ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    โลกเราถึงจุดวิกฤติแล้ว ทำไมไม่มีใครลงมาช่วยเลยครับ
    ไม่ว่าจะเป็น เทวดา หรือพระหรือฆราวาสที่ช่วยโลกได้ทำไมไม่ช่วยให้รู้ๆกันไปเลยว่าอะไรคืออะไร โลกจะได้สงบสุข



    คือผมทราบครับว่าทุกวันนี้ที่โลกรอดมา(คือน่าจะหนักกว่านี้) ก็เพราะด้วยกระแสพระเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงชาวพุทธทั้งหลายด้วย

    แต่ทำไมผู้ที่ยังไม่นิพพาน แต่มีอภิญญา รวมทั้งเทวดาทั้งหลายด้วย ไม่มาช่วยโลก

    อย่างน้อยมนุษย์จะได้ไม่กล้าทำชั่ว

    ขอบคุณครับ


    จากคุณ : cf' [26 เม.ย. 47 [13:25 ]



    ค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆแหละ เทวดาเขากำลังคัดมนุษย์เข้าสู่ยุคพระยาธรรมิกราช ผู้ที่สร้างสมบารมีมาไม่พอและไม่มีศีลธรรมก็ค่อยๆทะยอยตายไป ด้วยอำนาจแห่งเทพเจ้าผู้ทำหน้าที่ ทางด้าน ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคภัย อุบัติเหตุ/ภัยสงคราม

    ทุกยุคทุกสมัยในโลกนี้เมื่อจะเข้าสู่ยุคพระจักรพรรดิ์ ก็จะมีระบบคัดผู้ไม่มีศีลธรรมออกไปจากระบบและสิ่งที่เทวดาเขาใช้เป็นตัวชี้วัด ก็คือบาป บุญ (กรรมดี/ชั่ว)ของมนุษย์นั่นเอง

    เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท ก็หมั่นสั่งสมความดี ปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า บางครั้ง การอ่านตำรา มาหาถกเถียงกันนั้น ก็ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

    ผู้ปฏิบัติเข้าถึงโลกภายใน ย่อมเข้าใจเรื่องของระบบพระจักรพรรดิ์ว่าเป็นอย่างไร เพราะย่อมไปรู้เห็นมาจากการปฏิบัติ แต่ก็พูดมากไม่ได้ว่าท่านเป็นใครอยู่ที่ไหน ทุกคนกลัวหัวจะแตกเจ็ดเสี่ยงกันทั้งนั้น เพราะเทวดาผู้ใหญ่ท่านสาปไว้อย่างนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดรายละเอียด อย่างหลวงพ่อฤษีลิงดำท่านก็รู้ดีเรื่องพระจักรพรรดิ์ดี ท่านก็เป็นบริวารส่วนหนึ่งของระบบนี้แต่ก็พูดไม่ได้เช่นกัน

    เอาเป็นว่าโลกมนุษย์กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ ในไม่ช้าไม่นาน ผู้ที่มีบุญบารมีก็ยังคงอยู่ ส่วนที่ยังสั่งสมบุญบารมีมาไม่พอก็จะตายไป ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าคนปัจจุบันส่วนใหญ่ตายแล้วจะไปนรก

    และไม่ต้องสงสัยมากจะสามารถเห็นได้ในช่วงชีวิตเรานี่แหละ รอดูซึนามิรอบใหม่ที่จะใหญ่กว่าเดิมจากทะเลฝั่งซ้ายไปฝั่งขวา มุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของจีน รอดูการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ฯลฯ หรือแม้กระทั่งภาคใต้ของไทยเอง ระบบเขาก็จะค่อยๆกวาดไปเรื่อยๆ มวลกรรมของมนุษย์โลกก็เป็นอย่างนี้แหละ

    เป็นอันสรุปได้ว่าธรรมชาติเหล่านี้มีผู้ที่กระทำให้เกิดขึ้น เหมือนฝนเทียมนั้นมนุษย์เขาทำ ฝนแท้นั้นเทวดาเหล่าต่างๆเขาทำ และภัยพิบัติทั้งหลายก็มีผู้ทำหน้าที่ให้เกิดขึ้นเช่นกัน แค่นาคบางฝ่ายเขาโก่งหลังขึ้นก็จมไปครึ่งโลกแล้วล่ะ

    เข้าให้ถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของธรรมชาติแล้วจะเข้าใจว่าธรรมชาติที่ไม่มีวิญญาณครองนั้น ยังมีระบบจิตวิญญาณควบคุมอีกชั้นหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าใครทำหน้าที่อะไร ปฏิบัติแบบไหน ก็ได้แบบนั้น เข้าให้ถึง "เฮ็ดจั๋งใด๋ ได้จั๋งซั่น เฮ็ดไห่ถึง"

    แหล่งข้อมูลของเรามีสามทางคือ

    หนึ่ง ครูบาอาจารย์บอกไว้
    สอง สหธรรมมิกผู้อยู่ในผ้าเหลืองซึ่งเป็นนักปฏิบัติบอก
    สาม เราปฏิบัติท่องเที่ยวไปในภพภูมิ ไปสนทนากับเทพเจ้าผู้ที่ท่านทำหน้าที่ในโลกลี้ลับโดยตรงและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

    เมื่อข้อมูลจากสามแหล่งตรงกัน จึงจะเชื่อถือได้ สำคัญที่การปฏิบัติภายในแหละ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดก็จะมีสิ่งมาบอกกล่าวหรือไม่เราก็ใช้เรดาร์ทางจิตไปตรวจ บางพวกก็ต้องการให้ช่วยสงเคราะห์แบบนั้นแบบนี้ ซึ่งต้องใช้ศาสตร์ของโลกภายในเขา สำคัญที่พลังบุญกุศลนั่นแหละ แค่สงเคราะห์ญาติกาที่ตกๆหล่นๆและยังทุกข์ยังยากอยู่ตามภพภูมิต่างๆและที่ติดตามมาในอดีต ที่ทั้งเห็นตัวและไม่เห็นตัว นี่ก็เหนื่อยเต็มที่แล้ว ที่ไปจะสงเคราะห์โลกนั้น พระมหาโพธิสัตว์ท่านทำอยู่แล้ว เราแค่เป็นลูกมือหยิบนั่น จับนี่ ไปอยู่ในตำแหน่งที่สมควรเท่านั้น

    ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์สำคัญๆท่านก็มาบอกเช่นกัน อย่าง หลวงปู่ทวด สมเด็จโต เป็นต้น ก็ยังอยู่กันครบหมด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครหายไปไหน แค่ไม่ใช้ธาตุสี่ ท่านเหล่านั้นก็ใช้ธาตุทิพย์ได้ บางทีท่านก็ให้ช่วยสงเคราะห์คนสำคัญของท่านที่มีเกี่ยวพันกันกับเรามาบางชาติหรือหลายๆชาติ ก็ทำไปตามที่จะทำได้นั่นแหละ ก็เหนื่อยหน่ายกับญาติมนุษย์ผู้กิเลสหนาซะเหลือเกิน กรรมก็เยอะ สร้างกันแต่เวรแต่กรรมกันสารพัด

    ก็รอแค่กรุงเทพฯจมน้ำเมื่อไหร่ ก็จะได้ไปทำหน้าที่อื่นต่อไป บอกได้แค่ว่าเมื่อถึงเวลาพญานาคที่ทำหน้าที่เขาจะทำฤทธิ์ ถ้าใครดีจริงก็รอด ใครไม่ดีจริงก็เสร็จ กฏแห่งกรรมก็เป็นอย่างนี้แหละ ศีลธรรมภายในที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก็ทะยอยย้ายออกไปเรื่อยๆ เหลืออยู่น้อยเต็มทีแล้ว เพราะอำนาจยักษ์ อำนาจมารมันมีมาก รวมทั้งมวลบาปของคน กทม. ก็มีมากด้วย ฝ่ายศีลธรรมจะไม่รักษาคนบาป

    สำหรับทางภาคใต้นั้นพวกยักษ์ภายในมันกินเลือด หากมัวปราบภายนอก ไม่ปราบภายในก็สู้ยักษ์และบริวารยักษ์ไม่ได้แหละ หากเทพเจ้าภายในเขาปราบพวกยักษ์แสบๆทางภาคใต้ก็คงจะแปลออกมาภายนอก อยู่ในรูปของภัยพิบัติแหละ และคนที่ต้องตายเพราะเหตุเหล่านั้นเขาก็มีกรรมมาแต่อดีต และตายไปแล้วก็สงเคราะห์ยากเพราะถือว่าเทพเจ้าเขาลงโทษ ชีวิตมนุษย์ยุค 80 ปีนี่แสนสั้นก็รีบเร่งปฏิบัติกัน เอาตัวให้รอดก่อนแล้วช่วยคนอื่นทีหลัง ภายในสิบปีข้างหน้านี้ใครมีชีวิตอยู่รอดได้ ถือว่าโชคดีสุดๆ

    อย่าคิดมาก ให้ถือว่าเป็นนิทานของโลกภายในเขาก็แล้วกัน ปฏิบัติให้ถึงก่อนจึงจะเชื่อ อย่าเชื่อโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ปฏิบัติ

    จากคุณ : คนไกล [06 เม.ย. 48 [15:26 ]

    แหล่งที่มา

    http://larndham.net/index.php?showtopic=11923&st=39


    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #cccffc" SIZE=1>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <B><BIG><BIG>พระธาตุนำเข้าโดยเทวดา จากเขมร มาสู่ไทย!! </BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG></BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG></BIG></BIG></B>

    เป็นภาพที่ได้จากคุณตาที่สามครับ
    เค้าบรรยายว่าเป็นภาพของ พระธาตุ ซึ่งอยู่ที่ ภูผลาณไชย จังหวัดอุบลราชธานี
    ....ซึ่งนำเข้ามาโดยเทวดา!!!

    คุณตาที่สามบรรยายมาแค่นี้อ่ะ ผมก็ลองหาข้อมูลก็หาไม่เจอ - -"
    คงต้องรบกวนคุณตาที่สามอ่ะครับ ว่าที่มาที่ไปมันเป็นยังไงกัน <!--MsgFile=0-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->freeek!!! [ <!--MsgTime=0-->15 พ.ค. 48 22:42:56 <!--MsgIP=0-->]


    ความคิดเห็นที่ 1 <!--EcardManage=1--><!--EcardSend=1-->

    <!--MsgIDBody=1-->ขออนุญาต ตอบเท่าที่รู้นะครับ

    ไม่แน่ใจว่า จะเป็นองค์เดียวกับที่เคยอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ วัดปทุมวนาราม ตรงสยามช่วงวันมาฆบูชาที่ผ่านมารึเปล่า

    เจ้าอาวาสท่านมีใบประกาศบอกถึงที่มา ผมจำไม่ค่อยได้อ่ะ คราวๆ ว่า วันมาฆบูชาที่ผ่านมา เจ้าอาวาสบอกว่า มีเทวดาบอกจะอัญเชิญพระธาตุให้เสด็จ

    แต่ว่า เจ้าอาวาสก็ไม่แน่ใจ เทวดา ก็มาย้ำให้เตรียมรับเสด็จพระธาตุไว้ จะเสด็จแน่ๆ

    พอถึงวันมาฆบูชา หลังจากเวียนเทียนอะไรเรียบร้อย เจ้าอาวาส จึงเกิดรู้ว่าว่าพระธาตุกำลังจะเสด็จ เลยนำ อุบาสก อุบาสิกา ไปรอรับ

    โดยชูพานประดับดอกบัว ขึ้นบนฟ้า มีแสงพุ่งลงมายังพาน

    พออัญเชิญลงมาดู ก็ปรากฎเป็นพระธาตุเสด็จมา ต่อหน้าต่อตา คนทั้งหลาย นี่แหละครับ

    คราวๆนะครับ รายละเอียดรอคุณตาที่สามละกันฮะ <!--MsgFile=1-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->ชื่อ เทน นี่แหละ [ <!--MsgTime=1-->16 พ.ค. 48 01:22:14 <!--MsgIP=1-->]


    ความคิดเห็นที่ 2 <!--EcardManage=2--><!--EcardSend=2-->

    <!--MsgIDBody=2-->ใช่ครับ มีอยู่ช่วงหนึ่งได้อัญเชิญมาจาก วัดเขาภูผลาญไชย อ.นาจะหลวย อุบลราชธานี มาให้ผู้คนกราบไหว้บูชา ที่วัด สระปทุมวนาราม หลัง เวลร์เทรด ราชประสงค์
    เทวดานำพระธาตุมาจากเขมร มี การกระทำพิธีตามที่ ได้อธิบายไว้ จำได้ว่า เป็น ข้อพระกรข้างขวา ที่ท่านต้องข้ามแดนเขมรเข้ามา เพราะ ประเทศเขมร จะจมน้ำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงต้อง เสด็จมาอยู่ในสถานทที่ดีที่สุด ผม กับคณะ อีก ประมาณ 15 คน ได้ไปที่ อุบล เพื่อ ต้อนรับ พระบรมสาริกธาตุ พระองค์นั้น...สาธุ สาธุ สาธุ <!--MsgFile=2-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=2-->ตาที่สาม [ <!--MsgTime=2-->16 พ.ค. 48 08:24:23 <!--MsgIP=2-->]

    ความคิดเห็นที่ 6 <!--EcardManage=6--><!--EcardSend=6-->

    <!--MsgIDBody=6-->ไปนมัสการมาแล้วที่วัดปทุมวนาราม เลยร่วมทำวัตรเย็น ดิฉัน
    ไประหว่าง 18.00-20.00 น. ใครมีเวลาเชิญค่ะ
    สนามหลวง ช่วงนี้ วันวิสาขบูชา ไปกราบพระบรมสาริกธาตุได้ค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ <!--MsgEdited=6-->


    [size=-1]แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 48 14:18:45[/size] <!--MsgEdited=6--><!--MsgFile=6-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=6-->srisuda999 [ <!--MsgTime=6-->16 พ.ค. 48 14:15:03
    <!--MsgIP=6-->
    http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3478066/X3478066.html
    <!--pda content="end"-->

    <!-- / message --><!-- edit note -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X3478066-0.jpg
      X3478066-0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.6 KB
      เปิดดู:
      549
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>หนังสืออินทร์ตกเทพทำนาย</TD></TR><TR vAlign=top><TD bgColor=#ffffff><TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>ท่านผู้ใหญ่ในบ้านของ พณฯ ท่าน พล อ.อ.อาทร โรจนวิภาต ให้พี่ท่านหนึ่งที่ผมนับถือ เพื่อมาเผยแพร่ต่อครับ

    http://WadThai.info/topic03.htm

    ท่านเล่าว่าขณะจัดตู้ ใบนี้ก็หล่นลงตัก
    ท่านก็กราบถามหลวงพ่อว่า
    \"เตือนลูกใช่ไหมขอรับ/เจ้าคะ\"
    (ขออนุญาตเพิ่มเติมคำลงท้ายเผื่อความเป็นส่วนตัวของท่านครับ)
    หลวงพ่อก็ดูยิ้มรับ
    ท่านจึงนำออกมาให้ไปถ่ายเอกสารแจกอีก 100 แผ่น

    เห็นท่านจะถ่ายเอกสารถวายให้หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์แจกเดือนหน้าด้วยครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=left width="30%"></TD><TD align=right width="70%">โมฆบุรุษ 218.215.135.* [ 05 มิ.ย. 2548 เวลา 00:53 ] ตอบคำถามนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#0000ff border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#99ccff><TD><TABLE height=30 cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top align=right><TD align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD>ค้นพบหนังสืออินทร์ตกเทพทำนาย โดยคัดย่อ


    หนังสือใบลานสีได้เก็บรักษาสืบทอดมาจากวัดแห่งหนึ่ง ในแขวงอัตตะปือ(ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแผ่ให้ เลยเกิดศรัทธาเสียสละทรัพย์ส่วนตัว พิมพ์แจกจ่ายมายังญาติพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นการกุศลและเพื่อพิจารณญาณด้วยตนเอง ถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกาภิวัฒน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ว่าดังนี้

