ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    ที่ชลบุรีแถวๆอมตะ เมฆก่อตัวแปลกๆมากเลย จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เพราะช่วงนี้พ่อหลวงฯ ไม่อยู่กรุงเทพฯ ซะด้วย.
     
  2. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว และดูเหมือนว่า

    กำลังเปลี่ยนไป ในอัตราเร่ง

    คนส่วนใหญ่ รู้สึกกันได้

    บางคนตระหนก หวาดหวั่นในใจ

    บางคนกลบเกลื่อน ปกปิดความกลัวภายใน

    บางคนพร้อมยอมรับ การเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ

    บางคนเตรียมพร้อม หาหนทางหลีกหนี

    บางคนสวนความรู้สึก ด้วยการปฎิเสธ ไม่ยอมรับ

    แต่............ อย่างไร ก็ตาม

    สิ่งที่เกิดมาแล้ว และจะเกิดในอนาคต

    ไม่สำคัญหรอกว่า คุณจะเป็นอย่าง

    มันก็ต้องเกิดขึ้น ตามวิถีทางของมัน

    จง............

    เลือกแนวทางของตัวเอง

    ว่า..........

    จะอยู่อย่างไร

    จะรับมือกับมันอย่างไร

    ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก

    เพราะ ทุกคน มีชะตากรรม ของตัวเอง

    (kiss) (kiss) (kiss)

    The will is not free, it is a phenomenon bound by cause and effect, but there is something behind the will which is free.

    by Vivekananda
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2008
  3. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    หลวงพ่อพระมหาท่านบอกว่าจะมีเหตุเตือนคนกรุงว่ากทมอยู่ไม่ได้แล้ว

    เช่นน้ำท่วมหนักหลายๆจุด ก็คงมีการประกาศเตือนจากทางหน่วยงาน

    ส่วนใครจะหนีไม่หนี ก็คงเหมือนกับพายุแคททรีนาที่ถล่มอเมริกา

    คนไม่เชื่อก็ปล่อยตามยถากรรม แต่ทั้งนี้ต้องรอดูสงครามก่อน


    ช่วงนี้ผมเจอผีอำบ่อย ใครเปนบ้างครับ

    เมื่อคืนโดนอำเกือบสิบรอบ ลุกขึ้นนั่งยังตามมาอำ

    ลากขาซะ ชนขอบปลายเตียงเลย สุดท้ายระลึกถึงศีล

    แล้วแผ่ให้ ปรากฏว่ามือผมยกพนมขึ้นเองแล้วไหว้ สักพัก

    อาการอึดอัดก็คลาย // แปลกดีครับ แต่เจอบ่อยๆก็ไม่ไหว ไม่ต้องนอนกันพอดี
     
  4. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622

    คุณหล่อนี่ก็ติดตามกระทู้เกี่ยวกับภัยพิบัติมานานเหมือนกันนะครับ เห็นเข้ามาทีไรเจอทุกที
     
  5. Bill PEA31

    Bill PEA31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +417
    ผมเห็นด้วยกับคุณ เทวตานะคับ เรื่องคุณหล่อ ท่านติงเกือบทุกกระทู้
    ไม่รู้ว่าท่านจะเข้ามาดูทำไม ในเมื่อมันไรสาระ เข้ามาที่ไร เจอทุกที
    ท่านอยู่เฉยก็ไม่มีใครว่านะท่าน
     
  6. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    ทำใม..... หล่อ เข้ามานานตั้งสองปี

    ทำใม....... หล่อ ไม่หนีไปจากกระทู้

    ทำใม....... หล่อ เข้ามาอ่านทุกวัน

    ทำใม....... หล่อ เก็บรายละเอียดทั้งหมด

    คำตอบคงอยู่ในใจท่านทั้งหลายแล้ว
     
  7. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ใช่แล้วครับ คุณหล่ออาจจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับภัยพิบัติมากกว่าใครก็ได้

    และอาจเตรียมพร้อมมากกว่าใครก็ได้ครับ
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #ffcc99 2px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #ffcc99 2px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #ffcc99 2px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #ffcc99 2px solid">หลวงปู่เทพโลกอุดรเตือนภัย..........

    **หลวงปู่เทพโลกอุดร-เตือนภัย**....บ้านเมืองวุ่นวายหนัก !!..ถึงขั้นนองเลือด เพราะวิบากกรรมฆ่า"ไก่"......
    หลวงปู่เทพโลกอุดร-เตือน ระวังนองเลือดหลังเลือกตั้ง...
    ชี้วิบากกรรมหนัก ต้องชดใช้กรรม ที่ฆ่าไก่หลายสิบล้านตัว แรงอาฆาตส่งความรุนแรงทั่วประเทศ ต้องแก้เคล็ด ภาคใต้เจอกรรมตามซ้ำ ซัดเศรษฐกิจร่วง
    [​IMG]

    เหนือแผ่นดินไหว โจรก่อการร้ายมีอำนาจ สร้างเครือข่ายคลุมทั่วโลก!!!....
    จากเหตุการณ์สึนามิ ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก จน ณ เวลานี้ ก็ยังไม่มีใครลืมภาพอันโหดร้ายนั้นได้ และมีการเตือนเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากสึนามิมากมาย ทั้งจากญาณวิเศษของพรหม เทพ และการปรากฏกายให้เห็นของพระเถระ ผู้บรรลุอรหันต์ แต่ยังคอยปกปักดูแลประเทศชาติ เมื่อเกิดภัยพิบัติ อันจะทำลายเผ่าพันธุ์มวลมนุษยชาติ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะออกมาเตือน โดยผ่านลูกศิษย์ที่สั่งสมบุญบารมีมาร่วมกับท่าน.....


    ผู้ตั้งกระทู้ พุทธญาณ (buddhayan-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 15-07-2005 13:42:47​

    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Show Question --><!-- Start Answer Loop -->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #ffcc99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #ffcc99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #ffcc99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #ffcc99 1px solid">ความเห็นที่ 1 (161097)

    อาจารย์บุญหนา ทวีจิตร์ เป็นผู้หนึ่ง ที่สั่งสมบุญบารมีมา พร้อมกับหลวงปู่โลกเทพอุดร จึงมีโอกาสประสบกับท่านเสมอเมื่อคราโลกมีภัย และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2547 หลวงปู่ได้ออกมาเตือน ว่าปลายเดือนธันวาคม คนจะตายเหมือนไก่ วิ่งหนีเหมือนไก่ ฝังเหมือนไก่ และจะตายเป็นเบือเร็วๆนี้ จากนั้นไม่นาน ได้เกิดภัยธรรมชาติที่เรียกว่า"สึนามิ" สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศ ต่อมาปลายเดือนมกราคม 2548 โรคระบาดทั้งเก่าและใหม่ ยังคงแพร่กระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนกกลายพันธุ์ จะแพร่กระจายทางอากาศ ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเชื้อโรคเหล่านี้ได้ อีกทั้งจะไม่มีวัคซีนและยาใดๆรักษาทำลายเชื้อโรคนี้ได้ ส่งผลให้ผู้คนตายเป็นหมื่นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นโรคติดต่อ มีศพเกลื่อนเมือง ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว จนกระทั่งถึงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ ก็ยังมีการเก็บศพจากเหตุการณ์สึนามิอยู่อย่างต่อเนื่อง.......

    ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ลงประกาศ 15-07-2005 13:55:03​

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff33 colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #ffcc99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #ffcc99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #ffcc99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #ffcc99 1px solid">ความเห็นที่ 2 (161141)

    อาจารย์ครับกระทู้นี้อาจารย์ ขยายความเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับผมจะเข้ามาอ่านเรื่อยๆครับ ผมสนใจรายละเอียดต่างๆครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆอีกหลายๆคนก็คงสนใจเหมือนกันครับ


    ผู้แสดงความคิดเห็น พรชัย (pornchai_mawilai-at-yahoo-dot-com) วันที่ลงประกาศ 15-07-2005 14:30:19​

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff33 colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #ffcc99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #ffcc99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #ffcc99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #ffcc99 1px solid">ความเห็นที่ 3 (161284)

    [​IMG]เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 อาจารย์บุญหนา ได้รับคำบัญชาจากหลวงพ่อปู่เทพโลกอุดร ให้แจ้งข่าวไปยังสานุศิษย์ว่า หลังจากการเลือกตั้งแล้ว จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองถึงขั้นนองเลือด เพราะเหตุจากวิบากกรรม ที่ทางราชการสั่งการที่ฆ่าเป็ดไก่ เป็นจำนวนมาก วิญญาณเป็ดไก่เหล่านั้น จึงอาฆาตพยาบาทอย่างยิ่ง เพราะถูกมนุษย์เหยียดหยาม ฆ่าทั้งเป็น ฝังทั้งเป็น แรงพยาบาททำให้เกิดเหตุการณ์ทวีความรุนแรง ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเมือง เศรษฐกิจ จนไม่สามารถหยุดยั้งได้ ถ้าไม่ทำพิธีแก้เคล็ด.....อาจารย์บุญหนา แนะวิธีแก้เคล็ดว่า ให้ผู้บริหารประเทศหล่อรูปไก่แจ้ ด้วยทองสำริด จากนั้นประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงขออโหสิกรรมแก่วิญญาณไก่เป็ด ที่ถูกฆ่าตายและเลี้ยงพระ 9 รูป อุทิศส่วนกุศลให้ด้วย ทั้งให้สานุศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดร ร่วมใจทำกุศลร่วมครั้งนี้โดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของประเทศชาติ.....


    นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 ธัวาคม 2547 หลวงพ่อปู่เทพโลกอุดร ได้เตือนผ่านทางหมอโสรัจจะ นวลอยู่ ว่าในเดือนมีนาคม 2548 จะสูญเสียคนสำคัญของประเทศ ข้าราชการต้องถูกปลดออกจากงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทางภาคเหนือ เหล่ามิจฉาชีพ อันธพาลก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย บ้านเมืองเกิดคดีข่มขืน จี้ ปล้น ลักพาตัว ระบาดไปทั่วประเทศ ส่วนทางภาคใต้ ทหารไทยและทหารมาเลเซีย จะร่วมมือกันโจมตีผู้ก่อการร้ายโดยวิธีรุนแรง ใช้การบุกหนักและรบกันอย่างยืดเยื้อ.....จากคำเตือนนี้ แม้ว่าผู้ที่เตือน จะปรากฏกายให้เห็นในร่างที่ไม่ซ้ำกัน แต่ท่านก็เป็นพระเถระ ที่ชนรุ่นหลังนับถือเรื่อยมา หากใครเชื่อก็ปฏิบัติตามพร้อมทั้งระวังภัยที่ท่านเตือน หากใครไม่เชื่อ ก็ให้นำคำเตือนของท่านมาคิดควบรวมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน.......


    ผู้แสดงความคิดเห็น พุทธญาณ (buddhayan-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 15-07-2005 16:12:03​

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffff33 colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #ffcc99 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #ffcc99 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #ffcc99 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #ffcc99 1px solid">ความเห็นที่ 4 (161311)

    ในภาพคือหลวงปู่เทพโลกอุดร กับอจ.บุญหนา ฯ ธรรมญาณคุยเล่าให้ผมฟังว่า หลวงปู่มาหาหลายครั้งๆ หลังมาในรถยนต์ เป็นภาพเล็กๆเหมือนในภาพแรกที่ลงในเว็บฯนี้ ซึ่งคัดลอกมาจาหนังสือสาส์นสวรรค์ หลังจากที่ผมให้เทปหลวงปู่ 5 ม้วนซึ่งบูชามาจาก"ไทยดำ" ไปฟัง ธรรมญาณบอกว่าจะนำไปคัดลอกลงแผ่นซีดี ไว้จำหน่ายจ่ายแจกผู้สนใจต่อไป ผมเองฟังได้แค่ 3 ม้วน คงต้องเอามาฟังต่อเมื่อธรรมญาณส่งคืนแล้ว มีเพื่อนรุ่นน้องอีกคนเป็นหัวหน้าพาพวกผมทัวร์ทำบุญสร้างพระไปทางภาคเหนือ ภาคอีสานเป็นสิบๆครั้งแล้ว เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่มาพบเขาหลายหนแล้ว เรื่องการหล่อพระที่โน่นที่นี่ มาแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน และเคยได้ตักบาตรหลวงปู่ด้วยที่หน้าบ้านแถวประตูน้ำ ท่านเดินบิณฑบาตรองค์เดียว เอาจีวรคลุมบาตรด้วย เดินมาเขาไปใส่บาตรโดยไม่รู้ว่าเป็นหลวงปู่ ท่านก็เปิดบาตรให้ใส่ เปิดมาร้องโอ้.....ข้าวสีเหลืองอ่อนหอมฟุ้งไปหมด กับข้าวเต็มบาตร ใส่แล้วกลับหันมามองน้องๆที่บ้านจะออกมาใส่บาตรบ้าง หันกลับมาแป้บเดียวท่านก็หายไปแล้ว แบบไร้ร่องรอย......จึงนึกขึ้นได้ว่าต้องเป็นหลวงปู่แน่ๆ....เรื่องหลวงปู่เป็นเรื่องจริงที่ลึกลับมาก ผมเองยังไม่เคบพบ หรืออาจเคยพบแล้วผมไม่รู้ตัวก็ได้ บางคนบอกผมว่ารู้ไหมว่าผมเป็นคนที่รู้จักหลวงปู่อย่างดีที่สุดคนหนึ่ง ที่ผมเคยพูดว่าไม่เคยพบเห็นหลวงปู่เลย แท้จริงแล้วหลวงปู่อยู่กับผมอยู่แล้ว แต่ผมไม่รู้เอง พระทุกองค์สมัยวังหน้าที่ผมมี ก็มีองค์หลวงปู่อยู่ทั้งนั้น แถมมีเทวดาเฝ้าด้วย1-2องค์แน่ะ ธรรมญาณก็เคยกระซิบว่า ถ้าอยากรู้ว่าตัวผมเป็นใคร ก็ให้ไปที่วังหน้า ไปอธิษฐานจิตที่นั่น หรือหาพระรูปของร.1 มาติดที่บ้านไว้บูชา ก็จะรู้เองว่าตนเองเป็นใครในอดีตชาติ มีอีกคนหนึ่งเป็นลาดกระบังรุ่นน้องเขาก็มาบอกว่า พี่ที่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับพระยาพิชัย(ตามที่พระองค์หนึ่งบอก) ที่จริงท่านบอกเป็นนัยว่าเป็นทหารเอกของพระเจ้าตาก แต่ความจริงทหารเอกของท่านมีตั้ง5-7 คนแน่ะ เขาบอกว่าผมกับพี่น่ะ ไม่ใช่หรอก สับตัวกันต่างหาก......ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เฉยๆ มันเป็นเรื่องอดีต จริงหรือไม่จริง พิสูจน์ยังไม่ได้ ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อผมระลึกชาติได้จริงๆ รู้เอง เห็นเองเท่านั้น แล้วเรื่องเจโตฯพวกนี้ผมก็ไม่ชอบ ไม่สนใจเสียด้วยซี เป็นงั้นไป.......มันบอกได้เพียงว่าเราผ่านวัฏสงสารเวียนเกิดเวียนตายมานานมากแล้ว ไม่กลับมาเกิดอีกน่ะดีที่สุดแล้วละ.......
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://board.agalico.com/showthread.php?p=89779#post89779
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนเตรียมเผชิญฝนตกหนักรอบที่ 4
    ดินถล่มปิดถนน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2008
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เครือข่ายประชาชนนัดชุมนุมใหญ่ เรียกร้องรัฐแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง

    [​IMG]

    จุฬาฯ 15 มิ.ย.- เครือข่ายภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เรียกร้องรัฐบาล แก้ปัญหาวิกฤติยุคข้าวยากหมากแพง 5 ด้าน อาทิ แทรกแซงราคาสินค้า ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 316 บาท แนะรัฐ ซื้อคืน ปตท.แก้วิกฤติทั้งระบบ นัดชุมนุมใหญ่ 24 มิ.ย.นี้ที่ลานพระรูปฯ

    นส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ในฐานะประธานสภาประชาชน แถลงการณ์เครือข่ายภาคประชาชน ฉบับที่ 2 ภายหลังเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ญัตติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  11. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ผวาเขื่อนแตก ยุ่นแผ่นดินไหว พบตายอีก 3 ศพ [16 มิ.ย. 51 - 04:48]

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหว วัดความรุนแรงได้ถึง 7.2 ริกเตอร์ที่ จ.อิวาเตะ กับ จ.มิยางิ แหล่งสถานที่พักตากอากาศอาบน้ำพุร้อน ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือราว 300 กม. ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงสุดของญี่ปุ่นในรอบ 8 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บนับร้อยคน ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลจากภัยพิบัติดังกล่าวว่า หน่วยกู้ภัยพร้อมกำลังทหารญี่ปุ่นกว่า 1,000 นาย ช่วยกันเร่งหาผู้สูญหายกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่า 12 คนตามพื้นที่ต่างๆ รวมถึงโคมานูรุ รีสอร์ตน้ำพุร้อนเก่าแก่ แห่งหนึ่ง อยู่นอกเมืองคูริฮารา ที่มีผู้ติดค้าง 7 คน กระทั่งพบศพ 3 คนจมอยู่ใต้โคลน เป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 1 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 9 ศพ บาดเจ็บ 234 ราย ผู้รอดชีวิต 300 คนอาศัยในศูนย์อพยพชั่วคราว และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกกว่า 270 ครั้ง ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    นายมาซาฮิโร อิชิบาชิ หนึ่งในทีมหน่วยกู้ภัยเปิดเผยว่า แม้สภาพอากาศจะเป็นใจ แต่การเข้าถึงพื้นที่ก็ค่อนข้างยากลำบาก ทุลักทุเล เพราะสภาพภูมิประเทศรายล้อมไปด้วยเทือกเขาและป่า จึงต้องใช้พลั่วขุดทั้งดินและปลักโคลนเข้าไปในบางจุดที่เชื่อว่ายังมีชาวบ้านกว่า 330 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ส่วนเฮลิคอปเตอร์ คอยบินวน พร้อมกับรถพยาบาล 2 คันไว้รองรับเหตุฉุกเฉิน และอีกส่วนก็ใช้รถตักดินเคลียร์เส้นทาง เพราะก้อนหินหล่นลงมากีดขวาง และหวั่นเหตุดินถล่มซ้ำ รวมทั้งที่น่าวิตกคือ เขื่อนในบริเวณใกล้เคียง ที่พบว่ามีรอยร้าวเกิดขึ้น ทำให้มีน้ำซึมออกมาตั้งแต่วันเกิดเหตุแผ่นดินไหว และพลังน้ำในเขื่อนอาจทะลักทะลวงออกมา เนื่องจากรอยปริร้าวขยายวงมากขึ้น <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ทั้งนี้ นายโมโตกิ คาซามา นักภูมิศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยโตโฮกู เผยว่า พื้นที่แถบนี้มีความเสี่ยงสูงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กับเหตุดินถล่ม เพราะเป็นต้นกำเนิดภูเขาไฟ ที่มีขี้เถ้าพร้อมปะทุอยู่ในปล่องภูเขาไฟอีกเป็นจำนวนมาก ดินโคลนที่ถล่มลงมากองอยู่ริมเนินเขาก็ไหลลงไปกองไกลถึงหลายร้อยเมตร<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    สำหรับกระแสไฟฟ้า น้ำประปา การบริการรถไฟได้รับการแก้ไขจนสามารถเปิดใช้ได้ในหลายจุด แม้ยัง มีบ้านอีกราว 2,800 หลัง ในเมืองคูริฮารายังไม่มีไฟฟ้าใช้ ถนนบางสายก็พบรอยร้าวเป็นเส้นยาวอย่างเห็นได้ชัด สะพานหนึ่งแห่งหักเป็น 2 ท่อน ต้นไม้โค่นล้มระเนระนาด ด้านกระทรวงมหาดไทยญี่ปุ่นมีคำสั่งส่งเฮลิคอปเตอร์ 12 ลำ รวมทั้งเครื่องบินบรรทุกน้ำมันไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การปฏิบัติการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นายชินญา อิซูมิ รัฐมนตรีกระทรวงภัยพิบัติ ได้เดินทางเข้ามาตรวจสภาพพื้นที่แล้วเช่นกัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ส่วนชะตากรรมของชาวต่างชาติ 3 คน กับชาวญี่ปุ่น 1 คนที่หายสาบสูญไปนั้น ล่าสุดพบว่าทั้งหมดปลอดภัยดี ไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ไปตั้งแคมป์บนภูเขาคูริโคมา ที่เมืองคูริฮาราตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้า โดยทั้งหมดพักที่เมืองโมริโอกะ ตอนเหนือของประเทศ กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นสัญชาติใดบ้าง นอกจากชาวต่างชาติทั้ง 3 คนนั้นพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก แล้วยังสอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายด้วย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ขณะเดียวกัน จักรพรรดิอากิฮิโต แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปลูกต้นไม้ใน จ.อากิตะ ใกล้กับสองจังหวัดที่เกิดเหตุ ก็ทรงแสดงความรู้สึกเสียพระทัยต่อพสกนิกรที่ประสบภัยพิบัติครั้งนี้ นอกจากนี้พระองค์ทรงหวังว่าผู้ที่สูญหายจะอยู่รอดปลอดภัย และได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที รวมทั้งความสุขสงบจะกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็ว <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ด้าน นายริมิ ฟูเสะ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดเหยื่อภัยธรรมชาติกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปที่ต้องช่วยกันอย่างเร่งด่วนคือการเยียวยารักษาจิตใจผู้ที่รอดชีวิต และต้องเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่ จ.โกเบ และ จ.นิอิกาตะ ที่ชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัยต้องเสียชีวิต เพราะความโดดเดี่ยวอ้างว้างภายในบ้านพักชั่วคราว<O:p></O:p>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฝันเห็นภาพในอนาคต

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    azalia<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1278030", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ขออนุโมทนาทุกๆท่าน...เพิ่งรู้ว่ามีหลายท่านฝันเห็นเหตุภัยพิบัติล่วงหน้าเมือนกัน (เริ่มสนใจตั้งแต่มีข่าวในปีที่แล้วว่ามีคนออกมาเตือน...เพราะบังเอิญตัวเองก็ฝัน...แต่ไม่รู้ว่าเขารวมตัวกันอยู่ที่ไหน)

    เสียดายที่มาพบกระทู้นี้(ความฝันเทพสังหรณ์ฯ)ช้าไปหน่อย ... ไม่อย่างนั้นคงได้มาเล่าความฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น...และได้ร่วมรอกันพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฝันนั้นจะเกิดจะขึ้นจริงหรือไม่..เพราะส่วนตัวได้ฝันเห็นเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนี้มาหลายครั้งแล้ว...และเกิดเรื่องทุกครั้งภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่ฝัน

    ตอนเกิดสึนามิภาคใต้...ฝันก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน (เดือนตุลาคม) เพิ่งกลับจากเข้าอบรมกรรมฐานมานอนบ้านคืนแรก ...ก็ฝันร้ายทันที เห็นตัวเองอยู่ในตึกริมทะเล..อยู่ดีๆก็มีคลื่นยักษ์พัดถล่ม...กวาดต้อนทุกสิ่งลงทะเลไปหมด...ตัวเองติดอยู่ในตึกถูกคลื่นซัดหายจมลงในทะเลลึก...มันลึกมากจนไม่สามารถทะยานตัวขึ้นมาจากพื้นทะเลได้...เหนื่อยล้าและอ่อนแรง...และสะดุ้งตื่นตอนกำลังจะตาย...รู้สึกกลัวจับจิตจับใจ...เพราะมันเหมือนจริงเหมือนตัวเองเพิ่งจะรอดพ้นวินาทีวิกฤตแห่งชีวิตมาสดๆ...โทรไปเล่าความฝันให้เพื่อนฟังและสัปดาห์ต่อมาจึงได้สมัครเข้าอบมกรรมฐานในเดือนธันวาคมอีกครั้ง ซึ่งตรงกับช่วงที่เกิดสึนามิพอดีเลย ...

