ท่านว่าระดับธรรมของท่าน สูงหรือไม่ เพราะอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Jan2014, 18 พฤษภาคม 2014.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านทั้งหลายอยากรู้ว่านิพพานเป็นอย่างไร. ลองทำแบบนี้ดูนะครับ. เอากระดาษขาวมาเขียนจุดหรือวงกลมเล็กๆ. แต่ละจุดเป็นตัวแทนของขันธ์ห้า. รูป เวทนา สัญญา. สังขาร วิญญาน. ทีนี้ก็ลบออกทีละอย่าง. ลบสังขารออกก่อน. ลบรูปตามมา ลบเวทนา. แล้วก็ลบสัญญา. ที่นี้ก็จะเหลือตัวจิต(วิญญานขันธ์ล้วนๆ.) แล้วจิตจะรู้อะไรเห็นอะไรครับ. จิตก็รู้แต่กระดาษขาวนั้นไง.หลงมานานตัวโมหะที่เป็นรากฐานของอวิชาก็ถูกทำลายลงมานานที่ไปยึดติดขันธ์5ว่าเป็นเรา กระดาษนั้นก็คือนิพพานหรือความว่างจากทุกสิ่ง. ซึ่งเป็นผลงานจากการเข้าถึงการดับสังขารทั้งหลาย ผมคิดว่าประมาณนี้นะครับ. คุยกันเล่นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2015
  2. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    คุยขำๆ
    ถ้าแบบนี้ ลบจิตด้วยดีมั้ย ? เพราะเห็นเขียนว่า
    "แต่ละจุดเป็นตัวแทนของขันธ์ห้า. รูป เวทนา สัญญา. สังขาร วิญญาน"
    (แล้วอะไรมันจะไปเห็นกระดาษขาวหว่า)

    เพราะ ถ้าบางสำนักเห็นไปว่า จิต กับ วิญญาณในขันธ์ 5 เป็นอันเดียวกันอย่างแยกไม่ออก
    แล้วรวม กับที่ไปดึงจากพระสูตรที่ บอก จิต เกิดดับตลอด ทั้ง กลางวัน กลางคืน เหมือนลิงกระโดด
    แบบนี้ก็สามารถลากเข้าใจไปได้ว่า จิต เป็นอนัตตา โดยอ้างอิงได้จาก ตามที่ว่า ขันธ์5 ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน ไม่ควรยึด ไม่ควรเห็นว่านั้นเป็นเราเป็นของเรา ไรทำนองนี้ ได้เลย :cool:
    ถ้าจะบอกว่า เขียนผิด จริงๆต้องเขียน 4 จุด
    มันก็ต้องเขียนทั้ง 5 ไว้ในกระดาษขาวให้หมดซิ เพราะถ้ามันอยู่ใน กฏเงื่อนไขเดียวกัน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้

    ถ้าจะบอกว่า 5 จุดถูกแล้ว
    การที่กระโดดไปเป็นอีกอย่างมองดู กระดาษห่างๆ แสดงว่ามันอยู่นอกกฏดิ หรือมันเป็นคนละตัวกันหว่า ?
     
  3. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    วิญญานซิที่เห็นกระดาษหรือนิพพานเพราะมันยังไม่ได้ดับไปสุดท้ายเมื่อเราตายเข้าสู่นิพพานจุดที่ห้าก็ต้องลบไปเอง. แต่ที่กล่าวข้างต้นนั้นพอจะทำให้เราเห็นว่าที่จริงแล้วนิพพานมันก็มีอยู่ตามปรกติอยู่แล้ว. แต่เราเข้าไม่ถึงเพราะความหลงยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5ว่าป็นเราเป็นตนแบบนี้. จึงทำให้เราไม่สามารถที่จะเข้าถึงความจริงสูงสุดคือความหลุดพ้นจากอวิชา. การดับสังขารทั้งหลายนั้นแหล่ะครับคือการเข้าถึงความจริงอันสูงสุด. เรื่องราวทั้งหมดที่เราเรียนกันมาก็เพื่อให้เราปฎิบัติไปถึงจุดนี้โดยความเข้าใจทีละน้อยๆที่ละน้อย. แต่ก็ยังมีการไม่เข้าใจอีกมากว่าที่สุดแล้วการดับสังขารทั้งหลายนั้นเองคือการดับวงจรปฎิจสมุปบาท.
    หลังที่อวิชามันเกิดขึ้นมาแล้ว. ไม่สามารถแก้ตรงไหนได้. ตรงอื่นนั้นเป็นเพียงเรื่องราวที่บ่งบอกถึงการร้อยเรียงไปถึงเหตุแห่งภพ ชาติ. ชรา. มรณะแค่นั้น. ส่วนถามผมว่าจิตเกิดดับ. ใช่ครับลักษณะของมันเป็นอย่างนั้นแต่หน้าที่ของมันมีหน้าที่รู้เพียงอย่างเดียวมันเกิดดับไปพร้อมสิ่งที่มันรู้ในระบบของสังขตะธรรม แต่เวลาจิตเขาประจักษ์นิพพานธาตุในชั่วขณะจิตนั้นจิตได้พบกับกระดาษสีขาวนั้น. จะเกิดวิชาวิมุติหรือที่เรียกว่า จักขุ. ญาน. ปัญญา. วิชา. แสงสว่างนั้นเอง
     
