระหว่างที่ ด.ช.อาทิตย์ จุดประทัดอาจโยนทิ้งไม่ทันและระเบิดใส่มือ.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 16:46:17

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

ข่าวสารจากจิตจักรวาล​

​

ขอขอบคุณ แม่นายมล (สมาชิกเว็บพลังจิต) ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลมาให้ แต่ผมต้องขออนุญาตตัดข้อความที่ล่อแหลมออกไปบ้างนะครับ เพราะไปเกี่ยวพันกับบุคคลหลายฝ่าย อาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทเอาได้ครับ

“ถอดรหัสวันสิ้นยุค” รับสื่อจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล
ครั้งที่ 155 ที่โรงแรมมิโด วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552
----------------------------------------------------------------​

2009/2552 ​

12-20 ต.ค. ตุลาวิปโยค
กย.-ธค. อาจมีเครื่องบินตก อีกครั้งในไทย ถ้าเกิดเหตุบนดินตายเป็น 100 บนน้ำตาย 3
13 ธค. บุคคลสำคัญอาจป่วยหนัก 1 คน และเสียชีวิต 1 คนไปเกิดเหตุที่ภาคใต้
ธค. อาจยุบสภา (โดนบังคับ เพราะทุกสี จะเอาเหตุบุคคลสำคัญที่เสียชีวิตไปบังคับ)
พย.-ธค. มาลาเรียพันธุ์ใหม่ระบาด (ตายประมาณ 2 พันคน)

2010/2553

มค. อาจเกิดจราจลกลางเมืองอีกครั้ง
กพ. อดีตผู้นำผจญกรรมดอกแรก ดอกใหญ่ด้วยที่ต่างประเทศ
ตลอดปี ทายาทอดีตผู้นำจะมีเคราะห์

2011/2554

ภัยตลอดปีไม่ขอเล่ามันเยอะเพราะรหัส 11

2012/2555

เม.ย อาจเกิดพายุหมุนถล่มกรุงเทพ มาตอนตี 2-3 มีฟ้าผ่าตึกสูง
และสะพานแขวนขาด รถยนต์ประมาณ 11 คันหล่นลงมาด้วย

2014-2015

เป็นปีที่ไทยเละเทะด้วยภัยพิบัติ

2015/2558

กย. ไทย/พม่า/อินเดีย/ศรีลังกา ได้รับผลกระทบจาก
แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่ จนต้องเขียนแผนที่โลกใหม่ คนตายประมาณ 3.23 แสนคน

2017/2560

อาจเป็นปีแห่งการสูญเสียบุคคลสำคัญ

2018/2561

ก่อนสิ้นปี เขื่อนเชี่ยวหลานแตกเป็นเขื่อนแรก
เกาะฮอกไกโด คิวชู อาจหายไปเป็นเกาะแรก
เกาหลีใต้-เหนือเจอแผ่นดินไหวรุนแรงและโรคระบาด โดยเฉพาะกรุงโซล
ฟ้าผ่าวังรัสเซีย มีธรณีสูบเพราะแผ่นดินไหวรุนแรง

2018/2561

ลอนดอนเกิดแผ่นดินแยกและยุบตัวลงไป

2019/2562

บุคคลชั้นสูงป่วยหนักทางตา
เขื่อนที่อีสานแตก ตามด้วยภาคกลาง และตะวันตก
เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ กทม., นนท์, ปทุม 3.2 หมื่น(เจ็บตาย)
เกาหลีแยกเป็น 2 ซีกๆ ขวาจมทะเล
เกิดภูเขาไฟระเบิดที่ ฮอด แม่แตง ตาก ปาย
แผ่นดินแยกที่ทองผาภูมิ ด่านเจดีย์มีเกิดภูเขาไฟระเบิด

2020/2563

ก่อนสิ้นปี เขื่อนใหญ่ที่สุดในไทยแตกออก คนไทยอาจมีการสูญเสียบุคคล
สำคัญอีกครั้ง ทหารดีจะปกครองไทยโดยสิ้นเชิง

2021/2564

ไทยจะเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง โดยมีทหารดีนำ
ไทยเป็นสุดยอดจะนำ USA

2022/2565

ก่อนสิ้นปี USA มีผู้หญิงเป็นประธานาธิปดี ชื่อ Barbara รองคือ Hillary
หน้าทำเนียบขาวเกิดแผ่นดินยุบ น้ำท่วมถาวร
สค.-กย. USA แผ่นดินไหว 19 ริกเตอร์ (เดิม 24) แผ่นดินจะแตกเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย
กย. ซึนามึถล่ม LA. ฟากตะวันตก เอาชีวิตคนและกลืนแผ่นดิน
ทอร์นาโด Henna ถล่ม NY. ราบเป็นหน้ากลอง เทพีเสรีภาพถูกฟ้าผ่า 3 ครั้ง แตกเป็น 4 เสี่ยง

