ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. eas

    eas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +40
    ดีแล้วคะ ที่เตือน ๆ กัน เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่จิตของใคร..มนุษย์ยังมีสิทธิ์ที่จะเตือนกันได้ แต่เบื้องบนเลิกเตือนแล้ว...
     
  2. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759

    นักพิภพวิทยา ยันผลการพิสูจน์วันสิ้นโลก "แกนโลก" ยังคงเหมือนเดิม เพราะขั้วโลกยังชี้ที่ "ดาวเหนือ" ดวงอาทิตย์ในวันนี้ขึ้นที่มุมกวาด 90 องศา และมุมเอียงของแกนโลกอยู่ที่ 23.5 องศา

    ดูการทดลองโดยละเอียดได้ที่ http://www.yclsakhon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539370544


    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/V6bxs8W6KT0?hl=en_US&amp;version=3&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/V6bxs8W6KT0?hl=en_US&amp;version=3&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

    นักพิภพวิทยา ยันผลการพิสูจน์วันสิ้นโลก "แกนโลก" ยังคงเหมือนเดิม เพราะขั้วโลกยังชี้ที่ "ดาวเหนือ" ดวงอาทิตย์ในวันนี้ขึ้นที่มุมกวาด 90 องศา และมุมเอียงของแกนโลกอยู่ที่ 23.5 องศา

    จากความเชื่อปฏิทินชาวมายาบอกว่าโลกจะดับสูญในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ตรงกับ พ.ศ. 2555 ทีมงาน "พยัคฆ์ภูเพ็ก" ขันอาสาท้าพิสูจน์วันสิ้นโลก ด้วยการใช้ "สุริยะปฏิทินขอมพันปี" ทำการพิสูจน์ที่ปราสาทภูเพ็กบนยอดเขาสูง 520 เมตร ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร


    ทีมท้าพิสูจน์วันสิ้นโลก "พยัคฆ์ภูเพ็ก" นำโดย นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือสุริยะปฏิทินพันปี รับหน้าที่ออกแบบอุปกรณ์วัดมุมดวงอาทิตย์ และป้อนข้อมูลทางดาราศาสตร์ เพื่อให้ นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ รับหน้าที่คำนวณทางคณิตศาสตร์ เพื่อวัดมุมเอียงของแกนโลก และ อ.วรวิทย์ ตงศิริ ผู้ชำนาญการด้านจิตวิญญาณ รับหน้าที่จัดพิธีกรรมแก้อาถรรพณ์ โดยนายบุปผา ดวงมาลย์ ผู้นำท้องถิ่นบ้านภูเพ็ก เป็นผู้ช่วย

    ปฏิบัติการท้าพิสูจน์วันสิ้นโลกเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ทั้งนี้นายสรรค์สนธิ ได้นำทีมพิสูจน์ปฏิบัติการวันสิ้นโลก จะเน้นการพิสูจน์ว่า “แกนโลก” ยังคงเหมือนเดิม โดยใช้ข้อมูลดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ฐาน 60 ซึ่งบันทึกไว้ที่แท่งหินก้อนสี่เหลี่ยม “สุริยะปฏิทิน” และพื้นหินทรายที่ตัวปราสาทภูเพ็กเป็นหลักฐาน เพื่อจะประกาศผลการพิสูจน์ตัดหน้า "ปฏิทินเผ่ามายา" ภายใน 12 ชั่วโมง

    ปฏิบัติการทางดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ว่าขั้วโลกเหนือยังคงชี้ที่ตำแหน่ง "ดาวเหนือ" โดยใช้รอยขีดที่พื้นหินหน้าท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ (ท่อโสมสูตร) เป็นเครื่องช่วยหาตำแหน่ง ทั้งนี้นายสรรค์สนธิ และนพ.ศิริโรจน์ปีนขึ้นไปบนหลังคาของห้องวิมานปราสาทภูเพ็ก และใช้เชือกผูกลูกดิ่งหย่อนลงมาให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ (มีรอยขีดบนหินกำกับอยู่ที่ข้างฝาและพื้น) เพื่อกำหนดตำแหน่งให้หันหน้าตรงกับทิศเหนือภูมิศาสตร์ ซึ่งชี้ที่ขั้วโลกเหนือ (Geographic north) และใช้อุปกรณ์ครึ่งวงกลมวัดมุมเงยขึ้นไป 17 องศา จะตรงกับ "ดาวเหนือ" (North Star, Polaris)

    จากผลการพิสูจน์พบว่า แกนของโลกยังคงอยู่ที่มุมเอียง 23.5 องศา จากแนวดิ่ง ซึ่งเป็นที่ทราบอย่างดีว่าโลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะดังกล่าว ทำให้ได้รับแสงอาทิตย์ด้วยมุมตกกระทบไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา จึงก่อให้เกิดฤดูกาลอย่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วิธีการคำนวณใช้สูตร “มุมเอียงของแกนโลก = 90 - (มุมตกกระทบเวลาเที่ยงสุริยะของวันเหมายัน + องศาของเส้นรุ้ง)
    ส่วนการพิสูจน์เชิงประจักษ์ว่าดวงอาทิตย์จะต้องขึ้น ตรงกับสัญลักษณ์ราศีคันช่าง หรือราศีตุล (Zodiac Libra) ของสุริยะปฏิทินขอมพันปี ซึ่งเท่ากับมุมกวาด 90 องศา

    การตรวจสอบแกนโลกเบื้องต้นพบว่าทุกอย่างยังปกติ โดยดูจากเงาของนาฬิกาแดดที่อิงทิศเหนือแท้จากสุริยะปฏิทิน ในที่นี้เงาดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบต่อผิวโลก ณ ปราสาทภูเพ็กยังคงเหมือนเดิมคือ ขนานกับเส้นแบ่งเวลาอย่างลงตัวพอดี (เวลาที่เก็บข้อมูล 08.00 สุริยะ หรือ 08.00 Solar Time) และเงาก็อยู่ที่เส้น "วิษุวัต" ในทางกลับกันหากแกนโลกเปลี่ยนไปเงาของดวงอาทิตย์จะเพี้ยนจากปกติ

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน และเมื่อวันที่ 19 กันยายน ได้มีการตรวจสอบตำแหน่งดวงอาทิตย์ และอัตราความเร็วของการหมุนรอบตัวเองของโลก (Speed of Earth's Rotation) โดยตรวจสอบแกนโลกด้วยนาฬิกาแดดกับสมการแห่งเวลาที่เวลาเที่ยงสุริยะ (solar noon) พบว่าทุกอย่างยังคงปกติ เพราะสมการระหว่าง clock time และ solar time ตลอดจนมุมเงยของดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อพื้นโลก ณ เส้นรุ้งที่ 17 องศาเหนือ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

    นายสรรค์สนธิ กล่าวว่า สำหรับผลคำนวณตรวจสอบหาตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันที่ 23 กันยายนนี้ ผลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้คำนวณในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 อนึ่งในคืนวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปจะตรวจสอบสถานภาพของ “ขั้วโลกเหนือ” โดยอิงจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (ท่อโสมสูตร) ของปราสาทภูเพ็ก และยิงพิกัดไปที่ “ดาวเหนือ”

    เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของคืนเดียวกัน จะทำพิธีแก้อาถรรพณ์จากดวงดาวพยากรณ์ จนกระทั่งเช้าตรู่ 6 โมงครึ่ง จะตรวจสอบตำแหน่งดวงเวลาอาทิตย์ในปรากฏการณ์ “เหมายัน” ด้วย "สุริยะปฏิทิน" คำนวณหามุมเงยของดวงอาทิตย์ และนำข้อมูลทั้งหมดเข้าสมการ “มุมเอียง” ของโลก ผลลัพธ์น่าจะปรากฏตัวเลขแถวๆ 23.5 องศา ซึ่งเป็นค่าปกติของแกนโลก

