นับถอยหลัง 66 วัน ที่เราจะต้องลาจากกันไป

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 2 มกราคม 2008.

  1. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    โดยปกติตัวเองคุ้นเคยกับเลข 13 เป็นที่สุด

    เพราะเกิดวันที่13 วันอังคาร (เป็นวันที่ 3)เดือนมีนาคม (เดือนที่ 3) ปีขาล (ปีที่ 3) เกิดเวลา 00.31 นาที

    อยู่บ้านซอยที่ 13 ตอนเข้ามาอ่านและสมัครเป็นสมาชิกเวปพลังจิตนี้ก็อายุ 33 ปีพอดี ก็เป็นอะไรที่แปลกดีค่ะ (เรื่องของตัวเลขหน่ะ) โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เป็นเรื่องของความบังเอิญเอามากๆ

    คนอื่นอาจเห็นเลขนี้เป็นเลขไม่ดีแต่สำหรับ ตัวเองคิดว่าดีค่ะ (ก็เห็นแต่เลขนี้มาตลอด)
    เรื่องภัยพิบัติท่านนักปฏิบัติธรรมที่นับถือ ท่านบอกว่า เหตุการณ์จะไม่รุนแรงล้มหายตายไปมากขนาดนั้น (ปี 5000 หน่ะหล่ะค่ะที่จะร้ายแรงมากจริงๆ ) แต่ก็ประมาทไม่ได้ ตอนนี้ที่เราควรทำก็คือการฝีกจิตใจให้เข้มแข็ง เตรียมพร้อมไว้ทั้งกายใจ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆ ท่านค่ะ
     
  2. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ดีจังครับ วันดีครับ ผมลาด้วยคนครับเผอินตายก่อน เดี๋ยวอดลา
     
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เหลือเวลาอีก 55 วัน จะข้ามพ้นวันที่ 6 มีนาคม 2551 วันที่จะต้องจับตามองว่า "มหันตภัยพิบัติ" ตาม "พุทธทำนาย" จะเกิดขึ้นในปี 2551 หรือ 2563 หรือ 2575 แน่?




    โลกวิปริต!!หิมะตกที่แบกแดดในรอบกว่า100 ปี


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มกราคม 2551 00:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หิมะแบกแดด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - หิมะตกเบาบางในแบกแดดช่วงค่ำวันของศุกร์(11) ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศอ้างว่านี่นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีที่มีหิมะตกในเมืองหลวงของอิรัก

    เหตุหิมะตกที่นานๆจะมีสักครั้ง ยังปรากฎในแถบตะวันตกและตอนกลางของอิรักด้วย ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศที่อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือเพียง 0 องศาเซลเซียสและอาจลดต่ำกว่านี้ เจ้าหน้าที่ระบุ

    หิมะในแบกแดด เริ่มตกลงมาเมื่อตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของเช้าวันศุกร์ ก่อนจะหยุดเมื่อตอนหลัง 9 โมงเช้าไปแล้ว ขณะที่มันหลอมละลายหลังตกลงสู่พื้น ชาวบ้านรายหนึ่งบอก

    "หิมะตกในแบกแดด นับเป็นครั้งแรกในรอบราวหนึ่งร้อยปี อันเนื่องมาจากอากาศ 2 สภาวะไหลมาบรรจบกัน" แถลงการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาเผย "สภาวะแรกคือเย็นและแห้ง ส่วนสภาวะที่สองคืออุ่นและชื้น ทั้งสองมาบรรจบกันเหนืออิรัก"

    ผู้อำนวยการของกรมอุตุนิยมวิทยาของอิรักให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่าเหตุการณ์ที่ผิดปกติมีความเป็นไปได้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน

    "นานๆถึงจะมีสักครั้ง ในความทรงจำของช่วงชีวิตหนึ่งไม่เคยเห็นหิมะตกมาก่อนเลยในแบกแดด" เขากล่าว "หิมะตกครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับทุกที่" ทั้งนี้มีรายงานว่าหิมะได้ตกลงมาแถบภูเขาเคอร์ดิช ทางตอนเหนือของประเทศเช่นกัน แต่บริเวณดังกล่าวหิมะตกเป็นปกติอยู่แล้ว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    มาให้กำลังใจคุณเอก อิสโรที่มีความมุ่งมั่น ผมเคยร่วมทำบุญกับท่าน
    ที่ขอนแก่น
     
  5. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ที่มาแน่ ๆ ตอนนี้ ก็คือ ภัยเศรษฐกิจ
    ราคาน้ำมัน ปัจจัยหลักการผลิต พุ่งสูงปรี๊ดทำสถิติใหม่ตลอด
    ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ก็เลยอดรนทนไม่ไหว ขอปรับขึ้นสูงบ้าง
    แต่เป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง คือ ตัวเลขเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติประกาศออกมา
    เพียงแค่ร้อย 3 นิด ๆ ถ้าเป็น real inflation ก็แค่ 1 หน่อย ๆ
    ตัวเลขแบงก์ชาติคงตกหายไประหว่างทางเดินจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งมั้ง
    หรือกลัวตอนนี้ เศรษฐกิจภายในประเทศไม่ดี หากปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนอกจาก จะทำให้เศรษฐกิจเสียหายแล้ว ยังทำให้ค่าเงินบาทแข็งไปอีก ก็กระทบการส่งออก ตัวพระเอกหลักอีก... แต่ถ้าไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อก็กระฉูดจาก cost push inflation
    รอดูภัยเศรษฐกิจว่า ท่านผู้มีวิชา มีอำนาจจะแก้อย่างไงกันเต๊อะ...

    ส่วนคุณเอกอิสโร อย่าไปยึดติดอะไรมาก คำทำนายคือคำทำนาย มีถูกมีผิด ซึ่งส่วนใหญ่จะผิดพลาด และถ้าหากผิดพลาดเนื่องจากมีคนรู้เยอะ มีการแก้กันแยะ ผมว่าน่าจะเป็นการดีซะมากกว่า เป็นการให้โอกาสคนได้มีเวลาทำบุญ สร้างกุศลจิตเพิ่มมากขึ้น อันนี้ ผมว่าคุณเอกอิสโร น่าจะโมทนาด้วยนะคับ เปลี่ยนทัศนคติ จะได้ไม่ทุกข์ ดีกว่าไปนั่งลุ้นให้มันเกิด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์ เป็นสาระอะไรต่อทั้งตัวคุณเอกอิสโรและบุคคลทั่วไปเลย มีแต่คนทุกข์ คนเดือดร้อน แล้วถ้าเราพลอยไปยินดีกับเรื่องดังกล่าว มันก็ขาดเมตตา กรุณา นะคับ

