ประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม

จำได้ครับคุณ Kanaecha
มาติดตามอ่านแล้วลองไปปฏิบัติดูนะครับ
ยุคนี้หวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว
นอกจากพึ่งตนเอง
ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง เปิดตาที่สาม
ขอสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ โดยตรง
ไม่ต้องเสียเวลามาก เวลาทุกนาทีมีค่า

ผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไร เงียบอยู่ได้ตั้งนาน
ถึงเวลาท่านเจาะปาก จับมือ ให้นำมาเผยแพร่
ถ้าไม่ได้กับตัวเอง ก็ไม่รู้จะบอกออกไปได้อย่างไร

ขอเพียงให้มีความเพียรพยายาม วันละนิดละหน่อยก็ยังดี
ค่อยๆทำสะสมไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
สิ่งนี้จะได้ติดตัวเราไปตลอด
แม้จะละทิ้งกายธาตุสังขารแล้วก็ตาม
ความทุกข์ทรมานก็จะไม่มี
จิตจะเข้าไปรวมกับจิตเดิมแท้ แห่งพระผู้สำเร็จ
หรือครูอาจารย์ที่เรานับถือ
ท่านกำลังรอเราอยู่ อย่าทำตัวเป็นเด็กดื้อ นะครับ

 

มนุษย์เรา มักชอบเสาะแสวงหาและสะสมวัตถุภายนอก
มากกว่าหันมาแสวงหาความอัศจรรย์ภายในร่างกาย
ร่างกาย ที่เราได้มา ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ
จะต้องสั่งสมบุญญาบารมีมามาก จึงจะปฏิสนธิ มาเป็นมนุย์
มีอาการครบ 32 ได้
แล้วร่างกายนี้ ก็เป็นบ่อเกิดของพลังมหัศจรรย์ ได้อีกหลายทาง
หากเรารู้จักศึกษา เรียนรู้ ปฏิบัติ ก็จะเป็นหนทางนำไปสู่
การมีอำนาจจิต
อำนาจจิต อาศัยเครื่องมือที่เรียกว่า ตา ก็จะเกิดตาทิพย์(ตาที่สาม)
อาศัย หู จะเกิดหูทิพย์
ถ้าเกิดความเชี่ยวชาญชำนาญมากขึ้น ก็ไม่ต้องอาศัย
เครื่องมือมนุษย์ ใช้การกำหนดถอดจิตอย่างเดียวก็ถึงทุกอย่าง
เรียนให้รู้ ทำให้ได้ และลด ละ เลิก เพื่อมุ่งสู่หนทางแห่งอริยะ
ก้าวขึ้นสู่การพัฒนาทางจิต ให้สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป

อย่ามัวหลงสะสมวัตถุต่างๆ ที่ว่าดี ว่าแน่
ผลสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้
วัตถุเหล่านั้น จะดี จะแน่ ก็มาจากจิตมนุษย์ผู้สำเร็จแล้วนั่นเอง
ทำไมเราไม่พยายามทำตนให้เป็นผู้สำเร็จ
จะได้ไม่ต้องมานั่งแบกวัตถุติดตัว ไปไหนมาไหน
ให้มันหนักเปล่า
ที่ผ่านมาก็ให้ถือว่า มีไว้เป็นของเล่นทางผ่าน ก็แล้วกัน
มันไม่มีแก่นสารสาระอะไร เหนือไปกว่า จิตบริสุทธิ์ก่อเกิดญานปัญญา หรอกนะ

 

จริงครับ
ถ้าเราเผลอ ก็จะพลาดพลั้ง
ต้องระวังสำรวมจิตให้ดีๆ
หลายสิ่งหลายอย่างกำลังรุกเร้าเข้ามา
ป่วนจิตของเรา
โมทนาสาธุครับ

 

บริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว เริ่มตึงเขม็ง
ในขณะที่คำภาวนายังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ชั่ววินาทีขณะนั้น
เหมือนมีอะไรบางอย่างหลุดทะลุออกไป
จากหน้าผาก
แล้วสิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิด
ปรากฏเป็นภาพองค์สมเด็จพระชินราช
สีสันสวยงามราวกับตาเห็น
แต่สิ่งที่เห็นนี้ไม่ใช่การเห็นด้วยตาธรรมดาทั้งสองข้าง
มันเป็นการเห็นด้วยตาที่สาม
ภาพนั้นปรากฏเพียงชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อจิตเกิดอาการลังเลสงสัย
ภาพก็วูบลับดับหายไป
-----------------------------
ผมลองทำตามดูครับ แต่ของผมกลับกลายเป็น
บริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว เริ่มตึงเขม็ง
ในขณะที่คำภาวนายังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ชั่ววินาทีขณะนั้น
แล้วสิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิด
ปรากฏเป็นภาพ โต๊ะComputer ที่ตั้งอยู่ข้างหน้าผม
สีสัน เป็นสีเหลือง+ทองนิดๆ+สีของภาพซีเปีย
แต่สิ่งที่เห็นนี้ไม่ใช่การเห็นด้วยตาธรรมดาทั้งสองข้าง
มันเป็นการเห็นด้วยตาที่สาม
ภาพนั้นปรากฏเพียงชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อจิตเกิดอาการลังเลสงสัย
ภาพก็วูบลับดับหายไป
เป็นแบบนี้หลายครั้งครับ เมื่อผมลังเลและสงสัยว่า
'' นี่ผมเผลอลืมตาอีกแล้วหรือ''
ภาพมันก็หายไปครับ ที่จริงแล้วผมไม่ได้ลืมตาเลย
ทำอย่างไรให้ความลังเลสงสัย หมดไปได้ครับ
เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นตัวขัดขวางการมองเห็น

 

ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
ถ้าได้ตาที่สามกันมาก ๆ ก็ดีครับ เห็นเทวดากันมาก ๆ คนสมัยใหม่จะได้เชื่อซะทีว่า โลกอื่นมีจริง ไม่มีแต่โลกแห่งวัตถุที่มัวแต่หลงกันอยู่ครับ

 

อนุโมทนาด้วยนะคะ น่าสนใจมากแต่ เนื้อหามันยาวมากขอเซฟเก็บไว้อ่านแล้วกัน

 

ขออนุโมทนา ครับ



.

 

มีคนเคยทักเราว่าเมื่อไหร่จะเปิดตาที่สามซะที (มีใฝอยู่กลางหน้าผากพอดี) นึกว่าอาจารย์เค้าพูดเล่นซะอีกมีจริงหรือค่ะ อ่านไปอ่านมามันน่ากลัวจังค่ะ แปลกจังตัวเองอ่านแล้วใจมันเต้นแรงมากเลยค่ะ

 

ขออนุโมทนาด้วยกับทุกๆท่านค่ะ

สำหรับหนูถือว่ายังใหม่มากกับเรื่องทำสมาธิ ฝึกมาน้อยมากๆเลยค่ะ
แต่มีเรื่องราวที่ถือว่า เป็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นานแล้วค่ะ
บางส่วนจากลิงค์นี้ค่ะ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=52669
เกิดกับหนูเองค่ะ

วันนี้ลองนั่งสมาธิ ( แบบว่าไม่รู้อะไรดลใจ ให้อยากนั่งมากมาย)สวดมนต์ดู และก้อตั้งใจจะทำตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาในโรงเรียนกะนักธรรมว่าผลจะเป็นอย่างไร

นั่งไปสักพัก เริ่มมีอาการตึงบริเวณหน้าผาก ตึงหน้า เเละเห้นเป็นแสงสว่างบริเวณกลางหน้าผาก จากนั้นก้อ... ไม่กล้าทำต่อแล้วเพราะกลัวจังเลยค่ะ
ก่อนหน้านี้ก้อนั่งสมาธิเห็นพระท่านค่ะ สง่างามด้วยวัตรเหลือเกินค่ะ แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้เลยไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ( แต่ในใจคิดหล่ะ ว่าเป้นใคร แต่ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่)

