ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. ฺฺBB

    ฺฺBB สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    สมุทรปราการยังหนาวเลยคร้า.....
     
  2. Khundeaw

    Khundeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +706
    อุบลราชธานีขณะที่พิมพ์ข้อความนี้ อากาศก็หนาวเย็นครับ
     
  3. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538

    ได้สอบถามเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ เภสัชซึ่งจบโทด้านพิษวิทยา ได้ความว่า การทาเบตาดีนไม่ช่วยหรือแก้ไขอะไรได้ค่ะ

    สารกัมมันตภาพรังสี คงยังมาไม่ถึงไทย และคิดว่าคงมาไม่ถึง รอดูต่อไปก่อนนะคะ อย่าพึ่งตกใจค่ะ

    ข่าวข้างบน น่าจะเป็นข่าวลือค่ะ
     
  4. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    จาก http://www.nrc.gov/about-n<WBR></WBR>rc/emerg-preparedness/prot<WBR></WBR>ect-public/ki-faq.html เขาบอกว่า

    What is potassium iodide?

    Potassium iodide is a salt, similar to table salt. Its chemical symbol is KI. It is routinely added to table salt to make it "iodized." Potassium iodide, if taken in time and at the appropriate dosage, blocks the thyroid gland's uptake of radioactive iodine and thus could reduce the risk of thyroid cancers and other diseases that might otherwise be caused by exposure to radioactive iodine that could be dispersed in a severe nuclear accident.

    ดังนั้น ตัวที่ต้องการคือ ไอโอดีน และดังนั้น จึงขอถามว่า
    การเอาเบตาดีน ทาที่คอ จะทำให้ร่างกาย absorb ไอโอดีน ได้หรือไม่

    ได้รับคำตอบว่า


    In humans, absorbable form of iodine is in iodide salt form. Thus, when iodide salt was given orally, maybe in digested food, iodide will be dissolved and absorbed from GI tract into the blood. After that, iodide will be selectively transported into thyroid gland and changed to thyroid hormones. From this basic physiology of iodide/iodine, only iodide can be absorbed and utilized in our body. In addition, iodine cannot be absorbed (or minimally absorbed) when administed into any routes (topical or oral).


    As for potassium iodide, it's the most common form of iodide salts. This chemical has been used in therapeutic applications as well as in this nuclear accidents. Since radioactive materials (ie uranium) constantly decays from one elemental form to another. As a result, in the decaying process, uranium can change its elementary state to iodine in 131I form. Thus, once entering into humans' body, this 131I will selectively be trapped in thyroid glands. At the same time, 131I emits beta-emission and that can cause cell mutation and, subsequently, cancer of the thyroid gland.


    ขอสรุปสั้นๆ
    ว่าทา Bethadine ไม่น่าจะได้ผลนะคะ

    การกิน Potassium Iodide( KI) น่าจะดีที่สุด
    แต่ ต้องรอเรลาที่เหมาะสมก่อน นะคะ

    ตอนนี้คนไทย อยู่ ประเทศไทย อย่าเพิ่ง กิน นะคะ!!!!!!!!
     
  5. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    กรุงเทพยังหนาว ท้องฟ้าสีหม่นๆ กลางคืนสีออกเหลือง
     
  6. eddy19344

    eddy19344 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +18
    มีนบุรึก็หนาวเช่นกันค่ะ
     
  7. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    เกี่ยวไหมกับแกนโลกเอียงจากเดิม เพราะแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่น แล้วอากาศเปลี่ยน เห็นมีข่าว เวลาจะสั้นลงกับอากาศไม่เหมือนเดิม
     
  8. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เวียดนามหิมะตกเห็นๆ เย็นจับขั้วหัวใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มีนาคม 2554 00:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=640><TBODY><TR><TD vAlign=top width=640 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ไม่ธรรมดา.. ความหนาวเย็นระลอกล่าในสัปดาห์นี้ ทำให้หิมะตกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยในภาคเหนือ หลายปีก่อนหน้านี้เคยได้เห็นแค่น้ำค้างแข็งเท่านั้น เวียดนามอยู่ในช่วงแห่งการเปลี่ยนฤดูซึ่งในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน ความหนาวเย็นกลับมาสั่งลา เพียงแต่ว่าปีนี้เย็นจัดกว่าทุกปี ตอนเหนือสุดกำลังจะย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ใต้ลงไปในเมืองหลวงอากาศกำลังจะอบอุ่นขึ้น ส่วนภาคกลางกำลังจะเข้าสู่หน้าร้อน และภาคใต้ร้อนหัวแทบระเบิด. </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ได้เกิดหิมะตกปกคลุมเขตซาปา แหล่งท่องเที่ยวอันลือชื่อใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ของเวียดนามในช่วง 2 วันมานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วอีกระลอกหนึ่ง และ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็นหิมะจริงๆ ซึ่งสื่อของทางการกล่าวว่าหิมะตกหนักยิ่งกว่านี้ในเขตเขาตามแนวชายแดนจีนที่อยู่เหนือขึ้นไป

    หิมะเริ่มโปรยปรายลงตั้งแต่ค่ำวันอังคาร 15 มี.ค.เป็นต้นมา และ ตกหนักขึ้นตั้งแต่เวลา 5 น.วันพุธนี้ และ ในเวลา 09.15 น. หิมะปกคลุมพื้นที่หนาตั้งแต่ 2.5 ซม.ขึ้นไป สร้างความแตกตื่นให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศผู้ไปเยือนที่นั่นในช่วงฤดูนี้ นายฟัมกวางโห่ (Pham Quang Ho) ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ จ.ล่าวกาย กล่าวกับสำนักข่าวเวียดนามเน็ต

    ปี 2550 ได้เกิด "หิมะ" ตกให้เห็น แต่ก็เป็นเพียงน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมกิ่งไม้ใบไม้และยอดหญ้าบนพื้นเท่านั้น เดือน ม.ค.ปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งปกคลุมไปทั่วเมืองซาปาอีกครั้งหนึ่งภายใต้อากาศหนาวเหน็บ แต่หิมะตกจริงๆ เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุกทกศาสตร์กลางกรุงฮานอยได้ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับมวลอากาศเย็นที่เคลื่อนลงใต้ และจะทำให้เกิดอากาศหนาวเย็นอีกระลอกหนึ่งเป็นเวลา 3-4 วัน ขณะที่ภาคกลางกับภาคใต้จะเกิดฝนตกประปรายจนถึงหนัก และทะเลตะวันออกมีคลื่นสูงและลมแรง

    อุณหภูมิในกรุงฮานอยลดลงถึง 11 องศาเซลเซียสในวันพุธนี้ คาดว่าจะลดลงถึง 9 องศาในช่วงกลางคืน

    นักพยากรณ์อากาศกล่าวว่า อากาศจะหนาวเย็นระลอกนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ก็จะเกิดเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในขณะที่ภาคเหนือกับภาคกลางเวียดนามกำลังจะเปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิบานใหม่เข้าสู่ฤดูร้อน

    อย่างไรก็ตามทางตอนใต้ของประเทศอากาศร้อนจัดมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว และ ร้อนจัดมากในเขตจังหวัดที่ราบปากแม่น้ำโขง ซึ่งอุณหภูมิขึ้นลงอยู่ระหว่าง 33-35 องศา.

    <CENTER>เย็นจับขั้วหัวใจ </U>
    </CENTER><CENTER>By VietnamNet <CENTER>

    </CENTER>
    </CENTER>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>2</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>3</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>4</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>5</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>6</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>7</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>8</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>9</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>10</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>11</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>12</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>13</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>14</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>15</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>16</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>17</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>18</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER>19</CENTER>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=448><TBODY><TR><TD vAlign=top width=448 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ตอนนี้เรากำลังซ้อมหนาวนิวเคลียหรือเปล่านี่
     
  10. lemon112233

    lemon112233 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +287
    ที่เชียงใหม่ฝนตกติดต่อกันตั้งแต่วานซืนแล้วนะค่ะเนี่ย ลมก็แรง อากาศก็หนาวเหมือนย้อนไปตอนหน้าหนาวใหม่เลยค่ะ

    เหมือนเอาหน้าฝนกันหน้าหนาวมารวมกัน
     
  11. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,815
    ค่าพลัง:
    +84,008
    ...........ลำปางหนาวมาก.............
     