    สรุป อย่าไปผูกติดกับมันเลยคับ เอาแบบสายกลาง คือ
    1. เราก็เตรียมตัวของเราตลอด
    2. เป็นกัลยาณมิตรของบุคคลทั้งหลาย
    3. หากไม่เกิด ก็ยินดีเพราะคนทั้งหลาย จะได้มีโอกาสทำบุญมากขึ้น เจริญกุศลจิตมากขึ้น
    4. หากเกิด เนื่องจาก 1+2 เราก็ช่วยคนอื่น ๆ ได้มากขึ้น

    ^^
     
  6. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ตรงมากๆ...กับเหตุการณ์ บ้านเมืองสยาม ปัจจุบัน

    โจรป่าจะครองเมือง
    พระเสื้อเมืองจะเข้าป่า

    :love: :love: เป๊ะเลย(y) (y)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2008
  7. amakig

    amakig Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +69
    ผมคนสิงห์บุรี

    :'(ผมคนสิงห์บุรีสิงหพาหุได้ฆ่าพ่อตัวเองเพราะอายว่าเป็นสิง
    เลยสำนึกกลัวบาปเลยสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่เพื่อเป็นการบรรเทาบาป
    โดยใช้ทองคำโต๓กำมือยาว๑เส้นเป็นแกนในองค์พระ
    ประวัติไม่มีต่อคับเรื่องเล่าสืบต่อกันมา
    ยืนยันนอนยันสิงหพาหุไม่มีลูกไม่เชื่อถามคนสิงห์บุรีเพราะปู่ย่าตายายเล่ามาแค่สร้างพระนอน
    คุณอย่าเอาเรื่องเล่าประจำถิ่นมาอ้างอิงเรื่องของคุณแล้วเชื่อมโยงให้คนเชื่อความเชื่อผิดๆของคุณ
    ขอร้องเถอะคับ
    คุณนึกคิดคิดของคุณคนเดียว
    คุณมโนภาพนิมิตรของคุณคนเดียว
    แล้วคุณมาเผยแพร่ได้คับ
    แต่อย่าเอาประวัติเรื่องเล่าของบ้านผมไปเกี่ยวเลย
    คุณเผยแพร่ไปคนเดียวเหอะว่าพระพุทธเจ้าเกิดในไทย
    จากคนสิงห์บุรี:love::love::love:
     
  8. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เหลือเวลาอีก 44 วัน จะข้ามพ้นวันที่ 6 มีนาคม 2551 วันที่จะต้องจับตามองว่า "มหันตภัยพิบัติ" ตาม "พุทธทำนาย" จะเกิดขึ้นในปี 2551 หรือ 2563 หรือ 2575 แน่?


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวรุนแรงในอินโดฯ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 มกราคม 2551 13:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.2 ริกเตอร์ บนเกาะนีอาส นอกชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อช่วงเช้าวันพุธ(23) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 4 คน ตำรวจเผย

    ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุ 11 ขวบ หลังถูกเพดานของอาคารที่พักทหารซึ่งเพิ่งสร้างใหม่พังลงมาทับระหว่างเกิดแรงสั่นสะเทือน "มีผู้เสียชีวิตเพียง 1 รายและแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่อาคารและสิ่งปลูกสร้างมากนัก " สิบตำรวจเอกมูรี ตำรวจภูธรนอร์ธนีอาสเผย

    ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรอินเดียประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างไปทางตะวันตกของเกาะนีอาส 24 กิโลเมตร กรมอุตุนิยมวิทยาและเจ้าหน้าที่ธรณีฟิสิกส์บอก

    แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.14 น. ตามเวลาท้องถิ่น สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯระบุ อย่างไรก็ตามศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิกไม่ได้ออกประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิแต่อย่างใด

    เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินโดนีเซีย เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าวงแหวนแห่งไฟของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด

    เกาะนีอาส เคยเกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 8.7 ริกเตอร์ เมื่อปี 2005 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 850 ราย และพลเรือนอีกหลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หิมะตกหนักในจีน ส่งผลยอดใช้ไฟฟ้าพุ่งกระฉูด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 มกราคม 2551 15:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>การไฟฟ้าแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า ยอดการใช้กระแสไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุมาจากหิมะที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ ในรอบหลายปี โดยเฉพาะหลายมณฑลทางภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้ประชาชนหันมาใช้เครื่องทำความร้อนกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน
    อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า หลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากหิมะที่ตกหนักทำให้สายส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหาย บางแห่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปซ่อมแซมได้ เนื่องจากหิมะมีความสูงเกือบ 1 เมตร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  9. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ระหัสลับ 8 กับ 1 คือวันอาทิตย์(1) ขึ้นหรือแรม 8 ค่ำ ตรงกับวันที่ 13 เมษายน 2551 พอดี ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าขออย่าได้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลย

    คุณเอกสิโรครับ อย่าไปยึดกับสิ่งที่รู้มาเลยครับ มันใช่-ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่สาระสำคัญครับเราทำหน้าที่บอกเตือนก็พอแล้วครับ คนที่เห็นด้วยเขาก็จะปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น คนที่เขาไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่ยอมทำอะไรเลยก็ต้องปล่อยเขาไป เราเตรียมตัวเราให้พร้อมรับมือกับความตายไว้จะดีกว่าครับ มรณานุสสติ กับ พุทธานุสสติ กำหนดได้ตลอดก็พอแล้วครับ
     
  10. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชมดาวหาง "8 พี/ทัตเติล" เหนือฟ้าเมืองกรุงตลอดมกราฯ นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 มกราคม 2551 16:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ดาวหาง 8P/ Tuttle บันทึกภาพด้วยกล้องสะท้อนแสงแบบ ชมิดท์ แคสซิเกรนขนาดหน้ากล้อง 11 นิ้ว f /6.3 ฐานตั้งกล้องแบบเยอรมัน อิเควทอเรียล Losmandy G 11 กล้อง DSLR แคนนอน 400 D เปิดหน้ากล้องนาน 40 วินาที ISO 1600 ดาวหางมีความสว่าง 6.2 อยู่ในกลุ่มดาว เตาหลอม (FORNAX) สถานที่บันทึกภาพคือหอดูดาวบัณฑิต อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เวลา 22.06 น. วันที่ 17มกราคม พ.ศ. 2551 ถ่ายภาพโดย วรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แผนภาพวิถีการโคจรของดาวหาง 8พี /ทัตเติล (ภาพจากนายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ปราชญ์ดาวหางเมืองแปดริ้ว ชวนนักดูดาวชมดาวหาง 8 พี/ทัตเติล ผ่านกรุงเทพฯ ตลอด ม.ค.นี้ ระบุ 27 ม.ค.จะเป็นช่วงที่ดาวหางมีความสว่างไสวมากที่สุด พร้อมเรียงภาพนิ่งจัดทำคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นอนุสรณ์

    นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย และครูภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดาราศาสตร์จังหวัดฉะเชิงเทรา จากหอดูดาวบัณฑิต ต.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ดาวหาง 8 พี/ทัตเติล (8 P/Tuttle) กำลังโคจรผ่านฟากฟ้าทางทิศใต้ของกรุงเทพฯ

    ก่อนหน้านี้ในช่วงวันที่ 4 -5 ม.ค.51 ดาวหางดวงนี้ได้โคจรผ่านมาตรงกับละติจูดที่ 13.5 องศาเหนือ ซึ่งตรงกับกึ่งกลางท้องฟ้ากรุงเทพฯ พอดี โดยในเวลาดังกล่าวดาวหางได้โคจรผ่านกลุ่มดาวปลา (Pisces) และกลุ่มดาวแกะ (Aries) ตามลำดับ

    ในประเทศไทยสามารถชมดาวหาง 8 พี/ทัตเติลผ่านกล้องโทรทรรศน์มาตั้งแต่ปลาย ธ.ค.50 เรื่อยไปจนถึง มิ.ย.51 โดยนายวรวิทย์ยังได้บันทึกภาพนิ่งดาวหาง 8 พี/ทัตเติลด้วยกล้องดูดาวไว้ในคืนวันที่ 17 ม.ค.51 กว่า 30 รูปเพื่อจัดทำคลิปวิดีโอ

    แต่เนื่องจากคืนดังกล่าวมีเมฆมาบดบังระหว่างถ่ายภาพทำให้ต้องรอถ่ายภาพซ่อมอีกครั้งในคืนข้างแรม 7-8 ค่ำ หรืออีก 5 -6 วันข้างหน้าเพื่อเลี่ยงแสงรบกวนจากดวงจันทร์ คาดว่าจะสามารถนำมาจัดทำคลิปวิดีโอได้นานราว 5 วินาที

    สำหรับดาวหาง 8 พี/ทัตเติลในวันที่ 22 ม.ค.51 นี้มีตำแหน่งปรากฏในกลุ่มดาวเตาหลอม (Fornax) มีความสว่างระดับ 6.2 ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือด้วยกล้องสองตา โดยกำลังเคลื่อนตัวผ่านโลกในทิศมุ่งเข้าหาโลกทำให้ดูเหมือนว่าดาวหางดังกล่าวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดาวหางทั่วๆ ไปที่ 70 กม./วินาที

    ทั้งนี้ ตำแหน่งของ 8 พี/ทัตเติลบนท้องฟ้าจะขยับไปเฉลี่ยวันละ 4 องศา จึงเหมาะแก่การถ่ายภาพทำคลิปวิดีโอ ซึ่งดาวหางจะเคลื่อนที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 27 ม.ค.51 คาดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดาวหาง 8 พี/ทัตเติลมีความสว่างไสวมากที่สุด


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  11. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เมื่อวานไปที่วัดถ้ำกระบอกมา เจอคุณลุงจัน ท่านก็เล่าให้ฟังหลายเรื่อง รวมทั้ง
    เรื่องของพระพุทธเจ้าและสถานที่ต่าง ๆ ท่านก็พูดไว้เหมือนกันว่าพระพุทธเจ้า
    เป็นคนไทย และศาสนาพุทธก็เกิดที่ประเทศไทยนี่แหละค่ะบางสถานที่ก็ตรงกัน
    แต่บางสถานที่ก็ไม่ใช่ คุณลุงบอกว่าในที่สุดความจริงทั้งหลายจะปรากฏขึ้นเอง
    ทุก ๆ คนจะได้รู้ ได้เห็น และจะไม่มีความสับสนอีก ท่านบอกว่าอย่างไรกรุงศรี
    อยุธยาจะไม่สิ้นคนดี อืมท่านบอกว่าให้จับตาดู 4 วันนี้จะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับ
    แผ่นดินไหว ภัยพิบัติ พอเปิดดูก็เห็น post คุณเอกอิสโรเลยนึกถึงคำพูดของลุง
    แต่ลุงบอกไว้ว่า อย่าหวั่นไหว อย่าหวาดกลัว ให้มีสติอยู่เสมอ ภัยพิบัติต่าง ๆ
    เป็นเรื่องของเวรกรรม เวรกรรมของคนไทย ของโลก อย่างไรก็ต้องเกิด
    แต่หลังจากการเกิดแล้ว เมืองไทยจะมีแต่สิ่งดี ๆ ที่อุบัติขึ้นอย่างที่หลาย ๆ ท่าน
    บอกไว้นะค่ะ
     
  12. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    หลากหลายมากมายจากความเชื่อเรื่องดาวหาง ส่วนใหญ่ล้วนไปในทางแง่ร้าย

    คนโบราณเชื่อว่าทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ สงครามจะเกิด ภูเขาไฟจะระเบิด และโรคร้ายจะระบาด ฯลฯ
    ปราชญ์ Aristotle ได้เคยกล่าวไว้ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ ที่ได้ท่วมทำลายมหานคร Helice และ Bura ของกรีกโบราณนั้นเกิดขึ้นเมื่อดาวหางปรากฏ คัมภีร์ไบเบิลก็ได้บันทึกว่า ก่อนที่นคร Sodom และ Gomorah จะถูกพระเจ้าทำลาย ผู้คนในเมืองก็ได้เห็นดาวหางปรากฏบนฟ้าเช่นกัน และเมื่อดาวหางโผล่ในปีที่จักรพรรดิ Attila Valerian และ Caesar เสด็จสวรรคต ชาวบ้านก็ยิ่งปักใจเชื่อว่า ดาวหางกับการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ เป็นของคู่กัน

    ส่วนในประเทศญี่ปุ่นนั้น องค์จักรพรรดิ์จะทรงมีพระราชบัญชาให้นักบวชประจำราชสำนักทำพิธีบวงสรวงขอความปรานีจากพระผู้เป็นเจ้าเวลาดาวหางโผล่ และจะทรงห้ามประชาชนมิให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจนกว่าดาวหางจะลับหายไป จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นพระองค์หนึ่งได้ทรงหวาดกลัวดาวหางมาก ถึงกับทรงสละราชบัลลังก์ เมื่อมีดาวหางปรากฎในรัชสมัยของพระองค์

    เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าขึ้น ผู้คนก็ชักจะเริ่มสงสัยในความเชื่อที่ว่าดาวหางเป็นดาวอัปมงคล จักรพรรดิ์ Nepoleon ซึ่งประสูติในปีที่ดาวหางปรากฏ ได้ทรงประกาศว่า ดาวหางคือสัญญาณจากพระเจ้าที่ทรงกำหนดมาให้พระองค์ได้เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศรัสเซีย (พระองค์ไม่ได้เป็น)