    "ผมยืนยันว่าในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ไม่ใช่วันสิ้นโลก ตามคำทำนายที่ปรากฏบนปฏิทินเผ่ามายาอย่างแน่นอน ที่มีผู้วิตกในเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องกังวลหรือต้องเตรียมตัวอะไรเหมือนในภาพยนตร์ ให้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข"

    ด้าน นพ.ศิริโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบอัตราความเร็วการหมุนรอบตัวเองของโลก ปกติโลกหมุนรอบตัวเองในอัตราความเร็ว 1 องศา ต่อ 4 นาที หรือ 15 องศา ต่อ 1 ชั่วโมง โดยคำนวณจากโลกเป็นวัตถุทรงกลม 360 องศา และหมุนรอบตัวเองโดยเฉลี่ยวันละ 24 ชั่วโมง ตัวเลขนี้ใช้ในการกำหนดเวลามาตรฐาน Greenwich Mean Time (GMT) โดยให้เมืองกรีนิช ที่ประเทศอังกฤษเป็นจุดเริ่มต้นของ "ศูนย์องศา เส้นแวง" (Longitude 0) ประเทศไทยเราใช้เส้นแวงที่ 105 ตะวันออก เราจึงอยู่ที่โซนเวลา +7 GMT คำนวณจาก 105 องศา x 4 นาที = 420 นาที หารด้วย 60 = 7 ชั่วโมง

    ผลการทดสอบต่างๆ ดังกล่าวพบว่า ตำแหน่งดวงอาทิตย์ และอัตราการหมุนรอบตัวเองของโลกยังคง "ปกติทุกอย่าง" ดวงอาทิตย์ขึ้นที่มุมกวาด 90 องศา และโลกหมุนรอบตัวเองที่อัตรา 15 องศา ต่อ 1 ชั่วโมง เช่นเดียวกับเมื่อหลายพันปีก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภายในปี 2557 นี้ โลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลก !!!

    สร้างความตื่นตะลึงไม่น้อย กับข้อมูลเตือนภัยพิบัติของ ศ.นพ.เทพนม เมืองแมน ที่ระบุว่าภายในปี 2557 นี้ โลกจะเผชิญกับ การเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกแบบกลับเหนือ - ใต้

    [​IMG]

    ซึ่งจะทำให้เกิดพายุหมุน แผ่นดินไหว อุณหภูมิโลกเปลี่ยน และไทยยังต้องเผชิญกับหิมะตก โดยโลก เผชิญภาวะแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วมาแล้ว 8 ครั้ง

    [​IMG]

    เชื่อกันว่า การกลับขั้วของแม่เหล็กโลกนั้น เกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของนิกเกิลเหลว (liquid nickel) และเหล็กเหลว (liquid iron) ในแกนกลางชั้นนอกของโลก กระจัดกระจาย จากนั้น ก็จัดเรียงตัวใหม่ ในทิศทางตรงกันข้าม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่ยังไม่มีใครทราบ ถึงสาเหตุของการกระจัดกระจายดังกล่าว หลักฐานการกลับขั้วพบได้ในสันเขากลางมหาสมุทร (mid-ocean ridges) ซึ่งแผ่นเปลือกโลกเทคโทนิค (tectonic plates) ได้แยกออกจากกัน

    และที่ก้นมหาสมุทร ก็เต็มไปด้วยแมกมาซึ่งไหลซึม ออกมาจากเปลือกโลกชั้นใน (mantle) อนุภาคแม่เหล็กในของเหลวร้อนดังกล่าว ได้พลิกทิศทางของสนามแม่เหล็กโลกในเวลานั้น

    ทั้งนี้ขั้วแม่เหล็กโลกกับขั้วโลก (Geographic pole) นั้น เป็นคนละขั้วและไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกัน

    จากข้อมูลของหน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งแคนาดา (Geological Survey of Canada) ระบุว่า ในช่วง 330 ล้านปีที่ผ่านมา มีการกลับขั้วของขั้วแม่เหล็กโลก มากกว่า 400 ครั้ง โดยเฉลี่ย 700,000 ปี จะเกิดขึ้นสักครั้ง

    แต่ช่วงเวลา ระหว่างการกลับขั้ว ก็ไม่คงที่ บางครั้ง เกิดห่างกันน้อยกว่า 100,000 ปี และการคำนวณพบว่า ช่วงหลัง การกลับขั้ว เกิดขึ้นทุกๆ 200,000 ปี แต่การกลับขั้วครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อ 780,000 ปีที่แล้ว

    [​IMG]

    ขณะเดียวกัน นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ข้อมูลว่า การเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กเป็นเรื่องปกติ โดยพบมาหลายพันครั้งแล้ว ในอดีต

    แต่ขั้วแม่เหล็กโลก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมานานพอสมควร โดยครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นประมาณ 2 ล้านปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีมนุษย์คนแรก เกิดขึ้นแล้ว และการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์แต่อย่างใด

    [​IMG]

    "นักวิทยาศาสตร์ จึงคาดกันว่า การเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กโลก ไม่น่าจะทำให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงถึงมนุษย์ขั้นสูญพันธุ์ แต่ผลกระทบ อาจเกิดแก่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


    อาทิ การสื่อสารวิทยุ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ที่มีมอเตอร์และได้นาโม เป็นต้น รวมทั้งสุขภาพของคน


    เนื่องจาก สนามแม่เหล็กโลก จะช่วยปกป้องสิ่งมีชีวิตจากรังสีนอกโลก หากมีการเปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้พลังงานจากนอกโลก เข้ามาทำอันตรายสิ่งมีชีวิตได้" นายวรวุฒิกล่าว

    พร้อมระบุว่า มีการศึกษาเรื่องการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่มากนัก จึงยังไม่แน่ในว่า การเปลี่ยนแปลงขั้วแม่เหล็กโลกนั้น เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็พบว่า ขั้วแม่เหล็กโลก กำลังค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากแคนาดา

    เมื่อปี 2374 นักวิทยาศาสตร์ของแคนาดา ได้เดินเรือสำรวจขั้วแม่เหล็กเหนือ (North Magenetic Pole) ของโลกเป็นครั้งแรก และคาดว่า มีตำแหน่งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรบูเธีย (Boothia Peninsula) ซึ่งอยู่ตอนเหนือสุดของแคนาดา

    [​IMG]

    จากนั้น ก็มีการสำรวจตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กเหนือมาเรื่อยๆ และพบตำแหน่งที่ต่างกัน

    โดยระหว่างศตวรรษที่ 20 นี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือ ได้เปลี่ยนตำแหน่งไปราว 1,100 กิโลเมตรแล้ว ปัจจุบันพบว่า การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งขั้วแม่เหล็กโลก ได้เพิ่มขึ้นเป็น 41 กิโลเมตรต่อปี

    หากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เกิดขึ้นด้วยความเร็วเท่าเดิม ในทิศทางเดิม ขั้วแม่เหล็กเหนือ จะไปอยู่บริเวณไซบีเรียในอีก 50 ปีข้างหน้า

    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงของขั้วแม่เหล็กโลกนั้น จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้าง ขณะที่การสำรวจตำแหน่งของแม่เหล็กโลก ก็ยังคงดำเนินต่อไป

    [​IMG]

    www.manager.com
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แกนแม่เหล็กโลกและแกนหมุนของโลกมิใช่แกนเดียวกัน !!!