  12. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    อ้างจำเป็นแค่ไหนก็คงให้สร้างไม่ได้ ร้อยเปอร์เซนต์ขอค้านการสร้าง ปชช.ต้องรวมตัวกดดันไม่ให้เกิดขึ้น หากมโนสำนึกนักการเมือง ผู้บริหารประเทศยังขาดความรับผิด่ขอบ ดีแต่พูด โกงทั้งทางตรงทางอ้อม หากจะบังคับต้องออกกฏหมายตราไว้เลยว่า คกก.การตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ต้องเอาญาติพี่น้องรวมทั้ง คกก.ตัวตั้งตัวตี นักการเมือง ข้าราขการหน่วงานที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อยสองชั่วคน พวกเขามาอยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าเลย กล้ารับประกันว่าปลอดภัยก็ต้องทำให้ดูก่อน แล้วต้องไปตั้งในแหล่งที่ไม่มีผู้คน และต้องตั้งนิคมเฉพาะขึ้นมาให้พวกเขาอยู่ตั้งแต่ก่อสร้างไปเลย เพราะไม่มีหลักประกันอะไรสำหรับคนไทยที่ต้องเอาชีวิตมาให้คนพวกนี้ได้เสวยสุขกันต่อไป เพราะไม่เชื่อถือ ไม่มั่นใจ และไม่มีทางไว้ใจนักการเมือง กับนักวิชาการบางคนที่แอบสนับสนุน อ้อเอากลุ่มนี้เข้าไปด้วย ดูสิ ยังมีหน้าจะดื้อด้านทำอีกไม๊

    ปัญหาขาดพลังงานไฟฟ้าเพราะเราบริโภคกันเกินไปหรือเปล่า พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้วา ทุกสิ่งเกิดล้วนมาแต่เหตุ ก็แก้เหตุสิ ไปแก้ปลายเหตุจะได้อะไรขึ้นมานอกจากความโลภไม่สิ้นสุด นิวเคลียร์ที่ปลอดภัยที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรายังอยู่ไกลถึง 93 ล้านไมล์ นั่นคือระดับปลอดภัย คนบ้ากลุ่มหนึ่งเอาสมองส่วนไหนคิดที่เอานิวเคลียร์มาอยู่ใกล้ตัว นอกจากคนเสียสติ เพราะไม่มีหลักประกันแน่นอนว่า ควบคุมได้ เพราะธรรมชาติได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เอ็ง (มนุษย์) ก็ไม่ต่างจากสัตว์อื่น ไม่มีสิทธิ์เหนือธรรมชาติได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โตเกียวกัมมันตภาพสูง-ไต้หวันแผ่นดินไหว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เหยื่อผินแดนไหวตายพุ่งกว่าหมื่น พบสารกัมมันตภาพรังสีในโตเกียวสูง ไต้หวันแผ่นดินไหว4.6 ริกเตอร์


    ผู้สื่อข่าวรายงาว่า เมื่อเวลา 20.12 น. วันที่ 16 มี.ค.เกิดเหตุ แผ่นดินไหวที่ไต้หวันขนาด 4.6 ริกเตอร์ โดยความลึกจากระดับผิวดิน 40 กิโลเมตร ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้สูญหายและเสียชีวิตของญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 คน จำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 3,676 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บมีจำนวน 1,990 ราย โดยก่อนหน้านี้ หัวหน้าสำนักงานตำรวจเมืองมิยางิ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดของแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์ของญี่ปุ่น คาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉพาะเมืองนี้จะมีจำนวนกว่า 10,000 ราย

    เซาอิริ โคกะ เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบสารกัมมันตรังสี ที่สูงกว่าระดับปกติในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแล้ว

    แต่ยืนยันว่า ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่เตือนว่า ระดับกัมมันตรังสี บริเวณใกล้กับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 250 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อมนุษย์แล้ว หลังเกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้อาคารเตาปฏิกรณ์

    ทั้งนี้ ปริมาณกัมมันตภาพรังสีในเมืองหลวงของญี่ปุ่น ที่วัดได้ 0.809 ไมโครซีเวิร์ต ระหว่างเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปริมาณ ในวันจันทร์ที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ถึง 20 เท่าตัว

    เอเอฟพีรายงานว่า แม้ที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้แพร่ภาพคลื่นสึนามิถล่มบ้านเรือนและกวาดรถยนต์เหมือนตุ๊กตา

    แต่ข่าวดังกล่าวยังสะท้อนภาพอีกด้าน นั่นคือ การที่ญี่ปุ่นได้แสดงความนิ่งในขณะที่พวกเขากำลังค้นหาบุคคลที่รัก หรือการเข้าแถวรอรับข้าวของเครื่องใช้และสิ่งจำเป็น โดยไม่มีสัญญาณของเหตุการณ์ปล้นสะดมบ้านเรือนหรือสินค้า หรือความรุนแรงต่าง ๆ แต่อย่างใด นอกจากนี้ ประชาชนญี่ปุ่นยังเข้าแถวยืนอย่างมีระเบียบซื้อสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ แม้สินค้าจะหมดแล้วก็ตาม

    นายโจเซฟ เนย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า

    ภัยพิบัติครั้งนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นได้รับพลังแห่งความอ่อนโยน หรือการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อื่น โดยแม้ว่าประเทศจะต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมขนาดมหึมา เหตุการณ์น่าเศร้านี้ยังแสดงภาพน่าประทับใจของญี่ปุ่น และนอกจากความเห็นอกเห็นใจจะเกิดขึ้น ญี่ปุ่นยังแสดงให้เห็นถึงสังคมที่มีรูปแบบอย่างดีในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติเช่นนี้ ในฐานะที่ประเทศสมัยใหม่ควรจะเป็น และญี่ปุ่นสามารถรับมือกับวิกฤตอย่างนิ่งสงบและมีระเบียบด้วย


    นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า สหรัฐไม่ได้แนะนำให้ชาวอเมริกาเดินทางออกจากโตเกียว เพียงเตือนให้ติดตามคำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศ ท่ามกลางกระแสหวดวิตกเรื่องวิกฤติพลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนแทบทุกภาคฝนกระจาย ลมแรง อากาศเย็นลง กทม.เย็นสุดถึง 17 องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 17 มีนาคม 2554 ดังนี้

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ในช่วงวันที่ 17-18 มีนาคม 2554 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17-19 มีนาคม 2554 คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่
    อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
    อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา อุณหภูมิสูงสุด 23-26 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร
    นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา
    อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 22-26 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี
    พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 22-25 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
    อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-33 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา
    ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
    ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แพทยสภาเปิดรับสมัคร"แพทย์อาสาช่วยญี่ปุ่น"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    แพทยสภา ได้ใช้ สังคมออนไลน์ สื่อสาร รับสมัครแพทย์อาสา แสดงความจำนง ไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติและสึนามิที่ญี่ปุ่น

    นาวาอากาศเอก (พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ใช้ทวิตเตอร์ @DrIttaporn ทวิตข้อความ แพทยสภารับสมัคร"แพทย์อาสา"ช่วยเหลือญี่ปุ่น-ลงทะเบียนได้ที่ www.tmc.or.th โดยรายชื่อจะส่งให้สถานทูต/หน่วยเกี่ยวข้อง มีผู้แสดงความจำนงแล้ว 61 ชื่อ

    และ แพทย์ทอ.แจ้งว่าจะส่งเครื่อง C130 ไปญี่ปุ่นชุดแรก 2เที่ยวบิน นำแพทย์/พยาบาล/ยา/อาหารไปช่วยเซนได-เที่ยวแรก วันนี้ (17 มีค.) เวลา 22.00น. โดย ขากลับจะรับคนไทยกลับด้วย สำหรับผู้ต้องการกลับเครื่องทอ.ให้ติดต่อสถานทูตไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"บินไทย"ผวาภัยสารกัมมันตภาพรังสี ชี้หากเพิ่มระดับเตือนเป็น 5 จะหยุดบินเส้นญี่ปุ่นทันที</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

    เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ว่า ขณะนี้การบินไทยอยู่ระหว่างจับตามองการประกาศเตือนภัยการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีของการทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งหากเพิ่มระดับการเตือนขึ้นไปที่ระดับ 5 การบินไทยจะหยุดบินในเส้นทางญี่ปุ่นทันที

    "ตอนนี้กัมมันตภาพรังสีได้แพร่กระจายอยู่ในระยะ 20 กิโลเมตร หากแพร่กระจายออกไปในระยะ 100 กิโลเมตร ก็จะถึงโตเกียว ทางการญี่ปุ่นก็คงจะประกาศระดับเตือนภัยขึ้นอีกอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ระดับ 5 แต่อาจจะเป็น 7 เลยก็ได้" นายปานฑิตกล่าว และว่า ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเรือได้รับอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี ทางการบินไทยได้นำเครื่องตรวจสารกัมมันตภาพรังสี ไปไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจลูกเรือทุกคนที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นด้วย ขณะเดียวกันยังได้เฝ้าระวังสารฟุ้งกระจายที่อาจจะติดมากับเครื่องบิน โดยการบินไทยได้ขอความร่วมมือจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติในการตรวจสอบเครื่องบินที่มาจากญี่ปุ่น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

    รองดีดีการบินไทย กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการให้บริการในเส้นทางบินไปยังประเทศญี่ปุ่น จำนวน 59 เที่ยวบิน ขณะนี้ยังเปิดให้บริการตามปกติ ไม่มีการลดเที่ยวบินแต่อย่างใด ถึงแม้จำนวนผู้โดยสารทั้งขาไปและกลับจะลดลงเหลือเพียงครึ่งลำก็ตาม


    นายปานฑิตกล่าวว่า การบินไทยยังอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะเตรียมเที่ยวบินพิเศษ

    เพื่อไปรับคนไทยที่อยู่ที่ญี่ปุ่น หากมีการเตือนภัยในระดับที่สูงมากขึ้นด้วย โดยจะเน้นคนที่ไม่ใช้ผู้โดยสารของการบินไทยเป็นหลัก เพราะผู้โดยสารสามารถขึ้นเครื่องบินของการบินไทยได้ตามปกติอยู่แล้ว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. mazami

    mazami สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +20
    แพทย์ที่ญี่ปุ่นน่าจะมีเยอะ และเก่งด้วยนะ ทำไมต้องส่งแพทย์ไทยไปให้วุ่นวาย ตอนนี้สถานการณ์แม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังประเมินไม่ได้เลยว่าจะไปยังไงต่อ ส่งอาหาร เครื่องกันหนาว และที่สำคัญ ยารักษาโรคไปให้ น่าจะเข้ากับสถานการณ์มากกว่า
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หิมะปกคลุมพื้นที่ประสบภัยสึนามิในญี่ปุ่น

