ปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เมเฆนทร์, 25 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    จากผู้เขียนหนังสือของคุณ
    จากที่หนังสือคุณกล่าวมา ความคิดเป็นทุกข์ ผมกลับเห็นว่าความคิดมิได้เป็นตัวทุกข์นะ ความคิดที่เห็นวิชชามี ความคิดที่เห็นมรรคมี เช่น ความเห็นชอบ ความดำริชอบ พยายามชอบ สติชอบ ฯลฯ

    ขี้เกียจจะคุยแล้ว แนะนำให้หาที่พึ่งใหม่ หาหลักใหม่ หาอาจารย์ใหม่ หาความสอนของท่านอื่นมาอ่านบ้าง เช่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงพ่อชา หลวงปู่เทสก์ หลวงพ่อพุธ หลวงตาบัว พระอาจารย์เกษมธรรมทัต ฯลฯ
     
  2. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    ก็ตอบไปตั้งเยอะแล้วอะนะ
    เห็นไตรลักษณ์ของความคิด(ขันธ์สี่)ที่สร้างภพชาติ ที่สืบเนื่องตามเหตุปัจจัยไม่รู้จบ
    ก็ต้องหาวิธีหยุดจิตสังขาร(ขันธ์สี่) คืออริยมรรค
    ก็ดับเหตุปัจจัยนี่หรือดับอวิชชานี่ หมายถึงหยุดจิตสังขาร(ขันธ์สี่)ไม่ให้เกิดอีก

    ส่วนคุณปล่อยให้มันเกิดดับ สืบเนื่องวิปากจิต(ผล) ต่อกระแสใหม่กันไปไม่รู้จบ
    เห็นแต่จิตดวงเก่าดับไปด้วยจิตดวงใหม่ รู้ว่ามันไม่เที่ยง แต่แค่รู้
    ปล่อยให้มันเกิดดับต่อไป ไม่ต้องไปยุ่ง เพราะมันดับไปแล้ว
    แต่หยุดกระแสได้ไหม เลยยังสร้างภพภูมิต่อไปมหาศาล

    แล้วก็เลยปล่อยให้นิพพานว่างของเขาอยู่เป็นเอกเทศไป ให้เขาว่างของเขาต่อไป
    ส่วนคุณก็เกิดจิตอีกมากมาย เกิดรูปนามใหม่สืบกระแสต่อไปไม่รู้จบ

    รู้ว่าจิต(ขันธ์สี่) ดวงเก่าดับไป ด้วยจิต(ขันธ์สี่)ดวงใหม่
    แต่ไม่ได้เข้าไปเห็นจริง ว่าขันธ์สี่ดับลงจริงด้วยอริยมรรคสมังคี เป็นอย่างไร
    เพราะถ้าเข้าไปเห็น ก็ต้องกลายเป็นพระอริยะไปแล้ว (ตัดอาสวะกิเลสไปตามกำลัง)

    หากเห็นไตรลักษณ์แล้ว ก็ต้องหาวิธีไม่ต้องตกอยู่ในกฏนี้ซิ
    กี่คนแล้ว ที่เข้ามาบอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2011
  3. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2
    ..............................................................................




    ที่กล่าวมานั้นจิตชนิดนี้มันก็ไม่เที่ยง
    ยังมีอัตตามีความเป็นเราไปทำให้เกิดนิพพาน


    นิพพาน เป็นธรรมชาติแห่งความว่างอยู่แล้วโดย
    เนื้อหาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว และเมื่อจิตชนิดนี้ยังมีเราอยู่นิพพานก็ยังไม่เกิด

    แต่ยังจะมีอวิชชาตัวใหม่ซ้อนมาแทนอัตตาตัวเดิมอยู่เสมอไม่รู้จบ


    เมื่อเข้าใจว่าจิตที่ซ้อนมาใหม่ก็ไม่เที่ยงดับไปโดยตัว
    มันเอง ก็ปล่อยให้ธรรมชาติแห่งความว่างดำเนินไปสู้วิถีของมันเอง

