ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

...พุทธทำนายปลอม ? (หรือเปล่า) ตอนที่ 2

มีคำปรามาสที่ว่าการพูดถึงภัยพิบัติ หรือพุทธทำนายนั้น
เป็นเรื่องของการหลอกให้คนกลัวเพื่อให้คนหันมาทำความดี

การพูดถึงภัยพิบัติใหญ่ หรือพุทธทำนายไม่ใช่กลอุบาย หรือแค่วิธีหลอกให้คนทำความดี
พระพุทธเจ้าท่านจะหลอกให้คนทำดีไปเพื่ออะไร
เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นไปไกลกว่าการทำดี เลยกว่าความดีไปอีก
ถ้าทำความดีก็จะได้รับผลของกรรมดี แต่ยังมีความทุกข์แบบคนดี ยังไม่พ้นทุกข์
ลำพังแค่การทำดีนั้นไม่จำเป็นต้องมีการอุบัติของพระพุทธเจ้าก็ได้ เพราะคนอื่นก็สอนได้

ธรรมะสูงสุดคือพ้นไปจากความชั่วและความดี ไม่ยึดทั้งชั่วทั้งดี
สิ่งที่พระพุทธเจ้ามีแต่คนอื่นไม่มีคือวิปัสนากรรมฐาน หรือ สติปัฏฐาน
คือเมื่อมีสติ รู้กายและใจ จนเห็นในไตรลักษณ์ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
จิตก็เกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัดจึงรู้ว่าคลายกำหนัด ในที่สุดจะเห็นกายใจเป็นของของโลก
ปัญญาเกิดรู้ว่า กายและใจไม่ใช่ตัวตนของเรา
จึงเลิกยึดไว้และคืนให้แก่โลกไป คือพ้นไปจากโลก
ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นจึงปราณีต ลึกซึ้งยิ่งกว่าเพียงการทำความดี

ในความเป็นจริงถามว่าหากมีการอ้างถึงพุทธทำนายแล้วไม่เกิดขึ้นจริง
เมื่อปรากฎว่าเป็นเพียงการหลอกหรืออุบายตื้นๆใ้ห้คนทำความดีนั้น
ถามว่าคนจะเสืื่อมศรัทธาหรือคนจะยิ่งศรัทธาทำความดีมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นการที่คิดว่าคำเตือนเรื่องภัยพิบัติเป็นอุบายตื้น ๆ หลอกให้คนทำดี
ความคิดดังกล่าวอาจเป็นเพียงอุบายตื้น ๆ ของกิเลสเพื่อหลอกให้คนประมาท
เพราะในความเป็นจริงเราอาจจะตายก่อนมีภัยพิบัติก็ได้
แม้ไม่มีภัยพิบัติใหญ่ แต่ทุกคนก็มีภัยพิบัติเป็นของตนเองนั่นคือความตาย

ไม่มีความจำเป็นหรือไม่ฉลาดเลยที่จะต้องหลอกให้กลัวเพื่อให้คนทำความดี
เพราะผู้ทำดีก็ย่อมได้รับผลดีนั้นเอง

ความจริงที่ีปรากฎอยู่ตรงหน้านี้ต่างหากที่จะทำให้คนศรัทธา

ข้อมูลสนับสนุนว่าอาจมีพระพุทธทำนายอยู่จริง

ข้อมูลจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680

อนาคตของประเทศชาติ
บรรยายโดย..พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘
(อ้างอิงจาก "หนังสือธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๐
ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๔๓-๕๒ "ธรรมกถา")


คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์

ในประการแรก </B>อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ

</B>โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
“กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี
อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่”

และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง



ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล

ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้

รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล





- ข้อมูลในตอนหนึ่ง.....หลวงพ่อเล่าถึงเรื่องพุทธทำนาย -

พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก


ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ </B>พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้

“อานันทะ..ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๕) จะมีฝนเหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศ เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และสมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก

แต่ว่า..อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล

หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาดสมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน

แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก”

</B>ความแม่นยำของพุทธทำนาย

จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิดต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์

หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบกระเทือนมาจนกระทั่งบัดนี้

มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง

ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะเห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทยนี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และเป็นประเทศสุดท้ายที่พระพุทธศาสนายังเหลืออยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้

ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป

พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์

ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า
พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่งพระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน

ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี

ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้ว่า </B>“พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี”

</B>เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่นอยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทยตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่าเมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาสของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร

จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็นหลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า

“เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้ แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกัน สามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลงไปกับคำยุแหย่ของบุคคลผู้มุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง”

ดูข้อมูลที่ครบถ้วนได้ที่...
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680

</B>ตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าว่า
"อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ"

และตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าว่า
"พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน "

แสดงว่าอาจมีพุทธทำนายไว้นานแล้ว อย่างน้อยก็ก่อนที่กรุงศรีอยุทธยาจะแตก
และก่อนที่จะมีกรุงเทพเป็นเมืองหลวง คือมีพุทธทำนายมาก่อนที่จะมีสงครามโลก
และยังยืนยันว่าโลกจะไม่แตกสลายก่อนพระพุทธศาสนาจะมีอายุครบ 5,000 ปี

 

...พุทธทำนายปลอม ? (หรือเปล่า) ตอนที่ 3


หากมีคำถามว่า ความเชื่อนี้อันใดเป็นจริงหรืออันใดไม่จริง

ถ้าเชื่อว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พระศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี" เป็นจริง
ก็จะกลายเป็นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตราบใดยังมีภิกษุปฏิบัติธรรมตามที่พระองค์สอนสั่ง ตราบนั้นโลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์" นั้นเป็นเท็จ

หรือในทางกลับกันถ้าเชื่อว่าคำตรัสอย่างหลังเป็นจริง
ก็แสดงว่าที่ตรัสว่า "พระศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี" เป็นเท็จ

ข้อสงสัยเช่นนี้เคยเกิดมีมาก่อนแล้ว
เมื่อ 'พระเจ้ามิลินท์' ตรัสถามกับพระนาคเสน
ปรากฏอยู่ใน คัมภีร์ 'มิลิทปัญหา'
โคตมีวัตถทานปัญหา ที่ ๓ ปรารภเมณฑกปัญหา
ปฐมวรรค สัทธัมมอันตธานปัญหา ที่ ๗
ถามเรื่องอายุพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปี

อ้างอิงข้อมูลจาก http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=101

</B>ขอนำมาเล่าสรุปความว่า
ไม่มีประโยคใดผิด ถูกต้องทั้งสองประโยค ไม่ขัดกัน

อย่างไรก็ตามบางท่านมักจะตั้งแง่ว่า คัมภีร์ระดับอรรถกถา นั้นไม่ใช่พระพุทธพจน์
ไม่น่าเชื่อถือ อาจมีการดัดแปลงให้เข้ากับความเชื่อส่วนตัว

หากต้องการอ่าน 'มิลินทปัญหา' ตามข้อมูลที่ยกมาอ้างอิง
ในรูปแบบภาษาสมัยปัจจุบันที่อ่านง่ายๆ เข้าใจง่าย (ไม่มีภาษาบาลี)
อ่านได้ที่ http://www.oknation.net/blog/Duplex/2009/05/01/entry-2


ยังไม่จบสำหรับการไขปริศนาเรื่องพุทธทำนาย
โพสต์ข้อความก่อนหน้านี้ผมได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพุทธทำนาย
และข้อสงสัยเรื่องพุทธศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี
ซึ่งก็อาจไม่ได้หมายถึงว่าพระศาสนาจะมีอายุเพียง 5,000 ปีเท่านั้น
แต่อย่างน้อยพระศาสนาก็จะไม่หมดสิ้นไปก่อน 5,000 ปีแน่นอน
และหากตราบใดพวกเราชาวพุทธยังปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์สั่งสอน
พระศาสนาก็อาจยิ่งมีอายุยาวนานไปมากกว่า 5,000 ปี

ต่อไปเราจะมาดูข้อมูลเกี่ยวกับ 'ธรรมิกราช' ว่าหมายถึงอะไร
และ 'ธรรมิกราช' ที่ปรากฏในพุทธทำนายนั้นพอจะมีเค้าเป็นจริงหรือไม่

เรื่องนี้หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยพูดถึง 'ธรรมิกราช' ไว้
หลวงพ่อท่านเรียกว่า พระเจ้าธรรมิกราช

อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1067

ในการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดท่าซุง ท่านได้ให้จารึกไว้ในแผ่นทองบรรจุใต้แท่นพระประธาน เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๙ ว่า

"เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่า ภูมิพล เป็นผู้อุปถัมภ์
ร่วมด้วยพุทธสานิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา
เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว ๒,๗๐๐ ปีปลาย จะมี</B>พระเจ้าธรรมิกราช
นามว่าศิริธรรมราชา </B>สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนและสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์
จะมาบูรณะวัดนี้ สืบพระศาสนาต่อไป
คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว"



จากข้อความที่ยกมาอ้างก็พอมีเค้าว่า 'ธรรมิกราช' หรือ 'พระเจ้าธรรมมิกราช' นั้นอาจพอมีเค้าที่จะเป็นจริง


การที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านจารึกแผ่นทองไว้ใต้พระประธานก็เหมือนเป็นจารึกคำพยากรณ์ของหลวงพ่อที่ให้ไว้ล่วงหน้า เป็นการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ใช่แต่เพียงพูดลอยๆ เพียงแต่ว่าคนในสมัยที่ขุดพบนั้นอาจจะมีบางคนที่คิดว่าเป็นคำพยากรณ์ปลอมหรือใครมาเล่นตลกแกล้งทำไว้ก็เป็นได้

หลวงพ่อทำนายไว้ว่าจะมีพระเจ้าธรรมิกราชนามว่า ศิริธรรมราชา มาบูรณะวัด
หากเราพิจารณาจะเห็นว่า'พระเจ้าธรรมมิกราช'
หรืออาจเรียกสั้นๆว่า 'ธรรมิกราช' นั้นไม่ใช่ชื่อคน แต่เป็นคล้ายๆตำแหน่ง เช่น ที่เราเรียก พระอินทร์ พระโพธิสัตว์ พระจักรพรรดิ เป็นต้น

'ธรรมิกราช' หมายถึงอะไร
หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเล่าไว้ในหนังสือ 'มโนมยิมทธิและประวัติของฉัน'
เนื้อหาในตอนนี้นอกจากจะอธิบายว่า 'ธรรมิกราช' คืออะไรแล้ว
ยังมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับในหลวงของเรา หลวงพ่อท่านยกย่องว่าในหลวงนั้นเป็น ธรรมิกราช อีกพระองค์หนึ่ง (ธรรมิกราช มีหลายพระองค์)


'มโนมยิมทธิและประวัติของฉัน' ตอนที่ 9 ชื่อตอนว่า ผมบ้า
......รวมความแล้ว ว่าวันนั้นผมจะต้องเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นวาระแรก ที่เสด็จมาถึงวัดท่าซุง ก่อนนี้ก็ไม่เคยเฝ้า ถ้าผมจำไม่ผิด ผมไม่ได้จดไว้นะ อาจจะเป็นวันที่ ๒๐ เมษายน ก็ได้ ก็รวมความว่าก่อนที่จะเข้าพบกับพระองค์ผมทำอย่างไร อันนี้กำลังใจด้านแรก ขอแนะนำแก่บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรที่มีกำลังใจไม่เข้มแข็งอย่างผม ผมก็ทราบว่าถ้าพบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามลำพัง ทว่าตามลำพังหมายความว่าไม่ใช่กลุ่มคนมาก ไม่ใช่อยู่องค์เดียว แต่ว่าเป็นส่วนน้อย ตอนนั้นก็ต้องคิดว่าพระองค์เป็นใคร สำหรับกำลังใจของผมมีความรู้สึกเหมือนกับนิยายที่เขาเขียนกัน เขาว่า </B>"ประเทศเมื่อถึงคราวทุกข์ยากลำบากยากแค้น จะต้องมีพระราชาทรงธรรม ที่เรียกว่า ธรรมมิกราช หรือ ธรรมมิกราชา มาสงเคราะห์"

ความจริง "ธรรมมิกราช" ก็ดี "ธรรมมิกราชา" ก็ดี ไม่มีอะไร ถ้าแปลเป็นภาษาไทย เขาจริง "พระราชาผู้ทรงธรรม" ถ้าเรียกธรรมมิกราชขึ้นมา โอ้โฮ..ใหญ่โตเหลือเกิน ความจริงก็ใหญ่ คนที่ทรงไว้ซึ่งความดีเราจะถือว่าเล็กไม่ได้ เขาจะมีฐานะเช่นใดก็ตาม ถ้ามีความดีเราก็ต้องบูชาความดีของท่านผู้นั้น

สำหรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่ผมไม่สงสัย ที่ไม่สงสัยใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง เพราะในยุคนั้นเขาหาว่าผมเป็นคนบ้าอยู่แล้วนี่ ผมก็ต้องบ้าคิดตามอารมณ์ของผม ผมคิดว่า</B>วันนี้เราจะไปพบกับพระราชาผู้ทรงธรรม หรือเรียกตามภาษาบาลีว่า "ธรรมมิกราช" และถ้อยคำของพระองค์ที่ตรัสออกมาต้องประกอบไปด้วยธรรม </B>และสำหรับผมเองก็ไม่ได้เฟื่องฟูในธรรม ไม่ใช่เป็นผู้มีความรู้รอบคอบทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรดาท่านมีความรู้อยู่ผมจะ ทำอย่างไร ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถามอะไรขึ้นมาแล้ว ผมตอบไม่ได้ คำว่าผมตอบไม่ได้ผมเองก็ไม่ได้อายพระองค์ เพราะว่าผมเองก็ไม่ใช่สัพพัญญู ไม่รู้ทั้งหมด ผมสามารถจะตอบได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ได้ แต่ก็คิดในใจว่าถ้าอะไรบ้างที่ไม่เกินความสามารถของเราและก็ไม่เกินความสามารถ ของผู้สงเคราะห์ผมอยู่นะ (ท่านผู้สงเคราะห์ผมอยู่นี่เป็นท่านที่พวกท่านเคยเห็น แต่ก็ไม่ปรากฏเป็นร่างเนื้อหรือหนังให้ปรากฏ) ผมคิดว่าผมควรจะตอบได้ทุกอย่างที่พระองค์ตรัสถาม ทั้งนี้ผมจะไม่ใช้เฉพาะปัญญาของผม ผมจะขอพึ่งบารมีท่านผู้ทรงคุณวิเศษ ฉะนั้นเวลาที่จะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระอุโบสถ ในโบสถ์วัดท่าซุงก็ได้อาราธนาบารมีของทุก ๆ พระองค์ที่สงเคราะห์ "ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถามอะไรขึ้นมา ก็ขอให้ตอบได้ตรงตามความเป็นจริง"
วัน นั้นมีโอกาสอยู่กับท่าน คือท่านสนทนาด้วยตามเวลาที่เจ้าหน้าที่เขาบอกมา เขาบอกว่าพระองค์ทรงใช้เวลา ๔๕ นาที ซึ่งมีใครเขาบอกมาก็ไม่ทราบว่า พระองค์จะทรงพบได้แค่ ๑๕ นาที ผมคิดว่าคนอย่างผมนี่มีวาสนาบารมีต่ำต้องอย่างนี้ ถ้าจะมีโอกาสอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวเพียงแค่ครึ่งวินาทีนี่ผมก็ชื่นใจ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวของประเทศไทย คือประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งละ ๑ องค์ และคนไทยเวลานั้นถึง ๔๕ ล้านคน ก็ยากที่จะเข้าไปใกล้ แต่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์นี้แปลกกว่าองค์อื่นทั้งหมด ซึ่งมีประชาชนได้มีโอกาสเข้าใกล้พระองค์ได้มากที่สุด ในดินแดนต่าง ๆ ที่พระองค์เสด็จและเสด็จไปเข้านั่งใกล้คน มีโอกาสจะพูดโอภาปราศรัย พูดด้วยเสมอ อันนี้เป็นของหายาก แต่ถึงกระนั้นก็ดีคนทุกคนก็จะทำอย่างนั้นได้ยาก ถ้าจะหาทุกคนไม่ได้ตั้ง ๔๕ ล้านคน เวลานั้นและถ้าผมมีโอกาสสักครึ่งวินาทีผมก็จะชื่นใจว่าใน ๔๕ ล้านคน </B>ผมก็คนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระราชาผู้ทรงธรรม
คำว่าพระราชาผู้ทรงธรรม อย่าคิดว่าผมยกย่องพระองค์เกินความเป็นจริงนะ ผมบอกแล้วนี่ อันดับต้น สังคหวัตถุ ๔ ของพระองค์ครบถ้วน ขั้นสุดท้ายกำลังใจสูงส่งในด้านสมถะวิปัสสนาและขันติ กำลังใจเมตตาของพระองค์ทรงดีมาก ใครว่าอะไรก็ตาม นินทาอะไรก็ตาม ไม่ทรงโต้ตอบ และก็ไม่เคยตำหนิใครว่าชั่ว อันนี้หาได้ยาก ถ้ามากไปกว่านี้ ผมคิดว่าเทปอีกสัก ๑๐๐ ม้วน ผมพูดเรื่องของท่านไม่จบ

</B>ก็รวมความว่าวันนั้นเข้าไป พระองค์ทรงแสดงชัดไม่เคยถือพระองค์ และผมเองก็เป็นพระป่าพระดง ราชาศัพท์ผมก็ใช้กับเขาไม่เป็น ไม่รู้ว่าพระเขาพูดกับพระเจ้าแผ่นดินว่าอย่างไร ผมก็เล่นลูกทุ่งตามปกติของผม ท่านถามมาผมก็ตอบไป ท่านถามมาผมก็ตอบไป ผมจำไม่ได้ว่าท่านถามเรื่องอะไรบ้าง มาในช่วงหลังพอจะนึกออก ท่านถามถึงภาวะความเป็นไปของชาติและประชาชนในชาติ
เห็น ไหมบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและญาติโยมพุทธบริษัท ท่านไม่ได้ถามว่าพระองค์จะมีความสุข พระองค์เองจะร่ำรวยขนาดไหน ไม่ได้เคยปรารภถึงพระองค์เองเลย ทรงปรารภเฉพาะว่าเวลานี้บ้านเมืองมันเต็มไปด้วยความคับแคบ บรรดาประชาชนอดอยากยากจนกันมาก ฝืดเคืองมาก ท่านถามว่า
"ต่อไปชาติเราจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน และจะมีความอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน?"



อ่านเนื้อหาที่สมบูรณ์ของ
'มโนมยิมทธิและประวัติของฉัน' ตอนที่ 9 ชื่อตอนว่า ผมบ้า
ตามลิงค์นี้ http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=301%3A-m-m-s&catid=37%3A2010-03-02-03-52-18&Itemid=2

หรือที่ http://www.luangporruesi.com/143.html

 

======================================


2 ก.พ. 54


อย่าไว้ใจ

16 ก.ย. 51 เรื่องเล่าจากภาพ
การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอกที่เก่งการเงิน แผ่นดินไหว

ดูทีวี--------------พรรคเพื่อไทย-------ได้ผู้นำ
เป็นคนกลาง-------ที่เหมาะสม---------เข้าคนได้
ทั้งเชี่ยวชาญ-------การเงิน------------ไว้วางใจ
ยังมอบให้---------เป็นนายก-----------ให้ครบเทอม

สิ่งที่กลัว----------ที่เคยกล่าว---------คือหวยล็อค
กลัวจะป๊อก--------ออกหวยตาม-------ที่เคยเห็น
ถ้าเป็นจริง---------ตามข่าวออก-------อย่าใจเย็น
ต้องรีบเร่ง---------เตรียมการ---------มารจะมา






องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

ชิคาโก้เผชิญพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี​

​

พื้นที่ตอนกลางของสหรัฐฯต้องเผชิญกับพายุฤดูหนาวพัดถล่มอย่างหนักในขณะนี้ โดยเฉพาะที่ชิคาโก้ เผชิญกับพายุหิมะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี

พายุฤดูหนาวที่เกิดขึ้นกินพื้นที่ตั้งแต่รัฐนิวเม็กซิโกไปจนถึงรัฐเมน รายงานระบุว่า ประชาชนในสหรัฐฯ มากถึง 100 ล้านคน ได้รับผลกระทบทั้งหิมะ ลมแรง และฝนน้ำแข็ง ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศเตือนว่า สภาพที่เลวร้ายที่สุดยังไม่มาถึง และว่าอากาศจะหนาวเย็นลงอีก

ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยล์ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญกับพายุหิมะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี คาดว่า ปริมาณหิมะที่ตกวัดได้ถึง 60 เซนติเมตร ทางการเตือนว่าจะเกิดพายุหิมะไปจนถึงบ่ายวันนี้

พายุหิมะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนกลางทำให้การเดินทางในประเทศต้องปั่นป่วน โดยเฉพาะผู้ที่จะเดินทางมาชมการแข่งขัน Super Bowl ที่รัฐเท็กซัส เมื่อวานนี้ มีรายงานว่าต้องยกเลิกเที่ยวบินราว 6,000 เที่ยวในหลายรัฐ คาดว่าในวันนี้จะต้องยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มอีก ทางการประกาศเตือนภัยใน 19 รัฐแล้ว ขณะที่รัฐมิสซูรี อิลลินอยส์ โอคลาโฮมา แคนซัส และอาร์คันซอ ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่า บ้านเรือนประชาชนเกือบ 2.7 หมื่นหลังที่รัฐเท็กซัส และ 1.4 หมื่นหลังที่รัฐโอไฮโอ กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯได้มีคำสั่งให้สำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินเตรียมพร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยทันที

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

พายุหิมะพัดถล่มสหรัฐฯเกือบครึ่งประเทศ​

​

ที่สหรัฐตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะไปครึ่งประเทศแล้ว ทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบาก ประชาชนนับสิบล้านคน ต้องอยู่กันแต่ในบ้าน

พายุหิมะที่ถล่มลงมาอย่างงหนักติดต่อกันหลายวันและกินบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆจากนิวเม็กซิโกไปยังรัฐเมน ทำให้พื้นที่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะในสหรัฐฯ ตอนนี้ มีประมาณครึ่งประเทศแล้ว โดยเฉพาะในภาคตะวันตกตอนกลาง บางพื้นที่จมอยู่ใต้หิมะราว 2 ฟุต ขณะที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาคารบ้านเรือนหลายแห่งอยู่ในสภาพที่ยากจะทนทานต่อการแบกรับน้ำหนักของหิมะ และน้ำแข็งที่ทับถมหนาขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนที่ชิคาโก เมื่อวานนี้ หิมะกองสุมกันสูงถึง 20.2 นิ้ว ซึ่งนับว่าหนามากที่สุดเป็นอันดับ 3 เท่าที่หิมะเคยตกลงมาทับถมกันในเมืองนี้ เจ้าหน้าที่กองพยากรณ์อากาศในชิคาโก กล่าวว่า ดูเหมือนหิมะที่ตกลงมาในช่วงนี้ จะรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ขณะที่สวนสาธารณะในนิวยอร์ก ก็มีสภาพไม่แตกต่างจากที่อื่น เพราะขาวโพลนไปด้วยหิมะ

อณหภูมิตอนกลางคืนในแถบมิดเวสต์ ปกติจะอยู่ที่ลบ 5 ถึงลบ 20 องศา แต่เมื่อมีลมกระโชก อุณหภูมิจะลดต่ำลงเป็นลบ 30 องศา

สำหรับการสัญจรทางอากาศ ปรากฏว่าตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการระงับเที่ยวบินต่างๆไปแล้วรวมทั้งสิ้น 13,000 เที่ยวบิน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

พายุหิมะที่เม็กซิโก​

​

ภาคเหนือของประเทศเม็กซิโก เมื่อวานนี้ อากาศหนาวจัด อุณภูมิลบกว่า 10 องศา ทั้งยังเผชิญกับพายุหิมะ ทางการต้องปิดโรงเรียนและสนามบิน

อุณหภูมิในเมืองซุยแดด ฮัวเรซ รัฐชิวาวา ทางภาคเหนือของประเทศเม็กซิโก เมื่อวานนี้ปรากฏว่าได้ลดต่ำลงถึงลบ 11 องศาเซลเซียส หนาวที่สุดในรอบ 60 ปี ประชาชนในเมืองนี้ต้องไปเข้าแถวรอเติมถังแก๊สที่ใช้กับเครื่องทำความร้อนกันตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะที่ถนนหนทางเต็มไปด้วยหิมะ จนทางการต้องสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเมืองซุยแดด เพื่อสุขภาพของนักเรียนราว 3.8 แสนคน ขณะเดียวกันก็มีการสั่งปิดสนามบินนานาชาติชั่วคราว เนื่องจากรันเวย์เต็มไปด้วยน้ำแข็ง เช่นเดียวกับถนนบางสายที่รถหลายคันลื่นไถลเพราะถนนเป็นน้ำแข็ง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

ออสเตรเลียเร่งประเมินความเสียหายจากไซโคลน"ยาซี"​

​

ทางการออสเตรเลียกำลังประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากพายุไซโคลน"ยาซี" ซึ่งมีความรุนแรงขีดสุดระดับ 5 พัดถล่มชายฝั่งรัฐควีนแลนด์เมื่อคืนที่ผ่านมา

หลังจากที่พายุไซโคลน'ยาซี' ซึ่งมีความเร็วลม 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งระหว่างเมือง Innisfail และ Cardwell รัฐควีนแลนด์ เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดนางแอนนา ไบลห์ มุขมนตรีรัฐควีนแลนด์ แถลงข่าวกับสื่อว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ เนื่องจากยังมีหลายพื้นที่ยังติดต่อไม่ได้ แต่คาดว่าประชาชนหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย

รายงานระบุว่า จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้น ในเมือง Tully คาดว่า อาคารบ้านเรือนราว 90 เปอร์เซนต์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากอิทธิพลของพายุทำให้หลังคาบ้านหลายหลังปลิวว่อนไปกับกระแสลมแรง ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นชนิดถอนรากถอนโคน และสายไฟฟ้าถูกตัดขาดเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ประชาชนราว 4 แสนคนที่อาศัยอยู่ในเส้นทางพายุเคลื่อนตัวผ่าน ตลอดชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือต้องละทิ้งบ้านเรือนตัวเองไปอยู่ในค่ายที่พักชั่วคราว

