น้ำท่วมปี 2555 นี้จะร้ายแรงหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย phirayut, 7 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. minzeejung

    minzeejung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +31
    เคยมีคนบอกว่าในหลวงท่านถอดจิตได้

    ถ้าหากไม่ติดพระราชกรณียะกิจใดๆ ในหลวงท่านจะนั่งสมาธิตั้งแต่ 6 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าทุกวัน ฟังทีแรกยังไม่อยากเชื่อเลย แต่ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่ได้พูดถึงในหลวงว่า ท่านมีสมาธิดีมาก ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ตามธรรมดาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ) แห่งวัดท่าซุงจะอัดเทปถวายในหลวง เพื่อนำไปเปิดขณะปฏิบัติธรรม เท่าที่ทราบมาท่านเอาเทปของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่อัดถวายแขวนคอแล้วเดินจงกรมที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน บางครั้งท่านก็นั่งสมาธิโดยจับเสียงคลื่นเป็นอารมณ์กรรมฐานในหลวงท่านทรงแนะนำให้บุคคลใกล้ชิดได้ปฏิบัติธรรมด้วย เช่น พระราชวงศ์ องคมนตรี องครักษ์ หรือแม้แต่บุคคลที่ใกล้ชิดท่าน มีหลายพระองค์บอกว่าในหลวงเป็นผู้ทรงฌานคนหนึ่ง เวลาท่านไปไหนพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายองค์ขยับแล้วขยับอีก แต่ในหลวงท่านเพียงแค่กระพริบตาอย่างเดียว นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเลยได้เป็นชั่วโมงๆ พลตำรวจเอกที่เคยเป็นองครักษ์ของท่านคนหนึ่งก็เคยพูดว่า ในหลวงท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยนั่งสมาธิเห็นร่างของท่านเป็นเนื้อแดงๆ ลอกออกจนเห็นกระดูกสีขาวๆ มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ในหลวงท่านเคยถอดจิต ( จะเรียกว่าถอดจิตก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะโอเลี้ยงหายไปครึ่งแก้ว ) มหาท่านหนึ่งที่มีบารมีมากสามารถต่อรองกับพระยายมเพื่อนำคนที่ตกนรกแล้วขึ้นมาได้ ในหลวงท่านถอดจิตมาหาก็เพราะต้องการให้ช่วยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่เป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นจากนรก แต่ท่านนี้ไม่ยอมช่วยเพราะเหตุไม่ถูกกับอดีตนายกฯ คนนี้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ถ้าในหลวงท่านถอดจิตมา ( มาแค่จิตอย่างเดียว ร่างกายไม่ได้มาด้วย ) โอเลี้ยงคงไม่หายไปครึ่งถ้วยหรอกครับ เพราะเจ้าของบ้านให้คนไปซื้อมาถวายในหลวง แต่ที่นี่หายไปครึ่งแล้ว แสดงว่าในหลวงท่านหายตัวได้ครับ! ในหลวงท่านฝึกสมาธิจนถึงขั้นอภิญญา ซึ่งลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมีหลายคนทำได้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เท่านั้นเอง แต่ถ้าท่านรู้มากกว่านี้ ก็คือ ในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ( พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ) และท่านก็มีบารมีมากพอที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแน่ๆ แล้ว ( ต่อจากหลวงปู่ ท..... และสมเด็จ ต..... ) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะหายตัวได้


    พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว โดย พล.ต.อ.วิสิษฐ์ เดชกุญชร คัดลอกจาก http:
     