ความตั้งใจที่มีของการฝึกสมาธิสำหรับหนูนั้นนั้น คือทำให้จิตสงบ มีสติ มีสมาธิกับทุกๆเครื่อง และตอบปัญหาบางอย่างที่คาใจ ดับกิเลสส่วนที่ปรารถนาให้ดับลงตอนนี้ให้ได้ ให้อภัยคนที่ทำให้เราและครอบครัวต้องทุกทรมานจากการะกระทำของเขาได้อย่างแท้จริง ให้ได้ เท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านี้ใจไม่ปรารถนาเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว หากเกิดได้ขึ้นมา นั่นเป้นบุญเเล้วค่ะ

ขอแนะนำจาก ทุกคนด้วยค่ะ ว่า สิ่งที่หนูสัมผัสคืออะไร หนูคิดไปเองหรือเปล่า เกิดจากเพ่งมากไปจนทำให้เกิดอาการตึงของกล้ามเนื้อตามหลักการวิทย์หรือเปล่าค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

 

เป็นการฝึกจิตให้ควบคุมจิตตัวเองรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำได้เหมือนกัน พอจะรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร จำมันได้ นึกเมื่อไหร่ก็ทำได้ ขนาดผิดศีลอยู่ยังทำได้เลย อันนี้บ้าไปเองหรือเปล่าไม่ทราบ รบกวนถามผู้รู้ด้วยว่าอาการและอารมณ์ของการเกิดตาที่สามตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงดวงตาเปิดแล้ว ใช่ลำดับของฌาณหรือเปล่า เพราะบ้างครั้งก็มีอารมณ์ของปิติ เกิดขึ้นให้ทราบได้บ้าง บางทีก็ไม่มี มีอาการตึงเหนี่ยวที่กลางหน้าผากเลย อยากทราบว่าอยู่ในระดับของฌาณไหนกันแน่

 

ขอบคุณ มากครับ ครั้งหนึ่งผมเคยทำแล้วลองไล่ จุดปวดเสียวนั้นไปให้ทั้วใบหน้าดูปรากฎว่าจุดปวดเสียวนั้นก็ค่อยๆ ไหลไปตามริเวณ ใบหน้าผม ตั่งแต่ หัว ตา แก้ม ผมอยากทราบว่าผมทำแบบนี้ แล้วจะเกิดประโยชน์บ้างรึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ

 

ควรกำหนดไว้ที่จุดเดียวคือกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
จุดนั้นเป็นจุดจักระที่ 6 หรือตาที่สาม จะได้ประโยชน์มากกว่า
อย่างน้อยกำหนดรู้สึกตึงเสียวที่จุดเดียว จะได้ตัวสติ
แล้วสมาธิก็จะเกิด ใครที่กลัว ก็เอาแค่
สติกำหนดรู้ และสมาธิ ที่จุดๆเดียวนั้น ไม่ต้องทะลุไปเห็นอะไร
หากจะกำหนดแบบไล่เดินไปตามจุด
ขอแนะนำให้กำหนด คำว่า "พุทโธ"
ให้ตั้งอยู่กลางกระหม่อมเหนือศีรษะ
เมื่อนิ่งแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวพุทโธ มาไว้ที่หน้าผาก
เมื่อนิ่งได้ที่ก็เคลื่อนตัวพุทโธ ช้าๆ ไปที่หัวไหล่ซ้าย
เอาพุทโธตั้งไว้ที่หัวไหล่ซ้าย
ทำไมต้องหัวไหล่ซ้าย เพราะเป็นจุดที่ใกล้หัวใจ

เมื่อนิ่งดีแล้ว ค่อยๆเคลื่อน พุ ท โ ธ ไปคลุมที่หัวใจ
ค่อยๆบีบอัดพุทโธ เข้าไปในหัวใจ ช้าๆ นะครับ
กำหนดพุทโธ อยู่ในใจ ไปเรื่อยๆ
จิตเป็นสมาธิได้เร็ว ส่วนการเดินพุทโธ นั้น
ได้สติปัฏฐาน กำหนดรู้ตามการเคลื่อนไปของ พุทโธ