    เมื่อจิตปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้นก็ให้รู้ว่าจิตหลุดพ้น
    แต่จิตชนิดนี้ก็ไม่เที่ยงดับไปโดยตัวของมันเอง
    ดังที่พระพุทธองค์ตรัสใว้ในหมวดจิต
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    หนทางมีอยู่ แต่ไม่มีผู้ดำเนินไป
    คือในทางสายเอกนี่ สอนวิธีการละตัวตน จนกระทั่งทำได้จริง
    เราคือนิพพาน นิพพานคือเรา


    งั้นกล่าวอาตมา(อันนี้)คือนิพพานธาตุ
    นิพพานธาตุคืออาตมา(อันนี้) ก็แล้วกัน
    ภาวะแบบนี้ มันคิดไม่ได้ อาตมา(อันนี้)ก็คือสุญญตา(ว่างไปจากขันธ์ห้า)

    ไม่ต้องมีจิตอะไรซ้อนมาแล้วล่ะค่ะ
    ลองเข้านิพพานดูนะ
    ดับขันธ์ห้า(ตัวตน)ให้ได้นะ (มรรคจิต คือขณะทำลายภพชาติหรืออาสวะ)
    แล้วแวะดูสักหน่อย (ผลจิต)

    แต่เมื่อถอนออกมาจากสภาวะนั้น(นิพพาน)
    แล้วมีจิตใคร่ครวญถึงสภาวะที่เข้าไปเห็น
    แล้วทราบว่าจิตหลุดพ้น อันหลังนี้ เป็นคนละกรณี
    ถึงเป็นจิตปรุงแต่ง ก็ปรุงด้วยปัญญา คือทราบในสภาวะที่เข้าไปเห็น

    สภาวะนั้น คิดเอาไม่ได้ หรือหากไม่เห็นก็ทราบโดยความคิดไม่ได้
    การจะมีกำลังเข้าไปเห็น ก็ต้องอาศัยอริยมรรคสมังคีค่ะ
    ซึ่งต้องทำลายอาสวะกิเลสไปตามกำลังแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2011
  5. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ตกลงต้องทำยังไง ถึงจะไม่ต้องทำอะไรเลย
     
  6. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -ความรู้มากมาย แต่นิพพาน ให้วางความรู้ แล้วว่าง
    -รู้มาก ๆ มาย ๆ เจอฉับพลันทีเดียว เลิก รู้เลย
     
  7. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -ตอนเกิดใหม่ๆ เห็นภาคทิพย์ได้ เช่น เด็กให้หวย เด็กร้องไห้ไม่รู้สาเหตุ เด็กเห็นปู่ย่าตายายที่ตายใหม่ ๆ ยังไม่รู้ ก็เผลอเล่นกับท่าน
    -จิตเด็กบริสุทธิ ไม่เห็นต้องลำเพ็ญ ก็สามารถเห็นภาคทิพย์ แต่พอโตมาทำไมต้องเอาอะไรใส่มากมาย
    -น่าจะเป็นละ สละ เอาออก วางลง น่าจะใกล้าเคียงของเดิม อ้อ วางนะคับ ไม่ใช่ ทิ้ง เดี๋ยวจะเป็นอันไซเมอร์ แบบไม่รู้อะไรเลย
    -วางบ่อยๆ แล้วจิตจะยอมรับไปเอง เสร็จงานก็เสร็จ ไม่ต้องแบก เห็นก็แค่นั้น ไม่ต้องปรุงแต่งซะจนเกิดตัญหา จิตจะคล่อยๆ บริสุทธิไปเองงับ
     
  8. lnwมาs

    lnwมาs สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
     
  9. lnwมาs

    lnwมาs สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    55555555555555555555555555555555555555555555
     
  10. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53


    .................................................................................