2025/2568

กค. ฟ้าผ่าวังต้องห้ามของเวียดนาม เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและ
ยุบตัวลงจมหายไปกับน้ำ เหมือนตอนแอตแลนติสจม
กย. ฟ้าผ่าปราสาทใหญ่ของเขมร เกิดธรณียุบ
ฟ้าผ่าจำปาศักดิ์ของลาวและเกิดธรณียุบจากเหตุแผ่นดินไหว
ตค.-พย. หนองคายแผ่นดินหาย 11% เพราะน้ำโขงและน้ำทะเลกลืน
มุกดาหารหาย 23%
ครพนมหาย 50%
อุบลหาย 60%
อำนาจเจริญ 70%
ปราจีนบุรี 75%
อรัญฯ 80%

น้ำจะท่วม กทม. แทบทั้งเมือง น้ำจืดกลายเป็นน้ำเค็ม เกิดแผ่นดินยุบ เหมือน
ตอนนิวออลีนโดนถล่มด้วยพายุแคทริน่า ปี 48 จะท่วมนานเป็นปี การติดต่อ
ราชการไม่สามารถทำได้

2026/2569

ต้องย้ายเมืองหลวงเพราะน้ำทะเลท่วม กทม.

2030/2573

27 กค.ปฎิบัติการสู่วันเปลี่ยนยุค เกิด 56 วัน 7 ราตรี
โลกมืดมิด 30 วันเพราะหมอกควันภูเขาไฟระเบิด การกลับขั้วโลกเหนือ-ใต้
ช่วงนี้ต้องนึกถึงที่พระบิดาสอนไว้

2035/2578

ศาสดาของโลกเกิดขึ้นในไทย ห่มผ้าสีขาว 18 ชันษา ใครเห็นก็รู้ว่าท่านเป็นใคร

ปฎิบัติตนอย่างไร จึงจะอยู่รอดไปถึงวันสิ้นยุค

1 หยุดสร้างกรรมใหม่ (หยุดทำบาปอกุศลทั้งปวง)
2 เร่งแก้ไขกรรมเก่า (ขออโหสิกรรม กับเจ้ากรรมนายเวร)
3 เข้าให้ถึงแก่นแท้ (ของความดีงามทั้งหลาย)
4 แน่วแน่ในนิพพาน (ตั้งใจชำระล้างกิเลส ให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ)

**************************************************
หมายเหตุ

การปฎิบัติการสู่วันเปลี่ยนยุค 56 วัน 7 ราตรี คือปี ค.ศ. 2030(พ.ศ.2573) เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่เหตุการณ์ไม่เปลี่ยน เนื่องจากโลกถูกไปพิพากษาแล้ว เพราะเวลาไม่ได้มีอยู่จริง มีค่าเป็น 1 ในจักรวาล

(ถ่ายทอดข้อมูลจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล วันที่ 13 ก.ย 52)

 

ผมว่าเกิดนะ แต่ว่าเมื่อไรเท่านั้นเอง

 

ขั้นตอนอาการของมารที่เข้าแทรกผู้ปฏิบัติธรรม
โดยคุณ ชาไม่รู้ (สมาชิกเว็บพลังจิต)​

ภาพพระพุทธเจ้ากับธิดาพญามาร ฝีมือวาดโดยช่างชาวฝรั่งเศส​

การปฏิบัติธรรมมีมารแทรกนั้นเป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมารเข้าแทรกแล้ว จะมีสติรู้ทันได้อย่างไรว่ามารแทรก เพื่อจะหาวิธีแก้ไขได้ ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงอาการของมารเข้าแทรกเป็นขั้นตอนไปโดยละเอียด เพื่อประโยชน์แก่มวลสรรพสัตว์ในอนาคตซึ่งจะถูกมารแทรกจำนวนมาก และบางส่วนก็ถูกมารแทรกอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวก็มี อาการมารแทรกนั้น เป็นอาการละเอียดแนบเนียนและยากที่จะสังเกตได้ทันท่วงที บางท่านมีมารแทรก บางท่านมีอสูรแทรก แต่มารและอสูรก็ไม่ถูกกัน จะไม่เข้าแทรกพร้อมกันทั้งสองอย่าง แต่จะผลัดกันเข้าแทรก จำต้องมีจิตที่พิจารณาตนเองตลอดเวลา ดังต่อไปนี้

กระบวนการเข้าแทรกของมาร มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

๑) ช่วงดลจิตดลใจ

ช่วงนี้ เรายังเป็นคนดีอยู่ ปกติอยู่ ไม่หลงทาง ไม่ออกนอกทาง แต่จะมีเรื่องราวเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม ให้เราตัดสินใจ และมักยากต่อการตัดสินใจ ในภาวะที่เรากำลังครุ่นคิด เพื่อตัดสินใจในเรื่องที่ยากอยู่นั้นเอง ก็จะมีความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นมาในหัวเรามากมาย และไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกันเท่าไร จนกระทั่ง เหลือแนวทางที่ขัดแย้งกันสองทาง บางที เราก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะเลือกทางใดทางหนึ่งหรืออ่อนแอจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เผลอกระทำผิดไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัวก็มี

