ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เป็นประเทศที่ดีแต่เอาดีใส่ตัว แต่พอเรื่องชั่วๆ กลับโยนความผิดให้ผู้อื่น ถ้าแบบนี้รัฐบาลอัฟกานิสถานก็ต้องมาเป็นแพะ อาชญากรสงครามแทนสหรัฐอเมริกา น่ะสิครับ สหรัฐฯโยนบาป!โบ้ยกองทัพอัฟกันร้องขอให้ทิ้งบอมบ์ถล่มรพ.คุนดุซ

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    ขอแสดงความยินดีกับท่านคุรุจิต นาครทรรพ อดีตปลัดกระทรวงพลังงานที่ได้เป็น สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งรายชื่อ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ประกาศลงใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์รูปภาพของ Dawning Golden Crystal Age

    [​IMG]

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/8fMXKkDtWG0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    https://www.youtube.com/watch?v=8fMXKkDtWG0

    ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในตอนเย็นของวัน 28 กันยายน 2015 ในไต้หวัน
    Sky turned Blood Red on the evening of September 28, 2015 in Taiwan.

    ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ เกิดขึ้นหลังจากพายุไต้ฝุ่น Dujuan โจมตีไทตง ประเทศไต้หวัน

    .
    Weird phenomenon just occurred after the Typhoon Dujuan hit Taitung, Taiwan.
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    น่าสังเวชกับสิ่งเลวร้ายที่คุกคามประชาชนทั่วทุกมุมโลกครับ ..
    ใครจะรู้ว่าภัยนั้นกำลังจะมาถึงเราเต็มที่จนต้องเร่ร่อนพลัดถิ่นกันเมื่อใด...
    เวลานี้มันก็กำลังมาอยู่แล้ว พร้อมความโลภจนหน้ามืดของคนไม่กี่ตระกูล...

    ..... ขอบคุณข้อมูลครับ ท่านสุกิจSukit...รักษาสุขภาพด้วยครับ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    MiG-29 vs F-16: รัสเซียส่งเครื่องบินรบแฉล็บน่านฟ้าตุรกี ตุรกีส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าสะกัดทันที สหรัฐฯได้ทีช่วยโวยวายอีกแรง แต่ลืมไปว่าตัวเองและพรรคพวกเคยลุกล้ำน่านฟ้าและอธิปไตยของซีเรียนับครั้งไม่ถ้วน

    [​IMG]

    ----------
    เอาหละมาตามสัญญา ตามที่ได้พูดไว้ในตอนท้ายของโพส์ปธน.อัสซาดให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจะลงจากตำแหน่งหากสามารถแก้ไขปัญหาในซีเรียได้จริง คราวนี้ก็มาถึงข่าวสนุกๆ แต่ไม่สนุกสำหรับตุรกีและนาโต้แน่ๆ ดังกระหึ่มโลกเลย เพราะสื่อฯจั๊กกะจั่นกระบอกเสียงของสหรัฐฯต่างก็พากันร้องระงมเกี่ยวกับ "วีรกรรม!" แสบๆของกองทัพอากาศรัสเซียสอนมวยตุรกีกับนาโต้
    วันที่ 5 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "กรุงอังการากล่าวหาเครื่องบินรบของรัสเซียว่าละเมิดน่านฟ้าของตุรกี" (Ankara Accuses Russian Warplane of Violating Turkish Airspace) (Yep, it's true รัสเซียไม่ปฏิเสธ) ต่อมา Sputnik news พาดหัวข่าวอีกว่า "กรุงมอสโคว์และกรุงอังการา ได้เคลียร์ปัญหาเหตุการณ์ละเมิดน่านฟ้าของตุรกี (เรียบร้อยแล้ว มาไว เคลมไว สไตล์รัสเซีย)" (Moscow, Ankara Settle Turkish Airspace Violation Incident) Sputnik ไม่ได้บอกว่ารัสเซียใช้เครื่องบินรบรุ่นไหน เฉี่ยวเข้าไปในน่านฟ้าของตุรกี แต่ RT บอก งั้นของเลือกข่าวจาก RT มาแปลนะครับ
    สำนักข่าว RT news พาดหัวข่าวว่า "ตุรกีกล่าวว่า 'ไม่มีความตึงเครียดใดๆ' หลังจากความผิดพลาดของเครื่องบินรบรัสเซียที่ (บินไปสูดอากาศเล่น) ละเมิดน่านฟ้าของตุรกีเลยสักนิดเดียว, นาโต้ร้องระงม ฮิ้วววว!" (Turkey says ‘no tension’ after Russian airspace violation mistake, NATO cries foul)
    เนี่ย… แอ็ดมินชอบสื่อฯรัสเซียตรงนี้แหละ "NATO cries foul" เย้ยกันเห็นๆอ่ะ เยสสสส! That's it. สำนักข่าว RT บอกว่ารัสเซียได้ยอมรับ (อย่างลูกผู้ชาย) ที่ทำผิดพลาดหลังจากที่เครื่องบินรบของรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของตุรกี (โดยไม่ได้ปล่อยขีปนาวุธเข้าใส่แคมป์ฝึกกบฏของสหรัฐฯในตุรกีด้วย นี่คือสิ่งที่รัสเซียอยากจะบอก มันเป็นความผิดพลาดตรงนี้แหละ สหรัฐฯเข้าใจหรือเปล่า คริๆ) กรุงอังการาได้ยอมรับในเรื่องนี้ (ยอมรับการยอมรับของรัสเซีย ฮ่าๆๆ) โดยกล่าวว่า "ไม่มีความรู้สึกไม่ดี ระหว่างสองประเทศ" (there is no ill feeling between the two countries) (อัยย๊ะ! พูดไปได้อย่างไรนี่ สหรัฐฯอุดส่าห์ออกมาช่วยโวยวายให้แล้วนะ ทำไมจู่ๆตุรกีถึงได้พูดแบบนี้หละนี่?) แต่นาโต้ได้กระแทกกระทั้น (slam) กรุงมอสโคว์สำหรับสิ่งที่ (นาโต้) ถือว่า "พฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ" (irresponsible behavior) (อ้าว! ก็เจ้าบ้านเขาบอกว่าไม่มีปัญหาอย่างไรเล่า คุณยังจะมาโวยวายหาอะไรอีกรึ?)
    รายงานข่าวบอกว่าเหตุการณ์น่าระทึกขวัญในครั้งนี้เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าเครื่องบินรบ F-16 จำนวน 2 ลำของตุรกีได้เข้าสะกัดเครื่องบินรบของรัสเซียที่บินข้ามพรมแดนซีเรียเข้าไปในน่านฟ้าของตุรกี
    กรุงอังการากล่าวอ้างว่า เครื่องบินรบรุ่น Mikoyan MiG-29 ซึ่งใช้โดยกองทัพอากาศของรัสเซียและซีเรียได้สร้างความอึดอัดใจให้กับ F-16 ของตุรกีจำนวนสองลำในวันเสาร์ โดยล็อกเรด้าร์ใส่ F-16 ทั้งสองลำของตุรกี ในขณะที่ลาดตระเวนบริเวนชายแดนระหว่างตุรกี-ซีเรีย (มันส์อ่ะ.... นึกว่าจะไม่เห็นเครื่องบินรบตระกูล MiG ออกมาวาดฝีไม้ลายมือซะแล้ว ไม่ผิดหวังครับท่าน ที่มันเจ็บจี๊ดดดด ทำให้นาโต้กระโดดโหยงออกมาโวยวายก็น่าจะเป็นตรงที่ F-16 ทั้งสองลำถูกล็อกเป้าด้วย MiG-29 ของรัสเซียนี่แหละครับ พี่แกซุ่มเงียบมากเลยนะ.... ข่าวก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดถึง MiG-29 เลย มีแค่ Su-24, Su-25, Su-34 และ Su-30 เท่านั้น)
    หลังจากที่เครื่องบินรบของรัสเซียสามารถล็อกเป้า F-16 ของตุรกี (นาโต้) ได้แล้วก็บินออกจากน่านฟ้าของตุรกีพร้อมกับโบกมือบ๋ายบายและส่งยิ้มให้ ไปก่อนนะน้อง แล้วเจอกันใหม่ พร้อมเมื่อไหร่ก็ยกหูถึงพี่ได้เลย อยู่ไม่ใกลหรอก แถวๆชายแดนซีเรียนี่แหละ อ้อ… อย่าลืมบอกลูกพี่ให้แถลงข่าวนี้ด้วยความระมัดระวังด้วยหละ (ฮ่าๆๆ) งานนี้ทีมเยือนยิงเจ้าบ้านได้ 2 ประตูจากนั้นก็กลับไปฉลองชัยด้วยวอดก้าอย่างคลื้นเคลงสบายอุระ ส่วนเจ้าบ้านก็อกสั่นขวัญหนีดีฝ่อ ไม่รู้ว่าตอนนี้ขวัญกลับมาแล้วหรือยัง (ขวัญไปอยู่กับเรียมแล้วจ๊ะ คริๆ)
    โม้พอหละ... กลับมาเล่าข่าวต่อนะครับ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ทางกรุงอังการาได้เรียกทูตรัสเซียประจำตุรกีเข้าพบโดยด่วน และออกแถลงการณ์ว่า "เอกอัครราชทูตรัสเซียได้ถูกเรียกไปพบที่กระทรวงต่างประเทศ (ของตุรกี) ซึ่งได้ออกมาประท้วงทูตรัสเซียอย่างแรงโดย นาย Feridun Sinirlioglu รมว.ต่างประเทศของตุรกี และได้โทรศัพท์สายตรงถึงนาย Sergei Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียด้วย นาย Feridun Sinirlioglu ได้หารือเรื่องนี้กับรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลี และเตรียมคุยเรื่องนี้กับเลขาธิการใหญ่ของนาโต้ [Jens Stoltenberg] และรมว.ต่างประเทศของเยอรมันนีด้วย" Sputnik รายงาน
    รายงานข่าวบอกว่านาย Ahmet Davutoglu นายกรัฐมนตรีของตุรกีให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ HaberTurk TV ซึ่งอ้างโดยหนังสือพิมพ์ Hurriyet Daily (ชื่อมันฟังดูแปลกๆนะ อย่าคิดมากครับแอ็ดมิน คริๆ) เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารกันระหว่างกรุงอังการาและกรุงมอสโคว์ว่า "จุดยืนของพวกเรานั้นชัดเจนมาก (ยังไงครับ?) เราจะเตือนทุกประเทศที่ละเมิดพรมแดนของพวกเราในทางที่เป็นมิตร (แหม… ฟังดูดีเชียว ตอนสื่อฯตะวันตกและของสหรัฐฯรายงานข่าวไม่เห็นพูดอย่างนี้เลย เอาแต่เสี้ยมตลอด แล้วตอนที่ท่านละเมิดพรมแดนของผู้อื่นหละ ท่านก็คงจะเตือนเขาด้วยความเป็นมิตรเช่นกันสินะ?) รัสเซียเป็นเพื่อน และเพื่อนบ้านของพวกเรา ไม่มีความตึงเคลียดใดๆระหว่างตุรกีและรัสเซียเลย ปัญหาของซีเรียไม่ใช่วิกฤตระหว่างตุรกีและรัสเซีย (อึ่ม… ชักเริ่มจะคุยกันรู้เรื่องแล้วแฮะ ไม่เหมือนกับท่าทีของสหรัฐฯเลยนี่)"
    นายกฯ Davutoglu (วันนี้เขาพูดได้น่ารักมาก ต้องเรียกชื่อตามตำแหน่งให้เขาหน่อย) กล่าวเพิ่มเติมว่า "สิ่่งที่เราได้รับจากรัสเซียในเช้าวันนี้ คือสิ่งนี้เป็นความผิดพลาด (mistake ฟังให้ดีนะสหรัฐฯ ตุรกีบอกว่ามันเป็นความผิดพลาด ไม่ใช่การรุกราน หรือความก้าวร้าวแต่อย่างใด) และว่าพวกเขาให้ความเคารพต่อชายแดนของตุรกี และสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก"
    ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียได้กล่าวว่า "สภาพอากาศในวันนั้นแย่ (bad weather) เป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก เมื่อเครื่องบินรบของรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของตุรกี" (เป็นไงเล่าครับ.... ดูลีลาแม่ทัพใหญ่ของรัสเซียสิ bad weather ทำให้เครื่องบินรบ MiG-29 ของรัสเซียล็อกเป้า F-16 ได้ทั้งสองลำเลยอ่ะ คริๆ เดี๋ยวจะแถลงข่าวแล้วจะส่งวอดก้าไปให้เด็กๆซักหน่อย)
    นาย Dmitry Peskov โฆษกของกรุงเครมลินกล่าวว่าเป็นความจริงที่ทูตรัสเซียถูกเรียกเข้าพบในกรุงอังการา แต่ไม่มีการประชุมฉุกเฉินระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ จบข่าว
    แต่นาโต้ยังไม่ยอมจบ Jens Stoltenberg เลขาฯนาโต้ได้เรียกประชุมสมาชิกกลุ่มเมื่อวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่ง Jens Stoltenberg บอกว่ามันเป็น "การละเมิดน่านฟ้าของตุรกีที่ไม่อาจจะยอมรับได้" (unacceptable violations of Turkish air space) (Yep, แต่นายกฯตุรกีบอกว่าไม่มีปัญหา ชิวๆ นะครับท่านนายพล)
    และ Jens Stoltenberg ก็กล่าวอีกว่า "การกระทำของรัสเซียไม่ส่งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพในภูมิภาค ผมขอให้ทางรัสเซีย (เอาวอดก้ามาฝากผมด้วย คริๆ) แสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อน่านฟ้าของนาโต้ และหลีกเลี่ยง การขยายความตึงเครียดกับพันธมิตร" แล้วก็ บลาๆๆๆ... บ่นเป็นหมีกินผึ้งอ่ะ
    สื่อฯรัสเซียฟังนาโต้บ่นเสร็จแล้วก็เลยลงข่าวปิดท้ายเพื่อช่วยเตือนสติให้นาโต้ว่า.... วันที่ 30 ตุลาคม รัสเซียได้เปิดการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย "หลังจากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับโดยนานาชาติของประเทศ (ซีเรีย)" ตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้ทำการทิ้งระเบิดใส่จุดต่างๆในซีเรียโดยปราศจากการอนุมัติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) หรือทางการของซีเรีย (นาโต้เข้าใจที่สื่อฯรัสเซียพยายามจะบอกหรือเปล่าครับ? เคยเห็นสื่อฯของสหรัฐฯและสื่อฯของตะวันตก และสื่อฯกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯในประเทศต่างๆ พูดความจริงจุดนี้ให้ประชาชนได้รับรู้บ้างหรือไม่? never แบบนี้เรียกว่าสื่อฯเหล่านั้นปิดหูปิดตาประชาชนได้หรือไม่? ไหนพวกที่ชอบออกมาเรียกหาเสรีภาพของสื่อฯหนะ ตอบคำถามนี้ให้หน่อยซิ อมสากอยู่ครับท่าน ปากไม่ว่าง!)
    ป.ล. มีข่าวอื่นๆที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียด้วย เดี๋ยวขอเก็บไปเล่าในโพสต์ต่อไปนะครับ เช่น Russian Electronic Warfare Systems ไปปรากฎในซีเรีย กองทัพเรือรัสเซียอาจจะปิดชายฝั่งซีเรีย แมลงวันซักตัวก็จะไม่สามารถบินผ่านไปได้ หากไม่ได้รับอนุมัติซะก่อน พวกไอซิสประมาณ 3,000 คนต่างก็พากันหนีตายกันจ้าละหวั่นเนื่องจากกองทัพซีเรียภายใต้การคุ้มกันภัยทางอากาศของรัสเซียมีความก้าวหน้าในปฏิบัติการต่างๆ และเครื่องบินรบของรัสเซียโจมตีรถถัง T-55 ของไอซิสได้ 20 คัน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆของไอซิสได้ 9 แห่ง เป็นต้น
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    06/10/2558