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝันถึงเหตุใกล้ตัว ...ฝันเรื่องน้ำท่วม...ย้ายไปอยู่จังหวัดไหนก็ฝันแล้วมันก็เกิดภายใน 1 สัปดาห์จริงๆ บางปีบอกคนใกล้ตัวไม่มีใครเชื่อคนอื่นคิดว่ามันท่วมมา 2 ปีแล้วคงไม่ท่วมในปีที 3 อีกแน่...แล้วมันก็ท่วมจริงๆ(น้ำไหลหลากมากลางดึกเข้าใจกลางเมือง) ท่วมชนิดขับรถออกจากบ้านไปไหนไม่ได้ต้องคอยให้เขามาแจกถุงยังชีพ...โชคดีที่ตนเองไปซื้ออาหารสด-แห้งมาตุนเตรียมไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ต้องคอยรอรับแจกถุงยังชีพ แถมยังได้ลางานไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพ (เพื่อนร่วมงานยังหัวเราะว่า..จริงจังกับความฝันมากไป) ครั้งที่รุนแรงในจังหวัดที่อยู่ คือ...ฝันเห็นน้ำท่วมบ้านเรือนจมหาย..รถยนต์ตกสะพาน...สะพานข้ามฟากอีกฝั่งของเมืองถูกตัดขาดเป็น 2 ส่วน...เห็นโรงพยาบาลวุ่นวายกลายเป็นกองบัญชาการรับแจ้งภัยพิบัติ...ซึ่งมันเกิดก็ขึ้นจริงๆในสัปดาห์ต่อมา...ตนเองได้แต่เฝ้าดูคนอื่นเกิดภัยพิบัติ...

    ฝันอื่นๆที่ตรงคือ...ไฟไหม้พม่า ...ตอนเกิดจราจลปีก่อน...ฝันเรื่องแผ่นดินไหวและตึกถล่ม...พอฝันได้ไม่ถึงสัปดาห์...เห็นข่าวในทีวี...จึงรู้ว่าใช่

    ฝันเห็นเพื่อนเกิดอุบัติเหตุ...ฝนตกหนักในตอนเช้ามืดวันหนึ่ง...รถทัวร์ลื่นเสียหลักเกือบตกเขา...เพื่อนอยู่ในรถทัวร์คันนั้นด้วย..วินาทีของการเกิดอุบัติเหตุมันรวดเร็วมาก...สะดุ้งตื่นด้วยหัวใจเต้นระทึกราวกับเพิ่งผ่านเหตุการณ์นั้นมา... และข้างนอกฝนก็หนักรุนแรงด้วย...เป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาจับจิต...พยายามโทรหา..สายว่างแต่ไม่มีคนรับสาย...พยายามติดต่อคนใกล้ชิดกับเพื่อน...ในที่สุดในตอนบ่ายของวันเดียวกัน..ก็ได้รับข่าวว่าเพื่อนเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์เกือบตกเขาจริงๆ มีคนตายและบาดเจ็บหลายคน ...เพื่อนแค่สลบไป แต่ก็ปลอดภัยดี มีแค่กระดูกร้าวบางจุดเท่านั้นเอง...เป็นอีกเรื่องที่ฝันตรง...แต่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย

    เมื่อ 8 ปีก่อน (ประมาณ 2543)

    ฝันเห็นภัยพิบัติน้ำท่วม...ผู้คนหายไปหมด เหลือเพียงคนกลุ่มน้อยนิด เป็นกลุ่มผู้ที่มีพลังจิต ถือศีล ปฏิบัติธรรม นุ่งห่มขาว...รวมตัวกันอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง นั่งสมาธิแผ่พลังจิตเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้นภัย...ฝนข้างนอกตกรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวัน ...ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตรอดอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้...แต่มีพลังจิตอ่อนกว่าใคร...เพราะฝึกฝนมาน้อย..

    ในฝันยังนึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาว่าไม่ค่อยตั้งใจฝึกฝนเท่าไหร่...พอคิดเท่านี้ก็เหมือนมีเสียงหนึ่งดังก้องมาว่า...เวลาเหลือน้อยแล้ว..จงรีบไปฝึกฝนและอยู่รวมตัวกับกลุ่มผู้ที่มีพลังจิตไว้...นี่คือภาระของเจ้า ...

    มันเป็นฝันที่สมจริง น่ากลัวและรบกวนใจมาก ทำให้ตนเองขวนขวายหาสำนักเข้าอบรมกรรมฐาน ...และหลายปีมานี้ก้ไม่ประมาท เข้าอบรมเข้มแบบ เก็บตัว 8 วัน 7 คืนอย่างน้อยๆปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อการเตรียมจิตให้พร้อมรับการสูญเสียในอนาคต...

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=79471&page=85<!-- / message --><!-- edit note -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1.jpg
      a1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      1,208
    • 01-800.jpg
      01-800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.5 KB
      เปิดดู:
      1,194
    • 06-800.jpg
      06-800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.6 KB
      เปิดดู:
      35
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.3 KB
      เปิดดู:
      1,235
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24 KB
      เปิดดู:
      35
    • 14.jpg
      14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.2 KB
      เปิดดู:
      1,207
    • dayaftertomorrow03.jpg
      dayaftertomorrow03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.5 KB
      เปิดดู:
      40
    • christ-of-the-abyss.jpg
      christ-of-the-abyss.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.7 KB
      เปิดดู:
      1,235
    • jesus_wept.jpg
      jesus_wept.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.4 KB
      เปิดดู:
      36
    • kolbeDay6.jpg
      kolbeDay6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  13. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    http://www.buddha-dhamma.com/index....&Category=buddha-dhammacom&thispage=&No=45884

    ความเห็นที่ 11 (503092)


    จะเกิดเหตุการณ์จาก มนุษย์ที่ไร้ความเมตตา
    บ้านเมืองจะวุ่นวาย ขาดความมั่นคง
    แล้วจึงเกิดเหตุน้ำท่วมโลก แผ่นดินไหว
    ทางแก้หนึ่งเดียว คือ ธรรมะ พึ่งโลกุตตระ และสัจจะธรรม
    กึ่งพระพุทธกาล พระไตรปิฎก ได้ปรากฏ มาสอนธรรมแล้ว
    แต่ไม่มีผู้นำไปต้อนรับ มีเพียงผู้รู้หนึ่งเดียวที่รับคำสอนจากโลกุตตระมาพิจารณา
    สรรพภัยกึ่งพระพุทธกาลมีจริง ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
    ผู้มี "สัจจะ" และทำได้จริง จะมี "ตัวกระทำ" ที่ส่งผลตอบแทน
    จะรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง
    " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ข้อมูลการบรรยายภัยพิบัติ...ลำพูน....ด่วน !!!


    .
    <TABLE class=tborder id=post1281124 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] เมื่อวานนี้, 04:22 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#23 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ปรสุ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1281124", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:20 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 50
    ข้อความ: 32
    Groans: 7
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,256
    ได้รับอนุโมทนา 437 ครั้ง ใน 30 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1281124 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->หากสนใจในรายละเอียดมากกว่านี้ เข้าไปดูในไฟล์pdfข้างล่างนี้ครับ
    เป็นไฟล์ที่แจกในการบรรยายครั้งนี้ครับ
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>5.ภาพประกอบการบรรยายภัยพิบัติ.pdf (1.98 MB, 17 views)</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>บรรยายเสวนา ดร.สมิทธ (เสาร์ที่ 14-6-51).pdf (7.08 MB, 18 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    <!-- / attachments --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1281124")</SCRIPT> [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จีนเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน หลังชาวบ้านนับล้านอพยพหนีน้ำ

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 16 มิ.ย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2008
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    การบรรยายและเสวนาเรื่อง “ภัยพิบัติ” ณ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

    วันพุธที่ 23 เมษายน 2551 (10:00-12:30 น.)

    บรรยายโดย : ดร.สมิทธ ธรรมสโรช - ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

    - ประธานกรรมการศึกษาระบบการเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า

    ผู้ร่วมเสวนา : คณะพุทธบุตร-พุทธอาสา จากสวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน

    สาขาวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร

    ผู้รับฟังบรรยาย: ผู้บริหารและนักวิชาการของศูนย์เตือนภัยฯ และคณะผู้ปฏิบัติธรรม

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ผู้บรรยาย -

    คณะกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติที่ผมทำงานอยู่ ขอต้อนรับคณะแม่ชีนภนุช เขม-พินิจและคณะพุทธบุตรจากสวนพุทธธรรม จ.ลำพูน ที่ได้ขอเข้าพบผู้บริหาร และนักวิชาการของศูนย์เตือนภัย
    พิบัติแห่งชาติ เพื่อปรึกษาหารือ ขอรับฟังข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหาร
    และนักวิชาการของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่อง
    แผ่นดินไหวที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย


    วันนี้เราจะบรรยายว่าภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยจะมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มี อะไรบ้างคร่าวๆ คงจะลงไม่ลึกทางวิทยาศาสตร์ แล้วก็จะขอรับฟังข้อมูลของคณะปฏิบัติธรรม และคณะพุทธบุตร
    จากสวนพุทธธรรม จ.ลำพูน ว่าจะแนะนำและเตือนเรายังไงบ้าง? และให้อาจารย์ได้ซักถามว่าเหตุการณ์ที่จะ
    เกิดขึ้น โอกาสที่จะมีขึ้นทางวิทยาศาสตร์จะมีได้มากน้อยแค่ไหน?

    ผมเรียนคร่าวๆทางวิทยาศาสตร์ กำเนิดโลก โลกเกิดมา 4,600 ล้านปีมาแล้วตามหลักวิทยาศาสตร์และภูมิศาสตร์
    เกิดมาจากการแตกสลายของกลุ่มก๊าซซึ่งมีการปะทะกันเมื่อ 4,600 ล้านปี เกิดกลุ่มชนเมื่อ 4.600 ล้านปี กลุ่ม
    ก๊าซแตกสลายออกมาเป็นดาวเคราะห์ที่หมุนอยู่รอบดวงอาทิตย์ ซึ่งก้อนที่ใหญ่ที่สุดก็เป็นดวงอาทิตย์ พวกที่แตก สลายก็โดนแรงดึงดูดหมุนรอบดวงอาทิตย์ โลกเราเกิดมา...นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าสมัยที่เกิดมาเป็นก้อน
    เล็กๆก้อนเดียว แต่ว่าเวลาหมุนรอบตัวเองมันไปอยู่ในระนาบเดียวกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ก็เลยทำให้โลกถูกชน
    มา 6 ครั้ง แล้วก็เลยมีขนาดโตเท่ากับทุกวันนี้

    เมื่อถูกชนแล้วก็หมุนรอบดวงอาทิตย์ ก็มีดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ฯลฯ และหลายพัน หลาย
    ร้อยปีต่อมา ก๊าซที่เป็นโลกเราก็เริ่มเย็นลง ก็มีผิวของโลกบางส่วนเริ่มก่อตัวเป็นเปลือกโลกซึ่งมีประมาณ 20 ชิ้น
    เหมือนกับเราปอกส้ม ข้างในใจกลางโลกก็ยังมีพลังงานอยู่ ที่อาจจะเป็นต้นเหตุของภัยธรรมชาติ

    ลึกลงไปประมาณ 2,000 กว่ากิโลจากผิวโลก ใจกลางโลกยังมีพลังงานมหาศาล พลังงานซึ่งเป็นลาวา มีความร้อนสูง
    มาก ความหนาของลาวา 1,000 กิโล มีความหนาตั้งแต่นราธิวาสถึงเชียงราย ฉะนั้นพลังงานจะอยู่ใจกลางโลก
    หลายร้อยปี อาจจะเป็นพันปีก็ได้ นี่เป็นธรรมชาติที่โลกมีอยู่ และโลกก็เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวของดวงอาทิตย์ที่มี
    พลังงานติดมา เอาพลังงานดวงอาทิตย์ติดมาใจกลางโลก ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆไม่มี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวอังคาร
    ฯลฯ ไม่มีทั้งนั้น

    เขาถึงไม่มีการเกิดแผ่นดินไหวหรือการเกิดภัยธรรมชาติในดาวอื่นๆ แล้วเปลือกของโลกที่เราเห็นอยู่มีความหนาประมาณ 40-60 กิโล แต่ในทะเลพื้นของมหาสมุทรจะหนาเพียง 10 กิโล และก็มีชั้นต่างๆ แต่ผมจะไม่ลงรายละเอียด

    ทีนี้เมื่อพลังงานสะสมอยู่ใจกลางโลก ็จะต้องปลดปล่อยพลังงานออกมาตามช่องที่มีอยู่ ตามภูเขาไฟ ตามพื้นดิน นี่เป็นต้นเหตุของการเกิดภัยธรรมชาติ และเกิดอย่างนี้มาหลายร้อยปีแล้ว อาจจะเป็นการดีก็ได้ การที่พลังงาน
    ออกมาจากใจกลางโลกมันก็ผ่านมาตามชั้นเปลือกโลกมาที่ผิวโลก การที่ทำให้พลังงานนั้นออกมาก็ทำให้เกิด
    การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก เคลื่อนตามแนวเฉียง ทางตั้ง นี่แหละเป็นการเกิดแผ่นดินไหว ทำให้
    เปลือกโลกแยกออกจากกันทำให้เกิดแผ่นดินไหว

    ขนาดของแผ่นดินไหว ก็มีหลายขนาด ขนาดสูงๆ ก็อาจจะทำอันตรายให้กับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนพื้นดินที่อยู่
    บริเวณนั้นได้ แต่ถ้าแผ่นดินไหวไม่ลึกไม่ห่างจากผิวโลกมาก ยิ่งใกล้ผิวโลกมากเท่าไหร่การสั่นสะเทือนบน
    พื้นผิวโลกก็จะมาก (นี่ก็เป็นตารางความรุนแรง) ถ้าคุณไปหาก็ต้องศึกษาดูว่าขนาดเท่าไหร่ ถ้า 7 กว่าขึ้นไปนี่
    อันตรายมากเลย บ้านเรือนพังเสียหายมาก


    นี่เป็นคลื่นของแผ่นดินไหว มีคลื่น P กับคลื่น S

    คลื่น S จะทำให้โครงสร้างของอาคารแตกสลายและก็พังลงมาได้ อันตรายที่เกิดจากแผ่นดินไหวจะมีการ
    สั่นสะเทือนที่ผิวดิน สิ่งก่อสร้าง วัตถุหล่นแตก แผ่นดินแยก ดินเหลว แผ่นดินถล่ม คลื่นสึนามิ เขื่อนแตก ไฟไหม้
    การแพร่กระจายของสารพิษ

    แผ่นดินไหวทำให้เกิดสภาพดินเหลว เมื่อเกิดสภาพดินเหลวแล้วสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้ๆดินเหลวก็จะพัง
    บ้านเรือนก็จะพัง

    แผ่นดินไหวก็จะทำให้แผ่นดินแยก อาคารบ้านเรือนที่สร้างอยู่ใกล้ๆแผ่นดินก็จะพัง แผ่นดินไหวจะทำให้เกิด
    ดินถล่ม จะเป็นหลุม ดินถล่มตามเชิงเขาต่างๆ แผ่นดินที่ถล่มอาจจะไปทับผู้คนที่อยู่ในซอกเขา หรืออาคารที่อยู่
    เชิงเขาก็จะพัง ทำให้เกิดรูแผ่นดินยุบ และที่ภาคใต้ก็เกิดสึนามิ โครงสร้างหินปูนที่อยู่ใต้ดินก็จะทรุดตัวและทำ
    ให้แผ่นดินยุบลงไป หลุมแต่ละหลุมลึกเป็น 100, 200 เมตร เป็นครึ่งกิโลก็มี แผ่นดินไหวทำให้เกิดคลื่นสึนามิ
    เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 มีคลื่นสึนามิพัดเข้าหาฝั่ง

    แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบประเทศญี่ปุ่น อาคารบ้านเรือนพังเสียหายเป็นจำนวนมาก คนตายจำนวน 4,000-
    5,000 คน แผ่นดินไหวมันมีผลกระทบมาก ถ้าเกิดบนแผ่นดิน...อาคารบ้านเรือนที่สร้างไม่แข็งแรง ทางด่วนหรือ
    เสาต้นโตๆที่ญี่ปุ่นก็ล้มได้ ฉะนั้นพลังธรรมชาติมหาศาลมากไม่สามารถที่จะไปป้องกันได้ อย่างทางด่วนที่ลอส-

    แองเจอลิสที่สหรัฐอเมริกาพัง เสียหายมาก

    แผ่นดินไหวทำให้มีการเคลื่อนตัวของแผ่นดิน ส่วนหนึ่งจะยกตัวขึ้นไป ส่วนหนึ่งจะต่ำลงมา ที่ปากีสถาน ขนาด 7 กว่าๆ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย หลังจากเกิดสึนามิเพียงปีเดียว คนตายตั้ง 70,000 กว่าคน อาคาร
    บ้านเรือนพัง แผ่นดินไหวทำให้เกิดไฟไหม้ เพราะว่าสายไฟฟ้าช็อต แก๊สรั่วเกิดการระเบิด หลังจากแผ่นดินไหว

    ทำให้ไฟไหม้ได้ทั้งเมืองเลย

    แผ่นดินไหวทำให้เกิดเขื่อนแตก แบบนี้น่ากลัว เพราะเรามีเขื่อนใหญ่ๆอยู่ที่เมืองกาญจน์ 2 เขื่อน คือ เขื่อนศรี
    นครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งสร้างทับรอยแยกของเปลือกโลกอยู่


    ถ้าแผ่นดินไหวทำให้เขื่อนแตก น้ำก็จะรั่ว ลงมาพื้นที่ข้างล่างทำให้ประชาชนที่อยู่พื้นที่ข้างล่างถูกน้ำท่วมเสียชีวิตได้จำนวนมาก

    ทีนี้มาพูดถึงเมืองไทย เมืองไทยเรามีรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ประมาณ 13 รอยเลื่อน ตั้งแต่ภาคเหนือลงมาเลยมี
    13 แห่ง พวกนี้เป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง คือรอยเลื่อนที่มีการเกิดแผ่นดินไหวอยู่ต่อเนื่อง และ สามารถที่จะเกิด
    แผ่นดินไหวขึ้นอีกในอนาคตเพราะฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนยังมีอยู่ ส่วนใหญ่อยู่ใน ภาคเหนือและทางภาคตะวันตกของประเทศไทย ภาคใต้ก็มี ตรงเมืองกาญจน์ก็มี รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อน
    เจดีย์สามองค์ ซึ่งพาดผ่าน เขื่อนศรีนครินทร์ กับเชื่อนวชิราลงกรณ์ ในกรุงเทพก็มีรอยเลื่อน

    เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในประวัติศาสตร์ไทย จากพงศาวดาร จากบันทึกทางศาสนา เคยมีแผ่นดินไหว
    ที่มีความรุนแรงพอสมควร ผมยกตัวอย่าง...

    .. ที่เชียงใหม่ ที่โยนกมีคนเสียชีวิต พ.ศ. 2088

    .. พ.ศ. 2258 แผ่นดินไหวรุนแรงที่นครเชียงแสน

    .. ช่วง พ.ศ. 2518 แผ่นดินไหว 5.6 ที่จังหวัดตาก

    .. พ.ศ. 2526 ที่จังหวัดกาญจนบุรี และ

    .. พ.ศ. 2537 ที่ จ.เชียงราย และ

    .. ที่แรงที่สุด พ.ศ. 1300 เมื่อพันปีมาแล้ว แผ่นดินไหวที่โยนก ที่เชียงแสน แผ่นดินยุบไปเลย

    นี่ก็เป็นสถิติแผ่นดินไหวรอยเลื่อนที่อยู่ในประเทศไทย รายละเอียดของแต่ละรอยเลื่อนผมทำซีดีไว้ให้แล้ว

    การเกิดแผ่นดินไหวที่เรายังห่วงอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย เขาพระวิหาร หลังจากเกิดคลื่นสึนามิแล้ว

    ปรากฏว่าเราเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยถี่ขึ้น

    .. ในปี พ.ศ. 2545 ปรากฏว่าแผ่นดินไหวมีครั้งเดียวในภาคเหนือ

    .. พ.ศ. 2546 มี 2 ครั้ง

    .. พ.ศ. 2547 ก็มี 2 ครั้ง

    .. พอหลังจากมีสึนามิแล้วก็เพิ่มการเกิดแผ่นดินไหว ปี 2548 มี 3 ครั้ง

    .. ปี 2549 มี 6 ครั้ง

    .. ปี 2550 ปาไป 10 ครั้งเลย โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในอนาคตเราบอกไม่ได้ แต่แนวโน้มทางวิทยาศาสตร์

    ผลกระทบจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 มันมีผลต่อกระทบใน
    ประเทศไทยที่ยังมีพลังให้มีแผ่นดินไหวถี่ขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เราก็ยังต้องจับตาดูอยู่เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสิ่ง
    ปลูกสร้าง ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพวกนี้

    หากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินเหนียว ดินอ่อน ท่านตักน้ำใส่อ่างแล้วท่านเขย่าอ่างน้ำ มันจะกระเพื่อมขึ้นมาเพราะฉะนั้นเวลาถ้ามีแผ่นดินไหวแล้วมากระทบในพื้นที่
    กรุงเทพมหานคร แผ่นดินไหวมันจะไม่หยุดกะทันหัน มันไม่ใช่เหมือนท่านไปขยับโต๊ะไปชนโต๊ะ มันกระเทือน
    ทีเดียวแล้วก็หยุด

    แต่ถ้าไปกระทบโต๊ะที่มีอ่างน้ำที่มีน้ำอยู่มันจะกระทบไปกระทบมา ผลกระทบที่เคลื่อนตัวไป เคลื่อนตัวมามันจะมีผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ทำให้มีความเสียหายมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้า เราอยู่บนของที่แข็งในพื้นที่ที่แข็งๆ แถวเชียงใหม่ แถวเขาแถบภาคเหนือ พอมีแผ่นดินไหวกระทบนิดเดียว มัน
    มานิดเดียวแล้วก็จะหยุด แต่ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปริมาณคลื่นจะสูง มันทำให้คลื่นสูงมากขึ้น รุนแรงขึ้น และ
    การไหวของมันจะยาวนาน จุดนี้มันจะทำให้อาคารพัง
    อาคารถ้ามันสั่นตูมเดียวแล้วมันหยุดนิ่งมันจะไม่พัง แต่ถ้า
    มันสั่นแล้วโอนไปเอนมาบ่อยๆเข้า เกินครึ่งนาที หรือ 1 นาที มันอาจจะทำให้อาคารพังคลืนลงมาได้


    ยิ่งถ้าอยู่บนทราย บนกรวด ก็คงจะไม่มากเท่ากับอยู่บนพื้นดินเหลว กรุงเทพตั้งอยู่บนพื้นดินเหลว ข้างล่างเรา เป็นเลน ลงไปเกือบครึ่งกิโลเป็นเลนหมดเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรมากระทบ การสั่นสะเทือนของพื้นดินที่อยู่ ข้างบนก็จะยังไม่หยุดนิ่งจะสั่นไปสั่นมาอีกนาน เพราะฉะนั้นในอดีตมีการสำรวจแล้ว แต่เป็น 100 ปีแล้วมั้งว่าจะมี
    รอยเลื่อนที่จะพาดผ่านเข้ามายังกรุงเทพฯอยู่ 3 แห่ง ผ่านเข้ามาใจกลางกรุงเทพฯ ถ้ารอยเลื่อนนี้มันมีผลกระทบมี
    การสั่นสะเทือนกรุงเทพมหานครที่ตั้งอยู่ตรงนี้ก็จะมีผลกระทบรุนแรงมาก เพิ่มพลังแผ่นดินไหวตั้ง 2-3 เท่า ถ้ามีอะไรมากระทบ

    ทีนี้สาเหตุที่มันจะเกิดแผ่นดินไหวและมีผลกระทบต่อประเทศไทย มันไม่ใช่สาเหตุรอยเลื่อนในประเทศ ไทยอย่างเดียว ส่วนใหญ่มันจะมาจากรอยเลื่อนอื่นๆ พลังงานที่มาจากรอยแยกของเปลือกโลกที่อยู่ในพม่า
    เป็นรอยเลื่อนใหญ่มาก เป็นรอยเลื่อนสะแก มันลงไปถึงทะเลอันดามันที่ทำให้เกิดคลื่นสึนามิ นี่เป็นรอยแยกของ
    เปลือกที่ใหญ่และมันยัง Active อยู่ มีการเกิดอย่างต่อเนื่อง ในอดีตมันเคยเกิดแผ่นดินไหวในแถบนี้ เหนือเมือง
    กาญจน์ฯขึ้นไปถึงขนาด 8 ริกเตอร์เมืองที่อยู่ในพม่ามีประวัติยุบลงไปทั้งเมืองเลย
    ทับพังทั้งเมือง

    และ

    แผ่นดินไหวที่สะแกมันจะมีแขนงพาดผ่านเข้ามาถึงกรุงเทพฯ และพาดผ่านมายังรอยเลื่อนที่เจดีย์ 3 องค์ และรอย
    เลื่อนศรีสวัสดิ์ที่เมืองกาญจน์ฯ ถ้าเผื่อตรงนี้มันไหวรุนแรง 8 ริกเตอร์เหมือนกับในอดีต 60-70 ปีที่แล้วมันมีไหว
    อยู่ 8 ริกเตอร์ ถ้ามันไหว 7-8 ริกเตอร์ มันก็จะมีแขนงเข้ามาถึงแผ่นดิน ทำให้พวกนี้มีการสั่นสะเทือนรุนแรง แล้ว
    ก็อาจจะมีผลกระทบต่อกรุงเทพฯ โดยตรง


    ถ้าไม่มีแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ก็อาจจะมีแผ่นดินไหวมาจากภายนอกประเทศ ที่นี้...ถ้ามันไหวตรงนี้แล้ว
    เข้ามารอยเลื่อนเจดีย์ 3 องค์ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ เขื่อนเราก็จะได้รับการกระทบกระเทือนด้วย ก็ต้องมีการป้องกัน
    แผ่นดินไหว ครั้งที่แล้วที่ศรีสวัสดิ์ทำให้กรุงเทพฯ อาคารบ้านเรือนแตกร้าว (จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด) อาคารที่
    แตกร้าวก็ต้องดู ถ้าร้าวผนังก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปร้าวคานหรือร้าวเสา ก็อาจทำให้ตึกพังได้ อันนี้ก็ต้องมีการให้องค์ความรู้

    แผ่นดินไหวที่ออกจากพม่ามีส่วนอยู่ 2 ส่วน ถ้าเขื่อนแตกหรือร้าว...น้ำก็จะไหลลงมาราชบุรี นครปฐม
    เข้ามาถึงกรุงเทพฯเลย แถวๆฝั่งธนฯ จะมาถึงเร็วและอันตรายจะมีมาก

    ทีนี้...ระบบเตือนภัยที่ศูนย์ฯกำลังทำอยู่ในขณะนี้ก็พยายามที่จะสร้างระบบที่จะบอกเขาล่วงหน้าว่า...