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย ระบุว่า ไซโคลน'ยาซี' ได้ ลดความรุนแรงเป็นระดับ 4 แล้ว และค่อยอ่อนกำลังอย่างช้าๆ ทั้งนี้ผู้ประสานงานด้านช่วยเหลือภัยพิบัติได้เตือนประชาชนได้อยู่แต่ในบ้าน ในช่วงนี้ เพราะอันตรายเกินไปที่จะส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินเข้าไปในพื้นที่ไปช่วยเหลือ

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

เรือนจำสหรัฐฯ นำร่องฝึกสมาธิ​

​

เรือนจำแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เริ่มโครงการนำร่องระดับประเทศฝึกให้นักโทษคดีร้ายแรงนั่งสมาธิ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ เชื่อว่าจะช่วยลดความรุนแรงหมู่นักโทษลง และยังช่วยเสริมทักษะทางสังคมได้อีกด้วย

โครงการวิปัสสนาของเรือนจำโดนัลด์สัน ในรัฐแอละแบมา นำแนวปฏิบัติในศาสนาพุทธมาปรับเป็นหลักสูตรสมาธิแบบติวเข้ม 10 วัน ให้นักโทษคดีอาชญากรรมรุนแรง ฝึกการหายใจและหัดพิจารณาจิตของตนเอง โครงการนี้จัดขึ้นปีละ 4 ครั้ง ให้นักโทษที่สมัครใจร่วมโครงการฝึกนั่งสมาธิวันละ 10 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน ปรากฏว่ามีทั้งคนที่ฝึกได้ผล และต้องเลิกล้มกลางคัน ผู้ที่ฝึกแล้วได้ผลดีก็จะพูดปากต่อปากให้นักโทษคนอื่นได้ฝึกบ้าง ความจริงโครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2545 แต่ต่อมาถูกปิดชั่วคราว เนื่องจากเกิดการต่อต้านในหมู่ชาวคริสต์บางกลุ่ม แต่สุดท้ายทั้งครูฝึกและนักโทษที่เห็นข้อดีของโครงการยืนยันให้มีต่อไป เพราะช่วยลดความรุนแรงลงอย่างได้ผล ปัจจุบันมีนักโทษที่จบหลักสูตรแล้วประมาณ 380 คน

เรือนจำโดนัลด์สัน เป็นเรือนจำสำหรับนักโทษคดีร้ายแรงโดยเฉพาะ นักโทษส่วนใหญ่ได้รับโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

แผนที่ทวีปเอเซีย หลังปี ค.ศ.2012 ?​

​

การทำนายนั้นอยู่คู่กับสังคมของเรามานาน โดยเฉพาะการทำนายธรรมชาติ เช่นการดูสีของท้องฟ้า ก้อนเมฆ สายลม ดวงดาว แม้กระทั่งการมองเห็นด้วยจิต ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและธรรมชาติได้ เหมือนที่เคยฮือฮากันไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อนาย กอร์ดอน (Gordon-Michael Scalion) ชาวอเมริกันที่เคยเสียชีวิตเมื่อปี 1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ้างว่า ได้รับพรสวรรค์ที่หยั่งรู้อนาคต เขามักจะเดินทางไปอยู่บนพื้นที่สูงๆ บนภูเขา แล้วมองลงมาเห็นภาพในอนาคต โดยเฉพาะภาพของเมืองที่เปลี่ยนไป และโลกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่

คนที่เชื่อถือนายกอร์ดอนนั้นมีไม่น้อย เพราะได้เคยฝากผลงานการทำนายที่แม่นยำเอาไว้ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอส แองเจอริส เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2535, เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนียเมื่อ มกราคม 2537 รวมอีกหลายเหตุการณ์ที่เขาทายไว้แล้วก็ถูกเผง

แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ก็เห็นจะเป็นการทำนายเมื่อปี พ.ศ.2521 ซึ่งเขาเห็นตัวเองลอยอยู่เหนืออวกาศ แล้วมองลงมาบนโลก ด้วยภาพแผนที่โลกใหม่ เขาจึงใช้เวลาอยู่ 4 ปี ที่จะร่างแผนที่โลกอนาคตที่เห็นคนเดียวนั้นออกมาสู่สายตาชาวโลก พร้อมทั้งให้คำอธิบายไว้ว่า โลกที่แปรเปลี่ยนไปนี้จะเกิดจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ทำให้ทวีปของโลกเคลื่อนไปหมด และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 หรือ พ.ศ.2541-2555 นั่นเอง

แผนที่ใหม่นี้ได้บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่งซึ่งอยู่ระหว่างอะลาสก้ากับรัสเซีย เกาะญี่ปุ่นจึงจะจมหายไปหมด เหลือไว้แค่ 2-3 เกาะเท่านั้น ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และไต้หวันกับเกาหลี ก็จะหายจมไปในทะเล ดังนั้น แนวฝั่งของจีนก็จะร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ทีเดียว อินโดนีเซียจะถูกทำลาย เช่นเดียวกับฟิลิปินส์ เอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากเพราะตั้งอยู่บน 3 ทวีป ส่วนไทยนั้นอยู่บนแผ่นทวีปของ ยูเรเซี่ยน ซึ่งจะเกิดการยกตัวให้สูงขึ้น แผ่นแปซิฟิกจะเคลื่อนไป 9 องศา ดังนั้น บางส่วนจะมุดตัวลง บางส่วนจะยกตัวขึ้น

ผลสรุปการทำนายก็คือ ประเทศไทยจะยังเหลืออยู่บางส่วนตามภาพที่ขยายออกมา ซึ่งคงได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุดคือภาคเหนือ ส่วนอีสานบางส่วน และภาคใต้จะจมลงไปในทะเลพร้อมกับมาเลเซีย สิงคโปรและอินโดนีเซีย ส่วนชายฝั่งทะเลจะมาอยู่ที่ชัยภูมิ เพรชบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัยและตาก และแม่น้ำโขงจะกลายจากแม่น้ำเป็นทะเล

สำหรับในบ้านเรา คุณหมอประสาน ต่างใจ เคยพูดเอาไว้ในงานเสวนา “พุทธศาสตร์กับอนาคตโลก” ถึงการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา จำนวน 19 ร้อยล้านตันว่าจะใช้เวลาอีกราว 5-7 ปี ซึ่งละลายหมดในปี ค.ศ.2012 เช่นเดียวกันกับปฏิทิน 22 ของชาวเผ่ามายา ได้ทำปฏิทินเอาไว้ที่ 5,000 ปี โดยแต่ละเดือนจะมี 20 วัน โดยเชื่อว่า โลกในวันสุดท้ายคือ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012 พระเจ้าของพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งนั่นเอง

อ่านจบแล้วอย่าลืมว่า นี่เป็นคำทำนายเท่านั้น ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าจะเกิดได้จริงดั่งภาพนิมิตจากนักทำนายเหล่านี้ ในวันที่ 21/12/2012 หรือไม่ มีแต่อนาคตเท่านั้นที่จะบอกได้

ที่มา http://www.raycity.in.th/board/viewthread.php?tid=129672

 

ยูเอฟโอ โผล่! บินเหนือศาสนสถาน นครเยรูซาเล็ม
หลังจากที่มีข่าวการปรากฎตัวของวัตถุลึกลับ หรือ ยูเอฟโอโผล่ให้เห็น บริเวณประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศอังกฤษ
แต่ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่นครเยรูซาเล็ม มีผู้ที่สามารถบันทึกภาพวัตถุประหลาด เป็นแสงไฟคล้ายลูกบอล เหนือแท่นบูชาของศาสนสถานของชาวอิสราเอล ซึ่งในวิดิโอดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะเป็นหลักฐานในการถกเถียงชิ้นล่าสุด ที่จะระบุว่า มนุษย์ต่างดาว มีตัวตนจริงหรือไม่

วัตถุทรงกลมดังกล่าว มีการเคลื่อนไหวเหนืออากาศเป็นจังหวะ เหนือศาสนสถาน ก่อนที่มันจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อเปรียบเทียบกับอีกมุมหนึ่ง จะเห็นภาพวัตถุลึกลับเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่า มันสามารถพุ่งขึ้น-ลง ได้อย่างรวดเร็ว สร้างความฉงนให้กับผู้ที่เห็นเป็นอย่างมาก

นิค โปป อดีตรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า หากเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นจริง ถือได้ว่า เป็นภาพวิดิโอที่เป็นหลักฐานอันน่าทึ่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่หากไม่ใช่ ก็ถือได้ว่าเป็นการทำงานที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และวัตถุดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด เพราะมีการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วมากๆ
โดย Mthai news


นาซ่า พบระบบสุริยะแห่งใหม่ มีดาวเคราะห์ 6ดวงเป็นบริวาร
มีการเปิดเผยว่า ยานสำรวจ เคปเลอร์ ขององค์การนาซาของสหรัฐฯ ได้มีการค้นพบระบบสุริยะแห่งใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ดาวเคราะห์ 6 ดวง ที่เป็นก้อนหินและแก๊ส โคจรรอบดาวดวงหนึ่งที่เป็นเสมือนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะจักรวาลของโลก
ทั้งนี้ มีการโดยตั้งชื่อระบบสุริยะแห่งใหม่นี้ว่า เคปเลอร์ 11 ตามชื่อของกล้องโทรทัศน์อวกาศเคปเลอร์ ที่ใช้ในการค้นพบ
ศาสตราจารย์แดเนียล ฟาบริคกี ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียร์ กล่าวว่า การค้นพบนี้ ไม่เพียงแต่จะเห็นถึงความมหัศจรรย์ของระบบสุริยะเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มนุษย์สามารถวัดความใหญ่โตของระบบได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยมีการแสดงภาพเปรียบเทียบระบบสุริยะของโลก กับระบบสุริยะที่มีการค้นพบ จะเห็นได้ว่าดาวเคราะห์ที่เป็นบริวารทั้ง 5 ดวงโคจรอยู่ใกล้กับศูนย์กลางมากกว่าระบบสุริยะของโลก

อนึ่ง ขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ นักดาราศาสตร์ จะได้ก้าวข้ามไปอีกขึ้นในการพิสูจน์สิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากโลก ในระบบสุริยะ ที่จะบอกว่าสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ อุณหภูมิ เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตหรือไม่

อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังไม่สามารถค้นพบดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกได้ มีเพียงแต่ดาวเคราะห์ดวงใหม่ซึ่งมีลักษณะคล้ายโลกนอกระบบสุริยะ โดยสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นหินและมีลักษณะเช่นเดียวกันกับโลก เท่านั้น
โดย Mthai news
<LI class=news_src_item>

ตะลึง งูเผือกสองหัว โผล่งานสัตว์ประหลาด พบ ตัวแรกของโลก
งูเผือกสองหัว กลายเป็นดาวเด่นในงาน แสดงสิ่งประหลาดทางธรรมชาติที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยผู้คนที่เข้ามาชมต่างให้ความสนใจในความแปลกประหลาดของงูตัวดังกล่าว
ซึ่งนายทอม เบเซอร์ เจ้าของงูกล่าวว่า ตั้งชื่อให้มันว่า “มินซ์”เป็น งูเผือกตัวเดียวและตัวแรกของโลกที่มีสองหัว ลำตัวมีลายสีเหลือง ตาสีแดง และเป็นหนึ่งในงูสองหัวทีมีอยู่ 8 ตัวในโลก เขากล่าวว่า มีผู้ติดต่อมาขอซื้องูสองหัวของเขา แต่เขายังไม่ขายเพราะคิดว่า มันคงมีราคามากกว่านั้นแน่
โดย Mthai news

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เผย "7เกจิดัง" เต็งขึ้น "ผู้นำสายพระป่า" แทนหลวงตามหาบัว เน้นคุณธรรม-บารมี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>หลังการละสังขารของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้มีการคาดหมายกันว่า พระรูปใดจะขึ้นมาเป็นผู้นำสายพระป่าแทนหลวงตามหาบัว ซึ่งยังมีชีวิตอยู่จำนวน 7 รูป ในปัจจุบัน ประกอบด้วย

1.หลวงปู่ศรี มหาวีโร จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งหลวงตามหาบัวเคยปรารภว่าเป็นพระที่วาสนากว้างขวาง มีลูกศิษย์ลูกหาบริวารมาก อายุมากกว่าหลวงตามหาบัว เคยอยู่กับหลวงตามหาบัวมาก่อน

2.หลวงปู่บุญมี ปริบุณโณ จำพรรษาอยู่วัดป่านาคูณ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นพระที่อยู่กับหลวงตามหาบัวมา 30 ปี จากนั้นหลวงตามหาบัวให้ไปอยู่ที่วัดป่านาคูณ เป็นพระที่ปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจังไม่มีประวัติด่างพร้อย

3.หลวงปู่แบน ธนากโร จำพรรษาอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เป็นอีกรูปที่อยู่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ เป็นพระรุ่นพี่ของหลวงตามหาบัว หลวงปู่แบนมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เนื่องจากอยู่วัดใหญ่ และนำคณะเข้ามาช่วยบริจาคเงินให้กับโครงการผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว มาตลอดที่มีโครงการ