    โส ชัง ชน โทโพโส อินโตกรุณา

    พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้วจงรีบร้อนบอกเล่าสู่กันฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเกิดเดือดร้อน ในปีจอ ขึ้น 4 ค่ำผู้มีบุญจะลงมาเกิด พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้าน เรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมีพวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิดมีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลายประการเช่น

    ทุกข์ยากร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตายตามทุ่งไร่ทุ่งนา
    ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีผู้เฒ่า
    ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไปต่างประเทศไม่สะดวก
    ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากร้อน เพราะนอนไม่หลับ
    ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน

    ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทน์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามไม่ให้ตักน้ำอาบน้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ) พญายมราชจะนำเอายาพิษพ่นมาใส่โลกมนุษย์ ในปีจอเมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทน์ นี้คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์ มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้

    ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สุขะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุขะโต จุติ

    พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลาน แผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้บนประตู ห้องเรือน หรือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดา ผู้คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผลบุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์อินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลก ถึง 9 ข้อนับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุล คือ

    จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหวหวั่น จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ - อาหาร เป็นพิษ)
    จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย) จะให้เกิดกาฬโรคต่าง ๆ (พยาธิร้าย)
    จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย) จะให้เกิดอด ข้าว ปลา อาหาร
    จะให้เกิดฟ้าฝ่า จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
    จะให้เกิดร้อนมาก หนาวมาก

    มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไป ให้รีบเร่งทำแต่ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุล ไปแล้วทุกคนพร้อมทั้งลูก หลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล อย่างต่อเนื่อง ศีล 5 ข้อได้แก่
    ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต (ทุกชีวิตใครก็รัก) ห้ามลักเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน ห้ามล่วงเกินเป็นชู้คนอื่น เมีย ผัว คนอื่น (ที่มีเจ้าของ)
    ห้ามพูดปดหลอกลวงผู้อื่น ในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกสามัคคี หรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง

    นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่ง ได้พบเห็นเนื้อในอักษรธรรมเขียนจารึกไว้ บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้นจากพื้นดิน ในภูผาป่าดงแห่งหนึ่ง ที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป (ข้าพเจ้าไม่ขอบอกนามพระ และกำหนดสถานที่อย่างจะแจ้งได้) เพราะได้สอบหาข้อมูลละเอียดแล้วพระผู้ทรงศีล ได้กล่าวว่า โยมเอย ถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็นกุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศลรู้เพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในปีระกา - ปีจอ และปีกุล เดือน 7
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    น่าเสียดาย...หากไม่พิจารณาเงื่อนเวลาที่ระบุกาลโลกาวินาศในพุทธทำนาย จากคุณ :ศรีวรุณะอิสโร

    ก่อนนี้ ผมก็ได้นำ "พุทธทำนายจากพระโอษฐ์ ...จากหนังสือผูกอีสาน" มาโพสต์ไว้ที่ กระทู้
    http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3514989/X3514989.html

    แต่ด้วยความเห็นใจผู้เข้ามาอ่านในห้องลึกลับที่อาจไม่สันทัดในภาษาอีสาน อาจจะไม่เข้าใจ และปล่อยผ่านไปอย่างน่าเสียดาย...ผมจึงขออนุญาต หยิบประเด็น ที่จะพอเป็นประโยชน์ มานำเสนอเป็นภาษากลางให้อ่านง่ายๆ เพราะไม่กล้าแปลทั้งหมด เพราะแม้เป็นคนอีสาน แต่ก็ไม่สันทัดคำเก่าๆ เช่นกัน
    ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องที่อ่านแล้วอาจจะนำความสลดหดหู่และสิ้นหวัง ขอเริ่มต้นด้วยความหวังหลัง "วันโลกาวินาศ" ก่อน จากพุทธทำนายที่ว่า

    "องค์พระยาธรรมเจ้าสิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญ หัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาด เป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้างเฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำ ครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้าเที่ยงจริง "

    ความหมาย...หลังเกิดมหาภัยพิบัติ จะมี "พระยาธรรมิกราช" คือพระราชาผู้ทรงธรรม มาปกครองบ้านเมือง และฟื้นฟูพระธรรมคำสอน ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ใน "ปีกุน" หลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ ไปแล้ว ( เช่น ๒๕๑๔ ๒๕๒๖ ๒๕๓๘ ๒๕๕๐...ทุก ๑๒ ปี) ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยผู้ที่จะมาเป็น "พระยาธรรมิกราช" มีพื้นเพเป็นคน "เมืองล้านช้าง"

    ข้อสังเกต...คำว่า "ล้านช้าง" คนภาคกลางมักเข้าใจว่า มีช้างเป็นล้านตัวคือมีช้างเยอะมาก และมักจะชี้ไปที่ "กรุงศรีสัตตนาคนหุต-หลวงพระบาง" ว่าเป็น "เมืองล้านช้าง" แต่ในอีกด้านหนึ่ง ใครที่เป็นคนกาฬสินธุ์ หรือเคยไปกาฬสินธุ์ จะผ่านพื้นที่หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ภูแลนช้าง" และเรียกกันมาช้านานนานโดยอาจจะไม่รู้ที่มา แต่เมื่อมีการขุดค้นพบ "ฟอสซิลไดโนเสาร์" จึงทำให้นึกภาพออกว่า เวลาที่ คนเราเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ใหญ่กว่าปรกติ ก็จะมีคำสร้อยคำขยายเช่น เมื่อครั้งเกิดสึนามิ คนไทยไม่รู้จักคำสึนามิ เราก็เรียกว่า "คลื่นยักษ์" ทำนองเดียวกับคนในสมัยโบราณ จะนานแค่ไหนไม่สามารถบอกได้ อาจจะเคยเห็น แต่น่าจะเห็นภาพนิมิตปรากฏหรือฝันเห็น "ไดโนเสาร์" ในบริเวณนั้น แต่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่ามันเหมือน "ตัวแลนหรือตะกวด" แต่มีขนาดใหญ่มากๆ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร จึงเรียกว่า "แลนยักษ์" หรือ "แลนช้าง" ต่อมาอาจะเพี๊ยนด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง หรือแสลงกับคำว่า "แลนคือตะกวด" จึงกลายเป็น "ลานช้าง"

    ดังนั้น หาแก้ปริศนา "เมืองล้านช้าง" ได้ ก็จะรู้ที่มาของ "พระยาธรรมิกราช"

    แต่ที่ยกมาก็เพื่อจะบอกว่า "ฟ้าหลังฝน จะต้องมีความสดใสเกิดขึ้น โลกใหม่ที่อุดมด้วยธรรม"ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อ พ.ศ. ล่วงเลย ๒๕๐๐ ปีไปแล้ว นับตั้งแต่ปี เถาะ..มะโรง..มะเส็ง แต่ไม่รู้ พ.ศ.เท่าไหร่? แต่ มี "ประโยคปริศนา" ที่น่าสนใจ จากพุทธทำนายที่ว่า...

    "อานนท์เอ๋ยหากสิเห็นเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล "

    ความหมาย...พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" นี้ จะเกิดขึ้นเมื่อศาสนาเสื่อมโทรม (คำว่า "สร้อย" หมายถึง เสื่อมโทรม ขาดวิ่น) โดยที่ เมื่อถึง "ปีวอก" ผู้คนจะพากันออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ประโยคนี้คงไม่ต้องแปล แต่ต้องตีความหมาย

    เงื่อนเวลา...ปีวอก หลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้แก่ พ.ศ. ๒๕๑๑ ๒๕๒๓ ๒๕๓๕ ๒๕๔๗ ๒๕๕๙ ๒๕๗๑ .....

    "คนจะพากันออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล "

    ประโยคข้างต้นนี้อาจจะตีความได้ต่างๆ นานา หากไม่เกิด เหตุการณ์ "สึนามิ" ในวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ตรงกับปี "วอก" เราจึงเห็นภาพ "คนที่อยู่ในบ้านถูกคลื่นซัดสาดและถูกกวาดถูกดึงลงไปสู่ท้องทะเล"

    หรือ "ปีวอก" ในพุทธทำนายคือ "ปี พ.ศ. ๒๕๔๗" ที่ผ่านมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกตามมา?

    ข้อความในพุทธทำนายมีต่อไปว่า...

    "ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด "

    ความหมาย...ถัดจากปีวอก ก็จะเป็นปีระกา ด้วยกรรมชั่วที่สั่งสมมาของมนุษย์ทั้งหญิงและชาย ก็จะบันดาลให้เกิดภาวะ "ควันคละคลุ้งจนทำให้ท้องฟ้ามืด" เป็นระยะเวลา ๗ วัน ในระหว่างนั้น "เทวดา" จะเรียกให้ผีเสื้อยักษ์หลวงจำนวนประมาณ ๑๐ ล้านตัว (๑ โกฏิ เท่ากับ ๑๐ ล้าน) และผีเสื้อที่มีลักษณะตัว (Body) แข็งมากออกมากิน หรือทำลาย "ผู้คนผู้มีกรรมหนัก" (เหลือล้น เท่ากับ หนักมากๆๆๆๆ) ให้ล้มตาย

    อะไรจะทำให้เกิดควันคละคลุ้ง?
    ควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ และ/หรือฝุ่นจำนวนมหาศาล หรือกลุ่มหมอกไอน้ำจากการละลายของภูเขาน้ำแข็ง ที่ทำให้บดบังแสงอาทิตย์ ดังปรากฏเมื่อราว ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ที่กรุงเทพมืดครึ้มอยู่หลายวัน แต่...

    ครั้งนี้จะหนักกว่ามากๆๆๆ มีการโจมตีกันด้วย "อาวุธนิวเคลียร์" ที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงมากๆๆ จนเกิดการเผาไหม้และก่อให้เกิดกลุ่มควัน เกิดฝุ่นที่เกิดจากอาคารสูงถล่มเหมือนเวลาระเบิดตึกเก่า หรือเกิดความร้อนจาก "รังสีนิวเคลียร์" จนทำให้ภูเขาน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว และเกิดเป็นไอน้ำ?

    และ... อะไรคือผีเสื้อยักษ์หลวงกับผีเสื้อ?

    จะมีผีเสื้อที่ได้กิน "พืชสมุนไพร" แบบ "อนาคอนดา" ที่ผลของมันทำให้เกิดการแบ่งเซลที่ผิดปรกติ มีอายุยืนยาว ทำให้ตัวใหญ่ขึ้นอย่างมากๆๆ และมีผลต่อพฤติกรรมความโหดร้ายหรือไม่? เมื่อฟ้ามืด ไม่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติได้จึงออกมาจากแหล่งที่หลบซ่อน หรือเกิดการจู่โจม ทำลายแหล่งพักพิงจึงต้องฮือออกมาเหมือนผู้แตกรัง? หรือแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรงที่สามารถทำให้เกาะสุมาตราแยกออกจากกันภายในระยะเวลา ๑ ปีนี้ ตามที่ "นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส" ออกมาเปิดเผย (อ่านได้จาก เดลินิวส์ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๘) จะทำลายรังของ "ผีเสื้อยักษ์" ใน ป่าบอร์เนียว! หรือป่งดงดิบอื่นๆ เช่น อะเมซอน เป็นต้น

    หรือเป็น "คำเปรียบเปรย" ของ "อะไรที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า" เหมือน "ครกที่เพิ่งหล่นใส่หน้าสาวโรงงาน" แต่มันมีจำนวนมากๆๆๆ และมีที่มาจากนอกโลก "อุกกาบาต" หรือเปล่า? หรือ มันคือ "จานผี-UFO" ที่ขณะนี้มาลอยวนเหนือโลก ตามที่หลายสำนักออกมาเปิดเผย โดยเฉพาะศูรย์กลางการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวที่ "เขากะลา นครสวรรค์" ซึ่งเตรียมการที่จะโจมตีโลกมนุษย์?

    ระดับความสูญเสีย...หากเทียบสัดส่วนขีดความสามารถในการทำลาย ๑ ต่อ ๖-๘ (ตามจำนวนขาของมัน) ก็จะมีผู้คนล้มตายประมาณ ๖๐-๘๐ ล้านคน แต่สัดส่วนนี้เทียบกับประชากรเฉพาะในภูมิภาคนี้ไทยหรือทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า พุทธทำนายนี้ พยากรณ์เฉพาะภูมิภาคนี้หรือทั้งโลก?

    แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
    หากปีวอกหมายถึง พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่ผ่านมา

    ดังนั้น ในปีระกา ตามพุทธทำนายนี้ก็หมายถึง "พ.ศ. ๒๕๔๘" นี้ แต่หากไม่ใช่ ก็คงเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒๕๗๒ ๒๕๘๙ เพราะ มีบางตอนในพุทธทำนายระบุไว้ว่าเหตุจะเกิดในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๐ ปลาย นั่นหมายความว่าไม่เกิน พ.ศ. ๓๐๐๐ ที่เราจะได้เห็นการล้างโลก (Big Clean)ความน่าจะเป็นที่จะเกิดสงครานิวเคลียร์...

    ขณะนี้ในเวทีโลก มีความพยายามในการเจรจาเรื่องการจำกัดหรือกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ แต่ภายใต้ข้อจำกัดของระดับศีลธรรมในตัวผู้นำชาติมหาอำนาจนิวเคลี่ยร์ ที่ อุดมไปด้วย "โลภะคือความโลภ โมหะคือความหลง และโทสะคือความโกรธ" ไม่แน่ว่าการเจรจาจะมีการทุบโต๊ะจนเป็นสัญญาณให้ลูกน้องเข้าใจผิดไปกดปุ่มยิงหัวรบนิวเคลียร์หรือเปล่า? นกบินผ่านจอเรดาร์มันยังหนีไปรบห้องใต้ดินเลย!! บางทีอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด...ถึงเวลานั้นเทนโซปล๊าสต์ก็คงช่วยไม่ได้ นอกจาก พุทธศาสตร์เท่านั้น!