    ภาพจาก © REUTERS/ Khalil Ashawi

    ----------
    Ankara Accuses Russian Warplane of Violating Turkish Airspace
    Moscow, Ankara Settle Turkish Airspace Violation Incident
    https://www.rt.com/news/317696-turkey-russia-airspace-mistake/
    Jumping at a Chance? US Makes Fuss of Russia Violating Turkish Airspace
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรณี รัสเซียลุกล้ำน่านฟ้าประเทศตุรกี ในเวลาไม่กี่วินาที (แค่นี้ตุรกีก็ไม่ยอม) อาจเป็นความตั้งใจของรัสเซียก็ไดเ้ เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียประกาศเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าประเทศซีเรีย ถ้าเครื่องบินรัสเซียห้ามบินเหนือน่าฟ้าตุรกี แม้แต่ไม่กี่วินาทีก็ไม่ได้ ต่อไปแม้แต่ ตุรกี สหรัฐ แม้แต่ซาอุ นาโต้ ฯลฯ ที่ออกมาโวยวายเรื่องนี้ ก็ไม่สามารถบินเข้าน่านฟ้าประเศซีเรียได้เช่นกัน รัสเซียก็จะมีสิทธิเต็มๆ ที่จะจู่โจมใส่เครื่องบินของตุรกี สหรัฐ แม้แต่ซาอุ นาโต้ ฯลฯ ได้อย่างไม่ต้องมีข้อโต้แย้ง
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    [​IMG]

    เมื่อวานนี้แปลบทสัมภาษณ์ปธน.อัสซาด จาก RT ปรากฏว่า วันนี้หายไปเฉยเลยหลังแปลกจัง? ที่สำรองไว้อีกแห่งก็หายไปด้วย ไม่ได้สำรองไว้ที่ vk ซะด้วยสิ
    -------------

    ตอนแรกไม่หาย แต่พอหลังจากตอบคำถามนี้ให้อ.ชมพูนุท หายไปเลย จึงสงสัยว่า เฟซบุคกลัวคำว่า "anti-Color Revolution" หรือเปล่า? งั้นจะลองใส่คำนี้ลงไปในเม้นท์นี้อีกที และก็จะแปลข่าวนั้นซ้ำอีกทีด้วย ฮ่าๆๆ

    https://www.rt.com/news/317625-assad-interview-syria-terrorism/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ปธน.อัสซาดกล่าวว่า: พวกตะวันตกใช้ขบวนการก่อการร้ายเป็นเครื่องมือใหม่เพื่อบ่อนทำลายตะวันออกกลาง - RT news

    [​IMG]