4หลวงปู่ลี กุสลธโร จำพรรษาอยู่ที่วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นพระที่พูดน้อย แต่มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด หลวงตามหาบัวระบุว่าเป็นเศรษฐีธรรม

5.หลวงพ่ออุทัย สิริธโร จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลวงตามหาบัวบอกว่า ถ้าเป็นสมัยพุทธกาลท่านอุทัยเป็นหนึ่งในพระหลายรูปที่เปรียบเสมือนเพชรน้ำหนึ่ง ที่บรรลุทางธรรมแล้ว

6.หลวงปูจันทร์เรียน คุณวโร จำพรรษาที่วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นลูกศิษย์ที่เคยอยู่กับหลวงตามหาบัว แล้วย้ายไปอยู่ที่วัดถ้ำสหาย

7.พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นพระที่มีหลักใจเรียบร้อย เป็นพระอีกรูปที่หลวงตามหาบัวแนะนำเรื่องการปฏิบัติให้และก็ผ่าน และครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ

พระรูปหนึ่งในวัดป่าบ้านตาดระบุว่า การเป็นผู้นำของพระสายพระป่า ที่จะมาแทนหลวงตามหาบัวนั้นเป็นเรื่องยาก

เพราะจะต้องมีบุญบารมีที่มีคุณธรรมเป็นหลักใหญ่ ที่ผ่านมาบารมีของหลวงตามหาบัวมีมาก เวลามีปัญหาของพระสายพระป่า หลวงตามหาบัวจะออกมาว่ากล่าวตักเตือนและพระป่าที่มีปัญหาจะหยุดและเชื่อฟัง แต่เวลานี้ไม่มีหลวงตามหาบัวอยู่แล้ว ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น

"ส่วนเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดนั้น มีพระเกจิที่หลวงตามหาบัว ไว้วางใจและให้ดูแลวัดอยู่ 2 รูป คือ พระสุดใจ ทันตมโน รองเจ้าอาวาส พระใกล้ชิดที่หลวงตามหาบัวมอบหมายให้ดูแลพินัยกรรม และพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลวงตามหาบัวอย่างมาก ซึ่งพระสองรูปนี้มีโอกาสขึ้นเป็นจ้าอาวาสวัด แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์" พระในวัดป่าบ้านตาดระบุ


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนทุกภาคอากาศยังหนาวเย็น มีหมอกตอนเช้า ระวังการสัญจร กทม.เย็นสุด21-23องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกหนาบางพื้นที่ในตอนเช้า ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกในตอนเช้า
ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ
ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23-24 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทัวร์เขมรโอดลูกค้าแห่ยกเลิกสูญ10ล.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top> คมชัดลึก :ผู้ประกอบการทัวร์ไทย-กัมพูชาโอด สถานการณ์ตึงเครียดกระทบการท่องเที่ยวหนัก ลูกทัวร์ยกเลิกข้ามไปเที่ยวนครวัด นครธมเพียบ คาดความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่บรรยากาศการค้าขายระหว่างกันเงียบเหงา




นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานผู้ประกอบการท่องเที่ยวนครวัด นครธม และผู้ประกอบธุรกิจการค้าไทยกัมพูชา

เปิดเผยว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชาได้รับความเสียหายจากสถานการณ์ตึงเครียดของทั้งสองฝ่ายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ทหารทั้งสองมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้จากยอดการจองซื้อทัวร์ล่วงหน้าในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2554 มีการยกเลิกกันไปจำนวนมาก



"ในส่วนของผมเองถูกยกเลิกแล้วร่วม 150 ราย ทำให้สูญรายได้ไปร่วม 1 ล้านบาท หากรวมเจ้าของทัวร์รายอื่นๆ อีกนับ 10-15 ราย ความสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เฉพาะที่มีการจองทัวร์เพื่อที่จะเดินทางจากศรีสะเกษเข้าไปที่กัมพูชา" นายหัตถชัยกล่าว


นายหัตถชัยกล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะยิ่งรุนแรงขึ้น

จะเห็นว่าในภาคการค้า ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ศรีสะเกษ จุดผ่านแดนแห่งนี้มีสินค้าไทยส่งออกที่สำคัญคือ น้ำมัน ปูนซีเมนต์ อุปกรณ์การก่อสร้าง ตลอดสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน มียอดการค้าต่อวัน 30 ล้านบาท แต่นับจากเกิดกรณีพิพาทบรรยากาศทางการค้าขายก็ซบเซา


ด้านนายคูณ คงตางาม ที่ปรึกษาตลาดไทยช่องสะงำ กล่าวว่า บรรยากาศที่จุดถาวรช่องสะงำระยะหลังเงียบเหงา สินค้าที่ส่งออก-นำเข้าลดลง

เนื่องจากผู้ค้า ผู้ส่งออกของแต่ละฝ่าย หวาดกลัวในเรื่องของการปิดพรมแดนที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากฝั่งทางด้านศรีสะเกษมีความอ่อนไหวมากที่สุด เพราะมีกำลังทหารของทั้งสองประเทศตรึงกำลังบริเวนพื้นที่พิพาท จนสร้างความรู้สึกอ่อนไหวอย่างยิ่งให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ทำการค้า ถึงการกระทบกระทั่งที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างกำลังทหารของสองฝ่าย

<!-- <script type="text/javascript"> google_ad_channel = '7042610318'; //slot number google_ad_type = 'image,text,html'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '5'; //amount Ads google_image_size = '300X250'; google_skip = '3'; var ads_ID = 'adsense_bottom'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='under'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.komchadluek.net/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>
-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ระทึก! รถตำรวจ พุ่งชนกลุ่มผู้ประท้วง ในอียิปต์
ที่ถนนแห่งหนึ่งในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อรถเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งพุ่งชนกลุ่มผู้ประท้วงกลางถนน เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค ที่จู่ๆก็มีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับมาด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็ว พุ่งเข้าชนกลุ่มผู้ประท้วง เป็นเหตุให้ชายคนหนึ่งถูกทับและลากไปใต้ท้องรถ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ประท้วงที่เห็นเหตุการณ์ โชคดีที่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย
อย่างไรก็ตาม ด้านประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัค ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เขายืนยันที่จะไม่ลงจากตำแหน่งในขณะนี้ เพราะจะเสี่ยงทำให้อิยิปต์เข้าสู่หายนะ



โดย Mthai news

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>“อียิปต์”เดือดม็อบยิงม็อบกลางกรุงไคโร </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สังเวยแล้ว 7 ศพ บาดเจ็บอีกกว่าพัน “สหรัฐ-ยูเอ็น”สั่งอพยพคน ส่วนไทยส่งเครื่องบินไปรับอีก 300 แต่ยังไม่เพียงพอ


วันนี้ (3ก.พ.) นายกษิต ได้เขียนข้อความลงในทวิตเตอร์ว่าอาเซียนกำลังจะออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศอียิปต์ ขณะที่ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จะร่วมช่วยเหลือประชาชนของทั้ง 3 ชาติให้ออกมาจากอียิปต์โดยเร็วที่สุด ด้านการช่วยเหลือเร่งด่วนคือต้องเอาคนไทยออกจากอียิปต์โดยเร็วที่สุด โดยนำไปฝากไว้กับประเทศข้างเคียง อาทิ ประเทศจอร์แดนที่เมืองอัมมาน อย่างไรก็ตามญาติพี่น้องของนักเรียนหรือคนไทยที่อยู่ที่อียิปต์นั้น ถ้าติดต่อไม่ได้หรือหาตัวไม่เจอขอให้ติดต่อผ่านกรมการกงสุล โทร 02-575 1047-51


นพ.อภิชัย มงคล อธิดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ

ร้องขอให้กรมสุขภาพจิต ส่งจิตแพทย์ไปรับนักท่องเที่ยวไทยในอียิปต์กลับประเทศนั้น ปรากฏว่าจิตแพทย์ที่เดินทางไปด้วยต้องอยู่แต่ในห้องรับรอง ได้ทำงานจริง ๆก็ตอนขึ้นเครื่องแล้ว ผลการตรวจสุขภาพจิตพบว่า มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่มีความวิตกกังวลมาก

นายนัจมุดดิน อูมา ส.ส.นราธิวาส พรรคมาตุภูมิ แถลงว่า

ตนได้รับการร้องเรียนว่าจากประชาชนในพื้นที่ว่าบุตรหลานซึ่งเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ ที่กรุงไคไร ประมาณ 2,500 คน ได้ขาดการติดต่อทางโทรศัพท์แล้ว ขณะเดียวกันร้านค้า ไปรษณีย์ ร้านขายอาหารก็ปิดกันหมดหาซื้ออาหารไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความห่วงต่อความเป็นอยู่ของนักศึกษาเหล่านี้ ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้รีบนำนักศึกษาเหล่านี้กลับมาโดยด่วน

วันเดียวกัน ก่อนหน้านี้เวลา 01.45 น. ซึ่งตรงกับเวลา 20.45 น. วันที่ 2 ก.พ. ของอียิปต์ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง

นายหะสัน กาเหย็ม นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ เปิดเผยว่า การชุมนุมวันที่ 2 เป็นวันที่เริ่มต้นของปัญหา มีการประกาศเคอร์ฟิวกะทันหัน ตอนนั้นคนงานไทยและนักศึกษายังนอกบ้าน ร้านค้าต่างๆเริ่มทยอยกันปิดลง ทุกคนต่างรีบไปซื้อของเพื่อกักตุนอาหาร แต่สินค้าทุกอย่างเริ่มราคาสูงมากขึ้น กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มมากขึ้น และกลุ่มโจรก็ออกมาแฝงตัว หลังจาก 18.00 น. ขบวนรถถังของทหารก็ลาดตระเวนไปทั่วทั้งเมือง ชาวบ้านออกมาพร้อมมีอาวุธเป็นไม้หรือมีด ระมัดระวังกลุ่มโจร ซึ่งเป็นวันที่น่าสะพรึงกลัวมาก แต่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะอยู่ในบ้านกันทั้งหมด

นายหะสัน กล่าวต่อว่า ในวันที่ 26 ม.ค. เวลา 23.45 น. สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกตัดทั้งประเทศ และถัดมาเวลาประมาณตี 5 สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัด

ไม่มีใครกล้า ออกไปไหน สถานทูตของหลายประเทศทั่วโลก ก็พยายามทยอยนำเครื่องบินไปรับคนของประเทศตัวเองกลับ ในวันที่ 27 ม.ค.มีข่าวประกาศว่า ทรัพย์สินของรัฐถูกทำลายโดยผู้ชุมนุมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองหลวง สถานีตำรวจโดนเผาเกือบ 10 แห่ง รถตำรวจ ห้างถูกเผา และกลุ่มโจรก็เข้าไปลักขโมยของในห้างหมดเกลี้ยง ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ประชาชนขาดแคลนจริงๆแล้ว ขาดอาหาร รวมถึงธนาคารหลายแห่ง ถูกเผาและบุกปล้น จนถึงวันนี้ระบบออนไลน์ของธนาคารเริ่มไม่สะดวกขึ้น กดเงินออกบ้างไม่ออกบ้าง ทำให้ไม่มีใครกล้าไปกดเงิน

“วันนี้หลายคนต้องการกลับบ้าน เนื่องจากความกลัว โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะมีข่าวประกาศลอยๆมาว่า ทางประเทศไทยจะส่งเครื่อง มารับกลับไทย แต่การประกาศและการรวมตัว นั้น เป็นแค่ข่าว เพราะ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เพราะถึงกลับก็คงไม่ทัน ตอนนี้หลายๆคนกลัวมาก เงินเริ่มหมด อาหารเริ่มหมด แม้กระทั่งจิตใจก็เริ่มอ่อนล้าลงมาก อยากได้ยินเสียงจากท่านทูตหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อเสริมสร้างความอบอุ่นบ้าง เพราะทุกคนมีแต่ความเสี่ยงอยู่รอบตัว ตอนนี้ผมออกจากบ้านได้วันละ 3-5 ชม. คือประมาณ 09.00-14.00 น. ทุกคนกลัวและผวากันหมด โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก อินเทอร์เน็ตเพิ่งเปิดใช้ได้หลังถูกตัดมาเกือบ 10 วัน ร้านขายของก็ปิด ไม่กล้าเปิด ตอนนี้เพื่อนต่างชาติกลับกันหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน รัสเซีย ยุโรป”นายหะสัน กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร แจ้งความคืบหน้าของการชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค

ซึ่งเหตุการณ์ชุมนุมดำเนินมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ปรากฏว่า การชุมนุมบริเวณจัตุรัสตาหรีร์ ใจกลางกรุงไคโร ได้กลายเป็นสมรภูมิเลือดของการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมูบารัค กับกลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตไปแล้ว 7 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน

นพ.โมฮัมเหม็ด อิสมาเอล ซึ่งเปิดคลินิกชั่วคราวบริเวณจัตุรัสอับดุลเมเนม ไรอัด ใกล้กับจัตุรัสตาหรีร์ กล่าวว่า 4 ศพล่าสุดนั้นเสียชีวิตเพราะถูกยิง