    ถึงแม้ว่าคนส่วนมาก จะรู้สึกผวากลัว เมื่อเห็นดาวหาง แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกยินดีเป็นที่ยิ่งเมื่อเห็นดาวหาง เขาเหล่านั้นคือบุคคลที่เห็นดาวหางเป็นคนแรก ประเพณีกำหนดไว้ว่า ใครที่เห็นดาวหางดวงที่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ชื่อของเขาจะเป็นชื่อของดาวหางดวงนั้นทันที ดาวหางจึงมีชื่อต่างๆ นานา เช่น Alcock Asaki, Kohoutek และ Austin เป็นต้น

    ในปี พ.ศ. 2371 นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่อ W. Olbers ได้คำนวณว่าดาวหาง Biela จะโคจรผ่านโลกในระยะใกล้มาก ฝุ่นละอองจากดาวจะทำให้อากาศบนโลกเป็นพิษ คนทั่วไปเมื่อได้ยิน ได้ฟังคำพยากรณ์นี้ได้รู้สึกตื่นกลัวว่า Biela จะชนโลก แต่เมื่อ D. Arago นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้คำนวณทางโคจรของ Biela ใหม่ และพบว่าระยะใกล้ที่ว่านั้นคือ 80 ล้านกิโลเมตร ผู้คนที่เคยใจหายก็เริ่มหายใจได้เป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง
    เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันสองท่านคือ L. Swift และ H. Tuttle ได้เห็นดาวหางดวงใหม่ และขณะนี้ดาวหาง Swift-Tuttle กำลังผ่านใกล้โลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2541 B. Marsden แห่ง Haward-Smithsonian Center for Astrophysics ได้พยากรณ์ว่า Swift-Tuttle ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 กิโลเมตร อาจจะชนโลก ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2669 ซึ่งเป็นเวลาที่ Swift-Tuttle จะโคจรกลับมาใกล้โลกอีกครั้ง และโอกาสการตูมกันกลางอวกาศจะเป็น 0.01%

    หาก Swift-Tuttle ชนโลกจริงๆ แรงปะทะจะทำให้เกิดการระเบิดที่รุนแรงเท่ากับการระเบิดพร้อมๆ กันของการระเบิดปรมาณู 1 ล้านลูก ฝุ่นละออง และควันจะฟุ้งกระจายบดบังแสงอาทิตย์จากเบื้องบนนานเป็นปี พืชและสัตว์จะพากันล้มตาย และสูญพันธุ์ไปถึงไม่หมดก็เกือบหมด

    Marsden ได้เรียกร้อง ให้นักดาราศาสตร์ทั่วโลก จับตาดูดาวหางดวงนี้แบบตาอย่ากระพริบ เพื่อตรวจดูตำแหน่งและทิศทางการโคจรของมัน หากคำพยากรณ์ของเขาถูก เราก็จะต้องยิงจรวดนำปรมาณู ไปถล่มทลายดาวหางดวงนี้ ก่อนที่มันจะถล่มเรา

    แต่ผมว่าเขา จะคำนวณผิดเสียมากกว่า เพราะการทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าตั้ง 134 ปี ให้ถูก โดยที่ข้อมูล และรายละเอียดต่างๆ ของปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไว้วางใจไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ถูกต้องยาก

    จากความเชื่อที่มีในอดีต การล่มสลายของบุคคลสำคัญหรือนครต่างๆ จะถูกโยงเข้ากับเรื่องการปรากฏของดาวหาง
    เปรียบดังกล่าวคล้ายคลึงและแตกต่างกับคลื่นใต้น้ำ บนผิวน้ำที่ราบเรียบ ใครบ้างจะเห็นถึงกระแสน้ำที่กำลังก่อตัวอยู่ใต้น้ำ พัดพาตัวเองเข้าหาฝั่งเพื่อก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง การปรากฎตัวของมันคือหายนะ
    ยกตัวอย่าง1นครที่มีดาวหางปรากฏเหนือท้องฟ้านครนั้น ทั้งยังคลื่นใต้น้ำที่พัดตรงสู่เมืองอย่างรวดเร็ว


    ชายฝั่งเมืองที่ไม่มีการกั้นทำนบหรือทุ่นกันคลื่นกระแทก หรือเป็นเพียงเขื่อนกั้นเล็กๆ ที่สร้างอย่างไม่ตั้งใจ สร้างอย่างไม่เคยคิดถึงภัยร้ายแรงที่จะตามมา เขื่อนชนิดนี้ไม่สามารถจะต้านทานแรงคลื่นยักษ์ได้เลย ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งยังทำให้บ้านเมืองได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

    ลางร้ายจากดาวหาง ที่สร้างความหวาดกลัวและเสียขวัญให้กับชาวเมือง หายนะคลื่นยักษ์ที่ทำลายนครและผู้คน
    ถามว่า นครแห่งนี้ จักอยู่รอดหรือล่มสลาย


    บางส่วนอ้างอิงจาก
    (สสวท.)
    วารสาส์น 2669 วันโลกาวินาศ

    จากลิงค์นี้

    http://www.gamezab.com/phpbb/viewtopic.php?p=1054&sid=07dd94f47387a37270cc721c1fe9af43
     
