ท้อได้ แต่ไม่ถอยอย่างน้อยก็ไม่ถึงร้อยปี ธรรมมะคลายทุกข์ครับมีอะไรปรึกษาได้ครับ

พรุ้งนี้วันพระไปสวดมนต์ก่อนครับ........

 

กราบนมัสการ องค์หลวงพ่อวิริยังค์ ครับ ผมเคยไปนั้งสมาธิที่วัดธรรมมงคลบนเจดีย์ ผมนั้งไปพอจิตสงบ จิตผมมีความรู้สึกว่าแสงสีขาวคลุมทั่วตัวผมมันสว่ามากทั้งที่ผมก็ภาวนาอยู่
ด้วยกิเลสของผมเพียงแค่อยากรู้ว่าแสงมาจากใหน แสงนั้นก็หายไปทันที ผมถามครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าบารมีองค์สมเด็จพระพุทธโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันครับ อยากจะไปอีกครับไกลเหลือเกิน....

 

สิ่งๆนี้ไม่มีอยู่จริง ไร้สาระเป็นของหลอกลวง
เป็นของว่างเปล่า
คิดว่ามีเรา เราจึงมี (เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี)
คิดว่าไม่มีเรา เราจึงไม่มี (เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี) วันนี้วันพระไปสวดมนต์ก่อนครับ ..

 

จากที่เครียด+เป็นทุกข์ พอได้อ่านกระทู้นี้ช่วยผมได้เยอะเลย ขอบคุณครับ ^^


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=hXwvi0ecwTQ]ทางพ้นทุกข์ - YouTube[/ame]

 

พลังในความสำเร็จอยู่ที่ความคิดว่าจะสำเร็จ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากพลังความคิด ความศรัทธาในตัวอง ซึ่งเป็นพลังที่แฝงอยู่ในตัวทุกๆคน เพราะทุกคนต่างมีความคิด ความศรัทธาเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่ที่ว่าจะคิดให้ตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะเกิดพลัง และทำได้อย่างที่คิด แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็จะเกิดความท้อแท้ และทำไม่สำเร็จอย่างที่ใจคุณคิดนั่นเอง จากการศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จล้วนพบว่าทุกคนต่างมีศรัทธาในตัวเอง คิดว่าตัวเองทำได้ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จบ้าง ก็ควรมีศรัทธาในตัวเองก่อน
วิธีการสร้างความศรัทธาในตัวเอง
1 รู้จักพึ่งตัวเอง ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเราได้ตลอดไป เราจะต้องรู้จักช่วยตัวเองก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วย ซึ่งถือเป็นการพัฒนาความสามารถของเราเองด้วย เราต้องพยายามทำด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ และเมื่อเราทำได้แล้วเราก็จะยิ่งภูมิใจในความสามารถของตัวเองมากยิงขึ้นด้วย

2 รู้จักและยอมรับตัวเอง เราจะต้องสำรวจตัวเองว่ามีข้อดี ข้อด้วย ข้อเด่น อะไรบ้าง ถ้าพบข้อด้อยที่แก้ไขได้ก็ให้พยายามแก้ไขเสีย และเราจะต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ทุกคนต่างมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้น เราจะต้องพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น

3 มีความศรัทธาในตัวเอง เราจะต้องไม่ดูถูกตัวเอง ศรัทธาในความสามารถของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง ความสำเร็จอยู่ที่ความคิด ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ รวมไปถึงความทุกข์ความสุข ทุกอย่างก็ล้วนอยู่ที่ใจเราคิดทั้งนั้น ถ้าเราคิดว่าเราทุกข์เราก็จะทุกข์ แต่ถ้าเราคิดว่าเรามีความสุขเราก็จะมีความสุข ไมมีใครที่จะนำความทุกข์หรือความสุขออกไปจากตัวเรานอกจากใจเราที่คิดไปเอง

4 กำจัดความกลัว รู้หรือไม่ความกลัวเป็นอุปสรรคสำคัญของความสำเร็จ เมื่อเรากลัว เราก็จะไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไร เพราะว่ากลัวจะทำผิด กลัวจะล้มเหลว กลัวจะผิดพลาด กลัวไปหมดทุกอย่าง เราจะต้องคิดถึงหลักความเป็นจริงว่า ถ้าไม่ลงมือทำแล้วจะประสบความสำเร็จอย่างไร และการลงมือทำอาจเกิดความผิดพลาดบ้าง แต่มันก็เป็นประสบการณ์ให้พัฒนาต่อไป ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยล้มมาก่อน เราจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด

5 อยู่ในโลกปัจจุบัน คนเรามักชอบคิดไปถึงเรื่องอดีต เรื่องอนาคต โดยไม่เคยคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันเลย การคิดแบบนี้จะทำให้เกิดความรู้สึก ห่วงหน้าพะวงหลัง สิ่งที่กำลังทำอยู่ก็จะออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เราจึงควรคิดถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ เอาใจใส่ จดจ่อกับสิ่งที่ทำ แล้วผลงานที่ออกมาก็จะเป็นที่พอใจ เพราะเราได้ใส่ใจทำอย่างเต็มที่

6 คิดบวก การจะทำให้ใจมีพลังก็ต้องคิดถึงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เมื่อมีความสุขก็จีกำลังใจ มีพลังต่อสู้ต่อไป ถ้าคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆ เราก็จะท้อแท้หมดหวัง หมดพลัง เป็นอุปสรรคในการประสบความสำเร็จได้ เราจะต้องคิดถึงแต่สิ่งดีดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่าคิดว่าอนาคตจะเกิดเรื่องร้ายให้บั่นทอนจิตใจ เหตุการณ์ยังไม่เกิดอย่าได้กังวลใจไป

7 ปลูกฝังนิสัยดี เราจะต้องมีการฝึกฝนตัวเอง ให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธานัวเองแล้ว เราก็ต้องฝึกฝนตัวเองให้เป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีความอดทน เพียรพยายาม ไม่ขลาดกลัว กล้าหาญชาญชัย ทุกอย่างอยู่ที่วิธีการคิดของเราทั้งสิ้น

คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเรียนเก่ง อัจฉริยะเสมอไป แต่อยู่ที่ความเชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเองมากกว่า ถ้าคิดว่าทำได้ เราก็จะทำได้ ถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเรา ต่อไปก็จะมีคนมาเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเราเอง ความคิด ความเชื่อ และความศรัทธา คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้

 

สวัสดีปีใหม่ไทยทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ผมก็ไปทำบุญและไปปฎิบัติธรรมที่ศูนย์พุทธศรัทธามาครับ แต่ต้องกลับมาทำโอทีครับว่าจะเอาคอมใหมครับเลยเก็บเงินครับ แต่ก็ขอผลบุญที่ไปทำมาถึงแด่ผุ้อ่านทุกท่านครับ ผมขอน้อมบารมีพระรัตนตรัยบารมี บารมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ครูบาอาจารย์ ท่านพ่อใหญ่อินทร์แปลง และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลพิภพทั้งเบื้องบนและเบื่องล่างจงคุ้มครองทุกท่านที่เข้ามาอ่านให้ได้รับความสูขความเจริญ ปราถนาสิ่งใดโดยไม่เหลือวิสัยขอสิ่งนั้นจงสำเร็จตามความปราถนาทุกประการครับ thitiwats

 

คาถาเงินล้าน


ผมเอ็งก็สวดมนต์ก่อนนอนทุกวันสวดไม่ยาวมากครับ วันนี้เอาประสปการณ์ของคาถาเงินล้านมาให้ฟังครับผมนะคิดเอ็งเออเอ็งตลอด สำหรับการสวดมนต์ของผมก็สวดไม่ยาวครับ บูชาพระรัตนตรัย สวดอิติปิโส 3 จบครับ สมาทานกรรมฐาน นั้งสมาธิ 10 นาที แล้วก็แผ่เมตตาครับ ทุกครั้งไม่เคยท่องคาถาเงินล้านเลย อยู่ดีดีก็คิดอยากท่องคาถาเงินล้านต่อจากอิติปิโสอยู่ดีๆเริ่มสวดคาถาเงินล้านนึกถึงสมเด้จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ขนผมลุกตลอด สวด3 จบก็ลุกอยู่อย่างนั้น มาคิดดูไม่เคยสวดคาถาบทใหนที่สัมผัสได้ขนาดนี้ผมก็สวดทุกวันแล้วครับ ลองสวดดูนะครับหลวงพ่อฤาษีท่านบอกว่าเป็นเบี้ยต่อไส้ผมว่าเรื่องจริงครับ ถึงไม่เป็นเบี้ยต่อไส้ก็ทำให้อุปสรรคในชีวิตของเราเบาบางครับ ลองสวดดูครับคาถาเงินล้าน ผมชอบคิดเอ็งเออเอ็งครับ เพราะอาจจะมีประโยชน์ thitiwats