  4. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - ไม่อ้างอิงใครนะครับ กลัวเขาว่าให้

    - นักวิทยาศาสตร์ สร้างหุ่นยนต์ ณ ปัจจุบัน มีความสามารถ เท่ากับเด็ก สองขวบ ถ้าในอนาคต ถ้าเขาสร้างให้มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ พร้อมใส่ ความรู้สึกนึกคิดต่างๆได้ด้วย แต่อย่างไร ก็ไม่สามารถ ทำให้เป็นมนุษย์ได้ เพราะอะไร

    - จิต เจตสิค รูป สร้างได้ในหุ่นยนต์ แต่มีสิ่งหนึ่ง ไม่สามารถ สร้างได้คือ นิพพานธาตุ

    - ถ้ามี แต่จิต เจตสิค รูป แล้ว ก็เป็น สัตว์ไม่ได้ ยกตัวอย่างพระอรหันต์ ตัดกิเลสสังโยชน์ได้ จึงตัดความผูกพันธ์ กับตัวจิต เจตสิค รูป ดังนั้นร่างกายท่านก็มีลักษณะดุจหุ่นยนต์นั้นแหละ

    - ถ้าผู้ที่ ทำสติปัฏฐานสี่ ไม่รู้จักว่า สัมปชัญญะมันคืออะไร อันนี้ไม่ได้อ่านและแปลเอา ให้ฝึกคลำหาเอา ว่ามันคืออะไร แล้ว ก็ถือว่ายังไม่เข้าใจเทคนิคสติปัฏฐาน

    - ในพระสูตร อย่างในหมวด อานาปานสติ ท่านให้รู้ลมสั้น รู้ลมยาว นี้ก็ฝึก สัมปชัญญะ ท่านให้รู้ชัด สิ่งนั้นสิ่งนี้ นี้ก็คือรู้ได้ด้วยสัมปชัญญะ

    - ตัวจิตเป็นตัวป้อนข้อมุลให้ตัวญาณ เพื่อให้เกิด วิปัสสนาญาณ ต้องมีทั้งสองตัวจึงจะ ทำวิปัสสนาได้
    - ตรัสรู้ เพื่อให้เห็นความจริง ว่า ขันธ์ห้าเป็นไตรลักษณ์ เพื่อให้เกิดวิปัสสนาญาณ อสวัขยญาณ เพื่อให้ตัดกิเลสสังโยชน์
    - ตรัสรู้ เพื่อให้ออกจากจิต มิใช่อยู่ในจิต เพราะจิต เป็นตัวปัญหา จิตเป็นตัวเก็บ วิบากกรรม อย่างน่ากลัว

    - ขอบคุณที่อ่านนะครับ
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๙.๔๑

    คุยกันเล่นๆ แต่เอาจริงๆ นะครับ หึหึหึ



    - สัมปชัญญะคือความรู้สึกตัว ผมบอกว่าไม่ใช่จิต
    - ญาณก็ไม่ใช่จิต เช่นรู้ได้ด้วยญาณ


    - รู้สึกตัว นั่นคือกิริยา แล้วอะไรรู้สึกล่ะ อ๋อ..จิตนั่นเอง ที่เป็นผู้รู้สึกเช่นนั้น

    - รู้ได้ด้วยญาน นั่นคือไอเท็มใหม่ที่ได้มา รู้ได้ด้วยวิธีที่ต่างจากของเดิม

    - ญานในที่นี้ ท่านหมายถึงการหยั่งรู้รึเปล่า จำกัดความให้แคบลง แม่นยำสุดๆ
    การรู้ได้ด้วยญาน คือรู้ได้โดยไม่ใช่การคิด การคำนวณ การเปรียบเทียบ บลาๆๆ
    แต่เป็นการรู้ได้ โดยเทคนิค หรือช่องทางพิเศษ ผ่านไอเท็มที่ว่านี่แหละ มั้งนะ