    เพราะน่าสนใจตรงที่มีประโยคในพุทธทำนายที่ว่า

    "ข้อหนึ่งนั้นยังมีสามพี่น้องประสงค์แข่งแสดงฤทธิ์ กำหนดกาลเวลาแข่งดีให้เห็นแจ้ง เจ้าผู้พี่ขานไขตามใจเฮารบสิบห้าวันจิงเซายั้ง องค์กลางนั้นเจ็ดวันหักเที่ยง พระองค์น้อยผู้หลังว่าสามมื้อบ่ให้กลายไผสิดีก็ดีหั้น ไผสิตายก็ตามช่าง บ่ให้ช้ากว่านั้นสิฮามมื้อเศิกคราว "

    ความหมาย...จะมี ๓ พี่น้อง อาจหมายถึง ผู้นำชาติมหาอำนาจ ๓ ฝ่าย เพราะประชุมทีไรเห็นทั้งกอดกัน หอมกัน จูบปากกัน เหมือนพี่กับน้องยังไงยังงั้น พี่น้องทั้ง ๓ จะท้ารบกัน พี่ใหญ่บอกเรามารบให้เห็นดำเห็นแดงกันภายใน ๑๕ วัน แต่พี่รองบอกว่าช้าไป ๑๕ วัน เอาแค่ ๗ วันพอ น้องเล็กคนสุดท้องบอกผมใจรอน ๓ วัน ก็เหลือเฟือ ใครจะเป็นใครจะตายช่างหัวมัน...ฉันไม่แคร์

    ซึ่งก็มีคนพูดเอาไว้ใน เว๊บพุทธภูมิ ว่า สงครามโลกครั้งที่ ๓ จะเกิดขึ้นจาก "อเมริกา จีน และอินเดีย" ใครจะเป็นพี่ใหญ่ พี่รอง และน้องเล็ก ก็พิจารณากันเอง

    เอาเป็นว่าสมควรแก่เวลา ไขปริศนาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน
    ให้คอยดูต่อไป ว่า "หลังออกพรรษา" ปีนี้ ถัดจาก "วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก" ไปแล้วจะมีสัญญาณอะไรหรือไม่ หาก ตุลาคมเกิดวันมหาวิปโยคเลือดนองแผ่นดิน นั่นก็หมายถึงการ BIG CLEAN ก็ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา...นี่เป็นสัญญาณแจ้งเหตุเท่านั้น

    "พุทธทำนายจากพระโอษฐ์หรือคำตรัสของพระพุทธองค์" นั้น หนึ่งไม่มีสอง เปรียบเหมือนพญาราชสีห์เมื่อตื่นนอนย่อมบรรลือสีหนาทฉันใด เหมือนโยนของไปในอากาศย่อมตกลงสู่พื้นธรณีฉันนั้น ปีระกา ก็คือปีระกา ไม่ใช่ชวด ฉลู ขาล เป็นเที่ยงแท้


    "เข้าพรรษา" ปีนี้ จึงควรแก่การที่เราจะหมั่นสร้างสมเหตุปัจจัยที่เป็นกุศล เป็นเสบียงติดตัวไปทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หาก ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไม่เกิด และแก่ตายหรือตายด้วยเหตุใดก็ดีในปีหน้า ปีต่อๆ ไป ก็จะไม่ตกไปที่ต่ำ

    "เธอทั้งหลายจงยังชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด เพียรระวังเฝ้าติดตามจิตของตนอยู่ทุกขณะ อย่าให้อกุศลที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้ เพียรกำจัดอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดสิ้นไป เพียรระวังไม่ให้กุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไปจากจิต เพียรสร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นในจิตของเธอ"

    สวัสดีครับ...
    <!--MsgFrom=7--><!--MsgTime=7--><!--MsgIP=7--><!--pda content="end"-->จากคุณ : <!--MsgFrom=7-->ศรีวรุณะอิสโร [​IMG] - [ <!--MsgTime=7-->10 มิ.ย. 48 07:07:24 <!--MsgIP=7-->]

    แหล่งที่มาhttp://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3533998/X3533998.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สงครามโลกครั้งที่ 3 หายนะล้างโลก ด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง โดยคุณwitt แห่งเว็บพุทธภูมิ

    เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้ได้มาจาการที่ผมได้เคยพูดคุยกับหลายท่านมาในระดับหนึ่ง และเล็งเห็นว่าสงครามเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อต้องการอำนาจ เงินตรา ทรัพยากรทางธรรมชาติในส่วนที่ตนไม่มี ในส่วนที่เอามาลงในนี้ถือว่าเป็นส่วนที่ข้าพเจ้าได้รวมรวมข้อมูลมา และสรุปเองโดยคร่าวๆ รายละเอียดมีตามนี้ครับ

    สงครามล้างโลก

    โลกจะเกิดภัยพิบัติด้วยน้ำมือของเหล่ามวลมนุษย์ ทุกชีวิตจะล้มตาย ส่วนที่เหลือ จะได้รับความลำบากทุกข์ยาก อย่างแสนเข็น ขาดแคลนทั้งเสบียง อาหาร น้ำดื่ม มนุษย์จะฆ่ากันเอง จงจัดเตรียมเสบียง อาหารน้ำดื่มไว้ให้พร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น

    สงครามจะเริ่มก่อตัวขึ้นแถว อเมริกาเหนือ จะลามออกมาทางฝั่งตะวันออก จะมีสามผ่ายหลักใหญ่ ได้แก่ อเมริกา จีน อินเดีย เพื่อแย่งชิง อำนาจเหนืออธิปไตรประเทศอื่น สงครามจะดำเนินต่อเนื่อง 7 เดือน ถึง 1 ปี 6 เดือน และจบลงด้วยระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สามารถล้มล้างประเทศใด ประเทศหนึ่ง ให้หายออกไปจากโลกใบนี้ได้

    อเมริกา ล่มสลายประเทศต่างๆก็ได้รับบาดเจ็บ บอบช้ำไปตามๆกัน คนที่ตายก็ตายไป ส่วนคนที่อยู่จะได้รับความทุกข์ยากลำบาก แต่ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากครอบครัวแหล่งน้ำตามธรรมชาติจะใช้ไม่ได้เพราะเจือปนด้วยสารเคมี ข้าวจะหายาก หมากจะราคาแพง ต้องดิ้นรนสุดชีวิต โจรผู้ร้ายก็ชุกชุมเพราะความอดอยาก โรคระบาดจะคอยซ้ำเติม ช่วงเวลาที่ทรมานอย่างนรกนี้จะกินเวลาประมาณ 5 ปี จึงจะค่อยเริ่มฟื้นตัว เทคโนโลยีที่มีอยู่จะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สันติภาพจะเกิดขึ้น

    สาเหตุของสงคราม

    ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสงครามมิใช่สิ่งที่ดีนอกจากการสูญเสียกำลังทรัพย์ สินเงินทอง เลือดเนื้อ ชีวิต นับพันนับหมื่นคน แต่ทำไมคนเราถึงยังก่อสงครามกันอยู่ได้ เนื่องมาจากความโลภโมโทสัน อยากมีอยากได้ นี้เป็นสาเหตุหลัก สงครามมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะความอยากได้ในสิ่งที่ตนไม่มี ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี มีการยกทัพเพื่อแย่งชิงดินแดนอาณาเขตเพื่อขยายอาณาจักรของตนเอง ถ้าอีกฝ่ายยอมก็ไม่มีการเกิดสงครามแต่ต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ข่มแหงของผู้อื่น ซึ่งการยอมอยู่ใต้ผู้อื่นย่อมไม่มีทางที่จะยอมได้ง่ายๆ

    สาเหตุหลักของการเกิดสงคราม โลกครั้งที่ 3 เนื่องจากสาเหตุขัดประโยชน์กันเอง ไม่มีใครยอมใครต่างถือว่าตนใหญ่จะเอาให้ได้ ไม่ได้ไม่ยอม จากเรื่องระหว่าง สองประเทศจะลามไปเรื่อยๆเหมือนไฟลามทุ่ง คือ ขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็วๆ ครอบคลุมโลกใบนี้

    ผลกระทบระดับโลก

    พื้นที่หลายส่วนจะถูกลบทิ้งออกจากแผนที่โลก บางแห่งอาจจะหายไปทั้งประชากรและแผ่นดิน สิ่งที่ไม่น่าเกิดก็จะเกิดขึ้น รวมถึงภัยพิบัติต่างๆตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    จำนวนประชากรโลกจะถูกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น แผนที่โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ในขณะที่สัตว์ชนิดต่างๆพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาวะเลวร้าย จะเกิดเหตุการณ์คนกินคน สัตว์กินคน เพราะความหิว กระหาย

    สารเคมีพวกกัมมันตภาพรังสี ที่แพร่ไปทั่วโลก จะมีผลทำให้มนุษย์ เป็นโรคผิวหนัง อย่างรุนแรง ต้นไม้จะเหี่ยวเฉาเพราะปรับสภาพไม่ทัน เสียงคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจะมีอยู่ทั่วไปหมด คนพิการจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นคนที่แขนขาสมบูรณ์น้อยลง

    ช่วงก่อนสงคราม

    ช่วงก่อนที่จะเกิดสงครามอาหารการกินทั่วโลกจะอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าราคาสินค้าอาจจะแพงอยู่บ้างแต่สามารถหาซื้อหากินได้โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนจะอยู่ดีมีความสุข ไม่นึกถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่มีการกักตุนสินค้า

    ข้าวสาร อาหารแห้ง เกลือ และ น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นและต้องเตรียมสำรองในปริมาณที่มากและเพียงพอในถาวะวิกฤตช่วงต้นของสงคราม ราคาสินค้าอาหารจะทยอยเริ่มขึ้นราคา คนที่พอมีเงินจะสามารถซื้อ ข้าวปลาอาหารไว้ได้อย่างเพียงพอ คนที่ไม่มีเงินทองก็จะอดตาย ถือเป็นการล้างโลกทางอ้อมอีกทางหนึ่ง

    สงครามจะเริ่มจากฝั่งตะวันตกและจะลามมาทางตะวันออก รวมถึงประเทศไทย ในช่วงสงครามเริ่มก่อตัวประชาชนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้สึกสักเท่าไหร่ เพราะจะเป็นเหมือนสงครามปรกติ ที่เกิดขึ้นทั่วไป แต่สินค้าทางการเกษตรจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจาก สภาวะสงคราม

    ช่วงต้นและกลางของสงคราม

    ช่วงแรกสงครามจะเริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแถบยุโรบอเมริกา ช่วงแรกจะจำกัดพื้นที่ในบริเวณนั้นประมาณ 5 เดือน ในช่วงนี้จะมีการหาสมัครพรรคพวกและอาศัยประเทศข้างเคียงเป็นสนามรบ ประชาชนแถบยุโรบ จะเดือนร้อนกันไปทั่ว ประเทศไทยยังไม่มีที่ท่าที่แน่นอนยังแค่ประกาศให้ความช่วยเหลือทั้งสองผ่าย ต่างคนต่างต้องการให้สงครามสงบโดยเร็ว แต่ประเทศมหาอำนาจไม่ยอมให้สงบเร็วเนื่องจาก กลัวว่าจะเจอภัยทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ้งหมายถึงจะหมดอำนาจที่จะครองโลก

    หลังจากช่วง 5 เดือนแรก ต่างผ่ายก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และต่างก็เหนื่อยล้าเต็มทีที่ต้องรบ แต่ว่าผลกระทบจากสงคราม คือ สงครามไม่ได้เจาะจงเฉพาะ เพียงแค่ ไม่กี่ประเทศ แต่ว่าสงครามจะกระจายตัวเองไปทั่วและลามมาฝั่งเอเชียตะวันออกช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 4-5 เดือน การสู้รบจะดุเดือดขึ้น ประเทศที่มีหัวรบ จรวดนิวเคลียร์ จะเตรียบหัวรบเพื่อเล็งไปยังประเทศที่เป็นศัตรู จะยังไม่มีการยิงระเบิดนิวเคลียร์ จะอยู่ในสภาพพร้อมยิง จะเป็นการเตือนและข่มขู่กันขั้นสุดท้าย

    ช่วงปลายสงคราม

    ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากทหารประชาชนล้มตายกันมาก แทบจะล้างโลกเลยก็ว่าได้ ประเทศที่อ่อนแอ จะถูกควบคุมโดยประเทศมหาอำนาจเพื่อประโยชน์ทางการทหาร และทางเศรษฐกิจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทีก็ยังตามมาส่งผลตามมาเรื่อยๆ ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากัน ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วง ขาดแคลนเสบียง อาหารเหลือน้อยไม่พอบริโภค เพราะผลผลิตที่ได้มามีปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ แม้ว่าประชากรโลกจะลดลงไปเยอะก็ตาม แหล่งผลิตอาหารจะหมดไม่ไปเพราะไม่มีคนที่จะผลิตอาหาร

    ช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3- 5 เดือน จำนวนยอดผู้เสียชีวิตเข้าสู่หลักล้าน ระเบิดนิวเคลียร์จะถูกปล่อยออกมาเพื่อโจมตีไปยังหัวใจของผ่ายข้าศึก เพื่อชัยชนะ ต่างผ่ายก็ปล่อยออกมาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อกำจัดศัตรูทางการทหารให้หมดไปแต่ผลที่ได้รับคือ ต่างผ่ายต่างก็ได้รับความเสียหาย บ้านเมืองพังพินาศ จะเหลือที่ดีๆ ก็มีอยู่ส่วนน้อย เต็มทีและมีแต่ซากปรักหักพัง

    ผลของนิวเคลียร์จะทำให้ อากาศ อาหาร และน้ำดื่ม ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ทั้งสัตว์ทั้งมนุษย์ จะตายอย่างอเนจอนาถ ส่วนที่รอดและได้รับสารเคมีอย่างแรงจะเป็นโรคผิวหนัง เนื้อจะตายและเน่าได้รับความทรมานอย่างยิ่ง ส่วนคนที่ได้รับสารแคมีอย่างกลาง ผิวหนัง พุผองและเนื้อจะค่อยๆตายอย่างช้าๆทรมานแสนสาหัสถ้าจะรอดก็คงต้องอยู่อย่างคนพิการ ส่วนคนที่ได้รับสารเคมีอย่างอ่อน จะเกิดอาการระคายเคือง รักษา ให้หายด้วยความยากลำบากเพราะขาดแคลน ยา และเครื่องมือ ส่วนคนที่ไม่ได้รับสารเคมีถือว่าโชคดีไม่ได้รับสารเคมี แต่ก็ได้รับความกระทบกระเทือน จากผลของสงคราม

    เมื่อระเบิดนิวเคลียร์ถูกใช้หมดไป ต่างฝ่ายต่างก็ประเมิน สถานการณ์ บางผ่ายก็ยอมแพ้ บางผ่ายก็ดีใจที่ตัวเองชนะแต่ในที่สุดไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น ต่างก็เจรจายุติศึก สูญเสียเงินทอง ชีวิต ที่ไม่สามารถประมาณได้

    สภาวะหลังสงคราม

    หลังจากสงครามเสร็จสิ้นต่างฝ่ายต่างพยายามฟื้นฟูสภาพประเทศของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน ประเทศไทยก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยแต่สามารถเอาตัวรอดจากสภาพวิกฤตได้ดี ถึงแม้จะไม่เป็นเมืองขึ้นของใครก็ตาม แต่ก็ถูกพวกต่างชาติบีบบังคับต่างๆนานา ส่วนสภาพบ้านเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ความอดยากของประชาชน ชุมนุมโจรมีมากขึ้นคอยปล้นสะดมชาวบ้าน ไม่รู้จักทำมาหากิน แต่พวกนี้จะหมดไป เพราะทางการสามารถปราบปรามได้สำเร็จ ตรงนี้จะเป็นยุคทองของประเทศไทย สมกับชื่อที่ว่าสุวรรณภูมิ แดนศรีวิไลใต้ดินจะมีน้ำมัน อัญมณี สารแร่ต่างๆ เศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้า

    ในช่วง 5 ปีแรกของการฟื้นฟูประเทศ เรียกว่าช่วงลำบาก เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ทั้งการวางระบบสาธารณูปโภคใหม่หมด การพัฒนาทางด้านการศึกษา การเกษตร เพื่อให้บ้านเมืองคืนสู่สภาวะปรกติให้เร็วที่สุดถึงแม้ว่าราคาสินค้า จะค่อนข้างสูง แต่ราคาก็จะไม่แพงมากจนเกินไป

    หลังจากช่วง 5 ปี สภาวการณ์กับสู่สภาพปรกติ แต่ยังเหลือรอยคราบแห่งอดีตของสงครามโลกครั้งที่ 3 ความโศกเศร้าอาลัยต่อผู้ที่เสียชีวิต พิการ แม้แต่ขาดแคลนที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งเครื่องนุ่งห่ม

    การเตรียมพร้อมรับมือ สงครามโลก

    ช่วงแรกให้แรกให้เริ่มกักตุนสินค้าอุปโภคปริโภคให้มากที่สุด เพราะจำเป็นต้องใช้ในช่วงสุดท้ายของสงคราม และช่วงแรกของสงครามสงบ จะเป็นช่วงที่อดอยาก และขาดแครนอาหาร เพราะสารเคมีชนิดต่างๆกระจายไปทั่ว เจือปนทั้งในน้ำดื่มและอาหาร แหล่งน้ำธรรมชาติ แทบไม่มีประโยชน์เพราะสารพิษเจือปนเยอะ

    ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย

    ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบกระเทือนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่พื้นที่บางส่วนจะหายไปข้าวจะหายาก หมากก็จะราคาแพง ต้องกินอย่างประหยัด อดมื้อกินมื้อ ชุมนุมโจรต่างๆเกิดขึ้น เพื่อปล้นแย่งเสบียงของชาวบ้าน จะเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า