 

คำสอน สมเด็จองค์ปฐม

"อย่าสนใจในกรรมของบุคคลอื่น ให้สนใจกับกรรมของตนเอง กรรมแปลว่าการกระทำ อันได้แก่ ทางกาย-วาจา-ใจ ของเราเองนี้ คนอื่นเขาจักทำกรรมอันใดมาจักมาเนื่องถึงเรา ถ้าเราไม่รับเสียอย่างเดียว เขาจักเล่นงานเราได้ก็เพียงแค่กรรมเก่าเท่านั้น พอหมดเขตวาระของกฎของกรรมแล้ว กรรมเหล่านั้นจักทำอะไรเราต่อไปไม่ได้ ถ้าหากเขายังกระทำต่อไป กรรมเหล่านั้นแหละจักเข้าตัวเขาเอง จำไว้ว่าเขาด่า เขานินทา เขาใส่ร้าย หรือกระทำใด ๆ มาก็ดี ถ้าหากกรรมนั้นเราไม่เคยกระทำมาก่อน กรรมทั้งหลายก็จักไม่มาเข้าถึงเราเป็นอันขาด ไม่ต้องไปโทษใคร จักต้องโทษตัวของเราเอง ถ้าชาติก่อน ๆ ไม่เคยทำกรรมเหล่านี้เข้าไว้ กรรมเหล่านี้จักเกิดขึ้นกับเราไม่ได้เลย ต่อไปก็ให้ตั้งใจตัดกรรม คือ ไม่ต่อกรรมหรือจองเวรกับใครอีก ให้เจริญพรหมวิหาร ๔ ให้มาก ๆ ตั้งกำลังใจแผ่เมตตาไปในทิศทั้งปวงว่า เราจักไม่เป็นศัตรูกับใคร ใครจักเป็นศัตรูกับเราก็เรื่องของเขา ไม่ต้องเอาจิตไปเกาะการกระทำของบุคคลอื่น ให้เอาจิตดูการกระทำของกาย-วาจา-ใจของตนเองเป็นสำคัญ อย่าให้ไปเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น"


ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

 

ผู้ใดอาศัยพระพุทธเจ้า
คืออริยมรรคมีองค์แปด
เป็นกัลยาณมิตรแล้ว
ผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ทั้งปวงได้

 

เก็บไว้อ่าน.......


พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นก็หมายความว่า บุคคลใดถ้านึกถึงองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพจริงก็ดี ด้วยความไม่ค่อยจะจริงก็ดี อย่างนี้ถ้านึกก่อนตายถึงแม้ว่าเราจะทำบาปมามากมายสักเพียงใดก็ตามที ต้องไปสวรรค์ก่อน ตัวอย่างท่านสุปปติฏฐิตะเทพบุตร

พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นก็หมายความว่า ถ้าเราจะต้องตกนรก จะต้องเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ตาม เราจะไม่ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะอาศัยพระพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์

ธัมมบูชา มหาปัญโญ การบูชาพระธรรมมีอานิสงส์มาก การบูชาพระธรรมนั่นก็หมายความว่า เอาหนังสือธรรรมะถวายพระก็ดี แจกชาวบ้านก็ดี หรือว่าตั้งใจฟังเทศน์ด้วยความเคารพก็ดี อย่างนี้ถือว่าเป็นการบูชาพระธรรม มีปัญญามาก ตัวอย่างเช่น พระสารีบุตร

สังฆบูชา มหาโภควโห การบูชาพระสงฆ์ก็หมายถึงว่า การเคารพในพระสงฆ์ และการถวายทานในพระสงฆ์

การให้ทานนี่ บรรดาพุทธบริษัท เป็นปัจจัยให้เกิดความร่ำรวย และการให้ทานประเภทนี้ต้องอาศัยพระสงฆ์

ถ้าถวายทาน ๑ องค์ ๒ องค์ ๓ องค์ จัดว่าเป็นปาฏิปุคคลิกทาน เป็นทานส่วนบุคคล ถ้าถวายทานพระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปจัดเป็นมหาสังฆทาน การถวายทานครั้งเดียว บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าเป็นสังฆทาน องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า