  13. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" background=""><TBODY><TR><TD align=left width=411 background=../picture/background6.gif>ดาวหางลางแห่งความหายนะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="99%" bgColor=#999999 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#999999 height=49><CENTER class="style84 style4 style64">
    .......นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวหางฮัลเล่ย์ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2140 เฝ้าติดตามการโคจรเทหวัตถุแปลกประหลาดนี้เรื่อยมา จนกระทั่งพบว่าการกลับมาเยือนโลกในรูปวงจรเสมอ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลายรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. 2300 ดาวหางฮัลเล่ย์ กลับมาทอแสงเจิดจ้าเหนือท้องฟ้ามหานครสยาม พระองค์เสด็จสวรรคตในปีนั้น เกิดรบราฆ่าฟันจลาจลแย่งชิงราชสมบัติกันขึ้น ในที่สุดพระเจ้าเอกทัศน์ได้รับชัยชนะ ครองราชย์บัลลังก์อยู่ได้เพียง 9 เดือนเศษ กรุงศรีอยุธยา ที่เคยรุ่งเรืองมีอำนาจมานานกว่า 400 ปีก็ถึงกาลพินาศย่อยยับไป​
    </CENTER></TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#999999 height=96>.......ดาวหางฮัลเล่ย์ ได้เดินทางมาเยือนกรุงรัตนโกสินทร์อีกใน พ.ศ.2378 ได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในกรุงเทพ ผู้คนล้มตายลงเป็นอันมาก และเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่า ชาติมหาอำนาจตะวันตกไล่ล่าบ้านเมืองที่อ่อนแอกว่าเป็นอาณานิคม ยุยงพลเมืองให้แตกแยกเป็นหมู่เหล่ารบพุ่งกันเอง เคราะห์ดีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบรหัสลับแห่งจักรวาล เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงสถาปนาเสาหลักเมืองขึ้นให้เป็นหลักที่ 2 นัยว่าเพื่อป้องกันบ้านเมืองให้รอดพ้นจากคำพยากรณ์ชะตากรุงรัตนโกสินทร์ที่จะต้องเข้าสู่ "ยุคจำแขนขาด" ในอนาคต ดังนั้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้ว่าต้องสูญเสียดินแดนไปมากมายให้แก่ชาติมหาอำนาจ แต่ประเทศไทยก็รักษาเอกราชอธิปไตยเอาไว้ได้ ครั้นในปี 2453 ดาวหางดวงนี้หวนกลับมาทอแสงเหนือท้องฟ้ากรุงเทพอีก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคต ทองทิ้งบ้านเมืองให้ตกอยู่ภายใต้ความหายนะในระบอบประชาธิปไตย เกิดผู้นำคลั่งชาตินิยมนำพาประเทศเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เกือบตกเป็นเมืองขึ้นของฝ่ายพันธมิตร ยังเคราะห์ดีที่ขบวนการเสรีไทยช่วยชาติให้พ้นจากการถูกยึดครอง แต่ก็ต้องเสียค่าปฏิกรณ์สงครามมากมาย ไม่นานพวกเผด็จการชาตินิยมกลับมีอำนาจขึ้นมาอีก ยินยอมให้สหรัฐอเมริกาใช้ดินแดนของตนไปทิ้งระเบิดประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดปัญหาสงครามกลางเมืองกับพวกคอมมิวนิสต์ ได้รับบาดเจ็บล้มตายกันเป็นอันมาก ในที่สุดเมื่อสหรัฐอเมริกาทอดทิ้งไป ประเทศของเราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแต่เพียงลำพัง ด้วยความโชคดีที่พวกผู้นำคอมมิวนิสต์ซึ่งมีจีนแดงและรัสเซีย แย่งชิงกันเป็นใหญ่ในโลกสังคมนิยม จีนแดงหันมาคบสมาคมกับไทยเพื่อช่วยต่อต้านฝ่ายรัสเซีย ประเทศของเราจึงอยู่รอดปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากลิงค์นี้

    http://www.suriyunjuntra.com/data/dawhang.html
     
  14. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอดูดาวบนเขาวังใน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2403 พระราชทานนามว่า "หอชัชวาลเวียงชัย" ปัจจุบันชาวเมืองเพชรบุรีเรียกง่าย ๆ ว่า "กระโจมแก้ว" เพราะตัวอาคารมีลักษณะกลมคล้ายประภาคาร มีบันไดเวียนภายในขึ้นไปชั้นบน หลังคาเป็นโดมมุงกระจก กลางคืนมีไฟส่องแสงเห็นไปได้ถึงทะเล ชาวเรือได้อาศัยนำเรือเข้าสู่บ้านแหลมหรืออ่าวตะบูน

    ตลอดพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรดาวหาง 3 ดวง (ระวี ภาวิไล อ้างถึงใน สิงห์โต ปุกหุต 2527 : 64-65) คือ

    1. ดาวหางฟลูเกอร์กูส (Flaugergues's Comet) มีขนาดใหญ่ และมี 2 หาง ปรากฏในรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อ พ.ศ. 2355 ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฎมีพระชนมายุ 8 พรรษา

    2. ดาวหางโดนาติ (Donati's Comet) มีขนาดใหญ่มาก นักดาราศาสตร์ชาวอิตาเลียนค้นพบในคืนวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2401 และคืนต่อ ๆ มาจนถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2402(รวมเวลา 9 เดือน) ชาวไทยคงจะเห็นด้วยตาเปล่าระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2401 ว่ามีหางหนึ่งเหยียดตรง อีกหางหนึ่งเป็นพู่โค้งสวยงามอยู่ราว 2 เดือน ผู้คนชาวไทยสมัยนั้นหวาดกลัวดาวหางยิ่งนัก เพราะมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าดาวหางเป็นลางบอกเหตุร้าย พระ-บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแก้ปัญหาตามหลักวิทยาศาสตร์ ทรงสั่งสอนประชาชนให้มีเหตุผล ทรงออกประกาศล่วงหน้าตักเตือนผู้คนไม่ให้ตื่นตกใจ ทรงชี้ให้เห็นว่าดาวหางเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เห็นได้ทั่วโลกไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ทรงออกประกาศ ณ วันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 12 ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก "ประกาศดาวหางขึ้นอย่าวิตก" นั้นนับว่าเป็นประกาศทางวิทยาศาสตร์ฉบับแรกของประเทศไทย มีความว่า
    "... พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรแล้ว ทรงดำรัสว่าดาวดวงนี้ทรงจำได้ว่าได้เคยมีมาแต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปีมะเมียโทศก จุลศักราช 1172 ได้ 48 ปี มาแล้ว คราวนั้นก็มาในเดือนสิบเอ็ดในทิศนี้ในราศีแลฤดูกาลเวลาเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุอะไรนัก มีแต่ความไข้ทรพิษแลกะบือล้มมากแลฝนแล้ง แล้วก็ได้พระเศวตกุญชรมาในปีมะแมตรีศกนั้น ถึงคนมีอายุมากได้เห็นแล้วแต่ไม่ได้สังเกตก็จำไม่ได้คนอายุน้อยก็ไม่ได้เคยเห็น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจำได้แน่แลพระยาโหรา ธิบดีก็จำได้ แต่ชาวประเทศยุโรปได้เห็นในประเทศ ยุโรปนานหลายเดือนแล้ว ได้ลงในหนังสือพิมพ์ตั้งแต่เดือนหกมา แลดาวอย่างนี้มีคติ แลทางที่ดำเนินยาวไปในท้องฟ้าไม่เหมือนดาวพระเคราะห์อื่นแลดาวพระเคราะห์ทั้งปวงเป็นของสัญจรไปนานหลายปี แล้วก็กลับมาได้เห็นในประเทศข้างนี้อีกเพราะเหตุนี้อย่าให้ราษฎรทั้งปวงตื่นกันแลคิดวิตกเล่าลือไปต่าง ๆ ด้วยว่ามิใช่จะได้เห็นในพระนครนี้ แลเมืองที่ใกล้เคียงเท่านั้นหามิได้ ย่อมได้เห็นทุกบ้านทุกเมือง ทั่วพิภพอย่าได้เห็นนี้แล" (พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ และคนอื่นๆ 2536 : 97)

    3. ดาวหางเทบบุท (Tebbut's Comet) มีขนาดใหญ่ หางยาวและสว่างกว่าดาวหางโดนาติ ปรากฏแก่สายตาชาวโลก ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พ.ศ. 2404 เป็นดวงที่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยมากยิ่งขึ้น ถึงกับได้ทรงคำนวณไว้ล่วงหน้า ว่าจะปรากฏเมื่อใด และได้ทรงออกประกาศดาวหาง ณ วันจันทร์ เดือน 88 ขึ้น 1 ค่ำ ปีระกาตรีศก ความว่า