สถานการณ์บางครั้งเลวร้ายมาก บีบคั้นให้เราต้องทำก็มี และมักมีความคิดสร้างเหตุสร้างผลเพื่อเข้าข้างตัวเองเสมอ บางครั้งก็มีสถานการณ์ดีเข้ามา เช่น มีคนเอาเงินมาให้ และเราก็มีเหตุผลในการรับแต่นั่นหารู้ไม่ว่าได้หลงออกนอกทางของการปฏิบัติอันมีมาแต่เดิมแล้ว ช่วงนี้มารใช้การดลจิตดลใจ ไม่ได้เข้ามาแทรกในกายสังขารของเรา ทำให้เรายังไม่ใช่มาร แต่มีพลังมารและความคิดมารเข้ามาแทรกในหัวเป็นช่วงๆ เท่านั้น บางครั้งก็ดลจิตดลใจ แล้วบางครั้งก็หายไป ช่วงนี้ให้สังเกตตัวเองให้ดี เราจะมีเหตุผลดีๆ ที่เข้าข้างตัวเองเยอะมากและมีเหตุผลมากมายที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามกับเรา และดูน่าเชื่อถือมากด้วย แต่มันเป็นเหตุผลที่ไม่รอบด้านเลย

๒) ช่วงเปิดช่องกรรม

เมื่อเราได้ถูกดลจิตดลใจโดยมาร และเผลอกระทำกรรมแล้ว กรรมนั้นเองทำให้เราเสื่อมจากธรรมที่เคยปกป้องเราจากมาร ช่องโหว่นี้เป็นสิ่งที่มารอาศัยควบคุมเรา ดลจิตดลใจเรา มารรู้ถึงจุดอ่อนลึกๆ ในใจของเรา หากเรายังมีจุดอ่อน มารจะโจมตีเราตรงจุดนี้ซ้ำๆ เพื่อควบคุมใจเรา นั่นแสดงว่ามารเห็นช่องโหว่ในจิตใจของเราแล้ว เราได้เปิดเผยช่องโหว่ให้มารรู้แล้วด้วยการพลั้งเผลอกระทำกรรมลงไปนั่นเอง เพราะกรรมที่เรากระทำ ทำให้เราต้องมีช่องโหว่ให้มารค่อยๆ อาศัยจุดอ่อนตรงนั้น แทรกพลังเข้ามาเรื่อยๆ

ถ้าดูด้วยตาทิพย์ในระยะนี้ จะเห็นพลังสีดำ ที่เข้ามาครอบในกายทิพย์เราได้ชัด บางทีเป็นเหมือนหมอกเมฆบางๆ เป็นกลุ่มเล็กๆ คลุมจุดใดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรัศมีที่ศีรษะ ซึ่งปกติ หากเรามีรัศมีสีขาวกลมแผ่ออกจากศีรษะ จะเห็นความแตกต่างของสีดำที่เข้ามาแทรกชัดเจนมาก และมารจะแทรกพลังดำเข้ามาที่จุดนี้เรื่อยๆ พร้อมความคิดเดิมที่คอยตอกย้ำจุดอ่อนของเรา หากเราไม่สามารถแก้ไขจุดอ่อนของตนเองได้ มารก็จะมีชัยชนะต่อไป

๓) ช่วงทำกรรมโดยไม่มีสติ

เมื่อถูกพลังดำครอบงำไปถึงจุดหนึ่ง จนเริ่มมืดบอดแล้ว จะก่อกรรมโดยขาดสติ ช่วงนี้ มักหลงตัวเอง ไม่เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ และเชื่อสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ และดูมีเหตุผลและมั่นใจในตัวเองมากว่าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แม้จะถูกต้องก็ส่วนหนึ่งไม่มากนัก แต่ความผิดนั้นมากกว่าความถูกต้องมากมายนัก เพราะก่อกรรมมากจนไม่อาจยับยั้งได้แล้ว และเริ่มไม่มีใครที่อยู่ฝ่ายดีจะต้านทานได้ หรือไม่ฝ่ายดีก็รู้เท่าไม่ทันว่ามารได้ครอบงำแล้ว ช่วงนี้ หากใช้ตาทิพย์ดูรัศมีที่ศีรษะจะหม่นหมองลงไปต่างจากเดิมชัดเจน คุณธรรมที่เคยบำเพ็ญได้ค่อยๆ เปลี่ยนไป เสื่อมลงไป อย่างที่คนรอบข้างเองก็ไม่ทันสังเกต และไม่มีใครรู้ทันความเปลี่ยนแปลงนี้ ต่างคิดว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มองไม่เห็นจุดผิด