" จะเกิดไปกี่ชาติก็ตาม จะหาความเป็นคนยากคนจนเข็ญใจนั้นไม่มีอีกแล้ว "สมเด็จพระประทีปแก้วทรงตรัสว่า

" ที่ใดมีความยากจนเข็ญใจ มีความลำบาก คนที่ถวายสังฆทานแล้วไม่เกิดที่นั่น ที่ใดมีความอุดมสมบูรณ์จะเกิดในสถานที่นั้น "

ที่มา : หนังสือพรหมวิหาร ๔
ที่มา : ภาพบนไทม์ไลน์ | Facebook

 

คนจน ไม่มีทรัพย์ พอจะมีทางทำทานได้อย่างไร ฟังพระผูมีพระภาคเจ้าตรัส
ทาน ที่จัดว่าเป็น มหาทาน
ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ในกรณีนี้ ละปาณาติบาต
เว้นขาดจาก ปาณาติบาต. ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเว้นขาด
จากปาณาติบาตแล้ว ย่อมชื่อว่า ให้อภัยทาน อเวรทาน
อัพยาปัชฌทาน แก่สัตว์ทั้งหลายมากไม่มีประมาณ; ครั้น
ให้อภัยทาน อเวรทาน อัพยาปัชฌทาน แก่สัตว์ทั้งหลาย
มากไม่มีประมาณแล้ว ย่อมเป็นผู้ มีส่วนแห่งความไม่มีภัย
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน อันไม่มีประมาณ. ภิกษุ ท. ! นี้
เป็นทานชั้นปฐม เป็นมหาทาน รู้จักกันว่าเป็นของเลิศ
เป็นของมีมานาน เป็นของประพฤติสืบกันมาแต่โบราณ
ไม่ถูกทอดทิ้งเลย ไม่เคยถูกทอดทิ้งในอดีต ไม่ถูกทอดทิ้งอยู่
ในปัจจุบัน และจักไม่ถูกทอดทิ้งในอนาคต อันสมณพราหมณ์
ผู้รู้ไม่คัดค้าน. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นท่อธารแห่งบุญ เป็น
ที่ไหลออกแห่งกุศล นำมาซึ่งสุข เป็นไปเพื่อยอดสุดอันดี
มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อสวรรค์ เป็นไปเพื่อประโยชน์
เกื้อกูลเพื่อความสุขอันพึงปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ.

(ในกรณีศีล ๕ อีกสี่ข้อที่เหลือ คือ การเว้นขาดจาก
อทินนาทาน, การเว้นขาดจากกาเมสุมิฉาจาร, การเว้นขาดจากมุสาวาท
และการเว้นขาดจากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท ก็ได้ตรัสโดยมีนัยอย่างเดียวกัน)
ภิกษุ ท. ! ทาน ๕ ประการนี้แล เป็นมหาทาน
รู้จักกันว่าเป็นของเลิศ เป็นของมีมานาน เป็นของ
ประพฤติสืบกันมาแต่โบราณ ไม่ถูกทอดทิ้งเลย ไม่เคยถูก
ทอดทิ้งในอดีต ไม่ถูกทอดทิ้งอยู่ในปัจจุบัน และจักไม่ถูก
ทอดทิ้งในอนาคต อันสมณพราหมณ์ผู้รู้ไม่คัดค้าน.
อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๒๕๐/๑๒๙.

 

ธรรมะคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มนุษย์ไม่ยอมใส่ใจที่จะปฏิบัติตาม จึงไม่รู้ถึงประสิทธิภาพว่า
สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคได้ทุกเรื่อง
รู้เท่าทันกรรม ไม่มีทุกข์ และ สามารถตัดกรรมหรือล้างกรรมให้แก่ตนเองได้
การปฏิบัติตนในเส้นทางคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอย่างถาวร
และมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะทุกคนสามารถกำหนดชะตาชีวิตตนเองได้
ไม่ต้องพึ่งพาอำนาจใดๆมาช่วยเหลือให้ตนเองพ้นทุกข์ได้เพียงชั่วคราว
แล้วก็กลับมาเป็นทุกข์อีก ซึ่งญาณเทวดาทั้งหลายพร้อมที่จะช่วยเหลือมนุษย์
ซึ่งในหลักการช่วยเหลือผู้อื่นนั้น เป็นวิธีการสร้างบุญกุศลของทุกดวงจิต
ดวงจิตที่มีสังขาร (มนุษย์) และ ดวงจิตที่ไม่มีสังขาร (จิตบำเพ็ญทั้งหลายและเทวดา)
โดยสามารถแยกแยะให้เห็นชัดเจนดังนี้