    "...ถ้าใครเห็นอย่าให้ตกใจว่ากระไรวุ่นวายไป วิสัยของคน แปลกประหลาดในอากาศมีมาถ้าจะมีโทษก็เคยเห็นให้ เกิดเหตุสองอย่างให้ฝนแล้งในฤดูฝน หรือจะให้ฝนตกมากเกินปรกติไปอย่างหนึ่ง จะให้เกิดความไข้ต่าง ๆ แก่คนหรือช้างม้า โคกระบืออย่างหนึ่งเหมือนอย่างเช่นดาวหาง ซึ่งมีมาเมื่อปลาย ปีมะเมียสัมฤทธิศกนั้นก็เกิดเหตุแต่กระบือตายมากอย่างหนึ่งแล้วในฤดูฝน ปีมะแมฝนก็แล้ง ครั้นปลายปีมะแมแลต้นปีวอกก็มีความไข้ลงราก ก็ถ้ากลัวแต่เหตุอย่างนี้ก็ให้เตรียมตัวต่อสู้เหตุอย่างนี้ คือว่ากลัวฝนแล้ง เมื่อฝนยังมีอยู่ก็ให้รีบทำนาเสีย ทำข้าวไร่ ข้าวหางม้า ข้าวสามเดือนทันสารทไปตามได้ตามมีที่ไม่ได้ทำนา มีพี่น้องบุตรภรรยา บ่าวไพร่มากก็ให้จัดซื้อข้าวเก็บเตรียมไว้ให้ พอกินอย่าตื่นขายเสียนัก ถ้ากลัวความไข้ว่าเกลือกฝีดาษจะชุม ตัวใครแลบุตรหลานใครยังไม่ได้ออกฝีดาษ ก็ให้รับพามาปลูกฝีดาษที่โรงทานนอกก็ดี โรงหมอท่าพระก็ดี ศาลาวัดสุทัศน์เทพวรารามก็ดีเสียโดยเร็วอย่าให้ทันฝีดาษมีมาถ้ากลัวว่าไข้ลงรากจะมีมาก็ให้ขัดตัวปฏิบัติเสียให้สะอาด ๆ อย่าทำให้สกปรกโสมมตามเคยตัวนัก หาที่หลับที่นอนที่สะอาดใช้หาเครื่องซึ่งเป็นเครื่อง กำจัดกลิ่นร้าย คือกำยานการบูรเตรียมไว้เมื่อความไข้มีมาสุมรมเหย้าเรือนผ้านุ่งผ้าห่มเสีย ให้กำจัดพิษอากาศที่ร้ายกระจายไป และหายาที่เคยเชื่อถือเตรียมไว้ใกล้ ๆ เผื่อทุกค่ำคืนจะได้ใช้แก้ไขกันน้ำละลายการบูรกินกันทาตัวกัน ถ้ากลัวไข้จับสั่นก็หาน้ำการบูรไว้ปวดหัวตัวร้อนเล็กน้อย ก็ให้กินน้ำการบูรแลเอาน้ำการบูรทาฝ่ามือฝ่าเท้าเสียเล็กน้อยก่อนอย่าปล่อยให้เป็นมากไป หรือใครรู้เห็นยาอะไรว่าดีก็หาไว้ หรือแรกจะเป็นเมื่อยขบเท้าเย็น ปวดศรีษะเล็กน้อยก็อย่าเชื่อหมอว่าลมว่าเส้นไป อย่าเพ่อกินร้อนเข้าไป อย่ากินอาหารที่หวานที่มันมากนักรีบรุถ่ายเสียด้วยดีเกลือ อย่าใช้ยาสลอดให้แสลงไข้ไป พื้นปากพื้นใจของหมอพอใจพูดแต่ว่าลมเอายาร้อนแก้ อนึ่งบ้านเมืองมีไข้เจ็บซึ่งเป็นเหตุให้คนตาย อย่างไรจะมากเมื่อไรให้คอยระวังสืบที่ป่าช้าที่มีศพไปเผามาก ๆ อยู่ทุกวันเนื่อง ๆ จะได้ความจริง" (พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ และคนอื่น ๆ 2536 : 102)

    ถ้าพิจารณาประกาศฉบับหลัง ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น จะเห็นว่าพระองค์ทรงมุ่งขจัดการเชื่อโชคลางและทรงให้ราษฎรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ อย่างมีเหตุผลตามแบบวิทยาศาสตร์

    จากลิงค์นี้

    http://siweb.dss.go.th/sci200/item1/star.html
     
  15. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงสวรรคต (ตอนที่ 2)

    <!--Main-->[SIZE=-1]ในช่วงเวลาก่อนที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจะเสด็จสวรรคต ได้บังเกิดเหตุการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งบนท้องฟ้า นั่นก็คือ การปรากฏขึ้นของดาวหางฮัลเล่ห์ที่พาดผ่านเหนือท้องฟ้ากรุงเทพมหานคร ซึ่งตามความเชื่อของชาวสยามในสมัยนั้นปรากฏการณ์ดังกล่าวเปรียบเสมือนกับลางร้ายที่มาเตือนว่าอีกไม่นานต่อจากนี้จะได้บังเกิดเหตุร้ายขึ้นกับแผ่นดิน ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2300 ซึ่งเป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคต และเกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระราชโอรส และในปี พ.ศ. 2378 ก็เป็นเหตุให้เกิดโรคระบาดใหญ่ในกรุงเทพฯ จนผู้คนล้มตายเสียมาก ดาวหางดวงนี้จึงเป็นที่สนใจ และในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความหวาดหวั่นครั่นคร้ามให้กับชนทุกหมู่เหล่า นับแต่เจ้านายเชื้อพระวงศ์ ขุนนางข้าราชการ และราษฎรโดยทั่วไป[/SIZE]

    [SIZE=-1]สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเองก็ทรงสนพระราชหฤทัย และทรงพระวิตกกับการที่ดาวหางได้ปรากฏขึ้นในครั้งนี้ จึงได้ทรงมีพระราชหัตถเลขาฉบับหนึ่งไปยังกรมหลวงวชิรญาณวโรรส ความว่า[/SIZE]

    [SIZE=-1]"ในบาฬีจะมีแห่งใดบ้างหรือไม่ที่กล่าวถึงดาวหางแลเรียกดาวหางอย่างไรฯ"[/SIZE]

    [SIZE=-1]กรมหลวงวชิรญาณ ถวายพระพรว่า[/SIZE]