โดยหนึ่งในนั้นถูกยิงเข้าที่หัว ส่วนน.พ.อัมร์ บาฮา แพทย์อีกคนหนึ่งซึ่งช่วยรักษาบาดเจ็บจากการปะทะกันด้วยอาวุธปืน ก้อนหินขว้างใส่กัน ไม้และกระบอง ยอมรับว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกกระสุนปืน ขณะที่พยานหลายปาก เผยว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกยิงมาจากฝั่งของสะพานออคโทเบอร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมูบารัค แต่ก่อนหน้านี้นายอาเหม็ด ฮอสนี รมว.สาธารณสุขอียิปต์ เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บ 639 คน จากการปะทะกันบริเวณใจกลางกรุงไคโร เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า รถถัง 4 คันของกองทัพอียิปต์ ได้เคลื่อนที่เข้าไปประจำการเพื่อทำหน้าที่คุ้มกันให้กับกลุ่มผู้ต่อต้าน บริเวณจัตุรัสตาหรีร์

หลังจากมีเสียงปืนกลยิงกราดเข้ามาจากฝั่งของผู้สนับสนุน ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกคำเตือนขั้นเด็ดขาดให้ประชาชนชาวอเมริกันเดินทางไปยังสนามบินในทันที เพื่อเดินทางออกนอกประเทศอียิปต์ เพราะสถานการณ์การชุมนุมทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้สหรัฐได้อพยพชาวอเมริกัน 1,900 คน ส่วนโฆษกของกองกำลังรักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติในประเทศไซปรัส แถลงว่า เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอียิปต์ 350 คน ได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากอียิปต์ ไปยังเกาะไซปรัส หรือไม่ก็นครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการประท้วงในอียิปต์ และบทเรียนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเมืองไทย

พบว่าร้อยละ 46 เห็นว่าเป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและร้อยละ 26 คิดว่า เป็นสิทธิของประชาชนในประเทศนั้นๆ ที่ต้องการเรียกร้อง ร้อยละ 46 รู้สึกเฉยๆกับการประท้วง ร้อยละ 30 เห็นด้วยที่มีการประท้วงตามสิทธิ ร้อยละ 23 รู้สึกไม่เห็นด้วยเพราะมีความรุนแรง ส่วนการช่วยเหลือคนไทยของรัฐบาล ร้อยละ 49 ค่อนข้างพึงพอใจ แต่ร้อยละ 26 ยังไม่พึงพอใจเพราะช่วยเหลือช้าไป ส่วนบทเรียนจากการประท้วงที่อียิปต์จะเป็นประโยชน์ต่อการเมืองไทยได้อย่างไรบ้างนั้น ร้อยละ 30 คิดว่าความรุนแรงไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น ร้อยละ 28 คิดว่าไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเพราะแต่ละประเทศมีสภาพสังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

ด้านนายซุลตอล สูเด็น หนึ่งในนักเรียนไทยที่ไปเรียนที่ประเทศอียิปต์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่นักเรียนไทยจะตุนอาหารจำพวกไข่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาไว้ พอถึงเวลาบ่าย 3 โมงเย็นจะไม่มีใครกล้าออกจากที่พัก เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่สงบ และเชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่จบง่าย ๆ แต่ยังดีที่มีพวกอาหรับมาช่วยป้องกันให้ ถึงแม้ที่พักจะอยู่ห่างไกลจากจุดที่มีการปะทะกัน


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

======================================


4 ก.พ. 54


น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง น้ำไม่แห้งให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า

บทเพลงของคุณ ศรคีรี ศรีประจวบ ที่เคยร้องฝากไว้
ช่างมีความหมายและไพเราะ

ในภาพจะเห็นตรงหน้าบ้านน้ำไม่ท่วมแต่ในบ้านจัดสรร
น้ำกลับท่วมสูงเหนือเอว





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

น้ำท่วมเขาว่าถึงหน้าฝนแล้ง พีว่าน้ำแห้งอย่าให้ฝนแล้วเสียยังดีกว่า
น้ำท่วมปีนี้ ก็ล้วนมีแต่คราบน้ำตา พี่หนีน้ำท่วนจนล้นบ่า ......จำไม่ได้แล้วครับ

เพลง น้ำท่วม ของ ศรคีรี ศรีประจวบ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ด่วน! ทหารไทย-เขมร เปิดฉากปะทะเดือด “ภูมะเขือ-รอบเขาวิหาร”</TD><TD vAlign=baseline width=102 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 กุมภาพันธ์ 2554 16:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000015521&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ด่วน! ทหารไทย-กัมพูชา เปิดฉากปะทะเดือดบริเวณภูมะเขือ และรอบเขาพระวิหาร ชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกฝั่งไทย ชาวบ้านภูมิซรอล เด็กนักเรียนวิ่งหนีตายเข้าหลุมหลบภัยอลหม่าน ผอ.โรงเรียนภูมิซรอลสั่งปิดเรียนให้ นร.กลับบ้านแล้ว


วันนี้ ( 4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย โดยได้มีการระดมยิงทั้งปืนใหญ่และอาวุธนานาชนิดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง เสียงกระสุนปืนได้ยินเข้ามาถึงบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างชัดเจน

จากการปะทะอย่างต่อเนื่องดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงไหม้ป่าตลอดแนวเขาพระวิหาร ซึ่งการปะทะครั้งนี้เบื้องต้นยังไม่มีรายงานทหารทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยขณะรายงานข่าว ทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะยิงถล่มเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่องและมีกลุ่มควันขนาดใหญ่จากเพลิงไหม้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ บรรดาครู นักเรียน และชาวบ้านภูมิซรอลต่างพากันวิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันจ้าละหวั่น เนื่องจากมีกระสุนปืนใหญ่จากทางฝ่ายทหารกัมพูชาเข้ามาตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอลทางด้านทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตร (กม.)

หลังจากนั้น ในช่วงที่ไม่มีเสียงปืนใหญ่เข้ามาตก นายบุญรวม พงษ์ปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนภูมิซรอล และครูผู้สอนจึงได้อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งบรรดาประชาชน ผู้ปกครองนักเรียนได้พากันเก็บทรัพย์สินและของมีค่า เตรียมอพยพสู่พื้นที่ปลอดภัยตามที่ได้ซ้อมแผนอพยพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ด้านบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ปรากฏว่า มีรถทหารไทย นำกำลังพลพร้อมอาวุธ เดินทางผ่านขึ้นไปยังบริเวณชายแดนเขาพระวิหารอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 12.10 น.วันเดียวกันนี้ ( 4 ก.พ.) ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพราน ที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้เกิดการปะทะด้วยอาวุธสงครามกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณทิศใต้ปราสาทพระวิหาร เป็นช่วงเส้นทางที่ฝ่ายทหารกัมพูชา สร้างเส้นทางขึ้นมายังปราสาทพระวิหาร การสู้รบกันของทหารไทย กับทหารกัมพูชาในจุดนี้ ได้รับการยืนยัน จากนายทหารชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังไม่มีการสูญเสีย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจ ได้แจ้งเตือนประชาชนที่บ้านห้วยตามาเรีย ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้เคลื่อนย้าย ออกจากพื้นเพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวที่บริเวณด้านทิศตะวันออก ปราสาทพระวิหาร ใกล้กับช่องตาเฒ่า และพื้นที่ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษณ์ ก็ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา การต่อสู้เสียงปืน ดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้ฝ่ายปกครอง ต้องแจ้งให้ประชาชนบ้านเรือน อยู่ใกล้ชายแดน ต.ภูผาหมอก อพยพออกจากพื้นที่ ล่าสุดยังไม่ทราบความสูญเสีย ทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนที่บริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และพื้นที่ ช่องสายตะกู จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ทหารพราน ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 สั่งเตรียมพร้อม เต็มพิกัด

ทางด้านประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะที่เข้าไปแสวงโชคในบ่อนกาสิโน ฝั่งกัมพูชา ได้ตื่นตระหนก ต่อข่าวการปะทะกันของทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ได้แตกตื่นหนีออกจากบ่อนกาสิโน กลับเข้ามาในเขตแดนไทย เช่นเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา ค้าขายที่ตลาดช่องจอม ก็พากันปิดร้านค้า และเตรียมเดินทางกลับฝั่งกัมพูชาแล้ว

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าว “ASTV ผู้จัดการ” จะรายงานให้ทราบต่อไป

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ข่าวที่น่าสนใจเมื่อปีที่แล้ว....​

​

โหรวารินทร์ย้ำ อักษร'ป.' เข้ามาดูแลชาติ​

อ.วารินทร์ โหรดัง ชี้ 'อภิสิทธิ์' อยู่ได้ถึง ก.พ.-มี.ค. 54 เผย ตัวย่ออักษร ป. เข้ามาดูแลชาติคนต่อไป ฟันธง 'อนุพงษ์' ส่งไม้ต่อให้ 'ประยุทธ์'ขึ้น ผบ.ทบ.คนที่ 37...

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2553 นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง สำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ยังไม่นิ่ง ที่ผ่านมาสถานการณ์บ้านเมืองเจอคลื่นสึนามิ แต่ต่อไปจะเป็นแบบอาฟเตอร์ช็อกที่ค่อย ๆ จะตามมา ซึ่งถือว่าแรงพอสมควร แต่อานิสงส์ ที่จะทำบุญร่วมกันที่สำนักสุขิโตก็สามารถผ่อนคลายได้ ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่า ตนเป็นพวกทหาร เป็นโหร คมช. ทำนายเข้าข้างฝ่ายทหารฝ่ายกองทัพ แต่ตนยืนยันว่า ตนเห็นนิมิตว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ทำนายแบบบุญแบบกรรม ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไปอีกระยะหนึ่งเท่านั้น โดยจะอยู่ไปถึงช่วงต้นปี ก.พ. หรือ มี.ค. 2554 นี้

เมื่อถามว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่ได้ถึงต้นปีหน้า หรือเป็นเพราะคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเกิดปัญหา นายวารินทร์ กล่าวว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีด้วย รวมถึงเวลาของรัฐบาลชุดนี้ก็จะถึงเวลานั้น ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้อยู่ในความสงบ แต่ก็ยังมีกลุ่มบุคคลที่อยู่ในคณะรัฐบาลที่มีทั้งดี และไม่ดี คล้ายกับครอบครัวที่มีทั้งคนดีและไม่ดี จะเป็นเหตุฉุดรัฐบาลประคองได้ระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะถูกตัดสินยุบพรรคหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า คดีตรงนี้เป็นเรื่องของทางบ้านเมือง ตนจะดูเรื่องบุญกรรมเท่านั้น แต่เท่าที่ดูแลบุญกรรมของรัฐบาลจะอยู่ได้ถึงแค่ต้นปี 2554 แต่คดีอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะผสมโรง

เมื่อถามว่า เมื่อหมดบุญกรรมของรัฐบาลชุดนี้แล้ว โดยเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แล้วใครจะขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยเฉพาะอักษรย่อ “ป.” นายวารินทร์ กล่าวว่า เคยกล่าวไว้ว่าจะมีคนเข้ามาดูแลชาติบ้านเมืองเป็นอักษร ป. เพื่อมาดูแลบ้านเมือง ทั้งนี้อักษร ป. เป็นได้ทั้งชื่อจริงและเชื่อเล่น แต่ก็ยืนยันว่าคนที่จะมาทำหน้าที่จะต้องเป็นอักษร ป.เท่านั้น ในการดูแลประคองชาติบ้านเมืองในปี 2554

เมื่อถามว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก คนต่อไปจะเป็นใคร หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เกษียณลงในปลายเดือน ก.ย.นี้ นายวารินทร์ กล่าวว่า คนที่จะมารับไม้ต่อยืนยันว่าจะต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนต่อไป 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตนดูเรื่องบุญกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่ได้ดูเรื่องของประวัติศาสตร์ว่าตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารบกไม่เคยได้รับการคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแต่ตนขอคัดค้าน บุญกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลบุญในการส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบกแน่นอน

“บุญกรรมเป็นสิ่งที่แปรเปลี่ยน และส่งผล แต่บางครั้งตำราอาจจะผิดพลาดได้ แต่เรื่องบุญกรรมไม่ผิดพลาด ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแล้ว จะเป็นคนที่จะมาช่วยกันดูแลชาติบ้านเมือง ทั้งนี้ชาติบ้านเมืองวุ่นวายเกิดจากคนไม่ยอมหันหน้าเข้าหากัน แบ่งกันเป็นก๊กเป็นเหล่า ควรหันหน้าเข้าหากัน และ พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองสงบสุข โดยในปี 2554 จะเริ่มคลี่คลายลง และเป็นปกติของคนในชาติ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่พ้นจากวิบากกรรม หากไม่มีการเคลื่อนไหวท่านก็จะหมดวิบากกรรมได้” นายวารินทร์ ระบุ