    ---------
    บทความนี้โพสต์ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2558 แต่วันที่ 6 ต.ค.2558 ปรากฎว่าบทความฉบับนี้/ข่าวนี้ ได้อันตรธานไปจากเพจ "ปอกเปลือก ทรราช" โดยไม่ทราบสาเหตุ กำลังว่าจะแปลใหม่อีกครั้งแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิมกับฉบับที่แปลไปก่อนหน้านี้ เพราะได้แสดงความคิดเห็นร่วมไปด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นความจริงอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับสาเหตุวิกฤตซีเรีย จึงอยากให้สังคมรับรู้บ้าง ดังนั้นตั้งใจแปลบทสัมภาษณ์ของปธน.อัสซาดของซีเรียและโพสต์อีกครั้ง เพื่อดูซิว่ามันจะหายไปอีกหรือไม่ โชคดี มีแฟนเฟจบางท่านช่วยเก็บบทความนี้ไว้ให้ด้วย ขอบคุณมากๆครับ ดังนั้นจึงขอนำมาโพสต์ซ้ำดังนี้...
    วันที่ 4 ต.ค.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Assad: ‘West uses terrorism as new instrument to subjugate Middle East’" ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ของปธน.บาชาร์ อัสซาด แก่ Habar TV โดยกล่าวว่า กลุ่มประเทศตะวันตกกำลังใช้ขบวนการก่อการร้ายเป็นเครื่องมือ (เป็นข้ออ้าง) ในการควบคุม (ตะวันออกกลาง)
    1.) อัสซาดกล่าวว่า "จากจุดเริ่มต้นมา เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ามีมือของพวกตะวันตกอยู่เบื้องหลังของขบวนการก่อการร้าย ในซีเรีย" ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เช็กจากต้นฉบับข่าวจากสำนักข่าว SANA (Syrian Arab News Agency) แล้วพบว่าให้สำภาษณ์เยอะมาก 38 คำถามยาวๆทั้งนั้น แปลไม่ไหวหรอกครับ เอาย่อๆตามที่ RT news ของรัสเซียสรุปบางประเด็นก็แล้วกันนะ
    รายงานข่าวบอกว่าประธานาธิบดีอัสซาดคิดว่า ที่พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอซิสไม่ประมีประสิทธิภาพนั้น ก็เพราะว่าพวกตะวันตกไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายไอซิส อันที่จริงแล้ว ตะวันตกต้องการที่จะรักษาสมดุลระหว่างฝ่ายต่างๆที่ทำสงครามกันเพื่อ "ขยายระยะเวลากระบวนการบ่อนทำลายในซีเรีย (perpetuate the process of erosion in Syria) และอิรัค และประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ต่างหาก ดังนั้นพวกเราถึงได้อ่อนแอมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี หรืออาจจะหลายรุ่นก็ได้"
    ปธน.อัสซาด ตั้งคำถามว่า "สหรัฐฯและพันธมิตรจะต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายไอซิสในซีเรียและในอิรัคได้ อย่างไร ก็ในเมื่อพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของพวกเขา (สหรัฐฯและตะวันตก) ในรัฐบาลของนาย Erdogan (ปธน.ตุรกี) และนาย Davutoglu (นายกฯตุรกี) กำลังให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และปล่อยให้พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นข้ามชายแดนและนำอาวุธต่างๆ เงิน และพวกนักรบรับจ้างผ่านตุรกีได้?" (อย่าลืมว่ากบฏซีเรียที่เป็นลูกน้องของสหรัฐฯก็ฝึกอยู่ในตุรกีและบางประเทศ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯแถวนั้นเช่นกัน)
    ปธน.ของซีเรียกล่าวว่า ตั้งแต่มีการจัดตั้งกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯขึ้นมานี้ ขบวนการก่อการร้ายได้ขยายออกไปตามภูมิศาสตร์และหาสมาชิกเพิ่มขึ้นหลายเท่า ตัว (อื่มมมม! ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหละครับท่านโอบาม่า? ระดับสหรัฐฯและตะวันตกนี่จะไม่รู้เลยหรือว่าใครให้การสนับสนุนและอยู่เบื้อง หลังของไอซิสบ้าง? ขนาดดักฟังเขาไปทั่วโลกยังทำได้เลย การติดตามหาสปอนเซอร์ของไอซิสก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของสหรัฐฯเลยนี่นา? รู้… แต่ไม่บอกอ่ะ)
    อัสซาดกล่าวว่า "ตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า [ซีเรีย, อิหร่าน และเฮชบอลเลาะห์] จะสามารถเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ (new instrument) สำหรับใช้ในการพิชิตภูมิภาคนี้"
    ปธน.อัสซาดพูดถึงเรื่องการโจมตีจากฝ่ายรัสเซียว่า ไม่เหมือนกับพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ รัสเซียร่วมมือกับอิหร่าน อิรัค และซีเรียมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ "มันจะต้องสำเร็จ มิฉะนั้นภูมิภาคทั้งหมดซึ่งไม่เพียงแค่หนึ่งหรือสองประเทศนี้เท่านั้น ก็จะถูกทำลายไปด้วย" (ว้าวววว! ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดูอิรัค ลิเบีย และอัฟกานิสถานเป็นต้น ประเทศเหล่านี้ต่างก็ย่อยยับไปด้วยฝีมือของนักส่งออกประชาธิปไตยเบอร์หนึ่ง ของโลกและพันธมิตรตะวันตกด้วยกันทั้งนั้น แต่พอรัสเซียเข้าไปจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้แค่ไม่กี่วัน สหรัฐฯชี้มือมาที่รัสเซียทันทีว่า "หยุด! คุณกำลังทำร้ายประชาชน พลเรือน คุณไม่ได้ทำลายไอซิส" สื่อฯสำนักต่างๆทั่วโลกที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯและตะวันตกต่างก็ ประสานเสียงเป็นจั๊กกะจั่นหน้าหนาวทันที พูดแบบเดียวกันเดี๊ยะ "รัสเซียเป็นผู้ร้ายที่ไปทำร้ายไอซิส... รัสเซียมุ่งโจมตีกบฏติดอาวุธของสหัฐฯและพันธมิตรที่แปลพักตร์ไปเข้ากลุ่มกับ พวกอัลเคดาร์ และอาจจะรวมถึงไอซิสด้วย รัสเซียทำไม่ถูกต้อง" ประมาณนี้แหละ สามารถอ่านได้จากสื่อฯไทยโปรอเมริกาได้เลย)
    2.) "หากว่าการก้าวลงจากตำแหน่งเป็นการแก้ไขปัญหา ผมก็จะไม่ลังเลที่จะกระทำเช่นนั้นเลย" (If my departure is the solution, I will never hesitate to do that)
    เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ประธานาธิบดีอัสซาดได้กล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า เขาพร้อมสำหรับการเจรจาทางการเมืองกับชาวซีเรียทุกคน - แต่ต้องไม่ใช่กับพวกมหาอำนาจตะวันตก "การเจรจาใดๆ เกี่ยวกับระบบการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ทั้งหลายในประเทศนี้ เป็นกิจการภายในของซีเรีย" ปธน.อัสซาดกล่าว (Any talk about the political system or the officials in this county is an internal Syrian affair) (สหรัฐฯและพันธมิตรได้ยินหรือเปล่า? ผู้นำของซีเรียกล่าวว่าคนนอกอย่าแส่เรื่องภายในของประเทศเขา ปล่อยให้คนในบ้านของเขาคุยกันเอง เพราะถ้าอเมริกาเข้าไปยุ่งที่ไหน ที่นั่นบรรลัยทุกแห่ง!)
    ปธน. อัสซาดกล่าวต่ออีกว่า "เมื่อประชาชนชาวซีเรียตัดสินใจว่า บุคคลคนนั้นควรจะอยู่ เขาก็จะอยู่ และเมื่อประชาชนชาวซีเรียตัดสินใจว่าเขาควรจะไป เขาก็จะไปในทันที หากว่าการสละตำแหน่งของผม เป็นการแก้ไขปัญหา ผมก็จะไม่ลังเลใจที่จะกระทำเช่นนั้นเลย"
    คำถามของบางคนแสร้งโลกสวยอาจจะถามว่า "แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมก้าวลงก่อนหละ?" ก็มีคำถามย้อนกลับไปอีกว่า ถ้าอัสซาดก้าวลงจากตำแหน่งแล้ว มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าบ้านเมืองจะสงบจริงๆ? เพราะว่าตอนนี้มีกลุ่มที่ต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียอยู่สองกลุ่มใหญ่ๆด้วยกันคือ กลุ่มไอซิส และกลุ่มกบฏหรือพวกพรรคฝ่ายค้าน และในฝ่ายค้านนั้นก็แบ่งย่อยเป็นกลุ่มต่างๆอีกมากมายประมาณ 58 กลุ่ม (ข้อมูลจากวิกิถ้าจำไม่ผิดนะ) ถ้าอัสซาดสละตำแหน่ง โดยไม่มีการสืบทอดอำนาจใดๆ (สมมุติครับ) แล้วมีอะไรเป็นหลักประกันว่าพวกกบฏที่ต้องการจะเข้ามาครอบครองอำนาจใหม่จะ ไม่ต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสอีก?