    ถ้าเขื่อนมันแตกน้ำจะมาถึงบริเวณไหน มีความสูงเท่าไหร่ และจะมาถึงพื้นที่ที่เขาอยู่ใช้ เวลานานเท่าไหร่ คือบอกเขาล่วงหน้า ให้เขาได้อพยพไปในพื้นที่สูงเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตรอด

    .. อันนี้คือที่เราสร้างศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติมาเพื่อจะได้...บอกประชาชนให้ทราบล่วงหน้า ว่าอะไรจะ
    เกิดขึ้น? ภัยพิบัติอะไรจะเกิดขึ้น? และเขาจะอพยพที่ไหน? เป็นเรื่องที่มาถึงกรุงเทพฯเลย พื้นที่หลังเขื่อน
    แตกแถวๆฝั่งธนฯนี่หมดเลย
    เรื่องนี้ก็ต้องมีการเตือน มีการเข้าถึงองค์ความรู้ มีการทำระบบ มีปัญหาก็มี
    ภาคเอกชนเข้ามาช่วยด้วยจะตามภาคเอกชนเข้ามาช่วยที่จะทำวิทยุให้ประชาชนในพื้นท
    ี่ได้ทราบล่วงหน้าศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติก็ต้องเป็นคนประเมินสถานการณ์แล้วแจ้งให
    ้รับทราบ

    .. ทีนี้...การปฏิบัติตนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และรายละเอียดพวกนี้ก็จะนำไปพิมพ์เป็นวิทยาทาน ว่าเขาจะต้อง
    เตรียมตัวอย่างไรบ้าง? เวลาเกิดแผ่นดินไหวต้องทำอย่างไร? ต้องดูรอยแยกของฝาผนัง ต้องดูเสา ดูคาน

    ถ้าเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ก็ต้องรีบออกมาจากอาคาร ถ้ายังไม่ร้าวก็ยังไม่ต้องรีบออกมากะทันหัน เพราะการ
    รีบออกจากอาคารกะทันหันอาจจะได้รับผลกระทบจากกระจกที่อยู่สูงๆหล่นลงมาทับ กระถางต้นไม้ต่างๆ หล่นลงมาทับเราได้ เพราะฉะนั้นต้องอยู่ในอาคารไปก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าอาคารที่เราอยู่ไม่ปลอดภัยจึงจะ ออกมา

    .. และมีข้อเตือนภัยเยอะว่า...หลังเกิดแผ่นดินไหวต้องทำอะไรบ้าง? การอพยพก็อย่าวิ่งออกมาตามช่อง บันได เพราะอาจจะมีการเหยียบกันตายได้ ต้องค่อยๆเดินออกมา หลังแผ่นดินไหว...

    การวางแผน ต้องมีการวางแผนป้องกันว่าถ้าแผ่นดินไหวต้องไปเจอกันที่ไหน? เพราะบางทีญาติพี่น้องไม่ได้อยู่
    ด้วยกันจะได้หาทางรวมตัวกันได้

    ต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าพร้อมจะอพยพในพื้นที่ที่กำหนดไว้ ผู้คนต้องรู้หมด...จุดที่จะต้องไปพบกัน

    เราไม่เคยสอนนักเรียนเราเลย

    แต่ในประเทศอื่นๆที่มีแผ่นดินไหวก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว ไม่ให้ของที่อยู่สูงๆในห้อง หล่นลงมาทับ อาจจะเป็นพัดลมหมุน ทีวี หนังสือต่างๆ ฉะนั้นเขาจะมุดใต้โต๊ะก่อน ในญี่ปุ่นเขาจะสอนนักเรียน
    แต่เมืองไทยเราไม่เคยสอน ไม่เคยให้องค์ความรู้แก่นักเรียนเลย ก็อาจได้รับอันตรายได้

    รถยนต์ก็ต้องหยุดวิ่ง

    อย่าใช้ลิฟต์ เพราะลิฟต์ก็อาจจะค้าง อาจจะพัง ก็อาจจะตายได้ ลงบันไดก็ต้องค่อยๆลงตามผู้ควบคุมออกไป ต้องสวมรองเท้ายางเพื่อป้องกันสิ่งหักพัง ถ้ามีเศษแก้วเศษกระจกที่หล่นจากข้างบน ถ้าไม่มีรองเท้าก็อาจได้รับ
    บาดเจ็บได้

    ถ้าอยู่ใกล้ทะเลถ้ามีแผ่นดินไหวรุนแรงก็ต้องคาดไว้ก่อนว่าอาจมีคลื่นสึนามิ ต้องรีบขึ้นฝั่งโดยเร็ว ขึ้นไปหาที่สูง


    นี่เป็นพื้นที่ที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย พื้นที่แดงแผ่นดินไหวมีมากที่สุด รองมาก็เป็นสีน้ำตาล

    สีเหลืองก็มีน้อยหน่อย สีเขียวเป็นพื้นที่ปลอดภัยสุด เพราะฉะนั้นสรุปได้แล้วว่าพื้นที่ทางภาคอีสานและภาค
    ตะวันออกบางส่วน
    จะไม่มีภัยธรรมชาติเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวเลย แต่ก็มีภัยธรรมชาติทางอื่น แต่ในเรื่องแผ่นดินไหวไม่มีเลย

    นี่คือทางวิทยาศาสตร์ที่เราจะต้องศึกษารายละเอียดต่อไป ถ้าทางคณะมีปัญหาอะไรจะถาม
    ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารของศูนย์ฯ ก็ยินดี

    คณะแม่ชี - ทางวิทยาศาสตร์...ความน่าจะเป็นมันใกล้แค่ไหนบ้าง?

    ผู้บรรยาย - คือ แผ่นดินไหวมันเป็นภัยธรรมชาติอันหนึ่งซึ่งไม่สามารถที่จะทำนายหรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้

    เป็นภัยธรรมชาติอันเดียวที่มนุษย์ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไหร่ และ ความรุนแรงจะมีอย่างไร ประเทศจีนที่มีประสบการณ์เรื่องแผ่นดินไหวมาหลายร้อยปีแล้ว เขาให้
    สังเกตดูสัตว์ เพราะว่าสัตว์มันสามารถจะรู้ล่วงหน้าได้พอสมควร สัตว์เนี่ยก่อนเกิดแผ่นดินไหว ใหญ่ๆ สัตว์ที่อยู่ตามพื้นดินจะคลานออกมา เป็นมด เป็นปลวก เป็นตะขาบ เป็นใส้เดือน กิ้งกือ หรืองู มันจะออกมาก่อนล่วงหน้า เขาให้สังเกตว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติ สัตว์พวกนี้จะรู้ แล้วก็ใช้ วิชานี้มาคำนวณว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ในสหรัฐอเมริกาก็เหมือนกัน เขาให้สังเกตนก สังเกตุสุนัข
    เห่าผิดปกติ


    การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ๆจะมีสุนัขเห่าหอนและจะหายตัว มีการวิเคราะห์

    กรณีศึกษา นักวิทยาศาสตร์ก็วิเคราะห์ 3 ประการ แมวหาย สุนัขหายออกจากบ้าน เพราะพวกนี้จะวิ่งหายไปอยู่ในที่สูงๆ ถ้าวันไหนที่แมวหายในเมือง 3-4 ตัวก็จะไม่ตั้งข้อสังเกต ถ้าเกิน 10 ตัว
    ก็จะตั้งข้อสังเกตก่อน...แผ่นดินไหว อันนี้ผิดปกติแล้ว ถ้ามีแมวหาย สุนัขหาย มักจะมี แผ่นดินไหวจริงๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องศึกษาว่าทำไมสัตว์พวกนี้มันมี Six Sense มันรู้ได้

    อย่างไร ก็เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 26 ธ.ค. 2547 คนตาย 2 แสนกว่าคน แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เกิดแล้วไปสำรวจ จะไม่พบซากสัตว์ใหญ่เลย ทั้งๆที่อินเดีย ศรีลังกา มีทั้ง ช้าง ทั้งวัว ทั้งควาย เดิน


    ตามถนนเต็มไปหมดเลย แต่ไม่มีซากสัตว์ใหญ่เลย นี่นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังแปลกใจว่าสัตว์พวก
    นี้มันวิ่งไปที่ไหน มันรู้ได้อย่างไร ีเรื่องเล่าที่ภูเก็ตว่ามีช้างที่เขามาผูกไว้หน้าโรงแรมสำหรับ
    ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่โรงแรมกระชากโซ่หลุดแล้ววิ่งหนี้ขึ้นไปบนเขาก่อนที่จะมีคลื่นสึนามิมา นี่ ก็เป็นเรื่องที่เล่าและต้องศึกษาต่อไปว่าสัตว์รู้ได้อย่างไร ปลาวาฬ ปลาโลมาต่างๆ ก็มีการศึกษา ในญี่ปุ่นในอเมริกาเหมือนกัน ก่อนเกิดคลื่นสึนามิพวกนี้จะมีการเคลื่อนตัว มีการโยกย้ายถิ่นฐาน
    หรืออกมาเกยตื้น


    ก็เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาว่าสัตว์พวกนี้เขามีระบบอะไรที่สามารถล่วงรู้ว่าอะไร
    จะเกิดขึ้นกับเขา

    คณะแม่ชี - มีการเก็บข้อมูลไหมว่าสัตว์เขาสามารถล่วงรู้นานแค่ไหน?

    ผู้บรรยาย - ที่อเมริกามีการเก็บ

    คณะแม่ชี - แล้วเขาจะรู้ล่วงหน้าแค่ไหน?

    ผู้บรรยาย - สัก 2-3 วัน ในจีนเขาก็จะบอก เขามีการเก็บข้อมูล มีการบันทึกไว้ ในอเมริกาเขาก็จะเช็คเลย ถ้า
    มีการแจ้งมีสุนัขหาย แมวหายผิดปกติ ก็จะรู้เลยว่าพวกนี้มันจะต้องพยายามเอาตัวรอดก่อน

    คณะแม่ชี - มีสัตว์อย่างอื่นที่บอกเหตุได้ไหม?

    ผู้บรรยาย – ก็มีนกต่างๆ นกจะเกี่ยวกับเรื่องพายุมากกว่า ถ้ามีนกเคลื่อนย้ายฝูงผิดปกติเป็นจำนวนมาก

    ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องพายุมากกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องแผ่นดินไหวจะเป็นสัตว์ที่อยู่ใต้ดิน

    คณะแม่ชี - อย่างกรณีรอยเลื่อนที่เห็นชัดๆ ไม่สามารถพยากรณ์ได้เลยหรือคะว่าจะเกิดขึ้น
    เมื่อไหร่?

    ผู้บรรยาย - พยากรณ์ไม่ได้เลยครับ นอกจากมันเกิดแล้วถึงเตือนได้

    คณะแม่ชี - ว่าเป็นริกเตอร์เท่านั้นเท่านี้ใช่ไหม?

    ผู้บรรยาย - ครับ เตือนไม่ได้ เพราะการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเราไม่รู้ คนจีนเขาสอนว่าการเกิด

    แผ่นดินไหวเหมือนกับเราต้มน้ำในกา น้ำนี่มันจะเดือด พอมันเดือดแล้วมันจะไปดันเปลือกโลกให้
    มีการเคลื่อนตัว แผ่นดินไหวใหญ่ๆ

    พลังงานที่อยู่ในโลกมันต้องสะสมมามากๆ พอที่จะดันให้
    เปลือกโลกที่หนาถึง 60 กิโลเคลื่อนตัวได้ พลังงานที่สะสมมากๆ มันก็ดันเปลือกโลก มันแยกเพื่อ
    ปลดปล่อยพลังงานออกมา พอปลดปล่อยได้มันก็เงียบไปนาน แล้วมันก็จะปลดปล่อยออกมาอีก
    ถ้าแผ่นดินไหวเล็กๆก็เหมือนกับการต้มน้ำกาเล็กๆ เดี๋ยวเดียวก็เดือด กระเทือนนิดเดียวแล้วก็หยุด

    แต่ถ้าแผ่นดินไหวใหญ่ๆก็ต้องใช้เวลาสะสมพลังงานและทำให้เปลือกโลกเคลื่อนตัว เปลือกโลกก็เหมือนปาท่องโก๋ที่ลอยอยู่ในกระทะ แต่ปาท่องโก๋ก็เป็นแผ่นมีรอยแยกระหว่างเปลือกต่อ
    เปลือก เมื่อพลังงานมันสะสมมากก็ต้องปลดปล่อย

    แผ่นดินเคลื่อนตัวไปมา ของเราอยู่บนเปลือก
    โลกยูเรเชี่ยน เปลือกโลกของอินเดีย–ออสเตรเลียนเพลท ก็มาดันเปลือกโลกของเรา มุดไปใต้เปลือกโลกทำให้เปลือกโลกเรามีการขยับเขยื้อนเผยอขึ้นมา เพราะคราวที่แล้วที่เกิดสึนามิ

    เพราะเปลือกโลกที่เราอยู่ถูกดันยกตัวขึ้นมาสูงถึง 4 เมตร ยาว 1,200 กม. ก็ทำให้เกิดคลื่นเข้ามาในประเทศไทยภาคใต้ อันนี้ก็เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นเราไม่ทราบว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
    เป็นภัยธรรมชาติอันเดียวที่มนุษย์ยังไม่สามารถทำนายได้ถูกต้องหรือ
    ใกล้เคียง อันนี้ก็เป็นอันตรายมาก...แผ่นดินไหว

    การเกิดพายุ การเกิดใต้ฝุ่น เราทำนายได้ล่วงหน้าถึง 4-5 วันเลย

    คณะแม่ชี - เวลาเกิดแผ่นดินไหวเราจะทราบได้ไหมคะว่ามีการยกตัว มีคลื่นสึนามิไหม?

    ผู้บรรยาย - ต้องใช้เวลานิดหนึ่งหลังจากแผ่นดินไหวแล้วถึงจะทราบ มันมีเครื่องตรวจ เราเอาเครื่องตรวจไป

    ทิ้งไว้ในทะเล 2 - 3 จุดแล้ว จะบอกเวลาแผ่นดินไหว เหมือนเราเอามือใส่ไปในอ่างน้ำ ถ้าเรายก
    มือแบบนี้มันก็จะมีคลื่น ถ้าไหวแนวระนาบก็จะไม่มีคลื่น เราจะมีเครื่องตรวจไปวางไว้
    เครื่องตรวจสามารถจะเช็คได้ว่าหลังจากแผ่นดินไหวแล้วจะมีคลื่นรึเปล่า? แล้วก็ส่งรหัสมาถึงเรา
    เราถึงประกาศเตือนว่าประชาชนให้หลบหนีจากฝั่ง เมื่อก่อนเราไม่มี

    คณะแม่ชี - การเกิดแผ่นดินไหวในทะเลกับบนบกลักษณะต่างกันไหม?

    ผู้บรรยาย - ก็ไม่ต่างกัน การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกไม่ต่างกันแต่ผลกระทบจะต่างกัน เกิดแผ่นดินไหว 7, 6

    ในทะเล...อาจจะไม่มีอันตรายมากเหมือนเกิดในแผ่นดิน, แผ่นดินไหวในแผ่นดิน...7 นี่อันตราย
    มากทำให้เมืองพังได้ทั้งเมืองเพราะมันรุนแรงมาก เหมือนกับเราไปเคาะวัสดุที่มีของแข็งมา

    กระทบ ถ้าเราอยู่ในน้ำไปตีน้ำ มันก็ไม่มีผลกระทบมากมาย เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ์

    การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาก็ห่วงว่าทนได้แค่ 7 ริกเตอร์ เมื่อกี้ผมก็แสดงให้ดูแล้วว่า 7 ริกเตอร์
    แผ่นดินที่โกเบรุนแรงทำให้ตึกพังได้ ฉะนั้นเกิด 7-8 ริกเตอร์ เขื่อนพังแน่นอน อันตรายแน่นอน

    คณะแม่ชี - ในกรณีที่เขื่อนพัง เราจะเตือนประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนได้เร็วแค่ไหน?

    ผู้บรรยาย - อันนี้ก็ต้องมีระบบ


    คณะแม่ชี - ซึ่งหมายความว่า เรามีแผนอยู่แล้วใช่ไหมคะ?

    ผู้บรรยาย - แผนของศูนย์ฯยังคงต้องไปติดตั้งพร้อมจะใช้ ให้มีระบบเตือนภัยที่บอกว่า ถ้าเขื่อนฉันรั่วจะไปถึง
    บ้านเธออีกกี่นาที อีกกี่ชั่วโมง ไปถึงตรงนั้นสูงเท่าไหร่ มันสามารถคำนวณได้ตามหลักวิทยา-
    ศาสตร์ เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า น้ำ-พอเขื่อนแตกรั่วซึม มันจะไปถึงจุดนี้เท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่
    สูงเท่าไหร่ เขาจะได้อพยพในที่สูงกว่านั้น จะได้รอดตัว แต่ระบบนี้ยังไม่ทำ ที่เราจะทำอยู่คือ...
    การติดตั้งหอเตือนภัย เพราะเมื่อเราทราบข้อมูลจากเขื่อนเราก็จะประกาศออกไปทางวิทยุหรือ
    ให้องค์กรอิสระ สถานีวิทยุชุมชน วิทยุสมัครเล่น วิทยุต่างๆ บอกประชาชนไปอีกที นี่คือวิธีเดียวที่
    เราทำได้แต่อาจจะช้าหน่อย แต่ถ้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาช่วย มันก็มีระบบเครือข่ายรอบๆ
    ประชาชนตั้งกี่ล้านคนจาก ราชบุรี เพชรบุรี นครปฐม พวกนี้ไปหมด

    คณะแม่ชี - ถึงกรุงเทพฯ ใช่ไหม?

    ผู้บรรยาย - อย่างกรุงเทพฯคงจะสูงไม่มาก อาจจะสูงแค่ 1-2 เมตร ท่วมรถยนต์เท่านั้นเอง หนีทัน ไม่เป็นไร

    แต่พวกที่อยู่ใกล้นั้นจะสูงมาก

    คณะแม่ชี - สูงสักกี่เมตร?

    ผู้บรรยาย - ก็ให้ทางทีมเขาทำคอมพิวเตอร์ สูงมาก สูงไม่เท่าไหร่ แต่ความแรงน้ำ...มันอาจจะทำให้บ้านพัง

    คณะแม่ชี - ถ้าเขื่อนพังเขาจะมาตามลำน้ำหรือว่ามาทางอื่น?

    ผู้บรรยาย - ก็ล้นหมด กระจาย เหมือนคุณเทอ่างน้ำลงมาในที่ลาดก็ล้นไปหมด

    คณะแม่ชี - ไม่ใช่มาตามสายน้ำใช่ไหม?

    ผู้บรรยาย - ก็มาตามสายน้ำด้วย น้ำก็ล้นตลิ่ง ล้นแม่น้ำ แต่ถ้าแตกเลย ก็จะมาพรวดเลย ก็เกิดน้ำท่วม

    ฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากมา

    คณะแม่ชี - แบบนี้ยังไม่มีใครทำกรณีศึกษาใช่ไหมคะว่าถ้าเกิดเขื่อนแตก...?

    ผู้บรรยาย - มีครับ ผมก็เคยไปบรรยาย ผู้ว่าฯเชิญไปบรรยาย 3-4 ครั้ง ก็โดนด่ากลับมาทุกครั้ง ว่าไปทำลาย

    เศรษฐกิจของเมืองกาญจน์ฯ อะไรต่ออะไร แล้วเราก็ไปบอกเขา อ.ปริญญา นุตาลัย ท่านเขียนลง
    ในวารสารรุนแรงเลย จะต้องแตก จะต้องแน่นอน ท่านก็โดนด่า โดนวิเคราะห์ โดนว่ารุนแรงทุกที
    แต่เราก็ทำ เหมือนคณะของท่านที่กำลังทำอยู่ พยายามจะช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือชุมชน
    ทีนี้เขาไม่เห็น เขาไม่รู้ ถ้าคนเราไม่ประสบจะไม่รู้ วัวหายแล้วค่อยล้อมคอก

    คณะแม่ชี - พื้นที่ที่มันมีสีแดง สีน้ำตาล สีเหลือง ถ้าบอกข้อมูลตรงนี้ไปนี่กระทบเลยใช่ไหม

    ผู้บรรยาย - กระทบแน่

    คณะแม่ชี - ฉะนั้นจะแจ้งได้ก็คือตอนที่เกิดแล้ว หรือก่อนเกิดขึ้นเล็กน้อยใช่ไหม?