    ข้อความเหล่านี้
    มันเป็นความอ่อนแอทางด้านจิตใจของคุณต่างหาก





    ผมเอง
    ในฐานะ
    ผู้ที่เดินบนเส้นทางหลุดพ้นมาก่อน
    จะขออธิบายแบบตรงไปตรงมา




    เรื่องศรัทธา
    เป็นเรื่องของหัวใจครับ
    บังคับผมได้อย่างไร



    ศิวะ
    มีอะไรดีล่ะ
    ใหนคำสอนแบบพ้นทุกข์จริงๆ
    มีหรือเปล่า
    มีก็เอามาแสดงให้ดู

    หากคุณกลัวศิวะ
    กลัวบาป
    ก็ไปถือเป็นนักบวชฝ่ายฮินดู
    แล้วถือข้อวัตร
    โอม ศิวะ......................
    ไปคนเดียวก็แล้วกัน



    ที่ไม่ศรัทธาศิวะ
    ก็เพราะ
    ศิวะ....มีความเห็น
    ว่าโลกนี้เที่ยงแท้แน่นอน
    มันเป็นมิจฉาทิฐิ



    ส่วน
    โลกอุดรนั้นเล่า
    คุณรู้จัก
    โลกอุดร
    ดีมากน้อยแค่ใหน
    อย่าบอกนะว่าแค่อ่านในหนังสือทั่วๆไป
    นั่นมันคือความรู้สึกของคุณ




    หากผมบอกว่า
    โลกอุดร
    นั้น
    มีหลายภาค
    และ
    อัลเลาะห์
    ก็ลงมาเล่น
    ในฐานะ
    โลกอุดรภาคหนึ่ง
    แล้ว
    คุณก็คงจะตกใจสินะ




    ฉากเริ่มต้น
    ของโลกอุดร ภาคอัลเลาะห์
    ก็คือ
    หาบของวิเศษ
    ไปหา เณรคำ
    ที่ถ้ำภูเขาควาย


    ผมจะช่วยเปิดข้อเท็จจริงให้นะ
    ในทางฝั่งอิสลาม
    เค้าเชื่อว่า
    ในวันที่ไกล้เกิดวันกียามาส หรือ วันสิ้นโลก
    อัลเลาะห์ จะแปลงร่างเป็นชายผู้วิเศษ
    หาบตระกร้าของวิเศษมาให้พวกมนุษย์
    ในเมืองไทย
    เณรคำ
    โดนเป็นคนแรกครับ




    ผมเอง
    เมื่อสมัยบวชเรียน
    เทพโลกอุดร
    มารับตัวเข้าไปในป่า
    ฝึกสอนอภิญญา


    พระอาจารย์ผมคือศิษย์รุ่นพี่


    กว่าจะรอดกันออกมาได้จากป่า
    คุณเอ๋ย
    โดดหน้าผาตายกันก็หลายศพ
    ถูกให้กินยาพิษ.....ก็ไม่รู้ตั้งกี่ราย
    นี่คือข้อเท็จจริงในป่าที่เกิดขึ้น



    โลกอุดร
    มีหลายภาคครับ
    ที่ตั้งหลักปักหลักสอนกันในป่าลึก
    ภาคที่ยังบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์
    และช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังท่าน
    ก็มีอยู่หลายภาคครับ



    เรื่อง ฌาณ
    ที่พวกคุณโพสต์
    ผมผ่านมาตั้งนานแล้ว
    เรื่องอภิญญา.....มันขี้ปะติ๋วครับ
    สำหรับผม


    ผมรู้จัก
    โลกอุดรดีกว่าท่าน
    ก็แล้วกัน





    ผมเอง
    จะศรัทธาใคร
    มันเป็นเรื่อง
    บุญและวาสนา.....ในกาลก่อน
    ของผมเอง




    ใครสอนผมตรง
    ผมก็ศรัทธาคนนั้น






     
  11. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53

    .............................................................................



    สำหรับผู้ที่ถึงฝั่งแล้ว
    อรหันตะทั้งหลายเหล่านี้
    เขาจะรู้ครับ
    ว่า
    การแบก.....มรรค
    ก็คือ ทุกข์อย่างหนึ่ง




    อุปมาได้ว่า

    เมื่อพายเรือ.....ขึ้นฝั่งพระนิพพานแล้ว
    ไม่มีใครแบกเรือ....เดินไปบนฝั่งด้วยหรอกครับ