    - รู้ได้ในพริบตา แล้วอะไรล่ะ ที่รู้ อ๋อ..ก็จิตล่ะมั้งนะ ที่เป็นผู้รู้ ใช่มะใช่มะ

    - ที่สุดของปลายทาง มันก็ต้องมีตัวรับรู้ ผู้รู้ หรือ ก็คือจิตนั่นเอง
    - ญานน่ะ เป็นแค่วิธี วิถี ช่องทาง กิริยา พาหนะ หรือก็คือ ยาน นั่นเอง
    เป็นตัวพามา พาไป ไปหามา พาไปเจอ พาไปรู้ แต่ตัวมันเองไม่รู้หรอกน่า นะ



    - ส่วนท่านบอกว่า จิตก็คือ ญาณ จิตก็คือ สัมปชัญญะ เพียงแต่สับไปมาเร็วมาก ท่านเข้าใจเช่นนี้ใช่หรือไม่

    - ผมจะถามท่านว่า ปรมัตถธรรม มี 4 ประเภท คือ จิด เจตสิก รูป และนิพพาน


    - ใช่ แม่นแล้ว แต่ไม่ใช่อย่างที่ท่านเข้าใจ ความเข้าใจของเรา ต่างกันแยะ
    - อภิธรรมไม่เอา แยะไป รกสมอง ชอบแต่เนื้อๆ ว่ากันเฉพาะแก่นล้วนๆ


    - เมื่อพระอรหันต์ ดับขันธ์ ก็คงเหลือ สิ่งหนึ่งที่เรียกว่า นิพพานธาตุ แล้วจะถามท่านว่า
    นิพพานธาตุ ยังคงรับรู้สิ่งต่างๆ หรือไม่ หรือว่า ไม่รับรู้สิ่งไดเลย

    - นิพพานธาตุ ขณะที่อยู่ในร่างเรานี้ มีลักษณะ ไม่รับรู้สิ่งไดเลยหรือเปล่า
    นิพพานธาตุก็คือ นามธรรมอันหนึ่ง ที่ไม่เกิดไม่ดับ เที่ยง คงที่อยู่ ท่านเคยได้ยินสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า


    - เรื่องไม่รับรู้ เริ่มจากนิพพานก่อนเลย ขอบอก ว่าไม่ขอรับรู้ด้วย
    เรื่องนิพพาน ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยกันให้เข้าใจได้ ไม่มีทาง ไม่ใช่แถวนี้


    ลองมาดูพระสูตรนี้นะครับ

    ไม่ดู ไม่ใช่แนว ธรรมมะของเรา เรียนจากธรรมชาติ
    รับรู้ด้วยใจ มิใช่สมอง
    คิดค้นทดลอง ไตร่ตรองต้องตัน หึหึหึ

    ขี้เกียจแกะทีละประเด็นออกมาให้ดูแล้ว ชักหิวแล้วสิ เปลืองพลังงานจังแฮะ

    พวกท่านร่ำเรียนจากตำรา ที่ตกทอดกันมา แต่เรามิใช่
    เราเรียนจากธรรมชาติ จากกาย จากจิต จากสิ่งรอบตัว
    ซึ่งแปลว่า เรียนสำนักเดียวกับพุทธะ เป็นศิษย์ผู้น้อง ในสำนักเดียวกันอ่ะ ๕๕๕

    คิดว่างั้นนะ มิได้บังอาจ หรืออาจเอื้อม แต่รู้สึกได้เช่นนั้น
    หลักธรรมต่างๆ มาเรียนรู้ทีหลัง ใช้เปรียบเทียบยืนยันเท่านั้นแหละ มั้งนะ

    ประตูสู่พุทธะของเรา ประกอบด้วยหลักวิชาหลากหลาย
    มิใช่เดินตามไตรปิฏก เส้นทางของเราต่างกัน ขอบอก หึหึหึ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / ค้างคาวปล่อยแสง

    .
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    โปรดพิจารณา..

    คนเราบางทีไม่จำเป็นต้องรู้หมดฉลาดหมดทุกเรื่องก็ได้
    อย่างเช่นพระไตรปิฎกมี ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์นี้
    เป็นพระปัญญาธิคุณส่วนพระพุทธองค์เท่านั้น
    เหล่าพุทธบริษัทขอเพียงตั้งใจเรียนคาถาธรรม
    เพียงบทเดียวหรือเท่าที่จำเป็นไม่ต้องมากก็พอแล้ว
    แต่ให้เข้าใจทั่วถึงทะลุปรุโปร่งเห็นตามความเป็นจริงให้ได้ก็พอ
    การพยายามไปรู้เยอะรู้กว้างรู้ไปหมดทุกเรื่อง มันจะหนักเกินไป
    ผลคือฟุ้งซ่าน หลงความรู้ความคิดไปอย่างเดียว กลายเป็นทุกข์แบบไม่รู้ตัวเลย
     
