ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า วิกฤติกาลภัยพิบัติธรรมชาติจะเริ่มชัดเจนอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำจืด ซึ่งจะนำไปสู่สงครามแย่งชิงน้ำระหว่างประเทศ

ของประเทศไทยเองก็จะเห็นชัดเจนโดยเฉพาะที่แม่น้ำโขงจะแห้งลงไปแน่นอน ถึงขนาดแห้งผากเพราะน้ำแข็งที่ทิเบตเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะละลายหมดไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า

ประชาชนคนไทยที่อาศัยน้ำโขงเช่นในภาคอีสานและภาคเหนือจะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะจะไม่มีน้ำจากแม่น้ำโขงมาใช้อุปโภคบริโภคและประเทศเทศจีนซึ่งกำลังทำเขื่อนจำนวนมากกั้นน้ำไว้ใช้เอง ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา จะได้รับความเดือนร้อนกันหมดเพราะฉะนั้นประทศเหล่านี้ต้องหารือร่วมกันไปเจรจากับประเทศจีนไม่ให้เก็บน้ำใช้เพียงประเทศเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะเป็นตัวเร่งให้แม่น้ำโขงแห้งเร็วยิ่งขึ้นและความขัดแย้งระหว่างประเทศก็จะบานปลายหากไม่แก้วิกฤติ แม่น้ำโขงแห้ง แต่ก็ต้องรับมือ

เพราะต้องแห้งอย่างแน่นอนตามธรรมชาติเมื่อหิมะในยอดเขาหิมาลัยละลายจนหมดจากวิกฤติภาวะโลกร้อน



นอกจากนี้ทางแถบชายฝั่งทั้งหมดของประเทศจะต้องโดนน้ำทะเลท่วมลุกคืบเข้ามาภายใน 10 -20 ปี
โดยเฉพาะจังหวัดภาคกลางจะได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มทำให้การเพาะปลูกทั้งหมดเดือดร้อน เพราะน้ำเค็มมีระดับสูงขึ้น จ.นนทบุรี ก็กลายเป็นน้ำกร่อยแล้ว ซึ่งปัญหาน้ำท่วมจากมรสุมที่จะมีมากขึ้นและระดับน้ำท่วมก็จะนานขึ้นจากปัญหาน้ำทะเลหนุน ทั้งหมดเกิดจากโลกร้อน ที่จะต้องช่วยกันชะลอและเตรียมรับมือ เราก็จะต้องรณรงค์ให้ประชาชนรู้เท่าทันเหตุการณ์และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดบ่อยและแรงขึ้น อย่างไรก็ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณืขากแคลนน้ำกินน้ำใช้และพื้นที่ประเทศไทยบางส่วนจะจมหายไปในทะลในระหว่างนี้ก็จะเกิดเหตุแผ่นดินไหว เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติทั้งหมดยังไม่สำคัญเท่ากับและไม่รุนแรงเท่ากับเหตุกาณณ์แผ่นดินไหวที่จะไม่รู้ล่วงหน้าและจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพราะเกิดจากเมื่อน้ำแข็งละลายจะทำให้แกนโลกเอียงเรื่อยจนกระทั่ง โลกมีความสมดุลย์ไม่สมดุลย์

เพราะน้ำจะไหลไปร่วมกันหนักอยู่ข้างเดียว ซึ่งเปลือกโลกจะต้องมีการเคลื่อนตัวเพื่อปรับให้โลกสมดุลย์ระหว่างนั้นก็จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องและรุนแรงไปทั่วโลก ซึ่งสินามิจะต้องเกิดขึ้นอีกและจะรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิด เพราะมีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะที่อ.แม่ริม จงเชียงใหม่ และที่ใต้ฐานเขื่อน จ.กาญจนบุรี



การสั่นไหวของแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงจะได้รับความเสียหายมากขึ้น จากน้ำท่วมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องมีการย้ายเมืองหลวงอย่างแน่นอนเพราะจ.ภาคกลางจะเจอกับน้ำท่วมติดต่อกันเพราะจะมีมรสุมบอยขึ้น
และมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม

น้ำท่วมจะขยายวงกว้างขึ้นเพราะมรสุมขะขยายเป็นปริมาณกว้างตกทั่งประเทศ แต่ที่ท่วมซ้ำซากก็จะท่วมหนักและเป็นวงกว้างกว่าเดิม โดยเฉพาะพื้นที่ต่ำ จ.สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกทม. จะเจอน้ำท่วมยาวนานแน่นอนจำเป็นต้องย้ายเมืองหลวง ส่วนจังหวัดอื่นของภาคอื่นจะเจอกับปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้เพราะจะเกิดหน้าแล้งยาวถึง 8 เดือน การขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ถึงขั้นจะต้องแย่งชิงน้ำ

ดังนั้นรัฐบาลควรต้องรีบเร่งหามาตรการเก็บเกี่ยวน้ำฝนไว้ใช้ในหน้าแล้งแต่ไม่ใช้การสร้างเขื่อนอีกต่อไป เพราะจะต้องไม่มีการทำลายระบบนิเวศน์หรือตัดป่าไม้อีกแล้ว จะต้องสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนสามารถที่จะพึ่งพาตัวเองได้

เช่นการบุดบ่อที่มีความกว้างลึกเก็บน้ำใช้ได้ทั้งปี หรือไม่สามารถขดบ่อได้ตั้งมีโอ่งเก็บน้ำใช้ได้ทั้งปี อย่างไปหวังฝนหลงฤดูที่จะไม่เกิดขึ้นอีก รัฐบาลจะต้องสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างจริงจังร่วมทั้งต้องรณรงค์ให้รถทุกคันใช้พลังงานจากพืชน้ำมันร่วมทั้งภาคอุตสาหกรรมด้วย ใช้ไฟฟ้าหันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์

เพราะการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯจากรถและโรงงานอุตสาหกรรมเป็นตัวเร่งภาวะเรือนกระจก ควรเร่งสนับสนุนให้ปลูกป่า ฟื้นฟูสภาพป่าอย่างจริงจังตามพระราชเสาวนีย์ของพระราชินีอย่าทำแบบไฟไฟม้ฟาง ไม่ควรจะนิ่งดูดาย จะเป็นการชะลอการเกิดวิกฤติได้ จะทำให้ประชาชน ใช้ชีวิตอยู่ได้ในภาวะที่ธรรมชาติเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งต้องใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต หากคนรู้จักพอธรรมก็จะไม่ลงโทษ มนุษย์ ซึ่งขณะนี้สหประชาชาติได้ออกมตรการใมาแล้วที่จะให้ประเทสมหาอำนาจที่ผลบิตกาซคาร์บอนฯโดยเฉพาะ 2ประเทศคู่แข่ง ที่มีการผลิตก๊าซคาร์บอนฯสู่ชั้นบรรยากาศสูงถึง 60-70 % ซึ่ง 2

ประเทศนี้นะต้องจ่ายเงินให้กับประเทศที่สามารถประหยัดพลังงานและลดปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนฯลงในอัตราส่วนตามปริมาณที่ประหยัดได้ อย่างไรก็ตามทุกรัฐบาลและคนในชาติจะต้องมีคุณธรรมและรู้จักพอเพียงก็อาจจะชะลอวิกฤติออกไปอีก



นายวิชัย แหลมวิไล อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เรียกประชุมทุกกรมและได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงของทุกกรมลงไปเกาะติดพื้นที่เสี่ยงต่อการบุกรุกป่าไม้เช่นการบุกรุกเพื่อการทำสวนยาง และพืชเกษตรเพราะขณะนี้มีการบุกรุกเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อทบทวนนโยบายการปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยางพาราที่มีนายทุนเข้าไปบุกรุกจำนวนมาก ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปราบปรามจับกุมและเอาจริงเอาจังกับนายทุนและประชาชนที่บุกรุกให้มีความเด็ดขาดมากขึ้นเพราะพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดมีอยู่ 134 ล้านไร่ ได้มอบให้สปก. 43 ล้านไร่ เป็นพื้นที่อุทยานและเขตอนุรักษ์ จำนวน 60 ล้านไร่ แต่เป็นป่าถาวรที่สำบูรณ์เพียง 10 ล้านไร่เท่านั้นที่จะต้องดูแลอย่างจริงจังและจะรื้อฟื้นคณะกรรมการดูแลป่าไม้ขึ้นมาซึ่งมีทุกระดับเป็นกรรมการซึ่งขณะนี้ขาดระดับอำเภอ ชุมชน เข้าไปดูทุกพื้นที่ และเข้าไป



โดยจะของบประมาณเพิ่มเติมทำข้อมูลสารสนเทศเพื่อไปเอ็กซเรย์สภาพป่า และใช้ดาวเทียมมาเป็นเครื่องมือในการจับกุมผู้บุกรุกนายทุน ซึ่งหากใช้เครื่องมือนี้ได้จะลดภาวะในงบประมาณลาดตระเวณ แต่งบประมาณดูแลป่าทั้งประเทศเฉลี่ย 1 บาทต่อ 1ไร่ต่อปี ซึ่งน้อยมากจะเสนอเข้าครม.เพื่อขอเพิ่มงบประมาณด้วย ซึ่งจะแยกเป็นป่า 3 ประเภทคือ ป่าพื้นที่หลัก พื้นที่รอง และพื้นที่เสี่ยง ที่รัฐบาลต้องทบทวนว่านโยบายการปลูกพืชเศรษฐกิจ พืชพลังงานจะยกเลิกหรือปรับปรุงให้เข้าพื้นที่ป่าไม้อย่างไร อย่างไรก็ตามได้มีการจับกุมนายทุนบุกทำสวนยางที่เชียงราย 900 ไร่ อยู่ระหว่างการดำเนินคดี เป็นรายใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และจะจับกุมนายทุนที่บุกรุกนายทุนทำรีสอร์ทด้วย จะต้อวงเดินหน้าอย่างจริงจัง และขอให้คนไทยเลิกรสนิยมมีริสอรท์กลางป่า ซึ่งปัญหาหนักคือพื้นที่สวนยาง เหนืออีสาน ที่มีพื้นที่เสี่ยง บุกหนัก และลักลอบตัดไม้พยุงส่งออก ต้องเฝ้าระวัง และจัดกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด



ที่มา @ เดลินิวส์

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=136558&Newstype=1&template=1

 

คำพยากรณ์รวม 101 ข้อ ของนอสตราดามุส
ระบุเกิดขี้นตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นไป



ตัดตอนจาก หนังสือ แปลกทะลุโลก ฉบับที่ 485

นักประวัติศาสตร์พบบันทึกพยากรณ์โลก ภาคร้อยแก้ว เขียนโดยนอสตาดามุส อดีตปราชญ์ แห่งราชสำนักฝรั่งเศส มีชีวิตอยู่เมื่อ 400 ปีก่อน คำพยากรณ์ชะตากรรมของโลกของโลกของชาวโลก ที่พบใหม่นี้ระบุว่านอสตราดามุสเขียนขึ้นขณะนอนป่วยบนเตียงจวนเจียนจะสิ้นชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1566