    [SIZE=-1]"ดาวหางเรียกอย่างไร ในบาฬียังไม่เคยพบ แต่ในภาษาสันสกฤตเรียก ธูมเกตุ จึงได้ความสงเคราะห์เข้าในพวกธาตุอันมีแสง แลศัพท์ว่า ธูมเกตุยังไม่เคยพบในบาฬี แต่ในอรรถกถาจะมีบ้างหรืออย่างไรยังไม่แน่ จะรับพระราชทานค้นดูก่อน" [/SIZE]

    [SIZE=-1]หนังสือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  16. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระทัพพมัลลปุตตเถร
    <O:p</O:p
    [๑๒๔] พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ ทรงรู้แจ้งโลกทั้งหมดเป็นมุนี<O:p</O:p
    มีพระจักษุ ได้เสด็จอุบัติขึ้นในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระองค์ทรง<O:p</O:p
    ตรัสสอน ทำสัตว์ให้รู้ชัด ยังสรรพสัตว์ให้ข้ามวัฏสงสาร ทรง<O:p</O:p
    ฉลาดในเทศนา เป็นผู้เบิกบาน ทรงยังประชุมชนเป็นอันมากให้<O:p</O:p
    ข้ามพ้นไปได้ พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ ทรงประกอบด้วยพระกรุณา<O:p</O:p
    ทรงแสวงหาประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ยังเดียรถีย์ที่มาเฝ้าทุกคนให้<O:p</O:p
    ดำรงอยู่ในเบญจศีล เมื่อเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจึงหมดความอากูล<O:p</O:p
    ว่างจากพวกเดียร์ถีย์ และวิจิตรด้วยพระอรหันต์ผู้คงที่ มีความชำนิ<O:p</O:p
    ชำนาญ พระมหามุนีพระองค์นั้นสูง ๕๘ ศอก มีพระฉวีวรรณงาม<O:p</O:p
    คล้ายทองคำอันล้ำค่า มีพระลักษณะประเสริฐ ๓๒ ประการ ครั้งนั้น<O:p</O:p
    อายุขัยของสัตว์แสนปี พระชินสีห์พระองค์นั้น ดำรงพระชนม์อยู่<O:p</O:p
    โดยกาลประมาณเท่านั้น ทรงยังประชุมชนเป็นอันมากให้ข้ามพ้น<O:p</O:p
    วัฏสงสารไปได้ ครั้งนั้น เราเป็นบุตรเศรษฐีมียศใหญ่ในพระนคร<O:p</O:p
    หงสวดี เข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ส่องโลกให้สว่างไปทั่ว แล้วได้สดับ<O:p</O:p
    พระธรรมเทศนา เราได้ฟังพระดำรัสของพระองค์ผู้แต่งตั้งเสนาสนะ<O:p</O:p
    ให้ภิกษุทั้งหลาย ก็ชอบใจ จึงทำอธิการแด่พระองค์ผู้แสวงหาคุณ<O:p</O:p
    อันใหญ่พร้อมทั้งพระสงฆ์แล้ว หมอบลงแทบพระบาทด้วยเศียรเกล้า<O:p</O:p
    แล้วปรารถนาฐานันดรนั้นแท้จริง ในครั้งนั้น พระมหาวีรเจ้าพระองค์<O:p</O:p
    นั้น ได้ทรงพยากรณ์กรรมของเราไว้ว่า เศรษฐีบุตรนี้ ได้นิมนต์<O:p</O:p
    พระโลกนายกพร้อมด้วยพระสงฆ์ให้ฉันตลอด ๗ วัน เขาจักมีอินทรีย์<O:p</O:p
    ดังใบบัว มีจะงอยบ่าเหมือนของราชสีห์ มีผิวพรรณดุจทองคำ<O:p</O:p
    หมอบอยู่แทบเท้าของเราปรารถนาตำแหน่งอันสูงสุด ในกัปที่แสน<O:p</O:p
    แต่กัปนี้พระศาสดามีพระนามว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้า<O:p</O:p
    โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เศรษฐีบุตรนี้จักได้เป็นสาวก<O:p</O:p
    ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ปรากฏโดยชื่อว่าทัพพะ เป็นภิกษุ<O:p</O:p
    ผู้เลิศฝ่ายเสนาสนปัญญาปกะเหมือนปรารถนา ด้วยกรรมที่ทำไว้ดี<O:p</O:p
    แล้ว และด้วยการตั้งเจตน์จำนงค์ไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไป<O:p</O:p
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง<O:p</O:p
    และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราช<O:p</O:p
    อันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไป เราจึงมีความสุข<O:p</O:p
    ในที่ทุกสถาน<O:p</O:p
    ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระนายกพระนามว่าวิปัสสีผู้มีพระเนตร<O:p</O:p
    งาม ทรงเห็นแจ้งธรรมทั้งปวง ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว เราเป็นผู้มีจิต<O:p</O:p
    ขัดเคือง ได้พูดตู่สาวกของพระพุทธเจ้าผู้คงที่พระองค์นั้น ผู้สิ้นอาสวะ<O:p</O:p
    ทั้งปวงแล้ว ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ และเราจับสลากแล้ว<O:p</O:p
    ถวายข้าวสุกที่หุงด้วยน้ำนม แก่พระเถระทั้งหลายผู้แสวงหาคุณอัน<O:p</O:p
    ใหญ่ผู้เป็นสาวกของพระผู้แกล้วกล้ากว่านรชนพระองค์นั้นแหละ ใน<O:p</O:p
    ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของพรหม มีพระยศใหญ่<O:p</O:p
    ประเสริฐกว่านักปราชญ์ พระนามว่ากัสสป ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว<O:p</O:p
    พระองค์ทรงยังศาสนธรรมให้รุ่งโรจน์ ข่มขี่เดียรถีย์ผู้หลอกลวงเสีย<O:p</O:p
    ทรงแนะนำเวไนยสัตว์แล้ว เสด็จปรินิพพานพร้อมทั้งพระสาวก<O:p</O:p
    ครั้นเมื่อพระโลกนาถพร้อมทั้งพระสาวกปรินิพพานแล้ว ครั้นเมื่อ<O:p</O:p
    พระศาสนธรรม กำลังจะสิ้นศูนย์อันตรธาน ทวยเทพและมนุษย์พา<O:p</O:p
    กันสลดใจ สยายผม มีหน้าเศร้า คร่ำครวญว่า ดวงตาคือธรรมจัก<O:p</O:p
    ดับแล้ว เราจักไม่ได้เห็นท่านที่มีวัตรดีงามทั้งหลาย เราจักไม่ได้ฟัง<O:p</O:p
    พระสัทธรรม น่าสังเวช เราเป็นคนมีบุญน้อย ครั้งนั้น พื้นปฐพี<O:p</O:p
    ทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา ได้ไหวสะเทือน สาครสมุทรพูดได้<O:p</O:p
    แม่น้ำร้องอย่างน่าสงสาร อมนุษย์ตีกลองดังทั่วทั้งสี่ทิศ อสนีบาต<O:p</O:p
    อันน่ากลัวตกลงไปรอบๆ อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ดาวหางปรากฏ<O:p</O:p
    เกลียวแห่งเปลวไฟมีควันพวยพุ่ง หมู่มฤคร้องครวญครางอย่างน่า<O:p</O:p
    สงสาร ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน ได้เห็น<O:p</O:p
    ความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึง<O:p</O:p
    เกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมี<O:p</O:p
    ชีวิตอยู่ เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตาม<O:p</O:p
    คำสอนของพระชินสีห์เจ้า ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินใน<O:p</O:p
    ป่าสูงลิ่ว เราไต่มันขึ้นทางพะอง แล้วผลักพะองให้ตกลงเสีย<O:p</O:p
    ครั้งนั้น พระเถระได้ตักเตือนเราว่า การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหา<O:p</O:p
    ได้ยาก อีกประการหนึ่ง ความเชื่อที่บุคคลได้ไว้ ก็หาได้ยาก<O:p</O:p
    และพระศาสนายังเหลืออีกเล็กน้อย ผู้ที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเสีย<O:p</O:p
    จะต้องตกลงไปในสาคร คือความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น<O:p</O:p
    พวกเราควรกระทำความเพียร ตลอดเวลาที่พระศาสนายังดำรงอยู่<O:p</O:p
    เถิด ดังนี้ ครั้งนั้น พระเถระนั้นเป็นพระอรหันต์ พระอนุเถระ<O:p</O:p
    ได้เป็นพระอนาคามี พวกเราที่เหลือจากนี้ เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์<O:p</O:p
    ประกอบความเพียร จึงได้ไปยังเทวโลก องค์ที่ข้ามสงสารไปได้<O:p</O:p
    ปรินิพพานแล้ว อีกองค์หนึ่งเกิดในชั้นสุทธาวาส เราทั้งหลาย<O:p</O:p
    คือ ตัวเรา ๑ พระปุกกุสาติ ๑ พระสภิยะ ๑ พระพาหิยะ ๑<O:p</O:p
    พระกุมารกัสสป ๑ เกิดในที่นั้นๆ อันพระโคดมบรมศาสดา ทรง<O:p</O:p
    อนุเคราะห์ จึงหลุดพ้นไปจากเครื่องจองจำ คือสงสารวัฏได้ เรา<O:p</O:p
    เกิดในพวกมัลลกษัตริย์ ในพระนครกุสินารา เมื่อเรายังอยู่ในครรภ์<O:p</O:p
    นั่นแล มารดาได้ถึงแก่กรรม เขาช่วยกันยกขึ้นสู่เชิงตะกอน<O:p</O:p
    ลำดับนั้น เราตกลงมา ตกลงไปในกองไม้ ฉะนั้นจึงปรากฏ<O:p</O:p
    นามว่าทัพพะ ด้วยผลแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ เรามีอายุได้<O:p</O:p
    ๗ ขวบ ก็หลุดพ้นจากกิเลสด้วยผลที่ถวายข้าวสุกผสมน้ำนม เรา<O:p</O:p
    จึงประกอบด้วยองค์ ๕ ด้วยบาปเพราะกล่าวตู่พระขีณาสพ เราจึง<O:p</O:p
    ถูกคนโจทมากมาย บัดนี้เราล่วงบุญและบาปได้ทั้งสองอย่างแล้ว<O:p</O:p
    ได้บรรลุสันติชั้นสูง เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ เราแต่งตั้งเสนาสนะให้<O:p</O:p
    ท่านผู้มีวัตรอันดีงามทั้งหลายยินดี พระพิชิตมารทรงพอพระทัยใน<O:p</O:p
    คุณข้อนั้น จึงได้ทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เราเผากิเลส<O:p</O:p
    ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.<O:p</O:p
    ทราบว่า ท่านพระทัพพมัลลปุตตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.<O:p</O:p
    จบ ทัพพมัลลปุตตเถราปทาน.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จาก พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน เล่มที่ ๓๓/๑ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก<O:p</O:p
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** พระพุทธเจ้า ที่คนเราเข้าใจ ****