เมื่อถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองจะมีแนวโน้มรุนแรงอีกหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า เหตุการณ์รุนแรงเหมือนวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาคงจะไม่มี เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่ข้างบนได้กำหนดไว้ และ จากการทำบุญของทุกส่วนราชการ จะมีอานิสงส์ ในการช่วยผ่อนคลายกรรมต่างๆ ที่รุนแรงให้หมดสิ้นไป ตนยืนยันว่าจะไม่เหตุการณ์รุนแรงแบบนั้นอีก อย่างไรก็ตาม การทำบุญครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือทำให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็นข่าวในเวลานี้ เราทำให้บ้านเมืองให้กับแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 24 ก.ค.2553 จะมีกิจกรรมทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางลานนามีการสวดเบิกเนตร และทำบุญให้กับบรรพบุรุษ ส่วนในช่วงค่ำจะมีการกวน ข้าวมธุปรายาส และวันที่ 25 ก.ค.2553 จะมีการเปิดเนตรพระ หรือ เบิกดวงตาพระ จะมีการใส่บาตรพระจำนวน 49 ผ้าป่า 21 กอง 21 วัด เพื่อเป็นพลังเสริมให้กับบ้านเมือง และ ศาสนา มีการไถ่ โค กระบือ เพื่อให้บ้านเมืองผ่อนคลายกรรมของบ้านเมืองที่เป็นอยู่ และในปัจจุบันให้ผ่อนคลายให้หมดสิ้นไป ถือเป็นการทำบุญประจำปีครั้งที่ 2 ภายในปี 2553 โดยจะมีผู้ใหญ่ของบ้านเมือง รวมถึง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีต ผบ.ทอ. นางปิยะดา บุญยรัตกลิน ภริยา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่จะเดินทางมาร่วมงานในครั้งด้วย

ที่มา http://www.huaybondin.net/forum/viewthread.php?tid=104663

 

ผู้นำสูงสุดอิหร่านชี้การลุกฮือในอาหรับ เป็นสัญญาณการตื่นของอิสลาม​

​

​

​

เตหะราน 4 ก.พ.-อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่ากระแสการลุกฮือในประเทศอาหรับ เป็นสัญญาณการตื่นขึ้นของอิสลามที่ได้แรงบันดาลใจจากการปฏิวัติอิหร่านในปี 2522

อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ซึ่งเป็นทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้นำจิตวิญญาณของอิหร่าน กล่าวให้โอวาทที่มหาวิทยาลัยเตหะรานว่า เหตุการณ์ในวันนี้ที่แอฟริกาเหนือ อียิปต์ ตูนิเซีย และบางประเทศ คือสิ่งที่พูดถึงอยู่เสมอเกี่ยวกับการตื่นของอิสลามที่ได้อิทธิพลจากการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านซึ่งกำลังแสดงออกตัวเองในวันนี้

คำแถลงของผู้นำสูงสุดอิหร่านได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนที่มาร่วมสวดมนต์ บางคนชูกำปั้นขึ้นไปในอากาศพร้อมกับร้องตะโกนว่าเป็นวันตายของอเมริกาและอิสราเอล

การให้โอวาทของผู้นำสูงสุดของอิหร่านในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่มีต่อผู้มาสวดมนต์ประจำสัปดาห์ในวันศุกร์ และเกิดขึ้นในช่วงที่กำลังมีการชุมนุมประท้วงในอียิปต์ซึ่งผู้ชุมนุมประกาศให้เป็นวันขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ลงจากอำนาจ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านสนับสนุนการลุกฮือในอียิปต์และเตือนไปยังสหรัฐปรปักษ์สำคัญของอิหร่านว่าอย่าได้แทรกแซงความเคลื่อนไหวของประชาชนในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

ข่าวกรองสหรัฐถูกตำหนิ ไม่แจ้งเตือนการลุกฮือในอียิปต์และตูนิเซีย​

​

วอชิงตัน 4 ก.พ.- สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ถูกรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐตำหนิเพราะความล้มเหลวในการแจ้งเตือนว่าจะเกิดการลุกฮือขึ้นในอียิปต์และการล่มสลายของพันธมิตรสหรัฐในตูนิเซีย

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐบอกกับนายเจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติหรือดีเอ็นไอว่า ผิดหวังกับการทำงานของหน่วยข่าวกรองที่ไม่สามารถคาดการณ์ว่าการเดินขบวนในตูนิเซียจะทำให้ประธานาธิบดีซีน เอล อาบีดีน เบน อาลี ต้องตกจากอำนาจ นอกจากนี้ ยังรู้สึกผิดหวังที่มีคำเตือนน้อยมากเกี่ยวกับการจลาจลในอียิปต์

วุฒิสมาชิกไดแอน ไฟน์สทีน ประธานคณะกรรมาธิการกิจการข่าวกรองของวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า สหรัฐควรได้รับคำเตือนมากกว่านี้เกี่ยวกับการลุกฮือในอียิปต์และตูนิเซีย โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลว่าผู้ประท้วงใช้สื่ออินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ปลุกระดมการชุมนุม

ส.ว.ไฟน์สทีน กล่าวว่า นางสเตฟานี โอซุลลิแวน รองผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติบอกกับวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโอบามาเคยได้รับคำเตือนความไร้เสถียรภาพในอียิปต์ในปลายปีที่แล้ว แต่ ส.ว.แซกบี แชมบลิส กรรมาธิการจากพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้เขียนบันทึกตารางเวลาที่มีการบรรยายสรุปข่าวกรองให้ประธานาธิบดีโอบามารับทราบ ส่งมาถึงคณะกรรมาธิการภายใน 10 วัน

ทางด้าน ส.ส.ไมค์ โรเจอร์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า เป็นสิ่งที่เกินความจริงถ้าคาดหวังให้หน่วยข่าวกรองสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศอื่น เพราะมีข้อจำกัดเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่มีความซับซ้อนและพฤติกรรมของคนนับล้าน.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

กองทัพสหรัฐช่วยพื้นที่ประสบอุทกภัยในฟิลิปปินส์​

​

โฮโล 4 ก.พ. - กองทัพสหรัฐที่อยู่ระหว่างปฏิบัติการฝึกทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ให้ยืมเรือยางเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านหลายพันคนที่ประสบภัยน้ำท่วมสูงถึงเอวที่เกาะโฮโล

เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติ กล่าวว่า ฝนตกหนักและคลื่นแรงทำให้บ้านเรือนตามแนวชายฝั่งเกาะโฮโลได้รับความเสียหาย และน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องย้ายไปพักในพื้นที่สูงและภายในสุเหร่า

กองกำลังสหรัฐประจำการอยู่ที่สนามบินโฮโล โดยใช้เรือยางออกช่วยเหลือผู้ติดอยู่ในที่ประสบภัยน้ำท่วมในวันนี้ สำหรับทหารอเมริกันหลายร้อยนายมาฝึกฝนร่วมกับทหารฟิลิปปินส์ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมที่กบดานอยู่บนเกาะโฮโลและเกาะใกล้เคียง .-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

เผยอุบัติเหตุจากหิมะ คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นแล้วกว่า 100 คน​

​

โตเกียว 4 ก.พ. – บรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเครายงานวันนี้ว่า คลื่นความหนาวเย็นคร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไปแล้วกว่า 100 คนในฤดูหนาวปีนี้

รายงานระบุว่า นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้วจนถึงเมื่อวานนี้ อุบัติเหตุที่เกิดจากหิมะคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 101 คนใน 13 เขตปกครอง โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีหิมะตกหนัก โดยมีผู้เสียชีวิต 19 คนในจังหวัดนีงาตะ และอีก 18 คนในจังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือสุดของประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตในปีนี้สูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 2.5 เท่า นอกจากนี้ พบประชาชน 33 คนเสียชีวิตเพราะตกลงมาจากหลังคาขณะขึ้นไปกวาดหิมะ และอีก 20 คนถูกฝังในกองหิมะที่ตกลงมาจากหลังคา

ทั้งนี้ 2 ใน 3 ของผู้เคราะห์ร้าย เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และอุบัติเหตุที่ทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นขณะผู้เคราะห์ร้ายทำงานอยู่เพียงลำพัง. -สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

ภัยพิบัติในออสเตรเลีย จุดกระแสเรียกร้องลดโลกร้อน
​

แคนเบอร์รา 4 ก.พ.- นายรอสส์ การ์โนต์ ผู้ร่างกรอบนโยบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศให้รัฐบาลออสเตรเลียโยงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลายครั้งในออสเตรเลียว่าเป็นผลจากภาวะโลกร้อน และเรียกร้องให้มีการผลักดันทางการเมืองครั้งใหม่เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นายการ์โนต์ ระบุว่า ภัยธรรมชาติรุนแรงอย่างพายุไซโคลนยาซีที่กระหน่ำชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อวานนี้ และน้ำท่วมเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงตัวอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่แก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ออสเตรเลียปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 1.5 ของการปล่อยทั่วโลก แต่เมื่อเทียบต่อหัวประชากรแล้วถือเป็นหนึ่งในผู้ก่อมลภาวะรายใหญ่ของโลกเนื่องจากพึ่งพาถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ 80

รัฐบาลออสเตรเลียได้ชะลอแผนบังคับให้ผู้ก่อมลภาวะจ่ายค่าอนุญาตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในตลาดเสรี แล้วตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาวิธีเก็บค่าก่อมลภาวะแทนโดยมี ส.ส.พรรคกรีน และ ส.ส.อิสระร่วมในคณะกรรมการ หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์เผยว่า รัฐบาลมีท่าทีจะรับแนวคิดของพรรคกรีนเรื่องค้าคาร์บอนแบบผสมผสาน โดยจะเก็บค่าก่อมลภาวะในอัตราตายตัวก่อนในเบื้องต้นจนกว่าจะมีตลาดค้าคาร์บอนอย่างสมบูรณ์.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

วาฬราว 60 ตัวเกยตื้นที่ชายหาดในนิวซีแลนด์​

​

เนลสัน, นิวซีแลนด์ 4 ก.พ.- เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ธรรมชาติของนิวซีแลนด์เปิดเผยวันนี้ว่า พบฝูงวาฬราว 60 ตัวเกยตื้นอยู่ที่หาดโกลเดนเบย์ บนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์

รายงานระบุว่า พบลูกวาฬตายแล้วหนึ่งตัว และเป็นที่หวั่นวิตกว่า วาฬที่เหลือก็อาจจะตายเช่นกัน หากไม่สามารถนำกลับลงทะเลได้ทัน ทั้งนี้ ปรากฏการณ์วาฬเกยตื้นดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นที่แหลมแฟร์เวลล์ ห่างจากเมืองเนลสันไปทางตะวันตกราว 150 กม. โดยมีเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ธรรมชาติราว 100 คนพยายามรักษาอุณหภูมิความเย็นให้วาฬเหล่านั้น จนกว่าน้ำจะขึ้นในเวลาประมาณเที่ยงคืน

แต่กรณีดังกล่าวอาจจะเป็นอันตรายเกินไปที่จะส่งวาฬกลับทะเล ดังนั้น เจ้าหน้าที่อาจจะรอจนกว่าถึงเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินปฏิบัติการกู้ภัย. -สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 4 ก.พ. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สลดเด็กสาวมุสลิมถูกเฆี่ยนตายเพราะมีสัมพันธ์ชายอื่น ที่แท้ถูกข่มขืน-โยนบาป</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ว่า กรณีเด็กหญิงโมซามเม็ด เฮน่า สาววัย 14 ปีชาวบังกลาเทศ ถูกเฆี่ยนตายหลังจากถูกพบว่ามีความสัมพันธ์ฐานมีความสัมพันธ์กับชายอื่น

จากคำสั่งของพระนักบวชประจำหมู่บ้าน ในเขตชาเรียปัวร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ นั้น จากการสอบสวนพบว่า ที่แท้เธอถูกข่มขืนจากชายดังกล่าว วัย 40 ปี ก่อนจะถูกกล่าวหาโยนความผิดให้

รายงานระบุว่า ตำรวจบังกลาเทศได้จับกุมนักบวช 4 รายประจำหมู่บ้านดังกล่าว ภายหลังได้มีคำสั่งเฆี่ยนโบยด.ญ.ซามเม็ด เป็นจำนวน 100 ที เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ด.ญ.ผู้เคราะห์ร้ายหมดสติหลังถูกเฆี่ยนเป็นจำนวน 70 ที และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เคราะห์ร้ายเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ตำรวจเปิดเผยว่า ชายดังกล่าวซึ่งกล่าวหาว่าด.ญ.โมซามเม็ด ยอมมีความสัมพันธ์กับเขา ได้หลบหนีแล้ว

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวสร้างความรันทนใจให้แก่บิดาด.ญ.โมซามเม็ด เป็นอย่างยิ่ง โดยเขาประนามกลุ่มนักบวชซึ่งใช้กฎเหล็กฟัตวาปกครองหมู่บ้านว่า ตัดสินคดีอย่างไร้ความยุติธรรม และลูกสาวของเขาคงไม่ตายหากพวกเขาไม่มีคำตัดสินเช่นนี้




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สถานีโทรทัศน์เนปาลรายงานข่าว"ภาคกลางคืน"ด้วย"ตะเกียง"</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ว่า สถานีโทรทัศน์"กันติปัวร์"หนึ่งในเครือข่ายโทรทัศน์เนปาล ได้รายงานข่าวภาคกลางคืนด้วยตะเกียง ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 19.00 น.เป็นเวลาครึ่งชม.จุดประสงค์เพื่อกดดันต่อรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาการตัดไฟฟ้าที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา เนปาลต้องเผชิญกับสถานการณ์การตัดไฟฟ้าเป็นเวลา 12 ชม.ต่อวัน

โดยนายเทียทา กอยราลา หัวหน้าสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ กล่าวว่า เราต้องการให้รัฐบาลผลิตไฟฟ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และถึงขณะนี้เราได้รับกระแสตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ชม แต่ยังไม่มีกระแสตอบรับใด ๆ จากรัฐบาล