  2. minzeejung

    minzeejung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +31
    “ ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มองชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งแผ่นดิน “ หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรมราโชวาทแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อ แต่ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้แล้วว่าจะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหา การดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากนความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากสภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำต้องให้เร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อม เป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และความเข้าใจอันแจ่มชัดที่แสดงให้เห็นว่าสมาธิเองก็มิใช่ของที่เกิดขึ้นโดยลำพังหรือใช้โดยลำพัง แต่สมาธิที่ดีจะยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มากหากผู้ใช้สมาธิรู้จักการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถูกต้องทั้งแก่ตนเอง ทั้งแก่ผู้อื่น ดังที่ได้ศึกษาจากรอยพระจริยาวัตรแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช อันได้แสดงไว้ถึงเรื่องราวของ “ พระสมาธิ “ ผู้ที่เคยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานหรือพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับอยู่เป็นเวลานานๆ เช่น ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรคงจะได้เห็นด้วยความพิศวงทุกคนด้วยกันว่า พระเจ้าอยู่หัวนั้นเมื่อทรงประทับนั่งลงแล้ว จะประทับอยู่ในพระอิริยาบถนั้น ตั้งแต่เริ่มพิธีไปจนกระทั่งจบ ไม่ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถเลย นอกจากนั้นยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียะกิจอย่างกระฉับกระเฉงต่อเนื่อง ไม่มีอาการที่แสดงว่าทรงเหนื่อยหรือทรงเบื่อเลย ผมเคยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร พิธีนั้นยาวประมาณ 4 ชั่วโมง และมีบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาเฝ้าฯรับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นจำนวนหลายพันคนได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แต่ผมได้เห็นมากกว่านั้นคือ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับไปถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานในตอนค่ำวันนั้น พระเจ้าอยู่หัวยังทรงออกพระกำลังบริหารพระวรกายด้วยการวิ่งในศาลาดุสิตาลัยอีก ในการประกอบพระราชกรณียะกิจอื่นๆ ก็เช่นกัน พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติด้วยพระอาการที่แสดงว่าเอาพระทัยจดจ่ออยู่กับพระราชกรณียะกิจนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ทรงเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย เช่น ในการทรงดนตรีที่ใครๆ มักจะนึกว่าเป็นการหย่อนพระราชหฤทัย เป็นต้น ผมเคยเห็นพระเจ้าอยู่หัวประทับทรงดนตรีตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง โดยทรงนั่งไม่ลุกเลยแม้แต่จะเพื่อเสด็จฯไปสรง ในขณะที่นักดนตรีอื่นๆ ลงกราบแล้วถอยหลังลุกไปเข้าห้องน้ำกันเป็นครั้งคราวทุกคน ในการทรงเรือใบก็เช่นกัน ทรงจดจ่ออยู่กับการบังคับเรืออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบ ครั้งหนึ่งเคยเสด็จออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นเรือใบเข้าฝั่ง ตรัสกับผู้มาเฝ้าฯอยู่ด้วยความฉงนว่า เพราะเรือใบพระที่นั่งแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาแข่งเรือใบถือว่าฟาวล์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น แสดงว่าการทรงดนตรีก็ดี ทรงเรือใบก็ดี สำหรับพระเจ้าอยู่หัวเป็นงานอีกชนิดหนึ่งที่จะต้องทำด้วยความจดจ่อและต่อเนื่องไปจนเสร็จเหมือนกัน พระราชกรณียะกิจอื่นๆ นั้น ทั้งน้อยและใหญ่ทรงปฏิบัติแบบเดียวกัน คือ ด้วยการเอาพระราชหฤทัยจดจ่อไม่ทรงยอมให้ขาดจังหวะจนกว่าจะเสร็จและไม่ทิ้งขว้าง แบบทำๆ หยุดๆ เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นว่าพระราชกรณียะกิจทั้งหลายนั้นสำเร็จลุล่วงไปเป็นส่วนใหญ่ ผมไปรู้เอาหลังจากการเข้ารับราชการในตำแหน่งนายตำรวจราชสำนักประจำอยู่ไม่นานนักว่า ที่ทรงสามารถจดจ่ออยู่กับพระราชกรณียะกิจได้เช่นนั้นก็เพราะพระสมาธิ



    ผมไม่ทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงดำริฝึกสมาธิตั้งแต่เมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเริ่มในเดือนตุลาคม พ.ศ.2499 เมื่อทรงผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ( วัดพระแก้ว ) หลังจากทรงผนวชแล้วประทับจำพรรษาอยู่ที่พระตำหนักปั้นหยา



    วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงอยู่ในสมณะเพศเป็นเวลา 15 วัน ครั้งนั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ซึ่งทรงเป็นพระอุปัชฌาจารย์ ทรงเลือกสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ( เมื่อครั้งยังเป็นพระโสภณคณาภรณ์ ) ให้เป็นพระอภิบาล ( พระพี่เลี้ยง ) ของพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ทราบกันดีว่าแม้จะทรงมีเวลาน้อย แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และคงจะได้ทรงฝึกเจริญพระกรรมฐานในโอกาสนั้นด้วย



    เมื่อผมเข้าเป็นตำรวจพระราชสำนักประจำปี พ.ศ.2513 นั้น ปรากฏว่าการศึกษาและปฏิบัติสมาธิหรือกรรมฐานในราชสำนักกำลังดำเนินอยู่แล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติเป็นประจำ และข้าราชบริพารหลายคนทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารก็กำลังเจริญรอยตามพระยุคลบาทอยู่ ด้วยการฝึกสมาธิอย่างขะมักเขม้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะฝึกสมาธิแม้ว่าจะเคยศึกษามาก่อน โดยเฉพาะจากหนังสือของอาจารย์พุทธทาสภิกขุ



    แต่ระหว่างตามเสด็จโดยรถไฟจากกรุงเทพมหานครไปอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อ พ.ศ.2515 เป็นการเดินทางไกลกว่าที่ผมคิด หนังสือเล่มเดียวที่เตรียมไปอ่านฆ่าเวลาบนรถไฟก็อ่านจบเล่มเสียตั้งแต่กลางทาง ขณะนั้นผมเห็นนายทหารราชองครักษ์ประจำที่ถวายหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วมกันสองนาย ใช้เวลาว่างนั่งหลับตาทำสมาธิ จึงลองทำดูบ้าง โดยใช้อานาปานสติ ( กำหนดรู้แต่เพียงว่ากำลังหายใจเข้าและหายใจออก ) อันเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ และท่านพุทธทาสแนะนำ ปรากฏว่าจิตสงบเร็วกว่าที่ผมคาด และเห็นนิมิตเป็นภาพสีสวยๆ งามๆ มากมาย และเป็นเวลาค่อนข้างนานด้วย ตั้งแต่นั้นมาผมก็ติดสมาธิและเป็นอีกผู้หนึ่งที่ปฏิบัติสมาธิมาเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้