    [​IMG]

    แกนแม่เหล็กโลกและแกนหมุนของโลกมิใช่แกนเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกมีขั้วเหนืออยู่ทางด้านใต้ และมีแกนใต้อยู่ทางด้านเหนือ แกนแม่เหล็กโลกเอียงทำมุมกับแกนเหนือ-ใต้ทางภูมิศาสตร์ (แกนหมุนของโลก) 12 องศา ดังภาพ

    ทิศเหนือที่อ่านได้จากเข็มทิศแม่เหล็ก อาจจะไม่ตรงกับทิศเหนือจริง ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ขั้วแม่เหล็กโลก และขั้วโลก มิใช่จุดเดียวกัน ในบางพื้นที่ของโลก เส้นแรงแม่เหล็กมีความเบี่ยงเบน (Magnetic deviation) มิได้ขนานกับเส้นลองจิจูด (เส้นแวง) ทางภูมิศาสตร์ แต่โชคดีที่บริเวณประเทศไทยมีค่าความเบี่ยงเบน = 0 ดังนั้นจึงถือว่า ทิศเหนือแม่เหล็กเป็นทิศเหนือจริงได้

    ที่มา http://portal.edu.chula.ac.th

    หมายเหตุ

    แกนโลกที่อาจารย์ฮั้วโต๋พูดถึง น่าจะหมายถึงแกนแม่เหล็กโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนแกนหมุนของโลก ที่กำลังจะพลิกเปลี่ยนไป 90 องศานั้น จะเกิดขึ้นแบบกระทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เกิดภัยพิบัิติต่างๆ ตามที่ได้มีการทำนายเอาไว้ และจะทำให้ภูมิอากาศของประเทศไทยเปลี่ยนจากประเทศเขตร้อน ไปเป็นประเทศในเขตอากาศหนาวครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  5. phirus

    phirus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +318
    เอิ่ม น่าจะมีเครื่องหมาย ให้ทำการเลือกว่า เห็นด้วย กับ อนุโมทนาในหัวข้อเดียวกันเนอะ เพราะอ่านบางหัวข้อก้อ ทั้งเห้นด้วยกับไม่เห็นด้วยในหัวข้อเดียวกัน :boo:
     
  6. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    เบื้องบนนี้ใครหรือครับ พอจะบอกได้มั้ยครับ ขอหลักฐานด้วยครับ:cool:
     
  7. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    หรืออีกมุมมองหนึ่ง ขั้วแม่เหล็กโลกไม่ได้เปลี่ยนกลับแต่โลกตีลังกาเอาขั้วโลกเหนือลงมาอยู่ข้างล่างแทน นึกภาพออกใหมครับแบบหมุนเอาขั้วบนลงมาอยู่ข้างล่าง
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขั้วโลกเปลี่ยน 180 องศา เปลือกโลกเปลี่ยน 90 องศา !!!

    [​IMG]

    ศักยภาพสนามแม่เหล็กของดาวหาง(เนบิรุ)ดวงนี้

    ชาวโลกอาจไม่คาดคิดว่าจะมีพลังมากมายนัก โดยตัวมันมีมวลมากกว่าโลก 23 เท่า ใหญ่กว่าโลก 4 เท่า อุดมด้วยธาตุเหล็กเช่นเดียวกับโลก มีฝุ่นสีแดงจากสนิมเหล็กและโลหะหนักที่เป็นพิษ มีน้ำมันที่ส่วนหางเป็นสารประกอบของคาร์บอนและไฮโดรเจน เมื่อน้ำมันเหล่านี้เข้ามาในบรรยากาศของโลก พบกับก๊าซ ออกซิเจนและประกายไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นฝนเพลิงไปทั่วฟ้าทันที คนในอดีตถูกฝนเพลิงลุกไหม้อยู่บนหัว ก็หนีร้อนลงน้ำ น้ำทะเลก็เดือดจากก้นทะเลขึ้นมาอีก

    กลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ จึงต้องตายไปมากมาย และดาวดวงนี้ยังมีบริวารดวงจันทร์หมุนควงสว่านอยู่ในส่วนหางอีก 29 ดวง คลุกเคล้าอยู่กับฝุ่นเป็นกลุ่มยาว 14 ล้านไมล์ ในองคาพยพของดาวดวงนี้ล้วนมีสภาพแม่เหล็ก ที่สามารถเคลื่อนตัวไปกับสนามแม่เหล็กของจักรวาล เมื่อหางสะบัดมายังโลก ฝุ่นเหล่านี้จึงแพร่กระจายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว (หลังคาที่หลบภัยจึงควรใช้วัสดุที่ไม่ไหม้ไฟเอาไว้เป็นดี )

    ซึ่งในตัวมนุษย์ทุกคนก็มีสภาพแท่งแม่เหล็กเล็กๆอยู่ด้วยเช่นกัน พลังสนามแม่เหล็กของดาวหางที่ไม่ธรรมดา จึงมีอิทธิพลเหนือกว่าโลกมากอยู่ เหนี่ยวนำให้ขั้วเหนือของแกนโลกหมุนไป 180 องศา ฉุดรั้งเปลือกโลกเคลื่อนตัวไป 90 องศา แผ่นแอนตาร์คติ๊กถูกลากจูงมาไว้ที่เส้นศูนย์สูตรใหม่ ปลายทวีปเอเชียลงไปอยู่ขั้วโลกใต้ใหม่คือประเทศอินเดีย และจมน้ำทั้งประเทศ รวมทั้งประเทศไทยที่เหลืออยู่ครึ่งเดียว ลงไปอยู่ในโซนขั้วโลกใต้ใหม่ด้วย

    เป็นเหตุว่าทำไมเมื่อราว พ.ศ. 2528 หลวงพ่อฤาษีลิงดำจึงบอกให้ลูกศิษย์เตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวเอาไว้ล่วงหน้า บ่งชี้ว่าพวกเขาเหล่านั้นมีโอกาสสอบผ่านเข้าไปสู่ 4th density ในอีกไม่นานแล้วจะได้ใช้แน่ๆ พบกับสภาพอากาศเช่นเดียวกับชาวรัสเซียในปัจจุบัน....

    นับเป็นโชคดีของคนไทยที่ไม่ต้องอพยพไปอยู่ประเทศอื่นล่วงหน้า เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่น อินเดีย เนปาล อินโดฯ เหล่านี้ ซึ่งต้องสิ้นเปลืองทุนทรัพย์มากอยู่ และไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทั่วกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสารพวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างยื่ง...ที่จะช่วยได้หากต้องเสียชีวิตคือส่งพลังแสงทิพย์ไปให้ เป็นแสงสว่างที่พึ่งในโลกหน้า...

    ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ได้รับการอนุเคราะห์จากชาว Zetas ที่กรุณานำยาน UFO จำนวนมากมาบินโชว์ถึงหน้าบ้านร่วมชั่วโมง แนะนำให้เข้าไปใช้ข้อมูลข่าวสารต่างๆหลากหลายในทุกๆแขนงวิชายิ่งกว่าการเรียนปริญญาเอกพร้อมๆกัน 3 สาขาเลยทีเดียว...ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์จะได้สอบผ่านเข้าไปสู่ 4th density หรือโลกยุคใหม่ ที่เอื้อหนุนต่อการปฏิบัติธรรม ให้สูงขึ้นยิ่งกว่าเก่าที่อยู่ใน 3rd density เป็นส่วนใหญ่...ส่วนมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงที่12 จะยังอยู่ในระดับ 3 rd density ต่อไปอีกนาน แม้จะมีเทคโนโลยี่ล้ำหน้าชาวโลกปัจจุบันไปมากแล้วก็ตามที

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dna.jpg
      dna.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66 KB
      เปิดดู:
      893
    • zz 8.jpg
      zz 8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.9 KB
      เปิดดู:
      45
    • wroll.JPG
      wroll.JPG
      ขนาดไฟล์:
      18 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  9. undersea12000

    undersea12000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +1,493
    Zetatalk

    --


    ขออนุญาตคุณเกษมนะครับ
    ขอร่วมออกความเห็น ไม่ได้มาขัดนะครับ

    แค่อยากแชร์ว่า รูปตัดโลกสีฟ้าตรงเส้นศุนย์สูตรนั้น แสดงแก่นชั้นใน เป็นของแข็ง
    อันนี้เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้อนุมานมา และก็ไม่มีใครรู้ดีกว่านั้น เพราะลึกเกินกว่าที่เราจะลงไปดู
    ก็ได้ใช้การคำนวณและอนุมานเอา

    แต่อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ได้แสดงหลายหนว่า แก่นในนั้นเป็นสีเขียว เป็นอ๊อกซิเจนบริสุทธิ์ และมีประจุลบ
    เมื่อมีความนึกคิดที่ดี เช่น ความรัก ความเมตตา ฯลฯ ก็เป็นประจุบวกลงไปทำปฎิกริยากับอ๊อกซิเจนนั้น ฯลฯ
    อาจารย์ปริญญา บอกว่า ข้อมูลมาจากพระบิดาผู้สร้างโลก (กูเกิลดูได้ และการบรรยายเป็นใน youtube)

    แค่มาเล่าสู่กันฟังว่า ทางจิตศาสตร์ได้ให้ข้อมูลต่างกันกับนักวิทยาศาสตร์

    เราเองได้แต่ฟังหูไว้หูจากทั้งสองด้าน เพราะไม่อาจพิสูจน์ได้

    ----

    อีกเรื่องคือแกนเอียงนั้น ผมพบว่า ทางจิตศาสตร์ดูจะไม่ได้เน้นเป็นสำคัญว่า พูดถึงแกน
    แม่เหล็ก หรือ แกนภูมิศาสตร์ ผิดกับทางวิทยาศาสตร์ซึ่งถือมาก การพูดแต่ละครั้งจะ
    กำหนดว่า กำลังพูดถึงแกนแม่เหล็ก หรือ แกนภูมิศาสตร์

    แต่จาก zetatalk นั้น เขาได้พูดถึง Nibiru หรือ Planet X (ขอเรียก PX ตามเขา) เอาแกนเหนือจี้มาทางโลก
    แกนโลกก็จะเอียงหนี เมื่อเอาขุั้วโลกใต้ จี้มาโลก แกนโลกก็จะเอียงเข้าหา
    (เพราะทั้งมวลและสนามแม่เหล็กของ PX) นี่แสดงว่า เป็นแกนขั้วแม่เหล็กครับ ที่เขาอธิบายว่าเอียงไป เอียงมานี้

    ทาง Zeta ซึ่งเป็นพวกต่างดาว และเป็นผู้ที่ทำนายไว้ก่อนว่า PX จะเข้ามาถึงระบบสุริยะเมื่อไร
    และเขาว่า มันก็มาถึงตามนั้นจริงๆ

    หากมีใครจะติดตามเอาที่ Zeta ให้ความรู้ไว้มาลงในเว็บพลังจิตก็น่าจะดี ผมอ่านมานานแล้วและคิดว่า
    น่าเชื่อถือ มีผู้ติดตามเขามาก การพูดจะให้ทั้งการทำนาย และการอธิบายทางวิทยาศาสตร์
    Earth Changes and the Pole Shift
    บางทีกระทู้ใหม่เลยสำหรับ Zeta อาจจะเหมาะที่สุด
    พักๆผมเห็นมีผู้นำข้อมูลจาก Zeta มาลง แต่ก็จะนานๆครั้ง
    แต่ข้อมูลมากเลย เป็นเรื่องที่คนในกระทู้นี้อยากรู้ทั้งนั้น
    --
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สิ่งแปลกประหลาดต่างๆ เริ่มปรากฏให้เห็น...

    [​IMG]

    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม ( Whipping Cream Ocean )

    Whipping Cream Ocean เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางเหนือของ เมืองซิดนี่ย์ ( Sydney ) ที่ยัมบา ( Yamba ) ของ นิวเซาธ์เวลส์ ( New South Wales ) และได้แปรเปลี่ยนชายฝั่งเป็น คาปูชิโนใน ( Cappuccino Coast ) ฟองโฟมได้กลืนกินทั้งหาด และอาคารสิ่งก่อสร้างไปกว่าครึ่งหลังที่ก่อสร้างอยู่ริมชายหาด ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์หน่วยกู้ภัยชายหาดท้องถิ่น ฟองโฟมนี้กินอาณาบริเวณออกไป กว่า 30 ไมล์จากชายฝั่ง

    โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงสาเหตุของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้ไว้ว่าเกิดจาก ความบังเอิญหลายอย่างที่ลงตัว ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่งสวยงาม แต่มันเกิดจาก สิ่งสกปรกต่างๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทำให้ทะเลสกปรก , เกิดจากเกลือ , เกิดจากปฎิกริยาทางเคมี , การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ในทะเล ปลา ที่เกิดจากน้ำเสียที่มนุษย์ไ้ด้สร้างขึ้น เมื่อทุกอย่างมารวมตัวกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว และมีคลื่นที่เคลื่อนตัวแล้วม้วนตัวลงก็จะทำให้เกิดฟอง และเมื่อคลื่นได้เคลื่อนมากระทบฝั่งจะคลายฟอง ออกมาสะสมอยู่ที่ริมชายหาดสะสมตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ

    [​IMG]

    เหล่าเด็กต่างสนุกสนาน ต่ิอปรากฏการณ์ประหลาดนี้ และลงไปเล่นกันทั้งดำผลุดดำว่าย

    [​IMG]

    ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นสาวกลุ่มนี้ต่างก็แต่งชุดว่ายน้ำลงมาเล่นฟองโฟนกันอย่างสนุกสนาน แต่ถ้ารู้ถึงสาเหตุของโฟมเหล่านี้แล้ว ก็ไม่รู้จะยังสนุกกันหรือไม่

    ที่มา wowboom: ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม ( Whipping Cream Ocean )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  11. undersea12000

    undersea12000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +1,493
    --
    ผมเข้าใจตามนี้เช่นกัน (พูดจากความจำ)
    เคยอ่านเรื่องนี้ผ่านตา หากเจออีก อาจนำมา update
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พายุหมุนเขตร้อน กับวิธีป้องกันตัว !!!

    [​IMG]

    ช่วงนี้หลายคนคงรู้สึกว่าได้ยินคำว่า "พายุ" อยู่บ่อยๆ ทั้งจากโทรทัศน์, วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ แถมประจวบกับที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่าโดน "นาร์กีส" หรือ "พายุไซโคลน" ถล่มซะจนสร้างความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ จนทำให้หลายๆ คนอยากรู้จักกับพายุมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้รู้จักและหาป้องกันตัวเองได้ ดังนั้น เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับพายุให้มากขึ้น โดยเฉพาะ "พายุหมุนเขตร้อน" ที่มักเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยหรือเพื่อนบ้านรอบๆ

    พายุคืออะไร.. ?