    [​IMG]

    โตเกียว 16 มี.ค. - เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นรายงานว่า หิมะปกคลุมพื้นที่ประสบภัยทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในวันนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัดในพื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ผู้รอดชีวิตและหน่วยกู้ภัย ซึ่งเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำ ข้าวของเครื่องใช้ และน้ำมัน รวมทั้งไฟดับ และการโทรคมนาคมขัดข้อง ต้องประสบภาวะหิมะตกซ้ำปกคลุมท้องถนนและตามซากปรักหักพังต่าง ๆ อุณหภูมิที่จังหวัดอิวาเตะ มิยางิ และฟุกุชิมะ ลดลงเกือบศูนย์องศาเซลเซียสแล้ว ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า อาจดิ่งลงถึงติดลบ 5 องศาฯ ในวันพรุ่งนี้. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    ผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 4,300 กว่าคนแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]

    โตเกียว 17 มี.ค.-บรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งรุนแรงทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 4,377 คน และมีอีกอย่างน้อยประมาณ 9,000 คนที่ยังคงสูญหาย

    จังหวัดมิยางิเพียงแห่งเดียวได้รับการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 2,244 คน และอีก 2,362 คน ยังคงสูญหาย ส่วนที่จังหวัดอิวะเตะยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 1,545 คน และ 3,814 คนยังคงสูญหาย ขณะที่จังหวัดฟุกุชิมะได้รับคำยืนยันมีผู้เสียชีวิต 533 คน และสูญหาย 2,919 คน ส่วนที่กรุงโตเกียวและจังหวัดอิบะระกิมีผู้เสียชีวิต 7 คนและ 19 คนตามลำดับ

    นอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีกว่า 4,000 คน ยังมีประชาชนอีกกว่า 344,000 คนต้องอพยพไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวประมาณ 2,400 แห่ง โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวได้อพยพไปอยู่ที่จังหวัดนิอิงะตะและยะมะงะตะซึ่งอยู่ใกล้เคียงเพื่อหาที่หลบภัย.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวญี่ปุ่นยังเผชิญความยากลำบาก

    [​IMG]

    [​IMG]

    เซนได 17 มี.ค.-ผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิพัดถล่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ต้องเผชิญชะตากรรมที่ยากลำบากมานานถึง 5 วัน 5 คืนแล้ว

    ที่เมืองเซนได จ.มิยางิ ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิพัดถล่มมากที่สุด ชาวบ้านหลายพันคนที่สูญเสียบ้านเรือนต้องอาศัยอยู่รวมกันอย่างแออัดตามศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ป้องกันความหนาวเย็น พวกเขายอมเข้าคิวรอนอกร้านค้าหลายชั่วโมงเพื่อซื้ออาหารและเครื่องใช้จำเป็น ขณะที่ผู้ประสบภัยอีกหลายคนยอมรับว่าวิตกกับข่าวนิวเคลียร์รั่วไหลที่โรงงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ ที่อยู่ห่างจากเมืองเซนไดเพียง 90 กิโลเมตร

    ทำให้หลายคนตัดสินใจเดินทางออกจากพื้นที่โดยรถโดยสารไปยังจังหวัดนีอิงาตะและยามางาตะ ซึ่งเชื่อว่าจะปลอดภัย หากเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ส่วนที่โรงกลั่นน้ำมันในเมืองเซนไดยังคงมีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมาต่อเนื่อง จากเหตุแก๊สระเบิดและเพลิงไหม้หลังแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แม้เพลิงจะสงบลงแล้วก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    เตือนเยนแข็งค่าอาจทำให้ญี่ปุ่นเสียหายหนักกว่าแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    โตเกียว 16 มี.ค.- นักวิเคราะห์เตือนว่า เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นหลังแผ่นดินไหวอาจสร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจของญี่ปุ่นมากกว่าความเสียหายจากแผ่นดินไหวโดยตรงที่ทำให้ต้องยุติการผลิต

    นักวิเคราะห์มองว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถอันดับ 1 ของโลกจะเสียหายมากที่สุดเพราะส่งออกยวดยานกว่าครึ่งของที่ผลิตในประเทศ ปัจจุบันโตโยต้ายังคงผลิตในประเทศถึงร้อยละ 38 เทียบกับนิสสันและฮอนด้าที่ผลิตในประเทศร้อยละ 24 และ 22 ตามลำดับ บริษัทจัดอันดับเครดิตฟิทช์เรตติงชี้ว่า ทิศทางของค่าเงินเยนที่จะแข็งขึ้นในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าอันเป็นผลจากภัยพิบัติล่าสุดจะกระทบกำไรของผู้ผลิตรถ

    ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงร้อยละ 3 เทียบกับเยนนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ วันนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 80.8 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ใกล้แตะระดับต่ำสุดเมื่อปี 2538 ซึ่งต่ำสุดที่ 79.75 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ นักค้ากำลังจับตาว่า นักลงทุนและบริษัทญี่ปุ่นจะส่งเงินเยนกลับประเทศหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวโกเบปี 2538 เงินเยนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะมีเงินไหลกลับประเทศ อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้นักค้าส่วนใหญ่ยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่กว่า 5 ริกเตอร์ที่ชิลี

    [​IMG]

    ซันติอาโก 17 มี.ค.-เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริกเตอร์ ทางตอนกลางของประเทศชิลี ทำให้อาคารหลายแห่งในกรุงซันติอาโก นครหลวงของประเทศสั่นไหว แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือการบาดเจ็บ

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นห่างจากเมืองท่าวัลปาไรโซ ทางตอนกลางของชิลีไปทางทิศเหนือถึงตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 72 กิโลเมตร และอยู่ที่ระดับความลึก 24.7 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารหลายแห่งในกรุงซันติอาโกสั่นไหว แม้อยู่ห่างไปทางตะวันออกของจุดศูนย์กลาง 120 กิโลเมตร

    นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในชิลี ซึ่งกำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากเหตุแผ่นดินไหว 8.8 ริกเตอร์เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ซึ่งทำลายเมืองหลายแห่ง โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทางตอนกลางถึงใต้ของชิลี และคร่าชีวิตผู้คนกว่า 500 คน.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    จีนเล็งขีปนาวุธรุ่นใหม่มายังไต้หวัน

    [​IMG]

    ไทเป 16 มี.ค.- ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน เปิดเผยว่า จีนนำขีปนาวุธรุ่นใหม่เล็งเป้าหมายมายังไต้หวัน โดยขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยไกลกว่าเดิม

    จีนได้นำขีปนาวุธต่งเฟิง 16 หรือลมตะวันออก ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เล็งเป้าหมายมาที่ไต้หวัน ขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยยิงไกลขึ้นและเพิ่มภัยคุกคามต่อไต้หวัน ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับอาวุธชนิดใหม่ของจีน รวมถึงจำนวนที่เข้าประจำการ

    ผู้เชี่ยวชาญของไต้หวันคาดการณ์ว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนมีขีปนาวุธกว่า 1,600 ลูกเล็งมาที่ไต้หวัน ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยนและเจียงซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

    แม้ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันดูผ่อนคลายลงในสมัยประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว จากพรรคก๊กมินตั๋งขึ้นบริหารประเทศในปี 2551 เป็นต้นมา แต่จีนยังคงไม่ยกเลิกความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทหารต่อไต้หวันหากไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราช กระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงานต่อรัฐสภาเมื่อปีที่แล้วระบุว่า การเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารของจีนต่อไต้หวัน ยังไม่ได้ลดลง แม้ความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไต้หวันดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    กองกำลังกัดดาฟียึดอัจดาบิยาห์ได้แล้ว มุ่งหน้าไปเบงกาซี

    [​IMG]

    อัจดาบิยาห์ 16 มี.ค.- กองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียสามารถยึดเมืองอัจดาบิยาห์ได้แล้วและยังคงรุกไปทางตะวันออกอย่างไม่ลดละ มุ่งหน้าไปยังเมืองเบงกาซี ฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้าน ขณะที่มหาอำนาจยังคงตกลงกันไม่ได้เรื่องร่างประกาศเขตห้ามบินเหนือลิเบีย

    พ.อ.กัดดาฟี ปรากฏตัวต่อที่ชุมนุมขนาดใหญ่ในกรุงตริโปลีเมื่อเย็นวานนี้ ประณามฝ่ายต่อต้านว่าต่ำช้าเหมือนหนูและสุนัข เป็นคนเสแสร้งและทรยศ ขณะที่ฝ่ายต่อต้านที่จัตุรัสในเมืองเบงกาซีเรียกเขาเป็นทรราชย์ ขว้างปารองเท้าและข้าวของใส่รูปภาพของเขาที่ฉายบนกำแพงในลักษณะกลับหัว สถานีโทรทัศน์ของรัฐรายงานว่า เมืองอัจดาบิยาห์หมดสิ้นนักรบรับจ้างและผู้ก่อการร้ายที่โยงกับอัลกออิดะห์แล้ว ด้านนายคาเล็ด คาอิม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศลิเบียเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลจะยึดมั่นตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทน้ำมันตะวันตก วิกฤติที่เกิดขึ้นอาจมีผลต่อความร่วมมือกันในอนาคต และรัฐบาลหวังว่าจะยึดพื้นที่คืนจากฝ่ายต่อต้านได้ทั้งหมดในอีกไม่กี่วัน