    กรณีนี้ดูที่อิรัคเป็นตัวอย่าง ตอนแรกสหรัฐฯหาเหตุผลรุกรานอิรัคเพื่อโค่นล้มซัดดัมว่ามีอาวุธร้ายแรง หลังจากที่โค่นล้มซัดดัมได้แล้ว สหรัฐฯก็จัดการให้อิรัคมีการเลือกตั้งใหม่ (ส่งออกประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯไปให้อิรัค) และก็มีไอซิสเกิดขึ้นมาในอิรัคทันที ตอนนี้รัฐบาลอิรัคก็กำลังวุ่นอยู่กับการจัดการปัญหาผู้ก่อการร้ายไอซิสใน ประเทศของตน ตั้งแต่สหรัฐฯและพันธมิตรรุกรานอิรัคเป็นต้นมาตั้งแต่ปี 2003 จนถึงทุกวันนี้ (2015) สิบกว่าปี แล้วก็ยังไม่เห็นว่าอิรัคจะสงบสุขซักที สหรัฐฯและพันธมิตรก็ยังเดินหน้าก่อสงรามในอิรัคไม่หยุดหย่อน โดยใช้ไอซิสเป็นเครื่องมือตามที่ปธน.อัสซาดได้กล่าวไว้นั่นเอง
    แล้วจะให้แน่ใจได้อย่างไรว่าหากปธน.อัสซาดไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป แล้วกลุ่มกบฏและผู้ก่อการร้ายไอซิสจะยุติสงครามทันที? สหรัฐฯและพันธมิตรให้คำตอบได้ไหมว่ากลุ่มกบฏและผู้ก่อการร้ายไอซิสจะไม่ทำ สงครามอีก ไม่มีการแบ่งแยกประเทศ หลังจากที่อัสซาดก้าวลงจากตำแหน่งแล้ว? ดูลิเบียทุกวันนี้สิ... สหรัฐฯและตะวันตกกำจัดกัดดาฟี่ได้เหมือนกับซัดดัมแล้ว ลิเบียสงบหรือไม่? กัดดาฟี่ออกไป ไอซิสเข้ายึดครองทันที และหากอัสซาดก้าวลงจากตำแหน่งแล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าประเทศซีเรียจะไม่ กลายเป็นประเทศไอซิสไปในพริบตา? ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ให้หลักประกันนี้ได้
    มีสิ....ก็ให้สหรัฐฯและตะวันตกส่งทหารและกองทัพของตนเองเข้าไปคุมทุกจุดทุก เมืองและเข้าไปตั้งฐานทัพอย่างถาวร เหมือนกับที่สหรัฐฯเข้าไปตั้งฐานทัพของตนในยุโรป ญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆทั่วโลกอย่างไรเล่า รับรองสงบทันทีเลย ถ้าอย่างนั้นก็มีถามอีกว่า ก็แล้วทำไมจะต้องเป็นสหรัฐฯเพียงแต่ประเทศเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์กระทำ อย่างนั้นได้? ทำไมประเทศอื่นที่ไม่ใช่พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างรัสเซียหรือจีนถึงไม่มีสิทธิ์นี้บ้าง? บางคนอาจจะยกเรื่องระบบการปกครองมาเป็นข้ออ้างว่า ให้จีนเข้าไปตั้งฐานทัพในซีเรียไม่ได้หรอก เพราะว่าจีนเป็นคอมมิวนิสต์ เดี๋ยวจะทำให้ซีเรียกลายเป็นคอมมิวนิสต์หรือเมืองขึ้นของคอมมิวนิสต์ไปด้วย
    ถ้าอย่างนั้นแล้วรัสเซียหละ? ตอนนี้รัสเซียไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์แล้วนะ เขาเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว ไม่มีประเทศไหนในโลกปฏิเสธการเป็นประชาธิปไตยของรัสเซียเลย พวกจอมแถก็อาจจะบอกว่า ก็รัสเซียเป็นอดีตโซเวียตที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์มาก่อน จึงไม่ไว้ใจ อ้าว… ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามกลับไปอีกว่า แล้วสหรัฐฯนักค้าทาสละเมิดสิทธิ์มนุษยชนเบอร์หนึ่งของโลกและอังกฤษ ฝรั่งเศส ประเทศนักล่าอาณานิคมเหล่านั้นประเสริฐเลอเลิศกว่าประเทศอื่นตรงไหนรึ?
    กลับมาที่ข่าวต่อนะครับ... อัสซาดเน้นย้ำว่า ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะเจรจากับกลุ่มก่อการร้าย พวกเขาควรจะอยู่ภายใต้กฎหมาย และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    ปธน.อัสซาดกล่าวว่า "อย่างไรก็ตามรัฐอาจจะจัดให้มีการเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายขึ้นมาในกรณีเดียว คือ เมื่อวัตถุประสงค์ของการเจรจาเป็นไปเพื่อบุคคลต่างๆที่ดำเนินการก่อการร้าย เพื่อให้วางอาวุธของพวกเขา และอยู่ภายใต้รัฐและกฎหมาย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปรกติในซีเรีย (ในสหรัฐฯด้วยหรือเปล่า?) พร้อมกับรัฐบาลที่จัดให้มีการเจรจาร่วมกันกับกลุ่มที่แสวงหาการปรองดอง นิรโทษกรรมให้พวกเขา และให้โอกาสพวกเขากลับมาใช้ชีวิตตามปรกติ"
    ก็ไหนเห็นสหรัฐฯและตะวันตกชี้หน้าประนามอัสซาดว่าเป็นเผด็จการไง แต่ตอนเขาพูดก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาโดยสื่อฯกระแสหลักของ สหัฐฯและตะวันตกเลยนี่นา นี่แหละคือจุดที่อเมริกาหวาดกลัวที่สุด จุดที่จะเกิดความสามัคคีของคนในชาตินั้นๆ นี่แหละถ้าฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลตกลงยุติสงครามได้เมื่อไรและร่วมมือกันปราบ ผู้ก่อการร้ายไอซิส งานนี้สหรัฐฯและพันธมิตรก็ขาดทุนแย่สิครับ และจะขายอาวุธแลกน้ำมันดิบเถื่อนราคาถูกได้อย่างไร
    3.) มาฟังด้านรัสเซียบ้างนะครับ... วันที่ 5 ก.ย.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ลาฟรอฟกล่าวว่า กรุงมอสโคว์พร้อมที่จะทำการติดต่อกับกลุ่มกองกำลังปลดปล่อยซีเรีย" (Lavrov Says Moscow Ready to Establish Contacts With Free Syrian Army)
    นาย Sergei Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียกล่าวเมื่อวันจันทร์นี้ว่า กรุงมอสโคว์กำลังเตรียมพร้อมเพื่อทำการติดต่อกับกลุ่ม Free Syrian Army (FSA) และได้ขอให้ทางสหรัฐฯแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับ FSA แล้วด้วย แต่จนบัดนี้ทางกรุงมอสโคว์ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองใดๆเลย (กองกำลังปลดปล่อยซีเรีย (FSA) เป็นพรรคฝ่ายค้านติดอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลจนเกิดสงครามกลางเมืองตั้งแต่ปี 2011 ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เป็นเด็กของอเมริกาว่าอย่างงั้นเถอะ เห็นหรือยังว่าสหรัฐฯชอบสนับสนุนให้เกิดความแตกแยกในประเทศต่างๆมากขนาดไหน? กลุ่มหัวรุนแรงอุยกูร์ที่จีนก็เช่นกัน ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯและตุรกีด้วย แสบทั้งคู่เลย)
    นายลาฟรอฟกล่าวว่า "ในกรณีใดๆ ผมได้ร้องขอให้นายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับที่อยู่ของกองกำลังปลด ปล่อยซีเรียให้เราทราบด้วยว่าอยู่ที่ไหนและใครกำลังนำกลุ่มนี้อยู่" (รัสเซียก็รู้ว่า FSA เป็นเด็กของสหรัฐฯ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละว่าช่วยบอกให้ทราบหน่อยว่ามันอยู่ที่ไหน จะได้ไปบอมบ์ได้ถนัดๆหน่อย ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ คือจะได้เรียกมาเจรจากันอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่ยอมมาเจรจาหากเลยกำหนดแล้ว หากโดรนและดาวเทียมของรัสเซียและกองทัพซีเรียหาเจอเอง เดี๋ยว FSA ของสหรัฐฯจะไม่มีโอกาสมานั่งโต๊ะเจรจาได้นะ พอถึงเวลานั้นเงื่อนไขของ FSA ก็อาจจะไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร ข้อต่อรองอาจจะดูอ่อนไปก็ได้)
    ป.ล. ตอนต่อไปจะเกี่ยวกับกรณีเครื่องบินรบรัสเซียแฉลบน่านฟ้าตุรกีเล่นๆ... ก็บอกแล้วว่าให้ back off ก็ไม่ถอยซักที งั้นรัสเซียเลยส่งเครื่องบินรบไปชะเง้อดูเหนือน่านฟ้าของตุรกีซักหน่อยเพื่อ ดูว่าพวกกบฏของสหรัฐฯในตุรกียังอยู่ดีมีสุขกันอยู่หรือเปล่าเท่านั้นเอง ตุรกีก็ทำเป็นตกอกตกใจส่งเครื่องบินรบ F-16 เข้าสะกัดเครื่องบินรบของรัสเซียไปได้
    ป.ล.2 ตอนโพสต์ครั้งใหม่นี้เฟซบุคฟ้องกล่องข้อความนี้ขึ้นมาว่า "คุณไม่สามารถโพสต์สิ่งนี้ได้ เพราะว่าลิ้งค์ถูก (ในโพสต์ของคุณ) ถูกบล็อกเอาไว้" (หมายความว่า มีบางลิ้งค์อยู่ในแบล็กลิสต์ของเฟซบุคอ้างว่าลิ้งค์ดังกล่าวไม่ปลอดภัยต่อระบบเขา อึ่มก็สหรัฐฯไม่สนับสนุนรัฐบาลอัสซาด จะให้บอกว่าลิ้งค์ข่าวจากรัฐบาลอัสซาดปลอดภัยไร้กังวล ก็คงจะผิดธรรมชาติของสหรัฐฯหละนะครับ) ซึ่งก็คือลิ้งค์ของสำนักข่าวของรัฐบาลซีเรียนั่นเอง เสรีภาพมีอยู่จริงในสหรัฐฯและตะวันตกที่ต้องการจะโค่นล้มอัสซาดให้ได้ ทำทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้นประชาชนและชาวโลกไม่ให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร นั่นแหละสหรัฐฯและเฟซบุคแหละ ไม่เป็นไรครับ ไม่ใส่ลิ้งค์ก็ได้ เพราะว่าใน RT มีลิ้งค์นี้ให้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นลิ้งต้นฉบับการให้สัมภาษณ์ของปธน.อัสซาด
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    06/10/2558