    ภาครัฐจะเร่งปราบปรามชุมนุมโจรต่างๆ พื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากประชากรลดน้อยลงและขาดแคลนทัพยากรบุคคล การกำจัดสารเคมีในอากาศหรือฝนเหลือง เป็นไปได้ยากเนื่องมาจากรัฐไม่ได้มีการเตรียมการไว้ และไม่มีความพร้อมในการดำเนินงาน ประเทศไทยจะใช้เวลาถึง 5 ปี เพื่อการพื้นตัวแต่จะเร็วกว่าประเทศอื่น แต่ต้องอาศัยความสามัคคีภายในประเทศเป็นหลัก

    โรคระบาดจะมีมาเรื่อยๆ แต่พอสามารถควบคุมได้ คนตายด้วยโรคระบาดก็เยอะ หยูกยาจะหายากเพราะคนใช้เยอะ และขาดแคลน ของที่มีก็พอจะประทังชีวิตไปได้บ้าง จนรอดพ้นจากความอดอยาก คนที่ทนได้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนใครที่ตายในช่วงนี้ถือว่าไม่ต้องทรมานมาก

    แหล่งที่มาhttp://www.buddhabhumi.info/wm_talk/ww3/ww3.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เจได แห่งกองทัพธรรม โดยตาที่สาม

    <!--MsgIDBody=0-->หลัง มหกรรม Episode I ระยะแรกจะมีปัญหาเรื่องคนตายนับแสน เรื่องไม่มีอาหาร การอดอยาก และ โรคระบาด
    จึงน่าจะมีหน่วยกองทัพธรรมเข้ามาช่วยเหลือในบางส่วน
    คนที่จะเป็นสมาชิกกองทัพธรรมได้จะต้องมี

    1. ความสามารถพลังจากตา(ที่สาม) เพื่อ ฆ่าเชื้อโรค
    มองเห็นเหล่าวิญญาณ คนที่ตาย และส่งพลังให้ไปเกิดใหม่
    2. ต้องมีมือที่มีพลัง ในการแตะต้องบาดแผล ความเจ็บปวด ที่เมื่อแตะ จะบรรเทาความเจ็บ หรือให้หายทันที

    คนที่จะเป็น เจไดของกองทัพธรรมต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นดังนี้
    1. มีศีล ครบห้าอย่างเคร่งครัด
    2.ปฎิบัติสมาธิ ดี มาตลอด จน ที่จุดหว่างคิ้วเต้นตุบๆๆ
    3. เดินไปตามสถานที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถสัมผัสได้ ด้วยจิต หรือมือ แขนชา
    4.ออร่าสีสวยและแรง โดยเฉพาะสีแดงหรือ สีม่วง จะดีที่สุด
    5. กำลังภายใน(แบบเสี้ยวลิ้มยี่ วัดเส้าหลิน) ไม่ต่ำกว่า 15 เมตร
    6.คนมีตาทิพย์/จิตทิพย์/หูทิพย์ อยู่แล้ว

    จะเห็นว่าเริ่มมีคนพูดถึงการเปิดตาที่สามกันประปรายซึ่งก็เป็นความจริงเพราะเมื่อผม พบ คนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็จะทำให้เขาเป็น เจได แห่งกองทัพธรรม

    ทำโดย
    เปิดตาที่สามให้ ฝึกให้ สายตาที่เป็นแสง ส่องได้ไกลเกิน 100 เมตร เพื่อความสามารถได้กว้างไกล มีรัศมี 100 เมตร ผลพลอยได้ ของการมีตาที่สาม คือ การมองเห็นออร่า เห็นอดีต เห็นอนาคตเห็นโลกอีกมิติ

    ติดพลังที่มือ ให้มือที่มีพลังเพื่อใช้ในการรักษาคนป่วยคนบาดเจ็บ เมื่อพลังเข้าที่มือ มือนั้น จะเรืองแสง มองเห้นได้ชัด เหมือนมีดาบในมือใน"สตาร์วอ" ต้องมีกล่องแล้วกด จึงจะมีดาบยืดออกมายาว แต่เจไดของกองทัพธรรม แค่คิด ดาบก็ออกมาแล้วเรืองแสงยาว พอๆ กับดาบใน สตาร์วอมือดาบของ เจไดแห่งกองทัพธรรม ใช้ในการรักษาคน ไม่ใช่ใช้ฆ่าคน แบบในหนังสตาร์วอ จากฟ้ากำหนด เจไดแห่งกองทัพะรรม จะมีกำลังพลประมาณ 1000 (หนึ่งพันคน)ปัจจุบันได้ไปแล้ว ประมาณ 15 คน (เพิ่งเริ่มเมื่อ 8 มิย.48) คนที่จะเป็นเจได แห่งกองทัพธรรม จะค่อยๆๆทะยอยมาติดดาบเอง คนที่มา เป็นเพราะ ฟ้ากำหนดเมื่อ มา เมื่อ เห็น ก็จะรู้ได้ทันทีว่า เป็นเขาทั้งนี้เพื่อความสุขและความอยู่รอด ของผู้มีบุญ

    กระบวนการฝึก ของเจไดแห่งกองทัพธรรม

    หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตาที่สาม และติดดาบเจไดไปแล้ว 16 อัศวิน ขอให้จำระหัสประจำตัวด้วย ถ้ายังไม่ได้ให้มาเอาที่ บูธ 053

    ผู้ที่ติดดาบและเปิดตาที่สามแล้วจะต้องฝึกดังนี้

    1. พลังดัชนี นิ้วชี้ ขวา ซึ่งมีไว้ชี้และทำลายเซลล์โรคร้ายแรงเช่น เซลล์มะเร็ง เซลล์เนื้องอก ฯลฯ
    ทุกวันจะต้อง ตั้งนิ้วขึ้นตรง และใช้ตาเนื้อมองและเพ่งกำหนดจิตให้ เส้นพลังดัชนีที่ออกไป มีความคม เส้นไม่กระจาย ให้แสงมีความเข้ม ให้ยาวไกลไม่น้อยกว่า 3 เมตรเพื่อให้เเส้นแสงมีอำนาจในการบำบัดรักษา ผู้อื่น

    2.ดาบเจได ที่ติดให้ เพื่อใช้ในการปราบมาร และ บำบัดอาการบาดเจ็บที่ มีแผลใหญ่และรุนแรง ขับไล่คนที่มีผีเข้า
    ดาบที่ว่า อยู่ที่มือขวา

    ให้ยกมือขวา ขึ้นตั้งขึ้นฟ้า ให้นิ้วทั้ง ห้าติดกันเป็นพืดเรียงกันไป เพียงแค่ยกและมองด้วยจิต ดาบนั้นก็จะเรืองแสงสีทองทันที ไม่ต้องกดสวิท เหมือนดาบเจได ใน สตาร์วอ ของ ยอร์จ ลูกัส ที่ต้องเอาออกมาและกดสวิท กำหนดจิตให้ ดาบนั้น มีแสงสีทองสว่างให้เข้มขึ้นเรื่อยๆๆ ยิ่งทำนานไป จะยิ่งเรืองแสงชัด เป็นดาบที่คม ขึ้นเรื่อยๆๆ ดาบนั้น จะยาวประมาณ 1.00 เมตร ยิ่งคมยิ่งมีกำลัง ฟาดฟัน สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ชั่วร้ายได้

    ในบางกรณีย์ ให้กำหนดจิตย่อดาบลงมาให้มากองอยู่บนมือ แล้วใช้โปะประชิดตัว รักษาคนได้ชะงัด หรือ จะให้เปลี่ยนรูปเป็นวงรู้งกินน้ำ ครอบตัวคน รักษาสุขภาพทั่วไปได้ การติดดาบศักดิ์สิทธิ์ มีข้อ จำกัด คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาเพื่อ ช่วยมนุษย์ ห้ามเอามาอวดแสดง โชว์เท่ห์แก่ผู้คน มิฉนั้นจะถูกเอาคืน

    ขณะที่ติดดาบใหม่ๆๆพลังยังไม่แรง อาจจะไม่ชัด ให้ หาผืนผ้าหรือฉากดำ มารองหลัง ใน บรรยากาศ ขมุกขมัวจะห็นชัดเจน ยิ่งเห้นชัด ก็จะยิ่งภูมิใจ และยิ่งมีศรัทรา ยิ่งศรัทรา อำนาจดาบยิ่งมหาศาล

    3. ตาที่สาม ที่มองไกล เห็น อดีต เห็นอนาคต ตอนเช้า ให้ นั่งทำสมาธิ 5-15 นาที แล้ว ฝึก มองที่ตา จะเห็นว่ามีแสงเหมือนไฟฉายส่องออกไป กำหนดจิตให้แสงยืดออกไป ไกลๆๆ ถ้าเห็นแสงกระจายหรือ คด ก็ให้ใช้มือ รูดให้เข้าที่ ให้กลมเป็นลำแสง เหมือน แสงเลเซ่อร์ ฝึกให้แสงไปไกล ถึงระยะ 100 เมตร เป็นอย่างต่ำ จึงจะใช้ได้ การรูดทำได้แค่ระยะมือ ถ้าไกลกว่านั้นก็มาที่บูธ จะรูดได้ไกลถึง 100 เมตร เมื่อ ไกลมากพอ ก็จะฝึกหมุนเกลียวตาให้หมุน ออกไป ก็จะเห็น อนาคต ให้หมุนเข้ามา ก็จะเห็นอดีต ลำแสงอย่างเดียวเมื่อจ้องใคร ก็ฆ่าเชื้อโรคได้มากเห็น ออร่า สะบายๆๆ ใครคนดี คนเลว เห็นหมด และสามารถตั้งแฟรนส์ไชยส์ สาขา ตรวจพลังพระเครื่องได้ทั่วอาณาจักร แข่งกับร้านของแว่นตา ของ ท๊อปเจริญ กำลัง คิด ถึง โลโก้ ของ ชมรมอยู่.คิดออกแล้วจะบอก

    <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->ตาที่สาม [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->13 มิ.ย. 48 11:51:23 <!--MsgIP=0-->]
    แหล่งที่มาhttp://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3540188/X3540188.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2005
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เรื่องเล่าจากพระที่สุโขทัย จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->sonka


    พระที่สุโขทัยได้เล่าให้ผมฟังว่า อีก 2 เดือนโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งคล้ายกันกับเรื่องของ อ.ตาที่สาม และยังได้บอกว่าจริงๆแล้ว แต่ละศาสนาก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน พระอาจารย์บอกว่า พระเยซูและนบีมูฮัมหมัด ก็เป็นพระโพธิสัตว์เหมือนกัน โดยจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปหน้า และยังบอกอีกว่า อดีตชาติของ สมเด็จโตคือ ช้างที่คอยปฏิบัติรับใช้พระพุทธเจ้า โดยการใช้กิ่งไม้ถูกันเพื่อให้เกิดไฟ เพื่อนำไปเผาหิน หลังจากนั้นนำหินนั้นใส่ลงไปต้มน้ำถวายพระพุทธเจ้า ชาติต่อมาก็เกิดเป็น นบีมูฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ซึ่งผลของการเผาหินเพื่อต้มน้ำถวายพระพุทธเจ้า จึงทำให้เกิดการเดินรอบหินที่นครเมกกะในปัจจุบัน และชาติต่อมาก็มาเกิดเป็นสมเด็จโต ใครเคยได้ยินหรือมีความรู้มาอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ

    <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->sonka [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->15 มิ.ย. 48 20:54:28 <!--MsgIP=0-->]

    ความคิดเห็นที่ 1 <!--EcardManage=1--><!--EcardSend=1-->

    <!--MsgIDBody=1-->ผมกำลังสงสัยว่า การปฏิบัติของอิสลามในคัมภีร์ เป็นวิธีปฏิบัติในวันสิ้นโลก มากกว่าที่จะหมายถึงให้ใช้การปฏิบัตินี้จวบจนวันสิ้นโลก


    วันสิ้นโลก ไม่น่าจะหมายถึงวันที่โลกแตกสลาย น่าจะเป็นวัน Big Cleanning Day มากกว่า

    ข้อปฏิบัติหลายๆ อันน่าสงสัยมาก เช่น ไม่กินหมู เพราะมีเชื้อโรค อันนี้น่าจะจริงถ้าวันนั้น มีโรคระบาดรุนแรง หมูอาจจะมีเชื้อโรคมากมาย

    การอาบน้ำละหมาด การละหมาด ต้องชำระร่างกายให้สะอาดตลอดเวลา วันละ 5 รอบ อันนี้น่าสงสัยอีก เพราะว่า ตามคำทำนาย เห็นว่า อากาศต่างๆ น้ำ สิ่งแวดล้อม จเต็มไปด้วยสารพิษ

    แล้วก็ละหมาด ทำสมาธิวันละ 5 รอบ อย่าให้สติหลุด นี่ก็ยิ่งพ้องกัน

    มีอีกหลายรายการยังไม่อยากเอ่ย เด๋วพี่น้องมุสลิมมาอ่านจะตามมาด่าผมมมมม

    ขออภัยพี่น้องมุสลิมที่มาอ่านทุกท่านนะครับ ไม่มีเจตนาจะดึงศาสนามารวม หรือยกไปข่มอะไรแต่ประการใดทั้งสิ้น

    ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่าน... พุทโธ

    ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน.... อามีน <!--MsgFile=1-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->NaCl [​IMG] - [ <!--MsgTime=1-->16 มิ.ย. 48 10:54:50 <!--MsgIP=1-->]

    แหล่งที่มาhttp://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3546282/X3546282.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2005
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE width=600 border=0><TBODY><TR align=middle><TD>
    ช่วงนี้ประเทศไทยเป็นอะไร ถึงสูญเสียเกจิฯ พร้อมกัน ไล่ๆกันหลายต่อหลายองค์
    </TD></TR><TR align=right><TD>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=row1 bgColor=#ffffff><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    มันเป็นสัญญาณบอกเหตุอะไรหรือเปล่า มีใครรู้สึกไหม?