    ผู้บรรยาย - การให้การศึกษาเขาคือสิ่งที่เราทำ สิ่งที่ทางสวนพุทธฯทำ เราพยายามให้การศึกษาเขา

    ผู้บรรยาย 2 - คำถามที่ว่าทางศูนย์เตือนภัยฯ จะสามารถบอกได้ไหมว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? ขอเรียนตอบ

    คำถามอย่างนี้ว่า ศูนย์เตือนภัยฯมีเครือข่ายทั่วโลกที่จะได้รับข้อมูล ซึ่งศูนย์เตือนภัยฯก็จะหา
    ข้อมูลของเราอยู่ตลอดเวลา เราศึกษาในอดีตตั้งแต่ ค.ศ. 1800 กว่าๆ ถึง ค.ศ. 2000 เราทำสถิติ
    ไว้ที่ฝรั่งยืนยันว่าแผ่นดินไหวที่เกิดในรอยเลื่อนต่างๆที่มีอยู่ 27-30 กว่ารอยเลื่อน โดยเฉพาะใน
    หมู่เกาะชวาที่เกิดเมื่อ 26 ธันวาคม 2547 นั้น ทำสถิติไว้ว่าก่อนที่จะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะมี
    แนวโน้มความถี่ประมาณ 300-700 ครั้งในช่วงก่อนที่จะเกิดประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ฉะนั้น


    แนวความคิดตรงนี้ทางศูนย์เตือนภัยฯก็พยายามศึกษามาว่าวงรอบของการที่จะเกิดมีแผ่นดิน-
    ไหวขนาดใหญ่เนี่ยมันสักกี่เดือน แล้วมีความถี่สักกี่ 10 ปีถึงจะเกิดสักครั้ง ทางฝรั่งยืนยันว่าผู้ที่

    เก็บสถิติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800-2000 บอกไว้ว่ากว่า 60 ปี จนถึง 120 ปี จะเกิด 1 ครั้ง ซึ่งรอยเลื่อนจะบอกได้ยากมาก ก็จะบอกได้แต่ว่ารอยเลื่อนที่มีขนาดใหญ่เกิดขึ้นในรอบ 1 ปี 6 เดือน หรือ 10 เดือน หรือ 1 ปีนั้น ตรงไหน Active มากที่สุด ผมยกตัวอย่างให้ฟังเมื่อตอนที่สมัยเกิดบนบก

    หลังจากที่สึนามิเกิดขึ้นแล้วประมาณปีครึ่ง เราทำสถิติอยู่ว่าทำไมประวัติถึงไม่มีความถี่นัก เราก็
    พยายามหาข้อมูลว่าจะเกิดที่เดิมไหม? ปรากฏว่ามันเกิดถึง 1,300 ครั้ง ซึ่งเราบอกใครไม่ได้

    ทางศูนย์เตือนภัยฯก็ไม่กล้าให้คนอื่นตื่นตระหนกตกใจว่ามันจะต้องเกิด
    ที่ไหน อย่างไร เราก็ศึกษา ก็ออกมาบอกว่าฝากดูแลนะ ตรงนี้มันเริ่มจะไปพันกันแล้ว มันจะเหมือนเมื่อวันที่ 26 หรือ
    เปล่า ที่ไหนอย่างไร เราก็ดูจากในทะเลนะ แต่ปรากฏว่ามันขึ้นมาบนบก นั่นคือส่วนที่เราสามารถ สังเกตได้ด้วยเราเอง ฉะนั้นถ้าถามว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ อย่างไร ในกรณีที่เรามีอาชีพเดียวกันคง
    ต้องบอกว่าระวังนะ เทร็นด์มันใกล้แล้ว ตรงไหนอย่างไรไม่สามารถบอกได้ว่า...ตรงนี้ ตรงนั้น
    เพราะว่ารอยเลื่อนนั้นมันเหมือนกับคานบ้าน เวลาจะร้าวตรงไหนสักแห่งหนึ่ง จะร้าวป๊อบแป๊บๆ
    อยู่มันมีผลดีบางอย่างที่มีการบอกว่ามีแผ่นดินไหวขนาดเล็กขึ้นเหมือนกับ
    การต้มน้ำ มันมีการปลดปล่อย แต่ถ้าถี่จัด ถี่สัก 300 กว่าครั้ง ก็คงอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง ก็ต้องถาม

    ประเทศที่มีเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวว่า...ยูว่าอย่างไรบ้าง? ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องบอกกันใน
    อนาคต คงต้องกราบเรียนให้ทราบว่าไม่ต้องกลัว ไม่ใช่ว่ารอให้เกิดพังไปเรียบร้อยแล้วถึงจะบอก
    เราก็ต้องทำภารกิจนี้ให้สมบูรณ์

    ผู้บรรยาย - เรื่องนี้ผมเคยทำสถิติไว้พอสมควร เพราะว่าแผ่นดินไหวมันจะมีวัฎจักรของมัน เหมือนเราต้มน้ำ
    กาใหญ่ใช้เวลานาน เรื่องสึนามิที่เกิดขึ้นที่เรามีผลกระทบเมื่อ 26 ธันวา 2547 มันเคยเกิดมาครั้งหนึ่งแล้วในจุดที่ใกล้ๆกัน เมื่อ 126 ปีที่แล้ว สมัย ร.5 แต่เราไม่มีการจดพงศาวดาร ไม่มีอะไร แต่
    มันมีการ Record จากประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งเขาปกครองประเทศอินโดนีเซียอยู่สมัยนั้น
    อินโดนีเซียเป็นเมืองขึ้นของเขา ก็มีข้อมูลอันนี้ เขาบอกว่าในปี ค.ศ. 1800 ... เท่าไหร่ 126 ปี

    มาแล้ว มันเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง แต่มันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟกากะตั้ว ก็มีคลื่นมาถึง
    ประเทศไทยด้วยทำให้คนไทยตายเหมือนกัน

    ยกเว้นพวกมอร์แกนที่เขาเหลือเผ่าพันธุ์ แล้วเขาก็
    มาสอนลูกหลานเขามาถึงปัจจุบันก็เล่าให้ฟังว่ายืนอยู่บนชายฝั่งรู้สึกแผ่นดินไหว สักพักน้ำจะ ลดลงไป และหลังจากนั้นจะมีคลื่นใหญ่ เพราะฉะนั้นชาวมอร์แกนเขาถึงไม่ตายไม่เสียชีวิตเลย
    เพราะปู่ย่าตายายเขาสอนมา อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เล่า ฉะนั้นแผ่นดินไหวมันจะมีวัฎจักรของมัน
    ภูเขาไฟเซนต์แฮร์เล่นในสหรัฐอเมริกา รัฐวอร์ชิงตัน ก็มีวัฏจักรของมัน ทุก 35-45 ปี จะเกิดระเบิดครั้งหนึ่ง ภูเขาไฟในฟิลิปปินส์ก็มี มันมีวัฎจักรของมัน แต่ว่าเราจะต้องมาศึกษา เก็บสถิติ
    ย้อนหลัง แต่ว่าจะไปบอกว่ามันไหวมา 125 ปี แล้วอีก 125 ปี จะมี มันไม่แน่ แล้วแต่พลังงานที่ มันสะสม ไอ้ท่อพลังงานที่มันลึกลงไป 2,000 ก.ม. ถ้าพลังงานมันสามารถเดินสะดวกเหมือนกับ
    เส้นเลือดหัวใจของเรา มันก็อาจจทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาอีก เยอะเอาให้แน่นอนเป๊ะๆเป็นวันที่เป็นเวลามันทำไม่ได้ ทีนี้การจดสถิติสำคัญ คนไทยเราไม่ชอบจด ไม่จดไม่เคยศึกษา เวลามีอะไรทีก็ไปหาสถิติทั่วโลกเลย แต่ที่ประเทศจีนที่เขามีประสบการณ์
    แล้วเขาเก็บไว้ เขาสามารถทายได้ดูจากวัฎจักรการเกิดแผ่นดินไหว เพราะแผ่นดินไหวในเมือง


    จีน ใกล้ๆเซี่ยงไฮ้ เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว คนตายทั้งเมืองเลย 200,000 กว่าคน เพราะฉะนั้นเขาศึกษามาก อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เรียนให้ทราบ

    แม่ชี - นอกจากเรื่องแผ่นดินไหวแล้ว ภาวะโลกร้อนทางศูนย์เตือนภัยพิบัติว่าอย่างไร

    ผู้บรรยาย - เราก็ทำอยู่ ภาวะโลกร้อนเนี่ยจะทำให้ภาคใต้ของประเทศไทยที่ดำๆเนี่ยจมไปหมดเลย
    เอามาจากสหรัฐอเมริกา ก่อนที่น้ำจะท่วม จะมีอินโดนีเซีย มีบอร์เนียว มีไทย ยังมีอยู่

    .. แต่พอน้ำท่วม เนี่ยหายหมดเลย แต่ไม่มีใครเชื่อผมหรอก ผมก็พยายามเอามาให้ดูว่าอีก 10 ปี
    15 ปี 20 ปีน้ำแข็งละลาย น้ำจะสูงขึ้น 1-2 เมตร พวกนี้มันจะท่วมหมด ออกมาพูดกันก็ไม่มี
    ใครเชื่อ

    .. เกาะบางเกาะในอินโดนีเซียนี่จะไปหมด

    .. กรุงเทพฯ เนี่ยมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา (แผนที่ของกรมแผนที่ทหาร) กรมแผนที่ทหาร
    เขาจะตั้งหมุดไว้ทั่วกรุงเทพฯ เขาก็วัดอยู่ตลอดเวลาว่า แต่ละจุดมีการทรุดตัวเท่าไหร่

    .. ตรงบางกะปิมีการทรุดตัวไปแล้ว 100 ซ.ม. (1 เมตร) ภายใน 10 ปีที่แล้ว

    .. ตรงนี้เราอยู่ใต้น้ำทะเลอยู่แล้ว เปิดประตูน้ำตรงพระโขนง น้ำจะท่วมทันทีเลยตรงนี้
    เพราะเราอยู่บนดินเหลวมันทรุดตัวอยู่แล้ว เพราะสมัยก่อนเรามีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมา
    ใช้มาก มันมีการทรุดตัวเร็วอยู่แล้ว ถ้าน้ำแข็งละลาย น้ำในอ่าวไทยจะสูงขึ้นเมตรหนึ่ง แต่นี่
    เราทรุดตัวเมตรหนึ่ง เราอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล 2 เมตร

    คณะแม่ชี - พื้นที่สีแดงกับสีเหลือง ต่างกันอย่างไรคะตรงนี้?

    ผู้บรรยาย - มันเป็นระดับ บางแห่งก็ทรุดตัวน้อย 60 ซ.ม., 50 ซ.ม.

    .. แต่ตรง บางกะปิ รามคำแหง ทรุดตัวมากกว่าเพื่อน

    .. แถวฝั่งธนฯ ก็มี มันมีผลกระทบหมด การทำมาหากิน ข้าวปลาต่างๆ ก็ไม่สามารถจะทำได้
    ชายฝั่งทะเลทั้งสองฝั่งน้ำก็จะท่วม เกิดโรคระบาด เพลี้ย ศัตรูพืชระบาดมากขึ้น ตั๊กแตนก็
    ระบาดมากขึ้น

    .. กรุงเทพฯจะทำอย่างไร วัดวาอารามเราก็ตั้งเยอะแยะ บางคนก็บอกให้ย้าย เราจะไปย้ายวัด
    พระแก้วได้ไง พระบรมมหาราชวังสร้างมา 200 ปี จะย้ายไปที่ไหน จะเอาเงินที่ไหนย้ายไป
    สถานที่ราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย จะย้ายไปที่ไหน การจราจร นักท่องเที่ยว มาเที่ยวปีละ 3 ล้านคน ลงสุวรรณภูมิต้องนั่งเรือหางยาว ปัญหามันเยอะ พูดไปแล้ว บรรยาย แล้ว เขาก็หัวเราะ แล้วก็เฉยๆไป นี่ต้องเป็นวาระแห่งชาติ

    .. ในอินโดนีเซียเนี่ยก็ทรุดตัวเหมือนกับเรา เวลาน้ำขึ้นก็ต้องลุยน้ำกันแล้ว สมุทรปราการ ก็
    อยู่ในทำนองนี้

    .. พระประแดงเดือน 12 น้ำหนุนมันก็ขึ้นแล้ว มีปัญหาเหมือนกัน แต่รัฐบาลเขาคงไม่ทำหรอก มันเป็นโครงการใหญ่ แล้วก็ไม่มีรัฐบาลที่จะอยู่นานๆพอจะทำได้เลย คือเราต้องสร้างเขื่อนปิด
    ปากแม่น้ำหมด ตั้งแต่บางประกง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง ไม่ให้น้ำทะเลมันหนุนเข้า ไปในแม่น้ำ เรามีโรงกรองน้ำตรงนี้ทำน้ำดื่มให้คนกรุงเทพกว่า 10 ล้านคนกิน ถ้าเราไม่ทำ...

    น้ำทะเลก็เข้ามาในคลองประปา แล้วเราจะเอาน้ำดื่มที่ไหนมากิน สำหรับคนกว่า 10 ล้านคน ต้องทำเขื่อนอย่างนี้ ที่เนเธอร์แลนด์ก็ทำ

    สำหรับอีกฝากหนึ่งเป็นน้ำจืด เป็นแก้มลิงสำหรับ
    เก็บน้ำจืด แบบที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงรับสั่ง ข้างนี้ก็เป็นน้ำทะเล สร้างเขื่อน

    รถก็วิ่งได้จากภาคตะวันออกไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯแล้ว ไปภาคใต้ได้เลย มาถึงชลบุรีบางปะกงวิ่งข้ามเขื่อนได้เลยคุณไม่ต้องวิ่งเข้ามากรุงเทพให้รถติด แล้วมีน้ำจืดเก็บไว้ใช้ในหน้าแล้งด้วย

    ตรงนี้เป็นแก้มลิง เอาน้ำจืดไปทำนาทำอะไรได้ แต่มันต้องลงทุนมากต้องทำระบบนิเวศ


    .. มันต้องเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลต้องทำต่อเนื่องกันด้วย แต่รัฐบาลเรามันไม่อยู่นาน

    รัฐบาลต่อไปที่มาเป็นก็ต้องมาทำต่อ เพราะถ้าเผื่อไม่ทำตอนนี้แล้ว น้ำมันท่วมขึ้นมาแล้ว พื้นที่กรุงเทพฯ มันท่วมขึ้นมาถึงอยุธยา แล้วเราจะไปอยู่กันที่ไหน จะย้ายเมืองกันอย่างไร

    ค่าย้ายกันเป็นล้านๆ

    คณะแม่ชี - รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเตือนภัยพิบัติอย่างไร?

    ผู้บรรยาย - ก็ไม่รู้ เพียงแต่ระงับไม่ให้ผมลาออกเท่านั้นมั้ง อย่างอื่นก็ยังไม่เห็นทำอะไร อันนี้คงเป็นกรรมเก่า

    ของทุกคนมั้ง เวลารัฐบาลจะเข้ามาทำงาน บริหารงานกลับต้องมีเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง เลย
    ต้องเอาตัวรอดก่อนพวกท่านทั้งหลายมาช่วยอย่างนี้ก็มาทำด้วยความสมัครใจ เงินเดือนก็ไม่ได้ ขึ้นนะ ผู้จัดการทั้งหลายมาทำ เพราะว่าองค์กรไม่ได้เป็นองค์กรอิสระถูกต้องตามกฎหมาย เอา
    มาทำ ไปยืมสถานที่เขามั่ง อะไรมั่ง

    คณะแม่ชี - ท่านทำงานภายใต้หน่วยงานใด?

    ผู้บรรยาย - กระทรวง ICT, เขาก็ย้ายกันไปเรื่อย เมื่อก่อนอยู่สำนักนายกฯ ก็ย้ายไปโน่นไปนี่ เดี๋ยวนี้ก็อยู่

    กระทรวง ICT ท่าน รมต.ท่านก็มา ของเรามันไม่ใช่เป็นองค์กรที่ทำผลประโยชน์ หรือทำรายได้
    ให้แก่รัฐ หรือทำรายได้ให้แก่ใคร เลยไม่มีใครให้ความสำคัญ ก็ทำไปอย่างนี้ ทำให้ดีที่สุด

    คณะแม่ชี - ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นนี่จะมหาศาลมากเลยนะ

    อาจารย์แอ๊ด - ก็เหมือนกับที่ผมเคยดูหนังวิทยาศาสตร์ ล่าสุดเรื่อง The Day After Tomorrow ดร.สมิทธ ก็

    เหมือนพระเอก ที่มีกลุ่มคนเล็กๆที่พยายามช่วยเหลือคนกลุ่มใหญ่ แต่การทำมันต้องมีจังหวะเวลา ก็อาจจะมีฮีโร่เกิดขึ้นทัน

    - ในนามของสวนพุทธธรรมก็ขอเป็นกำลังใจให้คณะทำงานทุกท่าน เปรียบไปก็คือสวนพุทธธรรม

    จังหวัดลำพูนเหมือนกัน ที่สร้างจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีอุดมการณ์เดียวกัน และทำเพื่อคนส่วนใหญ่ คือสิ่งนี้ต้องอาศัยใจเป็นหลัก และก็ทำงานบนพื้นฐานของความคาดหวัง คือทำดีนี่ก็อาจจะเสมอ
    ตัว แต่ถ้าไม่ดีก็คงจะมีคนตำหนิ แต่ก็คงต้องทำอยู่ เพื่อคนส่วนใหญ่เช่นกัน สวนพุทธธรรมก็ขอ เป็นกำลังใจให้พวกท่าน

    ผู้บรรยาย - ก็ขอขอบพระคุณมากที่คณะสวนพุทธธรรมที่มาเยี่ยมเราวันนี้ แล้วก็ให้กำลังใจ พวกเราก็ทำ อย่างเต็มที่ แต่ก็มีเหตุจำกัดเหมือนกันว่าบางทีทำอะไรไปแล้วเกิดความท้อใจ จนบางครั้งไม่ได้ รับการสนับสนุน ทำอะไรก็จะพยายามเต็มที่

    แม่ชี - ไม่ทราบว่ามีท่าน ใดได้รับทราบเรื่องราวอย่างพวกเราบ้างไหมคะ?

    ผู้บรรยาย - ยังไม่มี

    แม่ชี - ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ ดิฉันเป็นแม่ชี จริงๆแล้วเป็นคนกรุงเทพ แต่ไปบวชที่ขอนแก่น

    ตอนนี้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่สวนพุทธธรรม จ.ลำพูน ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตั้งอกตั้งใจ มีอุดมการณ์
    มั่นคงที่จะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อแผ่นดิน เวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือนก็ได้
    รับทราบว่าการปฏิบัติธรรมเข้มข้นของชาวสวนพุทธธรรมทำให้มีโอกาสสื่อสารกับทางโลกทิพย์
    ได้ ไม่ทราบว่าในที่ประชุมนี้มีคนที่สนใจ แล้วก็ศึกษาทางด้านพระพุทธศาสนาสักแค่ไหน ขอดูยก
    มือตรงนี้ได้ไหมคะ ที่พอจะทราบว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร แล้วพระพุทธศาสนามีไว้เพื่ออะไร

    ถ้าทราบ Background จะได้สนทนาต่ออย่างตรงประเด็น และเข้าถึงเป้าหมาย

    ผู้บรรยาย 2 - คือต้องขอถามแม่ชีดีกว่า มนุษย์ที่เราเกิดมา...รู้ไหมว่าเกิดมาทำไม?

    แม่ชี - ถามว่า...รู้ไหมว่าเกิดมาทำไม? คือในที่สุดแล้วหลังจากที่เราเรียนหนังสือ โตหาเงินได้

    มีครอบครัว มีทุกๆอย่าง เราจะมีคำถามนี้ในใจว่า...เราเกิดมาทำไม? อะไรเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เราเป็นมนุษย์
    และต่อจากภพชาตินี้แล้วเราจะยังคงเป็นมนุษย์ได้หรือเปล่า? หรือเราจะไปยังภพภูมิไหน? นี่คือคำถามที่เมื่อเรา
    ว่างจากงาน จากภารกิจ-พันธนาการรอบๆตัว เราจะมีเวลาตรงนี้ที่ถามตนเอง และจุดนี้แหละที่จะจุดประกายเรา
    ว่านั่นสินะ...เราเป็นแค่มนุษย์รับเงินเดือน ทำมาหากิน เลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แล้วก็ตายไปชาติหนึ่งๆหรืออย่างไร?

    แล้วตรงนี้แหละค่ะทำให้เราหาคำตอบไปเรื่อยๆว่า ตกลงชีวิตคืออะไรกันแน่? ความจริงแล้วทั้งชีวิตของคนเรา
    คือทุกข์ แต่คนเราไม่เห็นทุกข์เพราะว่าเอาความสุขชั่วคราวมาบดบังไว้ แล้วเราก็วิ่งหาความสุขอันเป็นชั่วคราว แบบนี้ ไม่สบายใจก็ดูหนังฟังเพลง ไม่สบายใจก็ไปทานข้าว ช้อปปิ้ง ฯลฯ แต่เราก็จะไม่รู้ว่านั่นมันไม่ใช่สุขถาวร
    มันเป็นการดับทุกข์ชั่วคราวเท่านั้นเอง เราดูไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าในที่สุดแล้วชีวิตมันไม่ได้มีแก่นสารสาระอะไร!!

    และมาถึงจุดที่ท่านถามนะคะว่า เราเกิดมาเป็นมนุษย์...เราจะรู้ไหมว่าเราเกิดมาทำไม? เราจะไปที่ไหน? แล้วเรา จะทำอย่างไร?

    แค่เราหลับตาแล้วถามตัวเองว่า...เราจะตายอย่างไร? เราจะตายที่ไหน? เราจะตายเมื่อไหร่? ตาย
    แล้วเราจะไปไหน? เราหาคำตอบให้คำถาม 4 ข้อนี้ได้หรือเปล่าใช่ไหมคะ
    วันๆหนึ่งเราก็ได้แต่ทำงาน ทำงานเสร็จก็กลับบ้านไปเจอครอบครัว ดูแลลูก-ดูแลภรรยา แล้วก็หมดไปวันๆ ทำงานตลอดเวลา ชีวิตมีเท่านี้เองจริงๆหรือ!!