    ส่วนร่างญัตติเรื่องห้ามเขตบินในลิเบียของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุญาตให้ใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นที่จะห้ามเที่ยวบินทุกเที่ยวเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน แต่นักการทูตเผยว่า คณะมนตรีฯ คงยังไม่ลงมติเนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ขอหารือกับรัฐบาลประเทศตนเองก่อนเรื่องเขตห้ามบิน รัสเซีย จีน สหรัฐ โปรตุเกส เยอรมนี แอฟริกาใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับมาตรการนี้.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 16 มี.ค. 2554

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  16. mazami

    mazami สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +20
    สิ่งที่ควรทำ คือ รีบรับคนไทยกลับ และส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ญี่ปุ่นขาดข้าวของที่จำเป็น ส่วนบุคลากร และเทคโนโลยีและความฉลาดและมีวินัยของเขามีศักยภาพอยู่แล้ว
     
  17. Tonnui

    Tonnui สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    เตือนไทยสุดเสี่ยง หลังสึนามิถล่มญี่ปุ่นโลกเข้าสู่ภัยพิบัติ หาดพัทยา - อันดามันจม!!!

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>*สมิทธ ส่งสัญญาณโลกเสี่ยง หลังแกนโลกเอียงเพิ่ม
    *โหรดังทำนาย พ.ค.ไทยจ่อคิวเจอสึนามิถล่มอันดามัน
    *เตรียมรับมือพลังงาน-สินค้าเกษตร ราคาพุ่งกระฉูด!!

    ยังคงเป็นวิกฤตการณ์ต่อเนื่องที่ส่อเค้าว่ายังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ แม้แผ่นดินไหวสูงถึง 9.0 ริกเตอร์และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นผ่านพ้นไปแล้ว 1 สัปดาห์ แต่สิ่งที่หลายฝ่ายทั่วโลกวิตกกังวลขณะนี้ นอกจากการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการระเบิดของโรงไฟฟ้าปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวน 4 แห่งจาก 6 แห่งของญี่ปุ่น (ตัวเลข ณ วันที่ 16 มีนาคม 2554) ที่เมืองฟูกูชิมะ

    ยังมีประเด็นเรื่อง การเปลี่ยนแปลงของแกนโลก ซึ่งครั้งนี้ถูกระบุว่า แผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้แกนโลกเปลี่ยนไปและยังทำให้เกาะฮอนชูของญี่ปุ่นขยับไปทางตะวันออกอีก 8 ฟุต จากรายงานของสถาบันธรณีฟิสิกส์จากสหรัฐอเมริกาและอิตาลี

    ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของอเมริกา พบว่า ระบบหาพิกัดดาวเทียม ได้เคลื่อนไป 8 ฟุต และเมื่อดูจากแผนที่ของสำนักงานข้อมูลภูมิสารสนเทศ หรือ GSI ในญี่ปุ่น ก็พบว่า ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ขณะที่รายงานของสถาบันธรณีฟิสิกส์และภูเขาไฟในอิตาลี ได้ประเมินว่า แผ่นดินไหวที่มีแรงสั่นสะเทือนถึง 8.9 ริกเตอร์ ทำให้เแกนโลกขยับไปเกือบ 10 เซนติเมตร เช่นกัน ทั้งนี้ การขยับตัวของแกนโลก หลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน ล่าสุด คือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ที่ประเทศชิลี เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 ครั้งนั้น มีนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์เที่ยวบิน องค์กรบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา ยืนยันว่า ทำให้แกนของโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิม 8 เซนติเมตร

    บิ๊กมูฟจากแผ่นดินไหว

    ในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์นาซาคนดังกล่าว มองว่า แม้จะไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่ก็เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมอย่างถาวร อีกทั้งยังส่งผลให้ระยะเวลาใน 1 วันสั้นหรือช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที) เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ส่งผลต่อการหมุนรอบตัวเองของโลก มีผลไปถึงการกำหนดระยะเวลาของวันด้วย นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโดยเปรียบเทียบกับนักสเกต หากใช้แขนแกว่งเข้าช่วย จะทำให้การเคลื่อนที่เร็วขึ้น

    ขณะที่นักธรณีฟิสิกส์ของห้องทดลองขับเคลื่อนพลังงานไอพ่นขององค์การนาซา เมืองพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็เคยทดลอง โดยใช้คอมพิวเตอร์จำลองแบบเหตุแผ่นดินไหว 8.8 ริกเตอร์ ที่ชิลี เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่าจะมีผลอย่างไรต่อโลกบ้าง และพบว่าแกนของโลกเอียงไป 3 นิ้ว หรือ 8 ซม. ซึ่งหากแกนโลกเอียงจากเดิมจะทำให้ระยะเวลาสั้นลงไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาได้มีแผ่นดินไหว 9.1 ริกเตอร์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2547 เกิดคลื่นยักษ์สึนามิรุนแรง และทำให้เวลาสั้นลงไป 6.8 ไมโครวินาทีเช่นกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=390><TBODY><TR><TD vAlign=top width=390 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แกนโลกเอียง
    เหวี่ยงอากาศรุนแรง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแกนโลกเอียงนั้น ในมุมมองของนักฟิสิกส์ นักธรณีวิทยา และนักวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยาของไทยในปัจจุบัน เห็นพ้องกันว่า เมื่อแกนโลกเอียงมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลกอย่างแน่นอน ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่า แกนโลกที่เอียงนั้น มีองศามากหรือน้อยขนาดไหน หากแกนโลกเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ ซึ่งมีพลังงานความร้อนสูง จะทำให้อากาศของโลกร้อนจัดขึ้น แต่หากแกนโลกเอียงออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศโลกเย็นหรือหนาวมากขึ้น

    “จากนี้ไปสภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตแน่นอน เพราะการเอียงของแกนโลกกับดวงอาทิตย์มีความสัมพันธ์กัน เพราะไม่ว่าแกนโลกจะเอียงเข้าหรือเอียงออก มันมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลกอย่างแน่นอน” สมิทธ ธรรมสโรช อดีตประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ความเห็นกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์”

    เช่นเดียวกับ นักวิชาการฟิสิกส์ ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเช่นกันว่า หากแกนโลกเอียงมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพภูมิอากาศทั่วโลก เพราะโลกไม่สามารถปรับเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง หรือยุคอบอุ่นได้ตามวัฏจักร เนื่องจากแกนโลก มีความสัมพันธ์กับการเกิดฤดูกาล และช่วงเวลาระหว่าง กลางวัน และกลางคืน ซึ่งเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ

    ต่อกรณีที่เกิดขึ้น อาจารย์สมิธ บอกว่า อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลศึกษาอย่างละเอียด โดยพิจารณาว่า แกนโลกเอียงขนาดใด เอียงแล้วผลกระทบต่อรังสีดวงอาทิตย์เป็นอย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้รังสีจากดวงอาทิตย์ระเบิดอยู่ มีลมสุริยะออกมา จะมีผลกระทบต่อพื้นโลกแค่ไหน จะทำให้อากาศร้อนมากขึ้นหรือไม่ ฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรือฤดูกาลยาวนานขึ้นหรือไม่ ขณะนี้ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว โดยเฉพาะฝนไม่ตกเป็นแรมเดือน

    กรณีแกนโลกเอียงกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้เคยส่งผลกระทบต่อโลกและประเทศต่างๆมาแล้ว โดยเมื่อปี 2552 อาจารย์สมิธได้ศึกษาข้อมูลจากสมาคมดาราศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ ระบุว่า โดยขณะนี้ (เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา) โลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในรอบ 9 หมื่นปี ทำให้โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ หากแกนของโลกขนานกับดวงอาทิตย์ หรือแกนของโลกเอียงมากขึ้น ซึ่งปรกติแกนโลกที่เอียง 22.5 องศา

    แต่เวลานั้นได้เอียงผิดปรกติ เข้าหาดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเป็น 24 องศา (จากคำยืนยันของ สมาคมดาราศาสตร์ไทย) ทำให้เกิดสภาวะขั้วโลกเหนือเย็นลงและมีมวลอากาศเย็นมาถึงเส้นศูนย์สูตร ทำให้อากาศหนาวเย็นนาน และมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นซัดฝั่งในอ่าวไทยภาคตะวันออก ทำให้เกิดความเสียหายหลายแห่ง ขณะเดียวกัน เมื่อพ้นฤดูหนาวไปแล้ว แกนของโลกเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในเดือนกรกฎาคมมากที่สุด ทำให้ซีกโลกภาคเหนือรวมทั้งประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูง มีการคาดการณ์ว่าโลกอุ่นขึ้นและร้อนขึ้นในพื้นที่ซีกโลกภาคเหนือ

    “เวลานั้น (ปี 2552) ซีกโลกเหนือหันเข้าดวงอาทิตย์อากาศอุ่น แต่ออสเตรเลียอยู่ในพื้นที่โลกที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิประเทศสูงมากถึง 45 องศา ทำให้เล่นกีฬากลางแจ้ง เช่น เทนนิส กันไม่ได้เลย”