    เพราะช่วงเวลาเพียงสองเดือนประเทศไทยสูญเสียเกจิอาจารย์ชื่อดัง
    ไปพร้อมๆกัน ไล่ๆกัน ถึงสามสี่องค์
    แต่ละองค์ล้วนแต่เป็นพระอริยะสงฆ์ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ
    ประชาชนให้ความเคารพนับถือทั่วประเทศ
    มันเกิดอะไรขึ้นหนอ
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ เอก เมื่อวันที่ 19/6/2548 1:23:09
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>



    ข้อความที่ 1

    อายุท่านเยอะแล้ว
    อย่าให้ท่านฝืนสังขารเลย
    (มองอีกมุมนึงนะครับ)
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ พล เมื่อวันที่ 19/6/2548 2:01:55
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

    ข้อความที่ 2

    ท่าน ช่วยประเทศ ยืดอายุสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่จะเกิดขึ้น ออกไป2ปี
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ เอก(นาค) เมื่อวันที่ 19/6/2548 2:04:28
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

    ข้อความที่ 3
    ข้อความที่ 2
    ท่าน ช่วยประเทศ ยืดอายุสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่จะเกิดขึ้น ออกไป2ปี
    จากคุณ เอก(นาค) เมื่อวันที่ 19/6/2548 2:04:28
    -------------------------------------------------------
    ที่ว่าน่ากลัวน่ะ เรื่องอะไรเหรอ?
    ภัยธรรมชาติหรือว่าสงคราม
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ จินต์ เมื่อวันที่ 19/6/2548 2:34:11
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

    ข้อความที่ 4

    การละสังขารแต่ละครั้งของพระอริยเจ้า จะมีการปลดปล่อยกระแสเมตตาออกมาจำนวนมาก ทำให้เกิดการยืดอายุเหตุการณ์ที่ไม่ดีอันจะเกิดในปลายปีนี้ แต่อาจจะมีอะไรแรงๆ เกิด แต่ไม่ร้ายแรงเท่าที่คาดไว้ก็ได้ครับ
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ ศิษย์ เมื่อวันที่ 19/6/2548 4:09:58
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

    ข้อความที่ 5

    ถัยธรรมชาติ ไม่เท่าไหร่ครับพอเอาตัวรอดกันได้ แต่สงคราม นิวเคลียร์ น่ากลัว กว่า ครับ จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 2 ปี และการเลื่อนเวลาครั้งนี้ เป็นการเลื่อนครั้งสุดท้าย แต่จริงๆแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 3 ต้อง เกิดเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ก็รอดมาได้เพราะครูบาอาจารย์ท่านขอไว้
    ผมได้เอารายละเอียด สงครามโลกครั้งที่ 3 ลงในเว็บที่ผมดูแลอยู่
    ไปชมได้ครับ เขียนให้อ่านกันเล่นๆ ถ้ามีข้อมูลใหม่ ผมก็จะเอาไปลงเพิ่มเติ่มครับ
    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ witt สมาชิก 470570 เมื่อวันที่ 19/6/2548 9:15:14
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​



    เมื่อวันศุกร์ที่ ๓ มิ.ย. พี่คนที่ให้ไฟล์ผมมา ได้ไปกราบเรียนถามหลวงพี่เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    "หลวงพี่ยังเล่าว่าก่อนนี้พิจารณาว่า
    สงครามใหญ่มีเกณฑ์ว่าจะเกิดไม่ปีนี้ก็ปีหน้า
    หากปีหน้าเป็นปี..(จำไม่ได้)...ภิเษกของพระเจ้าอยู่หัว
    เหตุร้ายจะเกิดไม่ได้ ก็ต้องเกิดปีนี้(ท่านว่าไว้ว่าปลายปี)
    แต่หลวงพ่อพูลมาละสังขาร ตามด้วยหลวงปู่เหรียญ ซึ่งถ้ามีอีกจนครบ 3-4
    องค์ ก็จะเป็นเหตุให้เลื่อนออกไปอีก"
    เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๓ มิ.ย. ผมได้ไปกราบนมัสการท่านเจ้าคุณพระโสภณธรรมสาร (เจ้าคณะอำเภอแม่ริมขแม่แตง ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง)
    ท่านบอกว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้มา ทางสายธรรมยุต ก็มีพระผู้ใหญ่หลายๆท่านได้ละสังขารไปแล้วหลายท่านด้วยกัน
    ขออภัยหากจำชื่อไม่ได้แม่นยำนักนะครับ แต่จำได้ว่ามีอาจารย์บุญมี (ที่เท้ามีกงจักร) อาจารย์คง และพระมหาปราโมทย์ ปาโมชโช (แต่เป็นคนละองค์กับที่เขียนหนังสือออกเผยแพร่นะครับ)
    แล้วหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ก็เพิ่งมาละสังขารไปอีก
    ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะพ้นช่วงนี้ไปได้อย่างสบายขึ้นนะครับ
    สุดท้ายนี้ เรื่องรักษาศีล ๕ เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
    ถ้าทำได้ ก็เป็นสิริ เป็นมงคลแก่ตัวนะครับ
    สิ่งไหนที่ทำแล้วไม่สบายใจ ทำให้ใจเราเศร้าหมอง ก็ไม่ต้องทำดีกว่านะครับ
    ง่ายๆดีนะครับ
    จากคุณ : Deus [ 18 มิ.ย. 48 23:10 ]


    แหล่งที่มาhttp://larndham.net/index.php?showtopic=15299

    <!-- / message --><!-- edit note -->​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2005
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สดุดี"ทีปังกรรัศมีโชติ"........โดยพุทธญาณ

    สดุดี"ทีปังกรรัศมีโชติ"
    แสนเปรมปรีดิ์"ทีปังกรรัศมีโชติ" กำเนิดโรจน์นำทางสว่างไสว

    ขัตติยะราชวงศ์จักรีจักมีชัย นามเกริกไกรใหญ่ยิ่งนักคลุมจักรวาล

    มหาเทพลงมาจากฟ้าแล้ว พระปิ่นแก้วด้วยบุญญามหาศาล

    "ทีปังกร"พระนามนี้มีนานาน ครั้งโบราณผู้บริสุทธิ์พุทธองค์

    จากวันนั้นถึงวันนี้"ทีปังกร" ลงมาสอนคนไทยเลิกใหลหลง

    มวลมายาสารพัดควรตัดลง หันมาปลงธรรมสังเวชวิเศษจริง

    ด้วยเดชะอวตารผ่านมาช่วย เอื้ออำนวยสัญลักษณ์ถือศักดิ์"สิงห์"

    ส่งเสริมชาติศาสนาหาของจริง อย่าทอดทิ้งศาสน์พุทธเพราะสุดดี

    อันของดีมีในตนทุกคนอยู่ แต่ไม่รู้อยู่ข้างในวิไลศรี

    คือ "พุทธะ"-ดวงจิตมีฤทธี ผู้ตื่น-ที่เป็นผู้รู้-ผู้เบิกบาน

    จงดูตนค้นหาพุทธาพระ รู้จักละ-ปล่อย-วางได้ดังไขขาน

    สรรพสิ่งทิ้งไปให้เป็นทาน เหลือวิญญาณจิตเป็นแก้วอันแววไว

    "ทีปังกร"ลงมาช่วยอำนวยสุข "กลียุค"ปราบปรามให้งามใส

    โลกมนุษย์พุทธศาสน์คู่ชาติไทย เป็นหลักชัยคู่สยามคู่ความดี

    คิด-พูด-ทำกรรมใดวิไลเลิศ จงทำเถิดแจ่มจรัสรัศมี

    บุญประกาศวาสนาบารมี สนอง"ทีปังกรฯ"สุนทรธรรม ฯ

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ความเห็นที่ 1 (136204)

    ปุชฉา-พระเจ้าหลานเธอ"ทีปังกรรัศมีโชติ" ท่านผู้รู้กล่าวกันว่า เป็นผู้มีบุญญาธิการสูง ลงมาเกิดเพื่อปราบปรามยุคเช็ญและสร้างศรีวิไล ความเจริญ สันติสุขถาวรให้แก่ประเทศไทย คนไทย จริงหรือไม่ ประการใด?

    วิสัชนา-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ที่มีมหาเมตตา ตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ ไม่เคยทรงใช้อำนาจ ซึ่งเป็นคุณธรรมของพระโพธิสัตว์ที่ทีมหาเมตตา พระองค์ทรงใช้บุญฤทธิ์แทนอิทธิฤทธิ์ ใช้ปาฏิหาริย์ในความดี คุณความดีปกครองไพร่ฟ้าประชาชน อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ถึงจะมีปฏิวัติรัฐประหารกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง บ้านเมืองก็ยังปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง......เมื่อพระอาทิตย์ใกล้อัสดงเต็มที พระจันทร์ย่อมจะทอแสงอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระอาทิตย์ และรับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เพื่อส่องสว่างในท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาล แทนพระอาทิตย์ พระองค์ท่าน จึงได้ทรงตั้งพระนามพระเจ้าหลานเธอว่า "ทีปังกรรัศมีโชติ"- ผู้ถือดวงประทีปส่องสว่างแก่โลก......พระเจ้าหลานเธอ ที่มีศักดิ์ เป๋นพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง ที่จะนำศาสนาพุทธ ส่องเป็นดวงประทีปสู่โลก อีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เพื่อการเก็บกวาดธรรมชาติ ได้ชำระโลกเรียบร้อยแล้ว จะเข้าสู่ยุคศรีวิไลของคนไทย ประเทศไทย ธรรมะจะขจรขจายสู่โลกกว้างอีกครั้งหนึ่ง......ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา จะประกาศธรรมะ ที่สามารถปราบยุคเข็ญ ความทุกข์ลงได้อย่างสิ้นเชิง.....ยุคนั้น ธรรมะที่แท้จริง ซึ่งเป็นธรรมะแท้ หรือ "วิมุติญาณทัศนะ"-ทัศนะแห่งความรู้จริง จะปรากฏแก่โลก มนุษย์จะสำเร็จโดยอริยศาสตร์รัตนบัลลังก์สีหนาท การประกาศธรรมที่ยิ่งใหญ่ ไร้รูปไร้นาม จะปรากฏเหนือพื้นพิภพของโลกมนุษย์ พระเจ้าหลานเธอ จะจุดประกายแห่งธรรมที่โชติช่วงสว่าง กว่าดวงประทีปต่างๆที่เกิดในจิตของมนุษย์ ให้พ้นจากอวิชชา ไม่ใช่ปราบยุคเข็ญในประเทศไทย แต่จะส่องสว่างแก่มนุษย์ทั้งโลก!!.......



    ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมมญาณ ( dhammayan2000@yahoo.com ) วันที่ 22-06-2005 07:07:36
    แหล่งที่มาhttp://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=buddha-dhammacom&thispage=1&No=58948
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2005
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำทำนายในพระคัมภีร์วิวรณ์


    มหานครบาบิโลนล่ม 18:1-19:5
    ในช่วงก่อนที่มหานครบาบิโลนจะล่ม ยอห์นได้ยินเสียงร้องที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแยกแยะได้เป็นสี่ประเภทด้วยกัน

    1. เสียงแห่งการลงโทษ (18:1-3)


    เสียงร้องดังกึกก้องจากทูตสวรรค์ว่า บาบิโลนล่มจมแล้วนครนี้ได้กลายเป็นที่อาศัยของความชั่วทั้งปวง โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับศาสนา เพราะประชาชาติได้มัวเมาหลงไหลกับนครนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่เต็มไปด้วยการบูชารูปเคารพและเต็มไปด้วยความผิดบาป บาปของนครนี้ได้กองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว (18:5)

    2. เสียงเรียกให้แยกออกจากนครนี้ (18:4-8)


    เสียงเรียกจากสวรรค์บอกให้ชนชาติของพระเจ้าให้ออกจากนครนี้ (18:4) เพื่อพวกเขาจะได้ไม่มีส่วนในความผิดบาปของนครนี้ และจะได้ไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับนครนี้ และภัยพิบัตินี้ได้แก่ โรคระบาด ความระทมทุกข์ การกันดารอาหาร และไฟจะเผานครนี้จนพินาศสิ้นภายในวันเดียว (18:8) บาบิโลนที่เคยเย่อหยิ่งทะนงใจว่าตนอยู่อย่างราชินี (ยิ่งใหญ่มั่นคง มีพร้อมทุกสิ่ง) ไม่ใช่หญิงม่าย (ต่ำต้อย ไร้ที่พึ่ง ขาดแคลน) แต่เพียงวันเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

    3. เสียงร่ำไห้คร่ำครวญ (18:9-19)


    จากเหตุการณ์ความพินาศของบาบิโลนได้ทำให้มีคนสามกลุ่มที่พิลาปร่ำไห้และคร่ำครวญ

    - บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกที่ผูกพันกับมหานครนี้ พวกเขาร่ำไห้เพราะเห็นความพินาศของบาบิโลน และกลัวภัยแห่งการทรมานนครนั้นจะถึงตน (สะท้อนภาพว่าบาบิโลนเป็นศูนย์กลางทั้งด้านศาสนาและการเมือง)
    - บรรดาพ่อค้าในแผ่นดินโลก พวกเขาร่ำไห้ เพราะนครนี้เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ มีการค้าขายทุกชนิดแม้ชีวิตมนุษย์ พวกเขาทั้งหลายกลายเป็นคนมั่งมีเพราะนครนี้ แต่บัดนี้ทุกอย่างก็พินาศสูญสิ้น และพวกเขาก็กลัวภัยจากการทรมานนครจะถึงตนด้วย

    - บรรดาเรือ ผู้มีอาชีพทางทะเลทั้งหลาย ต่างก็โปรยผงลงศีรษะของตนและร้องไห้คร่ำครวญ เพราะพวกเขากลายเป็นคนมั่งมีได้เพราะนครนี้ บัดนี้กลายเป็นนครร้างเปล่าแล้ว และพวกเขาก็กลัวภัยพิบัติจากนครนี้จะถึงตนด้วย (สะท้อนภาพให้เห็นว่าบาบิโลนเป็นศูนย์กลางคมนาคมของโลก)

    น่าสังเกต คือคนเหล่านั้นทุกกลุ่มต่างก็ยืนอยู่แต่ห่างเพราะกลัว (18:10,15,17) ต่างก็คร่ำครวญว่า วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว (18:10,16,19) ต่างก็บอกว่า ภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น (18:10,17,19) และภาพที่ทุกกลุ่มร่ำไห้คร่ำครวญแสดงออกถึงการหวั่นวิตกในผลประโยชน์ของตนมากกว่า

    4. เสียงแห่งความชื่นชนยินดี (18:20-24)


    หลังจากเสียงพิลาปร่ำไห้ของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบาบิโลนแล้ว เสียงที่ยอห์นได้ยินคือ การเชิญชวนคนของพระเจ้าให้ร่าเริงเพราะพระเจ้าได้ทรงพิพากษานครนี้แล้ว นครนี้ได้ฆ่าคนของพระเจ้ามากมาย (18:24) ตรงข้ามกับเสียงความชื่นชมยินดีบนสวรรค์คือ ความว่างเปล่า และเงียบสงบของบาบิโลนเพราะบาบิโลนถูกกลืนหายลงไปในทะเลเหมือน




    หินโม่ใหญ่ที่ถูกทุ่มลงในทะเล ความสนุกสนานวิทยาการต่างๆ การงานทั้งหลายและความร่าเริงจะหมดหายไป (18:22-23)

    บาบิโลนมีความเป็นมาอย่างไร และในพระธรรมวิวรณ์ยอห์นต้องการชี้ว่ามหานครบาบิโลน คือที่ไหน นี่เป็นคำถามที่ยังคงแสวงหาคำตอบ

    เริ่มจากพระธรรมปฐมกาลบทที่ 10 ได้บันทึกว่านิมโรดพรานใหญ่ยิ่งต่อพระพักตร์พระเจ้า เป็นผู้ทรงสร้างเมืองบาบิโลน (ปฐมกาล 10:9-10) บาบิโลนตั้งอยู่ในแผ่นดินชินาร์ (ปฐมกาล 10:10) ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับหอบาเบล (ปฐมกาล 11:1-9) และเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์บริเวณแม่น้ำยูเฟรติส บาบิโลนได้กลายเป็นจักรวรรดิภายใต้การนำของกษัตริย์ฮัมมูราบี (Hammurabi) ในช่วงก่อนคริสตศักราช.1726 - 1686 และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องกฎหมายของฮัมมูราบีซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลก แต่ช่วงที่บาบิโลนรุ่งเรืองที่สุดนั่นอยู่ในช่วงของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก่อน

    คริสตศักราช 600 ทรงสร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนลอยฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ด

    สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ และชนชาติอิสราเอลถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยอยู่ที่บาบิโลน ในปีก่อนคริสตจักรศักราช 587 จักรวรรดิบาบิโลนได้ล่มสลายลงเมื่ออาณาจักรมีเดียเข้ามายึดครอง ต่อมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย, กรีก, โรม ปัจจุบันบาบิโลนอยู่ในประเทศอิรัก สวยลอยฟ้าเป็นเมืองโบราณ หรือพิพิธภัณฑ์สถาน

    สำหรับคริสตจักรในยุคแรก หรือช่วงเวลาของยอห์นผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์ มหานคร บาบิโลนเป็นภาษาสัญลักษณ์ หมายถึง อาณาจักรโรม แต่ขณะเดียวกันก็จะเกี่ยวข้องกับความเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร นิมิตที่ยอห์นได้รับ เสียงจากทูตสวรรค์ที่ประกาศว่า บาบิโลนมหานครนั้นล่มจมแล้ว (14:8) วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว บาบิโลนมหานครที่ยิ่งใหญ่ เจ้าได้รับการพิพากษาโทษให้พินาศไปภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น (18:10) มหานครบาบิโลนที่เอ่ยถึงนี้น่าจะหมายถึง ประเทศหรืออาณาจักรไหนกันแน่ มีผู้ให้ข้อคิดเห็นแตกต่างกันมากมาย พอสรุปได้อย่างน้อย 3 แห่งด้วยกัน


    1. อาณาจักรโรมที่ถูกฟื้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจหมายถึงกลุ่มประเทศในยุโรปที่จะรวมตัวกันเป็นสหราชอาณาจักร เหมือนอาณาจักรเดียวกันที่ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางต่างๆ ของโลก เมื่อการคมนาคมของยุโรปได้ผูกพันเป็นเอกภาพและเงินยูโรถูกใช้เป็นสกุลเดียวกันทั่วยุโรป ภาพของยุโรปเป็นอาณาจักรโฉมใหม่เริ่มถูกกล่าวถึงมากขึ้น


    2. อาณาจักรบาบิโลนที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจหมายถึง ประเทศในตะวันออกกลาง อิรักหรืออิหร่านที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกอาหรับก่อนแล้วขยายครอบคลุมไปทั่วโลก


    3. มหาอำนาจประเทศหนึ่งในโลกนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ศาสนาและการอำนาจทางการเมือง หลังจากค่ายคอมมิวนิสต์ในยุโรปและสหภาพรัสเซียล่มสลายแล้วมีมหาอำนาจเดียวที่เหลืออยู่ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกและมีอิทธิพลทางทหารและอาวุธมากที่สุดของโลกทุกวันนี้


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2005
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จาก "สึนามิ" - "แผ่นดินแยก" สัญญาณอันตราย จากธรรมชาติถึงชาวโลก มหันตภัยใกล้แค่เอื้อม!