  7. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ถูกไม่หมด. พระองค์กล่าวไว้ก็จริงครับแม้ธรรมเพียงหนึ่งบทก็สามารถทำให้เราพบความสุขตลอดกาลนานได้. แต่การรู้ธรรมะยิ่งมากเท่าไหร่นั้นเป็นการดี. ธรรมะพระองค์ไม่มีฟุ้งซ่านแน่นอนรับประกัน. เพราะธรรมะพระองค์นั้นเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายพ้นทุกข์ทั้งนั้น. แต่ล่ะคนอาจจะมีความสามารถไม่เท่ากัน. การสะสมสุดตะเป็นการดี. เปรียบเหมือนยามออกศึกสงครามจะมีอาวุธไว้ครบมือครับ
     
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    อ้าว! เห็นทีแรกยกอ้างแต่พุทธวจน ๆ
    มาตอนนี้เริ่มมี "แต่" ขึ้นมาละ เริ่มเถียงเริ่มคัดค้าน
    ไม่ฟังคำสอนของพระองค์ท่านละ โปรดระวังเรื่องความฟุ้งซ่านให้มาก
    โดยเฉพาะความฟุ้งในธรรมนะครับ
     
  9. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +676
    ตอนยังเลวอยู่ครับ ถ้าดีนี่ตอนนี้ผมนิพพาน แล้วครับ
     
  10. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    แต่นี้ก็ไม่ใช่แต่ผม. เป็นสิ่งพระองค์ตรัสไว้
     
  11. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    บางส่วน จาก อาทิตตปริยายสูตร เอาจริงๆที่มา เหมือนมี 2 ที่
    แบบโดยย่อกับแบบเต็ม

    ส่วนอีกสูตรที่เป็นแบบโดยย่อ กล่าวว่า
    ขออนุญาติลิงก์ไปยังคลิปเนื้อหาที่อ้างอิงแต่แรก
    https://www.youtube.com/watch?v=oLcsZdq6LK4
    นาทีแรกๆ กับนาทีที่ 3.33 พูดบอกว่าเป็นอันเดียวกันซะงั้น ?
     
  12. Shinozuke

    Shinozuke Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2015
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +60
    รู้เยอะ แล้วรู้จักวางข้อมูลที่ไม่ได้เป็นการดับเหตุแห่งทุกข์ได้ก็ดี
    รู้เยอะ แต่ไม่รู้จักวางข้อมูลที่ไม่ได้เป็นการดับเหตุแห่งทุกข์ได้ มัวแต่ครุ่นคิดในข้อมูลเหล่านั้น จนกลายเป็นเหตุแห่งทุกข์ รู้เยอะอย่างนั้นไม่ดี เรียกว่าฟุ้งซ่าน
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ผู้ที่รู้เยอะนะเขารู้ว่าจะวางอะไร
    แต่คนที่รู้น้อยจึงวางไม่เป็น. จึงมีเรื่องเยอะ. หาเรื่องใส่ตัวเองบ้าง
     
  14. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ^__^
     
  15. Shinozuke

    Shinozuke Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2015
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +60
    รู้เยอะ แต่ไม่รู้ในส่วนที่ควรวาง จะวางได้อย่างไร

    รู้น้อย แต่รู้ในส่วนที่ควรวาง จะวางไม่ได้ ได้อย่างไร

    รู้เยอะ แล้วก็รู้ในส่วนที่ควรวาง วางได้
    รู้เยอะ แต่ยังไม่รู้ในส่วนที่ควรวาง วางไม่ได้
    รู้น้อย แต่รู้ในส่วนที่ควรวาง วางได้
    รู้น้อย แล้วยังไม่รู้ในส่วนที่ควรวาง วางไม่ได้
     
  16. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    พลังปัญญาสูงส่งมากเพียงใด ย่อมอยู่ห่างไกลจากกิเลสได้มากเพียงนั้น ^__^
     
  17. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    การรู้เยอะในพระธรรมมีแต่จะทำให้วางได้ครับ. แต่ถ้ารู้เยอะทางโลกนั้นแหล่ะครับที่จะฟุ้ง
     
  18. Shinozuke

    Shinozuke Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2015
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอท่านโปรดพิจารณาดูอีกที

     
  19. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ปัญญาเป็นของเกิดดับ ใยว่าสูงส่ง
    ญาณนั้นหรือคือรู้ทุกข์ตามความเป็นจริง
    สูงส่งหรือต่ำต้อยเหล่านั้นเป็นเรื่องของการหลงความคิด
    หลงสำคัญมั่นหมายในความมีความเป็นไปเอง

    โปรดพิจารณา
     
  20. Shinozuke

    Shinozuke Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2015
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +60
    เป็นคำถามที่น่าตอบจัง
    แต่ในเมื่อ quote ท่าน DR-NOTH มา ก็ไว้ให้ท่านตอบก็แล้วกัน ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...