    เมื่อถึงฝั่งนิพพาน
    มันก็เป็นธรรมชาติแห่งการไม่มีมรรคอยู่แล้ว

    จะเดินไปใหนต่ออีกล่ะ
    เมื่อถึงจุดหมายแล้ว



    อย่าว่าแต่มรรคเลย
    เมื่อคุณยืนบนฝั่งพระนิพพาน
    แล้วคุณยังปรุงแต่งอยู่ว่า
    คุณอยู่บนฝั่งนิพพานแล้ว.....อยู่ร่ำไป
    มันก็ยังไม่พ้นทุกข์อยู่ดี




    พระพุทธองค์ตรัสไว้ครับว่า
    เมื่อจิต
    ปรุงแต่งว่า
    จิตหลุดพ้น
    ก็ให้รู้ชัดว่า
    จิตที่ปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้นนั้น
    มันก็มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
    มันก็ไม่เที่ยงตามธรรมชาติอยู่แล้ว



    หากสิ่งใดมีอยู่
    สิ่งนั้น
    ย่อมไม่เที่ยง
    ตามหลักสังขตสูตร.....ครับ




    มรรค
    ยังเป็นเรื่องของ
    ธาตุปรุงแต่งอยู่ครับ
    สังขตธาตุ.......ครับ





    .................................................


    ความคิดทั้งปวง คือ ทุกข์<O:p</O:p
    ความคิดทั้งปวง คือ จิตที่ปรุงแต่ง<O:p</O:p
    ความคิดทั้งปวง คือ สังขตะธรรม....(ธรรมอันปรุงแต่ง)




    <O:pพระสังฆปรินายกกล่าวว่า ท่านผู้คงแก่เรียนทั้งหลาย เมื่อเราใช้ปัญญาของเราในการเพ่งพิจารณาในภายใน เราย่อมมีความสว่างแจ่มแจ้ง ทั้งภายในและภายนอก และเราอยู่ในฐานะที่จะรู้จักใจของเราเอง การรู้จักใจของเราเองก็คือการลุถึงวิมุติ(การหลุดเป็นอิสระ) การลุถึงวิมุติ ก็คือการลุถึงสมาธิฝ่ายปัญญา ซึ่งเป็นความไม่ต้องคิด “ความไม่ต้องคิด”คืออะไร?ความไม่ต้องคิด คือการเห็นและการรู้สิ่งทั้งหลายทั้งปวง(ตามที่เป็นจริง) ด้วยใจที่ไม่มีอะไรห่อหุ้มพัวพัน,เมื่อเราใช้มัน มันแทรกเข้าไปได้ในทุกสิ่งแต่ไม่ติดแจอยู่ในสิ่งใดเลย สิ่งที่เราต้องทำนั้นมีเพียงการชำระจิตใจให้ใสกระจ่าง เพื่อวิญญาณทั้งหกเมื่อแล่นไปตามอายตนะทั้งหก จะไม่ถูกทำให้เศร้าหมองโดยอารมณ์ทั้งหก เมื่อใดใจของเราทำหน้าที่ของมันได้โดยอิสระ ปราศจากอุปสรรค และอยู่ในสถานะที่จะ”มา”หรือ”ไป” ได้โดยอิสระ เมื่อนั้นชื่อว่าเราได้บรรลุสมาธิฝ่ายปัญญา หรืออิสรภาพ สถานะเช่นนี้มีนามว่า การทำหน้าที่ของ”ความไม่คิด”................แต่ว่า การหักห้ามความคิดถึงสิ่งใดๆให้ความคิดทั้งหมดถูกกดเอาไว้ ย่อมเป็นการกดธรรมะไว้(ไม่ให้ปรากฏหรือเป็นไปตามที่ควรจะเป็นไป) และข้อนี้ย่อมเป็นความเห็นผิด.




    <O:p></O:p>
    </O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  12. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    คนที่ไม่รู้จัก จิตเดิมแท้ ของตนเอง
    และยังแถมมีความเขลาไปว่า.............
    การบรรลุพุทธรรมนั้น
    มีได้ด้วยศาสนพิธีต่างๆที่กระทำกันทางกายภายนอก(ไม่เกี่ยวกับจิต)
    นี้แหละคือคนจำพวกที่เข้าใจอะไรได้ยาก.<O:p</O:p
     
  13. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ผู้ที่มีใจเที่ยงธรรม
    การรักษาศีลไม่เป็นของจำเป็น<O:p</O:p