รายงานว่า ที่ผ่านมา แม้ว่าเนปาลจะมีเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่กลับผลิตไฟฟ้าได้เพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความต้องการใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ จากสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มกบฎเหมาและรัฐบาลในช่วงอดีตที่ผ่านมา ยังทำให้เนปาล ไม่ค่อยมีต่างชาติเข้าลงทุนด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้า

นอกจากนี้ ระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้าของเนปาล ยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2008 ทำให้สายไฟฟ้าถูกตัดขาด ซึ่งหมายถึงว่าสถานการณ์การขาดแคลนไฟฟ้าในเนปาลยิ่งย่ำแย่หนักขึ้นอีก เพราะรัฐบาลต้องสงวนพลังงานไฟฟ้า และทำให้สถานการณ์นี้กลายเป็นวิกฤตแห่งการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังหนักข้อรุนแรงในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าขาดน้ำฝนและมีระดับน้ำต่ำ ทำให้ไม่สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ด้านหน่วยงานการไฟฟ้าเนปาลยังได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า ประเทศอาจต้องถูกตัดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 14 ชม.ต่อวัน ในช่วงอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าด้วย


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เจ้าหน้าที่ เร่งช่วย สองยายชรา กินแมลงสาบแทนข้าว ประทังชีวิต
หลังจากที่มีการรายงานข่าวว่า ยายบัวเงิน ปัญญา อายุ 75 ปี และ ยายดวงใจ กันทิมา อายุ 80 ปียายสองพี่น้องซึ่งพักอาศัยในบ้านไม่มีเลขที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยทั้งสอง ต้องกินแมลงสาบหรือหนูที่วิ่งผ่านไปมาในบ้าน เนื่องจากทั้งสองไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ สภาพร่างกายไม่แข็งแรง ลูกของยายดวงใจ ก็หนีออกจากบ้านไปเพราะทนสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้

โดยยายบัวเงินเล่าว่า ทุกวันต้องหุงข้าวปลาอาหารให้พี่สาวกิน เพราะร่างกายไม่แข็งแรงบางวันไม่มีเงินก็จับเอาแมลงสาบและหนูที่วิ่งตามบ้านมาประทังชีวิต หรือบางวันไม่รู้จะกินอะไรก็ยอมกินน้ำเปล่า ที่สำคัญยังไม่เคยได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแม้แต่ครั้งเดียว
ต่อมาหลังทราบข่าว (3ก.พ.)ทางนายจำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี ได้ประสาานกับทางปลัดอำเภอสังขละบุรี เร่งเข้าช่วยเหลือยายทั้งสองอย่างเร่งด่วน โดยมีทีมแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าตรวจสุขภาพ และให้ยายทั้งสองทานยา อีกทั้งจะให้ความช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการต่างๆให้กับคุณยายทั้งสองคนในระยะยาวต่อไป
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news



นักข่าว สวีเดนถูกแทงเจ็บสาหัส ขณะรายงานเหตุ ในกรุงไคโร
ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ภายหลังเกิดการปะทะกันอย่างหนักในกรุงไคโร นายเบิร์ท ซันด์ทรอม (Bert Sundström)ผู้สื่อข่าวของเอสวีที ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกมีดแทงระหว่างรายงานเหตุไม่สงบในกรุงไคโรของอียิปต์ รายงานข่าวของเอสวีที ระบุว่า ไม่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่กำลังรายงานสดช่วงกลางวันวานนี้ ซึ่งถูกแทงด้วยมีดและได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าว 2 คนของเอสวีทีถูกจับกุม แต่หลังจากนั้นได้รับการปล่อยตัว
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศสรายงานว่า ผู้สื่อข่าวฝรั่งเศส 6 คนและผู้สื่อข่าวต่างชาติอีกหลายคนถูกควบคุมตัวระหว่างรายงานเหตุจลาจลในกรุงไคโร และล่าสุดหนังสือพิมพ์เบลเยียมรายงานว่า ผู้สื่อข่าวเบลเยียม 1 คนและผู้สื่อข่าวฝรั่งเศสอีก 3 คนที่ถูกจับกุมไปพร้อมเพื่อนผู้สื่อข่าวอีกหลายคน ได้รับการปล่อยตัวแล้ว

โดย Mthai news
<LI class=news_src_item>

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
Mthai News : สำนักข่าวบีบีซี (BBC) รายงานว่า เกิดเหตุสลดขึ้นในเมืองลัคนาว ประเทศอินเดีย เมื่อมีรถไปขบวนหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเต็มขบวนจนล้นออกมาข้างนอก และมีขึ้นนั่งบนหลังคา ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่ม ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการคัดเลือกเข้าเป็นตำรวจตระเวนชายแดน รัฐอุตตรประเทศ
ขณะที่รถไฟเคลื่อนตัวผ่านสะพานอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งบนหลังคาหลบไม่พ้น จึงชนเข้ากับขอบสะพานอย่างแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 6 ราย ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 8 ราย และมีอีกอย่างน้อย 14 รายที่บาดเจ็บสาหัส
ด้านผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการกิจการรถไฟได้ ออกมาเปิดเผยว่า ผู้โดยสารที่เสียชีวิตและบาดเจ็นนั้น เพราะหลบขอบสะพานไม่ทัน ขณะที่ผู้รอดชีวิตเนื่องจากพวกเขาได้นอนราบกับหลังคารถไฟเพื่อเอาตัวรอด
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
ภาพความแออัดบนรถไฟอินเดีย






<LI class=news_src_item>

 

วิบากกรรมของนักการเมืองบางคน...
โดยนายหัวไทร ​

​

คำทำนายสุดท้าย "อ.วารินทร์ โหร คมช."แห่งสำนักสุขิโต "นักการเมืองกระเดื่องนาม โรคร้ายรุมเร้าจากกรรมที่โกงกิน" จับตา ป."ขึ้นมาใหญ่

ผมได้รับอีเมล์เชิญให้ไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือของโหร คมช.อ.วารินทร์ บัววัรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต ที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ เพื่อเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊คชื่อ "เปิดนิมิต 3 เรื่องเล่า ฉบับ อ.วารินทร์" ที่ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า"เมื่อบ่ายวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะนำรายได้จากการจำหน่ายหนังสือไปร่วมสร้างพุทธมณฑลล้านนา จ.เชียงใหม่

น่าเสียดายติดภารกิจไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวเหล่านี้อยู่ เห็นว่าสาระที่ อ.วารินทร์พูดในงานเปิดตัวหนังสือและสาระบางส่วนในหนังสือน่าสนใจยิ่ง จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อให้ได้อ่านกันถ้วนทั่ว

อ.วารินทร์ กล่าวว่า พุทธมณฑลล้านนาคงจะดำเนินการเสร็จสิ้นได้ในปลายปี จากนั้นจะมอบให้บ้านเมืองในปีหน้า ซึ่งประธานในการรับมอบน่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หนังสือดังกล่าวมีเนื้อหาหลักที่ระบุถึงคนกินบ้านกินเมือง โกงบ้านโกงเมือง ชี้ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษ และกรรมต่างๆ ของบุคคลที่กระทำต่อแผ่นดิน ที่ตัวเองได้รับที่จะปรากฏเห็นชัด

อ.วารินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่ทำประโยชน์ส่วนรวม มาทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้อง พวกที่กินหัวคิว คอมมิชชั่น พวก 30-50 % เหล่านั้น ระวังกรรมจะตามทัน

สำหรับสถานการณ์บ้านเมือง อ.วารินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงนี้ดูแล้วยังไม่มีอะไร และในนิมิตยังเห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานอยู่ ส่วนกรณีที่อาจจะมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนก็ยังเห็นท่านทำงานอยู่ได้ ยังไม่ถึงเวลาในช่วงตัดสินคดียุบพรรค

เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะค้ำยันอำนาจรัฐบาลได้หรือไม่ อ.วารินทร์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะมาดูแลบ้านเมือง ท่านเกิดมาในลักษณะที่ค้ำบ้าน ค้ำเมืองมากกว่า ไม่ใช่ไปค้ำผู้ใด ผู้หนึ่ง ถือเป็นผู้ประคับประคองบ้านเมืองมากกว่า รัฐบาลไหนก็ตามพอขึ้นมามีอำนาจ เมื่อถึงเวลาก็หมดเวลา แต่ช่วงเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์จะมาดูแลบ้านเมืองของเรา

ถามถึงกรณีที่เคยระบุว่า บุคคลที่มีชื่อ อักษร ป.ปลานำหน้าชื่อ เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่มีชื่อเล่น ป๊อก จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี อ.วารินทร์กล่าวว่า ที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีหลายท่าน แต่ก็เป็นอักษร ป.ปลา แน่นอนที่จะมาทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมือง แต่จะไม่ระบุว่าเป็นผู้หนึ่งผู้ใด ขอให้รอสักระยะ แต่ก่อนหน้านั้นอาจจะมี 2 คนที่เข้ามาก่อน แต่ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน เมื่อขึ้นมาแล้วก็จะผ่านไป แต่หน้าที่จริงๆ ก็คือ คนที่มีอักษร ป.ปลานำหน้า เหมือนอย่างที่ตนเคยดูว่านายอภิสิทธิ์จะทำหน้าที่ขึ้นมา

"ในช่วง 1-2 เดือนนี้อาจจะมีวิกฤตเกิดขึ้นกับบ้านเมือง แต่ไม่น่าจะแรงเหมือนที่ผ่านมา ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนองเลือด ซึ่งการทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงเดือนตุลาคม ก็เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย แต่อยากจะให้ท่านทั้งหลายที่จะทำอะไรในช่วงเดือนนี้ให้ คำนึงถึงความสงบสุขและผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาบอบช้ำมากเกินไปแล้ว ความสูญเสียจากการกระทบกระทั่งกันอาจจะมีบ้าง แต่หลังจากนั้นจะดีขึ้น ขอให้รอสักระยะหนึ่ง

ส่วนความคาดหวังต่อการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์นั้น อ.วารินทร์ กล่าวว่า หากทำเพื่อบ้านเมืองและแผ่นดินก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าทำเพื่อตัวเองก็เกิดไม่ได้ อยากจะให้พวกเราหันหน้าปรองดอง ร่วมกันให้กับชาติบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ควรจะช่วยกันรักษา ทุกอย่างนั้นผ่านไปแล้ว เราอย่าคิดหวนกลับไปเลย เหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปแล้วไม่มีทางหวนกลับ หรือริเวอร์ ออฟ โน รีเทิร์น” อ.วารินทร์กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ อ.วารินทร์ กล่าวว่า ในเรื่องของสึนามิ น่าจะต้องระมัดระวัง เพราะตอนนี้วาระกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติของบ้านเมืองเรายังต้องประสบอยู่ เป็นห่วงในช่วงเดือนหน้าไปถึง 1 ธ.ค.ก็รุนแรงพอควร น่าจะเป็นบริเวณภาคใต้ โดยลักษณะจะเหมือนครั้งที่ผ่านมา

สำหรับในหนังสือ "เปิดนิมิต 3 เรื่องเล่าฉบับ อ.วารินทร์" นั้น อ.วารินทร์ ได้ระบุถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ ว่า จะทำหน้าที่ทหารเสือตัวจริงเสียงจริง และจะมาดูแลชาติบ้านเมืองอย่างชัดเจน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องทำหน้าที่สานต่องานอันยิ่งใหญ่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองในการรวบรวมสีต่างๆ มาเป็นสีธงไตรรงค์ โดยจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการช่วยสยบความวุ่นวายต่างๆ ของบ้านเมือง ซึ่งผบ.ทบ.ทหารเสือคนนี้เป็นเหมือนอดีตทหารเสือ ที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตั้งแต่สมัยบรรพกาล โดยจะมีหน้าที่เป็นเสาหลักบ้านเมืองที่นำความสงบ สันติสุขมาสู่บ้านเมือง

ในหนังสืออ.วารินทร์ยังระบุอีกว่า จากการขอนิมิตจากองค์หลวงปู่ท่านบอกว่า ประมาณปี 54 ท่านอักษรย่อ ป.ปลาจะเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อจากคนปัจจุบัน โดยจะเข้ามากอบกู้ สังคายนาบ้านเมือง และทำการวบรวมคนหลากสีเข้ามาเป็นสีเดียวกัน คือสีธงไตรรงค์ ประคับประคองชาติบ้านเมือง และผู้นำผ่อนคลายกรรมบ้านเมือง ซึ่งหากไม่ใช่คนที่ชื่อป.ปลาแล้วจะไม่มีทางเข้ามาทำหน้าที่ได้เลย

ส่วนสถานการณ์ของประเทศชาติตั้งแต่ปี 2554 จะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ความสงบสุข ความเป็นชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะดำรงคู่แผ่นดินนี้ ไม่มีผู้ใดมาล้มล้างลงได้ และใครคิดล้มล้างโดยเอาปัจจัยมาเป็นตัวล่อ สร้างสถานการณ์จะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะบุญบารมีไม่ถึง และไม่มีใครสร้างสมบารมีได้ภายในชาติเดียวแล้วมาคิดล้มสถาบันหลักของชาติได้