    สำหรับสาเหตุของแกนโลกเอียงนั้น อาจารย์สมิธ บอกว่า เป็นธรรมชาติของโลกที่หมุนเอียงในลักษณะแบบนี้ทุก 41,000 ปี โดยทุกๆ ปี 41000 ปี โลกจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ จากนั้นตั้งตรงและเอียงออกจากดวงอาทิตย์ ถือเป็นวัฏจักรธรรมชาติ ซึ่งในครั้งนั้นอาจเป็นรอบ 41,000 ปีก็เป็นได้ แต่สมมติฐานนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าว ยังเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน เพราะการโคจรของโลกในวงจรวงรี ซึ่งหมายความว่า ในวงรีจะมีส่วนที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดจังหวะหนึ่ง และห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุดจังหวะหนึ่ง มันมีผลกระทบต่อโลกอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่ถ้าหากมนุษย์ทำให้พื้นที่โลกร้อนขึ้น โดยพลังงานอื่น ก็ทำให้บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย ทำให้ต้นปีอากาศหนาวนาน มีอากาศร้อนสูงขึ้น มีฝนตกหนักน้ำท่วม รวมทั้งมีพายุบ่อยครั้งขึ้น เป็นต้น

    ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภูมิอากาศของโลกไม่ว่า ร้อนจัดขึ้น หรือเย็นมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว จาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เป็นหนึ่ง วานิชชัย ยังบอกว่า อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติประเภทต่างๆ ตามมา อาทิ การเกิดพายุไซโคลนเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักและมากขึ้น น้ำท่วมและโคลนถล่ม หรือบางพื้นที่แห้งแล้งมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ แต่ผลกระทบต่อภัยพิบัติด้านแผ่นดินไหวหรือคลื่นยักษ์สึนามิ จะไม่มีผลเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ เพราะกลไกการเกิดปัญหาคนละประเภทกัน

    แกนโลกเอียง
    วัฏจักรธรรมชาติ

    อย่างไรก็ตาม การส่งผลกระทบต่อโลก กรณีแกนโลกเอียงมากขึ้นและทำให้เวลาสั้นลงนั้น นักวิชาการบางส่วน มองว่า เป็นเพียงการขยับของเปลือกโลกไม่ใช่แกนโลก ไม่น่าจะส่งผลต่อโลก โดยเป็นภาวะปรกติของโลกที่เอียงและหมุนรอบตัวเอง และหมุนเอียงที่ระดับบวกและลบ 23.5-24 องศา เป็นภาวะปรกติอยู่แล้ว มีการเปลี่ยนกลับไปกลับมาเป็นคาบ โดยใช้ระยะเวลานานถึง 41,000 ปี และเป็นแบบนี้มานานถึง 600,000 ปี และจะมีการเอียงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

    ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล นักวิชาการ ภาคธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า การขยับของแกนโลกดังกล่าว ไม่มีผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลกแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นวัฏจักรหมุนเวียนเกิดขึ้นมาหลายล้านปีอยู่แล้ว หากพิจารณาจากหลักวิชาการเกี่ยวกับแกนโลก ประกอบด้วย 3 แกน ได้แก่ แกนที่ 1 เรียกว่า Earth Pole แกนโลก มีองศาอยู่ 22.5-24.5 หมุนรอบตัวเองและมีแรงขยับในวงรอบละ 41,000 ปี ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า แกนโลกนี้มีการขยับเป็นมุมน้อยลงประมาณ 0.475 พิลิปดาต่อปี มันเป็นวัฏจักร ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง

    แกนที่ 2 เรียก Magnetic Pole หรือแกนขั้วแม่เหล็กโลก เป็นแกนที่บางครั้งมีการสลับขั้วแบบเหนือ-ใต้ เป็นกลไกอีกวัฏจักร ส่วนแกนที่ 3 Earth Figure Axist แกนรูปทรงสัณฐานโลก เป็นแกนระบุว่า โลกไม่ได้มีลักษณะกลมเหมือนลูกปิงปอง แต่มีลักษณะแป้นคล้ายผลส้ม ตรงกลางป่อง และด้านบนมีลักษณะแบน โดยแกนดังกล่าวนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    ทั้งนี้ แกนโลกที่ 1 และแกนที่ 3 มีลักษณะสัมพันธ์กัน พบว่า การขยับของแกนโลกจริงๆแบบที่ 1 มันทำให้เกิดการขยับตัวของเปลือกโลกเร็วขึ้น เนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงเปลี่ยน เพราะกลไกเปลือกโลกเหมือนเปลือกไข่ที่มีรอยร้าว โดยข้างในมีเนื้อไข่ ดังนั้นเมื่อแกนโลกขยับด้วยมุมน้อยลง ทำให้เปลือกโลกมีการขยับตัวเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ โดย 10 ปีที่ผ่านมาแกนโลกขยับแล้วเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ประเทศต่างๆ ขณะเดียวกัน ก่อให้เกิดการสมดุลของรูปทรงโลก ยกตัวอย่าง เช่น แผ่นดินไหวที่ชิลี มีการขยับตัวของแกนโลกประมาณ 3 เมตร โดยปี 2004 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9. 1 ริกเตอร์ บริเวณอาเจะ ของอินโดนีเซีย มีการขยับตัวแกนโลกประมาณ 2 เมตร

    ล่าสุดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นขนาด 9 ริกเตอร์มีการขยับตัวไปทางตะวันออกประมาณ 2.40 เมตร อันทำให้รูปทรงเปลี่ยน อันทำให้แกนรูปทรงโลกเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งปกติแกนโลกที่ 1 และแกนโลกที่ 3 มีระยะห่างกันประมาณ 10 เมตร ไม่ใช่แกนเดียวกัน ทำให้โลกหมุนรอบตัวเองช้าลงประมาณ 1.6 ไมโครเซค ดังนั้น จึงไม่มีผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลกแต่อย่างใด

    ไทยเสี่ยง “หาดพัทยาจม”
    ท่องเที่ยวฝั่งอันดามันสูญ 1.3 หมื่นไร่

    ด้านศูนย์วิจัย SCB EIC ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) ถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ โดยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย เมธินี จงสฤษดิ์หวัง ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูงสุดจากผลกระทบของ Climate change ในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยมีความเสี่ยงเอ็นอันดับ 14 จาก 170 ประเทศทั่วโลก

    ทั้งนี้ ความหมายแท้จริง Climate Change นี้ นักวิเคราะห์ของศูนย์วิจัย SCB ระบุว่า ไม่ใช่แค่อากาศร้อนขึ้น หรือที่เรียกว่า global warming แต่ยังรวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนมากขึ้นด้วย คือฤดูร้อนจะร้อนขึ้น แล้งขึ้นและกินเวลานานขึ้น ฤดูหนาวจะสั้นลง ปริมาณฝนแปรปรวนสูงและผิดฤดูกาล และภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น ผลกระทบของClimate Change หลัก มี 3 ส่วน ได้แก่ (1) ความต้องการพลังงานและราคาพลังงาน (2) ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและราคาสินค้าเกษตร (3) ปริมาณและคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวรวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย

    “ตัวอย่างผลกระทบที่เห็นชัดเจน คือ การกัดเซาะชายฝั่งและปัญหาปะการังฟอกขาว ซึ่งกระทบแหล่งท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด หากปล่อยทิ้งไว้และสถานการณ์กัดเซาะรุนแรงขึ้น ภายในเวลา 5 ปี พื้นที่ชายฝั่งอันดามันอาจหายไปสูงสุดถึง 13,000 ไร่ เช่นเดียวกับหาดพัทยาที่อาจหมดไป นอกจากนี้ อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นยังทำให้เกิดปะการังฟอกขาวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย”

    ดังนั้น Climate change จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะ climate change ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ก่อให้เกิดข้อตกลงและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น เปิดโอกาสให้มีการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่ามาตรฐาน การออกกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่มีการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือแม้แต่การนำรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) มาใช้ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นแรงกดดันทางการค้าและความท้าทายให้ธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=380><TBODY><TR><TD vAlign=top width=380 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากสมาคมดาราศาสตร์ไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> Super Moon ลางบอกเหตุ ?