คำพยากรณ์มีทั้งหมด 101 หัวข้อแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ให้ได้แก่หัวข้อวิทยาศาสตร์ และการสำรวจ สุภาพ ยารักษาโรค สงคราม การเมือง ศาสนา ปาฎิหาริย์ และวันเวลา วาระสุดท้ายของโลก

นักประวัติศาสตร์ทีมงานหนึ่งได้พบบันทึกเก่าแก่ฉบับนี้อยู่รวมกับหนังสือหายากในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส

จ้าก ลารู นักประวัติศาสตร์หัวหน้าคณะดังกล่าวว่า “บันทึกฉบับนี้ต่างกับฉบับก่อน ซึ่งนอสตราดามุส เขียนพยากรณ์โลกในแบบทฤษฎี 4 บรรทัด(quatrains) ในฉบับใหม่ที่พบเขียนเป็นร้อยแก้วธรรมดาแต่ใช้ภาษาละตินโบราณทำให้ยุ่งยากต่อการถอดความ”

นักประวัติศาสตร์ชุดนี้ใช้เวลาถอดความคำพยากรณ์ 101 หัวข้อเป็นเวลา 3 ปี เศษจึงเสร็จเรียบร้อยดังนี้

วิทยาศาสตร์ และการสำรวจ

1.สถานีอวกาศนานาชาติซึ่งร่วมทุนโดยชาติมหาอำนาจร่ำรวยส่งออกไปโคจรอยู่รอบโลก เพื่อทำหน้าที่เป็นยามบอกเหตุ ถูกทอดทิ้งร้าง ในที่สุดตกลงสู่มหาสุทรแปซิฟิค

2. นักสำรวจไปสำรวจบริเวณขั้วโลกเหนือพบชนเผ่าชาวยิวโบราณ หรือชาวอิสราเอล จำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในหุบเขาน้ำแข็ง
(ชาวยิวโบราณได้รับการยอมรับว่าเป็นชนเผ่าที่พระเจ้าสร้างไว้กับมือ)

3. คอมพิวเตอร์โปรแกรม ประกาศตัวเองเป็นผู้ชาญฉลาดเหนือคน

4. วิศวกรสร้างเครื่องบินโดยสารลำใหญ่มหึมา พอ ๆ กับตึกเชียร์ ทาวเวอร์

5. ชาวเรือจับสัตว์ทะเลโบราณได้ชนิดหนึ่งภายในตัวสัตว์ประหลาดมียาวิเศษรักษาได้สารพัดโรค

6. นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขา ประสาทวิทยา
สร้างอุปกรณ์ตรวจจับเทพผู้พิทักษ์คนนั้น ๆ ได้ (ตรวจจับวิญญาณได้)

7. ทหารอเมริกัน พบเด็กชายชาวอิหร่านคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ ได้นำพันธุกรรมจากเด็กคนนี้มาสร้างซูเปอร์ทหาร

8. โทรทัศน์รุ่นใหม่แพร่ภาพระบบ 3 มิติ ทำให้ผู้คนติดทีวี งอมแงมมากขึ้น

9. โลมาดอลฟินของทหาร ออกตรวจหาทุ่นระเบิดในอ่าวเปอร์เซีย ได้พบเมืองโบราณจมอยู่ใต้ทะเลโดยบังเอิญ

10.ยานอวกาศถูกส่งไปโคจรรอบดาวอังคารส่งภาพยานอวกาศลำหนึ่งมายังโลก
11. การทำธุรกรรมเบิก-จ่ายเงินกับธนาคาร ทำได้แค่ 'ในนึก'

12.นักโบราณคดีพบหลุมศพจักรพรรดิ์เจ็งกิสข่านภายในสุสานมีทองแท่งและอัญมณีล้ำค่ามูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์

13. บริษัทอวกาศของเอกชนประสบความสำเร็จพานักท่องเที่ยวไปยังดวงจันทร์

14. ฉลามยักษ์โบราณยาว 100 ฟุตที่คิดว่าสูญพันธ์เมื่อหลายล้านปีก่อนออกอาละวาดทำลายเรือโดยสารแถวชายฝั่งรัฐฟลอริดา

15. จากแฟ้มลับของรัฐบาลอเมริกันระบุมนุษย์ต่างดาวมาถึงโลกในยุคโมเสส (ผู้ที่พระเจ้ามอบบัญญัติ 10 ประการให้)

16. นักฟิสิกส์อวกาศพบว่า เมื่อเกิด “บิ้กแบง” กำเนิดจักรวาลเวลาได้หยุดไป 11 วินาที
ดังนั้นทุกสรรพสิ่งที่มนุษย์เรามองเห็นสัมผัสล้วนเป็นสิ่งลวงตาเป็นภาพมายาทั้งสิ้น

17. นักศึกษามหาลัยคนหนึ่งสร้างรถยนต์ โดยที่ไม่ใช้พลังงานน้ำมันได้

18.เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ใหม่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย

19. นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความลับ ”ย่นย่อเวลา”
ทำให้การเดินทางท่องจักรวาลระยะนับล้านไมล์ใช้เวลาไม่กี่วินาที

สุภาพ และยารักษาโรค

1.การสำรวจป่าที่ประเทศคองโกพบผลไม้วิเศษชนิดหนึ่งกินแล้วทำให้เป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง

2. ไข้หวัดนกจากเอเซีย ระบาดไปถึงทวีปอเมริกาเหนือ

3. “สมุนไพรทองคำ” บนภูเขารัฐมอนทาน่า
สหรัฐอเมริการักษาโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตได้