    เมื่อความทราบถึงพระกรรณว่าผมเริ่มปฏิบัติสมาธิ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำรัสแนะนำด้วยพระองค์เอง ผมจึงได้รู้ว่าพระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัวนั้นก้าวหน้าไปแล้วเป็นอันมาก รับสั่งเล่าเองว่า แม้จะใช้อานาปานสติเป็นอุบายในการทำสมาธิ แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงไม่สามารถที่จะกำหนดพระอาสาสะ ( ลมหายใจเข้า ) และพระปัสสาสะ ( ลมหายใจออก ) ได้แต่ลำพังต้องทรงนับกำกับ วิธีนับของพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงทำดังนี้ หายใจเข้าครั้งที่หนึ่งนับหนึ่ง หายใจเข้าครั้งที่สองนับสอง หายใจเข้าครั้งที่สามนับสาม หายใจเข้าครั้งที่สี่นับสี่ หายใจเข้าครั้งที่ห้านับห้า เมื่อถึงห้าแล้วหากจิตยังไม่สงบก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหาห้าใหม่ กลับไปกลับมาเช่นนั้น จนกว่าจิตจะสงบ รับสั่งว่าที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่งๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับ “ หนึ่งเข้า หนึ่งออก “ ตลอดเวลา



    พระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาเรื่องสมาธิด้วยการรวบรวมและประมวลคำสอนของครูบาอาจารย์ทุกท่าน แล้วก็ทรงพระราชทานประมวลคำสอนนั้นแก่ผู้ที่ทรงทราบว่ากำลังปฏิบัติสมาธิอยู่ ครั้งหนึ่งทรงพระกรุณาพระราชทานแถบบันทึกเสียงของสมเด็จพระญาณสังวรฯให้ผม รับสั่งว่าเป็นเทปบันทึกการแสดงธรรมเรื่องฉักกสูตร ( คือพระสูตรว่าด้วยธรรมหมวด 6 รวม 6 ข้อ ซึ่งอธิบายความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีตัวมีตนของสิ่งต่างๆ มีอายตนะภายนอก อายตนะภายใน วิญญาณ ผัสสะ เวทนา และตัณหา พระสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ) และทรงแนะนำให้ผมฟังธรรมบทนั้น ผมรับพระราชทานแถบ



    บันทึกเสียงม้วนนั้นมาแล้วก็เอาไปใส่เครื่องบันทึกเสียงแล้วเปิดฟัง ฟังไปได้ไม่ทันหมดม้วนก็ปิดแล้วก็เก็บเอาไว้ไม่ได้ฟังอีก



    หลังจากนั้นไม่นานนักได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชทานกระแสรับสั่งถามว่า ฟังเทปของสมเด็จฯแล้วหรือยัง เป็นอย่างไร ผมไม่อาจจะกราบบังคมทูลความอันเป็นเท็จได้ ต้องกราบบังคมทูลตามตรงว่า ฟังได้ไม่ทันจบม้วนก็ได้หยุดฟังเสียง แล้วตรัสถามต่อไปถึงเหตุผลที่ผมไม่ได้ฟังให้จบ และผมก็จำเป็นต้องกราบทูลตรงๆ ว่า สมเด็จฯเทศน์ฟังไม่สนุก พูดขาดเป็นวรรคเป็นห้วงๆ เนื่องจากสมเด็จฯพิถีพิถันในการใช้ถ้อยคำ และประโยคเทศน์ของท่านนั้นถ้าเอามาพิมพ์ก็จะอ่านได้สบายกว่าฟัง พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า ที่ฟังสมเด็จฯเทศน์ไม่รู้เรื่องนั้นก็เพราะคิดไปก่อนใช่หรือไม่ ว่าสมเด็จฯท่านพูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ครั้นท่านพูดช้ากว่าที่คิด หรือพูดออกมาแล้วไม่ตรงกับที่คาดหมายจึงเบื่อ เมื่อผมนิ่งไม่กราบบังคมทูลตอบ ทรงแนะนำว่าให้กลับไปทำใหม่ คราวนี้อย่าคิดไปก่อน ว่าสมเด็จฯจะพูดอย่างไร สมเด็จฯหยุดก็ให้หยุดด้วย ผมกลับมาทำตามพระราชกระแสรับสั่ง เปิดเครื่องบันทึกเสียงฟังเทศน์ของสมเด็จฯจากเครื่องบันทึกเสียงม้วนนั้นใหม่ตั้งแต่ต้นฟังด้วยสมาธิ สมเด็จฯหยุดตรงไหนผมก็หยุดตรงนั้น และไม่คิดไปก่อนว่าสมเด็จฯจะพูดอย่างไร คราวนี้ผมฟังได้จนจบและเห็นว่าจริงดังพระราชดำรัส เทปบันทึกเสียงม้วนนั้นเป็นม้วนที่ดีที่สุดม้วนหนึ่ง



    ครั้งหนึ่งหลังจากที่นั่งสมาธิแล้ว ผมได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทและกราบบังคมทูลประสบการณ์ที่ได้จากการนั่งสมาธิ ผมกราบบังคมทูลว่า ขณะที่นั่งสมาธิครั้งนั้นรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้นสูงประมาณศอกหนึ่ง ทีแรกก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้นหัวเริ่มคล้อยลงไปข้างหน้าทำท่าทางเหมือนจะตีลังกา ผมก็ตกใจและต้องเลิกสมาธิ พระเจ้าอยู่หัวทรงวิจารณ์ว่า ถ้าหากสติยังอยู่ยังรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ควรเลิก แต่ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามสภาพนั้นอีก