    ภาพ Syria's President Bashar al-Assad จาก © SANA / Reuters

    ----------
    https://www.rt.com/news/317625-assad-interview-syria-terrorism/
    https://www.rt.com/news/317655-moscow-contacts-free-syrian-army/
    Lavrov Says Moscow Ready to Establish Contacts With Free Syrian Army
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    เตือนภัยชาวโซเชียล: ระวัง! ไวรัส Sinophobia และ Russophobia กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในโลกอินเตอร์เน็ทและวงการสื่อมวลชน (ตอนที่ 1/2)

    [​IMG]

    ---------
    เท่าที่จับตาดูพฤติกรรมของชาวโชเชียลมีเดีย (สังคมออนไลน์) มาได้สักพักใหญ่ตั้งแต่หลังมีการยึดอำนาจโดยคสช.และรัฐบาลลุงตู่หันไปกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีนและรัสเซียเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็พบว่าได้มีการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดหนึ่งในวงการสื่อฯมวลชนและในสังคมอินเตอร์เน็ทอย่างแพร่หลายในคนบางกลุ่ม มันไม่ใช่ไวรัสคอมพิวเตอร์ แต่มันเป็นไวรัสสมัยใหม่ที่พึ่งจะมีการพัฒนาขึ้นมาเร็วๆนี้มีอยู่สองสายพันธุ์ดังนี้
    1.) Sinophobia (ซิโนโพเบีย) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "Anti-Chinese sentiment" ใครที่ติดไวรัสชนิดนี้แล้วจะมีอาการดังต่อไปนี้ มีความรู้สึกต่อต้านจีน ต่อต้านคนจีน ต่อต้านประเทศจีนโพ้นทะเล และต่อต้านวัฒนธรรมจีน มีความรู้สึกที่เป็นลบ ไม่ชอบ และหวาดกลัว เกลียด ชิงชัง และดูถูก มีอคติต่อจีน (คอมมิวนิสต์จีน) อย่างแรง โดยไม่มีเหตุผล โดยมองว่าจีนมีระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ดังนั้นจึงพากันหวาดกลัวความมิวนิสต์ กลัวว่ารัฐบาลของประเทศตนเองจะเปลี่ยนระบบการปกครองไปเป็นแบบคอมมิวนิสต์จีน
    2.) Russophobia (รุสโซโพเบีย) คล้ายกับไวรัสหรือโรค Sinophobia ข้างต้น แต่เป็นอาการหวาดกลัวตื่นตะหนะหนก หวาดผวา มีอคติ และมีแนวความคิดในแง่ลบต่อรัสเซียแทน คนที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ หรือเป็นโรคชนิดนี้แล้วจะมีอาการต่อต้านรัสเซียอย่างแรงโดยไม่มีเหตุผล
    หน่วยข่าวกรองของเราสืบทราบมาว่า มีองค์กรหนึ่งแอบซุ่มพัฒนาไวรัสทั้งสองชนิดนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่แถวถนนวิทยุ ส่วนสำนักงานย่อยที่ใช้เป็นแหล่งแพร่เชื้อก็จะเป็นสำนักข่าวประเภทสื่อฯจั๊กกะจั่นโปรอเมริกาทั้งหลาย ไวรัสทั้งสองชนิดนี้จะมีพาหะชนิดหนึ่งเป็นตัวกลางในการแพร่เชื้อ พาหนะชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ทั่วไปนี่แหละ ชอบเกาะอยู่ตามเว็บไซท์ของสื่อฯต่างๆ และและเพจดังๆ ในโซเชียลมีเมียเดียและตามสื่อฯกระแสหลักโปรอเมริกาทั้งหลายด้วย เพื่อแพร่กระจายเชื้อโรคทั้งสองชนิดนี้
    ใครที่ติดเชื้อไวรัสทั้งสองชนิดนี้ในเบื้องต้น จะไม่ค่อยปรากฏอาการภายนอกให้เห็นว่ามีความผิดปรกติบางอย่างภายใน แต่จะสังเกตได้ว่าติดเชื้อหรือไม่ด้วยการสนทนา หรือสังเกตการสนทนาของผู้ที่ติดเชื้อเหล่านั้น จุดที่เห็นได้เด่นชัดก็คือระดับสติปัญญาในการวินิจฉัยข้อมูลข่าวสารลดลง หรือไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ การใช้เหตุผลในการขบคิดหรือโต้เถียงกันจะลดลง มีน้อย หรือมีค่าเป็นศูนย์ สิ่งที่เพิ่มขึ้นก็คืออีโก้ที่รุนแรงมาก จนกว่าจะได้รับวัคซีนหรือได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
    อาการข้างเคียงของโรคเหล่านี้ก็คือคลั่งอเมริกาและตะวันตก คลั่งประชาธิปไตย คลั่งการเลือกตั้ง โหยหาเสรีภาพ คลั่งเรื่องสิทธิมนุษยชน พร่ำบอกกับตัวเองแบบย้ำคิดย้ำทำว่า ขาดเสรีภาพอย่างนั้นอย่างนี้ แม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้นกว่าสมัยที่มีการเลือกตั้งก็ตาม พวกที่ติดเชื้อเหล่านี้ก็จะเหมือนถูกสกดจิตให้เที่ยวโพนทนาว่า ชีวิตไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี ทุกอย่างที่รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งดำเนินนโยบายไม่ดีทั้งนั้น เกิดอาการต่อต้านอย่างหนัก เมื่อโรคชนิดนี้มีอาการรุนแรงขึ้นจนผู้ที่ติดเชื้อไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ก็จะมีอาการขาดสติ และนำไปสู่การบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศโดยส่วนรวม ทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองในสิ่งที่เขามีความรู้สีกว่าบกพร่อง ซึ่งก็คือการเลือกตั้ง
    + กรณีศึกษาการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสประเภทซิโนโพเบียและรุสโซโพเบีย: Single Gateway
    -------------
    กลุ่มคนที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่อาการให้เห็นเด่นชัดมากที่สุดเมื่อเร็วๆนี้ก็คือ กลุ่มที่รวมหัวกันโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการ ซึ่งเป็นสมบัติของประเทศชาติตัวเอง ใช้เงินภาษีของประชาชนในการก่อสร้างและพัฒนา เพียงเพราะเชื่อว่า รัฐบาลนี้จะใช้ระบบอินเตอร์เน็ทแบบ "ซิงเกิลเกตเวย์" เท่านั้น ไอ้เจ้า "Single Gateway" นี้มันเป็นยังไงรึ? ก็คือระบบการรับ-ส่งข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ทที่มีเพียงช่องทางเดียว มีประตูเดียวให้่ผ่านเข้าออกได้เท่านั้น ไม่ว่าอินเตอร์เน็ทจะมาจากประเทศไหนหรือมุมไหนของโลกถ้าจะเข้าประเทศไทย หรือออกจากประเทศไทยไปทั่วโลกจะต้องผ่านประตูนี้ประตูเดียวเท่านั้น เหมือนจุดผ่านแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทยที่กำหนดให้มีเพียงจุดเดียวเท่านั้น
    ถ้าใช้ระบบ Single Gateway อย่างที่ว่ามาจราจรในอินเตอร์เน็ทก็จะติดขัดเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เน็ทอืด การรับส่งข้อมูลช้า ก็เหมือนคอขวดที่ถนนทุกสายมาบรรจบกันจุดหนึ่งแล้วรถทุกคันจะต้องวิ่งผ่านจุดตรวจจุดเดียว คิดดูว่าจะต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะระบายการจราจรได้
    เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยในการตรวจจับสิ่งผิดปรกติในอินเตอร์เน็ทที่อาจจะเกิดขึ้นในบ้านเราจากต่างประเทศ และเพื่อความปลอดภัยของระบบอินเตอร์เน็ท และเพื่อความมั่นคงของประเทศ จึงมีบุคคลเสนอแนวความคิด (แบบมีนัย?) แบบ Single Gateway ขึ้นมาโดยอ้างว่าถ้าจะให้ปลอดภัยก็ต้องตั้งจุดตรวจเพียงจุดเดียวแบบนี้ ไอ้คนเสนอนี่เอาอะไรคิด? ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่แนวความคิดของรัฐบาลนี้ แต่ลุงตู่บอกว่าให้ไปช่วยกันหาทางป้องกันปัญหาการก่ออาชญากรรมในโลกไซเบอร์มา แค่นี้ ยังไม่ได้บอกว่าจะทำแบบไหนเลย
    คราวนี้พวกที่รับงานมาก็ได้เวลาปล่อยเชื้อโรคแห่งความหวาดกลัวขึ้นมาสิ เริ่มมีการรณรงค์ล่ารายชื่อทางออนไลน์ได้เป็นแสนคน โดยฝีมือของกลุ่มเดิมคือแก๊งค์สาระแนไซเบอร์ ngo ทุนต่างชาติ ที่เคยล่ารายชื่อออนไลน์ผ่านองค์กรที่มีชื่อคล้ายเป็น ngo แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นบริษัทที่มีเว็บไซท์ชื่อ change.org เท่านั้น เพจนี้เคยแฉมาแล้ว หัวหอกใหญ่ในการดำเนินการปลุกระดมล่ารายชื่อคัดค้าน Single Gateway ที่มีแต่ลมเสกกันขึ้นมาเองก็คือนังสาระแนไซเบอร์เจ้าของตรรกะหุ่นฟางที่บอกว่า "การปฏิรูปที่ไม่ต้องแบ่งแยกดี-เลว เรียกว่าการปฏิรูปที่ชอบธรรม" นั่นแหละ โป๊ะเช๊ะ! ดูเหมือนว่างานมีการแบ่งงานกันทำเป็นทีม เริ่มตั้งแต่คนเสนอไอเดีย จากนั้นก็บ่อยข่าวออกไปว่า ปลางับเหยื่อแล้ว เดินแผนขั้นที่สองได้ จัดรณรงค์ออนไลน์ล่ารายชื่อ ปลุกกระแสสังคมให้ต่อต้านรัฐบาลนี้ แผนขั้นที่สามคือเมื่อได้สมาชิกมากๆแล้วก็เริ่มปฏิบัติการโจมตีระบบอินเตอร์เน็ทของหน่วยงานรัฐบาลให้ใช้ล่มไปเลย คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรถูกปั่นหัวเพราะความหวาดกลัวบ้าๆบอๆก็เอากับเขาด้วย โดยที่ยังไม่ได้สืบสาวราวเรื่องให้รู้ความจริงอะไรเลย
    กลายเป็นว่าผู้ที่ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ในครั้งนี้กลับเป็นคนไทยที่ไม่ได้หวังดีกับประเทศไทยจริงๆ เหมือนพวกที่ติดเชื้อไวรัสประเภท Sinophobia และ Russophobia เลย งานนี้เขาทำกันเป็นแก๊ง แก๊งใหญ่ซะด้วย หัวหน้าแก๊งตัวจริงน่าจะอยู่ที่เดียวกันกับแหล่งเพาะเชื้อ Sinophobia และ Russophobia นั่นแหละ ที่ว่ามานี้คือกรณีของพวกที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ และสามารถสร้างความเสียหายให้กับสมบัติของชาติ พร้อมที่จะทำลายได้ทุกอย่างโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ก็เหมือนกับที่นักการเมืองบางประเทศในตะวันตกบอกว่าการที่ไปถล่มซีเรียนั้นก็เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะมีต่อประเทศของพวกเขาอย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วนั่นแหละ
    สรุป ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือการหา "มาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในโลกอินเตอร์เน็ท" ที่เหมาะสมให้กับประเทศของตนเอง ไม่ใช่การใช้ "Single Gateway" อย่างที่เป็นข่าวและพยายามทำให้คนประชาชนเข้าใจผิดจนไปสู่การกระทำที่ไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ยิ่งทำให้ประเทศไทยพังเร็วเท่าไรหรือเดินต่อไม่ได้เร็วเท่าไร กลุ่มคนพวกนี้ที่ติดเชื้อเหล่านี้ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
    ป.ล.จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง และรักษาผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเหล่านี้ได้อย่างไร? ติดตามอ่านต่อในตอนที่ 2/2
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    07/10/2558
    ----------
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    เตือนภัยชาวโซเชียล: ระวัง! ไวรัส Sinophobia และ Russophobia กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในโลกอินเตอร์เน็ทและวงการสื่อมวลชน (ตอนที่ 2/2)

    [​IMG]