    นอกจากปรากฎการณ์ดังกล่าว ในคืนวันที่ 19 ต่อเนื่องถึง 20 มีนาคม 2554 คาดการณ์กันว่าจะเกิดSuper Moon หรือดวงจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลก ถูกนำมาเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และเกิดสึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 11 มีนาคมที่ผ่านมาหรือไม่ โดยที่ก่อนหน้านั้นได้มีนักโหราศาสตร์อย่างเคน ริง ได้เคยทำนายเหตุการณ์ซูเปอร์มูนไว้เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองไครซท์เชิร์ท ประเทศนิวซีแลนด์ระหว่าง 15-28 กุมภาพันธ์ และได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริงในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเพียง 3 สัปดาห์ก็เกิดเหตุขึ้นที่ญี่ปุ่น

    การที่ดวงจันทร์โคจรมาใกล้โลกเมื่อคืนวันที่ 19 มีนาคมนับว่าเป็นการโคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 19 ปี ส่งผลให้เราจะได้เห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 14% และแสงสว่างจากดวงจันทร์จะเพิ่มขึ้นกว่าดวงจันทร์เต็มดวงช่วงปกติอีก 30%

    แม้ว่าในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์จะให้ความสำคัญกับปรากฎการณ์ของดวงจันทร์ มีผลต่อระดับน้ำขึ้นน้ำลงเท่านั้น ไม่น่าจะมีผลต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ แต่หากย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดซูเปอร์มูนได้เคยเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเช่น ในปี ค.ศ.1938 พายุเฮอริเคนได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับซูเปอร์มูน ในปี ค.ศ.1955 ได้เกิดน้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ในออสเตรเลียในช่วงซูเปอร์มูนเช่นกัน และในปี ค.ศ.1974 ซูเปอร์มูนก็เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับพายุไซโคลนเทรซี่ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย ส่วนในปี ค.ศ.2005 ก่อนที่จะเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนเพียงไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน ทำให้หลายคนเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่การเกิดซูเปอร์มูนครั้งนี้จะมาพร้อมกับภัยพิบัติบางอย่างเช่นกัน

    ไม่ว่าความเกี่ยวพันธ์ระหว่างปรากฎการณ์ Super Moon จะมีส่วนต่อการเกิดภัยพิบัติในโลกนี้ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมจริงหรือไม่ แต่ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกในทุกวันนี้สังเกตุได้ว่ามีความถี่และรุนแรงมากขึ้น ยากที่จะคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและจะกวาดต้อนชีวิตของผู้คนไปมากน้อยเพียงใด

    ************

    Climate change มหันตภัยร้าย
    ดันราคาพลังงาน-พืชผลเกษตรทะยาน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> Climate change ภัยใกล้ตัว ดันราคาพลังงาน-สินค้าเกษตรแพงสุดขั้ว แถมทำลายแหล่งท่องเที่ยวอันดามันและอ่าวไทย SCB EIC ฟันธง ใน 5 ปี ทำพัทยาหายทั้งหาด ฟากฝั่งอันดามัน พื้นที่ชายหาด็จมไปในทะเล 13,000 ไร่ ชี้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายแน่

    เมธินี จงสฤษดิ์หวัง ผู้อำนวยการ (Head of Research) SCB EIC (Economic Intelligence Center) เปิดเผยผลศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก (Climate change) รวมทั้งผลกระทบของ Climate change ที่มีต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่พบผลการศึกษาที่เผยแพร่ทั่วไปในไทย โดยการศึกษาได้มุ่งเน้นไปที่ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดจาก Climate change และการมุ่งสู่กระแสเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือและเร่งปรับตัว

    จากการศึกษาพบว่า Climate change ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยสถานการณ์ Climate change ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 ภาคธุรกิจหลัก ได้แก่ ราคาพลังงานสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรแพงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ ก็มีแนวโน้มได้รับผลกระทบในวงกว้างขึ้นด้วย

    เมธินี กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับที่ 25 ของโลก ขณะที่กรุงเทพฯ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในปริมาณที่เกือบเท่ากับลอนดอน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าถึงเกือบ 10 เท่า ซึ่งจะทำให้ความต้องการและราคาพลังงานสูงขึ้น โดยคาดว่าความต้องการพลังงานโลกมีแนวโน้มเติบโตราว 1.2% ต่อปี ในอีก 20 กว่าปีข้างหน้า รวมทั้งทำให้ความต้องการพลังงานทดแทนมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วและเกิดการรุกพื้นที่เพื่อปลูกพืชพลังงานมากขึ้น

    ผลผลิตเกษตรลดฮวบ

    นอกจากนี้ ยังทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงและราคาสินค้าเกษตรแพงขึ้น สำหรับไทยพบว่า ภาวะแห้งแล้งผิดปรกติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศลดลงต่อเนื่องราว 3% ต่อปี และทำให้ผลผลิตพืชผลหลักลดลงราว 2% ต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวในไทย ที่เห็นชัดเจนคือ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและความเสียหายจากปะการังฟอกขาวที่รุนแรงที่สุด ซึ่งเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 5 ล้านคนต่อปี หรือเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในไทย หากปล่อยทิ้งไว้ พื้นที่แถบชายฝั่งอันดามันอาจหายไปสูงสุดถึง 13,000 ไร่ หรือเกือบ 15% ของเนื้อที่ทั้งหมดของ 4 จังหวัดที่ถูกกระทบ

    ขณะที่ ปราณิดา ศยามานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ SCB EIC กล่าวว่า นอกจากผลกระทบที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว Climate change ยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆ ในวงกว้าง ทั้งในแง่ปัญหาการขาดแคลนปัจจัยการผลิตและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพาน้ำมันและวัตถุดิบทางการเกษตรเป็นปัจจัยการผลิตสูง รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่มีปัจจัยการผลิตเชื่อมโยงกับภาคท่องเที่ยว และธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง เช่น ขนส่งและคมนาคม ปิโตรเลียม เหล็ก และปูนซีเมนต์ ซึ่งอาจต้องถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นหรือซื้อคาร์บอนเครดิต หากมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด หรือแม้แต่ต้องเผชิญกับการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันสำคัญให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับผลกระทบต่อความต้องการพลังงานและราคาพลังงาน ทำให้ความต้องการพลังงานของโลกเติบโตต่อเนื่อง โดย International Energy Agency (IEA) คาดว่าความต้องการพลังงานของโลกจะขยายตัว 1.2% ต่อปี ในอีก 20 กว่าปีข้างหน้า ซึ่งมีผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2010 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

    ไม่เพียงแต่ราคาพลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ Climate change ยังทำให้มีการรุกพื้นที่เพาะปลูกพืชอาหาร ความต้องการพลังงานและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้พลังงานทดแทนมีแนวโน้มเติบโตเร็วมากราว 2 เท่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นที่มาของการรุกพื้นที่เพื่อปลูกพืชพลังงาน โดย IEA คาดการณ์สัดส่วนของการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นจากราว 7% เป็น 14% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่งผลให้มีการเร่งขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงาน โดยเฉพาะ อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และถั่วเหลือง เช่น ราคาปาล์มน้ำมันที่เติบโตราว 10% ต่อปี มีผลให้พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น 8% ต่อปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแต่การขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงาน แต่พื้นที่เพาะปลูกพืชอาหารบางส่วน เช่น นาข้าวในบางพื้นที่ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้ในการปลูกพืชพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้โอกาสในการเกิดวิกฤตอาหารมีมากขึ้นด้วย

    Climate change ยังส่งผลประทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและราคาสินค้าเกษตรด้วย ทั้งนี้ ความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตพืชผลลดลงราว 2% ต่อปี นอกจากนี้อุทกภัยครั้งล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้พื้นที่เกษตรกรรมของประเทศเสียหายรวมกันกว่า 10 ล้านไร่ หรือเกือบ 10% ของพื้นที่ทำการเกษตรทั่วประเทศที่ประมาณ 130 ล้านไร่ ซึ่งถือเป็นความเสียหายจากอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี

    จากรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่า ความต้องการพืชอาหารประเภทธัญพืชของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในอีก 20 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าปริมาณผลผลิตที่ผลิตได้ถึงกว่า 16% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตทั่วโลกที่ลดลงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงการแย่งพื้นที่เพาะปลูก ระหว่างพืชอาหารและพืชพลังงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ “food price shock” และกดดันให้ราคาพืชอาหารประเภทธัญพืชมีแนวโน้มสูงขึ้นประมาณ 15-40% จากราคาเฉลี่ยในช่วงปรกติระหว่างปี 1997-2006

    โดยคาดว่าราคาพืชพลังงานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากปัจจุบัน จากความตื่นตัวในเรื่องการใช้พลังงานทดแทนจากพืชเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน เห็นได้จากแนวโน้มการผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลในเชิงพาณิชย์กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการพืชพลังงาน เช่น น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นมาก จากประเทศในกลุ่มอเมริกากลาง อเมริกาใต้ แอฟริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

    แหล่งท่องเที่ยวถูกทำลายหนัก

    ไม่เพียงแค่นั้น Climate change จะส่งผลกระทบต่อปริมาณแหล่งท่องเที่ยวในแถบชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 5 ล้านคนต่อปี หรือเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ยังมีผลต่อคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวและระบบนิเวศทางทะเลด้วย ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงทั้งในแถบทะเลอันดามันและอ่าวไทย ถือเป็นภัยเงียบที่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความลาดชันและพื้นที่หน้าหาด ซึ่งเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 30% ของทั้งหมด แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะ Climate change ยังกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล เห็นได้ชัดจากปัญหาปะการังฟอกขาวในพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์จากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    เมธินี กล่าวต่อว่า หากไม่ได้รับการดูแล การกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงอาจทำให้พื้นที่แถบชายฝั่งอันดามันหายไปสูงสุดถึง 13,000 ไร่ ภายใน 5 ปี ซึ่งจะกระทบแหล่งท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกว่า 3 ล้านคนต่อปี หรือประมาณ 1 ใน 5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ผลกระทบของ Climate change ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งมีผลให้พื้นที่ชายหาดแคบลงและอาจสูญหายไปในบางพื้นที่ รวมทั้งมีผลต่อความลาดชันหน้าหาด ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า ระดับน้ำทะเลในไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 4 มิลลิเมตรต่อปี

    โดยจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญแถบชายฝั่งทะเลอันดามันที่มีความเสี่ยงถูกกัดเซาะรุนแรงในอัตราเฉลี่ยมากกว่า 5 เมตรต่อปี คือ พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ซึ่งเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงประมาณ 20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในไทย หากไม่รีบดำเนินการแก้ไข และสถานการณ์การกัดเซาะรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลา 5 ปี พื้นที่แถบชายฝั่งทะเลของจังหวัดเหล่านี้อาจหายไปสูงสุดถึง 13,000 ไร่ หรือประมาณ 15% ของพื้นที่ทั้งหมด

    ฝั่งอ่าวไทยเข้าข่ายวิกฤต

    เช่นเดียวกับฝั่งอ่าวไทยที่ถูกกัดเซาะถึงขั้นวิกฤตแล้ว โดยเฉพาะหาดพัทยาซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี หากปล่อยทิ้งไว้ หาดพัทยาอาจหายไปในเวลาไม่ถึง 5 ปี จากการศึกษาของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับเมืองพัทยา ระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อัตราการกัดเซาะชายฝั่งของหาดพัทยาอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 เมตรต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูงและสภาพการใช้ที่ดินริมหาดที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากไม่มีการเร่งดำเนินโครงการถมทรายเพื่อสร้างหาดเทียม (beach nourishment) หรือสร้างแนวกันคลื่น หาดพัทยาอาจหมดไปภายในเวลา 5 ปี

    ***********

    เปิดคำทำนายภัยพิบัติในไทยปี 2554

    พยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติประเทศไทย ปีนี้จะรุนแรงกว่าทุกปี “โหรชื่อดังโสรัจจะ” ทำนายเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม จากแผ่นดินไหวที่ “เกาะสุมาตรา” ก่อตัวเป็น “คลื่นยักษ์สึนามิ” ถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน สร้างความเสียหายกว่าปี 47

    คำทำนายเชิงโหราศาสตร์ การคาดการณ์ที่มีความเป็นไปได้จริง แต่ระยะเวลาอาจคลาดเคลื่อน “โหรโสรัจจะ นวลอยู่” นอสตราดามุสเมืองไทย มีการทำนายเหตุการณ์สึนามิเมื่อ 26 ธันวาคมปี 2547 ได้อย่างแม่นยำ และจากนั้นทุกๆ ปีที่ผ่านมา คำทำนาย “โหรโสรัจจะ” ได้ทำนายเหตุการณ์เกี่ยวกับภัยแผ่นดินไหว และสึนามิที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยมาตลอดทุกๆ ปี

    ล่าสุดปรากฏการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่นนั้น “โหรโสรัจจะ” กล่าวกับผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ ว่า ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและมีสึนามิที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศญี่ปุ่น กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศไทย

    เหตุการณ์จะเป็นไปตามดังทำนายไว้ในหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร” อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เกรงว่าจะทำให้สังคมแตกตื่นกันไปมากขึ้น ซึ่งการพยากรณ์เป็นการเตือนภัย หรือเฝ้าระวังมากกว่า เพื่อไม่ให้ทุกคน ทุกฝ่ายประมาทในเรื่องที่ทำนายไว้

    คำทำนายในอนาคต พยากรณ์ปี 2554 ไว้ในหนังสือศาสตร์แห่งโหร ฉบับพิเศษ “รู้ทันดวงกับโหรดัง 2554” ที่ว่า จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติสุดมหาหฤโหดไปทั่วโลก

    สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นจากอิทธิพลของการโคจรของดวงดาวในปีเถาะ เป็นสิ่งวิปริตผิดอาเพศมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างใหญ่หลวง ดาวสีเลือดได้รับแสงจากดาวมฤตยูในช่วงเดือน มี.ค.2554 เป็นดาวปฏิวัติคะนองเลือดในมุมร่วมธาตุ ย่อมเกิดสภาพการเดือดพลุ่งพล่านไม่สงบ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แต่ยังน้อยกว่า มหันตภัยที่ใหญ่กว่ามากหลายร้อยเท่าตัว ก็คือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สุดมหาหฤโหดไปทั่วโลก ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    นอกจากนี้ยังมีคำทำนายว่าในปีนี้จะเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด แผ่นดินถล่ม และคลื่นยักษ์สึนามิบ่อยครั้ง และถี่มากขึ้นกว่าที่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ของโลก ตั้งแต่ 1,000 ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้

    ส่วนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นประเทศไทย คือ มหันตภัยทางธรรมชาติ สร้างความเสียหายรุนแรงยิ่งกว่าทุกปี จากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างมาก อากาศจะกลับตาลปัตรที่เคยร้อนกลับหนาว และเมืองหนาวกลับกลายเป็นร้อน โดยในช่วงเดือนพฤษภาคม จะเกิดแผ่นดินไหวที่ “เกาะสุมาตรา” จะทำให้เกิด “คลื่นยักษ์สึนามิสูงเสียดฟ้าถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันครั้งใหญ่ ” กินอาณาเขตเป็นร้อยกิโล สร้างความเสียหายมากกว่าเมื่อครั้งปี 2547

    ในช่วงปลายปีเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี ไข้หวัดนก หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ จะพัฒนาสามารถแพร่พันธุ์จากสัตว์มาสู่คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมาก เกิดอากาศร้อนจัด และหนาวจัดในเดือนเดียวกัน จะเกิดเหตุน้ำท่วมไปทั่วโลกรวมทั้งเมืองไทย และกรุงเทพฯ บางส่วนจะจมหายไปกับน้ำ

    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและมีคลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่น ในแง่ของโหราศาสตร์ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากโหรชื่อดัง “โสรัจจะ นวลอยู่” เคยทำนายไว้เกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยแผ่นดินและสึนามิมาหลายปีหลายครั้ง โดยคาดการณ์ว่าบางพื้นที่ในไทยจะเกิดแผ่นดินไหวหรือสึนามิใต้ทะเล ในช่วงที่ปลายปี 2551 เนื่องจากอิทธิพลมุมวิกฤตของดวงดาว ดาวพฤหัสจะเขยิบจะไปอยู่ราศีมังกร ทำฉากกับลัคนาของดวงเมืองไทย ส่วนราหูก็จะโคจรมารวมอยู่กับดาวพฤหัสด้วย ถือเป็นมุมเล็งกัน

    ปีที่ผ่านมามีคำทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวว่า จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่ภาคเหนือของประเทศไทย ในเดือนมกราคมปี 2553

    เดือนมีนาคม เกิดภัยพิบัติทางทะเลครั้งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ มีคลื่นยักษ์เป็นกำแพงสูงเสียดฟ้า อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตรา พัดเข้าถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งด้านอันดามัน กวาดผู้คนและทรัพย์สินบ้านเรือนที่ติดทะเลลงสู่ทะเลไปเกือบหมดสิ้น ทำให้เกาะบางเกาะจมหายไปในทะเล เดือนเมษายนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะสุมาตรา และมีผลกระทบถึงไทยอย่างรุนแรง

    เดือนมิถุนายน เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ คนล้มตายเป็นพัน

    กลางเดือนกรกฎาคม กรุงเทพฯ ตึกรามบ้านช่องที่อยู่อาศัยอาจถล่มทลายจากแผ่นดินทรุดตัวหลายแห่ง

    เดือนสิงหาคม เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในประเทศไทย เกิดขึ้นทางภาคเหนือ มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมหาศาล และจะมีอุบัติภัยทางทะเลและทางเครื่องบินมากกว่าในระยะใด มีการตายหมู่เป็นร้อย

    ปลายเดือนธันวาคม เกิดคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย กวาดผู้คนและทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้างลงสู่ทะเลจนเกือบหมดสิ้น โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิด

    ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ มีแผ่นดินไหว ระดับ 8.9 ริกเตอร์ ที่ประเทศญี่ปุ่น จนเกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มหลายพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น “โสรัจจะ” มองว่าเป็นไปตามคำทำนายที่มีการพยากรณ์ล่วงหน้า ถึงเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2554 ที่เริ่มเกิดขึ้นแล้วในประเทศตามแนวแปซิฟิก

    ************

    ย้อนรอยสึนามิถล่มญี่ปุ่น
    สาหัสที่สุดในรอบ 144 ปี

    เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมาหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริกเตอร์ และสึนามิขนาด 10 เมตรถล่มบริเวณบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ที่บริเวณเมืองเซนได เกาะฮอนชู จ.มิยากิ ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ และน้ำท่วมบริเวณหลายพื้นที่ในจังหวัดมิยากิ บ้านเรือน ทรัพย์สิน สินค้าและอาคารร้านค้าเสียหายหลายพันแห่ง ทั้งยังส่งผลให้ระบบไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิเกิดความขัดข้องอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อาคารคลุมเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 และ 4 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลังแผ่นดินไหว แม้ว่าทาง Tokyo Electric Power Company (TEPCO) สั่งหยุดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ของทั้ง 2 โรงไฟฟ้าในฟูกูชิมะแล้วก็ตาม แต่โรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ห่างกันประมาณ 11 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากจนอาจจะเกิดความเสี่ยง แต่ก็มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2554 เวลาประมาณ 15:36 น. ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น มีเสียงระเบิดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมาโรงที่ 1 (Fukushima Daiichi Plant) ที่บริเวณเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 และในเวลา 15.47 น. ตามเวลาท้องถิ่น รายงานจากโฆษกรัฐบาลได้มีการออกมายอมรับว่ามีการระเบิด และมีสารรั่วไหลออกมา พร้อมให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เป็นบริเวณ 10 กิโลเมตร

    และเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2554 เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้งที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 ราย แต่มีรายงานจากโฆษกรัฐบาลว่าตัวแกนของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ยังปลอดภัยดี และในช่วงค่ำวันเดียวกันได้เกิดระเบิดขึ้นอีกครั้งในลักษณะคล้ายคลึงกับการระเบิดของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 หลังจากระบบปั๊มหล่อเย็นชั่วคราวล้มเหลว

    ขณะที่ในวันที่ 15 มีนาคม 2554 ได้เกิดเพลิงไหม้ที่เตาปฏิกรณ์ หมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะมาโรงที่ 1 ซึ่งในการระเบิดครั้งนี้มีส่วนแตกต่างจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 และหมายเลข 3 เนื่องจากเกิดจากปัญหาระดับน้ำหล่อเย็นในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว และในวันเดียวกันมีการระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้งที่เตาปฏิกรณ์ หมายเลข 2 อย่างไรก็ดีในเวลา 07.00 น. ได้มีการวัดรังสีที่ประตูทางเข้าหลักได้ 11.9 mSv/h จากนั้นในจุดเดียวกัน ณ เวลา 13.00 น. ระดับรังสีลดลงเหลือ 0.6 mSv/h

    ทั้งนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงไฟฟ้าประมาณ 170,000 คน ต้องอพยพออกจากรัศมี 20 กิโลเมตรของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิชิ (Fukushima Daiichi) และประชาชนอีกประมาณ 30,000 คน ต้องอพยพออกจากรัศมี 10 กิโลเมตรของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดนิ (Fukushima Daini) ด้านนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ได้ให้ประชาชนราว 140,000 คน ที่อยู่อาศัยในบริเวณ 30 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย ขณะที่กรุงโตเกียวเอง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 250 กิโลเมตรอยู่แต่ในอาคาร

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 มีนาคม 2554 09:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข่าวด่วน... เม.ย.- พ.ค.54 นี้
    อาจเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในประเทศไทย!!!

    [​IMG]
    นางสงกรานต์ นั่งมา จะเกิดความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตายและเกิดเหตุเภทภัยต่างๆ ​



    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->dota0321<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4484486", true); </SCRIPT> สมาชิก ​

    เอ้า ใครยังไม่ได้รับเเจก ......พิจารณาเอานะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงเปล่า เเต่ละคนก็พิจารณาเองได้<!-- google_ad_section_end -->

    ไฟล์แนบข้อความ<TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>_หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ(3).pdf (64.0 KB, 0 views)</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>_หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ(4).pdf (80.9 KB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้อากาศที่กรุงเทพ หนาวเย็นลงอยู่ที่ 15 องศาเท่านั้น

    ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจ เป็นผลจากนิวเคลียร์วินเทอร์เอฟเฟคหรือไม่

    แต่ผลกระทบที่มี ติดตามมาแน่นอนคือ

    โรคหวัด โรคปอด ทั้งต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง

    รวมถึงการสร้างความเสียหายให้แหล่งอาหาร การเกษตร อย่างแน่นอน

    ----------------------------------------------------------------------

    กรณีการเกิด การรั่วไหลของกัมมันตรังสีที่ญี่ปุ่น มีผลกระทบที่เราอาจไม่คาดฝัน เพราะ คนเรามักมองแต่สิ่งที่ตาเห็น

    นอกเหนือจากการฟุ้งกระจายของละอองกัมมันตรังสีกระจายไปทางอากาศแล้ว การรั่วลงสู่มหาสมุทรและถูกพัดเวียนไปตามเมนสตรีมของกระแสน้ำเย็น กระแสน้ำอุ่น

    ความเป็นพิษจะถูกแพร่ออกไปยังส่วนของมหาสมุทรทั่วโลก นั่นคืออาหารทะเลจะเป็นพิษ น้ำทะเลจะเป็นพิษ นั่นคือ เกลือก็จะเป็นพิษกินไม่ได้ตามไปด้วย


    เหตุนี้ครูบาอาจารย์ท่านจึงสั่งเก็บเกลือมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่หากเก็บได้สะสมได้ก่อนความเป็นพิษจะเกิดกระจายกว่านี้

    1.คนไทยที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น กลับประเทศไทยได้แล้ว
    2.คนไทยในต่างประเทศ ควรเฝ้าติดตามสถานการณ์ทุกเรื่อง เตรียมการณ์ เตรียมพร้อมกลับประเทศไทยได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร จัดการทุกอย่างให้เสร็จ

    3.ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จะส่วนไหนในโลกหรือในไทยก็ตาม ควรเร่งคิด วางแผน และติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ต่างๆให้มากขึ้น เพราะปัจจัยเสี่ยงสูงกว่า
    -ริมทะเล ใกล้ทะเลซึ่งระยะห่างควรเกิน 5 กม. ขึ้นไป
    -ใกล้หรืออยู่หน้าเขื่อน อยู่ในแนวเคลื่อนตัวของน้ำ
    -อยู่บนแนวเลื่อนหรือใกล้เเนวเลื่อน
    -ริมภูเขาที่มีน้ำหลาก หรือหินถล่ม
    -อยู่บนที่ดินที่มีหลุมยุบ หรือโพรงดิน โพรงหินปูน แนวแยก รอยแยกบนแผ่นดิน
    -ใกล้น้ำพุร้อน หรือภูเขาไฟเก่า

    ทำบุญสร้างกุศล ฝึกจิตให้ตั้งมั่นในพระรัตนไตร เจริญสมาธิจิต เจริญเมตตา พรหมวิหารสี่ให้มาก

    ให้อภัย ลด ละ ความโกรธแค้น ความเกลียดชัง ความอาฆาตพยาบาทจองเวร เพราะเป็นกรรมเป็นพลังงานที่เร่งการทำลายล้าง ยิ่งเกิดในจิตมากยิ่งดึงให้ภัยพิบัติการทำลายล้างมา ชักนำเภทภัยมาสู่ตัว

    ที่สำคัญคือ ความมีสติ สงบนิ่งไม่หวั่นไหว ไม่ร้อนรน ยามเกิดภัยพิบัติ เห็นความเป็นธรรมดาในการเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG] เตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

    เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นระดมกำลังใช้นํ้าเร่งดับไฟจากเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    17 มี.ค. รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ NHK แจ้งว่า สำนักงานตำรวจในกรุงโตเกียวเตรียมรถบรรทุกฉีดน้ำแรงดันสูงมาใช้ฉีดน้ำระบาย ความร้อนที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ไดอิจิ ในเช้าวันนี้ ทำให้อุณหภูมิในบ่อสำรองเชื้อเพลิงใช้แล้วที่อยู่ภายในอาคารของเตา ปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 กำลังพุ่งสูงขึ้น
    ทั้งนี้ ต่อมา เกิดกลุ่มควันสีดำขึ้นที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หมายเลข 3 และ 4 ขึ้นอีกครั้ง มองเห็นได้ในระยะ 30 กิโลเมตรหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เมื่อวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา โดยมีความเสี่ยงมากขึ้นว่า แท่งเชื้อเพลิงจะหลอมละลายและก๊าซไฮโดรเจนจะมีปริมาณสูงขึ้น
    ด้านเจ้าหน้าที่ได้นำรถบรรทุกฉีดน้ำแรงดันสูงมาฉีดเข้าที่บ่อสำรองแท่งเชื้อเพลิงผ่านหลุมของกำแพงอาคารที่สร้างครอบเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันสารกัมมันตรังสี ของกองกำลังป้องกันตนเองและปฏิบัติงานภายใต้มาตรการความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบระดับกัมมันตรังสีในระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
    ล่าสุด ทางการญี่ปุ่น ใช้เฮลิคอปเตอร์ทิ้งน้ำเพื่อลดความร้อนเตาปฏิกรณ์ 3 และ 4

    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News

    [​IMG] แองเกลา แมร์เคิล

    นายกฯเยอรมัน ประกาศปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พร้อมระงับการใช้งาน 3 เดือน
    Mthainews : 17 มี.ค. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อวันอังคารที่ 15 มีนาคม ว่า นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี ประกาศว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 7 แห่งในประเทศที่สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2523 จะถูกปิดลงเป็นการชั่วคราว
    ทั้งนี้ ระหว่างนี้จะมีการระงับแผนการขยายอายุการใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศ เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมากจากกรณีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดระเบิดขึ้นจนมีสารกัมมันตรังสีรั่วออกมา ทำให้หลายประเทศทั่วโลกสั่งทบทวนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    อนึ่ง เยอรมันนีเป็นประเทศอันดับต้นๆในโลกที่หันมาใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งขณะนี้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศทั้งหมด 17 แห่ง โดยหลังจากเกิดวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นก็มีประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านการยืดอายุโรงไฟฟ้านิวคลียร์ในเยอรมัน

    โดยMthainews
    [​IMG] โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เยอรมัน

    [​IMG] ประชาชนชาวเยอรมันประท้วงต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


    MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
    สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
    สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000
     

แชร์หน้านี้

Loading...