    ครั้งหนึ่งหลังจากทำสมาธิแล้วผมกราบบังคมทูลว่า พอจิตสงบผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเลื่อนต่ำลงไปในท่อขนาดใหญ่ คือตัวผมและที่ปลายข้างล่าง ผมแลเห็นแสงสว่างเป็นจุดเล็กๆ แสดงว่าท่อยาวมากกลัวจะหลุดออกจากท่อจึงเลิกทำสมาธิ รับสั่งเช่นเดียวกันว่า หากยังรู้ตัว ( มีสติ ) อยู่ก็ไม่ควรเลิก ถึงหากหลุดออกนอกท่อไปก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่สติยังอยู่และรู้ว่ากำลังเกิดอะไรกับตน



    ต่อมาภายหลังจากการศึกษาคำสอนของครูบาอาจารย์ทุกท่าน และโดยเฉพาะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสสอนให้ “ ดำรงสติให้มั่น “ ในเวลาทำสมาธิ



    ในส่วนที่เกี่ยวกับพระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัวเคยตรัสเล่าให้ผมฟังว่า ครั้งหนึ่งขณะกำลังทำสมาธิอยู่พระจิตสงบและเกิดนิมิต ในนิมิตนั้นพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรเห็นพระกร ( แขนท่อนล่าง ) ลอกออกทีละชิ้นๆ ตั้งแต่จากพระตจะ ( หนัง ) ลงไปถึงพระอัฐิ ( กระดูก )



    พระเจ้าอยู่หัวทรงประยุกต์พระสมาธิในการประกอบพระราชกรณียะกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ จึงทรงสามารถเผชิญกับพระราชภาระอันหนักในตำแหน่งพระมหากษัตริย์ได้โดยไม่สะทกสะท้านหรือหวั่นไหว ไม่ทรงคาดการณ์ล่วงหน้าไปไกลๆ อย่างเลื่อนลอยและเปล่าประโยชน์ ไม่ทรงอาลัยอดีตหรืออนาคต ไม่ทรงเสียเวลาหวั่นไหวไปกับความสำเร็จ หรือความล้มเหลวอันเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ทรงสนพระราชหฤทัยอยู่แต่กับพระราชกรณียะกิจเฉพาะพระพักตร์เท่านั้น



    ในฐานะที่เกิดมาเป็นพลเมืองของประเทศที่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เป็นพระประมุข และในฐานะที่ทุกคนมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงเมืองไทยนี้ให้เป็นที่ร่มเย็นของเราและของลูกหลานของเรา จึงสมควรที่เราจะเจริญรอยประพฤติตามพระยุคลบาทด้วยการศึกษาและปฏิบัติสมาธิกันอย่างจริงจัง และนำสมาธิมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา.
     
  3. phirayut

    phirayut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +92
  4. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    16-02-2012, 01:03 PM #5745
    visnu
    สมาชิก



    วันที่สมัคร: Jul 2008
    ข้อความ: 1,474
    พลังการให้คะแนน: 1213

    เรื่องเล่าก่อนนอน เรื่อง ภัยพิบัติ

    เรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้ อ.อาชวินเคยได้พูดไว้ว่าจะเกิดภัยขึ้นบนพื่นแผ่นดินไทย แผ่นดินไหว น้ำท่วม คนกรุงเทพพายเรือกันสนุกเลย

    แกก็เคยบอกผมให้ผมดูก็เห็นตามนั้น แต่มิติของเทพเทวดาที่ท่านสื่อมาให้เราได้รู้ได้เห็นเวลาจะเลื่อมล้ำกับเรามาก

    ทาทีขางท่านจะนานเป็น 100 ปี ผมเลยไม่ค่อยสนใจเพราะอาจจะไม่เกิดในชั่วชีวิตเรา ดังนั้นผมจึงไม่สนใจและติดตาม

    อ.อาชวินก็จะมีข่าวการบอกเลื่อยมาจนกระทั่งในปีที่แล้ว ก็มีอุทกภัยที่เราเจอๆกัน อันนั้นก็เป็นสัญญานเตือนที่ดี

    ว่าจะมีน้ำท่วมอีกแต่สิ่งที่ผมเห็นวึ้งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรแต่เกิดแน่คือเห็นว่าน้ำจะกลับทางจากที่เราเห็นว่ามันไหลจากเหนือ

    ลงอาวไทยกลับเป็นจากอ่าวไทยเอ่อขึ้นกลับขึ้นไป แผ่นดินไหวแบบไม่แสดงออก คือจุดที่ไหวอยู่ไหล แต่ไวเบลชั่นซึมมาถึงเมืองหลวง

    คนเดินถนนไม่รู้ตัวแต่มีตึกถล่ม คนบนที่สูงรู้สึกได้ โรคภัยมากับอากาสมากับหมอก หลับตายหรือไหลตายกันมากเป็นประวัติการ