    [​IMG]

    <!--story -->[​IMG]สึนามิ !

    ชื่อที่กลายเป็น "ฝันร้าย" ตามหลอกหลอนชาวโลก จากการเสียชีวิตของผู้คนเฉียด 3 แสนศพ ขณะที่ "อาฟเตอร์ช็อก" หรือ การเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ที่เกิดขึ้นถี่ยิบในหลายประเทศ ยิ่งเท่ากับก่อให้เกิดความหวาดผวา ต่อภัยจากธรรมชาติเพิ่มขึ้น เพราะตั้งแต่ 26 ธ.ค. 2547 ที่ หมู่เกาะอันดามัน และนิโคบร์ ในอินเดีย เกิดสภาวะ "อาฟเตอร์ช็อก" แล้วกว่า 9,500 ครั้ง และล่าสุดเมื่อ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่เกาะสุลาเวสี ในประเทศอินโดนีเซีย ก็เกิด "อาฟเตอร์ช็อก" มีความรุนแรงถึง 6.9 ริกเตอร์

    ประเทศไทยนั้นคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่ม 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามันราบเป็นหน้ากลอง ทิ้งร่างที่ไร้วิญญาณกว่า 5,300 ศพ ของทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ยังไม่นับที่สูญหายอีกไม่น้อย ตามด้วยผลพวงความเสียหายด้านต่างๆอีกมาก

    แต่พิษจากคลื่นยักษ์ "สึนามิ" ที่หลายคนอาจจะลืมนึกถึง ทั้งที่ควรจะใส่ใจ ไม่มองข้าม นั่นคือ ผลกระทบต่อระบบธรณีวิทยา อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นก็คือปรากฏการณ์ แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก ดินถล่ม บ่อยครั้งในประเทศทั่วทุกภาคเป็นระยะๆ จนถึงทุกวันนี้

    ปรากฏการณ์ดังกล่าวดูจะไม่ทำให้ชาวบ้านตื่นตัว และมองเห็นเป็นเรื่องที่ไกลตัว

    โดยเฉพาะเมื่อมีคำเตือนเรื่องแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงประมาณ 5-6 ริกเตอร์ ที่มักจะมีคำอธิบายว่าไม่มีอันตรายใดๆ ไม่ต้องตื่นกลัว ยิ่งทำให้ผู้คนเริ่มชะล่าใจ

    ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม ขอเตือนว่า นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะภัยทางธรณีวิทยา ที่ดูเป็นเรื่องไกลตัวในอดีต ถึงวันนี้คงต้องยอมรับความจริงกันแล้วว่า ภัยดังกล่าวเริ่มเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

    [​IMG]สิ่งที่เราห่วงใยที่สุด คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์แผ่นดินยุบ แผ่นดินแยก ดินถล่มหรือแผ่นดินไหว ของประชาชน ว่าไปแล้วยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

    เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจนี่เอง ที่อาจจะนำมาซึ่ง ความประมาท จนนำไปสู่ภัยพิบัติ ที่เราอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้ หากไม่หาทางป้องกัน

    นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า "ขณะนี้ต้องยอมรับว่าประชาชน ลืมเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิไปแล้ว แต่ยังมีอีกจำนวนไม่น้อย ที่หวาดผวา กลัวว่าจะกลับมาอีก เพราะมีข่าวแผ่นดินไหว เกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือ เรื่องของแผ่นดินยุบ หรือหลุมยุบ ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดแผ่นดินไหว ที่มีระดับความรุนแรง 9.0 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ทำให้หินปูนที่มีคุณสมบัติแข็ง แต่เปราะ ได้รับการกระทบกระเทือนเป็นบริเวณกว้าง เพดานโพรงหรือถ้ำใต้ดินที่อยู่ระดับตื้น และมีความไม่แข็งแรงอยู่แต่เดิม มีโอกาสยุบตัวหรือถล่มลงมาได้ง่าย"

    จากเหตุดังกล่าวเมื่อมารวมกับสถานการณ์แผ่นดินยุบที่มีอยู่เดิม ทำให้มีการเกิดขึ้นของหลุมยุบอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ ทั้งในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์โดยตรง โดยตั้งแต่ปี 2538-ม.ค. 2548 มีการเกิดหลุมยุบหรือแผ่นดินยุบทั่วประเทศมากกว่า 66 พื้นที่ ในจำนวนนี้มี 25 พื้นที่ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ

    โดยแผ่นดินยุบหลุมใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นหลุมกว้างขนาด 20 เมตร ลึกราว 10 เมตร และเมื่อ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็เกิดแผ่นดินแยกและดินถล่ม บริเวณปากแม่น้ำกระบุรี จ.ระนอง ซึ่งเป็นผลมาจากสันทรายปากแม่น้ำถูกคลื่นยักษ์สึนามิทำลาย มีผลทำให้กระแสน้ำที่ขึ้นลงไหลแรงและเร็วขึ้น ทำให้เกิดการกัดเซาะริมตลิ่งและเกิดการพังลงมา เป็นระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้บ้านเรือนบริเวณดังกล่าวเกิดการทรุดตัว และอาคารร้าว

    [​IMG]ในอดีตนั้นปรากฏการณ์แผ่นดินยุบ พบเป็นหลุมกว้างสุดขนาดไม่เกิน 30 เมตร และเกิดเป็นบริเวณแคบๆ มากกว่าจะยุบหายไปทั้งเมือง ซึ่งโอกาสจะเกิดแผ่นดินยุบ ขึ้นอยู่กับลักษณะ ความแข็งแรง ของโพรงหินปูนบริเวณนั้นๆ

    "ปรากฏการณ์หลุมยุบ ถือเป็นธรณีพิบัติเกิดขึ้น ตามธรรมชาติ แต่กิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการเผาไหม้ ของน้ำมัน และถ่านหินเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการละลายหินปูน หรือหินคาร์บอเนต ให้กลายเป็นหลุมยุบเร็วขึ้น รวมทั้งการสูบน้ำบาดาล จากโพรงหรือถ้ำ และมีการก่อสร้างอาคาร บนพื้นดินที่มีโพรงหรือถ้ำใต้ดินระดับตื้น ก็มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงดันน้ำและอากาศในโพรงหรือถ้ำใต้ดิน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินยุบในประเทศไทย มีร่องรอยของแผ่นดินยุบเกิดมากมาย บางบริเวณมีขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ทะเลในหมู่เกาะอ่างทอง ถ้ำมรกต ที่ จ.ตรัง และทะเลบัน ที่ จ.สตูล" อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี แจกแจงถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้ว่า

    จังหวัดที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบมีทั้งสิ้น 49 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัด กระบี่ กาญจนบุรี กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตาก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน ประจวบคีรีขันธ์

    ปราจีนบุรี ปัตตานี พะเยา พังงา พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย สงขลา สตูล สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองบัวลำภู อุดรธานี อุตรดิตถ์และอุทัยธานี

    โดยลักษณะเตือนภัยว่าอาจจะเกิดแผ่นดินยุบ สังเกตได้จาก 1. การได้ยินเสียงดังคล้ายดินถล่มมาจากใต้ดิน 2. บริเวณดังกล่าวมีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดินโดยไม่มีสาเหตุ และ 3. มักมีรอยแตกคล้ายร่างแหหรือใยแมงมุมยาว 3-5 เมตรในบริเวณนั้น

    [​IMG]"กรณีแผ่นดินยุบ หรือถล่มในบ้านเรา มีความเสี่ยงพอสมควร แต่ยังไม่มีใครกล้า ออกมาชี้ชัดได้ว่า บริเวณไหนบ้างมีความเสี่ยง เพราะยังไม่มีใคร ศึกษาปัญหานี้อย่างจริงจัง ขณะที่ผ่านมาเราเอง ก็มักจะมองข้าม เรื่องการเกิดแผ่นดินยุบ หรือแผ่นดินไหว ในประเทศไทย ซึ่งมักจะไม่รุนแรง และมักจะเกิด ตามรอยเลื่อนที่สำคัญ เช่น ในภาคเหนือ เคยมีแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ริกเตอร์ เกิดขึ้น 8 ครั้ง ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา โดยที่เราลืมนึกไปว่าแผ่นดินไหว ขนาดกลางเพียง 5 ริกเตอร์ กว่า ซึ่งคิดกันว่าไม่น่าจะอันตรายนั้น เป็นความเข้าใจผิดมหันต์ เพราะหากศูนย์กลางการเกิดอยู่ที่ภาคเหนือหรือแถว จ.กาญจนบุรี ซึ่งยังมีรอยเลื่อนมีพลัง อยู่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมโหฬาร เพราะจะมีรัศมีการทำลายที่อาจแผ่กว้างไปไกลถึง 20 กิโลเมตร" อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ระบุชัดเจน

    ขณะที่เรื่องการป้องกันไม่ให้เกิดคงทำได้ยาก เพราะเป็นภัยธรรมชาติ แต่การป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เช่น ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อเข้าใจถึงธรรมชาติ การมีระบบเฝ้าระวังและเตือนภัย และการกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติที่ชัดเจน เป็นต้น

    การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภัยทางธรรมชาติซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกวินาที จึงไม่ใช่เรื่องที่จะละเลยอีกต่อไปแล้ว

    เพราะ "ความประมาทคือบ่อเกิดแห่งความตายและความหายนะ".