4. โรคระบาดชนิดหนึ่งเริ่มจากมหาวิทยาลัยแห่งหนี่ง ผู้ป่วยมีอาการสมองหยุดทำงานหัวใจวายและอัมพาตเดินไม่ได้

5. โรคเอดส์หวนกลับมาระบาดในยุโรปมีคนตายกว่า 250,000 คน

6. ครีมทาผิวชนิดหนึ่ง ทำให้หน้าเด้งภายใน 6 เดือน แค่ทาอย่างเดียวไม่ต้องกิน

7. ทันตแพทย์พบวิธีทำให้ฟันคนแก่งอกใหม่อีกครั้ง

8.เชื้อวัณโรคจากตัวนิ่มหรือตัวอาร์มาดิลโญ่แพร่ระบาดไปทั่วเขตตะวันตกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกา

9. ผู้คนจะตั้งท้องในจำนวนมากขึ้นคลอดแต่ละครั้ง เป็นลูกแฝด 2 หรือ แฝด 3 ขี้นไป

10.แพทย์ใช้สเต็มเซลล์รักษาโรคอัมพาตโดยทำให้เส้นประสาทกระดูกสันหลังงอกขี้นใหม่

11.ยาเสพย์ติดชนิดใหม่ผลิตจากพิษกบชนิดหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าโคเคน 10 เท่า

12. เด็กเกิดใหม่จำนวนมาก รำลึกชาติได้

13. เด็กพันธ์ใหม่เกิดมาพร้อมความอัจฉริยะมีระดับไอคิวสูงกว่าคนธรรมดา 10 เท่า

14.ทีมแพทย์โรงพยาบาลจอห์นฮอบกินประสบความสำเร็จปลูกถ่ายสมองคนพร้อมกับความทรงจำลงในหุ่นยนต์



สงครามและการเมืองโลก

1. โอซามา บินลาดิน หัวหน้าผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ จะถูกจับตัวได้ใน เมืองใหม่

2. หลายประเทศทั่วโลกรื้อฟื้นโทษประหารชีวิตนักโทษ โดยการแขวนคอขี้นมาใหม่

3. ก่อตั้งองค์การผู้ก่อการร้ายใหม่ ในอัฟกานิสถาน และให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายเดิม มีเป้าหมายโจมตีสหรัฐอเมริกา

4. ผู้ดำเนินรายการทอล์กโชว์มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์

5. ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกจะถูกยิงจากเกาหลีเหนือ

6. จะเกิดการขาดแคลนน้ำมัน และแก็ส โดยฉับพลันทันที โดยไม่มีใครคาดหมายมาก่อน เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ทั้งโลกหันมาใช้รถม้าและเกวียนเพื่อนการเดินทาง

7. รัฐฮาวายของสหรัฐอเมริกาจะแยกตัวมาเป็นประเทศใหม่ ภายใต้การปกครองราชวงศ์ฮาวายดั้งเดิม



ศาสนา และปาฎิหาริย์

1. ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ประชาชนคนดูโทรทัศน์ทั่วโลกจะพากันช็อก เมื่อจู่ๆมีการประกาศวาระสุดท้ายของโลก

2. นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชมหมู่หินประหลาดสโตนแฮนจ์ พบมนุษย์ต่างดาวในรูปลักษณ์นักบวชเผยแพร่ศาสนาใหม่

3. อุกกาบาต ปรากฎเหนือท้องฟ้าที่ตะวันออกกลางแล้วพุ่งตกพื้นโลกที่รัสเซีย

4. หญิงชราผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับอำนาจวิเศษ แค่แตะตัวคนเจ็บป่วยหายจากโรคในฉับพลัน

5. พบจารึกเดดซีที่หน้าผาริมฝั่งทะเลประเทศอิสราเอลอีก 5 ม้วน 3 ม้วนแรกกล่าวถึงการเดินทางของมนุษย์ต่างดาวมายังโลกอีก 2 ม้วน พยากรณ์มหันตภัยล้างโลก

6. ศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก จะหลอมรวมกับศาสนาพุทธ โดยนำพระธรรมคำสั่งสอนมาเฉลี่ยรวมกันเป็นศาสนาใหม่

7. มหาเศรษฐีโลก จะไปตั้งถิ่นฐานรวมกันที่เขตฟลอริดา จากนั้นไม่นานพายุเฮอริเคน พัดถล่มทำลายล้างตายสิ้น

8. เด็กชายอายุ 10 ขวบกลายเป็นนักบวชที่ชาวโลกนับถือศรัทธามากที่สุด

9. พระบาทหลวงนิกายรัสเซียนออร์โธด็อกซ์ พบหลักฐานการกลับมาครั้งที่ 2 พระเยซูคริสต์



ลางร้ายก่อนถึงวาระสุดท้ายโลก

1. อาวุธเชื้อโรคไหลรั่วจากห้องแล็บทำลายชีวิตชาวอเมริกันตายกันเบือ

2.อิสราเอลจะถูกกลุ่มประเทศในยุโรปรุมโจมตีหลังจากสายลับไปลอบสังหารผู้นำประเทศหนึ่ง

3. อุกกาบาตขนาดครึ่งไมล์ตกที่ไซบีเรีย เกิดเป็นกัมมันตภาพรังสีมรณะ ฆ่าคนนับล้านชีวิต

4. เปรตตัวสูงเท่าตึกระฟ้าปรากฎตัวที่นครนิวยอร์กไม่มีใครรู้เป็นอะไร?