    ผู้มีความประพฤติตรงแน่ว
    การปฏิบัติในฌานมันจะมีมาเอง(แม้จะไม่ตั้งใจทำ)<O:p</O:p
     
  14. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    การบำเพ็ญ “สมาธิที่ถูกวิธี” นั้น
    ได้แก่ การทำเป็นระเบียบตายตัว
    เพื่อให้เราเป็นคนตรงแน่วในทุกโอกาส
    ไม่ว่าคราวยืน นั่ง หรือนอน<O:p</O:p
     
  15. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    การนั่ง เพื่อการกัมมัฏฐานภาวนา?
    การนั่ง หมายถึง<O:p</O:p
    การได้รับอิสรภาพอันเด็ดขาด
    และ
    มีจิตสงบได้ในทุกๆกรณีที่แวดล้อมเข้ามาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข้างดี หรือเป็นอย่างใดมา




    การกัมมัฏฐานภาวนานั้น หมายถึงการเห็นชัดแจ้งในภายใน ต่อ “ความแน่วไม่หวั่นไหว” ของจิตเดิมแท้.<O:p</O:p
     
  16. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    เมื่อเราสามารถน้อมจิตของเราไปตามทางแห่งธรรมะอันแท้ และถูกตรงในทุกโอกาส
    และเมื่อปัญญาแจ่มแจ้งอยู่ในใจของเราไม่ขาดสาย
    จนกระทั้งเราสามารถตีตัวออกห่างเสียได้ทั้งจากความรู้แจ้งและความไม่รู้
    ไม่ข้องแวะด้วยความจริงหรือความเท็จ,
    เมื่อนั้นแหละ
    เราอาจจะถือว่า ตัวเราได้รู้แจ่มชัดแล้วใน<O:p</O:p
    “ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ “
    หรืออีกนัยหนึ่ง,
    ได้ลุถึงแล้วซึ่งพุทธภาวะ<O:p</O:p
     
  17. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    การเริ่มต้นปฏิบัติ
    “ด้วยการแสวงหานั้น”
    เป็นการถือเอาทางผิดโดยสิ้นเชิง<O:p</O:p
    เพราะ
    เมื่อสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในเราเองแล้ว
    เรื่องของมันก็คือทำให้เห็นแจ้งออกมา
    ไม่ใช่เที่ยววิ่งแสวงหา.<O:p</O:p
     
  18. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    .การพยายามจะ “จับฉวย” หรือ “กุมตัว”
    สภาวธรรมเหล่านี้
    เป็นการกระทำที่ขัดขวางต่อธรรมชาติแท้ของมันอย่างตรงกันข้าม<O:p</O:p
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    สิ่งที่เราต้องทำนั้นมีเพียงการชำระจิตใจให้ใสกระจ่าง เพื่อวิญญาณทั้งหกเมื่อแล่นไปตามอายตนะทั้งหก จะไม่ถูกทำให้เศร้าหมองโดยอารมณ์ทั้งหก
    เอาคำท่านเว่ยหล่างที่คุณยกมา มาตอบนะ
    อันสีส้มนี้ก็คือมรรค ท่านก็บอกสิ่งที่ต้องทำแล้ว คือการเจริญสติหรืออริยมรรค เมื่อจิตแล่นไปกระทบสิ่งใด จะได้ไม่เศร้าหมองโดยอารมณ์ทั้งหก
    ไม่มีใครแบกมรรคเข้านิพพานนะคะ เพราะมรรคสมังคีเมื่อไหร่ ตัวมรรคเองนั่นแหละจะหายไป หากยังแบกมรรคอยู่ก็เข้านิพพานไม่ได้อยู่แล้ว แสดงว่าขันธ์ห้ายังอยู่