    "ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ​
    http://66.249.93.104/search?q=cache:_hhND-1X-VkJ:www.thairath.co.th/thairath1/2548/scoop/environ/feb/22/s_environ.php+%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%81&hl=th&start=2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2005
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ข้อมูลธรณีพิบัติภัย/แผ่นดินไหว-คลื่นสึนามิ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร เมืองไทยอยู่ในเขตอันตรายหรือเปล่า [/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffff><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]แผ่นดินที่มีรอยแยกจะมีโอกาสเกิดหลุมยุบหรือไม่[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ไม่แน่เหมือนกัน เพราะแผ่นดินที่มีรอยแยกอาจเกิดจากความชื้นในดินมีน้อย และถ้าเกิดหลุมยุบจริงบ่อน้ำข้างๆน้ำจะแห้ง และฝาผนังจะเกิดรอยร้าวประตุหน้าต่างจะปิดยากขึ้น[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตำแหน่งทีเกิดหลุมยุบมักพบบริเวณใด[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พื้นที่ที่มีรอยแยกและรอยแตกตัดกัน มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหินปูน หรือโพรงเกลือ[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]กรุงเทพฯ จะเกิดหลุมยุบหรือเปล่า[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้นดินเหนียว ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นหินปูน จึงไม่เกิดหลุมยุบ แต่การสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดแผ่นดินทรุดได้ กรุงเทพฯ ยังคงมีการทรุดตัวทุกปี จึงต้องมีการห้ามสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในบางพื้นที่[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลุมยุบเกิดบริเวณที่เป็นหินปูน ถ้าอย่างงั้นพื้นที่ที่เป็นหินปูนทุกที่ก็อันตรายใช่ไหม[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ไม่จำเป็นเสมอไป แต่ก็ขอให้สังเกตเอาไว้ว่าถ้ามีเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น บ่อน้ำในบริเวณนั้นอยู่ๆ ก็แห้งไปอย่างไม่มีสาเหตุ ประตูและหน้าต่างปิดยากขึ้น ตามผนัง เสา และคานบ้านมีรอยแตกร้าวเป็นต้น อาจจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่นั้นอาจจะเกิดหลุมยุบ ขอให้แจ้งมายังกรมทรัพยากรธรณี ที่หมายเลข 0-2202-3757, 0-2202-3923, 0-2202-3939[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]บ้านอยู่ใกล้หินปูน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดหลุมยุบบริเวณนั้นหรือเปล่า[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถ้ามีเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น บ่อน้ำในบริเวณนั้นอยู่ๆ ก็แห้งไปอย่างไม่มีสาเหตุ ประตูและหน้าต่างบ้านปิดยากขึ้น ตามผนัง เสา และคานบ้านมีรอยแตกร้าว เป็นต้น อาจจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่นั้นอาจจะเกิดหลุมยุบ ขอให้แจ้งมายังกรมทรัพยากรธรณี หมายเลข 0-2202-3757, 0-2202-3923, 0-2202-3939[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]บ้านไม่ได้อยู่บนหินปูน แต่พื้นดินรอบบ้านมีรอยแตกเป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะเกิดหลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]อาจจะเป็นไปได้หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ พื้นดินแตกร้าวอาจจะมีสาเหตุมาจากความชื้นในดินลดลงการถมที่ไม่แน่น หรืออาจจะมีโพรงใต้ดินระดับตื้นอยู่ช้างล่าง แต่ถ้ามีเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น บ่อน้ำในบริเวณนั้นอยู่ๆ ก็แห้งไปอย่างไม่มีสาเหตุ ประตูและหน้าต่างบ้านปิดยากขึ้น ตามผนัง เสา และคานบ้านมีรอยแตกร้าว เป็นต้น อาจจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่นั้นอาจจะเกิดหลุมยุบ ขอให้แจ้งมายังกรมทรัพยากรธรณี ที่หมายเลข 0-2202-3757, 0-2202-3923, 0-2202-3939[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]จะรู้ได้อย่างไรว่าพื้นที่ที่อยู่นั้นเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยหลุมยุบรึเปล่า[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตรวจเช็คได้จากบัญชีรายชื่อพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบได้ ใน www.dmr.go.th ซึ่งจะมีรายละเอียดของพื้นที่เสี่ยงภัย และข้อสังเกตก่อนการเกิดหลุมยุบ รวมทั้งข้อปฏิบัติเมื่อเกิดหลุมยุบด้วย[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พื้นที่ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบจำเป็นต้องย้ายบ้านออกจากพื้นที่ดังกล่าวด้วยหรือเปล่า[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พื้นที่ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อไม่จำเป็นว่าต้องเกิดหลุมยุบเสมอไป เรากำหนดพื้นที่โดยอาศัยข้อมูลทางธรณีวิทยา เช่น พื้นที่หินปูน และแนวรอยแตก เป็นต้น แต่เป็นการเตือนให้ท่านที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวระวังภัยไว้ โดยสังเกตจากเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น บ่อน้ำในบริเวณนั้นอยู่ๆ ก็แห้งไปอย่างไม่มีสาเหตุ ประตูและหน้าต่างบ้านปิดยากขึ้น ตามผนัง เสา และคานบ้านมีรอยแตกร้าว เป็นต้นอาจจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่นั้นอาจจะเกิดหลุมยุบ ขอให้แจ้งมายังกรมทรัพยากรธรณี ที่หมายเลข0-2202-3757, 0-2202-3923, 0-2202-3939[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/หลุมยุบ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]จังหวัดสกลนคร อุดรธานี มีบึงขนาดใหญ่ที่เค้าว่าเกิดจากหลุมยุบ แต่พื้นที่ทั้งสองแห่งนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนหินปูน ถ้าอย่างนั้นเกิดจากพญานาคเคลื่อนตัวหรือเปล่า[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลุมยุบในหลายพื้นที่ในภาคอีสานเกิดจากโพรงเกลือที่อยู่ข้างล่างถูกละลายออกไป ทำให้เกิดช่อง ว่างในดิน ชั้นดินที่ปิดทับไว้บางๆ จึงไม่สามารถทนอยู่ได้ จึงถล่มลงมาเกิดเป็นหลุมยุบ แล้วในขณะเดียวกันเกลือที่ถูกละลายออกไปจากที่เดิมก็จะไปสะสมตัวที่ใหม่ เกิดเป็นโดมเกลือปูดขึ้นมาทำให้เข้าใจผิดไปว่าเกิดจากพญานาคเคลื่อนตัว[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พื้นที่แบบไหนที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พื้นที่ที่มีความชันของพื้นที่ สภาพพื้นที่ต้นน้ำที่ต้นน้ำที่มีการทำลายป่าไม้สุง สภาพพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์ผิดประเภทและขาดความระมัดระวัง สภาพพื้นที่บริเวณที่เป็นภูเขาหรือหน้าผาที่ผุพังง่ายและมีพายุฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมน้ำป่าไหลหลาก[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณที่เราอาศัยอยู่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตรวจสอบพื้นที่เลี่ยงภัยดินถล่มได้จากเว็บไซต์กรมทรัพยากรธรณีที่ http://www.dmr.go.th/geohazard/landslide/landslide.htm[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ดินถล่มมีความสัมพันธ์กับแผ่นดินไหวหรือไม่[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ปัจจัยที่ก่อให้เกิดดินถล่มมีหลายประการ ตั้งแต่ชนิดดิน ความหนาชั้นดิน สิ่งปกคลุมดิน ความลาดชัน ปริมาณน้ำในดิน แผ่นดินไหวจะทำให้มีโอกาสเกิดดินถล่มได้ง่ายขึ้น[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินถล่ม จะมีเหตุการณ์อะไรที่สังเกตได้ล่วงหน้าก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อเกิดฝนตกหนักหรือฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน แล้วพบว่ามีโคลนจำนวนมากไหลปนมากับน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงในบริเวณไกล้เคียง[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถ้าเกิดแผ่นดินถล่มควรทำอย่างไร[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หนีขึ้นที่สูงให้พ้นกระแสน้ำ ขึ้นไปอยู่บนบ้านชั้นบน หรือขึ้นต้นไม้สูง ห้ามว่ายน้ำหนีโดยเด็ดขาด[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/ดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]อยากทราบวิธีการประเมิน การป้องกัน และการหลีกหนีจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม[/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ประเมินเบื้องต้นด้วยการวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม (Landslide susceptibility) โดยใช้อาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ( landslide predivtive model) ข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศ (เส้นชั้นความสูง) หน้าความลาดที่รับน้ำฝน ทิศทางการไหลของทางน้ำ ความลาดชัน การไหลรวมของน้ำ ความแตกต่างพืชพรรณ คุณลักษณะของดิน ความชื้นของดิน ตลอดจนปัจจัยอื่นด้านธรณีวิทยา (ชนิดหิน ความหนาชั้นตะกอน ความหนาแน่นรอยแตกของหิน ซึ่งแบบจำลองคณิตศาสตร์สามารถพัฒนาใช้ได้ตามปัจจัยข้อมูลที่มีอยู่) มาคำนวณโดยการ overlay analysis ด้วย GIS จัดทำเป็น landslide hazard map หรือจะเรียก landslide susceptibility map ก็ได้ โดยจะจำแนกระดับความอ่อนไหวต่อการเกิดแผ่นดินถล่มเป็นระดับต่างๆ ได้ ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจากการวิเคราะห์เป็นสภาพทางกายภาพที่มีความอ่อนไหวต่อการเกิดแผ่นถล่มที่ระดับต่างๆ กันอยู่แล้ว การทำนายการเกิดแผ่นดินถล่มไม่ใช้เรื่องง่ายที่ที่จะบอกว่าเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นอย่างแม่นยำได้ แต่ข้อมูลแผนที่ที่ได้เป็นบ่งชี้ถึงความเสี่ยง การบ่งบอกว่าจะเกิดแผ่นดินถล่มหรือไม่นั้นก็มีปัจจัยปริมาณน้ำฝนที่เป็น triggering factor เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก ถ้าปริมาณน้ำฝนตกมากในระยะเวลาสั้นบริเวณที่มีความอ่อนไหวมากอยู่แล้วก็มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มได้สูงและรุนแรง และทำนองเดี่ยวกันแต่ละระดับความเสี่ยงก็แตกต่างกันไป การตรวจวัดปริมาณนำฝนเป็นราย ชั่วโมง และรายวันรอบ 24 ชม เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ถ้ามีรายละเอียดข้อมูลเหล่านี้คือตารางตรวจวัดน้ำฝนรายวันในพื้นที่เสี่ยงเราก็จะทำนายได้แม่นยำ การเฝ้าระวังตรวจวัดปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่ตกหนักนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการเตือนพิบัติภัยแผ่นดินถล่มล่วงหน้า(early warning system) ในพื้นที่หรือหมู่บ้านเสี่ยงภัยเพื่อการอพยพหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่สุดก่อนที่จะรอให้เกิดแผ่นดินถล่ม เพราะเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/แผ่นดินไหว-คลื่นสึนามิ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]กรมทรัพยากรธรณีได้จัดตั้งศูนย์เตือนภัยสึนามิหรือยัง [/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]รัฐบาลได้แต่งตั้งนายสมิธ ธรรมสโรช เป็นประธานในการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยแห่งชาติแล้ว[/font]</TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD> </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรณีพิบัติภัย/แผ่นดินไหว-คลื่นสึนามิ[/font]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#cccccc>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]มีเอกสารอะไรบ้างที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ [/font]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>[font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในส่วนของกรมทรัพยากรธรณีมีเอกสารดังนี้ - หนังสือการ์ตูนเรื่องแผ่นดินไหวภัยใกล้ตัว - แผ่นพับเรื่อง
     
  14. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,864
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,511
    <TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="97%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE id=UcNewsType1View1_tbshowimage cellSpacing=0 cellPadding=0 width=60 align=left border=0><TBODY><TR><TD style="COLOR: #0000ff; PADDING-TOP: 10px; TEXT-ALIGN: justify">[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>แผ่นดินเขย่าแคลิฟติดๆ5หน หวั่นสัญญาณไหวครั้งใหญ่

    ลอส แอนเจลิส (แอลเอไทม์ส) : แผ่นดินไหวเล็กๆ 5 ครั้งติดๆ กันภายในหนึ่งอาทิตย์ ชาวแคลิฟอร์เนียหวั่น เป็นสัญญาณเตือนว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กำลังมา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="97%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE id=UcNewsType1View1_tbshowimage cellSpacing=0 cellPadding=0 width=60 align=left border=0><TBODY><TR><TD style="COLOR: #0000ff; PADDING-TOP: 10px; TEXT-ALIGN: justify">[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>แผ่นดินเขย่าซานฟรานฯ ผู้คนแตกตื่น
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภูเขาไฟใต้ทะเลในญี่ปุ่นส่งสัญญาณจะระเบิด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 กรกฎาคม 2548 21:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=379 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=379>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไอน้ำพวยพุ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>รอยเตอร์ - ภูเขาไฟใต้มหาสมุทร นอกชายฝั่งด้านใต้ของกรุงโตเกียวปะทุขึ้นทำให้เกิดกลุ่มควันไอน้ำสูงนับพันเมตรลอยไปสู่ท้องฟ้า


    เจ้าหน้าที่ยามฝั่งของญี่ปุ่นรายงานวันนี้(3)ว่า เกิดกลุ่มควันไอน้ำสูงประมาณ 1,000 เมตรลอยจากปากปล่องภูเขาไฟบนเกาะไอโวจิมา ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ 1,400 กิโลเมตร โดยกลุ่มควันดังกล่าวถือเป็นสัญญาณการระเบิดของภูเขาไฟจากใต้ทะเล ทั้งนี้ นาวิกโยธินของญี่ปุ่นบนเกาะซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันตรวจพบกลุ่มควันดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวานนี้(2)

    อย่างไรก็ตาม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่ตรวจพบแรงสั่นสะเทือนใดๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยามฝั่งได้ประกาศเตือนการเดินเรือในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งยังส่งเครื่องบินไปสำรวจจุดที่ศูนย์กลางของลุ่มควันไอน้ำซึ่งนาวิกโยธินญี่ปุ่นยืนยันว่ามีสีแดงเแล้ว นอกจากนี้ยังเตรียมการไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวต่ออีกในวันพรุ่งนี้ด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=379 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=379>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แหล่งที่มา

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9480000088389
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2005
  16. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    เช้่าวันนี้ (5 ก.ค.2548) ฟังข่าวสั้นจากวิทยุ มีรายงานข่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา
    ความแรงประมาณ 6.8 ริกเตอร์ นี่ก็คงเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตามมาอีก
    ก็เป็นได้นะ...
     
  17. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    เกิดแผ่นดินไหวในทะเล"ภูเก็ต"เตรียมพร้อมรับมือ"สึนามิ"
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2548 11:39 น.

    ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต มีระยะห่าง 612 กม.คาดโอกาสเกิด"สึนามิ"น้อย ขณะเดียวกันเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทิศตะวันตกของเกาะสุมาตรา วัดแรงสั่นเทือนได้6.8 ริกเตอร์ ด้าน"ผวจ.ภูเก็ต"สั่งเตรียมพร้อมรับมือ"สึนามิ"

    วันนี้ (5 ก.ค.) สำนักแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า เมื่อเวลา 08.52 น.ตามเวลาในประเทศไทย ได้ตรวจพบแผ่นดินไหวในทะเล ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนระดับปานกลาง ขนาด 6.8 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณด้านตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย หรือที่ละติจูด 2.5 องศาเหนือ 97.0 องศาตะวันออก เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย
    ทั้งนี้ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต โดยมีระยะห่าง 612 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่ามีโอกาสน้อยที่จะเกิดเหตุสึนามิ

    นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อช่วงเช้าของจังหวัดภูเก็ตได้รับแจ้งจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมีโอกาสที่จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามันสูงซึ่งในส่วนของภูเก็ตได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตองเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์รวมทั้งทางภูเก็ตได้ติดตามข้อมูลจากเว็บไซด์ตลอดเวลา

    ดังนั้น เรื่องของการเตือนภัยเกี่ยวกับสึนามิ อยากให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติควรมีความชัดเจนในการเตือนภัยมากกว่านี้เพราะการเตือนแต่ละครั้งส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชนและนักท่องเที่ยวได้

    ด้านเจ้าหน้าที่ศุนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก กล่าวว่า หลังการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามชายหาดต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังดูการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล ซึ่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงยังไม่พบความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.00 น.ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้แจ้งยกเลิกการประกาศเตือนดังกล่าว
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นิมิตฝัน โดยทลิททกะ เมษโปดก

    นิมิตฝัน ค่อนสว่างของวันที่ 24 มิ.ย. 2548

    ฝันว่า อยู่บนศาลาวัดป่าหัวนายูง ที่ด่านซ้ายกับมนต์(ภริยา) รอการมาของพระสงฆ์ในวัดให้ครบจำนวน เพื่อจะได้ถวายภัตตาหาร ในฝันนี้ ได้เห็นหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรีอยู่ในที่นั้นด้วย ในช่วงที่พระภิกษุกำลังฉันอยู่ เราก็ออกไปอยู่ข้างนอกศาลา รอพระฉันเสร็จ

    พอประมาณว่าพระน่าจะฉันเสร็จแล้ว เราก็กลับเข้าไปอีกทีหนึ่งเพื่อจะเห็นหลวงพ่อจรัญ ปรากฏว่า พระฉันเสร็จไปนานหน่อยแล้ว พอเข้าไป ก็เห็นหลวงพ่อจรัญเรียกพบพระสงฆ์ในวัดเพื่อคุยกิจธุระกัน ในนั้นเราเห็นพระอาจารย์บุญด้วย ผมบนศีรษะอาจารย์บุญดูขาวโพลนไปหมดแล้ว นอกนั้นยังเห็นว่าญาติโยมพากันหลั่งไหลไปถวายสิ่งของกับท่านด้วย ในนั้น เราเห็นพี่สาวสองคนของหลวงปู่ทองด้วย ตอนตื่นขึ้นมาจึงนึกว่า นั่นน่าจะเป็นวัดป่าหัวนายูง ทั้งๆที่จริง สภาพสิ่งก่อสร้างที่ปรากฏนั้น เราไม่เคยเห็นในวัดป่าหัวนายูง แต่บุคคลโดยมากที่ประกอบในเหตุการณ์นั้น เราเคยเห็นในวัดป่าหัวนายูง จึงสรุปว่าน่าจะอยู่วัดป่าหัวนายูง

    หลวงพ่อจรัญบอกกับญาติโยมเรื่องพระศรีอารย์กึ่งพุทธศาสนา แต่เราไปไม่ทันเนื้อความในตอนต้น ได้ยินแต่ว่า ท่านตรวจเทียบดูกับตำราแล้ว เห็นบุคคลผู้หนึ่ง มีลักษณะอาการตรงตามตำราว่าไว้ทุกอย่าง ท่านยังเล่าถึงพฤติกรรมของคนๆนี้ไว้ด้วยว่า คนๆนี้มีลักษณะการรักษาใจอย่างไร พฤติกรรมเรื่องการอธิษฐานอย่างไร แต่เราตื่นขึ้นมาแล้ว จับใจความไม่ได้ ระลึกได้แต่ว่าท่านกล่าวเรื่องนี้ ในที่นั้นเหมือนยืนยันว่า เรื่องพระศรีอารย์ลงมาเกิดในกลางศาสนานี้ มีจริง และท่านก็ตรวจดูแล้ว เห็นบุคคลที่มีลักษณะตรงตามคำทำนายทุกอย่างนั้นด้วย ทั้งยังไม่ลังเลสงสัยด้วยว่าจะใช่หรือไม่ใช่ คือ ยืนยันว่าใช่พระศรีอารย์แน่แต่ก็ไม่ปรากฏว่าระบุชื่อเสียงเรียงนาม ท่านกล่าวไว้ก็แต่ในพฤติกรรมจิตของคนๆนั้นเท่านั้น


    ในความรู้สึกของเราที่ฟังเรื่องราวที่หลวงพ่อจรัญแสดงนั้น ไม่เกิดความรู้สึกว่า เราคือพระศรีอารย์เลย ทั้งมองดูญาติโยมบนศาลานั้น ก็ไม่เห็นมีใครเพ่งมองเราด้วยสายตาอันแปลก มีแต่ความเป็นธรรมดาๆ

    มีผู้ชายคนหนึ่ง ถามหลวงพ่อจรัญเรื่องว่าเขาปรารถนาจะไปบรรลุธรรมในศาสนาพระเมตไตรยพุทธเจ้า จะสำเร็จไหม? หลวงพ่อจรัญก็บอกไว้เป็นเงื่อนไข คล้ายๆว่า ถ้าไม่ประมาทความปรารถนานั้นก็จะสำเร็จ

    หลังจากที่ท่านแสดงเนื้อความและตอบคำถามเสร็จแล้ว ญาติโยมก็เตรียมถวายซองปัจจัย เรานั่งอยู่ข้างๆแม่เนียนและมนต์ แม่เนียนเอาเงินใส่ซองเพียงร้อยเดียวก่อน แม้มนต์ก็เช่นกัน