5.แพลงตอนในทุกมหาสมุทรแปรสภาพเป็นสีแดงพิษร้ายจากทะเลแผ่ปกคลุมไปทั่วโลก

6. เป็นครั้งแรกในโลก เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นทั่วโลก

7. อินเดียนแดงเผ่าหนึ่งได้รับการฝึกจากผู้มาจากต่างดาว เหาะเหินเดินอากาศด้วยตัวเปล่าได้

8. โรคระบาดชนิดใหม่ผู้ป่วยเกิดตุ่มตามผิวหนังทั่วตัว เหงื่อออกไม่หยุด แล้วตายไปเอง

9.นักบินพาณิชย์สายการบินหนึ่งพบการต่อสู้ระหว่างเทวดากับเทวดาบนฟ้าโดยใช้ดาบเรืองแสงเหมือนในหนังสตาร์วอร์เป็นอาวุธ

10. ในข้อนี้นอสตราดามุส ระบุวันเวลาแน่ชัดว่านับแค่ปี ค.ศ. 2006 เป็นต้นไป พายุเฮอร์ริเคน จะพัดถล่มฟลอริดาราบเป็นหน้ากลอง

ที่มา http://www.xq28.net/s/viewtopic.php?...34e300e7c0631e

 

สารชมรมศาสนาและการกุศล เรื่องที่ 515...นักวิทยาศาสตร์ว่าจะมีหิมะตกบริเวณเส้นศูนย์สูตร

หน้า 3 จาก 6 มงคล กริชติทายาวุธ
ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
3 % ชำระจริงท่านละ 2,425 บาท (ไม่มี VAT.) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร คือ 2000
164 263


หลังจากคิดเรื่องดังกล่าวเสร็จ ก็เป็นเวลา 14.20 น. แล้ว ก็เลยหาอาหารมา
รับประทานเป็นอาหารกลางวัน พร้อมเปิดทีวีไปที่ช่อง 24 รายการช่อง National Geography โปรแกรม Naked Seince หรือ กระเทาะเปลือกวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่องบทความในวันนี้

ประโยคแรกที่ได้ยินนักวิทยาศาสตร์พูดคือ ถ้าภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow Stone
ระเบิดเมื่อไร อุณหภูมิทั่วโลก จะลดลงทันที 10 OC แม้เส้นศูนย์สูตรก็จะมีหิมะตก

- ซึ่งในปี 2003 ในรายการนี้ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกา ต้องสั่งอพยพผู้คนที่
อยู่อาศัยใกล้บริเวณ Yellow Stone เพราะมีการแตกแยกของถนนเป็นร่องยาว และไกลรวมทั้งพื้นที่ภูเขาหลายแห่งนูนสูงมากขึ้นอย่างผิดสังเกต เครื่องวัดความสั่นสะเทือนใต้พื้นดินพบว่ามีการเคลื่อนตัวของแม็กม่าใต้พื้นดินอย่างผิดสังเกต แต่ก็ไม่น่าจะถึงระดับที่แม็กม่า จะพุ่งออกมาเหนือพื้นดินเป็นภูเขาไฟระเบิด
คำถาม : แล้วเมื่อไร แม็กม่า จึงจะพุ่งออกมา หรือที่เรียกว่า ภูเขาไฟยักษ์ที่
Yellow Stone ระเบิดอย่างรุนแรง

นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก : ลงความเห็นว่า “บอกไม่ได้ล่วงหน้านาน” อาจจะปี
หน้า หรืออีก 100,000 ปี ข้างหน้าก็ได้ โดยนักธรณีวิทยา และนักวิทยาศาสตร์ด้านภูเขาไฟ ได้ลงความเห็นว่า ภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow Stone นี้เคยเกิดระเบิดมาแล้ว 3 ครั้ง

ครั้งแรก เมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน
ครั้งที่สอง เมื่อประมาณ 1.3 ล้านปีก่อน
ครั้งที่สาม เมื่อประมาณ 6 แสนปีก่อน

- หมายความว่า จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow Stone นี้จะสะสมพลังงานนานประมาณ 600,000 – 700,000 ปี ก็จะพวยพุ่งทำลายสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ ของโลกครั้งหนึ่ง ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ก็ผ่านมาได้ประมาณ 600,000 ปีแล้ว
สารชมรมศาสนาและการกุศล เรื่องที

- ดังนั้น ณ ช่วงเวลานี้ ก็อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ติดตั้ง
เครื่องมือวัดความสั่นสะเทือนหลายจุดเพื่อตรวจจับการเคลื่อนตัวของแม็กม่าใต้พื้นพิภพของเรา เพื่อจะได้แจ้งประชากรชาวโลกให้ได้ทราบถึงมหันตภัยอันร้ายแรงของประวัติศาสตร์
มนุษยชาติในอนาคต

- สำหรับเถ้าภูเขาไฟ ที่พบ ณ บริเวณ Yellow Stone นักวิทยาศาสตร์นำไปส่องกล้องจุลทัศน์ ได้พบว่าแม้เป็นผงละเอียดแต่แฝงไปด้วยเหลี่ยมคม เมื่อสิ่งมีชีวิต คน และ
สัตว์ หายใจนำฝุ่นเถ้าภูเขาไฟที่ Yellow Stone เข้าไปจะทำให้ปอดถูกทำลาย และ เสียชีวิตภายในเวลาไม่นาน โดยนักวิทยาศาสตร์ทำภาพจำลองพบว่า รัศมีการทำลายล้างของฝุ่นเถ้าภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow Stone นี้จะลอยไกลไปถึง 1,000 ไมล์ นั่นคือ สิ่งที่มีชีวิต
ในรัศมี 1,000 ไมล์ต้องล้มตายทั้งหมด