    ---------
    ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่อง Sinophobia และ Russophobia โดยยกกรณีสื่อฯและแก๊งเตะตัดขาค้านสุดซอย และการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯกับคิวบาและสหรัฐฯกับจีนให้ดูซะหน่อย แต่พอเล่าไปเรื่อยถึงเรื่อง Single Gateway ก็ยาวเลยครับคราวนี้ จำเป็นต้องตัดเป็นสองตอน จบไปหนึ่งตอน เกือบจะเข้าเรื่องหละ อ่ะ… คราวนี้กลับเข้าสู่โหมดข่าวต่างประเทศของจริงบ้าง แต่ก็ยังคงเกี่ยวกับประเทศไทยอยู่ เพราะว่าเนื้อหาต่อเนื่องกันนะครับ
    ในตอนที่ 1/2 ได้กล่าวถึงความเป็นมาของเชื้อไวรัส Sinophobia และ Russophobia ที่กำลังแพร่หลายอยู่ในโลกโซเชียลบางกลุ่มและสื่อฯประเภทโปรอเมริกาโปรตะวันตกทั้งหลาย ตัวบ่อนทำลายประเทศไทย พฤติกรรมของกลุ่มคนที่ติดเชื้อเหล่านี้จะเที่ยวปล่อยข่าวลือ สร้างกระแสต่อต้านจีนและรัสเซีย และต่อต้านนโยบายต่างๆของรัฐบาลนี้เพื่อไม่ต้องการให้ไปคบกับทั้งสองประเทศนั้น แต่ต้องการให้คบเฉพาะสหรัฐฯและตะวันตกเท่านั้น พวกนี้เป็นแก๊งแบ่งงานกันทำนะครับ พวกหนึ่งปลุกกระแสต่อต้านจีนและรัสเซีย ส่วนอีกพวกหนึ่งเห็นว่ามีประชาชนส่วนใหญ่รู้ทันเล่ห์เพทุบายของสหรัฐฯมากขึ้น เริ่มจะรู้ไส้รู้พุงอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ จึงฉวยโอกาสพยายามจะดึงมวลชนกลุ่มที่ ขอเรียกว่า "รู้ทันเล่ห์อเมริกา" ไม่ใช่ต่อต้านอเมริกา (anti-America) เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวก "Americaphobia" ซะเอง ซึ่งก็จะไม่ต่างจากการติดเชื้อ Sinophobia และ Russophobia เลยเพียงแต่เปลี่ยนประเทศเท่านั้นเอง
    เราไม่ใช่ทั้งสามประเภทที่ว่ามานี้ ไม่ใช่อะไรโพเบียทั้งนั้น หากพบว่าประเทศไหนหรือคนไหนทำดี ถูกต้อง เราก็สนับสนุนยกย่อง หรือพบว่าการกระทำของรัฐบาลใดเข้าข่ายผิดหลักศีลธรรมจรรยาบรรณ หรือผิดจริยธรรม เราก็ไม่สนับสนุน และประนามบ้างเป็นบางครั้ง นี่ต่างกันนะ
    ลักษณะเด่นของกลุ่มคนที่ติดเชื้อไวรัสประเภท Sinophobia และ Russophobia นี้จะไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่ดีสิ่งที่ดีของจีนและรัสเซียเลย ไม่ยอมให้สังคมได้รับรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ มุ่งแต่จะดิสเครดิตของประเทศที่ตนเองไม่ชอบแบบเหมารวมทั้งประเทศ (แต่ของเรานำเสนอข้อมูลทั้งสองด้านให้สังคมได้รับรู้ แม่ว่าเราจะเล่นอเมริกามาก แต่บางครั้งเราก็นำเสนอข่าวที่ดีจากมุมมองของชาวอเมริกันบางคนด้วยเช่นกัน)
    + กรณีศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปไตยสหัฐฯกับคอมมิวนิสต์คิวบา
    ------------
    วันที่ 1 ต.ค.58 สำนักข่่าว China Daily ของจีน พาดหัวข่าวว่า "โอบาม่าพบกับคาสโตรที่ยูเอ็น" รายงานข่าวบอกว่า ปธน.บารัค โอบามา ของสหรัฐฯได้พบกับปธน.ราอูล คาสโตรเมื่อวันอังคาร ที่สหประชาชาติ ทั้งสองท่านยิ้มให้กันหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้หารือกันเกี่ยวกับการยกเลิกการห้ามการค้าขายที่สหรัฐฯกีดกันการค้ากับกรุงฮาวาน่าเป็นระยะเวลา 50 ปี
    เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันแต่เป็นศัตรูที่ยาวนานมาก สหรัฐฯและคิวบาได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม และหันไปให้ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกันแทน ทั้งสองประเทศได้กลับไปเปิดสถานทูตของตนในเมืองหลวงของแต่ละประเทศ และได้มีส่วนในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่างทางด้านการเมืองของทั้งสองประเทศที่ยังคงมีอยู่ แต่การแซงชั่นทางด้านการค้า (US trade sanctions remain) (หลายอย่าง) ของสหรัฐฯก็ยังคงมีอยู่ (ก็หมายความว่าแม้จะหันไปขอจับมือกับคิวบา แต่ก็ยังมีกั๊กเอาไว้อยู่ มันเป็นความจริงใจแบบอเมริกาหนะ)
    ทางทำเนียบขาวของนายโอบาม่าต้องการให้มีการยกเลิกการห้ามขนส่งสินค้ากับคิวบา ซึ่งได้ห้ามการทำการค้าเกือบทั้งหมดข้ามช่องแคบฟลอริด้า แต่พวกอนุรักษ์นิยมในสภาคองเกรสไม่พร้อมที่จะให้อภัยแก่เกาะคอมมิวนิสต์ (คิวบาเป็นคอมมิวนิสต์)
    นายโอบามากล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของสหรัฐฯเมื่อเร็วๆนี้ ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติสภาคองเกรสจะทำให้ชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากเดินทางเข้าไปทำธุรกิจในคิวบา" (เรื่องแบบนี้พวกโปรประชาธิปไตยสุดโต่ง โปรอเมริกา ที่ติดเชื้อ Sinophobia และ Russophobia อ้างว่าต่อต้านคอมมิวนิสต์ จะไม่ยอมลงข่าวเด็ดขาด หรือลงก็เพียงจิ๊บๆเท่านั้นเอง กลัวว่าจะเสียมวลชน เดี๋ยวจะส่งผลกระทบต่อการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เพราะว่าขนาดประเทศที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังหันไปขอจับมือทำการค้ากับคอมมิวนิสต์คิวบาเลย หลังจากที่ส่ง Apple และบริษัทอื่นๆไปลงทุนทำมาหากินในประเทศคอมมิวนิสต์จีนจนประสบความสำเร็จและร่ำรวยแล้ว มีความรู้ว่าคบกับพวกคอมมิวนิสต์มันดีอย่างนี้นี่เอง ดังนั้นโอบาม่าก็เลยหันไปขอคบกับคิวบาเพิ่มอีกประเทศหนึ่ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พวกโปรอเมริกต่างก็ออกมาโพนทะนาว่า อเมริกาเขาไม่คบหรือค้าขายกับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์นะ แต่กรณีนี้พวกสื่อฯโปรอเมริกาทั้งหลายเงียบกริ๊บ)
    ในการกล่าวถ้อยแถลงที่ยูเอ็นนายโอบาม่ากล่าวตอนหนึ่งที่เกี่ยวกับคิวบาว่า "… เป็นระยะเวลาถึง 50 ปีที่สหรัฐฯได้ดำเนินนโยบายต่อคิวบาซึ่งมีความล้มเหลวในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวคิวบา" (ใช่ก็ใครหละที่ใช้อำนาจประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็กถ้าไม่ยอมก้มหัวให้ก็แซงชั่นเขาจนเป็นนิสัย ก็เมื่อสหรัฐฯไปแซงชั่นการค้าเขาจะให้เศรษฐกิจของเขาดีได้อย่างไร เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี แล้วจะให้คุณภาพชีวิตของประชาชนเขาดีได้อย่างไร? ก็ต้องถามว่าแล้วใครที่ทำให้เป็นอย่างนั้น? ก็สหรัฐฯอีกนั่นแหละ)
    โอบาม่านกล่าวต่ออีกว่า "พวกเราได้เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นแล้ว เรายังคงมีความแตกต่างบางอย่างเกี่ยวกับรัฐบาลคิวบา แต่พวกเราก็ได้กำหนดประเด็นเหล่านี้ผ่านความสัมพันธ์ทางการทูต และการค้าขายที่เพิ่มมากขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน" (people-to-people ties)
    + กรณีศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปไตยสหัฐฯกับคอมมิวนิสต์จีน
    ------------
    วันที่ 23 ก.ย.58 ปธน.สี จิ้นผิงของจีนกล่าวในคืนวันอังคารในการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสัมพ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในงานดินเนอร์เลี้ยงต้อนรับที่สหรัฐฯตอนหนึ่งว่า "… ประการที่สี เราจะต้องส่งเสริมการทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นกันเองในหมู่ประชาชนของพวกเรา ความสัมพันธ์ระหว่าง-ประชาชน-กับประชาชน จะช่วยหนุนความสัมพันธ์ระหว่าง-รัฐ-ต่อรัฐ..." (Fourth, we must foster friendly sentiments among our peoples. People-to-people relations underpin state-to-state relations.)
    และในช่วงสุดท้ายของการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ผู้นำจีนก็ยังได้พูดอีกว่า "ตัวอักษรจีน Ren หรือประชาชน อยู่ในรูปของการลากเส้นสองเส้นที่หนุนส่งกันและกัน พื้นฐานความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐฯหยั่งรากลึกลงไปในประชาชน และอนาคตของมันก็อยู่กับเยาวชน ผมใคร่ขอประกาศในที่แห่งนี้ว่า จีนสนับสนุนความคิดริเริ่มในการส่งนักศึกษาทั้งชาวจีนและอเมริกันจำนวนทั้งหมด 50,000 คนให้ไปศึกษาในแต่ละประเทศเป็นระยะเวลาสามปี (ว้าวววว! มิน่าหละพวกโปรอเมริกาในประเทศไทยถึงได้เป็นโรค Sinophobia เอามากๆ จีนจะส่งเด็กรุ่นใหม่ของตนเองไปยึดอเมริกานี่เอง คริๆ แต่จีนก็เล่นแฟร์ๆนะ ถ้าโอบาม่าแน่จริง คิดว่าสามารถส่งเด็กของตนมาเกลี้ยมกล่อมให้เยาวชนจีนหันไปนิยมประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯได้หละก็ ก็เอาสิหรือโอบาม่ากลัวว่าเยาวชนชาวอเมริกันที่จะส่งไปศึกษาในจีนราว 25,000 คนเป็นระยะเวลา 3 จะเปลี่ยนไปนิยมคอมมิวนิสต์ซะก่อน โอบาม่ากล้าหรือเปล่า?)"
    และปธน.สี จิ้ินผิงได้กล่าวว่า "จีนกับสหรัฐฯจะเปิดปีแห่งการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ (China-U.S. Year of Tourism) ในปี 2016 ในส่วนของจีนนั้น จีนจะกำหนดเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน-กับ-ประชาชน ด้วยกันอย่างใกล้ชิด" (China on its part will create more favorable conditions for closer people-to-people exchanges.)
    ตอนที่โอบาม่าพูดในยูเอ็นได้ใช้คำว่า "people-to-people ties" ซึ่งเป็นคำพูดเดียวกับที่ปธน.สี จิ้นผิงพูดก่อนหน้านั้นชัดๆเลย โอบาม่าก็อปปี้คำพูดและนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เนียนเชียวนะโอบาม่า รู้สึกว่าขนาดสำเนียงคำพูดของคุณก็เริ่มจะคล้ายคำพูดของผู้นำประเทศคอมมิวนิสต์เข้าไปทุกทีแล้วนะ อ้อ… ทำเนียบขาวลงแถลงการฉบับนี้ด้วยนะครับ แล้วอย่ามากล่าวหาโดยเลื่อนลอยอีกหละว่า "สื่อฯจีนเชื่อถือไม่ เขาเป็นสื่อฯของรัฐ รัฐจ่ายเงินเดือนให้ ข่าวที่เป็นของรัฐไม่ใช่ข่าว มันเป็น Propaganda" แบบที่กล่าวหาสื่อฯรัสเซียหนะ (คริๆ ยังจำได้นะครับคุณรูเสีย ที่เชียงใหม่)
    นี่… เรื่องแบบนี้ ข่าวแบบนี้ ยากที่จะหาอ่านได้จากสื่อฯกระบอกเสียงของสหรัฐฯในประเทศไทย และจากกลุ่มที่ติดไวรัสประเภท Russonphia และ Sinophobia ถ้าอยากหายจากโรคชนิดนี้ แนะนำให้เสพข่าวให้รอบด้าน ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยวางเรื่องประชาธิปไตยและเลือกตั้งไว้สักพักนึง ปล่อยให้คนที่เขามีหน้าที่ทำงานไป อย่าเอาเรื่องความแตกต่างในระบบการปกครองมาเป็นกำแพงขวางกั้นการแสวงหาผลประโยชน์ทางสติปัญญาให้กับตัวเอง เลิกเสพสื่อฯประเภทมอมเมาประชาชน หันไปรับรู้ความจริงในโลกภายนอกในประเทศอื่นๆบ้าง ถ้าไม่รู้ว่าจะไปหาอ่านข่าวแบบนี้ได้ที่ไหน ก็เชิญที่เพจ "ปอกเปลือก ทรราช" นี่แหละครับ ยินดีต้อนรับเสมอ ถ้าไม่มาป่วนนะ เพื่อนๆที่นี่เยอะมากๆ อัธยาศัยดี น้ำใจงดงามด้วยกันทั้งนั้น
    ถ้ามีใครบอกว่า "คบกับจีน ระวังจะเป็นคอมมิวนิสต์นะ" ให้ถามกลับไปทันทีเลยยว่า "แล้วสหรัฐฯและยุโรปไปคบกับจีนทำไม? สหรัฐฯหันคบกับคอมมิวนิสต์คิวบาทำไม?" คำพูดพวกนี้มันเกิดมาจากพวกขี้อิจฉา กลัวว่าประเทศไทยจะมีความเจริญก้าวหน้าเร็วขึ้น ก็เลยเล่นปลุกกระแสให้คนไทยที่ไม่รู้เท่าทันเป็นโรค Russophobia และ Sinophobia ไปด้วย ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "โรคปอดแ....ก"
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    07/10/2558

    ภาพ US President Barack Obama and Cuban President Raul Castro shake hands at the United Nations. Kevin Lamarque จาก / Reuters