๔) ช่วงมารเข้าแทรกบางส่วน

ช่วงนี้มารไม่ได้ใช้วิธี “ครอบงำ” อีกต่อไป แต่ได้เปลี่ยนเป็นยุทธวิธีที่เหนือกว่าเดิม นั่นคือ การ “เข้าแทรก” ไม่ใช่แค่ส่งพลังดำลงมาครอบที่ศีรษะ แต่เอาทั้งจิตวิญญาณของตนเข้ามาแทรกในกายสังขารของเรา มาอยู่ร่วมกับจิตวิญญาณของเราในกายสังขารเดียวกัน หากเพ่งด้วยตาทิพย์จะเห็นเป็นกายมาร เข้ามาอยู่ในกายสังขารของเรา เป็นกายทิพย์สีดำทรงเครื่องแบบกษัตริย์สวยงามอลังการมากๆ ช่วงนี้ มารเข้าแทรกได้ไม่เต็มที่ บางทีจะเข้ามาแทรกได้นานหน่อย

บางทีจิตวิญญาณของเราก็สามารถใช้พลังภาคขาวที่เหลืออยู่บ้างขับดันออกไปได้ จิตของเราจะคิดว่าอยากเลิก หรือไม่เอาดีกว่า หรืออย่าทำเลย หรือพอเถอะ คือ เริ่มได้สติมาบ้างสักนิดหนึ่ง แต่ไม่มากพอที่จะเอาชนะมารได้ และบางครั้ง เราเริ่มเห็นตัวเราเองในด้านลบชัดเจนขึ้น เมื่อมารได้แทรกเข้ามาทั้งตัว เราจึงเริ่มรู้ทันว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดพลาดไปแล้ว แต่เพียงคิดได้แวบเดียวดังไฟมีประกายชั่วครู่ก็ดับไป ไม่อาจต้านทานได้อีก จากนั้น ก็ยอมรับสิ่งที่ตนเองทำทั้งๆ ที่ไม่ดีนั้นในที่สุด เพราะไม่อาจทนความรู้สึกผิดในใจของตนเองได้ จึงกลบเกลื่อนว่าตนถูกต้องแล้ว บางครั้ง แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นผิด แต่ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไปทำไม บางครั้งเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรกันแน่ที่ทำไปเช่นนั้น สับสนในตัวเอง

๕) ช่วงมารเข้าแทรกทั้งดวงจิต

ช่วงนี้ ผู้ที่ถูกมารแทรกทั้งตัว จะถูกมารแทรกเข้าถาวร มารจะอยู่ในร่างกายของคนผู้นั้นตลอดทั้งวัน ควบคุมไม่ให้ใครมาฉุดช่วยเหลือให้พ้นจากภัยมารได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว ยกเว้นยามกลางคืนที่นอนหลับแล้วเท่านั้น จิตของคนผู้ที่ถูกมารแทรกจะถูกกดไว้ ทำให้บางครั้งมีอาการปวดหัว เครียดง่าย และมึนศีรษะบ่อยๆ บ้างเหมือนคนจะเป็นไมเกรนก็มี จากนั้น เมื่อหลับลงไปแล้ว จิตมารจะออกจากกายสังขารคนผู้นั้นไปทำกิจต่างๆ เช่น ไปหาบริวาร ไปครอบงำใจคนที่เกี่ยวข้องในชีวิตรอบตัว ทำให้ตนเองได้ดี มีเงินมีตำแหน่งอย่างรวดเร็ว มีความสามารถพิเศษมากขึ้นผิดปกติ ในช่วงเวลาสั้นๆ ประสบความสำเร็จเร็วผิดปกติ

แต่มีความเครียดอยู่เสมอ ไม่หาย กลายเป็นคนชอบคิด ชอบเครียด ชอบแค้นโดยไม่รู้ตัว เวลาแค้นหมายถึง เอาเรื่องคนที่เราเห็นว่าไม่ดี หรือผิด แบบชนะปล่อยวางไม่ได้นั่นแหละ แม้เขาจะดูเลวขนาดไหน แต่ถ้าเราเอาเรื่องเขาแบบไม่ยอมลดละ ก็คือ การแค้นโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง ช่วงนี้ กรรมพอกพูนมากจนธรรมเสื่อมลงและจิตวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่เคยดีอยู่กลายเป็นมารเต็มตัว ระยะนี้ บุคคลผู้นั้นได้เป็นมารสมบูรณ์แล้ว จิตวิญญาณของเขาเป็นมารอย่างแท้จริง แต่ฤทธิ์จะน้อยกว่ามารที่เข้ามาแทรกในกายนั้น และถูกมารนั้นครอบงำเป็นบริวารมารไป ก่อกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ หยุดไม่ได้

๖) ช่วงมารแย่งชิงกายสังขาร

ช่วงนี้ มารได้ใช้ร่างกายของคนผู้นั้นมากพอแล้ว ก่อกรรมมากพอแล้ว ดลจิตดลใจให้คนผู้นั้นก่อกรรมมากพอแล้ว จนถึงวาระที่จิตวิญญาณเจ้าของร่างเดิมจะสิ้นบุญในที่สุด มารก็จะคิดครองร่างกายมนุษย์ผู้นั้น โดยการฆ่าจิตวิญญาณเก่าที่อาศัยในกายสังขารนั้น คนที่ถูกฆ่าโดยมารในลักษณะนี้จะรู้สึกเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตกนรกเสียแล้ว ไม่อาจกลับเข้าร่างได้อีก ส่วนร่างกายนั้นจะกลายเป็นของมารไป