<table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"><tbody><tr><td align="center" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" nowrap="nowrap"> 2.5 </td><td align="center" nowrap="nowrap">2008/06/05 02:58:49 </td><td align="right" nowrap="nowrap"> 44.326 </td><td align="right" nowrap="nowrap"> -110.653 </td><td align="right" nowrap="nowrap"> 1.9 </td><td> YELLOWSTONE NATIONAL PARK, WYOMING</td></tr></tbody></table>
- นอกจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ ก็ได้พบว่า ฝุ่นเถ้าของภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow
Stone นี้ จะพุ่งสูงปกคลุมพื้นที่โลกอยู่นาน
ทำให้แสงอาทิตย์ไม่สามารถสาดส่องลงมายัง
พื้นโลกได้หลายส่วน จึงมีผลทำให้อุณหภูมิทั่วโลกลดต่ำลงอย่างน้อย 10 องศาเซลเซียส(แต่ละท่าน กรุณาจินตนาการเองว่าท่านจะทนสภาพอุณหภูมิดังกล่าวได้เพียงไร เมื่อต้นปี
2550 ภาคเหนือ และภาคอีสาน มีอุณหภูมิลดต่ำลงประมาณ 4 OC หากลดลงอีก 10 OC ก็จะเหลืออุณหภูมิ - 6 OC สำหรับผู้ที่อยู่ในจังหวัดอื่นๆ ในช่วงหนาวไม่มาก อุณหภูมิก็จะอยู่ประมาณ 20 OC ก็จะเหลือเป็น 10 OC ทุกท่านคงต้องปรับตัว มิฉะนั้น ท่านก็จะไม่มี
ชีวิตรอดจากสภาวะอากาศอันหนาวเหน็บ - ผู้เขียน)

- นักวิทยาศาสตร์ด้านภูเขาไฟ ยืนยันว่า ภูเขาไฟยักษ์ที่ Yellow Stone ต้อง
ระเบิดแน่นอน เพียงแต่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ของโลกในปัจจุบัน ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้นานว่าจะเกิดเมื่อไร นอกจากใกล้จะระเบิดเต็มที จึงจะบอกได้เท่านั้น

- ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ในเวลาประมาณ 14.30 น ของวันอาทิตย์
ที่ 19 ส.ค. 50 ก็ดูรายการ Naked Seince ไปด้วยทำให้รู้สึกตื่นเต้น และขนลุก เพราะภาพจำลองกราฟฟิค ที่นักวิทยาศาสตร์สร้างให้เห็นเหตุการณ์จำลองในอนาคต ทำให้เห็น
ความหายนะครั้งใหญ่ของโลกที่จะเกิดขึ้นต่อไปเพียงแต่บอกไม่ได้แน่นอนเท่านั้นว่า จะเกิดเมื่อไร

- อย่างไรก็ตาม ขอวิงวอนท่านผู้อ่านว่า “นับแต่นี้ตลอดไป กรุณาทำแต่สิ่งที่
ดีๆ เถิด คิดดี – พูดดี – ทำดี โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลผู้มีพระคุณของท่าน ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย ของท่านเอง จากนั้น ก็เผื่อแผ่ไปถึงที่ทำงาน เผื่อแผ่ไปถึงผู้บังคับบัญชา
เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนบ้าน และคนในชุมชนของท่านเอง
ช่วยเหลือเกื้อกูลสิ่งใดได้ก็ควรรีบกระทำ สิ่งใดควรให้ได้ ก็ควรรีบให้ หากผู้ใดให้
ได้ในสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ก่อนที่เขาจะร้องขอ จะได้พระคุณที่ยิ่งใหญ่ มิใช่ต้องรอให้ เรียกร้องก่อน มิใช่ต้องขอก่อนจึงจะให้ มิใช่ต้องรอจนเหงือกแห้งแล้วค่อยให้ จะเป็นการให้ที่ไม่ฉลาดเลย ซึ่งจะทำให้สิ่งที่ได้มาของผู้ได้รับขาดคุณค่าทางจิตใจ อย่างมาก
ขอให้ทุกท่านอยู่รอดปลอดภัยในทุกสถานการณ์เถิด และอยู่อย่างมีความสุขทั้ง
ร่างกาย และจิตใจเถิด ขอความสุข – สงบ และสันติ มีในจิตใจของท่านเถิด ขออย่าได้มี เวรมีภัยต่อกันและกันเลย ขออย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด - สาธุ สาธุ สาธุ


หมายเหตุ : ทุกท่านสามารถอ่านบทความตอนต่างๆ ของสารชมรมศาสนาและการกุศล
ในสถานที่ใดๆก็ได้ ที่เข้าระบบ Internet ได้ ไม่ว่าอยู่ในประเทศไทย หรือต่างประเทศ
โดยดูย้อนหลังตั้งแต่ตอนแรก ถึงตอนปัจจุบันผ่านทาง Website www.mongkoldham.com
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 - 1 ตุลาคม 2560 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก ถือว่า ท่านผู้ใดต้องการอ่าน ก็เข้าไปอ่านได้โดยเสรีต้องการคัดลอกทั้งหมด หรือบางส่วนของบทความ ก็ไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์ใดๆ ไม่ต้องขออนุญาต
เนื่องจากผู้เขียนอนุญาตให้ทุกท่านกระทำได้ในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ถือว่า ทุกท่านเป็นสมาชิก โดยอัตโนมัติ