    ----------
    Obama, Castro meet at UN - World - Chinadaily.com.cn
    Can US, Russia iron out differences to face IS together? - Global Times
    Do you speak Chinese? - Global Times
    Xi Jinping’s state visit reveals US, China relationship more dysfunctional than ever | Fox News
    Full text of Xi Jinping's speech on China-U.S. relations in Seattle - Xinhua | English.news.cn
    https://www.whitehouse.gov/the-pres...esident-xi-jinpings-state-visit-united-states
    https://en.wikipedia.org/wiki/Anti-Russian_sentiment
    https://en.wikipedia.org/wiki/Sinophobia
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐยอมรับแล้วน่ะครับ ว่าเป็นผู้สั่งการโจมตีทางอากาศใส่โรงพยาบาลในอัฟกานิสถาน ภายใต้สายบังคับบัญชาของอเมริกา" ซึ่ง พล.อ.จอห์น เอฟ แคมป์เบลล์ แห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการกิจการทหารของวุฒิสภา "โรงพยาบาลคือการโจมตีที่ผิดพลาด เราไม่เคยมีเจตนาโจมตีศูนย์การแพทย์ที่ได้รับการคุ้มครองเลย"

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000112420
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2015
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักรบมุสลิมหัวรุนแรง จะสู้ต่อเมื่อศัตรูอ่อนแอกว่าเท่านั้น เพราะมีอาวุธดีกว่าฝ่ายตรงข้ามทั้งซีเรีย และอิรัก ซึ่งได้มาจากสหรัฐจัดให้ แต่พอเจออาวุธรัสเซียเข้าเลยต้องรีบเผ่น

    หายซ่า! นักรบมุสลิมหัวรุนแรง 3,000 คน หนีการรุกของกองทัพซีเรีย
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ต.ค. 6, 2015

    [​IMG]

    © REUTERS/ Abdalrhman Ismail
    sputnik สื่อรัสเซียรายงานวานนี้ (5 ต.ค.) ว่า นักรบกลุ่มรัฐอิสลามจำนวนมากได้หลบหนีออกจากซีเรียเพราะกลัวการบุกอย่างหนักหน่วงที่กำลังจะมาจากกองทัพซีเรีย

    นักรบมุสลิมหัวรุนแรงมากกว่าสามพันคนจากกลุ่มนักรบญีฮาดรัฐอิสลาม, ญับฮะตุล-นุสรอ และญัยชัล-ยัรมุก ได้หลบหนีออกจากซีเรียเข้าไปยังจอร์แดน เนื่องจากหวาดกลัวการบุกของกองทัพซีเรีย สำนักข่าว Ria Novosti ของรัสเซียอ้างคำพูดของแหล่งข่าวทางทหารคนหนึ่งที่กล่าวว่า

    “นักรบจากกลุ่มรัฐอิสลาม, อัน-นุสรอ และญัยชัล-ยัรมุก อย่างน้อยสามพันคนได้หลบหนีเข้าไปในจอร์แดน พวกเขากลัวการรุกคืบของกองทัพจากทุกแนวรบ และการโจมตีทางอากาศของเครื่องบินรัฐเซีย” แหล่งข่าวผู้นั้นกล่าว

    ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวคนนี้ เมื่อวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียโจมตีนักรบจากกลุ่มรัฐอิสลามและญับฮะตุล-นุสรอ ที่อยู่รอบนอกเมืองหลวงดามัสกัส และจังหวัดเดอีร์ เอซซอร์ และฮุมส์ รวมทั้งใกล้เมืองพัลไมรา

    มีรายงานว่า ที่เมืองเดอีร์ เอซซอร์ นักรบประมาณ 160 คนถูกฆ่าตายระหว่างการสู้รบ ขณะที่การบุกเมืองฮุมส์และพัลไมร่าของกองทัพ ทำให้นักรบเสียชีวิตไปอย่างน้อยสิบเจ็ดคน

    เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศซีเรียได้ทิ้งใบปลิวลงในตอนใต้ของจังหวัดฮามา เชิญชวนให้ผู้ก่อการร้ายยอมมอบตัว และเตือนพลเรือนว่าเกี่ยวกับการเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ ใบปลิวก่อกวนเหล่านี้ถูกทิ้งลงที่อาณาเขตที่ตั้งในเมืองรัสตันและตัลบีเซห์ ซึ่งปัจจุบันควบคุมโดยนักรบกลุ่มรัฐอิสลามและญับฮะตุล-นุสรอ RIA Novosti รายงาน

    เมื่อวันที่ 30 กันยายน เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียมากกว่าห้าสิบลำ ประกอบด้วย Su-24M, Su25 และ Su-34 ได้เริ่มโจมตีทางอากาศอย่างแม่นยำต่อเป้าหมายกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียตามคำร้องขอของประธานาธิบดีบะชัร อัสซาด ของซีเรีย ช่วงต้นขงวันนั้น สภาสูงของรัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนคำร้องขอของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่จะใช้กองกำลังทางการบินและอวกาศของรัสเซียในต่างประเทศ

    นายริอาด ฮัดดาด ทูตซีเรียประจำรัสเซียยืนยันว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพซีเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังทางการบินและอวกาศของรัสเซีย เป็นการดำเนินการกับองค์กรก่อการร้ายติดอาวุธ ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือพลเรือน

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    หายซ่า! นักรบมุสลิมหัวรุนแรง 3,000 คน หนีการรุกของกองทัพซีเรีย | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักการศาสนาซาอุฯ 52 คน ออกแถลงรณรงค์ญิฮาดต่อสู้กับรัสเซีย
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ต.ค. 6, 2015

    [​IMG]

    นักการศาสนาซาอุดิอาระเบีย 52 คนเรียกร้องให้ชาวซาอุฯ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหน ที่มีความพร้อมให้ออกไปต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย ที่เข้ามาปกป้องบัชชาร์ อัซซาด ประธานาธิบดีซีเรีย

    เว็บไซต์ อัลอะราบิยา ของซาอุฯ รายงานว่า นักการศาสนา (อุลามาอ์) และนักวิชาการมหาวิทลัยของซาอุดิอาระเบีย 52 คนเรียกร้องให้ชาวซาอุฯ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหน ที่มีความพร้อมให้ออกไปต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย ที่เข้ามาปกป้องบัชชาร์ อัซซาด ประธานาธิบดีซีเรีย

    กลุ่มบุคคลที่ออกมาร่วมแถลงการณ์ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์อุลามาอ์โลกอิสลาม ที่มี ยูโซฟ กัรฏอวี เป็นประธานสมาพันธ์

    แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เป้าหมายของของรัสเซียที่บุกโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอซิส นั้นเพื่อปกป้องรัฐบาล บัชชาร์ อัซซาด

    นักวิชาการเหล่านั้นยังได้เรียกร้องให้กลุ่มฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียให้สามัคคีกันและอย่าทิ้งแผ่นดินซีเรีย

    อุลามาอ์ซาอุดิอาระเบีย ได้เรียกร้องเชิญชวน “กลุ่มบุคคลที่มีความสามารถ และประสบการณ์ในทุกด้าน” ให้คงอยู่ต่อไปในซีเรีย อย่าได้หนีเป็นอันขาด เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมใน “ในการบูรณะเสริมสร้างและปลดปล่อย” ซีเรีย

    นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียล้มเหลว ในการขวางรัสเซีย ไมให้โจมตีไอซิส จึงตัดสินใจบีบบังคับอุลามาอ์แห่งราชสำนักเชิญชวนและส่งเสริมให้บรรดาเยาวชนเข้าไปสู่สนามรบช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย


    Source : http://www.alarabiya.net


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    นักการศาสนาซาอุฯ 52 คน ออกแถลงรณรงค์ญิฮาดต่อสู้กับรัสเซีย | abnewstoday
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ้างอิงจาก ปอกเปลือกทรราช
    เพิ่งจะมีข่าวเมื่อ วันที่ 30 ก.ย.58 RT news รายงานว่า นาย Sergey Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียได้เตือนที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้ครอบครองชิ้นส่วนของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และได้เรียกร้องให้มีใส่ขบวนการก่อการร้ายไอซิสลงไปในรายชื่อการแซงชั่นต่อต้านขบวนการก่อการร้าย โดยแยกออกมาต่างหาก แล้วอาวุธปริศนาที่ว่า weapons of mass destruction (WMD) นี้มันคืออะไรหละครับ? รัฐบาลของสหรัฐฯหรือนาโต้พอจะตอบได้ไหม? แล้วมันตกไปอยู่ในมือของขบวนการก่อการร้ายได้อย่างไร ใครแกล้งให้ผู้ก่อการร้ายปล้นเอาไปตอนไหนหรือ?

    แต่ในวันนี้ก็มีข่าวว่า มอลโดวาร่วม FBI หยุดกลุ่มอาชญากรรม "ขายกากนิวเคลียร์ให้ก่อการร้าย IS ทำระเบิดกัมมันตภาพรังสี" สุดช็อกรัสเซียมีเอี่ยว ซึ่งเอเจนซีส์ – รายงานเปิดเผยล่าสุดในความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่มอลโดวาและ FBI สหรัฐฯในรอบ 5 ปี สามารถหยุดขบวนการลักลอบขนวัตถุดิบนิวเคลียร์ที่มีรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อขายให้กับกลุ่มก่อการร้าย IS ที่วัตถุดิบเหล่านี้สามารถนำไปผลิตระเบิดกัมมันตรังสี หรือ Dirty bomb ได้

    รัสเซียเพิ่งจะบอกว่า IS มี อาวุธปริศนาที่ว่า weapons of mass destruction (WMD) ไม่กี่วัน มอลโดว่า ก็ไปร่วมมือกับ FBI ของสหรัฐ ออกมากล่าวหาว่า
    สามารถหยุดขบวนการลักลอบขนวัตถุดิบนิวเคลียร์ที่มีรัสเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อขายให้กับกลุ่มก่อการร้าย IS ซึ่งตลาดมือสินค้านิวเคลียร์เหล่านี้ส่วนมากอยู่ตามชายขอบบริเวณยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต และ มอลโดวา ซึ่งมีพรมแดนติดโรมาเนีย เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตจะเป็นมิตรกับรัสเซียไปทั้งหมด ยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นพวกเดียวกับสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ส่งอาวุธที่ทันสมัยให้ IS ใช้ และตามความคิดของผมอาวุธปริศนาที่ว่า weapons of mass destruction (WMD) อาจเป็นอาวุธนิวเคลียร์หก็ได้ครับ ซึ่งรัสเซียก็คงทราบอยู่แล้วจึงส่งเรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเข้าไปในซีเรีย พร้อมระเบิดนิวเคลียร์มากกว่า 2000 ลูก

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000112786
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    รัสเซียส่งสัญญาณเตือนว่าอาจจะใช้กองทัพเรือปิดล้อมชายฝั่งซีเรียเพื่อสะกัดกั้น และลำเลียงอาวุธให้กองทัพรัสเซียในซีเรีย, สหรัฐฯรีบออกมาโวยวายทันทีว่ารู้สึกเป็นกังวลใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับกองทัพเรือของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, ไอซิสกะหลอกให้รัสเซียโจมตีมัสยิสโดยใช้ประชาชนเป็นโล่ แผนตื้นๆ ปลาไม่กินเหยื่อ เสียใจด้วยนะทำเนียบดำ

    [​IMG]