มารจะอาศัยร่างกายและความทรงจำที่บันทึกไว้ในสมองเก่าก่อนนั้น สวมรอยเป็นคนผู้นั้นได้อย่างแนบเนียนมาก จนวันหนึ่งถึงจะดูออกว่าคนผู้นั้น เปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคน ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ช่วงนี้ เขาอาจรู้ตัวได้ว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เขากลายเป็นคนเพราะการยึดครองร่างโดยสมบูรณ์ และอาจระลึกไม่ได้ว่าตนเป็นใครมาจากไหน แต่จะสงสัยนิดๆ ว่าตนเป็นคนนั้นคนนี้ มาจากนั่นจากนี่ บ้างก็ไม่รู้เลย แต่ความเป็นมารไม่ได้ลดลงไปเลย

อนึ่ง มารเมื่อเข้าแทรกแรกๆ จะแค่ดลจิตดลใจให้เราทำกรรมเล็กๆ ที่เราคิดว่าทำถูก แต่เราไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ ไม่คิดให้ละเอียด ได้ทำกรรมลงไปแล้ว เมื่อมารทำได้สำเร็จก็จะครอบงำเราต่อ เมื่อนั้น เราจะรู้สึกได้ทันทีถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง บางครั้ง ก็สงสัยว่าฉันเป็นอะไรไปนะ เหมือนไม่เป็นตัวเองเลย หรือนี่ฉันทำอะไรลงไปนี่ เป็นต้น<!-- google_ad_section_end -->
___________________________________________________

ที่มา http://palungjit.org/threads/ขั้นตอนอาการของมารที่เข้าแทรกผู้ปฏิบัติธรรม.206370/<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

ข้อมูลทุกอย่างมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ต้องตั้งสติให้ดีครับ อย่าเชื่อข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว ต้องเปิดใจให้กว้างรับฟังทุกความคิดเห็น รับฟังข้อมูลทุกๆด้าน เพื่อนำมาวิเคราะห์แยกแยะหาเหตุผลให้ดี แล้วท่านจึงจะหลุดพ้นจากการ ยึดตัวตน ยึดเวลา ยึดคำพยากรณ์ต่างๆ ได้ในที่สุดครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำท่วมหนักในฟิลิปปินส์คร่าชีวิตอย่างน้อย 50 ราย ไร้ที่อยู่หลายแสน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กันยายน 2552 11:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

​

​

​

เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 51 ราย และไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 3 แสนชีวิต หลังพายุโซนร้อน "เกศนา" พัดถล่มฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนองหนักสุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษในกรุงมะนิลา เจ้าหน้าที่หลายคนเผยในวันนี้ (27)

เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนักในกรุงมะนิลาและเขตปริมณฑลต่อเนื่องนาน 9 ชั่วโมงในวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งท่วมพื้นที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเมืองหลวงแห่งนี้ ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 12 ล้านคน

พายุฝนตกหนักทำให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขังสูงถึง 20 ฟุต ชาวบ้านทั้งหมดต้องหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคา ขณะที่รัฐบาลประกาศ "เหตุภัยพิบัติแห่งชาติ"

กิลเบอร์โต ทีโอโดโร รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 ราย และสูญหายอีก 21 คน

จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่อพยพผู้ประสบภัยออกมาได้มากกว่า 4,000 ราย แต่จำนวนมากยังคงติดค้างอยู่

ทีโอโดโรกล่าวต่อว่า พายุฝนฟ้าคะนองทำให้ประชากรไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 280,000 รายในกรุงมะนิลาและอีก 5 จังหวัดที่อยู่รอบนอก โดยผู้ประสบภัยมากกว่า 41,000 รายต้องเข้ามาอยู่ในศูนย์อพยพทั้งหมด 92 แห่ง

"เรายังคงเดินหน้าปฏิบัติการกู้ชีพ ควบคู่กับภารกิจบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่" ทีโอโดโรกล่าว

ขณะที่พายุฝนสงบลงชั่วคราว รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ออกคำเตือนว่า อาจเกิดอุทกภัยเพิ่มเติมในจังหวัดแถบภาคเหนือของประเทศ เนื่องจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นจนอาจเอ่อล้นออกมา

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000113175

 

ไต้ฝุ่นกระหน่ำฟิลิปปินส์เสียชีวิตเกือบ 60 คน​

​

มะนิลา 27 ก.ย.-เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 คน รวมทั้งไฟดับและต้องระงับเที่ยวบิน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มเกาะลูซอนเมื่อวันเสาร์