สำหรับท่านที่ต้องการได้ CD รวมบทความทุกตอน ที่ผู้เขียน ได้เขียนหรือเรียบเรียงสรุปเนื้อหามาให้อ่าน โปรดแจ้งความจำนงล่วงหน้าให้จัดส่งไปทางไปรษณีย์ได้ โดยไม่ต้องเสีย
ค่าใช้จ่ายใดๆ หรือติดต่อขอรับฟรีได้ โดยจะฝากแจกที่ฝ่ายวินัยและสวัสดิการ อาคาร
ธนาคารกรุงไทยฯ สำนักงานใหญ่ 2 (สุขุมวิท) ใกล้สุขุมวิท ซอย 2 (ติดอาคารเพลินจิตเซนเตอร์)
ชั้น 22 โดยจะจัดทำแจกฟรี เนื่องในวันเกษียณอายุงานของผู้เขียน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2550

โทรศัพท์ 0-2208-7600, 0-2208-7616 Fax. 0-2256-8320 E-Mail : mkrichti@ktb.co.th

 

พยากรณ์อากาศประจำวัน <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="right"> สำหรับพิมพ์ </td> </tr> <tr> <td> <table bordercolordark="#ffffff" bordercolorlight="#d9d9d9" border="1" bordercolor="#d9d9d9" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr class="14BWhite" align="center" bgcolor="#0f6aaa"> <td colspan="2" align="center" height="35">ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2551</td> </tr> <tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. </td> <td> หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกชุก โดยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย อุดรธานี และสกลนคร ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย </td> </tr> <tr> <td colspan="2" class="14BWhite" align="center" bgcolor="#0f6aaa" height="35"> พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. </td> </tr> <tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคเหนือ </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเชียงราย อุตรดิตถ์ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
</td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร
อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
</td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคกลาง </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ
จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 36 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคตะวันออก </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ
จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
</td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่น ต่ำกว่า 1 เมตร
</td> </tr><tr bgcolor="#ffffff"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
</td> </tr><tr bgcolor="#faf6f6"> <td class="subtitle" valign="top" width="140"> กรุงเทพมหานครและปริมณฑล </td> <td> มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</td> </tr> <tr><td colspan="2" align="right" bgcolor="#accdd4">ออกประกาศ : 7 มิถุนายน 2551 06:00</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

กรมอุตุฯ เตือนทั่วประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุก [7 มิ.ย. 51 - 05:43]

​

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2551 เมื่อเวลา <st1:time hour="4" minute="0">04:00</st1:time> น. ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกชุก โดยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย อุดรธานี และสกลนคร ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย<o></o><o></o>

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา <st1:time hour="6" minute="0">06:00</st1:time> น. วันนี้ ถึง <st1:time hour="6" minute="0">06:00</st1:time> น. วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้<o></o>
<o></o>
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.<o></o>

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงรายอุตรดิตถ์ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.<o></o>

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 34 องศา <o></o>
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม<o></o><o></o>

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 36 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.<o></o><o></o>

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร<o>
</o><o></o>
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่น ต่ำกว่า 1 เมตร<o></o><o></o>

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เอแบคโพลล์เผยเด็กไทยเกือบ 100% ฝันเห็นประเทศไทยสงบสุข</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มิถุนายน 2551 13:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "การเมืองไทยในฝันและจินตนาการของเด็กวัยทีน" กรณีศึกษาตัวอย่างเด็กอายุระหว่าง 12 - 19 ปี ที่กำลังเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ ในพื้นที่ 20 เขตของกรุงเทพมหานคร และ 4 อำเภอของจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,467 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่า เด็กวัยทีนส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารประจำวันทุกสัปดาห์
เมื่อสอบถามถึงความฝันและจินตนาการต่อการเมืองไทย ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.9 มีความฝันและจินตนาการว่าประเทศไทยจะมีความสงบสุขเกิดขึ้น ร้อยละ 98.6 คือคนไทยรักกัน ร้อยละ 98.5 รัฐบาลมีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 97.3 มีความแตกต่างกัน แต่ไม่ใช้ความรุนแรง ร้อยละ 97.1 ทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม และร้อยละ 97.1 เท่ากันที่ฝันและมีจินตนาการว่า รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรจะตกลงกันได้อย่างสงบในครรลองครองธรรม
ร้อยละ 96.9 มีความฝันว่าปัญหาการเมืองไทยจะได้ข้อยุติ ร้อยละ 96.4 ฝันว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นทางแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ของประเทศ ร้อยละ 96.0 ฝันว่านักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายจะถูกลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่ร้อยละ 90.4 ฝันว่าการจัดเวทีประชาธิปไตยเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ไม่ก่อความเดือดร้อนผู้อื่น และร้อยละ 90.2 ฝันว่า ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน
ที่น่าสนใจคือ ความฝันและจินตนาการของเด็กๆ วัยทีนต่อคุณธรรมและคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีประเทศไทยในฝัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 มีความฝันและจินตนาการว่า นายกรัฐมนตีประเทศไทยจะมีศีลและประพฤติดีงาม รองลงมาคือร้อยละ 97.5 มีความยุติธรรม เป็นผู้นำที่ให้ความเที่ยงธรรมแก่สังคม และร้อยละ 97.5 เท่ากันระบุว่า มีความซื่อสัตย์ สุจริต ร้อยละ 97.2 มีความเมตตา กรุณา ร้อยละ 97.0 มีความเพียร มุมานะแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 96.5 มีความอดทน อดกลั้น ร้อยละ 96.1 ทุ่มเททำงานหนัก เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประชาชน ร้อยละ 95.9 ไม่เบียดเบียน ไม่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่น และร้อยละ 95.9 เท่ากันระบุ ฝันว่านายกรัฐมนตรีประเทศไทยเป็นผู้ใหญ่ใจดี ร้อยละ 95.5 ฝันว่านายกรัฐมนตรีให้ความใกล้ชิด ดูแลเด็กๆ และเยาวชน ร้อยละ 95.4 ระบุเป็นผู้ให้ทาน ให้กำลังใจผู้น้อย ในขณะที่ร้อยละ 94.7และร้อยละ 94.0 ระบุฝันว่านายกรัฐมนตรีประเทศไทยมีความสุภาพอ่อนโยน และไม่โกรธ ไม่โมโหง่าย ตามลำดับ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำมันดิบทะยานหลุดโลกแค่สองวันพุ่ง 16 ดอลลาร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มิถุนายน 2551 11:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงทำสถิติ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานลิ่วบ้าเลือดหลุดโลกโดยไต่ขึ้นเกือบ 9% ทำสถิติใหม่ โดยยืนที่ระดับ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนวานนี้ (6) หลังจากที่ขยับขึ้น 5.49 ดอลลาร์แล้วในวันพฤหัสบดี (5) จึงเท่ากับชั่วเวลาเพียง 2 วัน เพิ่มสูงขึ้นไปกว่า 16 ดอลลาร์ โดยเทรดเดอร์อ้างเหตุผลเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่กลับอ่อนตัวลงมา ตลอดจนเรื่องที่รัฐมนตรีคนสำคัญของอิสราเอลประกาศว่า การโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน กำลังเป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้"