    พอถึงจุดนี้ นี่เป็นจุดที่ทำให้แม่ชีตัดสินใจบวช ก่อนหน้านั้นแม่ชีเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ช่อง 3 ทำรายการ
    เกี่ยวกับธรรมะ Background เป็นนักวิทยาศาสตร์ จบเภสัชจากอเมริกา และมาจบปริญญาโทที่ศศินทร์ ทางโลกก็ไปมาสุดๆแล้ว ทำงานเงินเดือนเยอะๆก็ทำแล้ว แต่เลือกที่จะมาทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะได้
    รับทราบ ได้รับรู้อยู่แก่ใจว่า “พระธรรมเท่านั้นที่จะช่วยให้คนเรามีความสุขอย่างถาวรได้” เมื่อรู้อย่างนี้ก็เลย
    เลือกที่จะทำงานเผยแผ่ เคยทำรายการชีวิตไม่สิ้นหวังอยู่ 14 ปี ปีที่ 12 ตัดสินใจบวชเพราะอยากจะศึกษาให้ลึกซึ้ง ก็ได้พบว่าที่ทำมาทั้งหมด...ชีวิตเป็นอย่างไร? และเป้าหมายชีวิตต่อไปจะทำอะไร? ก็ประจวบเหมาะได้มาสร้าง
    พระใหญ่ที่จังหวัดลำพูน ได้มาเห็นปฏิปทาและความมุ่งมั่นของผู้คนที่นี่ ที่บอกว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ รู้อะไรก็
    ต้องรู้ให้จริง ศึกษาก็ต้องศึกษาให้จริง เมื่อเอาตัวไปคลุกคลีก็เห็นว่าเขาทำกันจริงๆ ปฏิบัติธรรมกันจริงๆ

    ประเด็นที่ว่าทำไมถึงมาแมทช์กับดร.สมิทธ จริงๆแล้วไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องทางโลกเท่าไหร่ตั้งแต่สนใจทางธรรม
    แต่ว่าได้รับทราบว่ามีบุคคลท่านหนึ่งพยายามที่จะบอกผู้คนว่า...จริงๆแล้วมันมีภัยพิบัติอะไรจะเกิดขึ้นกับโลก กับ

    ประเทศของเราบ้าง ท่านก็มาโด่งดังตอนที่สึนามิเกิดแล้ว ว่านี่ไงสิ่งที่พูดเป็นจริงแล้ว

    ทีนี้พอหลังจากมาศึกษาและปฏิบัติธรรมกับทางสวนพุทธธรรม จ.ลำพูน ก็ทราบว่าวันหนึ่งคณะที่เขาปฏิบัติธรรมกันเข้มข้นจนเขาสามารถที่จะ
    สื่อสารกับโลกทิพย์ได้

    พระพุทธศาสนาสอนว่ามีหลายภพภูมิแต่ภพภูมิที่ใกล้เราที่สุดนี่เป็นภูมิ
    เดรัจฉานที่มองเห็นเป็นสัตว์ต่างๆ แต่จริงๆแล้วมีอีกหลายภพภูมิที่เราไม่ได้สัมผัส ที่เราสัมผัสใกล้ๆอีกก็เป็นภูมิเทวดา เทวดาที่อยู่ใกล้ๆ เช่น รุกข-
    เทวดา ภุมมเทวดา คือชั้นภูมิที่อยู่ใกล้ๆเรา แล้วก็จะมีชั้นภูมิที่สูงขึ้นไปอีกหลายชั้น เพราะฉะนั้นโลกเราไม่ได้อยู่
    เฉพาะมนุษย์กับเดรัจฉานเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายภพภูมิที่เกี่ยวข้องกับเรา แล้วภพภูมิที่อยู่เหนือขึ้นไปก็คือ
    เทวดา ท่านก็อยากจะทำคุณประโยชน์ร่วมกับมนุษย์เช่นกัน ไม่มีเทวดาก็ไม่มีมนุษย์เหมือนกัน เพราะฉะนั้น
    บางคนที่ปฏิบัติเคร่งก็จะสามารถสัมผัสได้ ไม่ได้บอกว่าที่สวนพุทธธรรมเพียงที่เดียวที่จะมี “ประสบการณ์ทางจิต”
    หรือที่เรียกว่าเป็น “คุณวิเศษ” ที่จะสื่อสารกับโลกทิพย์นี้ได้เท่านั้น

    ขณะนี้โลกร้อน ภัยพิบัติกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่แต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น และคงไม่ใช่คณะของเรากลุ่มเดียว
    ที่จะช่วยทำให้ร่มเย็นได้ ทุเลาได้
    แต่ว่าจะต้องเป็นสายธรรมที่เชื่อมต่อกันหมด ในประเทศไทยก็ต้องเชื่อมต่อกัน
    คุณความดีต้องเชื่อมกัน

    ถ้าสมมุติถามแม่ชีว่า...รู้ไหมว่าสึนามิจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
    บอกได้ไหมว่าสึนามิจะเกิดเมื่อไหร่ ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน ทางโลกทิพย์เบื้องบนก็บอกแต่ว่า...ถ้าความดีแผ่
    กระจายไป ในการรวบรวมจิต ถ้าทุกคนวางอาวุธ วางการประหัตประหาร วางการแก่งแย่งชิงดีแล้วสวด
    มนต์พร้อมกันจะสงบเย็นสักแค่ไหน แต่ทุกวันนี้คนเราไม่รู้ว่าจะเข้าถึงพระธรรมได้อย่างไร เราปล่อยให้กิเลส
    นำไป และเราก็ไม่รู้เท่าทัน เราก็เลยวิ่งตามกิเลสไปเรื่อยๆ ด้วยอำนาจโลภะ โทสะ และโมหะ ประหัตประหารกัน
    เช่นนี้โลกก็ร้อน เมื่อเราทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็กลับมาเอาคืน ตอนนี้เป็นการทำงานของสามโลกที่อยากจะ
    เห็นโลกสงบเย็น จึงได้มีการสื่อสารกันมา และมีท่านหนึ่งที่ได้รับสิ่งนี้ก่อนเพื่อน คือ คุณ ธ. แล้วก็ได้รับการสื่อสาร
    จากข้างบนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดอย่างนี้ๆ

    แม่ชี...ความที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็เข้าไปพิสูจน์ พิสูจน์คนเดียวไม่พอ
    ต้องให้พระผู้ใหญ่มาพิสูจน์ ต้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพิสูจน์ ไม่ว่าจะเป็นนักการทูต ผู้พิพากษา
    ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์อีกหลายแขนง จึงจัดทำขึ้นเป็นโครงการวิจัย ซึ่งขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยในการฟัง
    ทิพยอักษรแล้วประมาณ 400 คน

    คณะของเราได้รับการสื่อสารจากโลกทิพย์ในวันนั้นก็คือ วันที่ 13 พ.ค. 2550 เราได้ทราบว่าข้างบนเขาประชุมกัน


    แล้วก็ลงมาสื่อกับเราเพื่อที่จะบอกกล่าว จริงๆประชุมคืนวันที่ 12 พ.ค. 2550 แต่ท่านบอกว่าการประชุมนานมาก


    เพื่อที่จะจัดกลุ่มว่าจะชำระโลกอย่างไร วันที่ 13 พ.ค. ประชุมเสร็จ จึงมาบอกกล่าวว่า...แบ่งแล้วเป็น 3 กลุ่ม

    กลุ่มที่ 1 จะต้องถูกชำระแน่นอน ขออนุญาตนะคะว่าการที่จะทำแบบนี้จะต้องมีการทำวิจัยและติดตามผลได้
    คนอื่นไม่เชื่อ ไม่ฟัง หรือไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยเริ่มจากคนกลุ่มเล็กๆ...ทุกท่านมีคนที่รักก็กระจาย
    บอกไปจะได้เตือนภัย ท่านดร.สมิทธและคณะทำงานของท่านก็บอกในแง่ของวิทยาศาสตร์ว่า...
    ถ้าเกิดแล้วต้องทำแบบนี้นะ ขณะที่เกิดต้องอยู่ใต้ที่กำบัง อย่าอยู่ตรงไหนที่ปลิวมาได้ ทำร้ายเราได้ ท่านบอกในเชิงวิทยาศาสตร์
    แม่ชีก็จะขอขยายในส่วนที่ได้รับรู้รับทราบว่าเบื้องบนท่านสื่อสารมาเพื่อช่วยให้ผู้มีธรรมะได้ปลอดภัย ตรงไหน บ้างที่เขาต้องชำระ และท้ายที่สุดวันหนึ่งเราจะเหลือแต่คนดีๆ ขออนุญาตอ่านให้ฟังค่ะ…

    กลุ่มที่ 1

    1. ผู้ที่สร้างกรรมหนัก...ถูกชำระก่อน

    2. ผู้ที่มีกรรมผูกพันกับผู้ที่สร้างกรรมหนัก

    3. ผู้ที่ลังเลสงสัยในพระธรรมของพระพุทธเจ้า

    4. ผู้ที่มีความผิดสะสมนับเนื่องมาตั้งแต่อดีต

    5. ผู้ที่ก่อกรรมไว้มากในภพชาตินี้


    เดี๋ยวรายละเอียดจะแจกให้ เราเตรียมมาให้ เมื่อรู้แล้วจะได้ระวัง และรู้ว่าจะทำตัวอย่างไรต่อไป ท่านบอกว่าการ
    จะตัดสินว่าคนทั้งโลกจะเป็นคนดี ก็ต้องมองย้อนกลับไปว่า...ชาติก่อนๆนั้นเขาทำกรรมดีหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นการประชุมใหญ่และละเอียดอ่อนมากของเบื้องบน

    พอมา กลุ่มที่ 2...กลุ่มนี้จะปลอดภัย เป็นใครบ้าง? เป็น......

    1. ผู้ที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัยไม่หวั่นไหวแม้ด้วยชีวิต

    2. ผู้ที่เรียนรู้ธรรมของพระพุทธองค์ ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติสมควร และปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์

    3. ผู้ที่มีใจฝักใฝ่ช่วยเหลืองานให้กับพระพุทธศาสนา

    4. ผู้ที่ทบทวนตนเอง หันหลังให้กับความชั่วทั้งหลาย มุ่งมั่นกระทำดี

    5. ผู้ที่ดำรงตนดีงามมาตั้งแต่อดีตแม้มีพลั้งเผลอในภพชาติปัจจุบันบ้าง และไม่ผิดมากนัก.....

    กลุ่มนี้จะปลอดภัย

    ถ้าอย่างนั้นก็เหลือ กลุ่มที่สาม กลุ่มที่ 1 ถูกชำระแน่ๆ, กลุ่มที่ 3 คือใคร? คือพวกที่ก้ำๆ กึ่งๆ ไม่ไปทางใด

    ชั่วก็ยังไม่ชั่วมาก ดีก็ยังไม่ดีแท้ กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ทุกคนต้องช่วยกัน ให้เข้าอยู่ในกลุ่มที่ปลอดภัย แล้วเขา จะปลอดภัย ถ้าพยายามดึงเขาแล้ว แต่ไม่ได้ให้ดึงเฉพาะคนที่เรารัก ญาติพี่น้อง เราต้องเมตตาไปให้ทั่วถึง

    ถ้าดึงจนสุดหนทาง แล้วยังไม่มาเนี่ย...ต้องปล่อยไป เพราะฉะนั้นนี่คือคน 3 กลุ่มที่ต้องช่วยกันว่าจะทำอย่างไร

    แต่การพูดสิ่งเหล่านี้ อย่างที่บอก...แม่ชีเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทำงานด้านศาสนามา 15 ปี ปฏิบัติธรรมกับหลวง
    พ่อจรัญมา 20 ปี บวชมาพรรษาที่ 3 ...เป็นอะไรที่พูดยากมาก เพราะสิ่งนี้เป็น Super Natural (เรื่องเหนือ ธรรมชาติ) ก็มีโอกาสได้พบกับท่านดร.สมิทธบ้าง เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่จะ Support สิ่งเหล่านี้ได้ดี มันเป็น การที่ต้องช่วยกันทั้งหมด ก็อย่างที่ท่านพูดว่าการจะร่วมกันทำความดีสักอย่างหนึ่ง เราต้องสู้ได้ คนต่อต้านก็จะ เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นคนที่เราจะต้องช่วยเหลือ ซึ่งเบื้องบนเรียกเขาเหล่านั้นว่า “ผู้ยากไร้ในธรรม” ยังมีอีก
    มากที่เราจะต้องช่วย ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องไปโกรธเขา เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเชื่อ ไม่เป็นไร ...

    มีอีกหลายคนที่เราต้องทำหน้าที่ อย่างน้อย...ที่สำคัญที่สุดตัวเรานั่นแหละ ตัวเราทำให้ดีพอ ตัวเราทำให้ดี

    ตัวเราเป็นต้นแบบที่ดี เราก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้...เป็นสถานธรรมกลางที่
    เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มคนที่เสียสละมาก อาจารย์เอก เป็นผู้เริ่มต้นเสียสละที่ดินที่เป็นมรดก ถวายไว้ให้
    เป็นสมบัติของวัดพระธาตุหริภุญชัย มอบหมายให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ เป็นสมบัติของพระศาสนา ให้เป็นสถานธรรม
    กลาง สร้างไว้จนกระทั่งมีน้องๆ มีญาติธรรม มีใครต่อใครที่เห็นคุณค่า เข้ามาร่วมกันทำงาน ก็อย่างที่ท่าน ดร.สมิทธบอกว่าการทำงานตรงนี้ไม่ได้รับค่าตอบแทน ไม่ได้อะไร แต่ที่เหนือกว่าค่าตอบแทนที่เป็นเงินทอง กลับกลายเป็นได้กุศลมหาศาล...เทียบค่าไม่ได้

    นั่นคือเหตุการณ์ที่เราได้รับทราบในวันที่ 13 พ.ค. 2550 และพอวันที่ 16 พ.ค. 2550 (3 วันหลังจากที่เราทราบ ก็
    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจริงๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว)


    • ที่แม่ฮ่องสอน...สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ ยังเกิดรอยร้าวที่โบสถ์อย่างรุนแรง ผู้ที่สร้างตรงนั้น คือ

    พระอาจารย์ยงยุทธ ท่านก็ได้ชี้ให้เห็นรอยร้าวเป็นทางยาว

    • ที่เชียงใหม่...มีคนแจ้งให้ทราบว่ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของตึกสูง

    • ที่กรุงเทพฯ...ที่เราเห็นชัดๆก็คือแถวคลองเตย พระราม 4 ลูกชายแม่ชีกำลังเรียนพิเศษอยู่ชั้น 26 ของตึกสูง
    ใช้มือถือโทรเข้ามาบอกว่าขณะนี้กำลังเกิดแผ่นดินไหว ลูกกำลังเดินลงบันไดหนีไฟมา ไม่ได้ตกใจมาก เพราะ
    แม่นุชได้บอกให้รู้ล่วงหน้าไว้แล้ว

    นี่คือสิ่งที่ปรากฎให้ทราบว่า...เราได้รับรู้วันที่ 13 แล้วเกิดจริงวันที่ 16 นั่นคือ เรารับรู้จากพระสยามเทวาธิราช

    พอหลังจากนั้นอีกครึ่งเดือน (ในวันที่ 30 พ.ค. 2550) เราได้รับคำเตือนจากท่านท้าวจตุโลกบาลมหาราช ที่ขอพูด
    ก็คือได้รับทราบอะไรมา...ก็บอกไป เชื่อหรือไม่เชื่อ...อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละท่าน พอสิ้นเดือนเราได้รับคำ เตือนอีกครั้งจากท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ว่าทุกอย่างที่ถูกจัดกลุ่ม ขณะนี้จัดเสร็จหมดแล้วว่า...ใครจะอยู่ที่ไหน!!

    ในวันที่ 13 พ.ค.นั้น นอกจากที่เรารับรู้ว่าคนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มแล้ว ท่านยังบอกถึง...เรื่องของวิบาก
    กรรมร่วมของอกุศลทั้งหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง


    “ที่อยู่ใกล้สายน้ำใหญ่ทั้งหลาย มองมาที่ผืนแผ่นดินที่เป็นเขตประเทศไทยอยู่นี้ มองให้ชัดเจนตรงนี้ แล้วค่อย มองไปทั่วโลก เพราะกำลังของพวกท่านทั้งหลาย มองภายในประเทศก่อนเถิด ช่วยเหลือที่เป็นประเทศไทยอยู่
    ก่อน แล้วค่อยกระจายออกไปภายภาคหน้า

    1. ลำน้ำใหญ่ทั้งหลายที่เป็นสายหล่อเลี้ยงประเทศไทย เหนือ กลาง อีสาน ใต้... สองฟากฝั่งจะเต็มไปด้วยทุกข์

    2. สิ่งที่กั้นขวางแม่น้ำสายใหญ่ทั้งหลายจะกั้นไม่อยู่ และจะมีแต่ พังทลายไป ในแดนทิศเหนือ

    3. สิ่งที่เป็นพายุใหญ่จะเข้าไปทางทิศอิสาน และชายฝั่งทะเลทั้งหลาย
    สายน้ำจะถูกลมพัดเข้าสู่ฝั่ง ผู้ที่อยู่ใกล้ฝั่ง... อันตราย

    4. ความเลวร้ายของการเคลื่อนแห่งแผ่นดิน -- เกิดขึ้นทุกที่ตามสายน้ำใหญ่บังเกิดขึ้น

    5. ที่ทั้งหลายที่มีสายน้ำสายใหญ่อันเป็นสายน้ำหลักของประเทศไทย -- จะเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดิน
    เคลื่อนในทุกที่ ต่างเวลากัน เสริมกัน สร้างกันให้เกิดความวิบัติ ให้เกิดขึ้นทุกหนแห่ง

    6. ความแห้งแล้ง จะมาถึงหลังจากนั้น เมื่อผ่านพ้น ฤดูแห่งฝน ซึ่งจะ ยาวนาน

    7. ฤดูกาลแห่งความ เยือกเย็นหนาว ก็จะมาพรากชีวิตไปอีก...ตามฐานะและพื้นที่อยู่
    พื้นที่สูงและมีฐานะยากจน

    .. จะทนอากาศอันหนาวเหน็บไม่ได้

    .. จะล้มตายมากกว่าทุกปี.. และ

    .. จะเพิ่มขึ้นอย่างนี้... ทุกปี... ทุกปี...

    8. ภัยแล้ง จะเริ่มต้นตั้งแต่เข้าสู่หนาว... หนาวด้วย... แล้งด้วย...

    9. ผืนดินทั้งหลายที่เคยรู้กันว่าอุ้มน้ำไม่ได้ -- นั่นแหละ จุดแห่งความวิบัติ

    10. และเมื่อแล้งหนัก... จะมีพายุพัด... โดยเฉพาะทิศทางอิสาน – เตรียมตัวหนักยิ่งกว่าทิศใด

    (เราได้ทราบว่า จ.กาฬสินธุ์ บ้านเรือนเสียหายไปไม่น้อยกว่า 600 หลังคาเรือน พอดีได้รับทราบข่าวมาว่า

    ภัยพิบัติกำลังเกิดขึ้นเรื่อยๆ)

    11. ทิศที่ปลอดภัยที่สุด ก็คือ ทิศทางตอนเหนือ แต่ก็เป็นบางจุด

    ที่พวกท่านอยู่นี้ -- โดนกระทบบ้าง แต่ไม่รุนแรง และนี่คือเบาที่สุดแล้ว

    ที่ที่โดนการทำลายเบาบางที่สุด -- มีที่แห่งนี้เป็นต้น... แม้เบาบางแต่ก็โดนกระทบ...

    ไม่ปกติเหมือนปีที่ผ่านมา... ใช้ปัญญาเตรียมตัว ...

    (คือเราอยู่ที่อำเภอเมือง จ.ลำพูน ซึ่งเราเพิ่งโดนพายุฤดูร้อน พายุลูกเห็บ เมื่อปลายเดือนเมษายน

    ที่ผ่านมา ให้เราได้รู้ก่อนว่าความเดือดร้อนจะเป็นอย่างนี้ ก็คือได้รู้ว่าเมื่อคนทุกข์เยอะๆ แล้วกระจายไป

    วิ่งมาหาเราหรือวิ่งไปหาใคร ก็ให้ได้รู้ว่าความทุกข์จริงๆ มันเป็นอย่างไร)

    ขอเรียนตรงนี้ เบื้องบนยังบอกอีกว่า....

    “นี่คือประการที่สำคัญที่จะเกิดขึ้น และจะไหลรวมกัน โยงใยกันภายในประเทศ

    แล้วจะมีใครช่วยเหลือใคร? และจะโยงใยออกไปทั่วโลก แล้วจะเหลือใคร? เหลือที่ใดที่จะพึ่งพาได้?

    กาลแห่งความวิบัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามวิบากที่เกิดขึ้น

    เมื่อคนทั้งหลายถูกกระทบกระเทือนด้วยประการต่างๆ ที่เราบอกไป

    คนจะเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น จะไม่ช่วยเหลือกันยิ่งขึ้น จะเอาตัวรอด ไร้ศีลธรรม คนเหล่านี้มีมาก และ

    ต้องชำระ!!”

    นี่คือสาส์นแรกจากพระสยามเทวาธิราชที่เราได้รับทราบ

    ส่วนสาส์นที่ 2 จากท่านท้าวจตุโลกบาลมหาราช ท่านมาย้ำว่าได้กำหนดชัดเจนว่า...ทุกอย่างจัดไว้หมดแล้ว

    ทั่วทุกทิศทางได้ถูกกำหนดไปหมดแล้ว….เรื่องการชำระล้าง และ

    ทั่วทุกทิศทางได้ถูกกำหนดแล้ว...ซึ่งการปกป้องคุ้มครองภัย และ

    ทั่วทุกทิศทางได้ถูกบัญญัติแล้ว...ว่าที่ใดจะกลายเป็นที่รวมของคนดีมีธรรมมีพุทธ
    ธรรมของพุทธองค์ ที่แห่งหนึ่ง ก็คือที่แห่งนี้

    นั่นคือวันที่ 13 กับวันที่ 30 พ.ค. 2550 ที่ได้รับทราบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2551 อยากให้ได้ดู ประวัติศาสตร์ว่าผู้ที่ดูแลสยามประเทศ ณ เวลานี้จะมีทุกๆ 50 ปีที่อาสามาช่วย

    นับตั้งแต่ 1 มกรา ปีนี้เป็นต้นไป นับไปอีก 50 ปี (พ.ศ.2551-2600)

    จะเป็นเวลาของสมเด็จพระปิยะมหาราช ท่านเข้ามาดูแลตรงนี้
    ก่อนหน้านี้เป็นเวลาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2500-2550)


    ทำไมวันนี้ถึงต้องมานั่งที่นี่เพื่อมาคุยกับทุกๆท่าน มาเจอท่านดร.สมิทธ มาเจอคนกลุ่มนี้ให้ช่วยๆ กันเพื่อ กระจายบอกออกไป ก็เป็นเรื่องจากเบื้องบน ล่าสุดที่เราได้รับทราบจากรัชกาลที่ 5

    “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไหลลงสู่ความวิบัติที่ใครๆก็ไม่อาจขัดขืนได้

    เป็นการไหลไปสู่สิ่งที่ตกต่ำที่สุด เท่าที่ชีวิตนี้ของช่วงชีวิตของหลายคนไม่เคยพบเจอ

    ยิ่งมนุษย์ผูกพันกับสิ่งใดที่ตนสร้างและสะสมไว้มากมายเพียงใด

    สิ่งเหล่านั้นจะถูกพรากให้จากกันอย่างสิ้นเชิง

    ยากยิ่งที่จะมีผู้ใดยอมรับได้กับความสูญเสียนี้ !!

    กาลแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นนำมาซึ่งความสูญเสียหลากหลายทิศทาง หลายหลากวิธีการ วิถีแห่งการ
    เปลี่ยนแปลงกระจัดกระจายไปสู่ทุกแห่งหนเท่าที่กรรมทั้งหลายอันเป็นของส่วนรวมจะพัดพาไป ให้เกิดก่อเป็น
    วิบากกรรมที่จะนำพาความย่อยยับ ความสูญเสียซึ่งจะไหลเข้าสู่ดวงจิตทุกดวงที่ถูกกระทบกระเทือน

    การเกิดความเปลี่ยนแปลงนั้น แม้นรู้ดีว่าไม่อาจจะขัดขวางไม่ให้เกิดขึ้นได้ ผู้ที่มีบารมีทั้งในโลกทิพย์
    และที่มีบารมีในธรรมในโลกมนุษย์นั้น ต่างได้ช่วยกันประคับประคองมิให้เกิดวิบากหนักมาเนิ่นนานแล้ว

    แต่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้จะไม่สามารถประคองได้อีกต่อไป จะปล่อยไปตามวิถี
    ปล่อยไปตามยถาแห่งกรรมที่ดวงจิตทั้งหลายรวมกันเป็นผู้ก่อขึ้นเอง เป็นวิบากใหญ่ เป็น

    เรื่องใหญ่หลวงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตก็จะสูญเสีย สิ่งที่สร้างไว้อันเป็นสมบัติทางโลกก็จะ
    ปลาสนาการ ราบคาบ มิหลงเหลือให้ยึดถืออีกต่อไป

    ดวงจิตของผู้ไม่รู้เท่าทัน…ก็จะแตกสลาย

    ดวงใจของผู้มีห่วงทั้งหลายนั้น…จะถูกพราก

    ชีวิต…ไม่นับว่าเป็นชีวิต

    ดวงจิต…ไม่เหลือความเป็นดวงจิตที่แท้อีกแล้ว

    ผู้ที่ไม่รู้ ผู้ที่ประมาทอยู่ จะกลายเป็นผู้รับกรรมที่หนักที่สุด

    เท่าที่กรรมของแต่ละคนเคยได้ประสบมา”

    เอกสารทั้งหลายเตรียมไว้ให้ทุกๆท่านแล้ว อย่างที่บอกว่า...ไม่ได้หวังว่าใครต้องเชื่อ แต่ว่าให้ฟังไว้ ถ้าสิ่งนี้
    ไม่เกิดจะเป็นสิ่งที่เป็นมงคลยิ่ง

    แต่ถ้าเกิด...ก็จะได้รับทราบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งและอีกหลายๆกลุ่มในประเทศที่
    พร้อมจะช่วยกัน พยายามที่จะทำให้คนเป็นคนดีแท้ๆ เพราะที่สุดแล้ว...ไม่ว่าอะไรจะกระทบ ถ้าจิตเราคลาย
    จากความยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เรายึดอยู่ ให้เราคลายซะ เราถูกกระทบ...
    เราจะไม่กระเทือนแต่ถ้าเรายังยึด นี่ก็สามี นี่ก็ลูก นี่ก็เงิน นี่ก็หน้าที่ นี่ก็การงาน จะเห็นความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ก็จะขอเอาตรงนี้มาแชร์ให้ เพราะว่าอย่างน้อยๆ ในห้องนี้ 20-30 คน ก็แตกสาขาบอกเท่าที่ จะบอกได้

    คนที่บอกได้......ไม่จำกัดแค่คนที่ใกล้ชิดหรือคนที่ท่านรักเท่านั้น เดี๋ยวก็คงจะให้อาจารย์แอ๊ดได้พูดบ้างเพราะว่าท่านเป็นผู้สื่อสาร

    ทั้งหมดนี้...แม่ชีแค่เล่าให้ฟัง ซึ่งเหตุที่ต้องมาพบปะคณะทำงานของทางศูนย์เตือนภัยพิบัติ เพราะคนไทยบางคนไม่ใส่ใจเรื่องธรรมะ ไม่ค่อยจะเชื่อในเรื่องของสิ่งที่รับรู้จากการปฏิบัติธรรม เราก็เลยใช้ความที่เป็นวิทยาศาสตร์มาทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีเหตุผล

    สนับสนุนทั้ง 2 ด้าน ทั้งในทางโลกและทางธรรม เราไม่ได้ทำ
    เพื่อหวังอะไรเลย ฝากเอาไว้แต่เพียงว่า...วันหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำงานฝั่งวิทยาศาสตร์ และฝั่งปฏิบัติธรรม
    กำลังช่วยกัน ไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่อลูกหลานของเรา เพื่อคนร่วมชาติ ร่วมผืนแผ่นดินเกิดเดียวกัน ต่อไป...จะ


    ขอเชิญอาจารย์แอ็ดกล่าวในฐานะผู้สื่อสารว่า...รู้สึกอย่างไรบ้าง?