    เราเห็นว่าหลวงพ่อจรัญเป็นพระอรหันต์ นานๆแม่เนียนจึงจะได้มีโอกาสทำบุญ จึงบอกแม่ว่าให้เพิ่มเงินอีก นึกในใจว่าสักร้อยก็ยังดี เพราะระลึกว่า แม่มีเงินไม่มาก. แล้วแม่ก็เอาเงินมาใส่ซองเพิ่ม โดยยื่นให้เราเอาใส่ซอง เราก็นึกว่าเป็นธนบัตรใบละร้อย แต่พอมองดู เห็นเป็นธนบัตรใบละพันเป็นสิบใบ ยังนึกอยู่ในใจอยู่ว่า แม่เรานี้ใจปั้มจริงๆ เรานึกว่าจะเพิ่มเพียงร้อยเดียว นี่เพิ่มมาเป็นหมื่น ใช้ได้ เป็นที่ชอบใจของเรามาก

    เราเอาเงินที่แม่ยื่นให้ไปใส่ซองแล้วก็ถวายหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อจรัญก็รับซองจากญาติโยมมากมาย จนซองล้นพานที่ใช้ใส่ซอง แม่เนียนก็ยื่นมือไปจะช่วยหลวงพ่อจรัญจับถือซอง เราเห็นเป็นการไม่เหมาะสมว่า ผู้หญิงอะไรไปยุ่มย่ามใกล้พระ เราก็เลยเข้าไปนั่งแทรก แล้วก็จับพานมายกไว้แทนแม่เนียน ให้หลวงพ่อจรัญไว้ใส่ซอง

    แม่เนียนก็ยังคงแสดงอาการคุ้นเคยกับหลวงพ่อจรัญ ดูแกพูดมากเหลือเกิน เหมือนกับจะดีใจเรื่องอะไรมาอย่างนั้น หลวงพ่อจรัญรับซองจากญาติโยมครบแล้ว ท่านก็หันมาดับเทียนที่อยู่บนพานที่เราถือนั้น แล้วก็เอาเทียนมาทาที่ปากเรา

    จากนั้น เราก็ตื่น

    --------------------------------------------------------------------

    อีกฝันหนึ่ง ในช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4สัปดาห์

    ฝันไปว่า เราชวนมนต์ให้ย้ายไปอยู่ภาคอีสาน เพราะว่าภาคใต้จะเกิดภัยต่างๆมากมาย แต่มนต์ไม่ยอมย้าย เราก็เสียใจมาก ไปหาน้าเซียง น้าเซียงก็เห็นด้วยกับมนต์ ไม่มีใครเห็นความจำเป็นที่ต้องย้ายไปอยู่อีสานเลย

    แล้วเราก็ฝันต่อไปว่า ในคืนวันหนึ่ง เราก็เข้านอน แล้วก็หลับฝันไปว่า

    ตอนแรกฝันเห็นพวกยักษ์ยืนอยู่บนอากาศแล้วโหมยิงลูกศรลงมาใส่ภาคใต้ของไทย แล้วจากนั้นเราก็เห็นหลวงพ่อจรัญยิงศรต้านเขา หลวงพ่อจรัญบอกว่า พวกยักษ์เขาโหมยิงศรลงมามากมายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ท่านก็พยายามต้านทานอยู่ แต่ตอนนี้เริ่มต้านทานไม่ไหวแล้ว

    ท่านบอกว่า "ภาคใต้จะเดือดร้อนวุ่นวาย ภาคอีสานจะอยู่รอดปลอดภัย"

    แล้วเราก็ตื่นขึ้นจากฝันนั้น ก็ดีใจ ตั้งใจว่า จะเล่าความฝันให้มนต์ฟัง เพื่อที่จะยกฝันนั้นเป็นเหตุว่า หลวงพ่อจรัญมาเตือนแล้ว ควรจะย้ายไปอยู่อีสาน

    พอถึงตอนเช้า เราก็เล่าเรื่องให้มนต์ฟัง ก็พอดี ตอนนั้นหลวงพ่อจรัญลงมาทางภาคใต้ เรากับมนต์และญาติก็เลยเข้าไปนั่งใกล้ ในที่นั้น มีคนนั่งแวดล้อมหลวงพ่อจรัญอยู่ราว 20-30คน เราก็ถามหลวงพ่อเรื่องเกี่ยวกับภาคใต้ ท่านก็ว่าจะเดือดร้อน แต่นั้นเราก็คิดจะถามท่านเรื่องความฝันที่ฝันเห็นท่าน จึงเข้าไปใกล้ๆ แล้วขอโอกาสท่านว่า ขอสนทนากับท่านลำพัง

    แล้วหลวงพ่อจรัญกับเราก็เดินแยกออกมาจากคนกลุ่มนั้น พอเดินแยกออกมาเสร็จ มองไปข้างหน้า เห็นญาติโยมคอยพบหลวงพ่อจรัญอยู่เป็นพัน ที่วัดอัมพวัน

    หลวงพ่อจรัญก็เดินเข้าไปในวัดโดยมีเราติดตามอยู่ข้างหลัง ท่านเดินผ่านฝูงญาติโยมนั้นขึ้นไปยังชั้นสองของอาคาร แม้เราก็ติดตามไป เพื่อจะได้โอกาสที่เราได้อยู่กับท่านลำพัง จะได้ไต่ถามเรื่องความฝัน

    พอได้โอกาสแล้ว เราก็เล่าให้ท่านฟังว่า เมื่อคืนนี้ฝันเห็นหลวงพ่อมาเล่าให้ฟังว่าภาคใต้จะเดือดร้อนวุ่นวาย ภาคอีสานจะอยู่รอดปลอดภัย เห็นหลวงพ่อพยายามต้านทานพวกยักษ์ แต่ก็บอกว่าต้านทานจะไม่ไหวแล้ว เกี่ยวกับความฝันนี้ มันมีที่มาที่ไปอย่างไร?

    หลวงพ่อจรัญก็บอกว่า ความฝันมันเกิดจากสัญญา
    เราก็ว่า "เรื่องความฝันอันเกิดจากสัญญานั้นผมระลึกได้อยู่ครับว่า ความฝันหรือนิมิตทุกอย่างนั้นเกิดจากสัญญา แล้วปรากฏนิมิตอันเป็นอดีตบ้าง อนาคตบ้าง แต่ที่จะถามนั้น เป็นเรื่องราวภายนอกครับ"

    ยังไม่ทันที่หลวงพ่อจะตอบ มนต์และกลุ่มญาติโยม20-30คนนั้นก็ตามมาถึง หลวงพ่อก็เลยไม่ได้ตอบเรา ก็พอดีตอนนั้นเห็นเณรช่วยกันยกแคร่ แต่ยกไม่ไหว เราก็เลยบอกมนต์ให้ไปตามพวกผู้ชายมาช่วยเณรยก แต่มนต์กลับไปช่วยยกเสียเอง ซึ่งในตอนนั้นเราไม่พอใจ คิดว่า เป็นผู้หญิง ไปทำสิ่งต่างๆคละเคล้ากับพระกับเณรอย่างนั้นไม่สมควร

    เรามัวสาละวนสนใจอยู่กับเรื่องการยกแคร่นั้น หลวงพ่อจรัญเองก็เห็นว่าไม่เป็นโอกาสที่จะกล่าวอะไรๆกับเราได้ ท่านก็เลยเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

    เมื่อเราหันมาอีกที เห็นหลวงพ่อเดินไปเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เราก็รอคอยท่านอยู่ หมายจะเอาคำตอบให้ได้

    รอสักพัก ก็เห็นภิกษุแก่รูปหนึ่งเดินออกมาจากทางนั้น เพราะความที่เราอยู่ห่างๆ ประมาณร้อยเมตร เราก็นึกว่าเป็นหลวงพ่อจรัญ เราก็เดินตามไป แล้วภิกษุแก่นั้นก็ล้มลง เพราะขาท่านไม่ดี เดินกะเผลกๆ ในขณะนั้นก็มีภิกษุรูปหนึ่งเดินสวนพระแก่มา พอพระแก่ล้ม ภิกษุนั้นก็หันมองเฉยๆ ไม่เข้าไปช่วยพยุงท่านขึ้น เราเห็นแล้วก็ไม่ชอบใจ ก็ได้เข้าไปช่วยพยุงพระแก่รูปนั้นขึ้น จึงเห็นว่า นั่นไม่ใช่หลวงพ่อจรัญ

    จากนั้นเราก็รีบกลับไปทางห้องน้ำใหม่ พอไปถึง เห็นหลวงพ่อจรัญนั่งอยู่แล้ว คราวนี้ มีญาติโยมเป็นพันมานั่งห้อมล้อม โอกาสที่เราจะได้คุยกับท่านเพียงลำพังนั้น หาไม่ได้แล้ว

    เราก็เลยคิดว่า คำถามเราก็ถามแล้ว เหลือแต่ฟังคำตอบ แม้ท่านจะตอบในที่ๆมีคนเยอะ ก็จะมีแต่เราที่รู้ความหมายอยู่คนเดียว เราก็ไม่ต้องได้อายญาติโยมว่าเราไปถามท่านเรื่องอะไร

    แล้วเราก็เดินฝ่าคนกลุ่มนั้นเข้าไปนั่งหน้าสุด ใกล้ๆหลวงพ่อ รอฟังคำตอบ. หลวงพ่อจรัญจึงตอบเราว่า มันก็หมายความตามนั้นล่ะ คือ จะเกิดเหตุเภทภัยต่างๆมากมายที่ภาคใต้ คนจะตายกันเยอะ ส่วนภาคอีสานนั้น จะไม่วุ่นวายเหมือนภาคใต้

    จากนั้นเราก็ตื่นขึ้นมาจากฝันอีกที จึงได้รู้ว่าเป็นฝันซ้อนฝัน

    คัดลอกมาจากhttp://siri.bodhisattva.name/
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เมืองใหม่ พระศรีอารย์ โดยทลิททกะ เมษโปดก

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="50%" border=1><TBODY><TR><TD>
    ศรีอาริยวงศ์กลางศาสนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อพระศรีอาริย์มาปรากฏเป็นพระบรมจักรพัตราธิราช ในท่ามกลางพระพุทธศาสนานี้ พระอิศวรผู้เป็นเจ้าประกาศิตให้เทวดาลงมารักษาพระราชวังถึง 50,000 องค์ ยักษ์อีก 50,000 ตน นาคและครุฑก็จะเป็นมิตรกัน และจะมารักษาปราสาทราชวังด้วยเป็นจำนวนมาก เชื้อพระวงศ์ของพระศรีอาริย์ จะอุปถัมภ์ยกยอพระพุทธศาสนาสืบๆ ต่อกันไปจนอีก 1309 ปี คือลุ พ.ศ. 3850 ปีเศษ จึงสิ้นเชื้อสายพระศรีอาริย์คนสุดท้ายมีนามว่า
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    คำทำนายในพระธรรมวิวรณ์เรื่องท้องฟ้าใหม่และโลกใหม่

    พระธรรมวิวรณ์บทที่ 21:1 - 22:21

    [​IMG]
    1. ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (21:1 - 22:5)

    ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเริ่มที่สวนเอเดน แม้ถูกทำลายด้วยความบาปของมนุษย์ แต่ด้วยความรักและพระเมตตาคุณของพระเจ้า เมื่อสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในโลกนี้ พระองค์ประทานท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ให้แก่มนุษย์ เราสามารถเปรียบเทียบการทรงสร้างในปฐมกาลกับท้องฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่ดังนี้

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=7 width=568 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%">

    ปฐมกาล[font=Tms Rmn,Times New Roman] [/font]
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    วิวรณ์
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้า และแผ่นดิน (1:1)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ท้องฟ้าและแผ่นดินโลกใหม่ (21:1)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง (1:16) ได้ทรงกำหนดความมืดนั้นว่า คืน (1:5)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">นครนั้นไม่ต้องการแสงจากดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ (21:23) กลางคืนไม่มีอีกต่อไป (22:5)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ได้ทรงสร้าง ทะ (1:10)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ทะเลไม่มีอีกต่อไป (21:1)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ทรงสาปแช่งความบาปของมนุษย์ (3:14-17)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป (22:3)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ความตายเกิดขึ้นกับมนุษย์ (3:24)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">ความตายจะไม่มีอีกต่อไป (22:14)

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">ความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นกับมนุษย์ (3:17)

    </TD><TD vAlign=top width="50%">การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป (21:4)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [font=Tms Rmn,Times New Roman][/font]

    ขณะเดียวกันได้มีการบรรยายให้เรารู้ว่า ประชากรในแผ่นดินสวรรค์มีสภาพอย่างไร

    - เขาจะเป็นประชาชาติของพระเจ้า มีพระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยตลอดไป ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากพระที่นั่งว่า ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้วพระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา (21:3)

    - เขาจะมีชีวิตเต็มไปด้วยสันติสุข ไม่มีความทุกข์โศก ความเจ็บปวดและความตายอีกต่อไป พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว (21:4)

    - เขาจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ไม่ขัดสน ไม่กระหายอีกต่อไป เพราะเขาได้บ่อน้ำพุแห่งชีวิตแล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า สำเร็จแล้วเราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (21:6)

    - เขาเป็นผู้ที่มีชัยชนะ ได้รับมงกุฎแห่งชัยชนะ เขาจะได้สิ่งดีทั้งปวงที่ทรงสัญญาเป็นมรดก ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก (21:7a)

    - เขาเป็นบุตรของพระเจ้าที่มีลักษณะตามแบบอย่างของพระเจ้า และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา (21:7b)

    มีการบรรยายลักษณะพิเศษของนครเยรูซาเล็มใหม่ว่า นครนี้คือ เจ้าสาว ซึ่งได้แก่ บุคคลที่ประกอบด้วยพระสิริของพระเจ้า สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ทีประพฤติสะอิดสะเอียน หรือแม้พูดมุสาก็เข้าไปในนครนี้ไม่ได้ แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าเกลียดน่าชัง คนที่ฆ่ามนุษย์ คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนต์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น มรดกของเขาอยู่ที่บึงไฟและกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น นั่นคือความตายครั้งที่สอง (21:8)

    ผู้ที่มีชื่อในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นที่เข้าไปได้ ที่นี่มีต้นไม้แห่งชีวิตสองฟากทาง ออกผลทุกเดือน ไม่มีการสาปแช่งอีกต่อไป ไม่มีความมืด ไม่มีความตาย แต่เป็นชีวิตนิรันดร์ ที่เขามีสิทธิครอบครองเป็นนิตย์ (22:1-5)

    ข้อสังเกตเรื่องท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่

    [​IMG]

    - ได้มีการใช้ตัวเลขจำนวน 12 กับนครเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งน่าจะหมายถึงความสมบูรณ์ของนครนี้

    - ประตู 12 บาน (21:12)

    - มีทูตสวรรค์ 12 องค์ (21:12)

    - จารึกชื่อเผ่าของอิสราเอล 12 เผ่า (21:12)

    - ฐานศิลาจารึกชื่ออัครทูต 12 คน (21:14)

    - กำแพงนครวัดได้ 144 ศอก คือ 12 x 12 ศอก (21:7)

    - ประตู 12 บาน ทำด้วยไข่มุก 12 เม็ด (21:21)

    - ต้นไม้แห่งชีวิตออกผล 12 ชนิด (22:2)

    - ได้มีการใช้อัญมณีต่างๆ รวมทั้งทองคำบริสุทธิ์และไข่มุก เป็นวัสดุก่อสร้างหรือเป็นเครื่องประดับของนครนี้ (21:11,18-21)

    [​IMG]



    [​IMG]
    แสดงถึงความสง่างาม เกียรติยศอันสูงส่ง รวมทั้งความบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ของนครนี้ตามที่ได้บันทึกในข้อ 11 ที่ว่า นครนั้นประกอบด้วยพระสิริของพระเจ้า



    [​IMG]
    - ได้มีการจารึกชื่อของอิสราเอล 12 เผ่า กับอัครทูต 12 คนไว้ที่ประตูนครและฐานศิลาของนครตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าที่นครเยรูซาเล็มใหม่นี้หรือสวรรค์ มีธรรมมิกชนทั้งหลายที่เชื่อวางในในพระเมษโปดก และชนชาติอิสราเอลที่ได้รับการประทับตราไว้ (7:4-8)

    คัดลอกมาจาก
    http://www.geocities.com/janejira_jc/Rev/Rev_12.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...