จิตเทวดา มักไม่อ้างตนเองว่าเป็นผู้ใด เปรียบเหมือนกับคนที่มีการศึกษาสูงสอนแต่เรื่องธรรมะ และนำพาเดินในเส้นทางแห่งความดีประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีล ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าสอน ให้มนุษย์แก้ไขปัญหาตนเองพึ่งตนเอง หรือใช้บุญฤทธิ์ช่วยโดยการแผ่บุญกุศลของเทวดาให้กับเจ้ากรรมนายเวรล่วงหน้า แล้วสอนให้มนุษย์ฝึกการสร้างบุญกุศลด้วยตนเองให้ถูกต้อง ถูกวิธี ตามกรรมของตนเอง ข้อสำคัญ สอนละทิ้งกิเลสทุกอย่าง เช่น ความอยากได้ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ลดทิฐิไม่ถือตนเหนือกว่าใคร รู้จักการให้อภัยและอโหสิกรรมกับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น ปฏิบัติตนเป็นผู้มีความเมตตา ใช้หลักความเป็นจริงในการสอนและดำรงชีวิตมองทุกอย่างในโลกเป็นให้เห็นเป็นสัจธรรม มีเกิดขึ้นก็มีดับได้เช่นกัน

จิตบำเพ็ญ เป็นจิตที่มีพื้นฐานบุญอยู่บ้าง บำเพ็ญสร้างความดีสู่อานิสงส์แห่งการหลุดพ้นกรรม มีการสอนธรรมะบ้างแต่ไม่ละเอียดชัดเจนเหมือนจิตเทวดา ยังชอบแอบอ้าง ตนเองเป็นผู้นั้นผู้นี้ ยึดติดความยิ่งใหญ่ในญาณ เป็นจิตที่ยังติดกิเลสอยู่ยังมีความต้องการมนุษย์มากราบไหว้และลาภสักการะ มีการใช้เวทมนต์คาถาเพื่อช่วยมนุษย์อยู่ ให้โชคลาภช่วยเหลือมนุษย์ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคภัย ดูโชคชะตา สิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างทรงและจิตบำเพ็ญติดกรรมและรับกรรมที่มาจากผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ เพราะจิตบำเพ็ญไม่มีบุญกุศลเพียงพอที่จะลบล้างในกรรมทั้งหลายของมนุษย์ได้ เหมือนดั่งเช่นจิตเทวดา

วิญญาณ จิตนี้จะมาแทรกอยู่กับร่างทรง อาจเป็นจิตของเจ้ากรรมนายเวรกันมา จิตนี้เปรียบเหมือนคนไร้การศึกษาคือไม่รู้ธรรมะเลย สอนมนุษย์ทำความดีไม่ได้เพราะตัวจิตญาณเองก็ทำไม่เป็น จะทำแต่ในเรื่องที่ตรงข้ามกับความดีมุ่งทำลายผู้อื่น เช่น การทำคุณไสยในลักษณะต่างๆ ผู้เป็นร่างทรงของจิตวิญญาณนี้จะมีบุคลิกไม่น่าเคารพเชื่อถือ และมักนำพาให้ทำแต่เรื่องที่ผิดศีลธรรม ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ใช้จิตวิญญาณทำร้ายผู้อื่นเมื่อเกิดความไม่พอใจ ไม่สอนให้อภัยหรือปล่อยวางกับเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นผลให้สังขารมนุษย์และจิตวิญญาณนั้นสร้างกรรมใหม่อย่างไม่มีวันจบสิ้น

จิตทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากมาแทรกอยู่ในดวงใจร่างสังขารผู้ใด เขาก็ทำหน้าที่เป็นสายสัญญาบุญ หรือสายสัญญากรรมกับเรา สาเหตุที่จิตทั้งหลายดังกล่าวต้องการใช้สังขารของเราช่วยเหลือมนุษย์ เพราะว่าต้องการได้บุญกุศล และเพื่อลบล้างวิบากกรรม หากช่วยได้ถูกต้อง ทั้งร่างทรงสังขารและจิตบำเพ็ญก็ได้บุญ หากช่วยไม่ถูกต้องไม่ถูกวิธีก็เป็นการสร้างกรรมใหม่ต่อไป