    ผู้บรรยาย - ก่อนที่อาจารย์จะพูด ผมเรียนให้ทราบนิดหนึ่งจากข้อมูลที่ท่านแม่ชีได้กรุณาให้มาเนี่ยนะ

    ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ ทางอุตุนิยมวิทยาและทางแผ่นดินไหวธรณีวิทยา มันมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้หลายข้อเหมือนกัน

    โดยเฉพาะข้อ 1 แม่น้ำหลักทั้งหลายที่เป็นสายหล่อเลี้ยงประเทศไทย เหนือ กลาง อีสาน... สองฟากฝั่ง

    เต็มไปด้วยทุกข์นี่เป็นไปได้เลย ในหน้าฝนนี่ โอกาสที่จะเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก แล้วก็ท่วมสองฟากฝั่งของแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงประเทศไทยก็จะมีโอกาสมากที่จะเกิดขึ้น

    ข้อ 2 ข้อ 3 ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น

    โดยเฉพาะ ข้อ 4 ถ้าถูกต้องก็จะหมายความว่าประเทศไทยก็จะต้องโดนสึนามิ และโดนดีเปรสชั่น หรือ โดนไต้ฝุ่น ที่พัดผ่านเข้ามาในประเทศไทย อันนี้ทางหลักวิทยาศาสตร์ตามอุตุนิยมวิทยา

    ความแห้งแล้งมันเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อนเนี่ยแน่ชัดเลย ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นนี่มาก เพราะแล้งหนัก มีพายุ
    พัด พื้นที่อีสานทางตอนเหนือ

    และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นอันเป็นวิบากกรรม...ของประเทศเนี่ย ก็อย่าได้ประมาทนะ ผมว่าผู้บริหาร ของเราเนี่ยต้องช่วยๆ กัน

    ต้องขอบคุณแม่ชีและคณะมากที่ได้มาให้ข้อคิดแก่เรา ผมคิดว่าพวกเราคงจะต้องทำ ต้องไม่มีความประมาทและก็
    ไม่ละเว้นในสิ่งที่จะต้องทำแต่เราจะทำได้ดีแค่ไหนก็อยู่แต่บุญแต่กรรมที่เราติดตัวมาด้วย

    อาจารย์แอ๊ด (ธนดิตถ์) - อย่าเรียกอาจารย์เลยนะครับ เพราะว่าผมก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ที่มีบุญวาสนา ได้มาพบธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วก็ศึกษาปฏิบัติตามคำสอน

    สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับพวกเราทุกคนว่า...
    บุคคลที่อยู่ในประวัติศาสตร์ซึ่งเราไม่เคยพบพระองค์ท่าน คือ พระพุทธเจ้า ตอนที่ท่านตรัสรู้ธรรมอายุ 35 ตอน
    ท่านปรินิพพาน อายุ 80 ตามหลักปกติของพระพุทธศาสนา ผู้ที่บรรลุธรรมจะไม่เอาอะไร คือปล่อยวางทั้งหมด แต่
    เรามาดูพระพุทธเจ้าของเราที่ได้ทุ่มเทนำสิ่งที่ท่านรู้มาบอก ทั้งๆที่ครั้งแรกคนก็ไม่เชื่อหรอกครับ ว่าสิ่งที่ท่านรู้จะ
    ช่วยให้พ้นทุกข์ได้

    แต่พอกาลเวลาผ่านไป...ด้วยความเมตตาอุตสาหะของท่านที่มีต่อมวลมนุษย์ สุดท้ายมีคนเชื่อ เริ่มจากพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 จนถึงปัจจุบัน 2551 ปีหลังพุทธกาล พระธรรมคำสอนนั้นก็ยังอยู่ โดยเริ่มจากบุคคล
    ท่านเดียว

    อีกบุคคลหนึ่งที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ท่านทรง
    ครองราชย์ตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะครองสยามประเทศได้ แต่สิ่งที่พระองค์ท่านทำมาจนถึงปัจจุบัน 80 พรรษา


    เราจะเห็นอยู่ว่า...เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ว่า...บุคคลผู้หนึ่งได้ทุ่มเท แล้วก็ทำให้เกิดผลคือความสุขที่เกิดขึ้น ฉะนั้นบุคคลทั้งสองท่านมีบทพิสูจน์ให้รู้ได้จริง

    ทีนี้หน้าที่ของเราคืออะไร หน้าที่ของพวกเราคือ ถ้าเรารู้อะไรที่เป็นความดี ที่เป็นประโยชน์ต่อ ตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อโลก ก็มี 3 ประการที่จะขยายผลไปสู่มุมกว้างได้

    .. ความดีที่เกิดขึ้นกับตนเอง คือทำแล้วมีความสุข

    .. อันที่สอง คือ เกิดขึ้นกับผู้อื่น เริ่มต้นจากคนที่ตนรักและก็ขยายออกไป

    .. อันสุดท้าย คือ ความดีที่มีต่อโลก คือ ไม่จำกัดว่าเป็นคน หรือสัตว์ หรือดวงวิญญาณอะไรก็ตาม ก็เพราะว่า ความดีมันแผ่ขยายออกไปได้ ถ้าเรารู้...ว่าสิ่งที่เรารู้คือความดี

    เราก็ดูแบบอย่างของบุคคลทั้งสองท่านที่อยู่ใน
    ประวัติศาสตร์และที่เห็นเป็นปัจจุบันอยู่ใกล้ตัวเรา แล้วที่สุดก็คือเรารู้ใจของเราเองว่า...เราทำอะไรอยู่ แล้วก็ให้
    สิ่งที่เรารู้บอกออกไป เป็นเรื่องของน้ำใจ เป็นความเมตตา และที่สุดก็คือให้ถือเป็นความเสียสละ เสียสละที่จะบอกกับผู้อื่นว่า...เราจะใช้ปัญญาช่วยเหลือคนที่น่าจะได้รับ
    ความทุกข์อย่างไร อย่างกลุ่มของสวนพุทธธรรมคือ
    บอกเรื่องธรรมะ ว่า...พระพุทธเจ้าสอนอะไร?

    แล้วก็บอกว่าสามารถจะออกจากทุกข์ได้อย่างไร? เพราะเป็นคำ
    สอนของพระพุทธองค์

    ในส่วนของศูนย์เตือนภัยฯ ชื่อก็บอกว่าศูนย์เตือนภัยฯ แต่ถ้าเราบอกไปแล้วไม่มีใครเชื่อ ก็ยังดีกว่าไม่ได้บอกเลย
    แล้ววันหนึ่งความดีกับสิ่งที่เราทำอันเป็นความบริสุทธิ์ มันนับค่าไม่ได้ แล้วเขาจะขอบคุณพวกเราทีหลัง

    ผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ว่าถ้ามีโอกาสก็ขอเชิญไปสนทนาธรรม โดยเฉพาะที่สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน จะเป็น
    กลุ่มของฆราวาส พวกเรามีหลากหลายอายุที่จะเลือกสนทนาธรรม แล้วก็มาเฟ้นธรรม คือพระธรรมใน


    พระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้า หลักคำสอนที่เรียกว่า “อริยสัจ 4 - มรรคมีองค์ 8” ซึ่งจะทำให้พวกเราทุกคน
    เข้าใจโลกตามความเป็นจริง เรียนรู้ทั้งสุขและทุกข์ แล้วก็ออกจากทุกข์ได้ตามกำลังสติปัญญา บุญ วาสนา บารมี
    ของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สร้างกุศลอย่าหยุด...ทุกเวลา

    ผมก็ขอให้กำลังใจกับ ดร.สมิทธและทีมงานทุกคน และพวกเราที่ประชุมกัน สิ่งที่ประชุมกันวันนี้...ถ้าเราเชื่อสิ่งที่
    แม่ชีนุชพูดว่า...สิ่งที่มองไม่เห็นคือดวงจิตทุกดวง เราอย่าบอกว่า “ไม่มี” นะครับ เราต้องบอกว่า “ไม่รู้”

    มีคนๆหนึ่งพูดกับผมว่า...อาจารย์แอ๊ด “เคยเห็นลมไหม” ผมบอกว่า “ไม่เคยเห็น” แต่สิ่งที่พัดอยู่อาจารย์แอ๊ด
    เรียกว่าอะไร ผมบอกว่า “ลม” มันมีหรือไม่มี? ผมบอกว่า “มี” เราเห็นหรือไม่เห็น? ผมบอก “ไม่เห็น”

    เพราะฉะนั้น “สิ่งที่เราไม่รู้...เราต้องบอกว่าไม่รู้” แต่ “สิ่งที่เราไม่เห็น อย่าบอกว่าไม่มี...ให้บอกว่าไม่รู้”

    แทน นี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่อยากบอกท่าน เรามาช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคน แล้วก็ยินดีต้อนรับพวกท่านที่มีโอกาส


    ไปที่สวนพุทธธรรม จ.ลำพูน มีโอกาสผมก็จะมา ถ้ามีประชุมก็จะมาพบเจอกัน ก็ขอบุญบารมีของพระพุทธเจ้า
    ช่วยเมตตาทุกคน ขอขอบคุณทุกคน

    ผู้บรรยาย – ก็ขอบพระคุณมาก ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ให้ข้อคิด ที่จริงเราก็ทำอย่างเต็มที่ทุกคน เวลาไป
    บรรยายให้องค์ความรู้ หรือไปเตือนภัยให้เขาระวังอะไรต่ออะไร บางทีก็ได้รับผลตอบที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยทุก
    อย่าง บางคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างไม่เชื่อแล้วยังกล่าวหาอีกว่ามาทำให้เศรษฐกิจ
    การดำรงชีวิตของเขาตกต่ำเพราะเอาแต่เรื่องร้ายๆมาบอกว่า พื้นที่ของเขาจะประสบภัยพิบัติอะไรบ้าง บางครั้งก็ต้องบอกรุนแรงเลยว่า...

    ถ้าคุณไม่เชื่อผมนะ คุณจะไม่มีโอกาสมาต่อว่าผมอีกแล้วในครั้งต่อไป ถ้าคุณเชื่อผมคุณก็ยังมีโอกาส มีชีวิตที่จะ
    มาถามผมอีก... ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในโอกาสต่อไป บางคนก็ดื้อรั้น สิ่งที่อยากจะได้คือ กำลังใจ ภาวนาจากสิ่งที่เรา
    มองไม่เห็น คืออยากจะให้ผู้บริหารประเทศให้ความสนใจกับงานที่เราทำ เพราะงานที่เราทำไม่ค่อยได้รับความ
    เหลียวแลจากผู้ที่เขามีอำนาจในการบริหาร เพราะฉะนั้นเราก็มีปัญหา

    ประสบปัญหามาทั้งทางด้านงบประมาณ
    การบริหาร เครื่องไม้เครื่องมือไม่ค่อยพอ นี่ก็เป็นปัญหา ผมก็คิดว่ากุศลผลดีที่เราทำก็อาจจะตอบสนองให้เราสามารถช่วยชีวิตคน หรือช่วยทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองปลอดจากทุกข์ภัยมากขึ้น เพราะว่าภัย ธรรมชาติที่เขียนไว้ ที่แม่ชีให้มานี่ ผมรับรองว่ามีแน่ แต่ว่าหนักหนาแค่ไหนก็ต้องดูกันไป แต่ถ้าเราไม่ เตือนไม่บอกอย่างนี้ภาคเอกชนก็ได้เข้ามาช่วยเยอะ อีก 2-3 วันเราพยายามจะเตือนล่วงหน้าเลยว่าอะไรจะเกิดใน
    พื้นที่ใด จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ จะแจ้งให้ทราบ จะให้ข้อมูลอาจารย์ที่ปฏิบัติ

    ธรรมที่อยู่ที่จังหวัดลำพูน เราจะได้รับการแจ้งล่วงหน้าจากศูนย์ฯ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนนี้ก็พยายามจะทำอยู่ แต่
    ก็ยังมีปัญหาเยอะที่จะต้องทำต่อไป ท่าน...... ก็อุตส่าห์มาช่วยราชการ มาทำงานกันอยู่ และก็มีอีกหลายท่านที่มา ช่วยงาน ซึ่งเราก็ต้องทำงานต่อไป แต่ผมยืนยันได้เลยว่าสิ่งที่แม่ชีให้มานี่...มีแน่ แต่ว่าความรุนแรงจะมีแค่ ไหนก็แล้วแต่ จากการที่ได้ติดต่อกับเบื้องบน พอจะทราบไหมครับว่าจะมีในภาคไหน มีกำหนดวันเวลาที่แน่นอน
    ที่ใกล้เคียงไหม เราจะได้ระวังได้มากขึ้น

    คณะแม่ชี - เท่าที่รู้ระดับปี ก็คือปี 2551, จะรุนแรงขึ้นในปี 2552, ปี 2553 จะแรงและเร็ว

    ผู้บรรยาย - ผมถึงได้บอก ฤดูฝนข้างหน้านี่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะว่าสภาวะโลกร้อนนี่มันทำให้การเกิด ภัยพิบัติรุนแรงขึ้น

    .. พายุที่เข้าที่ หลุยเซียน่า ที่นิวออลีนส์ มันเกิดจากอุณภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น มันก็มีความรุนแรง ความเสียหายเยอะแยะ

    .. ฉะนั้นในอ่าวไทย ในทะเลจีนก็ดี ในอันดามันก็ดี มันก็จะเกิดพายุ เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง ความรุนแรงก็จะมีขึ้น อาจจะมีพายุใต้ฝุ่นเข้ามาอีกลูกก็ได้ เราโดนพายุไต้ฝุ่นลูกเดียวคือพายุ
    เกย์ แต่เราอาจจะโดนอีกลูกก็ได้

    .. น้ำนี่ท่วมแน่ ฝนตกหนักหน้าฝนเนี่ย อาจจะมีน้ำท่วมในภาคกลาง แถวพิจิตร สุโขทัย ตาก ต้องระวังหนัก

    ผมขอขอบพระคุณที่ให้ข้อมูลทางนี้มา เพราะตัวผมเองก็ยอมรับว่า ผมยังเข้าไม่ถึง จิตใจผมยัง เข้าไม่ถึง แต่จะพยายามทำ

    คณะแม่ชี (คุณพิมพ์) - ขอถาม ที่ท่านเตรียมเผยแพร่นี้ จะขออนุญาตเอาขึ้นบนเว็บไซต์ของทางสวนพุทธธรรม

    จะได้เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางธรรม

    ผู้บรรยาย - ผมมีเรื่องภัยร้อนก็มีนะ แล้วก็พายุฯ ยินดีเผยแพร่ครับ ถ้ามีสิ่งใดที่ทางคณะจะให้ข้อมูลก็ยินดีเลย

    แม่ชี - ถ้าเรามีโอกาสไปให้ความรู้ทางโลกและทางธรรมกำกับกันไป ก็ยินดีนะคะ และถ้ามีโอกาสจะขอ

    เชิญท่านขึ้นไปบรรยายบ้าง

    ผู้บรรยาย - ก็เชิญมาได้เลย เรามีงบประมาณพอที่จะไปให้ ขอให้มีผู้ฟังให้เยอะๆหน่อย ผมก็ไปบรรยายอยู่

    เรื่อย ที่ราชภัฎเชียงราย เชียงใหม่ ไปตามโรงพยาบาล ชุมชนต่างๆ บางทีไปบรรยายตาม

    หมู่บ้านเล็กๆ นั่งเรือไป มีคนมาฟัง 7 คนก็ยังบรรยายเลย เราก็พยายามให้องค์ความรู้แก่
    ประชาชน ช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้ เพราะว่าเขาก็บอกคนที่ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือเขา ตีค่า
    ชีวิตเขาถูก คือไม่โดนกับญาติมิตรของตนเอง คือพวกที่เราไปให้องค์ความรู้กับเขานี่ คนที่เขา
    เสียชีวิต เห็นลูกเมียตายไปต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกซึ้งมากที่เราไปให้ความรู้ คนที่ไม่พบเห็น ไม่
    ประสบภัยธรรมชาติเช่นนี้นะ ไม่เห็นศพที่นอนเกลื่อนกลาดเหม็นคลุ้ง หรือศพที่ลอยเป็นแพอยู่
    ในทะเล ไม่รู้สึก..ว่าชีวิตคนมีค่าแค่ไหน ผมก็พยายามจะทำ แต่ว่าผมก็มีอุปสรรคเยอะ, 3 ปีไม่ได้
    ราบรื่นเลย และก็ยังหวังว่าพระเบื้องบน แม้ว่าอาจจะมีกรรมเก่าอยู่บ้างก็ต้องเมตตากันบ้าง
    เพราะบางทีเราก็ฟันผ่าอุปสรรคมามาก มีปัญหามาก

    คณะแม่ชี - ขออนุญาตเรียนปรึกษานิดหนึ่งว่าศูนย์เตือนภัยฯนี่มีข้อมูลเกี่ยวกับ...... เนื่องจากเราเตือนแล้ว

    เขาไม่ฟัง มีการอธิบายเกี่ยวกับวิธีการ ถ้าเจอพายุถล่ม...

    ผู้บรรยาย - เราบอกหมด มีรายละเอียด มีพิมพ์แจก มีโบรชัวร์แจกเลย ว่าเรือต้องทำอย่างไร ว่าคลื่นที่เกิด
    จากพายุกับคลื่นที่เกิดจากสึนามิมันต่างกัน

    .. คลื่นที่เกิดสึนามิ...อย่าเอาเรือหลบใกล้ฝั่ง ไม่ได้ เพราะมันจะยกเรือขึ้นฝั่งแล้วไปชนบ้าน ชน
    คนตายหมด เรือก็แตก ต้องเอาเรือออกไปนอกฝั่งไกลๆเพราะจะไม่มีคลื่น

    .. แต่ถ้า คลื่นที่มาจากพายุ...คลื่นนอกฝั่งมันแรง ต้องเอาเรือเข้าใกล้ฝั่ง รายละเอียดข้อต่างๆ เราต้องไปชี้แจงเขา ต้องไปบรรยายให้เขาฟัง

    ผู้บรรยาย - สำหรับงบประมาณของกรมอุตุนิยมวิทยาต้องคิดถึงสิ่งที่เราทำไปเพื่อจะรักษาชีวิตและทรัพย์สิน

    (นอกรอบ) ของประชาชน ต้องมีอุปกรณ์ที่ดี กรมอุตุฯควรจะต้องมีพร้อมเลย รู้ว่าจะมีพายุที่ไหน พายุจะเข้า
    ที่ไหน เวลาไหน มีแผนที่ มีข้อมูลอะไรต่ออะไร ถ้ามีงบประมาณก็ทำแล้ว นี่ค่าเสียหายที่เกิดน้ำ ท่วมในอดีตเขาตีมา 3,000 ล้านนะเมื่อปี 2538, 6,000 ล้านในปี 2526, พวกนี้เราสามารถที่จะ
    Save เงินพวกนี้ได้ เอามาสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล สุขศาลา ไปทำนุบำรุงประชาชนได้เยอะ แต่รัฐบาลเขามองไม่เห็น ถ้าเกิดอย่างนี้ อย่างปี ’36 ’38 ’39 ถ้าผมได้งบฯมาก็จะช่วยทำให้
    ค่าเสียหายลดลงไปได้เหลือแค่ 1,500 ล้าน ลดลงได้ครึ่งหนึ่ง

    ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวฯอยู่ตลอดเวลา พระองค์ท่านทรงสนพระทัย เรื่องความทุกข์ยากของประชาชนมากที่สุด ท่านสนพระทัยเรื่องปฏิบัติธรรม ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา
    มานานแล้ว ท่านทรงทราบล่วงหน้าว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย บางครั้งที่พระองค์ท่านให้
    ราชองครักษ์หรือสมุหราชองครักษ์ถามอะไรมา ก็ต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะพระองค์
    ท่านพอที่จะรู้ว่าอันนี้เกิดขึ้นจะรุนแรงไหม ให้ถวายรายงานขึ้นไป ในงานพระราชพิธี...ถ้ามีพระ
    ทางวิปัสสนาไปเทศน์จะทรงโปรดมาก หลังจากเทศน์แล้ว...พระองค์ท่านจะไปสนทนาธรรมเป็น
    เวลานาน พระองค์ทรงรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ผมเคยมีปัญหากราบบังคมทูล

    เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ ตอนที่เกิดพายุพัด.....ที่จะมีผลกระทบต่อกรุงเทพฯ ซึ่งปัญหาตอนนั้นน้ำ
    ท่วมเต็มอยู่แล้วเพราะทิศทางของพายุมันจะต้องเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วทำให้เกิดวิบากกรรมใหญ่ๆ ก็ไปกราบบังคมทูลพระองค์ท่าน พระองค์ท่านพิจารณาแล้ว ไม่ทราบว่าพระองค์ท่าน
    พิจารณาด้วยวิธีใด ท่านบอกว่าพายุลูกนี้ไม่เข้า เพราะจะขึ้นจีน-ขึ้นที่เกาะไหหลำ แล้วพายุนี่ก็ไม่
    เข้าจริงๆ ผิดหลักวิทยาศาสตร์ ผิดหลักอุตุนิยมวิทยา ผิดหลักวิชาการหมดเลย แล้วหลังจากนั้น
    มามีโอกาสได้เข้าเฝ้าอีก

    ได้ไปกราบบังคมทูลถามพระองค์ท่านว่า...ทำไมพายุลูกนี้ถึงไม่เข้าทั้งๆ
    ที่ CNN BBC องค์กรต่างๆ อุตุนิยมวิทยาต่างๆบอกว่าเข้าแน่ พระองค์ท่านบอกไม่เข้า เพราะว่า
    ได้ให้นางมณีเมขลาพาไปเขาพระสุเมร ได้พาความทุกข์ออกไป...