    คนเห็นแก่ตัวเรื่องนิดเดียวฆ่ากันตาย เหตุจากไม่ยอมกัน เรื่องพิดใจกันนิดเดียวฆ่ากันตาย โจรปล้นจากเหตุฉวยโอกาศ

    คนดีต้องหนีไปชนบท ไปอยู่ในที่รกร้างปลูกผักกิน เลี้ยงสัตว์เป็นอาหารไม่ได้เพราะเนื้อจะมีพิษแต่เลี้ยงดูเล่นได้

    ซึงที่ผมเห็นก็เริ่มแล้วว่ากำลังจะเป็น ก็แค่ตระหนักรู้ว่า มีขึ้นตั่งอยู่ดับไป เราเคยสุข เมื่อสุ๘ก็ย่อมทุกข์

    ทุกข์ก็ทุกข์ไม่นานสุขก็สุกไม่นานครับ

    http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่า-ก่อนนอนคืนนี้-ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์.158289/page-288
    __________________
    เหตุที่เกิดทุกสิ่ง หาใช่เรื่องบังเอิญไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2012
  5. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
     
  6. พิทย

    พิทย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอบคุณ คุณAunyasitและทุกๆท่านครับ
     
  7. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เล่ามา
    เพราะค่อยๆเสาะหาข้อมูลเหล่านี้อยู่
    ก็เอามาปะติดปะต่อกับที่ตัวเราเอง
    ได้เก็บข้อมูลจากแหล่งอื่นๆมาก่อนหน้านี้ด้วย
    ที่คุณAunyasitเล่ามานี่ช่วยได้เยอะเลย
    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  8. Gun KAOKALA

    Gun KAOKALA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +123
    อนุโมทนาบุญกับคุณอัญญาญาสิทธิ์และทุกท่านที่เกี่ยวเนื่องด้วยนะครับ _/\_

    สาธุ สาธุ สาธุ


    ยินดีทีได้พบครับ (3
     
  9. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    รบกวนคุณ Aunyasit
    ช่วยรวบรวมข้อมูลที่ได้รับข่าวสารมา ตั้งขึ้นเป็นกระทู้เฉพาะขึ้นมาได้หรือเปล่าค่ะ
    ข้อมูลของคุณน่าสนใจค่ะ รวมถึงที่ทางคณะคุณได้เตรียมการไว้ค่ะ ติ๊กเห็นกระทู้น่าสนใจ แต่พอจะกลับไปอ่านอีกทีไม่รู้อยู่ไหนแล้ว อีกอย่างเพื่อที่เพื่อนสมาชิกใหม่จะได้เข้ามาอ่านด้วยค่ะ
    ถือว่าเป็น วิทยาทานหน่อยนะค่ะ
     
  10. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +635
    โมทนาค่ะ เห็นด้วยค่ะ เคยติดตามคุณ Anyasit ตั้งแต่กระทู้
    ที่เริ่มสร้างพระเจ้าห้าพระองค์(กระทู้เก่าค่ะ) ประสบอุปสรรค์ปัญหามากมาก
    แต่ในที่สุด ท่านก็ผ่านสิ่งนั้นมาได้ สาธุในกำลังใจของท่านค่ะ
     
  11. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    ขอถามคุณอัญญาสิทธิ์ด้วยนะคะ...
    พอดีว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีโอกาสได้ไปร่วมสัมนาที่หนองคาย
    และมีโอกาสได้ไปชมอุทยานแก้วกู่ จ.หนองคายน่ะค่ะ
    รู้สึกดีมาก ๆ และรู้สึกว่า อุทยานแห่งนั้น ไม่ธรรมดาเลย
    และเปิดดูข้อมูลในเนทจึงทราบว่า...

    อุทยานแก้วกู่ มีความอลังการ ในการก่อสร้างเทวาลัย ตามประวัติพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาให้ศาสนาคงอยู่แล<WBR>ะเป็นเครื่องเตือนจิตใจ

    และมีประวัติว่า ศาลาแก้วกู่ สร้างโดยปรารถนาให้ที่แห่งน<WBR>ี้เป็น เมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจา<WBR>กกิเลสทั้งปวง เชื่อว่า ทุกศาสนาผสมผสานกันได้ ...

    ส่วนตัวรู้สึกสนใจ เทวาลัยปางนี้(ดังในภาพ) คือ องค์แก้วกู่ฤษีอะฮามา(พนัสว<WBR>ารี) มีอาศรมอยู่นอกฟ้าป่าหิมะพา<WBR>น หรือดงเกษียร สมุทรสุดสาคร ใต้สะดือทะเล ซึ่งมีอายุขัย 25 พุทธันดร นับแต่พุทธันดรองค์พระทีปัง<WBR>กรพุทธเจ้า เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ตามวรรณคดีของแก้วกู่ สร้างเพื่อ รอรับทายาทของแก้วกู่ ...คณะศิษย์ศาลาแก้วกู่ เป็นผู้สร้าง 30 ก.ย. 2521 (ซึ่งเป็นประวัติที่บันทึกไว้ที<WBR>่อุทยาน)

    ไม่ทราบว่า คุณอัญญาสิทธิ์ พอจะทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของอุทยานดังกล่าวหรือไม่คะ
    คือ... ตั้งแต่ไปเที่ยวมา มีเครื่องหมายคำถามมาตลอด
    ประมาณว่า อยากทราบเรื่องราวของ องค์แก้วกู่ฤษีอะฮามา(พนัสว<WBR>ารี) น่ะค่ะ

    และไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังงัย ถึงได้มาทราบว่า
    คุณอัญญาสิทธิ์ ก็กำลังเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ที่ จังหวัดหนองคาย ในอำเภอเมืองซะด้วย

    และโอกาสนี้ ... ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ
    ที่กำลังเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติหรือสนใจติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับภัยพิบัติอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็จำกัดอยู่ในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง เท่านั้น ...
    เรื่องราวเหล่านี้ ... บางอย่างก็มิอาจรับรู้ได้ด้วยตาเปล่า
    แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสหรือรับรู้ได้เฉพาะตน (ญาน)
    และต้องเสียดทานต่อกระแสรอบข้าง ... ถูกมองว่า บ้า น่ะค่ะ
    จนตัวเองก็ยังสับสนเช่นกัน... เมื่อเจอกระแสต่อต้าน

    แต่ก็ได้บทสรุปว่า ...
    การเตือนภัย ไม่ใช่ประเด็นหลักเลยทีเดียว
    แท้จริงแล้ว... การเตือนภัย ... ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้ได้เตรียมตัว เตรียมพร้อม รับมือกับสถานการณ์ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย (ก่อให้เกิดความสับสนได้ตลอดเวลา)


    ประเด็นหลัก ... ก็คือ การตรงต่อสัจธรรม .... เข้าถึงพระนิพพาน ...

    ดังนั้น การเตรียมตัวทั้งหลายทั้งปวง จึงไม่ใช่แค่ หนีตาย

    ยังคงมั่นใจ ...

    ว่ายุคต่อไป คือ ยุคพระศรีอริยะเมตตรัย หรือ ยุคแห่งความศิวิไลซ์ ที่บังเกิดจากอานุภาพแห่งแสงสว่างของพระนิพพาน

    กว่าจะผ่านด่านทดสอบเพื่อเป็นผู้ที่ถูกเลือกนั้น ... ก็ยังงัยดีล่ะ
    เลือดตาแทบกระเด็น

    เป็นกำลังใจให้ค่ะ ... สำหรับการเซฟตัวเองให้ดีที่สุด จนกว่าจะถึงวันนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2012
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ต้องขออภัยครับ เนื่องจากช่วงนี้ติดภาระกิจในงานหลายอย่าง จึงหาโอกาสเข้ามาสนทนาได้ยากขึ้น

    ที่ผ่านมา วันที่ 22 ก.พ. ตอนเช้ามืดหล่อเกศ พระพุทธเจ้าองค์ปฐม(ปู่ขาว มหาราช) เสร็จแล้วก็ไปพุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ จ. หนองคาย ไปเร่งรัดงานก่อสร้างทุกประเภทที่กำลังทำ(ภายในท่านเร่งมา)เช้าวันที่ 27 ก.พ. กลับถึง กทม. ก็ทำงานต่อ พร้อมกับเตรียมเครื่องสักการะและอื่นๆในงานบุญผะเหวด(งานบุญมาฆบูชา) พร้อมทั้งเตรียมแผนอัญเชิญเสด็จปู่ขาวมหาราช ไปโปรดโลกหรือประกาศศ่าสนา(ท่านบอกอย่างนั้น)

    เช้าวันที่ 2 มี.ค. 55 อัญเชิญปู่ขาวมหาราช ไปตามเส้นทาง อยุธยา -> อุทัยธานี (แวะวัดท่าซุง) -> พิษณุโลก(แวะทำพิธีที่วัดใหญ่) -> สุโขทัย(ทำพิธีที่เขาหลวงสุโขทัย ปู่ขาวมหาราช โปรดแม่ย่าและบริวาร) (พักค้าง 1 คืน)

    เช้าวันที่ 3 มี.ค. 55 อัญเชิญปู่ขาวมหาราช ไปตามเส้นทาง สุโขทัย -> พระธาตุพนม(พักค้าง 1 คืน) (เช้าวันที่ 4 ทำพิธีที่พระธาตุพนม)

    เช้าวันที่ 4 มี.ค.55 อัญเชิญปู่ขาวมหาราช ไปตามเส้นทาง พระธาตุพนม -> เลาะแม่น้ำโขงไปพระธาตท่าอุเทน -> พระบาทเวินปลา ->ฯลฯ -> พระธาตเชิงชุม จ. สกลนคร(ทำพิธีที่พระธาตุเชิงชุม) -> พระธาตุบังพวน จ. หนองคาย (พักค้าง 1 คืน)

    เช้าวันที่ 5 มี.ค.55 อัญเชิญปู่ขาวมหาราช ไปพุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ (บวงสรวงหน้าแท่นที่ประทับและบวงสรวงที่วิหารพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เพื่อเตรียมอัญเชิญเสด็จขึ้นแท่นที่ประทับ)จากนั้นอัญเชิญปู่ขาวมหาราช ขึ้นแท่นที่ประทับ กลางคืนจะอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์จาก 3 โลก ลงมาสวดมนต์ถวายสักการะ