เมื่อต้องการถอนออกจากสมาธิ
ให้ค่อยๆ ดึงพุทโธ ออกจากหัวใจ ช้าๆ แล้วแผ่ออกไป
แผ่ออกไปนอกตัวเรา กระจายเป็นแสงสว่าง
แล้วตั้งจิตแผ่กุศล ให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั่วโลก จักรวาล
จงเป็นสุข เป็นสุข เถิด จะแผ่เพิ่มเติมก็ว่าไปนะครับ

อย่าลืมสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย
อัญเชิญครูบาอาจารย์มาคุ้มครอง
ก่อนลงมือปฏิบัตินะครับ

 

ขอเรียนถามคุณmountain และพี่ๆทุกท่าน
จะเป็นไปได้ไหมค่ะ ว่า เพียงแค่เริ่มฝึกนั่งสมาธิไม่นาน เราก้อสามารถไป เห็น ที่ที่เราปรานา( ถ้าแรงกุศลเรามากพอจะไป)หรือ เห็นภาพในสมองทั้งหมดกับผู้มีบารมีสูงส่งพร้อมทั้งสื่อสารกับผู้มีบารมีได้ ( แบบว่า ถามมา ตอบไป แบบอัตโนมัติ) หรือเห็นภาพอนาคตในสิ่งที่ปรารถนาได้ โดยจิตไม่ได้คิดไปเอง ( สำหรับอนาคต ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจะจริง ยังมาไม่ถึง)

สำหรับหนู อดคิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะรู้สึกตัวมาตลอด คิดไปเองเปล่าเนี่ยตัวเรา

วันนี้ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ในนั้นที่เห็นได้ ปรากฎว่าเหมือนภาพที่เห็นเลย ทั้งต้นไม้ การสับว่าง เว้นระยะ กระแสน้ำยังไหลทางเดียวกับในภาพเลยค่ะขาดก้อแต่เพียง ตัวเรา และบุคลในองค์ประกอบเท่านั้น

ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หนูเริ่มฝึกแค่สมาธิพื้นฐาน สายวิปัสนาเท่านั้นค่ะ

 

สิ่งที่คุณ ทรรศิกา สามารถรับรู้และสื่อสัมผัสได้นั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยนะครับว่า เราจะคิดไปเองหรือเปล่า
แม้ว่าจะเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่เป็นการเริ่มต้นที่ต่อเนื่องมาจากอดีตชาติ
ที่เคยปฏิบัติมา ผลที่เกิดขึ้นจึงรวดเร็วมาก

จิตมีคุณสมบัติ เป็นตัวรู้ที่ว่องไว
ทำให้การสื่อสัมผัสทางจิตเหมือนถามเองตอบเอง
ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ และหากยังสงสัยอยู่
ก็ต้องทดสอบดู สิ่งใดท่านให้รู้ เราก็จะรู้
สิ่งใดท่านไม่ให้รู้ เราต้องหยุดอย่านำความคิดของเราไปใส่เอง
ไม่เช่นนั้น จะหลงทาง นะครับ
ขออนุโมทนากับทุกจิตวิญญาณที่ใฝ่หาทางหลุดพ้น สาธุครับ<o></o>

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(8/10/49)
ผมได้แวะไปหาอาจารย์อาชวิน(ตาที่สาม)
ที่จตุจักร จะเป็นด้วยเหตุบังเอิญ หรืออย่างไรไม่ทราบ
ทำให้ได้พบกับคุณ อภิเชษฐ์ ซึ่งเป็นนักปฏิบัติธรรม
และเคยติดตามอาจารย์ ไปประเทศลาวมาแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าการพบกันครั้งแรก ทำให้เกิดความคุ้นเคย
ได้อย่างรวดเร็ว ราวกับเคยเป็นญาติสนิทกันมาก่อน
คุณอภิเชษฐ์ ได้นำวิธีการปฏิบัติ ที่ผมได้แนะนำดังกล่าวข้างต้น
ไปลองปฏิบัติดู ได้ผลดีมาก
ถ้าเป็นไปได้จะให้คุณอภิเชษฐ์
เข้ามาโพสเล่าประสบการณ์ ให้ได้อ่านกันนะครับ