นอกจากนั้น การที่ มอร์แกนสแตนลีย์ วาณิชธนกิจใหญ่วอลล์สตรีทรายหนึ่ง ออกรายงานล่าสุดทำนายว่า ราคาน้ำมันอาจจะกระโจนขึ้นทำสถิติสูงสุด ณ ระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในช่วงวันชาติอเมริกัน 4 กรกฎาคมปีนี้ ก็มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบทะยานแรงดุเดือดเช่นกัน

"เรากำลังจะได้เห็นการพุ่งทะยานขึ้นแรงและลงมาแรงในระยะสั้นของราคาน้ำมัน" รายงานของมอร์แกนสแตนลีย์บอก

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก ตอนปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากวันพฤหัสบดี (5) 10.75 ดอลลาร์ อยู่ที่ 138.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวานนี้ (6) ก่อนที่ทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังปิดตลาด ณ 139.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของลอนดอน ทำสถิติสูงสุดก่อนหน้าปิดตลาดในวันศุกร์ (6) 137.69 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.15 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าช่วงสถิติสูงสุดระหว่างวันที่ 138.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดฮวบฮาบลงมา 2 วัน ได้กลับทะยานโด่งขึ้นไปใหม่ตั้งแต่วันพฤหัสบดี โดยตอนปิดตลาดวันนั้นที่นิวยอร์ก สัญญาล่วงหน้าไลต์สวีตครูดเพิ่มสูงขึ้น 5.49 ดอลลาร์ อยู่ที่ 127.79 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ก็ขึ้นไป 5.44 ดอลลาร์ ยืนที่ 127.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

พวกเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์บอกว่า แนวโน้มที่อ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับขึ้นสูง เนื่องจากพวกกองทุนต่างๆ ใช้น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เป็นเครื่องประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ที่ต่ำลง ดังนั้น เมื่อสกุลเงินตราของสหรัฐฯอ่อนตัว น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นก็ต้องมีราคาขยับขึ้น

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดี ภายหลังจาก ฌอง-โคลด ตริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) แถลงว่ามีผู้วางนโยบายของอีซีบีจำนวนหนึ่ง ต้องการขยับดอกเบี้ยให้สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นนี้เป็นไปได้ที่อาจจะทำกันตั้งแต่เดือนหน้า ทั้งนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของอีซีบี ย่อมทำให้ค่าเงินยูโรยิ่งแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยตั้งแต่การแถลงของตริเชต์จนถึงช่วงบ่ายของลอนดอนวานนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงมามากกว่า 1% แล้ว

ไม่เพียงคำพูดของประธานอีซีบี ค่าเงินดอลลาร์ยังถูกตีกระหน่ำจากรายงานตัวเลขการว่างงานในสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาวานนี้ ซึ่งปรากฏว่าในเดือนที่แล้ว อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ และสะท้อนถึงความย่ำแย่ของเศรษฐกิจอเมริกัน

แต่นอกจากเรื่องสกุลเงินตราสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันยังผวากับรายงานข่าวที่ว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคมนาคม ชาอุล โมฟาซ ของอิสราเอล ประกาศว่าการเข้าโจมตีสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ดูจะเป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" แล้ว ในเมื่อการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ เพื่อสกัดไม่ให้อิหร่านได้เทคโนโลยีที่สามารถทำอาวุธนิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ไร้ผล

คำพูดของโมฟาซ คือการออกมาข่มขู่อิหร่านอย่างเปิดเผยที่สุดจากคณะรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอเมิร์ตแห่งอิสราเอง และ โอลิเวียร์ จาค็อบ นักวิเคราะห์แห่งบริษัท เปโตรแมทริกซ์ บอกว่า ยิ่งเพิ่มแรงขับดันให้แก่การทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน

"เม็ดเงินจากตลาดการเงินกำลังไหลทะลักลับคืนสู่ตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์" จาค็อบบอก "เมื่อตลาดอยู่ในอาการพุ่งลิ่วแข็งแกร่งขนาดนี้ มันก็มีความโน้มเอียงที่จะสนใจแก่ข่าวพาดหัวที่ทำให้ราคาทะยาน มากกว่าข่าวที่ทำให้ราคาซึมเซา"
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>