    พายุ คือ สภาพบรรยากาศที่ถูกรบกวนแบบใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อพื้นผิวโลก และบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่รุนแรง เวลากล่าวถึงความรุนแรงของพายุ จะมีเนื้อหาสำคัญอยู่บางประการคือ ความเร็วที่ศูนย์กลาง ซึ่งอาจสูงถึง 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วของการเคลื่อนตัว ทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุ และขนาดความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวพายุ ซึ่งบอกถึงอาณาบริเวณที่จะได้รับความเสียหายว่าครอบคลุมเท่าใด ความรุนแรงของพายุจะมีหน่วยวัดความรุนแรงคล้ายหน่วยริกเตอร์ของการวัดความรุนแรงแผ่นดินไหว มักจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    พายุแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 3 ประเภท คือ

    พายุฝนฟ้าคะนอง มีลักษณะเป็นลมพัดย้อนไปมา หรือพัดเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกัน อาจเกิดจากพายุที่อ่อนตัวและลดความรุนแรงของลมลง หรือเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ร่องความกดอากาศต่ำ อาจไม่มีทิศทางที่แน่นอน หากสภาพการณ์แวดล้อมต่างๆ ของการเกิดฝนเหมาะสม ก็จะเกิดฝนตก มีลมพัด

    พายุหมุนเขตร้อน (Tropical cyclone) ต่างๆ เช่น เฮอร์ริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ซึ่งล้วนเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน และจะเกิดขึ้นหรือเริ่มต้นก่อตัวในทะเล หากเกิดเหนือเส้นศูนย์สูตร จะมีทิศทางการหมุนทวนเข็มนาฬิกา และหากเกิดใต้เส้นศูนย์สูตรจะหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยมีชื่อต่างกันตามสถานที่เกิด กล่าวคือ

    1. พายุเฮอร์ริเคน (hurricane) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดบริเวณทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก เช่น บริเวณฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อ่าวเม็กซิโก ทะเลแคริบเบียน เป็นต้น รวมทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณชายฝั่งประเทศเม็กซิโก

    2. พายุไต้ฝุ่น (typhoon) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ เช่น บริเวณทะเลจีนใต้ อ่าวไทย อ่าวตังเกี๋ย ประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าเกิดในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ เรียกว่า บาเกียว (Baguio)

    3. พายุไซโคลน(cyclone) เป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดในมหาสมุทรอินเดีย เหนือ เช่น บริเวณอ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ เป็นต้น แต่ถ้าพายุนี้เกิดบริเวณทะเลติมอร์และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย จะเรียกว่า พายุวิลลี-วิลลี (willy-willy)

    4. พายุโซนร้อน (tropical storm) เกิดขึ้นเมื่อพายุเขตร้อนขนาดใหญ่อ่อนกำลังลง ขณะเคลื่อนตัวในทะเล และความเร็วที่จุดศูนย์กลางลดลงเมื่อเคลื่อนเข้าหาฝั่ง

    5. พายุดีเปรสชัน (depression) เกิดขึ้นเมื่อความเร็วลดลงจากพายุโซนร้อน ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองธรรมดาหรือฝนตกหนัก

    6. พายุทอร์นาโด (tornado) เป็นชื่อเรียกพายุหมุนที่เกิดในทวีปอเมริกา มีขนาดเนื้อที่เล็กหรือเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย แต่หมุนด้วยความเร็วสูง หรือความเร็วที่จุดศูนย์กลางสูงมากกว่าพายุหมุนอื่น ๆ ก่อความเสียหายได้รุนแรงในบริเวณที่พัดผ่าน เกิดได้ทั้งบนบก และในทะเล หากเกิดในทะเล จะเรียกว่า นาคเล่นน้ำ (water spout) บางครั้งอาจเกิดจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า แต่หมุนตัวยื่นลงมาจากท้องฟ้าไม่ถึงพื้นดิน มีรูปร่างเหมือนงวงช้าง จึงเรียกกันว่า ลมงวง

    [​IMG]

    ถิ่นกำเนิดหรือบริเวณที่เกิดพายุหมุนเขตร้อน

    พายุหมุนเขตร้อนเป็นคำทั่วๆ ไปที่ใช้สำหรับเรียกพายุหมุนหรือพายุไซโคลน (Cyclone) ที่มีถิ่นกำเนิดเหนือมหาสมุทรในเขตร้อนแถบละติจูดต่ำ แต่อยู่นอกเขตบริเวณเส้นศูนย์สูตร เพราะยังไม่เคยปรากฏว่ามีพายุหมุนเขตร้อนเกิดที่เส้นศูนย์สูตร พายุนี้เกิดขึ้นในมหาสมุทรหรือทะเลที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 26 องศาเซลเซียส หรือ 27 องศาเซลเซียส ขึ้นไป และมีปริมาณไอน้ำสูง เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักเคลื่อนตัวตามกระแสลมส่วนใหญ่จากทิศตะวันออกมาทางทิศตะวันตก และค่อยโค้งขึ้นไปทางละติจูดสูง แล้วเวียนโค้งกลับไปทางทิศตะวันออกอีก พายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นได้หลายแห่งในโลก และมีชื่อเรียกต่างกันไปตามแหล่งกำเนิด

    พายุหมุนเขตร้อนเมื่ออยู่ในสภาวะที่เจริญเติบโตเต็มที่ จะเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาพายุที่เกิดขึ้นในโลก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณตั้งแต่ 100 กิโลเมตรขึ้นไป และเกิดขึ้นพร้อมกับลมที่พัดแรงมาก ระบบการหมุนเวียนของลมเป็นไป โดยพัดเวียนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเข้าสู่ศูนย์กลางของพายุในซีกโลกเหนือ ส่วนในซีกโลกใต้พัดเวียนตามเข็มนาฬิกา ยิ่งใกล้ศูนย์กลางลมจะหมุนเกือบเป็นวงกลมและมีความเร็วสูงที่สุด

    ความเร็วลมสูงสุดที่บริเวณใกล้ศูนย์กลางนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาความรุนแรงของพายุ ซึ่งในย่านมหาสมุทรแปซิ-ฟิกเหนือด้านตะวันตก และทะเลจีนใต้มีการแบ่งตามข้อตกลงระหว่างประเทศดังนี้

    - พายุดีเปรสชันเขตร้อน (tropical depression) ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่ถึง 34 นอต (63 กิโลเมตร/ชั่วโมง)

    - พายุโซนร้อน (tropical storm) ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 34 นอต (63 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 64 นอต (118 กิโลเมตร/ชั่วโมง)

    - ไต้ฝุ่น (typhoon) ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 64 นอต (118 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ขึ้นไป

    สำหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบจาก "พายุหมุนเขตร้อน" ที่ก่อตัวในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก และพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเราเรียกว่า "ไซโคลน" แม้พายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในบริเวณมหาสมุทรอินเดียจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ก็สามารถก่อความเสียหายต่อประเทศไทยได้เช่นกัน เมื่อทิศการเคลื่อนที่เข้าสู่บริเวณใกล้ประเทศไทยทางด้านตะวันตก ในกรณีของพายุหมุนเขตร้อนซึ่งก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้นั้น จะเคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศไทยในบริเวณต่างๆ ของประเทศแตกต่างกันตามฤดูกาล