    เช้าวันที่ 6 มี.ค.55 อัญเชิญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ขึ้นแท่นที่ประทับ (น่าจะเสร็จเวลาเย็น) จากนั้นทำพิธีแห่พระเหวดเข้าเมือง สวดเปิดศักราช เริ่มงานบุญพระเหวด

    เช้าวันที่ 7 มี.ค.55 งานสวดพระเหวด กลางคืนสมโภชน์ปู่ขาวมหาราชและพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ (มีงานสวดพระพุทธมนต์และอาจจะมีโปงลางถวายสักการะ ทั้งนี้ต้องขออนุญาตท่านก่อน)

    งานบุญคร่าวๆ ก็จะมีประมาณนี้ครับ

    สำหรับท่านที่ถามมาเรื่องอื่นๆ รวมทั้งเรื่องศาลาแก้วกู่ ขอมาตอบในโพสถ์คราวหน้านะครับ เพราะต้องถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก่อนว่าเรื่องใดเปิดเผยได้ เรื่องใดเปิดเผยไม่ได้ เดี๋ยวจะหาเวลาว่างสื่อสารกับท่านผู้เกี่ยวข้องก่อน บางทีอาจจะได้สนทนาทางจิตกับปู่บุญเหลือก็ได้ ท่านจะตอบได้ดีกว่าครับ เพราะเป็นเรื่องการสร้างบารมีของท่าน

    สำหรับเรื่องของภัยพิบัตินั้น ท่านใดที่เตรียมการอยู่ก็ให้เร่งรัดให้เร็วขึ้นครับ เพราะผมมีความรู้สึกว่า อีกไม่นานหลังจากที่พระพุทธเจ้าท่านเสด็จขึ้นที่ประทับแล้ว เหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆจะเริ่มใกล้เข้ามาและควรจะเตรียมให้พร้อมไว้ก่อน เพราะตั้งแต่วันสงกรานต์เป็นต้นไป เข้าเขตกาลเวลาแห่งอันตรายแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      512.1 KB
      เปิดดู:
      110
    • A2.JPG
      A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      523.3 KB
      เปิดดู:
      98
    • A4.JPG
      A4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      659.6 KB
      เปิดดู:
      89
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012
  13. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    สำหรับท่านที่ถามมาเรื่องอื่นๆ รวมทั้งเรื่องศาลาแก้วกู่ ขอมาตอบในโพสถ์คราวหน้านะครับ เพราะต้องถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก่อนว่าเรื่องใดเปิดเผยได้ เรื่องใดเปิดเผยไม่ได้ เดี๋ยวจะหาเวลาว่างสื่อสารกับท่านผู้เกี่ยวข้องก่อน บางทีอาจจะได้สนทนาทางจิตกับปู่บุญเหลือก็ได้ ท่านจะตอบได้ดีกว่าครับ เพราะเป็นเรื่องการสร้างบารมีของท่าน

    ขออนุโมทนาในการทั้งหลายทั้งปวงกับคุณอัญญาสิทธิ์ค่ะ
    และขอขอบคุณ คุณอัญญาสิทธิ์มาก ๆ ค่ะ...ที่เป็นธุระตอบคำถามให้
    โดยสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    รู้สึกยินดีมาก ๆ ค่ะ
    บางทีอาจจะได้รับคำตอบที่ค้างคาอยู่ในใจ... แอบลุ้น ... :d
    จะรอฟังค่ะ ...
     
  14. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เป็นอีกคนค่ะที่ชอบอ่านคุณ Aunyasit โพสต์ ขอให้คุณ Aunyasit ตั้งกระทู้ใหม่ๆ จะได้ตามง่ายๆนะคะ และเออ...ถามความคิดเห็นสมาชิก ช่วง 12 -19 ลางานไว้ว่าจะไปอยู่วัดหลวงพ่อจรัญ สิงห์บุรี แต่ มีแต่คนเตือนๆ ว่าหลังสงกรานต์ให้ระวัง เลยเริ่มสองจิตสองใจ เอ...เอาไงดีเรา
     
  15. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    ขอแจมด้วยค่ะ... ดูเหมือนว่า... คุณกำลัง... ลังเล
    เราเองก็มีกำหนดการไปวัดช่วงเดียวกับคุณนะ ... แต่อาจไม่นานเท่าคุณ
    กำหนดการของคุณ... ก็น่าจะโอเค เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
    หากไม่ใช่เวลาที่ควรจะไป ... ก็คงจะมีเหตุให้ไม่ได้ไปเองน่ะค่ะ
    ส่วนเืรื่องอื่น... ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย
    ณ เวลานี้... การสร้างบารมี ก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ

    และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังงัยก็ตาม
    เพื่อให้คุณตัดสินใจได้เด็ดขาดและเปี่ยมไปด้วยพลัง
    ณ โอกาสนี้ ...