นอกจากการคุยกันเรื่องการปฏิบัติแล้ว
คุณอภิเชษฐ์ ยังได้นำบุญมาบอกกล่าว
ให้ได้ร่วมบุญกันอีกด้วย เป็นบุญกฐิน ของ

" พุทธสถานปฏิบัติธรรมพุทธมหาญาณ "
บ้านดงเจริญ ม. 3 ต. หินโงม อ. เมือง จ. หนองคาย

ในวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549 โดยจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์
สร้างศาลาและหล่อพระประธาน
วันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. 49 ทอดกฐิน

ผมจะหาเวลาคุยกับหลวงพ่อเหมือน ก่อน
แล้วจะมาเล่าอะไรให้ฟังนะครับ
โดยเฉพาะท่านที่ชอบเรื่องอภิญญา
ผมว่าต้องมีอะไรดีๆ มาฝากแน่ ๆ

 

หลวงพ่อเหมือน ญาณธัมโม

 

หลวงพ่อเหมือน

 

โอนเงินทำบุญได้ที่ บัญชี เพื่อซื้อที่ดิน เลขที่บัญชี
505-2-95448-6 ชื่อบัญชี พระเหมือน ญาณธมโม
และบัญชีเลขที่ 505-2-00698-0

โทรสอบถาม 081-0485454

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. 49
ผมได้พบกับคุณไพโรจน์ ที่บูทจตุจักร
ของอาจารย์อาชวิน(ตาที่สาม)
คุณไพโรจน์บอกว่า บังเอิญหลุดเข้ามา
ได้อ่านเรื่องประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม
ก่อนมาพบผมเพียง 1 วัน
และได้ลองปฏิบัติดู คุณไพโรจน์ยืนยันว่าดี

มีพลังผลักดันตรงบริเวณตาที่สาม จนศีรษะผงกไปข้างหน้า
ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งในการเปิดตาที่สาม

ดังนั้น ท่านที่มีความประสงค์จะฝึก ขออย่าได้กลัว
ความกลัวจะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง ไม่ให้เราพบกับความก้าวหน้า
โดยเฉพาะทางจิตวิญญาณ

ขออนุโมทนากับคุณไพโรจน์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ดีจังคับ แต่ ผม นี่ ซิ แย่หน่อย เวลารับรู้ ว่าเป็นโรคนี้เพราะ อะไร เลยไม่ค่อยจะอยากรักษา เพราะรู้เยอะ เกินไปต้องปิดจิตให้รับรู้ เหมือนหมอรักษาโรคที่ไม่มีตาที่สาม ก็จะดีคับ บางครั้งรู้เยอะ เลยไม่อยาก จะรักษา ได้อานิสงค์ ชาตินี้ แต่ อีกฝั่งโกรธา ก็แย่คับ ระยะหลัง เลย ต้อง ทำผ่าน หินรักษา แทนครับทางข้างบนเลยแนะ ให้มาฝากอาจารย์ แทน คับ เพราะ ห้ามเห็นหน้าผู้ป่วยเด็ดขาด เลยต้องใช้วิธีนั้น ล่ะครับ คุณเม้าตาอิน ตอนนี้ คุณเม้าตาอินเห็นด้วยตาที่สามแล้ว ลองสอบถาม ทางอาจารย์ ดู น่ะครับ ของ ที่ ผม ฝากไว้ให้อาจารย์ ไว้ใช้งาน แต่ละอย่าง นั้น มีสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงแน่นอน รวม ทั้ง แก้ว...วิญญาณ ด้วยครับ แล้ว คุณเม้าท์จะเห็นอะไรใครที่อยู่ใน ลูกแก้ว แทบ ทุกลูก เลยว่าได้ ซึ่งทำมาให้อาจารย์ มาใช้งานโดยเฉพาะคับ แล้ว สำหรับคนที่มีบุญพอที่จะได้ไปคับ ลุกแก้ว...วิญญาณ นั้น ขอพรจากท่านได้นะครับ