ส่วน จิตเทวดา นั้นสามารถผ่านเข้าไปในจิตได้ทุกสังขารที่มีจิตบริสุทธิ์ ที่คิดดีทำดีมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพื่อสอนธรรมะแก่มนุษย์ เพราะเทวดาทุกองค์เดินตามคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน ยิ่งหากสังขารร่างฝึกปฏิบัติตนอยู่ในศีลและธรรมได้ดีเพียงใด จิตเทวดาก็มานำทางสร้างบุญให้กับสังขารร่างนั้นได้บ่อยขึ้นเพียงนั้น ดังนั้นสังขารมนุษย์ไม่ควรรังเกียจจิตบำเพ็ญ หรือจิตใดๆที่มาใช้สังขารตนเอง แต่ให้ใช้ความคิดและจิตมนุษย์กลั่นกรองพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในหลักความเป็นจริงที่ถูกต้องและมีคุณธรรมทั้งหลาย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามตนเองก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง เนื่องจากเป็นสายสัญญาบุญหรือสายสัญญากรรมที่เกี่ยวข้องกับตนในการเกิดแต่ละครั้ง เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสชดใช้สัญญากรรมในอดีตชาติ และสร้างบุญกุศล และเป็นทุนหนุนนำในการดำเนินชีวิตที่เป็นอานิสงส์ในชาติต่อไป
__________________

Jitphontook

 

วันนี้มองดูตนเอ็งว่าเราโง่มาก ที่ได้เกิดมาเพราะความโง่ของเราจึงทำให้เราเกิด
อำนาจของกรรมที่ทำให้เราเกิด ทำให้ส่งผลถึงปัจจุบันผมเอ็งก็พอเข้าใจหลักธรรมนะครับ แต่ก็ยังไม่มีปัญญาพอเพียงแต่แค่รักษาศีล สวดมนต์ ทำบุญตามกำลังแต่ก่อนอยากไปครับนิพพานเพราะจะได้ไม่เกิดอีก แต่ต้องผ่านบททดสอบแทบเอาชีวิตไม่รอด พอเริ่มดีก็ไม่เหมือนเก่าทำงานประสิทธิภาพก็ไม่เหมือนเก่า ผมพยายามทำบุญถึงผมไมปัจจัยมากมายผมก็ชวนคนร่วมบุญกับผมผมทำได้เท่านี้จริงๆ ผมไม่สามารถเลือกเกิดได้ ผมไม่สามารถย้อนอดีตได้ ไปแก้ใขสิ่งต่างๆในอดีตได้ เพียงบอกตนเอ็งว่าต้องเข้มแข็ง อยูกับพระพุทธเจ้าเมื่อได้ขึ้นไปได้เห็นวิหารแก้วยอดบนเป็นหลังคาแก้วทรงจตุรมุข มันกว้างมากท่านนั้งอยู่ตรงกลาง พร้อมแผ่บารมีให้ผมขาวไปหมด ผมปิติมากและผมคิดว่าที่ผมรอดมาได้ทุกวันนี้ก็บารมีพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะตอนที่ผมจะป่วยตอนเป็นพระ สิ่งสักดิ์สิทธิ์ให้ผมออกจากวัด แต่ผมก็ไม่ออกเพราะเพียงแต่ว่าจะรอส่งพระเพื่อนก่อนและให้พรเขา แต่ด้วยวิบากกรรมที่ส่งผลกับผมมันไม่ทันแล้ว ตอนที่ผมป่วยผมคิดเลยนะว่าทำความดีมาก็มากมาย ทำไมชีวิตผมต้องเป็นแบบนีด้วย ผมบอกเจ้ากรรมนายเวรว่าอยากได้ชีวิตผมก็เอาไปเลย เพราะผมไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตนี้ไปฝากกับใครอีกแล้ว ตอนที่ผมป่วยก็ได้ความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บารมีครูบาอาจารย์ อีกองค์ที่ขาดไม่ได้ก็คือหลวงปูจันทา ถาวโร มาช่วยด้วยกำลังญานบารมีของท่านดดยแท้ท่านมาช่วยผมด้วยกำลังญานบารมีอาทิตยืเดียวแล้วท่านก็มรณะภาพ เพราะผมต้อเข้าทำงานด้วยสติที่ไม่ค่อยดีของผม ด้วยปัญหาทางบ้านมากมายซื่งคนสติไม่ดีแบบผมรับไม่ใหวต้องไปหางานทำ ผมมาสมัครงานผมก็มาที่อยุธยาผมยืมรถเพื่อนไปวัดพนัญเชิญ เพื่อไปกราบหลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิงเพราะผมเคารพท่านมาก ผมไปวัดพนัญเชิง เข้าประตูผมเห็นองค์หลวงพ่อโต ผมึงกับร้องให้แล้วขอบารมีหลวงพ่อคุ้มครองกายและสังขารของผม ผมร้องให้และกล่างในใจว่าเมื่อไรผมจะหายเพราะผมต้องไปทำงานถ้าสติของผมเป็นอย่างนี้ผมคงไปทำงานไม่ได้แน่ และแล้วหัวหน้าก็เรียกผมไปสัมภาสษ์งานที่บริษัท ผมเข้าไปก็ไปขอความเมตตาจากท่านตาและท่านยายที่ศาลตายายของบริษัท พร้อมกล่าวกับท่านตาและท่านยายว่าผมไม่มีที่พึ่งเลยขอให้ท่านตาท่านยายเมตตาให้ผมได้ทำงานด้วยเทอญ เพราะผมไม่รู้จะไปพึ่งใครที่ใหนผมขนลุกแรงพอควรเหมือนท่านจะเมตตาผม ผมผ่านสัมภาสษ์งานทั้งที่สติผมไม่สู้ดี ผมบอกตนเอ็งในใจเสมอต้องเข้มแข็งผมไปทำงานคอผมยังเอียงอยู่นะเพราะปวดหัวมาก เวลาเบรค ผมจะไปสวดมนต์รรมจักร 1 จบ และบทสวดอื่นๆ พร้อมนั้งสมาธิให้เจ้ากรรมนายเวรทำทุกวัน ทำจนทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ทุกครั้งที่ยกมือใหว้ท่านตาและท่านยาย ผมก็ขนลุกตลอดและรับรุ้ถึงความเมตตาท่านตาท่านยาย เลยมองว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงครับ......thitiwats