    พระองค์ท่านทรงเห็นความสำคัญ และท่านทรงให้พระราชวินิจฉัยแนะนำเรื่องต่างๆ
    เรื่องการเกิดพายุภัยธรรมชาติที่มีผลต้องแก้ไขอย่างไร ต้องทำอะไร ให้ความร่วมมือ อย่างไร ต้องมีบูรณาการ บอกทำคนเดียวทำไม่ได้ อย่าไปทำอะไรคนเดียว ต้องพึ่งคน อื่นเขา ต้องขอข้อมูลจากคนอื่นเขา อย่าไปทำอะไรคนเดียว ทำไม่ได้ ต้องมีบูรณาการ
    ต้องมีการประสานงานกับคนอื่นถึงจะมีความสำเร็จ

    ก็หวังว่าบุญบารมีที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติจะได้แผ่มาให้ผมบ้าง แผ่มาให้ศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ
    บ้าง ถ้ามีอะไรก็แจ้งมาให้ผมทราบ จะได้ให้ผู้ร่วมงานได้ช่วยกันตรวจสอบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
    จากทั่วโลกเป็นการ Cross check กันด้วย

    อาจารย์น้อง (อดิศักดิ์) - ในนามของผู้ปฏิบัติธรรม สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน สาขาวัดพระธาตุหริภุญชัย

    วรมหาวิหาร ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้รับความรู้จากท่าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และทีมงาน

    ขอขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้กับคณะทำงานทุกท่าน ให้ทำหน้าที่ที่เสียสละให้กับคนอื่น แม้จะเหนื่อยยาก
    อย่างไรก็ตาม เราเองมีหน้าที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือทำเพื่อคนอื่นเช่นกัน ฉะนั้น จะท้อถอยบ้าง
    จะเหนื่อยล้าบ้าง แต่อย่าหยุดนะครับ อย่าหยุดในการกระทำหน้าที่อันดีงามนี้ ขออนุโมทนาครับ

    หนีภัย

    ความเก่าแก่แผ่คลุมกลุ่มดินฟ้า

    ผ่านเวลาพาร้อนย้อนร่องสินธุ์

    เกิดรอยแยกเคลื่อนตัว...ใต้แผ่นดิน

    เปิดฉาก “ภัยชีวิน” โดยฉับพลัน

    คลื่นยักษ์...ใหญ่ไล่ล่าเข้าหาเหยื่อ

    ความสูญเสียเป็นเบือเพราะอาสัญ

    พายุ...หอบน้ำโหมเข้าโรมรัน

    มนุษย์พลันพ่ายแพ้แก่น้ำ..ลม

    ความกร่อนของแกนหล้าครา...โลกร้อน

    ยังสะท้อนภัยกล้าไม่สาสม

    แผ่นดินไหว...ทำลายภูสู่บึงตม

    วิบัติลมดินน้ำตามเหตุกรรม

    ปวงมนุษย์หากมิหยุดความเลวร้าย

    ยังทำลายธรรมชาติไม่อิ่มหนำ

    ความสมดุลเสียหายต้องระกำ

    ธรรมชาติจักนำภัยกลับมา

    หยุดได้ไหม...หยุดใจที่มากพิษ

    หยุดความคิดโกยกอบด้วยตัณหา

    หยุดทำลายด้วยใจที่เมตตา

    หยุดปัญหามาแก้ไขใฝ่ร่วมมือ

    สารจากสรวงส่งคำทำนายซ่อน

    ปราศอักษรแสดงเหตุไร้หนังสือ

    บอกด้วยธรรมชาติ...ใช่ข่าวลือ

    ตามอาเพศที่อื้ออึงแผ่นดิน

    ทำอย่างไร...จักหนีภัยได้หลุดพ้น

    มากกังวลเครือญาติทั้งทรัพย์สิน

    มุ่งตระหนกตกใจไม่นอนกิน

    ชีพอาจสิ้นก่อนภัยมาถึงตน

    หนีจากภัยต้องใช้ “ใจที่เมตตา”

    สร้าง ศรัทธา ใน กรรม เชื่อ เหตุผล

    มี ปัญญา ควบคุมใจไม่ร้อนรน

    นำชีพชนม์กอปร บุญ ให้คุ้นเคย

    ประพันธ์โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร

    ประธานมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

    เตรียมตัวป้องกันภัย....เตรียมใจรับสถานการณ์

    โดย อาจารย์เอก สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน

    ในพระธรรมวินัยชื่อ “ปโลกสูตร” ว่าด้วยเหตุที่ทำให้มนุษย์มีจำนวนน้อยลง บทหนึ่งมีกล่าวไว้ว่า....

    เมื่อมนุษย์ยินดีในความยินดีที่ไม่ชอบธรรม ถูกความโลภครอบงำ ประกอบด้วยอธรรม ฝนย่อมไม่ตกตามฤดูกาล
    ข้าวปลาอาหารหาได้ยาก ข้าวกล้าเสียหายเป็นเพลี้ยหนอนเหลือแต่ก้าน และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภัย
    ธรรมชาติ เกิดภัยพิบัติ มนุษย์จึงล้มตายเป็นอันมาก

    ในภาวะปัจจุบันมนุษย์เริ่มตื่นตัวเรื่องโลกร้อนหรือภัยพิบัติกันเป็นจำนวนมาก เพราะเกรงว่าความวิบัติ
    เหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัวอันเป็นที่รัก แต่มนุษย์โดยมากไม่ได้ตื่นตัวหรือสนใจที่จะกำจัดความ
    ร้อนอันเป็น “ไฟภายในใจตน” คือ ไฟแห่งราคะ โทสะ โมหะ ที่คอยเผาผลาญนรชนผู้มีความกำหนัด ผู้หมกมุ่น
    อยู่ในกามทั้งหลาย ผู้มีจิตพยาบาท และผู้ลุ่มหลง มนุษย์จึงแสดงความร้อนภายในออกมาเป็นการกระทำ
    ร่วมกันทำลายสมดุลของธรรมชาติด้วยความเห็นแก่ตัวและสะสมนับเนื่องมายาวนาน จนเกิดภาวะโลกร้อนจน

    ยากจะทำการแก้ไขได้ทันกาล เพราะเป็นกรรมมวลรวมที่มนุษย์ร่วมกันสร้างขึ้นจนถึงพร้อมแห่งกาลเวลาที่วิบาก
    กรรมนั้นได้หวนกลับมาและคอยจดจ่อให้ผลอยู่ เพื่อทำลายเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ให้ลดจำนวนลง เพื่อปรับสมดุล
    ของธรรมชาติอีกครั้งหนึ่ง เป็นวัฏจักรแห่งการเกิด-ดับ เกิด-ดับ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป เป็นธรรมดา เป็นตถตาก็
    เท่านั้นเอง

    ดังที่ได้พบเห็นเป็นตัวอย่างกันแล้วมากมายทั้งภายในและต่างประเทศในยุคปัจจุบัน

    โลกก็ร้อน ใจมนุษย์ก็รุ่มร้อน พลังชีวิตที่ไม่บริสุทธิ์รอบๆร่างกายมนุษย์ก็เป็นพลังงานที่ร้อน ยิ่งส่งเสริมให้พลังความร้อนรวมกันมากยิ่งขึ้น

    การดับความร้อนของโลกได้ก็ต้องดับความร้อนภายในของมนุษย์ก่อน
    การดับความร้อนภายในได้นั้นก็ต้องอาศัยความสงบชุ่มเย็นของพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ให้หลั่งรดลงไปที่จิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย ให้เกิดปัญญา เมตตา กรุณา เพื่อลด ละ และทำลายไฟ คือราคะ โทสะ โมหะให้เบาบางลงไป และแสดงออกมาเป็นการกระทำ เป็นคำพูด เป็นความเมตตา กรุณา ความเสียสละ

    ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อชาติบ้านเมือง ต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเตรียมความ
    พร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไม่เห็นแก่ตัวเมื่อยามมีภัยพิบัติเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม

    แม้จะมีกลุ่มคนที่คิดได้เช่นนี้เพียงน้อยนิด แต่ก็ถือว่าได้สมค่าแห่งการเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธ-
    ศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วและถ้าหากได้ศึกษาและใฝ่รู้ในธรรม
    นำไปปฏิบัติจนเกิดผลแล้วก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นยิ่งๆ
    ขึ้นไป เพราะผู้ที่เข้าถึงธรรมแล้วจะเป็นผู้อยู่อย่างไม่เบียดเบียนใคร และ
    พร้อมที่จะเสียสละทรัพย์และความสุขส่วนตนเพื่อผู้อื่น เพื่อส่วนร่วม เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อพระศาสนา ได้อย่าง
    แท้จริงโดยปราศจากอกุศลที่เคลือบแฝงภายใน

    สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน คือ สถานธรรมอันอุดมมงคลที่รื่นรมย์ ถวายให้เป็นสมบัติกลางของพระพุทธศาสนา สาขาวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร โดยมีพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุ
    หริภุญชัย และเจ้าคณะจังหวัดลำพูน เป็นประธาน

    ปัจจุบันได้พัฒนาเป็น สถานธรรมกลางเพื่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน ทำงานภายใต้มูลนิธิสวน พุทธธรรม เป็นศูนย์รวมของพุทธบริษัท ๔ อันหมายถึง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่มีใจตั้งมั่นในพระศาสนา
    ทั้งภายในและต่างประเทศ ให้เกิดความร่วมมือกันด้วยใจอันเป็นกลางในการเผยแผ่ธรรม และร่วมกันทำงานด้วย

    สามัคคีธรรมให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดินโดยส่วนรวม

    ผู้ปฏิบัติธรรมมาจาก ๔ ทิศ หลากหลายสำนัก ทุกสาขาอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ต่างมาร่วมกันทำงาน ณ

    สวนพุทธธรรม โดยความสมัครใจ และอยู่ร่วมกันดุจพี่น้อง เคารพกันตามอาวุโส ไม่มีเจ้าสำนัก ไม่ขัดแย้งกันเพราะ
    ยึดพระรัตนตรัยเป็นหลักสูงสุดและอาศัยหลักความเป็นกลางในการเข้าถึง
    พระรัตนตรัยด้วยใจอันตั้งมั่น โดยมี

    พระพุทธเจ้า เป็นประธานสูงสุด..............................ในฐานะพุทธบิดา

    พระไตรปิฎก เป็นประธานสูงสุด..............................แห่งพระธรรมคำสั่งสอน

    พระสงฆ์ (หมู่แห่งสงฆ์ทั้งปวง) เป็นประธานสูงสุด.......แห่งผู้สืบทอดพระศาสนา

    พุทธบุตร พุทธอาสา คือ ผู้รับใช้พระศาสนา และเกื้อกูลหมู่สงฆ์ ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้กับมหาชน
    ในทิศทั้ง ๔ ที่เดินทางมาศึกษาและปฏิบัติธรรมที่สวนพุทธธรรม

    พุทธบุตร พุทธอาสา และผู้ปฏิบัติธรรมของสวนพุทธธรรมทุกท่าน ล้วนเป็นผู้เห็นภัยอันยิ่งใหญ่และน่ากลัว
    กว่าภัยธรรมชาติหรือภัยพิบติทั้งหลาย เป็นภัยที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว...ทั้งในคืนวันตรัสรู้และทั้งในอริยสัจ ๔
    ภัยนั้น คือ ภัยแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ภัยแห่งสังสารวัฏ ภัยคือชาติ (ความเกิด) ชรา (ความแก่) มรณะ
    (ความตาย) อันไม่มีที่สิ้นสุด อันไม่รู้จบสิ้นของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตราบใดที่ยังมีกิเลสและตัณหา
    ดังนั้นคณะพุทธบุตร พุทธอาสาทั้งหลายจึงดำรงตนด้วยความไม่ประมาท หมั่นสร้างสมบุญกุศลและประพฤติปฏิบัติ
    ธรรม เพื่อกำจัด...ต้นเหตุของไฟภายใน อันหมายถึง ตัณหาและอุปาทาน นั่นเอง

    11ด้วยเหตุนี้ คณะพุทธบุตร พุทธอาสาทั้งหลายจึงถือว่าเป็นผู้เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่ก็ตาม และร่วมมือร่วมใจกันในการ เตรียมตัวป้องกันภัย...เตรียมใจรับสถานการณ์ และคอย
    ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดมีขึ้นในอนาคตทั้งภายในและต่างประเทศตามกำลังที่จะกระทำได้

    แนวทางการเตรียมตัวช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติของคณะสวนพุทธธรรม

    ๑. เตรียมคนเข้าสู่ธรรม


    โดยการสร้างกุศลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และร่วมกันประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวทางของอริยสัจ ๔
    และอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกเพื่อมุ่งสู่การดับทุกข์

    ผู้ที่สร้างกุศลอย่างสม่ำเสมอ และตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมย่อมถือว่าเป็นผู้ไม่ประมาท และเป็นผู้ถึง
    พร้อมด้วยบุญและปัญญาไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม ย่อมได้รับประโยชน์จากพระธรรมคำสอนของ
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหากเกิดภัยพิบัติขึ้นจริงก็สามารถโน้มนำธรรมมาพิจารณาเพื่อดับทุกข์ได้ทันท่วงที
    โดยมีหลักพิจารณาเบื้องต้นดังนี้

    ๑.ก. เตรียมใจด้วยปัญญา มองเห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตาม
    กฎพระไตรลักษณ์ มองเห็นชีวิตและโลกตามความเป็นจริง ตามหลักอริยสัจ ๔

    ๑.ข. เตรียมด้วยบุญกุศล คือความไม่ประมาทในการสร้างกุศลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แม้จะเสีย
    ชีวิตก็ยอมรับได้ และพร้อมที่จะตายเคียงข้างกุศลที่ตนได้สั่งสมมาอย่างดี
    เพราะแท้จริงแล้วเราอาจจะตายก่อนภัยพิบัติเกิดขึ้นก็เป็นได้

    ๑.ค. มีความมั่นใจในคุณพระรัตนตรัย ที่ตนเลื่อมใสอย่างแท้จริง และมั่นใจในบุญกุศลที่ตนทำว่าจะนำพา

    ให้ตนและหมู่คณะของตนนั้นปลอดภัย และจะร่วมใจกันช่วยเหลือผู้อื่นอย่าง
    เต็มที่เมื่อมีโอกาสโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน


    ๒. เตรียมกำลังอาสาสมัคร

    สวนพุทธธรรมมี โครงการรวบรวมคนดีเพื่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการ และลงทะเบียนไว้แล้วประมาณ ๓๐๐ คนทั่วประเทศ เป็นพุทธบุตรผู้ปฏิญาณถวายชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาและ
    แผ่นดินทั้งหมด ๑๔๒ คนและเป็นพุทธอาสาผู้เสียสละทำงานโดยความสมัครใจทั้งหมด ๑๖๐ คน ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความเจริญของพระพุทธศาสนาและชาติบ้านเมือง และกระจายกันออก

    ทำงานตามฐานะและกำลังของตนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ดังนั้น ถ้าหากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงทุกคนก็พร้อมช่วยเหลือ
    ซึ่งกันและกัน และร่วมใจกันช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    ๓. เตรียมสถานที่

    สถานธรรมกลางเพื่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน เป็นศูนย์กลางการทำงานของ
    พุทธบุตรและพุทธอาสา ศูนย์กลางในการแจ้งข่าวสาร การพบปะ การชุมนุม การทำกิจกรรมร่วมกัน และการศึกษา
    และปฏิบัติธรรม เป็นสถานธรรมกลางที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ หากแต่เป็นของพุทธบริษัททั้ง ๔ อยู่ร่วมกันโดยไม่ขัดแย้ง
    กันด้วยหลักความเป็นกลางที่กำหนดไว้ และอาศัยพุทธวัฒนธรรมในการทำกิจกรรมร่วมกันในทุกวันเสาร์ - วันอาทิตย์ และในช่วงปลายปีของทุกปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคมถึงสิ้นปี จะมีการชุมนุมใหญ่ทั้งพระสงฆ์ในทิศทั้ง ๔ พุทธบุตร

    พุทธอาสา ผู้ปฏิบัติธรรมและมหาชนทั่วประเทศจะมาร่วมกันทำบุญใหญ่ประจำปี และร่วมกันทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน

    ปัจจุบันสวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ทั้งหมด ๒๔ ไร่ และมีพื้นที่ที่เตรียมขยายได้อีกกว่า ๑๐๐ ไร่

    ดังนั้น หากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง สถานธรรมกลางแห่งนี้ก็สามารถรองรับผู้ประสบภัยพิบัติได้ และคณะพุทธบุตรพุทธอาสาทุกคนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยใจอันสามัคคี

    ๔. เตรียมทุนทรัพย์และเสบียง

    ปัจจุบันคณะทำงานสวนพุทธธรรมได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิสวนพุทธธรรม เพื่อระดมทุนทรัพย์จากผู้มีจิต ศรัทธา เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน โดยมีพระสงฆ์ในทิศทั้ง ๔ และคณะผู้ปฏิบัติธรรมจะมาร่วมอนุโมทนาในทุกวันเสาร์และทุกสิ้นปี (รวมกันทั่วประเทศ) และหากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นก็สามารถ
    นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้


    นอกจากนี้คณะพุทธบุตร พุทธอาสายังได้ร่วมกันจัดตั้ง โครงการสัมมาอาชีวะเพื่อพระพุทธศาสนา
    และแผ่นดินขึ้นโดยร่วมมือกับเกษตรกรเพื่อปลูกพืชผักเกษตรอินทรีย
    ์หลากหลายชนิดในพื้นที่โครงการกว่า ๕๐-
    ๑๐๐ ไร่ในเบื้องต้น และจัดจำหน่ายยังตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยจะนำรายได้อันเป็นผลกำไรจากโครงการเข้าสู่มูลนิธิสวน
    พุทธธรรม

    เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดินโดยส่วนรวมตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
    และถ้าหากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นพืชผักเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดก็สามารถที่จะนำไปเป็นเสบียงเพื่อช่วยเหลือ
    ผู้ประสบภัยได้ตลอดเวลา

    หลักการที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นถือเป็น หลักการเตรียมตัวป้องกันภัย...เตรียมใจรับสถานการณ์ อัน
    เกิดจากภัยพิบัติของคณะทำงานแห่งสวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน โดยอยู่บนพื้นฐานของเจตนาอันดีงามเพื่อ
    ปรารถนาจะเห็นผู้อื่นปลอดภัยและมีความสุข ถึงแม้จะมีผู้เห็นความสำคัญหรือไม่ก็ตาม คณะพุทธบุตร พุทธ
    อาสาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานให้กับพระพุทธศาสนาและแผ่นดินโดยไม่หวัง
    สิ่งตอบแทน แม้จะลำบากหรือเหนื่อยกาย
    เพียงใด แต่มีความสุขใจ และจะรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยสามัคคีธรรม จนกว่าจะสิ้นลมหายใจพร้อมความดีที่ ได้บันทึกไว้ในพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน ทุกประการ

    ผู้ใดมีจิตอาสา ขอเชิญลงทะเบียนสมัครเป็น พุทธอาสาเพื่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน ได้

    ณ สวนพุทธธรรม จังหวัดลำพูน เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน...ฝากความดีไว้ในพระพุทธศาสนาและแผ่นดิน

    โทร. : (053)003-307, (085)714-7395, (089)955-9646, (081)842-1313

    แฟ็กซ์ : (053)003-306

    E-mail : suanbudd.lp@hotmail.com

    อาทิตตสูตร

    เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว

    เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้

    ภาชนะนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา

    ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไปย่อมถูกไฟไหม้...ฉันใด

    โลก (คือ มนุษย์) ถูกชรา และมรณะเผาแล้ว...ก็ฉันนั้น

    ควรนำออกด้วย “การให้ทาน”

    เพราะทานที่บุคคลให้แล้ว ชื่อว่า “นำออกดีแล้ว”

    ทานที่บุคคลให้แล้วนั้น ย่อม “มีผลคือความสุข”

    ที่ยังมิได้ให้ ย่อมไม่มีผลอย่างนั้น

    โจรยังปล้นเอาไปได้ พระราชายังริบเอาไปได้

    ไฟยังไหม้ได้ หรือ สูญหายไปได้

    (ทั้งจากภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว, พายุพัด, น้ำท่วม เป็นต้น)

    อนึ่ง บุคคลจำต้องละร่างกาย

    พร้อมด้วยสิ่งของ เครื่องอาศัย...เพราะการตายจากไป

    ผู้มีปัญญารู้ชัดดังนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน

    ครั้นให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติเตียน

    ย่อมเข้าถึงสถานที่อันเป็นแดนสวรรค์
    _____________________________________________________________

    พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑๕ หน้า ๕๗


    โครงการศึกษาธรรมภาคพิเศษ (เฉพาะผู้เข้าร่วมโครงการ)

    การศึกษาธรรมจากเทพประจำตัว โดยวิธีทิพยอักษร

    กรณีศึกษา (เฉพาะบุคคล) ลำดับที่ 2551/15 : คุณวสันต์ ตาคำปัญญา

    วันที่ อาทิตย์ ที่ 20 มกราคม 2551 ผู้บอกกล่าว ตัวแทนเทพทั้ง 5 จากชั้นดุสิต

    องค์ประกอบของการศึกษา 1. ผู้สื่อสาร (คุณ ธ.) 2. ผู้มาสื่อสาร (เทพเทวา) 3. ผู้ศึกษา (ผู้รับฟัง)

    ลักษณะของการศึกษา ผู้สื่อสารกำหนดจิต อ่านข้อความ ที่ปรากฏในสมาธิ ตามที่เทพเทวาประจำตัว
    ของผู้ศึกษากำหนดและบอกกล่าว เพื่อให้ผู้ศึกษาได้รับฟังและนำ ไปพิจารณาให้
    สอดคล้องกับหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยปัญญาของตนเอง โดยไม่
    ยึดติดกับบุคคลหรือคณะใด

    ผู้เข้าร่วมโครงการ เป็นผู้สนใจศึกษาและปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของพระพุทธศาสนา และ

    เข้าใจหลักการศึกษาของโครงการตามที่กำหนดไว้ โดยผ่านการพิจารณา

    และเห็นชอบจากคณะกรรมการโครงการ

    บทนำที่ควรรู้

    โครงการศึกษาธรรมภาคพิเศษนี้ไม่ได้เป็นไปในรูปแบบเจ้าสำนัก หมอดู หรือร่างทรง แต่เป็นรูปแบบของ โครงการศึกษาวิจัย เพราะผู้สื่อสารเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ประพฤติพรหมจรรย์ และปฏิบัติตามแนวทางแห่งมรรคมีองค์
    8 เพื่อมุ่งสู่การดับทุกข์เป็นที่สุด แต่ได้อาศัย คุณสมบัติพิเศษ อันเป็นผลจากการปฏิบัติธรรมที่สามารถสื่อสารกับ
    เทพประจำตัวของผู้อื่นได้โดยในขณะที่สื่อสารเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และได้ผ่านโครงการทดลองใน ระยะเวลา 1 ปี โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 300 ราย


    จากท่านผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ทั้งพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติ
    ธรรม ข้าราชการ ครู อาจารย์ แพทย์ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนประชาชนทั่วไป จึงทำให้เกิดเป็นโครงการศึกษาวิจัย
    เพื่อรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์จากการศึกษาทั้งหมด (กำหนดไว้ประมาณ 1,000 กรณีศึกษา) เพื่อนำไป
    สนับสนุนพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ปรากฏในพระไตรปิฎก โดยผู้สื่อสารจะต้องกระทำหน้าที่ ณ

    สถานธรรมอันเป็นกลาง และไม่มีค่าตอบแทนหรือพิธีการใดๆ

    คุณ ธ. กล่าวขอบคุณเทพผู้มาสื่อสาร

    ขอขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐของท่านผู้มีเมตตาบารมี ที่กระทำหน้าที่อันดีงามตามสายญาณแห่งพุทธะ
    และปกปักรักษาดูแล คุณวสันต์ ตาคำปัญญา ข้าพเจ้าพร้อมกระทำหน้าที่แล้ว ขอเชิญท่าน ขออนุโมทนาใน
    เมตตาบารมีที่ท่านมีต่อคุณวสันต์ในครั้งนี้

    ผู้สื่อสาร (คุณ ธ.) กล่าวตามที่ “ตัวแทนเทพทั้ง 5 ท่าน” กำหนดในสมาธิ ดังต่อไปนี้

    *****************************

    ตัวแทนแห่งเทพทั้ง 5 ท่าน เริ่มต้นกล่าว....