    เมื่อใดใจของเราทำหน้าที่ของมันได้โดยอิสระ ปราศจากอุปสรรค และอยู่ในสถานะที่จะ”มา”หรือ”ไป” ได้โดยอิสระ เมื่อนั้นชื่อว่าเราได้บรรลุสมาธิฝ่ายปัญญา หรืออิสรภาพ สถานะเช่นนี้มีนามว่า การทำหน้าที่ของ”ความไม่คิด”................
    อันนี้ก็คำท่านเว่ยหล่าง เมื่ออยู่ฝั่งนิพพานคิดไม่ได้หรอกนะ ในนิพพานคิดไม่ได้ ถ้ามีใครคิดว่าฉันนิพพานอยู่คงประหลาดมากเลย เพราะสภาวะอย่างนั้นต้องดับความคิด(จิตปรุงแต่ง)จึงจะเข้าถึงได้ เพราะเป็นสภาพที่ไม่สามารถจะคิดได้ เหตุเพราะดับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือตัวตนไปแล้ว


    พระพุทธองค์ตรัสไว้ครับว่า เมื่อจิตปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้น
    ก็ให้รู้ชัดว่าจิตที่ปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้นนั้น มันก็มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
    ไม่เคยได้ยินนะแบบนี้ เคยเห็นแต่แบบล่างค่ะ
    เพราะการจะพิจารณาว่า จิตหลุดพ้นนั้น ต้องออกมาจากสภาวะนิพพาน และพิจารณาธรรมที่เข้าไปพบมา
    เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้น เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตยังไม่หลุดพ้น

    [๔๔๗] ก็ภิกษุ พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในและภายนอกเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
    ภิกษุในศาสนานี้ เมื่อจิตมีราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีราคะ เมื่อจิตปราศจากราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากราคะ
    เมื่อจิตมีโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโทสะ เมื่อจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโทสะ
    เมื่อจิตมีโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโมหะ เมื่อจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโมหะ
    เมื่อจิตหดหู่ ก็รู้ชัดว่า จิตหดหู่ เมื่อจิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ชัดว่า จิตฟุ้งซ่าน
    เมื่อจิตเป็นมหัคคตะ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นมหัคคตะ เมื่อจิตไม่เป็นมหัคคตะ ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นมหัคคตะ
    เมื่อจิตเป็นสอุตตระ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นสอุตตระ เมื่อจิตเป็นอนุตตระ ก็ รู้ชัดว่า จิตเป็นอนุตตระ
    เมื่อจิตตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่า จิตตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่า จิตไม่ตั้งมั่น
    เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้น เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตยังไม่หลุดพ้น
    ด้วยอาการอย่างนี้ ภิกษุ ชื่อว่าพิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในและภาย นอกเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส เสียได้ในโลก



    ถ้าให้เราวิเคราะห์หรือสันนิษฐาน
    ก็ประมาณเอาว่า พวกที่เข้าโลกียฌาน จะยังมีตัวรู้(จิต)อยู่ เลยสงสัยว่าหากคิดว่าตัวเองนิพพาน ก็ยังเป็นความคิดอยู่ ดังนั้นเลยคิดว่า
    ....หากคิดว่า..ฉันนิพพานก็ดี หรือ
    ....หากคิดว่า..ฉันคิดว่าเข้านิพพานแล้วก็ดี
    ความคิดนี้ก็ยังเกิดแล้วดับไป ...เอ... งั้น นิพพานมันคงจะว่างอยู่ในส่วนของเขา
    คือ ไม่สามารถทราบได้ว่า โลกุตตรฌานหรือนิพพาน นั้น คิดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องไปคิด หรือคิดแล้วก็ดับไป ..แต่เป็นสภาพดับความคิด(นามขันธ์สี่)โดยสิ้นเชิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2011
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    คุณหลุดพ้นแล้วเหรอ วัดจากอาสวะกิเลส หรือวัดจากอะไร
    หรือหมายถึง อยู่ในฐานะผู้ที่เดินบนเส้นทางหลุดพ้นมาก่อน ตอนนี้ไม่เดินแล้ว
    หรือหมายถึง คิดว่าเป็นผู้ที่เดินบนเส้นทางหลุดพ้นมาก่อนคนอื่น

    พระอัลเลาะห์ นี่ใช่พระเจ้าหรือเปล่า
    โลกอุดร คือ ภาคหนึ่งของอัลเลาะห์

    คุณเป็นลูกศิษย์โลกอุดร
    คุณมีอภิญญา อะไรบ้าง เล่าให้ฟังได้ไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...