 

คนที่เขารักเราต่อให้เราไล่เขาเท่าไรเขาก็ไม่ไป และไม่ทำผิดต่อเราแน่นอน
แต่คนที่เขาคิดไม่ดี ไม่ชอบเราต่อให้เราเหนี่ยวรั้งขนาดใหนเขาก็ไปอยู่ดี แต่มองในอดีตแล้วเราทำกับเขาไว้เยอะเราต้องสำนึกผิดเสมออะไรที่เขาไม่ชอบเราไม่ควรกระทำ เพราะผมคิดว่าผมยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกผมไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก เพราะกรรมผมถึงไม่กระทำกรรมเพื่มและรักษาศีล เพื่อเป็นหลักประกันชีวิตของผม คนเราหนีกรรมไม่ได้หลอกครับเมื่อถึงเวลาที่จะใช้มันก็ต้องใช้ แต่ถ้าคนมีเมตตาธรรมจิตใจมันต่างกันครับ แต่พระอริยะเจ้าที่ผมเห็นก็จะมีแต่เมตตา

 

จิตตกเหรอคะ... เรื่องร้าย ความคิดบั่นทอน มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แม้จะนาน แต่สุดท้ายก็ดับไม่ใช่เหรอคะ ขอให้ผ่านไปให้ได้นะคะ

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธรรมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ
ขอพระคุ้มครอง บุญรักษานะคะ

 

ขอบคุณนะครับคุณเต่าโบราน เขียนไว้ให้คนอ่านครับ มันเป็นเรื่องจริงครับเกี่ยวกับชีวิตของผมครับ ผมพร้อมสู้กับปัญหาทุกอย่างครับ แต่เนื่องด้วยความเป็นปถุชนทำให้อารมย์ไม่คงที่ครับเลยเขียนเก็บไว้อ่านครับ ที่จริงอยากไปปฎิบัติธรรมครับแต่เนื่องด้วยทำงานโรงงานจึงไม่มีเวลาที่จะไปปฏิบัติธรรมครับ เลยมาเขียนกระทู้ไว้ให้กำลังใจตนเอ็งว่าแต่ก่อนเป็นอย่างไรครับ เพราะสิ่งไม่ดีมันก็เป็นกำลังใจให้ผมครับ ขอบคุณคุณเต่าโบรานมากนะครับ ชื่อแปลกดีนะครับ แต่ตัวจริงนี้ไม่ใช่เต่าเลย ขอให้เจริญในธรรมนะครับ ...thitiwats