    เช้าวันหนึ่ง เริ่มต้นเช้าวันนี้เป็นเช้าที่ไม่เห็นแสงตะวัน ท้องฟ้ามีแต่ความมืดมัวด้วยกลุ่มเมฆฝนดำทะมึน
    ปกคลุมไปทั่วผืนตำบลเสนาทางตอนใต้ก่อนที่จะมีเมืองหริภุญชัย ตำบลนี้มีผู้คนมากมายอาศัยอยู่นับได้จำนวนแสน

    ผู้คนเหล่านี้ มีวิถีชีวิตเรียบง่ายดีงาม เป็นไปตามปกติของบ้านเมืองที่ไม่มีภัยอันเกิดจากความละโมบของ
    มนุษย์ทั้งหลาย เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ เมื่อมองไปที่ตำบลของเขตเมืองซึ่งเป็นหัวเมืองนั้น ตำบลนี้กลับมีความสำคัญ
    ยิ่งเพราะเป็นเขตแดนที่เหมาะกับการติดต่อทำมาหาเลี้ยงชีพ เป็นเมืองหน้าด่านเป็นเมืองที่บริบูรณ์อุดมสมบูรณ์ด้วย
    สิ่งทั้งหลายเท่าที่ธรรมชาติจะพึงอำนวยผลให้ ความเป็นอยู่จึงร่มเย็นต่อเนื่องยาวนาน

    ตำบลนี้ มีแม่น้ำสายสำคัญเป็นแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านตำบลนี้ไปสู่ตำบลอื่น จากเหนือสู่ใต้ทั่วไปทั้งเมือง
    เมืองนี้จึงมีสายเลือดหล่อเลี้ยงเป็นแม่น้ำสายนี้นั่นเอง กาลบัดนั้นด้วยความที่ไม่มีภัยอันตรายอันเกิดจากน้ำมือ
    มนุษย์รุกรานมายาวนาน การสร้างบ้านแปงเมืองในบัดนั้นกอปรขึ้นด้วยความรุ่งเรือง มีฐานะความเป็นอยู่อย่างดี
    เสมอกันแทบทุกครอบครัว

    เมื่อเช้านั้น!! เกิดการรวมกันของกลุ่มเมฆใหญ่นับตั้งแต่ตำบลหัวเมืองนี้ไป ปกคลุมไปด้วยเมฆฝนโดย
    มิได้มีสัญญาณใดตระเตรียมบอกกล่าวไว้ก่อนเพื่อจะได้เตรียมการแก้ไข เมื่อถึงช่วงแห่งกลางวัน เมฆฝนได้กลั่นเท
    ถมลงมาเป็นน้ำ เป็นสายน้ำ เป็นห่าฝนใหญ่ ไหลจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง

    ท้องฟ้าปั่นป่วน...เบื้องล่างโกลาหล

    ผู้คนเดือดร้อน...กลัวภยันตรายที่มิได้เตรียมไว้ มิได้เตรียมใจที่จะรับมือ !!

    ตลอดทั้งวันนั้น เมฆฝนรวมกันแน่นหนาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง ฟ้าก็ร้อง ฟ้าแลบครวญคราง น่ากลัวยิ่ง เด็กน้อยร้องไห้ ผู้ใหญ่หลบหนีเพื่อที่จะหาที่ปลอดภัยไว้ เท่าที่มองเห็นก็มีแต่ที่อยู่อาศัยของแต่ละครอบครัวเท่านั้นที่
    พอจะปกปักรักษามิให้ห่าฝนนี้ทำให้เปียกให้หนักหนาลงไป แต่จะทำอย่างไรได้...เมื่อมีพายุใหญ่ติดตามมา
    บ้านเรือนโดยมากมุงด้วยหญ้าคา แม้นดูแน่นหนาแต่มิอาจทัดทาน ลมฝนหอบบ้านเรือนเหล่านั้น ตำบลทั้งตำบลนับ
    ได้หลายร้อยหลังคาเรือนถูกเมฆฝน ถูกพายุกระหน่ำซ้ำเติมทั้งวัน ผู้คนล้มตายไป มีบ้างที่ปลอดภัยแต่จิตใจนั้นหวั่น
    กลัวซึ่งภัยเหล่านี้ ชั่วชีวิตหนึ่ง...ตนก็มิเคยมองเห็น เพิ่งได้ประสบพบเจอ จึงมิอาจรู้ว่านี่คืออะไรกัน! สายน้ำที่ไหลผ่านก็สูงขึ้นท่วมเอ่อล้น 2 ฟากฝั่ง ยังแต่ความวิบัติมาให้ ทั้งสัตว์และผู้คนต่างไหลไปตามสายน้ำจากเหนือสู่ใต้
    ไม่อาจแยกแยะว่าผู้ใดเป็นผู้ใด มีเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย

    1 วันนี้...เปรียบเหมือน 1 ปี

    เป็น 1 ปี…ที่แท้จริงคือ 1 วัน

    ยาวนานด้วยความทุกข์ระทม...เพราะเป็นการสูญเสีย !!

    ที่เคยคาดหมายว่า “ชีวิตของแต่ละคนนั้นจะสบาย”

    ไม่มีอีกแล้ว...สิ้นสลายภายใน 1 วัน!!

    วันรุ่งขึ้น แตกต่างอย่างชัดเจนเหมือนดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องฟ้าสดใสแต่เบื้องล่างนั้นมีแต่ความวิบัติ มี
    แต่ซากปรักหักพังยังแต่น้ำตาท่วมหน้าคนที่เหลือ ผู้รอดชีวิตนับได้ไม่กี่ราย ที่ล้มตายและสูญหายนั้นมีมากมาย ก้อน
    เมฆนั้นไหลจากเหนือไปสู่ใต้ คาดไว้น่าจะทั่วทั้งเมือง ตำบลเดียวนี้ก็หนักหนาแล้ว

    กลุ่มชายหนุ่ม รวมกลุ่มกันได้ 6 คน ที่เป็น “ผู้รอดพ้น” จากวิบัติหายนะภัย ที่รอดอยู่ได้เพราะพอมีโชคดี
    มีสติกำลังวิ่งไปสู่ที่สูง อาศัยขอบถ้ำขอบผาเพื่อที่จะพาตนให้หลุดพ้นได้บ้าง ก็เป็นเช่นนั้นด้วยมีสติ ด้วยมีกำลังจึงยัง
    ชีวิตรอด แม้ชีวิตรอดเขาทั้ง 6 นั้นก็อยู่บนความสูญเสียอ่อนเปลี้ยกำลัง ใจแตกสลาย ได้แต่น้ำตานองจ้องมองหน้ากัน

    มีบุรุษผู้หนึ่ง ท่ามกลางกลุ่มนี้ได้คิดขึ้นได้ว่า น่าจะมีผู้รอดพ้นอันเป็นบุคคลซึ่งเรารักใคร่รู้จักชอบพอ
    หรือเคยอาศัยร่วมกันในเขตแคว้นแดนนี้ เขาจึงปลุกปลอบใจบุคคลที่เหลือทั้ง 5 คนนั้นให้มีสติ ให้มีใจหนักแน่น
    บอกไปว่า...

    “พวกเรารอดแล้วก็ถือว่าโชคดี จงนำความโชคดีนี้ไปสู่ผู้อื่นบ้าง เผื่อจะมีผู้ติดค้างและลำบากอยู่
    ต้องการให้ช่วยเหลือ ก็เห็นจะมีแต่พวกเรานั้นที่พอจะช่วยเหลือกัน ให้ผู้อื่นที่อาจพบเจอในซากเบื้องหน้า ใน
    ซากเบื้องล่างที่ผุพังลงไป”

    เมื่อจิตใจกล้าหาญ มีความฮึกเหิม มีความหวังเปี่ยมกำลังใจขึ้น ก็รวบรวมกำลังต่างไปค้นหาใช้เวลาที่
    ท้องฟ้าเปิดนั้นตลอดทั้งวัน ช่วยใครมิได้เลย แม้นหมดความหวัง หมดความสูญเสียซึ่งสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่คาดหวังไว้ไม่
    มีอีกแล้ว ทั้ง 6 คนจึงต้องจำใจ จะทำอย่างไร นี่เป็นเวรภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นเอง เมื่อการณ์เป็นอย่างนี้ เขาทั้ง 6 คนต่าง
    จำใจต้องจากเขตคามไปสู่ที่อื่น ไปสู่ที่อาศัยใหม่ด้วยหัวจิตหัวใจที่บอบช้ำ

    กาลครั้งนั้น “จิตใจที่ดีงาม” แม้ได้พยายามจนสู่ความเห็นแจ้งแล้วว่า...ไม่อาจมีผู้ใดรอดพ้นได้นอกจาก
    กลุ่มของตน คนกลุ่มนี้จึงไปตั้งรกรากใหม่เฉียงออกไปทางทิศตะวันออกของตำบลนี้ ใช้เวลารวบรวมกำลังสร้างที่
    อยู่อาศัยใหม่ ดำเนินชีวิตไปด้วยความหวั่นเกรง ความหวาดผวายังเกิดขึ้นในจิตใจอยู่เสมอ เพราะต่างก็สูญเสียทั้งที่
    อยู่อาศัยบ้านเรือน เหล่าสัตว์เลี้ยง และผู้คนที่ตนรักนั่นเอง ความสามัคคี จึงบังเกิดขึ้นในที่อยู่ใหม่นี้ เขาทั้ง 6
    ค่อยๆ รวบรวมให้เป็นบ้าน เป็นหมู่บ้านที่เริ่มต้นอยู่

    เมื่อการณ์สงบก็มีการติดต่อไปสู่ตำบลอื่นที่อยู่ใกล้เคียง ต่างก็เป็นเหมือนดั่งเดียวกัน คนเหล่านั้นที่เล็ดรอด
    ออกมาก็มาอาศัยกับกลุ่ม 6 คนนี้ เพราะมีหลักมีฐานที่มั่นที่น่าจะปลอดภัย ผู้คนจึงเริ่มรวมกันใหม่ใช้เวลาค่อนข้าง
    ยาวนาน...นับได้เป็นปี การรวมกันในครั้งนี้จึงเกิดที่เขตใหม่ ที่ที่เปี่ยมล้นด้วยน้ำใจ มีกลุ่มใหญ่คือ 6
    คนนี้เป็นผู้นำ

    บุรุษผู้กล้า ที่เปล่งวาจาเชิญชวนคนเหล่านั้นทั้ง 5 คนช่วยเหลือกัน ได้เป็น ผู้นำของหมู่บ้าน ตามจิตใจ
    ตามความกล้าหาญ เขาได้มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้คนให้สร้างบ้าน ให้อยู่อาศัย ให้มีที่ทาง ให้มีที่ทำกิน เขาทำไว้เป็นอย่างดี
    ชีวิตครั้งนั้นทำให้เขาได้มีความสุขตั้งแต่กลางคนจนถึงสิ้นใจ

    ความสุขที่ได้ เกิดจากน้ำใจที่เอื้ออาทรต่อผู้คนทั้งหลาย แม้นเมื่อตายไปผู้คนที่เหลือก็ยกย่องสรรเสริญ
    บุรุษที่เหลืออีก 5 คนก็ทยอยกันจากไปตามวันเวลา แม้นไม่มีสิ่งใดจะฉุดดึงไป ก็มีแต่เวรภัยคือมรณภัยนั้น ไม่มีผู้ใด
    หลีกเลี่ยงได้เลย

    ภัยทั้งหลาย ที่บังเกิดขึ้นกับมนุษย์ทั้งหลายเป็นไปตามกาลเวลา เมื่อได้ประสบพบเจอก็จะรู้ว่า งานแต่ละ
    อย่างนั้นหนักหน่วงเหลือเกิน

    การมีชีวิตเพื่อที่จะผ่านพ้นให้ผ่านสิ่งต่างๆไปได้

    ชีวิตมีความเสี่ยงภัยตลอดทุกลมหายใจ

    ภัยที่ยิ่งใหญ่ คือ ภัยแห่งความตาย ที่แม้นผู้ใดก็มิอาจหลีกหนี

    ภัยอย่างอื่น...หากโชคดีมีบุญสะสม...ก็อาจพ้นไปได้

    ภัยแห่งความตาย...ไม่ปรารถนา...ก็พบเจอ

    นี่เป็นสัจธรรม เป็นกรรม เป็นธรรมะที่ปรารถนาจะเล่าสู่ให้ฟังไว้ เพื่อว่า...

    ทุกครั้งที่เกิดมีภัย ทุกครั้งที่เกิดเรื่องราวใด

    • จงอย่าได้ละสติ
    • จงอย่าได้ขาดกำลัง
    • จงยังประโยชน์ผู้อื่นไว้เบื้องหน้า ประโยชน์ตนไว้เบื้องหลัง
    • จงทำในสิ่งที่ควร จงทำในสิ่งที่ชอบธรรม

    เพราะเมื่อผลบังเกิดขึ้นอันเป็นสิ่งที่ดีงามนั้น จะตอบแทนอย่างถูกต้องเหมาะสม

    นี่เป็นหนทางหนึ่งของชีวิตของคนทั้งหลาย และบุรุษผู้นั้นก็ได้เสวยสุขในสรวงสวรรค์เมื่อพลาดจากชีวิตใน
    ภพนั้นไปได้ ไปเสวยสุข และเป็นเช่นนี้สลับสับเปลี่ยนกัน...มนุษย์และเทวดา ไปๆ มาๆอยู่ถึง 3 ครา

    กาลครั้งหนึ่ง...ก่อนที่จะพบกับชาตินี้ ให้ท่านรู้ว่า...ท่านมาจาก สรวงสวรรค์ชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่ 2 ที่
    ท่านตั้งใจจะอุบัติมาเป็นมนุษย์ในภพชาตินี้ จิตของท่านนั้น...ให้รู้ไว้เถิดว่า ผ่านมรสุมที่เลวร้ายมาในกาลก่อนแล้วด้วย
    อะไร ท่านย่อมรู้ดีในสิ่งที่เราบอกไป เราปรากฏสิ่งที่จะบอกกล่าวในครั้งคราวนี้ ก็เพื่อจะให้ท่านรู้ว่า...

    “ท่านเอ๋ย...บุญกุศลนั้นมิเคยหมดหากรู้จักสะสมและสร้างไว้ไม่ให้ขาดพร่อง ต่อเนื่อง
    ยาวนาน กาลเวลาจะพัดพาไปสู่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เจริญตา สิ่งที่เจริญใจ”

    กาลบัดนี้ ได้พัดพาท่าน...ถูกที่ ถูกเวลา ถูกกาลแล้ว เพราะเหตุใดหรือ? ก็เพราะครั้งนี้ให้ท่านระลึกถึงการ
    ช่วยเหลือผู้อื่น การตั้งสติที่มั่นคง จงทบทวนสิ่งที่เคยกระทำในกาลก่อนนั้น แล้วให้เป็นปัจจัยเกื้อหนุนในกาลนี้ ชีวิต
    นับแต่นี้ท่านจะประสบสิ่งดีและเป็นเวลาที่จะให้ผล หากชีวิตของท่านจะต้องจบลงไปด้วยวัย 70 ปี ให้ท่านพิจารณา
    ครึ่งชีวิตนี้ที่เหลือให้ดี จะเป็นชีวิตของความรุ่งเรืองและเป็นชีวิตของการเกื้อหนุนจากบุญกุศลที่เคยสร้างไว้ในกาล
    ก่อน จะมารวมกันในกาลบัดนี้ ให้ท่านระลึกไว้แต่ความดีงาม สะสมความดีไว้


    เมื่อถึง “วัยกึ่งหนึ่ง” คือด้วยวัยที่ใกล้จะถึงนี้ ท่านจะมีในสิ่งที่ไม่เคยมี และจะได้ในสิ่งที่มิเคยได้ แต่ทั้งหมด
    นั้นเป็นการณ์ก่อนที่จะย้อนมาสู่นั่นเอง

    ขออย่างเดียว...อย่าได้ประมาท

    และอย่าได้ละวางสติ ละวางกำลังของปัญญา

    และให้มุ่งมั่นตั้งใจเช่นกาลก่อนนั้น...ด้วยหัวจิตหัวใจ


    อย่าได้หวาดกลัวสิ่งใดที่จะเป็นเวรภัยอีกแล้ว เพราะในอดีตนั้นหนักหนามากพอ ภพชาตินี้จะไม่มีแบบนั้น จะไม่เกิด
    กับท่านเช่นนั้นอีก แต่จะเป็น กิเลส ซึ่งก็เป็นพายุใหญ่ แต่เป็นพายุแห่งความดีที่ถาโถมเข้ามา ให้เตรียมตัวเตรียม
    การณ์รับไว้ อย่าได้ให้กลายเป็นเรื่องของความหลงระเริงเลย !!

    ขอให้รู้ว่า...พวกเราทั้ง 5 นั้นก็ยังช่วยป้องกัน ช่วยเหลือท่าน

    • ในครั้งนั้น.........ท่านได้เป็นผู้นำ
    • ในบัดนี้.............พวกเราทั้ง 5 อยู่ในชั้นดุสิต

    ปรารถนาที่จะปกปักรักษาท่านไว้ และประกาศออกไปอย่างกึกก้องเช่นนี้

    เพื่อให้ท่านได้มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตไปสู่ความสำเร็จ

    และให้กลายเป็นผู้ที่ได้เสวยสุขในกึ่งกลางชีวิตไปจนจบสิ้นอายุขัย

    ขอให้ใช้สิ่งที่ตัวเองมี

    คือกำลังใจ... คือสติ... คือปัญญา... คือความกล้าหาญ

    จงอย่าได้เกรงกลัวหมู่มาร

    หากคิดว่าสิ่งที่ตนกระทำและดำเนินอยู่นั้นเป็น “ความดี”


    ขออนุโมทนา ขอขอบคุณในกาลครั้งนั้น ที่มีแต่จิตใจอันมุ่งมั่นช่วยเหลือ ทำให้บังเกิดผลด้วยปัญญา
    ขอให้มองเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าจนถึงที่สุดด้วยปัญญา ด้วยสติที่มีกำลังของท่านด้วย


    ขออนุโมทนา และ ให้พรชัยเป็นกำลังใจ พวกเราทั้ง 5 จะยังช่วยประคองท่านไปจนกระทั่งท่านพ้นแล้ว
    ซึ่งภัยทั้งปวง



    ขออนุโมทนา

    หากสนใจในรายละเอียดมากกว่านี้ เข้าไปดูในไฟล์pdfข้างล่างนี้ครับ
    เป็นไฟล์ที่แจกในการบรรยายครั้งนี้ครับ
    <!-- / message --> <!-- attachments --> <fieldset class="fieldset"><legend>ไฟล์แนบข้อความ</legend> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> <td>5.ภาพประกอบการบรรยายภัยพิบัติ.pdf (1.98 MB, 17 views)</td> </tr> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>บรรยายเสวนา ดร.สมิทธ (เสาร์ที่ 14-6-51).pdf (7.08 MB, 18 views)</td></tr></tbody></table></fieldset>
    <!-- / message --><!-- sig --> __________________
     
  17. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้และคุณ สนั่นมากค่ะ ได้เข้าไปอ่านแล้ว อยากให้หลายๆท่านลองเข้าไปอ่านดูค่ะ
     
  18. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    จีนเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันหลังชาวบ้านนับล้านอพยพหนีน้ำ
    [​IMG] ปักกิ่ง 16 มิ.ย. – กรมอุตุนิยมวิทยา ของจีนมีคำเตือนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลันจากแม่น้ำเหลืองล้นตลิ่ง ขณะที่พื้นที่ทางภาคใต้กำลังเผชิญกับน้ำท่วมและฝนตกหนัก

    สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้ของจีนในขณะนี้ ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 57 คน ขณะที่ชาวบ้าน 1,270,000 คน ต้องละทิ้งบ้านเรือนไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ก็มีคำเตือนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลันจากแม่น้ำเหลืองล้นฝั่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของน้ำท่วมรุนแรงได้เนื่องจากในปีนี้ฝนตกหนักกว่าปกติ

    น้ำท่วมในปีนี้มีสาเหตุมาจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะที่มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งตัวเลขล่าสุดเมื่อวานนี้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 8 คน ด้านกรมอุตุฯ เตือนว่าอีกไม่กี่วันนี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนองทั่วทุกพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ และอีกหลายมณฑลทั่วภาคตะวันออกและภาคใต้ของจีน. -สำนักข่าวไทย


    ชาวรัฐไอโอวาเร่งทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำท่วมลดลง
    [​IMG] ไอโอวาซิตี้ 16 มิ.ย.-ชาวรัฐไอโอวาที่เผชิญกับอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา เริ่มฟื้นฟูบ้านเรือนท่ามกลางท้องฟ้าแจ่มใสในวันจันทร์ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐเตือนว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์กว่าระดับน้ำจะลดลงสู่ภาวะปกติ และคาดว่ามูลค่าความเสียหายอาจมีจำนวนหลายพันล้านดอล

    นายเชต คัลเวอร์ ผู้ว่าการรัฐไอโอวา กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้นับว่ายากลำบาก และชาวบ้านทุกคนจะช่วยกันฟื้นฟูและกลับสู่บ้านเรือนหลังระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ด้านสำนักงานป้องกันภัยฉุกเฉิน แถลงว่า ประชาชนกว่า 11 ล้านคนในรัฐแถบตะวันตกตอนกลาง 9 แห่ง ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและสภาพอากาศเลวร้ายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์แพร่สภาพความเสียหายในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเศษสิ่งของเกลื่อนท้องถนน กระจกร้านแตกกระจาย เฟอร์นิเจอร์พังเสียหาย และทางเดินเต็มไปด้วยโคลนและทราย.- สำนักข่าวไทย


    เหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ศรีลังกามีคนตายแล้ว 12 คน
    [​IMG] โคลอมโบ 16 มิ.ย. - กองทัพศรีลังกาแจ้งว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายทางตอนเหนือของประเทศวันนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 คน บาดเจ็บอีก 22 คน

    โฆษกกองทัพกล่าวว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้นที่เมืองวาวูนิยา ทางตอนเหนือของประเทศ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 คน บาดเจ็บ 22 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียนหลายคน มือระเบิดฆ่าตัวตายขับรถจักรยานยนต์มาระเบิดตัวเองที่หน้าสถานีตำรวจ ด้านกลุ่มพยัคฆ์อีแลมซึ่งต่อสู้แยกดินแดนทางตอนหนือและตะวันออกของประเทศมานานกว่า 25 ปี ยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ ต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น
    ขณะนี้การต่อสู้ระหว่างกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมและรัฐบาลศรีลังกาเกิดขึ้นทางตอนเหนือเป็นหลัก เนื่องจากทางกลุ่มถูกรัฐบาลรุกไล่ออกจากฐานที่มั่นทางตะวันออกเมื่อปีก่อน การต่อสู้ที่ปะทุขึ้นใหม่เมื่อปี 2549 สร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวและการลงทุนในศรีลังกา และยิ่งรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมเมื่อรัฐบาลยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงที่ดำเนินมานาน 6 ปี. –สำนักข่าวไทย
     
  19. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    หากมีผู้บำเพ็ญบารมียิ่งยวด
    พระแม่ธรณีจะเป็นพยานนั้น
    ด้วยการ "เกิดแผ่นดินไหว"
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE class=tborder id=post1281561 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>หล่อลากดิน <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1281561", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:01 AM
    วันที่สมัคร: Mar 2007
    ข้อความ: 436
    Groans: 48
    Groaned at 53 Times in 24 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 219
    ได้รับอนุโมทนา 874 ครั้ง ใน 284 โพส
    พลังการให้คะแนน: 78 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1281561 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมกำลังมองว่าพวกคุณไม่ได้รู้จริง ประโคมข่าวอัปมงคลมา 2 ปีแล้ว

    เป็นอย่างไรหรือครับ ในเมื่อในฤดูมรสุม ก็ย่อมมีเมฆฝนเป็นธรรมดา

    น้ำท่วมก็เป็นเรื่องธรรมดา ลมฟ้าแปรปรวน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆๆๆ

    หรือพวกคุณต้องการให้ฟ้าฝนแล้ง ชาวไร่ชาวนา ไม่ต้องทำมาหากิน

    พวกคุณต้องการอย่างนั้นหรือ หน้าฝน ฝนก็ต้องตกตามฤดูกาลสิครับ

    บอกตรงๆ ผมเบื่อพวก นั่งกินนอนกิน แบบพวกคุณจริงๆ

    ปล. คุณมีเงิน คุณกินเงินได้หรือไม่ ... ผมมีข้าว ผมปลูกข้าวได้ และผมกินข้าวได้ แล้วพวกคุณกินข้าว หรือกินโลหะ ... ตอบมาสิครับ คุณกระต่ายฯ ตื่นตูมมมมมมมม ตู้มๆๆๆ เปรี้ยงงงงงง ปร้างงงๆๆๆๆๆๆๆ น่ากลัวใช่มั๊ยครับ เพราะอยู่ในฤดูแห่งมรสุมนี่ครับ ลมฟ้าย่อมมีเมฆมีฝนเป็นธรรมดา ... จริงหรือไม่ครับ กระต่ายฯ
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    หัวมีไว้คิด ไม่ใช่มีไว้ตัดผม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เซ็งวะ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...