หนังสือ อ.วารินทร์ ยังระบุถึงเรื่องกรรมของนักการเมืองที่อาศัยอำนาจบารมีในการเข้าไปครองตำแหน่งแล้วไม่ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายว่า คงจำกันได้ถึงนักการเมืองนามกระเดื่องท่านหนึ่งที่ไม่ซื่อตรง คดโกง ช่วงท้ายชีวิตบาปกรรมจะคุกคามให้เกิดอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะตอนเสื่อมยศเสื่อมลาภ เสื่อมอำนาจวาสนา บาปกรรมที่ปกปิดไม่หลุด เกิดเป็นคดีความในโลกมนุษย์ ท่านก็ไม่สำนึกผิดฟาดงวงฟาดงาใส่คนที่เตือนด้วยความหวังดี

ซึ่งต่อมาท่านได้สิ้นชีวิตลงด้วยภาวะตรอมใจสุดขีด ทั้งจากโรคร้ายรุมเร้า และสำนึกเล็กๆในเวรกรรมที่ก่อ ซึ่งในที่สุดท่านได้ถูกโรคร้ายคร่าชีวิต ภายหลังยื้อชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และจากการขอบารมีเปิดภาพว่า สิ้นใจแล้วท่านไปไหน พบว่า นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่แต่งกายอยู่ในสภาพนักโทษที่พันธนาการไปด้วยโซ่ตรวน ทั้งมือ เท้า และมีผู้คุมนำตัวไปรับโทษทัณฑ์ในขุมนรกที่สุดสยอง ซึ่งหลวงปู่บอกว่า เหตุที่ท่านต้องกลายเป็นอย่างนี้ เพราะบุคคลผู้นี้ต้องคดีบ้านเมือง แต่ไม่ยอมชดใช้ จนทำให้กรรมติดตัวไปถึงนรก

Posted by นายหัวไทร , ผู้อ่าน : 6216 ,วันอังคาร ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.oknation.net/blog/naiman/2010/10/05/entry-1

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ บริเวณพรมแดนอินเดีย-พม่า​

​

อินเดีย 5 ก.พ.-เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรง 6.4 ริกเตอร์ บริเวณพรมแดนระหว่างอินเดียกับพม่าเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ

หน่วยงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวเมื่อคืนที่ผ่านมาวัดขนาดความรุนแรงได้ 6.4 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองอิมพัลในรัฐมานิปุระ ทางตะวันออกไกลของอินเดีย ประมาณ 85 กิโลเมตร ที่ความลึก 90 กิโลเมตร จากพื้นดิน และอยู่ห่างจากเมืองมันฑะเลย์ของพม่าประมาณ 400 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงรัฐอัสสัม ที่อยู่ห่างออกไป 450 กิโลเมตร จนทำให้ชาวบ้านในเมืองอิพัลและเมืองโกฮาติแตกตื่นวิ่งหนีออกจากบ้านเรือน แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 5 ก.พ. 2554

"ซู จี" ไม่แปลกใจสภาพม่าเลือก "เต็ง เส่ง" เป็นประธานาธิบดี​

​

​

พม่า 5 ก.พ.-ผู้นำการเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่าไม่รู้สึกแปลกใจ หลังรัฐสภาพม่าลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเต็ง เส่ง เป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ

นางออง ซาน ซู จี บอกว่าการที่นายกรัฐมนตรีเต็ง เส่ง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจากสมาชิกรัฐสภาพม่า ไม่ใช่เรื่องงน่าแปลกใจ และเป็นสิ่งที่เธอและชาวพม่าทั่วไปคาดหมายเอาไว้แล้ว

นายเต็ง เส่ง ปัจจุบันอายุ 65 ปี ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารมือสะอาด ไม่เคยมีเรื่องพัวพันการทุจริต ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนตุลาคม 2550 และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ลาออกจากกองทัพเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในฐานะพลเรือน โดยเป็นผู้นำพรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา ซึ่งกองทัพหนุนหลัง สำหรับภารกิจแรกในฐานะประธานาธิบดีของนายเต็ง เส่ง ก็คือการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ของพม่า.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 5 ก.พ. 2554

กัมพูชาเผยมีทหารบาดเจ็บ 4 นายในการปะทะกับไทย​

​

พนมเปญ 5 ก.พ.-โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาอย่างน้อย 4 นาย ได้รับบาดเจ็บและทหารไทย 4 นาย ถูกจับในการยิงปะทะกันนานเกือบ 3 ชั่วโมงเมื่อวานนี้

ขณะที่นายคอย เคือง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เตรียมนำเรื่องร้องเรียนต่อสหประชาชาติว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชากล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า กัมพูชาจะเสนอเรื่องร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันนี้ว่า ทหารไทยยิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในเขตของกัมพูชาห่างจากชายแดน 18-20 กิโลเมตร

ด้านนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวยืนยันการเสนอเรื่องร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยกล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายรุกล้ำดินแดนกัมพูชา

นายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวหากองทัพไทยว่าเล็งปืนไปที่เป้าหมายหมู่บ้านชาวกัมพูชา และกล่าวว่าการปะทะกันเกิดขึ้นเมื่อทหารไทยเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชาโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กัมพูชาได้แจ้งเตือนด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าแต่ถูกทหารไทยยิงกลับ.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 5 ก.พ. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

เปรูเตือนภัยไข้เด้งกี่ระบาดระลอกใหม่​

​

รัฐบาลเปรูประกาศเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของไข้เดงกี่ในระดับสูงสุด หลังจากที่ไข้เดงกี่ระบาดหนักอยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 11 คน ติดเชื้ออีกกว่า 10,000 คน

รัฐมนตรีสาธารณสุขรายงานว่า การระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจังหวัด Amazonian Loreto ซึ่งพบว่าเป็นเดงกี่สายพันธ์ใหม่ที่เชื่อมามาจากบราซิล และตอนนี้พบผู้ป่วยไข้เดงกี่อย่างน้อย 4 รายที่กรุงลิม่าแล้วซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เดินทางมาจาก Loreto

ช่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชุมนุมใหญ่ที่เยเมน​

​

ชาวเยเมนหลายหมื่นคนรวมตัวประท้วงใหญ่ เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีลาออก เมื่อวานนี้

แม้ว่าประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเล่ห์ ซึ่งปกครองเยเมน มานานกว่า 3 ทศวรรษจะให้คำมั่นว่าจะลงจากตำแหน่งภายในปี 2013 และจะไม่ส่งต่ออำนาจไปให้กับลูกชาย แต่ชาวเยเมนยังไม่ยอมรับ เมื่อวานนี้จึงมีชาวเยเมนหลายหมื่นคนออกมาชุมนุมประท้วงใน 7 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ โดยเรียกร้องให้ประธานาธิบดีซาเล่ห์ลงจากอำนาจทันที และในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนประธานาธิบดีซาเล่ห์ได้ออกมาชุมนุม พร้อมชูป้ายต่อว่าฝ่ายค้านกำลังบ่อนทำลายประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ มีรายงานการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนกับฝ่ายต่อต้าน และตำรวจยิงผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บ

เยเมน นับเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย เหตุชุมนุมประท้วงโค่นล้มอำนาจรัฐบาลที่ลุกลามมาจากตูนิเซียและอียิปต์ก็สร้างความวิตกกังวลให้กับชาติตะวันตกและสหรัฐฯเป็นอย่างมาก เพราะหากเยเมนไร้สเถียรภาพ เยเมนก็จะหันไปมุ่งเน้นที่การปกป้องรัฐบาลมากกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ปฏิบัติการต่อต้านการก่อร้ายอัลกออิดะห์ที่ใช้เยเมน เป็นฐานด้อยลงไป กลุ่มอัลกออิดะห์ก็จะฉวยโอกาสออกปฏิบัติการ

ส่วนท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯออกมาชื่นชมข้อเสนอของผู้นำเยเมน มากกว่าข้อเสนอของผู้นำอียิปต์ โดยแถลงการณ์ของทำเนียบขาว ระบุว่านายโอบามาเรียกร้องให้ผู้นำเยเมนปฏิบัติตามคำมั่นในเรื่องการปฏิรูปการเมือง และเรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงเยเมน อดกลั้นที่จะใช้กำลังกับผู้ประท้วง

วันเสาร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

กต.แถลงการณ์ถูกเขมรถล่มยิงสารพัดปืน​

​

กต.ออกแถลงการณ์แจงเหตุปะทะชายแดน ระบุทหารกัมพูชาใช้" ปืนครก จรวดอาร์พีจี และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง"ระดมยิงทำให้ไทยต้องตอบโต้ปกป้องอธิปไตย

กระทรวงต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ชี้แจงการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเมื่อวานนี้ บริเวณชายแดนประสาทพระวิหาร ว่า เมื่อเวลา 15.20 น.วานนี้ ทหารกัมพูชาเปิดฉากระดมยิงมายังฐานทัพของทหารไทยที่ภูมะเขือในเขตแดนไทยด้วยปืนครก จรวดอาร์พีจี และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง นอกจากนี้ ในเวลา 16.20 ของวันเดียวกัน ทหารกัมพูชายังได้เปิดฉากระดมยิงจากพื้นที่ของประสาทพระวิหารมายังฐานของทหารไทยซึ่งตั้งอยู่ที่ผามออีแดงในเขตแดนไทย

ในระหว่าง 2 เหตุการณ์นี้ ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงปืนใหญ่มาที่หมู่บ้านภูมิซรอลใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ชายแดนประมาณ 5 กิโลเมตร เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิต 1 คน ทหารบาดเจ็บ 6 นาย บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก 7 หลัง และยิ่งไปกว่านั้น ทำให้พลเรือน 3,000 คนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ชายแดนต้องอพยพลี้ภัย

การโจมตีที่เกิดขึ้นจากทหารกัมพูชาแสดงถึงการกระทำที่ก้าวร้าว และเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างชัดเจน กองทัพไทยไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการรักษาสิทธิที่จะป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังยืนยันที่จะแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนด้วยวิธีการสันติ แต่ขอสงวนสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องอธิปไตย

ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาอย่างน้อย 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ และทหารไทย 4 นาย ถูกจับในการยิงปะทะกันนานเกือบ 3 ชั่วโมง เมื่อวานนี้

ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชากล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า กัมพูชาจะเสนอเรื่องร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันนี้ว่า ทหารไทยยิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในเขตของกัมพูชาห่างจากชายแดน 18-20 กิโลเมตร

นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวยืนยันการเสนอเรื่องร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยกล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายรุกล้ำดินแดนกัมพูชา

นายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวหากองทัพไทยว่าเล็งปืนไปที่เป้าหมายหมู่บ้านชาวกัมพูชา และกล่าวว่าการปะทะกันเกิดขึ้นเมื่อทหารไทยเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชาโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กัมพูชาได้แจ้งเตือนด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าแต่ถูกทหารไทยยิงกลับ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สหรัฐวอนไทย-เขมร อดกลั้น หลังเหตุปะทะเดือด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top>เมื่อวันที่ 5 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา ใช้ความอดกลั้นขั้นสูงสุดหลังเหตุการณ์ปะทะกันของสองฝ่าย

พร้อมระบุว่า "เราจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด" เอเอฟพีรายงานว่าทหารไทยและกัมพูชาเปิดฉากปะทะกันตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรี โดยเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเวลา 15.10 น. ที่บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร จากนั้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นทหารกัมพุชา 1 ราย และชาวบ้านไทย 1 ราย
ที่จ.ศรีสะเกษ ทหารกัมพูชาปะทะกับทหารไทย บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร โดยได้มีการระดมยิงทั้งปืนใหญ่และอาวุธนานาชนิดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง เสียงกระสุนปืนได้ยินเข้ามาถึงบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างชัดเจน และจากการปะทะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเพลิงไหม้ป่าตลอดแนวเขาพระวิหาร

ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย บรรดาครู นักเรียนและชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันวุ่นวาย เนื่องจากว่ามีกระสุนปืนใหญ่จากทางฝ่ายกัมพูชาตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอลทางด้านทิศตะวันออก ประมาณ 1 กม. ซึ่งหลังจากที่ครูเห็นว่าไม่มีเสียงปืนใหญ่เข้ามาอีก จึงอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้าน ส่วนบรรดาผู้ปกครองนักเรียนได้พากันเก็บทรัพย์สินและของมีค่าเพื่ออพยพ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

ผลถก ทหารไทย เขมร เป็นผล สั่งเปิดด่าน หยุดยิงทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว
Mthai news: ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ที่มีการส่งตัวแทนหารือฝ่ายละ 10 คน โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อช่วงสายนั้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้สรุปข้อเสนอคือ ให้ทหารทั้งสองฝ่ายหยุดยิง และไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม ให้ผู้บัญชาการทหารทั้งสองฝ่ายดูแลกำลังพลไม่ให้มีการปะทะกัน ส่วนผลการหารือในครั้งนี้ ล่าสุดแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาแล้ว
ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยังได้สั่งการให้มีการเปิดด่านทั้ง 3 ด่าน ภายหลังปิดไปก่อนหน้านี้ คือ ด่านที่ช่องจอม ช่องอานม้า และช่องสะงำ ซึ่งทำให้ชาวไทยและกัมพูชาสามารถเดินทางข้ามแดนไปมาได้ตามปกติแล้ว
โดย Mthai news
<LI class=news_src_item>