สถานีโทรทัศน์ในฟิลิปปินส์แพร่ภาพบ้านเรือนถูกน้ำในแม่น้ำที่ท่วมล้นฝั่งพัดพาไป ชาวบ้านต้องหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาและโบกมือขอความช่วยเหลือ ประชาชนอีกหลายคนติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมตามถนนสายหลักในกรุงมะนิลา เนื่องจากพายุเคลื่อนตัวด้วยความเร็วลม 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีปริมาณฝนตก 13.5 นิ้ว ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ประกาศขอบริจาคสิ่งของให้ผู้ประสบภัย เช่น เสื้อผ้า ผ้าห่ม อาหาร และน้ำดื่ม

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ประชาชนอย่างน้อย 47 คนเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ ส่วนอีก 11 คนเสียชีวิตเพราะกำแพงพังทับและระดับน้ำท่วมสูงในกรุงมะนิลา เจ้าหน้าที่ต้องระงับบริการเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศ ผู้โดยสารตกค้างหลายพันคน และคาดว่าจะให้บริการได้ตามปกติในวันนี้ เจ้าหน้าที่ประกาศเขตภัยพิบัติในพื้นที่กรุงมะนิลา และอีก 25 แห่งบนเกาะลูซอน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ กู้ภัย และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ไต้ฝุ่นมุ่งหน้าไปทางทะเลจีนใต้ในค่ำวันนี้หรือเช้าวันจันทร์.-สำนักข่าวไทย

2009-09-27 08:29:40

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในฟิลิปปินส์พุ่งขึ้นเป็น 72 คน​

​

ฟิลิปปินส์ 27 ก.ย.-ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากน้ำท่วมหนักทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นเป็น 72 คน แล้ว

พายุโซนร้อนเกศนาที่พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ทำให้เกิดฝนตกติดต่อกันอย่างหนักยาวนานถึง 12 ชั่วโมงวัดปริมาณได้มากถึง 16.7 นิ้ว ซึ่งมากกว่าปริมาณฝนที่ตกลงมาโดยเฉลี่ยในเดือนกันยายนทั้งเดือน อิทธิพลของพายุทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในฟิลิปปินส์ โดยที่กรุงมะนิลา นครหลวง ได้เกิดน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของตัวเมือง ซึ่งพื้นที่บางแห่งระดับน้ำสูงถึง 20 ฟุต ทำให้หลายครอบครัวต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน นับเป็นภาวะน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในกรุงมะนิลา ในช่วงเวลากว่า 42 ปี

ขณะนี้รัฐบาลต้องประกาศเขตภัยพิบัติในกรุงมะนิลา และจังหวัดที่ประสบภัยจากพายุแล้ว 25 แห่งเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเบิกเงินฉุกเฉินไปช่วยเหลือ และใช้ในการกู้ภัย สำหรับขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว 51 คน และอีก 21 คนยังสูญหาย ทางการประกาศว่า มีผู้ไร้ที่อยู่เกือบ 280,000 คน ในกรุงมะนิลา และจังหวัดรอบนอก 5 แห่ง ขณะที่ผู้คนอีกกว่า 41,000 คน ต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ 92 แห่ง

ด้านประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ ได้เดินทางไปดูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยจากพายุแล้ว ด้านรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครได้ช่วยเหลือผู้คนกว่า 4,000 คน มายังที่ปลอดภัย หลังจากหลายคนปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน หรือหลังคารถโดยสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า จะเร่งกู้ภัยและให้ความช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ระดับน้ำเริ่มลดลงในวันนี้.-สำนักข่าวไทย

2009-09-27 12:14:43

ซิดนีย์เผชิญพายุฝุ่นระลอกสอง​

​

ซิดนีย์ 26 ก.ย. - นครซิดนีย์ของออสเตรเลียถูกปกคลุมด้วยฝุ่นสีแดงที่พัดมาจากพื้นที่ทะเลทรายตอนกลางของประเทศเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยารายงานว่า กระแสลมแรงทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วรัฐควีนสแลนด์และนิวเซาท์เวลส์เมื่อคืนที่ผ่านมา และพัดพาฝุ่นระลอกใหม่มากจากพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร จากภาพถ่ายดาวเทียมเห็นฝุ่นแผ่ปกคลุมเป็นระยะทางถึง 200 กม. จากบริเวณตอนกลางของประเทศไปยังชายฝั่งตะวันออก และทำให้ทัศนวิสัยในนครซิดนีย์เหลือเพียง 5 กม.เท่านั้น แต่ฝุ่นระลอก 2 ไม่หนาเท่ากับเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

พายุฝุ่นหลายล้านตันที่แผ่ปกคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันพุธ ส่งผลให้ต้องระงับการขนส่งทางอากาศและการขนส่งทางเรือ นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนหลายร้อยคนล้มป่วยเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจ. -สำนักข่าวไทย

2009-09-26 10:59:19

จีนพบเด็กได้รับพิษตะกั่วอีก 121 คน ​

​

ปักกิ่ง 27 ก.ย.- จีนพบเด็กได้รับพิษสารตะกั่วอีกอย่างน้อย 121 คน ระบุเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานแบตเตอรีในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออก

ทางการท้องถิ่นเมืองซางฮังในมณฑลฝูเจี้ยนแถลงผลตรวจสารตะกั่วในเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี รวม 287 คน ระบุพบเด็กที่มีระดับสารตะกั่วในเลือดสูงเกินค่ามาตรฐานถึง 121 คน และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน รายงานข่าวอ้างถึงประชาชนในพื้นที่ระบุว่า ทางการได้สั่งปิดโรงงานแบตเตอรีหัวเฉียงไปตั้งแต่ราว 10 วันก่อนหลังชาวบ้านนำผลตรวจพิษสารตะกั่วในเด็กเข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านต้องการให้ทางการปิดโรงงานดังกล่าวอย่างถาวรและเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านการรักษา

การที่เด็กมักตกเป็นผู้รับเคราะห์ในเหตุพิษสารตะกั่วซึ่งเกิดขึ้นเป็นระลอกในช่วงที่ผ่านมา เริ่มทำให้ประชาชนโกรธเคืองต่อความบกพร่องในการรักษามาตรฐานความปลอดภัย ขณะที่ทางการจีนก็เริ่มเป็นกังวลว่าการประท้วงครั้งใหญ่จะกระเทือนต่อเสถียรภาพสังคมและการปกครอง อนึ่ง การรั่วไหลของสารเคมีอันตรายเป็นปัญหาเรื้อรังของจีน โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าหน้าที่คอยปกป้องเอกชนและการขาดความตระหนักถึงความปลอดภัยต่อสาธารณะ.- สำนักข่าวไทย

2009-09-27 11:24:18

เลขาฯยูเอ็น เร่งแก้ปัญหาความอดอยากทั่วโลก​

​

สหประชาชาติ 27 ก.ย. - นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเรียกร้องให้ช่วยกันแก้ปัญหาภาวะอดอยากทั่วโลก โดยระบุว่าภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรงหนักขึ้นนับตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว

นายบันกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ระดับผู้นำ รัฐมนตรี ผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรภาคเอกชนจากเกือบ 100 ประเทศในการประชุมความมั่นคงด้านอาหารโลกว่า ปัจจุบันผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกตกอยู่ในภาวะหิวโหย ขณะที่ผลผลิตอาหารต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เพื่อเลี้ยงปากท้องของประชากรโลกในระยะเวลา 20 ปี อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงหนักขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติคาดว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 องศา จะส่งผลให้ผลผลิตภาคการเกษตรลดลงร้อยละ 10 ตามไปด้วย.- สำนักข่าวไทย

2009-09-27 09:17:52

ชาวอัฟกันเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงมากสุดในเดือน ส.ค.​

​

อัฟกานิสถาน 27 ก.ย.-สหประชาชาติ ระบุชาวอัฟกันเสียชีวิตจากความรุนแรงช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้มากที่สุดกว่า 1,500 คน

รายงานของสหประชาชาติเปิดเผยเหตุรุนแรงในอัฟกานิสถานช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่คณะปกครองตอลีบานถูกขับไล่ลงจากอำนาจเมื่อปี 2544 ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา คร่าชีวิตพลเรือนมากกว่า 1,500 คน เหตุรุนแรง 3 ใน 4 ครั้ง เกิดจากกองกำลังติดอาวุธ ส่วนที่เหลืออีก 1 ใน 4 เกิดจากความผิดพลาดของปฏิบัติการโดยกองกำลังทหารพันธมิตร โดยเกิดจากการทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายผิดพลาดคลาดเคลื่อน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงช่วง 8 เดือนแรกของปีที่แล้ว อยู่ที่ 1,145 คน รวมผู้เสียชีวิตทั้งปีที่แล้ว อยู่ที่ 2,118 คน.-สำนักข่าวไทย

2009-09-27 04:30:07

อิสราเอลชี้โรงงานนิวเคลียร์แห่งใหม่ของอิหร่านมีเพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์​

​

เยรูซาเลม 26 ก.ย.- นายอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล กล่าวว่า โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแห่งที่ 2 ของอิหร่านคือสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าอิหร่านมีความต้องการระเบิดนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง ซึ่งประเทศตะวันตกควรแสดงการตอบโต้อย่างชัดเจน

นายลีเบอร์แมน บอกว่า อิสราเอลไม่ประหลาดใจต่อคำเปิดเผยของอิหร่าน เพราะอิสราเอลพูดมานานแล้วว่าอิหร่านกำลังพัฒนากิจกรรมนิวเคลียร์เพื่อจุดประสงค์ทางทหาร และความจริงก็ปรากฏขึ้นแล้วในเวลานี้ ดังนั้น อย่าได้ชักช้าในการดำเนินงานล้มล้างระบอบอิหร่านที่วิกลจริต อิสราเอลหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมกันโดยตรงระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ประกอบด้วย สหรัฐ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