    ข้าพเจ้าขออารธนาองค์คุณแห่งมหาบารมี องค์คุณแห่งพระพุทธะ มหาโพธิสัตว์ทรงเป็นประธาน

    ข้าพเจ้าขอให้คุณ thai 123 และท่านทั้งหลาย รวมถึงจิตญาณทั้งหลายที่สัมพันธ์พ่วงพันมากับท่าน ตลอดจนถึง จิตญาณทั้งหลายทั้งปวง ในทุกภูมิทุกชั้น ทุกหมู่ทุกเหล่า

    จงได้มีส่วนในการที่ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมประชุมธรรมและถวายมหาสังฆทานในทุกครั้งทุกคราไป


    ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา
    ตรงต่อพระสัจธรรม
    ตรงต่อความพ้นทุกข์ในตัวมันเอง
    ตรงต่อพระนิพพานอยู่แล้ว
    และบังเกิดความสว่างไสว
    ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ ... สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2012
  16. miss you

    miss you เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +202
    ขอเรียนถามคุณ Aunyasit หน่อยค่ะถ้าอยู่ภาคตะวันออกจะไปอยู่ไหนดีคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  17. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ
     
  18. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    มีแต่แผน กำหนดการเริ่ม กำหนดการเสร็จยังไม่มีเลย
    นักวิชาการช่วยกันคิดแผนออกมาอย่างดี พอเสนอไป มีการรับไปพิจารณาเรียบร้อย แล้วก็ดำเนินการเปลี่ยนแผนที่นักวิชาการเสนอบางส่วนให้เข้ากับผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วก็ประกาศออกมา คนที่ร่วมกันคิดเห็นแล้วแทบเป็นลม น้ำท่วมปาก คอ จมูก สุดท้ายถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงจะถูกโยนขี้มาให้.............
     
  19. Whitefaith

    Whitefaith Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +42
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝันค่ะ ฝันตอนคืนก่อนวันพระนับดูเวลาที่ฝันก็คือวันพระ
    ฝันว่าตัวเองเก็บของพวกสบู่กับแชมพูใส่กระเป๋าใบที่สพายไปไหนประจำ เดินออกจากที่ทำงานแล้วฝนก็เริ่มตกน้ำก็เริ่มมาหลังจากนั้นก็ตื่น ความรู้สึกไหนฝันรู้ว่าต้องเดินทางเเล้วต้องเตรียมของเเล้วแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่รู้ว่าต้องไปค่ะ
    พอตื่นเช้าก็ไปเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟังค่ะ เพราะว่าเขามีสัมผัสทางด้านนี้อยู่ ปรากฎว่าเขาก็ฝันเรื่องเดียวกันฝันว่าเขากำลังจะไปเที่ยวแล้วน้ำก็เริ่มมาค่ะ ในฝันของเพื่อน พวกเราช่วยคนจากน้ำขึ้นฝั่งค่ะ เบญช่วยคนที่อยู่บนบกส่วนเพื่อนเขาก็ช่วยคนขึ้นจากน้ำ

    แต่ก่อนเป็นคนไม่มีสัมผัสเรื่องนี้เลย แต่พอเจอเพื่อนคนนี้ที่เรียนมหาลัยเดียวกันก็เริ่มพอมีสัมผัสกับเขาบ้างค่ะ

    เมื่อเดือนที่แล้วก็มีฝันประหลาด ฝันว่าไปอยู่ในบ้านที่มีแต่ของสีขาว ในห้องนอนเบญเป็นห้องเดียวกับน้องสาว เบญเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งใส่ชุดดำเหมือนจะพาคนกลุ่มใหญ่ไปที่ไหนสักแห่ง แล้วเบญเห็นหัวหน้ากลุ่ม เบญไม่รู้หรอกนะค่ะว่าเขาเป็นใคร แต่ก็ดันตะโกนออกไปว่า "ท่านพยายมขาหนูขอไปด้วยได้มั้ยค่ะ"ท่านก็ยิ้มกลับมาให้ค่ะ ท่านท่าทางใจดีๆ "ท่านบอกว่าอยู่กับแม่กับน้องของเจ้าเถอะ ถ้าเจ้าไปพวกเขาคงเสียใจไม่น้อย" แล้วท่านก็ฉายภาพว่าแม่กำลังร้องไห้เสียใจลูบเตียงของเบญในบ้านหลังนั้นอยู่ แล้วก็ตื่นขึ้นมา

    ก่อนหน้าที่จะฝันเรื่องนี้ ก็มีฝันประหลาดอีกเรื่องนึงค่ะ เบญเดินเข้าไปในวิหารแห่งหนึ่งเห็นพระพุธรูปองค์ไม่เล็กไม่ใหญ่มากหน้าตักประมาณยาวเกือบฟุตเรียงรายเต็มไปหมด แล้วก็มีคนแก่เดินมาบอกเบญว่าถ้าอยากเอาไปบูชาก็เอาไปได้เลยนะ เอาไปไว้ที่บ้านกับที่หอ เพราะที่ห้องพักไม่มีพระไว้บูชา แล้วเบญก็อุ้มพระขึ้นมาความรู้สึกเหมือนสัมผัสของจริงค่ะ รู้สึกมีความเย็นแผ่ออกมาจากพระพุทธรูปรู้สึกถึงผิวสัมผัสและน้ำหนักจริงๆ

    ช่วงนี้ก็ติดต่อกับอีกมิตินึงได้บ่อยขึ้น หวังว่าท่านคงจะติดต่อมาเพื่อเตือนเรื่องภัยพิบัตินะค่ะ
     
  20. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ปีนี้มังกรไฟเป็นใหญ่ จะแล้งน้ำตลอดปี
     

แชร์หน้านี้

Loading...