    พายุหมุนเขตร้อน หรือ พายุไซโคลน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สามารถทำความเสียหายได้รุนแรง จะต้องมีความเร็วลมมากกว่า 64 นอต (30 เมตร/วินาที, 74 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 118 กิโลเมตร/ ชั่วโมง) ขึ้นไป และมักจะมี "ตาพายุ" ศูนย์กลางหรือที่เรียกว่า "ตา" เป็นบริเวณที่มีลมสงบ อากาศโปร่งใส โดยอาจมีเมฆและฝนบ้างเล็กน้อย ล้อมรอบด้วยพื้นที่บริเวณกว้างรัศมีหลายร้อยกิโลเมตร ตาพายุนี้จะเห็นได้ชัดเจนจากภาพถ่ายดาวเทียมเป็นวงกลมเล็กที่ไม่มีเมฆ รอบตาจะมีกำแพงล้อมที่มีขนาดกว้างประมาณ 16-80 กิโลเมตร เป็นบริเวณที่มีพายุฝนและลมหมุนที่รุนแรงมากหมุนวนรอบๆ ตา

    ดังนั้น ในบริเวณที่พายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนที่ผ่าน ครั้งแรกจะปรากฏลักษณะอากาศโปร่งใส เมื่อด้านหน้าของพายุหมุนเขตร้อนมาถึงจะปรากฏลมแรง ฝนตกหนัก และมีพายุฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจปรากฏพายุทอร์นาโด ในขณะตาพายุมาถึง อากาศจะโปร่งใสอีกครั้ง และเมื่อด้านหลังของพายุหมุนมาถึงอากาศจะเลวร้ายลงอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก ซึ่งการเคลื่อนตัวของเมฆรอบศูนย์กลางพายุก่อตัวเป็นรูปขดวงก้นหอยที่เด่นชัด แถบหรือวงแขที่อาจยื่นโค้งเป็นระยะที่ยาวออกไปได้มากในขณะที่เมฆถูกดึงเข้าสู่วงหมุน ทิศทางวงหมุนของพายุขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดว่าอยู่ ณ ส่วนใดของซีกโลกดังกล่าวแล้ว

    หากอยู่ซีกโลกเหนือพายุจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา ด้านซีกโลกใต้จะหมุนตามเข็มนาฬิกา ความเร็วสูงสุดของพายุหมุนเขตร้อนที่เคยวัดได้มีความเร็วมากกว่า 85 เมตร/วินาที (165 นอต, 190 ไมล์/ชั่วโมง, 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง) พายุที่รุนแรงมากและอยู่ในระยะก่อตัวช่วงสูงสุดบางครั้งอาจมีรูปร่างของโค้งด้านในแลดูเหมือนอัฒจรรย์สนามแข่งขันฟุตปอลได้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้งในลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "ปรากฏการณ์อัฒจรรย์" (stadium effect)

    วงหมุนที่เกิดผนังตาพายุจะเกิดตามปกติเมื่อพายุมีความรุนแรงมาก เมื่อพายุแรงถึงขีดสุดก็มักจะเกิดการหดตัว ของรัศมีกำแพงตาพายุเล็กลงถึงประมาณ 8-24 กิโลเมตร (5-15 ไมล์) ซึ่งบางครั้งอาจไม่เกิด ถึงจุดนี้เมฆฝนอาจก่อตัวเป็นแถบอยู่ด้านนอกแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าวงในแย่งเอาความชื้นและแรงผลักดันหรือโมเมนตัมจากผนังตาพายุ ทำให้ความรุนแรงลดลงบ้าง (ความเร็วสูงสุดที่ผนังลดลงเล็กน้อยและความกดอากาศสูงขึ้น) ในที่สุดผนังตาพายุด้านนอกก็จะเข้ามาแทนผนังในจนหมด ทำให้พายุกลับมามีความเร็วเท่าเดิม

    แต่ในบางกรณีอาจกลับเร็วขึ้นได้ แม้พายุหมุนจะอ่อนตัวลงที่ปลายผนังตาที่ถูกแทนที่ แต่ที่จริงแล้วการเพิ่งผ่านปรากฏการณ์ลักษณะนี้ในรอบแรกและชะลอการเกิดในรอบต่อไป เป็นการเปิดโอกาสให้ความรุนแรงสะสมตัวเพิ่มขึ้นอีกได้ถ้ามีสภาวะที่เหมาะสม ซึ่งระดับความรุนแรงของพายุหมุนเขตร้อนที่มีความเร็วลมเกิน 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่

    - ระดับที่ 1 มีความเร็วลม 119-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายล้างเล็กน้อย ไม่ส่งผลต่อสิ่งปลูกสร้าง มีน้ำท่วมขังตามชายฝั่ง

    - ระดับที่ 2 มีความเร็วลม 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายล้างเล็กน้อย ทำให้หลังคา ประตู หน้าต่างบ้านเรือนเสียหายบ้าง ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง

    - ระดับที่ 3 มีความเร็วลม 178-209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายล้างปานกลาง ทำลายโครงสร้างที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก น้ำท่วมขังถึงพื้นบ้านชั้นล่าง

    - ระดับที่ 4 มีความเร็วลม 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายล้างสูง หลังคาบ้านเรือนบ้านเรือนบางแห่งถูกทำลาย น้ำท่วมเข้ามาถึงพื้นบ้าน

    - ระดับที่ 5 มีความเร็วลมมากกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำลายล้างสูงมาก หลังคาบ้านเรือน ตึกและอาคารต่างๆ ถูกทำลาย พังทลาย น้ำท่วมขังปริมาณมาก ถึงขั้นทำลายทรัพย์สินในบ้าน อาจต้องประกาศอพยพประชาชน

    ขณะเดียวกันพายุหมุนเขตร้อนซึ่งก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก และมีความแรงของลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางพายุมากกว่า 33 นอต จะเริ่มมีการกำหนดชื่อเรียก โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้จัดรายชื่อเพื่อเรียกพายุหมุนเขตร้อนซึ่งก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกไว้เป็นสากล เพื่อทุกประเทศในบริเวณนี้ใช้เพื่อเรียกพายุหมุนเขตร้อนซึ่งก่อตัวขึ้น โดยเรียงตามลำดับให้เหมือนกัน

    ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ได้เกิดระบบการตั้งชื่อพายุเป็นภาษาพื้นเมืองของแต่ละประเทศสมาชิกในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนบนและแถบทะเลจีนใต้ 14 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย ไมโครนีเซีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และไทย โดยนำชื่อมาเรียงเป็น 5 สดมภ์ เริ่มจากกัมพูชาจนถึงเวียดนามในสดมภ์ที่ 1 เมื่อหมดแล้วให้เริ่มขึ้นสดมภ์ที่ 2 ถึง 5 แล้วจึงเวียนมาเริ่มที่สดมภ์ 1 อีกครั้ง จนกว่าจะมีการกำหนดชื่อพายุครั้งใหม่อีก

    อันตรายของพายุ

    1. ความรุนแรงและอันตรายอันเกิดจากพายุไต้ฝุ่น

    เมื่อพายุที่มีกำลังขนาดไต้ฝุ่น พัดผ่านที่ใดย่อมทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั่วไป เช่น บนบกต้นไม้จะล้ม ถอนราก ถอนโคน จะทำให้เกิดอันตรายจากต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน บ้านเรือนพังทับผู้คนในบ้านและใกล้เคียงบาดเจ็บหรือตาย เรือกสวนไร่นาเสียหายหนักมาก เสาไฟฟ้าล้ม สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าช็อต เกิดเพลิงไหม้และผู้คนอาจเสียชีวิตจากไฟฟ้าดูดได้ ผู้คนที่มีอาคารพักอาศัยอยู่ริมทะเลอาจถูกน้ำพัดพาลงทะเลจมน้ำตายได้ ดังเช่น ปรากฏการณ์ที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช

    ในทะเลลมแรงจัดมาก คลื่นใหญ่ เรือขนาดใหญ่ๆ ขนาดหมื่นตันอาจจะถูกพัดพาไปเกยฝั่งล่มจมได้ บรรดาเรือเล็กเป็นอันตรายล่มจมสิ้น ไม่สามารถจะต้านความรุนแรงของพายุได้ คลื่นใหญ่ซัดขึ้นริมฝั่งจนทำให้ระดับน้ำขึ้นสูงมากจนท่วมอาคารบ้านช่องริมทะเลได้ บรรดาโป๊ะจับปลาในทะเลถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิงโดยคลื่นและลม

    2. ความรุนแรงและอันตรายจากพายุโซนร้อน

    พายุโซนร้อนมีความรุนแรงน้อยกว่าพายุไต้ฝุ่น ฉะนั้น อันตรายอันจะเกิดจากการที่พายุนี้พัดมาปะทะลดลงในระดับรองลงมาจากพายุไต้ฝุ่น แต่ถึงกระนั้นก็ตามความรุนแรงที่จะทำให้ความเสียหายก็ยังมีมากเหมือนกัน ในทะเลลมจะแรงมากจนสามารถจะจมเรือขนาดใหญ่ๆ ได้ ต้นไม้ถอนรากถอนโคนดังพายุโซนร้อนที่ปะทะฝั่งแหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช

    ถ้าการเตรียมการรับสถานการณ์ไม่เพียงพอ ไม่มีการประกาศโฆษณาให้ประชาชนได้ทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายอย่างทั่วถึง ไม่มีวิธีการดำเนินการที่เข้มแข็งในการอพยพ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ในระหว่างเกิดพายุ การสูญเสียก็ย่อมมีการเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สมบัติของประชาชน

    3. ความรุนแรงและอันตรายจากพายุดีเปรสชั่น

    พายุดีเปรสชั่นเป็นพายุที่มีกำลังอ่อน ไม่มีอันตรายรุนแรงแต่ทำให้มีฝนตกปานกลางทั่วไป ตลอดทางที่พายุดีเปรสชั่นผ่านไป และมีฝนตกหนักเป็นแห่งๆ พร้อมด้วยลมกรรโชกแรงเป็นครั้งคราว ซึ่งบางคราวจะรุนแรงจนทำให้เกิดความเสียหายได้บ้าง ไม่ปลอดภัยเสียทีเดียว ในทะเลค่อนข้างแรงและคลื่นจัด บรรดาเรือประมงเล็กขนาดต่ำกว่า 50 ตัน ควรงดเว้นออกทะเลเพราะอาจจะล่มลงได้

    และพายุดีเปรสชั่นนี้เมื่ออยู่ในทะเลได้รับไอน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา และไม่มีสิ่งกีดขวางทางลมอาจจะทวีกำลังขึ้นได้โดยฉับพลัน ฉะนั้น เมื่อได้รับทราบข่าวว่ามีพายุดีเปรสชั่นขึ้นในทะเลก็อย่าได้ไว้วางใจว่าจะมีกำลังอ่อนเสมอไปอาจจะมีอันตรายได้เหมือนกัน สำหรับพายุพัดจัดจะลดน้อยลงเป็นลำดับ มีแต่ฝนตกทั่วไปเป็นระยะนานๆ และตกได้มากถึง 100 มิลลิเมตร ภายใน 12 ชั่วโมงซึ่งต่อไปก็จะทำให้เกิดน้ำป่าไหลบ่าจากภูเขาและป่าใกล้เคียงลงมาท่วมบ้านเรือนได้ในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากภายุได้ผ่านไปแล้ว

    4. ความรุนแรงและอันตรายจากพายุฤดูร้อน

    พายุฤดูร้อนเป็นพายุที่เกิดขึ้นโดยเหตุและวิธีการต่างกับพายุดีเปรสชั่น และเกิดบนผืนแผ่นดินที่ร้อนอบอ้าวในฤดูร้อนแต่เป็นพายุที่มีบริเวณย่อมๆ มีอาณาเขตเพียง 20-30 ตารางกิโลเมตร แต่อาจมีลมแรงมากถึง 47 น็อต หรือ 87 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีกำลังแรงที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้มากเหมือนกันแต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง อันตรายที่เกิดขึ้นคือ ต้นไม้หักล้มทับบ้านเรือนผู้คน บ้านเรือนที่ทนกำลังแรงลมไม่ไหวพังทะลายกระเบื้องหลังคาปลิวเป็นอันตรายต่อผู้คน ฝนตกหนักและอาจมีลูกเห็บตกได้ ในกรณีที่พายุมีกำลังแรงลูกเห็บอาจจะตกถูกผู้คนได้รับความบาดเจ็บและบ้านช่องเสียหายได้

    การเตรียมการป้องกันอันตรายจากพายุ

    1. ติดตามสภาวะอากาศ ฟังคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาสม่ำเสมอ

    2. สอบถาม แจ้งสภาวะอากาศร้ายแก่กรมอุตุนิยมวิทยา

    3. ปลูกสร้าง ซ่อมแซม อาคารให้แข็งแรง เตรียมป้องกันภัยให้สัตว์เลี้ยงและพืชผลการเกษตร

    4. ฝึกซ้อมการป้องกันภัยพิบัติ เตรียมพร้อมรับมือ และวางแผนอพยพหากจำเป็น

    5. เตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค ไฟฉาย แบตเตอรี่ วิทยุกระเป๋าหิ้วติดตามข่าวสาร

    6. เตรียมพร้อมอพยพเมื่อได้รับแจ้งให้อพยพ

    รียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
    ที่มา บทความ พายุ พายุหมุน พายุหมุนเขตร้อน กับวิธีการป้องกันตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อธิษฐานขอให้เห็นตามความเป็นจริง !!!

    [​IMG]

    บุญ+ทา สมาชิก

    อาจารย์คะ เมื่อเร็วๆ ประมาณ 2-3 วัน ลูกได้นั่งสมาธิและอธิษฐานขอให้เห็นเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ซึ่งได้ฝันเห็นว่ามีพายุหมุนเกิดขึ้น ในฝันรู้สึกจะเป็นประเทศของเรา ยังได้โทรศัพท์บอกสามีให้ระวังตัว ในฝันลูกและสามีปลอดภัย แต่บ้านช่องข้าวของพังเสียหายมากมาย เหตุการณ์นี้ชัดเจนและใกล้มากเจ้าค่ะ

    28-01-2013, 05:32 AM

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ..ครับ.ชัดเจนในเวลาอันใกล้นี้ครับ..

    เจริญในธรรม มีพระนิพพานในจิตให้มาก ๆ

    28-01-2013, 11:15 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-600
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 51RqJ+AqDlL.JPG
      51RqJ+AqDlL.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.3 KB
      เปิดดู:
      561
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วิชามือเหล็กคือการฝึกฝนให้ฝ่ามือและนิ้วมีความแข็งแกร่ง เป็นวิชาหนึ่งของเส้าหลิน เริ่มต้นผู้ฝึกต้องเอามือแทงไปที่ทรายปนกรวดที่คั่วให้ร้อนก่อน เมื่อมือทนทานได้แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นก้อนกรวด และเปลี่ยนจากก้อนกรวดเป็นก้อนเหล็กคั่วร้อน(ปัจจุบันใช้น็อตแทน) เริ่มฝึกกันตั้งแต่4-5ขวบ เมื่อฝึกสำเร็จแล้วมือจะแข็งแกร่งใช้เป็นเหมือนอาวุธในการฟาด ฟัน แทง ศัตรูให้ได้รับบาดเจ็บได้ เป็นศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นทิพย์หรือเรื่องพิศดารล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนใดๆทั้งสิ้น ก็วิทยายุทธแขนงหนึ่งเท่านั้นเอง...อาเมน..
     