คำแถลงของนายลีเบอร์แมน มีขึ้น 1 วันหลังจากผู้นำของ 3 ชาติมหาอำนาจตะวันตก ประกอบด้วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ แห่งอังกฤษ เรียกร้องอิหร่านอนุญาตผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเข้าไปตรวจโรงงานนิวเคลียร์ลับแห่งที่ 2 นี้ ขณะที่รัสเซียก็ดูเหมือนจะแสดงท่าทีสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ส่วนจีนเรียกร้องอิหร่านให้ความร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ)

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่า โรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์แห่งใหม่ของอิหร่านจะเปิดดำเนินการในเร็วๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 16:14:26

ผู้นำรัสเซียประกาศจะยกเลิกโครงการติดตั้งขีปนาวุธตอบโต้สหรัฐ​

​

พิตต์สเบิร์ก 26 ก.ย.- ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า เขาจะล้มเลิกการตัดสินใจนำขีปนาวุธอิสกันเดอร์ เข้าประจำการในเมืองคาลินินกราด เพื่อตอบสนองสหรัฐ ยกเลิกโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรป

ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ ซึ่งพบหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เมื่อวันพุธ กล่าวว่า การที่ผู้นำสหรัฐ ตัดสินใจล้มเลิกโครงการจรวดต่อต้านขีปนาวุธในโปแลนด์และระบบเรดาร์ในสาธารณรัฐเช็ก เป็นความกล้าหาญ
รัสเซียพิจารณาว่า หากสหรัฐ ดำเนินโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรปตะวันออกต่อไป คือภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย แม้สหรัฐอ้างว่าเป็นระบบที่ใช้ป้องกันการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ กล่าวว่า ในเมื่อสหรัฐตัดสินใจล้มเลิกโครงการนี้ รัสเซียก็จะไม่นำขีปนาวุธอิสกันเดอร์ประจำการในเมืองคาลินินกราด ซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศลิทัวเนียและโปแลนด์ สมาชิกขององค์การนาโต

ประธานาธิบดีของรัสเซียได้แสดงความกังวลต่อรายงานหลายกระแสเกี่ยวกับอิหร่านสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เขาเตือนรัฐบาลเตหะรานให้ขานรับความกังวลของนานาชาติและยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ที่ใช้เพื่อจุดประสงค์การทหาร นายเมดเวเดฟแสดงความชัดเจนว่าอยู่ข้างเดียวกับชาติตะวันตกในการประณามแผนการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เขาเรียกร้องอิหร่านให้ความร่วมมือกับคณะผู้ตรวจสอบนิวเคลียร์ของสหประชาชาติในการประชุมกับมหาอำนาจ 6 ชาติที่จะมีขึ้นวันที่ 1 ตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

2009-09-26 10:51:46

กัดดาฟีเผยได้พบครอบครัวเหยื่อระเบิดล็อกเคอร์บี​

​

นิวยอร์ก 26 ก.ย. - พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เผยว่าได้พบกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเครื่องบินสหรัฐเหนือเมืองล็อกเคอร์บีของสกอตแลนด์ เมื่อปี 2531 เพื่อแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น

พ.อ.กัดดาฟี ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น วานนี้ว่า ได้พบกับครอบครัวของเหยื่อระเบิดล็อกเคอร์บีเมื่อวันพฤหัสบดี การพบกันเป็นไปอย่างฉันมิตร และเขาได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวที่สูญเสียญาติพี่น้องในเหตุระเบิดดังกล่าว ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตก็แสดงความเสียใจที่ผู้นำลิเบียสูญเสียบุตรสาวบุญธรรมไปในเหตุสหรัฐโจมตีลิเบียเมื่อปี 2529

ผู้นำลิเบียกล่าวว่า เข้าใจถึงความสูญเสียของคนเหล่านี้ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรม และว่าไม่มีใครจะสนับสนุนการกระทำดังกล่าว หรือไม่รู้สึกรู้สาต่อโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุระเบิดเครื่องบินที่เมืองล็อกเคอร์บี หรือเหตุโจมตีลิเบียเมื่อปี 2529 ซึ่งสหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อลิเบียตามคำสั่งของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้นำในขณะนั้น หลังจากลิเบียต้องสงสัยอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดสถานเต้นรำในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เป็นเหตุให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 2 นาย

เหตุระเบิดเครื่องบินแพนแอม เที่ยวบิน 103 ของสหรัฐ เหนือเมืองล็อกเคอร์บี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 270 คน โดยนายอับเดลบาสเซ็ท อาลี โมห์เม็ต อัล-เมกราฮี อดีตสายลับลิเบีย ถูกตัดสินให้มีความผิดแต่เพียงผู้เดียว และเขาได้รับการปล่อยตัวจากเรือยจำสกอตแลนด์เมื่อเดือนก่อน แล้วเดินทางกลับกรุงตริโปลี นครหลวงของลิเบีย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐและญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต. -สำนักข่าวไทย

2009-09-26 10:43:29

ที่มา http://news.mcot.net