    พระพุทธเจ้า ของ โลกุตตระธรรม...คือ เรื่องราวศาสนศาสตร์ของการหลุดพ้น
    พระพุทธเจ้า ของพราหมณ์บันทึก....จึงไม่ตรงตาม โลกุตตระธรรม ธรรมเหนือโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    Update สัญญาณบอกเหตุ ณ วันที่ 27 มกราคม 2551



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>31 ผู้เฝ้าระวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2008
  19. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    เห็นทำนายกันเยอะ ผมเองก็ทำนายมั่ง เอาแบบขำนะ สงครามหรือเหตุโลกาวิบัติอะไรนี่เกิดขึ้นแน่นอน 100 % แต่ระบุวันเวลาแน่นอนไม่ได้ จริงๆ เรื่องของเวลานี้ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญเท่าไหร่ สำคัญที่ว่าจะเข้าใจเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์นึหรือเปล่า ถ้าในมุมมองผมคิดว่ามันคือโอกาสที่เราจะเพียรปฏิบัติ ไม่ว่าจะความดีเพียงเล็กน้อยเพื่อเทวดา มากหน่อยก็พรหมโลก หรือให้ดีที่สุดก็นิพพานไปเลย มันเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ ครับ เพราะถ้าเราทำได้ตัดกิเลสความทุกข์ออกไปได้เสีย ทางโลกจะเป็นอย่างไรก็ไม่กระทบถึงใจเราได้ครับ แต่ในอีกแง่ ปกติชีวิตทุกวันนี้ก็หนี้ความทุกข์ไม่พ้นแล้ว สุขก็ได้ประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็ทุกข์อีกจิปถะนับไม่ถ้วน ฯลฯ มันก็ไม่ต่างกับตอนเกิดภัยสักเท่าไหร่หรอก เพราะสภาวะทุกข์ที่บีบคั้นทางจิตมันทรมานกว่าร่างกายเยอะ ก็ลองเปรียบเทียบเล่นดูว่าจะรับทุกข์แบบไหนมากกว่ากัน
    เพิ่มเติมอีกนิด ที่ว่าเกิด 100% ก็อาวุธผลิตมาแล้ว มีเหตุให้เกิดย่อมมีเหตุให้เป็นไป คือสุดท้ายก็ต้องนำมาใช้ เป็นเหตุผลที่ธรรมดามากๆ ถ้าเข้าใจจะไม่ตื่นตระหนกตกใจ แต่จะมั่นเร่งทำความเพียร และตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
     
  20. tingman

    tingman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +281
    อย่ากลัวเลยครับ ความตายหนักแน่นดั่งขุนเขา เบาดั่งขนนก อาไรจะเกิดก็ให้มันเป็นไป...
     

แชร์หน้านี้

Loading...