  15. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    การเป็นผู้นำโลก (ขอใช้คำนี้) ไม่ใช้คำว่า "เจ้าโลก" เพราะจะนึกไปถึงเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะคำนี้ในปัจจุบันยังมีความหมายที่ลามกอีก ซึ่งเป็นเพราะผลของสื่อที่ใช้คำออกมา การเป็นผู้นำโลก ไม่ได้อยู่ที่มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าประเทศอื่น การเป็นผู้นำโลกที่แท้จริง ก็คือ มี "ธรรม" ครับ
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อัชฌาสัยฉฬภิญโญ !!!

    [​IMG]

    อัชฌาสัยของท่านที่ชอบมีฤทธิ์มีเดช ทำอะไรต่ออะไรเกินกว่าสามัญชนจะทำได้ เรียกว่าอัชฌาสัยของท่านผู้มีฤทธิ์ หรือท่านผู้ทรงอภิญญา ๖

    อภิญญา ๖ นี้ เป็นคุณธรรมพิเศษสำหรับนักปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องฝึกฝนตนเป็นพิเศษ ให้ได้คุณธรรมห้าประการก่อนที่จะได้บรรลุมรรคผล หมายความว่าในระหว่างที่ทรงฌานโลกีย์นั้น ต้องฝึกฝนให้สามารถทรงคุณสมบัติห้าประการดังต่อไปนี้

    ๑. อิทธิฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
    ๒. ทิพยโสต มีหูเป็นทิพย์ สามารถฟังเสียงในที่ไกล หรือเสียงอมนุษย์ได้ยิน
    ๓. จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์
    ๔. เจโตปริยญาณ รู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
    ๕. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้

    ทั้งห้าอย่างนี้ จะต้องฝึกให้ได้ในสมัยที่ทรงฌานโลกีย์ ต่อเมื่อฝึกฝนคุณธรรมหกประการนี้ คล่องแคล่วว่องไวดีแล้ว จึงฝึกฝนอบรมในวิปัสสนาญาณต่อไป เพื่อให้ได้อภิญญาข้อที่ ๖ คือ อาสวักขยญาณ ได้แก่การทำอาสวะให้หมดสิ้นไป

    ที่มา http://www.palungjit.org/smati/k40/arahan3.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • push_ver2_m.jpg
      push_ver2_m.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.7 KB
      เปิดดู:
      530
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โอ้พัทยา...ลาก่อน !!!

    [​IMG]

    สลด! แม่แท้ๆนำลูกสาววัย 15 ปี เร่ขายบริการ

    แม่แท้ๆ พาลูกสาววัย 15 ปี เร่ขายบริการกับฝรั่งริมหาดพัทยา สารภาพทำมา 2 ครั้ง เพราะมีหนี้สินมาก ที่ทำไปด้วยความจำใจ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ม.ค.) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พบหญิงสาวนำเด็กหญิงมาเร่ขายบริการให้กับชาวต่างชาติที่ชายหาดพัทยา ทราบชื่อ น.ส.จิตรา ถนอมสุข หรือ นัด อายุ 42 ปี ได้ทำการนำลูกสาวของตัวเอง อายุ 15 ปี มาเสนอขายบริการกับชาวต่างชาติ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อและเข้าจับกุมพร้อมเงินของกลาง 2,500 บาท

    สอบสวน น.ส.จิตรา รับสารภาพว่า นำลูกสาวมาเร่ขายบริการกับชาวต่างชาติมา 2 ครั้งแล้ว เนื่องจากตนเองมีหนี้สินมาก ที่ทำไปด้วยความจำใจ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนเด็กหญิงได้นำส่งสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านบางละมุงเพื่อดูแลต่อไป

    ที่มา http://news.sanook.com/1166688/สลด-แม่แท้ๆนำลูกสาววัย-15-ปี-เร่ขายบริการ/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ในเวลานั้น..จะไม่มีข้อมูลใดๆ เหลือไว้เลย !!!

    [​IMG]

    ดุสิตาลัย สมาชิก

    เดี๋ยวนะครับ..."ปิดกระทู้"(สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ) หมายถึงจะลบกระทู้นี้ทิ้งหรือครับ? ใช้วิธีล็อคกระทู้จะดีกว่าไหมครับ? เพื่อที่ข้อเขียน ความเห็น ตลอดจนข้อความที่แสดงถึงวุฒิภาวะของผู้โพสท์ข้อความนั้นๆ จะได้ปรากฏเป็นหลักฐานสืบไป อีกสักปีสองปีข้างหน้า แต่ละท่านยังจะได้ระลึกถึงอยู่ ว่าตนเคยโพสท์อะไรไปบ้าง

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ..ครับที่ท่านแนะนำมาอาจารย์ก็เห็นด้วยนะครับ.แต่เพื่อความไม่ประมาท.เวลาในการปรับสมดุลย์ธาตุนั้น.จะไม่มีข้อมูลใด ๆ เหลือไว้เลย.

    คนใกล้ตัวของอาจารย์ บางคนขยันเขาจดบันทึกข้อความไว้ในสมุด.ตั้งหน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย.(เผื่อไฟดับ).และเครื่องอิเลคทรอนิคส์ใช้ไม่ได้.ขณะเดียวกัน เซฟในเครื่องคอม แล้วดึงข้อมูลออกมาไว้ในกล่องเก็บข้อมูลข้างนอกหรือ แฮนดี้ไดรฟ หรือแผ่นซีดีครับ.เวลานี้กำลังทำกันอย่างขมักเขม้น.แล้วแต่ใครชอบแบบไหนและถนัดครับ.

    ของอาจารย์เก็บข้อมูลเสร็จแล้ว นำมาปริ้นส์แล้วเย็บไว้เป็นเล่มครับ..เก็บข้อมูลไว้เป็นเล่ม เมื่อไฟดับ เครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้ไม่ได้ ก็สามารถนำข้อมูลที่เย็บไว้เป็นเล่มนั้นมาอ่านได้ครับ...

    เจริญในธรรม มีพระนิพพานในจิตให้มาก ๆ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-602
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  19. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    นำมาให้ชมกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. mumoon

    mumoon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +82
    เมื่อวันอาทิตย์ 27 มกราคม 2556 ตอน 9.00 ดูชั่วโมงเตือนภัย มีดร.สมิทธ กับอ.ปราโมทย์ พูดถึงดาวหางที่จะมาเยือนโลกภายใน 3 เดือนนี้ (ที่บ้านขายของอยู่เลยไม่ค่อยได้ฟังเลยจำวันที่ไม่ค่อยได้มั่วเอาแต่เวลาแน่นอน ประมาณ15ก.พ.-15มี.ค. 56 เวลาประมาณตี 2 ตามเวลาประเทศไทย)ซึ่งทางนาซ่าบอกว่าวงโคจรของดาวหางดวงนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 60,000 ก.ม.(เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว20 ม.ค 56) แต่ตอนที่ดูวันที่ 27 ทางนาซ่าบอกว่าวงโคจรของดาวหางเข้ามาใกล้โลกจากเดิม 60,000 เหลือ 30,000 ก.ม.(อาจจะมีปัญหาชนกับดาวเทียมได้) และอีก 33 ปี จะมีดาวหางมาชนโลก (เห็นอ.บอกว่า ทางนาซ่าจะใช้วิธีแบบในหนังเรื่องอมาเกด้อน) ไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. จะพูดถึงอีกหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...