    ---------
    1.) เอาหละได้เวลากลับเข้าโหมดแห่งความมันส์อีกรอบแล้วครับท่าน วันที่ 5 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียอาจจะใช้กองทัพเรือปิดล้อมชายฝั่งซีเรีย" (Russia May Use Navy to Blockade Syrian Coast) (ฮั่นแน่... โปรอเมริกาเตรียมประโคมข่าวทันทีเลยสินะว่า เห็นไหมว่าแล้วไงรัสเซียยึดหรือกลืนซีเรียแน่ๆ อื่มก็มโนกันปะ) "อาจจะมีการใช้กองเรือประจำทะเลดำของรัสเซียเข้าปิดล้อมแนวชายฝั่่งของซีเรีย และส่งมอบอาวุธ ซึ่งรวมถึงการจัดส่งยุทโธปกรณ์ที่ใช้สำหรับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วย" Vladimir Komoyedov ประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งสภาดูม่าและอดีตผู้บัญชาการกองเรือทะเลดำกล่าว
    Vladimir Komoyedov กล่าวว่า "เกี่ยวกับการใช้งานากองเรือทะเลดำขนาดใหญ่ในปฏิบัติการนี้ ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ในแง่ของการปิดล้อมชายฝั่งนั้น ผมคิดว่า [มีความเป็นไปได้] ทีเดียวเลยหละ การจัดส่งยุทโธปรกรณ์ในการโจมตีทางอากาศก็รวมอยู่ด้วย เรือต่างๆมีความพร้อมสำหรับปฏิบัติการนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้งานในขณะนี้ กลุ่มก่อการร้ายได้ (ถอยร่น) ลึกเข้าไปยังที่ที่ไม่สามารถจัดส่งอาวุธไปให้ได้"
    ก็แสดงว่าทั้งกองทัพอากาศของรัสเซียและกองกำลังภาคพื้นดินของรัฐบาลซีเรียได้รุกคืบไล่ต้อนพวกไอซิสและกลุ่มติดอาวุธให้ถอยร่นออกไปไกลเรื่อยๆ และในขณะเดียวกันก็ปิดกั้นเส้นทางในการลำเลียงอาวุธสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไปด้วย อีกทั้งรัสเซียก็เน้นโจมตีคลังอาวุธของกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเป็นหลักด้วย พวกไอซิสต่างก็พากันหนีตายกันจ้าละหวั่นเลย สังเกตง่ายๆคือทั้งกองทัพและรัฐบาลของสหรัฐฯจะนั่งไม่ติดที่ ต้องออกมาโวยวายใส่รัสเซียรายวันวันละหลายคนผ่านสื่อฯจั๊กกะจั่นกระบอกเสียงของตนและในเครือให้เห็นตามหน้าสื่อฯและเว็บไซท์โปรอเมริกาอยู่บ่อยๆ
    สื่อฯพวกนั้นจะไม่นำเสนอว่าว่าวันนี้รัสเซียยิงประตูได้กี่ลูก มีไอซิสตายไปแล้วกี่ราย มีมอบตัวเพิ่มขึ้นเท่าไร แต่จะเน้นการลุกลี้ลุกลนของสหรัฐฯและนาโต้ที่ออกมาโวยวายประท้วงและกล่าวหารัสเซียเป็นหลัก ส่วนสื่อฯของรัสเซียไม่เน้นยอมผู้เสียชีวิตแม้ว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่สื่อฯของอิหร่านอย่างสำนักข่าว fars นี้เน้นรายงานยอดการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นหลัก มีทุกวัน
    กลับมาที่ข่าวกันต่อนะครับ... อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งกองเรือทะเลดำ (Komoyedov) กล่าวเพิ่มเติมว่า "ขนาดของกลุ่มกองเรือที่จะใช้ในปฏิบัติการนี้ จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการต่อสู้ ซึ่งปัจจุบันนี้ เรือ flotilla แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของกองทัพเรือรัสเซีย ก็เพียงพอสำหรับปฏิบัติการต่างๆในพื้นที่ที่มีการกำหนดไว้อยู่แล้ว แน่นอนว่าจะมีการใช้เรือสนับสนุน ในปฏิบัติการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเพื่อลำเลียงอาวุธและอุปกรณ์ด้านเทคนิคของกองทัพไปให้ด้วย" (ตอนนี้รัสเซียจัดส่งฝ่ายสนับสนุนไปให้กองทัพรัสเซียในซีเรียอย่างน้อยสองช่องทางคือทางอากาศและทางทะเล แหล่ม!)
    2.) หลังจากที่รัสขู่เล่นๆ (แต่เอาจริง) ว่า "อาจจะ" ส่งกองเรือทะเลดำเข้าปิดล้อมแนวชายฝั่งของซีเรียในวันที่ 5 ที่ผ่านมา และวันที่ 6 ต.ค.58 Sputnik news ก็พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐฯรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับการดำเนินกิจการทางกองทัพของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" (US Concerned About Russian Military Deployment in Mediterranean) (ไม่ว่ารัสเซียจะขยับหรือทำอะไร พี่แกก็จะบอกว่า "เป็นกังวลๆๆๆ..." ประจำ ทหารรัสเซียเข้าห้องน้ำ สหรัฐฯก็คงจะกังวลด้วยสินะ? แต่พอเครื่องบินของตัวเองถล่มโรงพยาบาลในอัฟกานิสถานเต็มนาน 30 นาทีไม่เห็นหน้าไหนในสหรัฐฯหรือในยุโรปออกมาบอกว่า "สหรัฐฯเป็นกังวล" บ้างเลยนะ)
    รายงานข่าวบอกว่า Adm. Mark Ferguson ผู้บังคับบัญชากองกำลังร่วมพันธมิตรเนเปิลส์ กล่าวว่า "รัสเซียได้ใช้ระบบขีปนาวุธ cruise missile ป้องกันภัยทางอากาศและแพลตฟอร์ใหม่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งถือว่ากำลังสร้างศักยภาพในการวางแผนด้านพลานุภาพในอาณาเขตทางทะเล" (กลัวหละสิ?)
    ตามสไตล์ของสหรัฐฯและนาโต้จอมโวยวายที่จ้องจะหาเรื่องรัสเซียตลอด ขุดมาตั้งแต่สมัยไหนบ้างก็ไม่รู้ว่ารัสเซียก้าวร้าวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลืมดูตัวเอง สื่อฯรัสเซียก็ลงให้ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นธรรมกับนาโต้ แต่แอ็ดมินฟังบ่อยแล้ว ขี้เกียจแปลด้วย งั้นของตัดไปที่สื่อฯรัสเซียตอกกลับนาโต้บ้างดีกว่า
    ในการตอบโต้นั้น รัสเซียได้เตือนว่า "การก่อตั้งแลขยาย (ฐานทัพและอิทธิพล) ของนาโต้ใกล้ชายแดนของรัสเซีย เป็นการดำเนินการเชิงยั่วยุ และคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาค" (แล้วนาโต้ว่าไงบ้าง? ไม่ได้ยินครับ ถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยการแถลงข่าวโจมตีรัสเซีย ส่วนรัสเซียจะตอบโต้อย่างไรนั้น ฝันไปเถอะว่าสื่อฯของสหรัฐฯและพันธมิตรจะนำไปลงข่าวให้ งานนี้ใครเน่าในสายตาของประชาชนชาวอเมริกาและยุโรปและประเทศอื่นๆที่เสพข่าวเพียงด้านเดียว? ก็รัสเซียนะสิครับ ต้องรับบทเป็นผู้ร้ายตลอด เนื่องจากผู้กำกับบทเป็นคนของสหรัฐฯ ปากกาและสื่อฯกระแสหลักอยู่ในมือของสหรัฐฯและนาโต้ซะอย่าง)
    Ferguson กล่าว่า "ความตั้งใจของพวกเขา [สื่อฯรัสเซียรู้ว่า Ferguson หมายถึงใครจึงได้เติมคำว่า "รัสเซีย" ไว้นในวงเล็บให้] ก็คือมีความสามารถที่จะทำให้กองกำลังทางทะเลที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นตกอยู่ในความเสี่ยง และถือว่าเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการต่างๆของนาโต้" (ปฏิบัติการอะไรบ้างครับท่าน? ปฏิบัติการบ่อนทำลายรัสเซีย และปฏิบัติการบ่อนทำลายซีเรียและภูมิภาคตะวันออกกลางให้อ่อนแอ แล้วฉกฉวยผลประโยชน์ค้าน้ำมันเถื่อนหรือเปล่า?)
    มีหรือที่สื่อฯรัสเซียจะยอมให้นาโต้ถือโทรโข่งออกมากล่าวหารัสเซียได้ฝ่ายเดียว งานนี้สื่อฯรัสเซียตอกกลับนาโต้แทนรัฐบาลและกองทัพรัสเซียซะเลยว่า "อุเหม่!…. นาโต้ได้เพิ่มการปรากฎตัวทางทหารของตนเองขึ้นในยุโรปตะวันออก แและในทะเลดำ ตั้งแต่การขยายตัวของความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนเมษายน 2014" (แล้วนั่นคืออะไร นาโต้ตอบให้ชัดๆหน่อยซิ? เงียบ นี่… การเมืองระหว่างประเทศเขาก็เล่นกันแบบนี้)
    3.) หลังจากที่มีข่าวว่านาโต้นำโดยสหรัฐฯส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลในเมือง Kunduz อัฟกานิสถาน ทำให้มีบุคคลากรทางการแพทย์และพลเรือนเสียชีวิตจำนวน 22 ราย ทำให้สหรัฐฯเสียหน้ามากๆ ชื่อเสียงย่อยยับ แต่ไม่เป็นไรไม่มีใครกล้าออกมาประนามสหรัฐฯอยู่แล้ว พวกองค์กรสิทธิมนุษยชนหายหัวอมสากกันหมด แปลกไหม? ล่าสุดสหรัฐฯทำอีท่าไหนไม่รู้ ถึงกับทำให้ทางกองทัพของอัฟกานิสถานช่วยออกหน้ารับแทนว่า อัฟกานิสถานเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯและนาโต้เพื่อให้การสนับสนุนทางด้านอากาศ แต่อัฟกานิสถานไม่ได้บอกว่าได้ขอให้สหรัฐฯส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยายาล
    หลายประเทศเรียกร้องให้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมยูเอ็นและให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา สหรัฐฯก็นำเรื่องเข้าสู่ยูเอ็นและบอกว่า ยูเอ็นได้มอบหมายให้สหรัฐฯเป็นผู้ตรวจสอบแต่เพียงผู้เดียว กรรม! ให้โจรตรวจการกระทำผิดของโจรซะอย่างนั้น เรื่องแบบนี้มีแต่ประเทศประชาธิปไตยเบอร์หนึี่งของโลกอย่างสหรัฐฯเท่านั้นที่จะทำได้ ถ้าสมมุติว่าผ่ายที่กระทำคือรัสเซีย คิดว่าสหรัฐฯและยูเอ็นจะยอมให้รัสเซียทำอย่างนี้ได้หรือไม่? Never! กรณีที่คล้ายกันก็มีอีกเช่นกัน ก็คือสหรัฐฯมอบให้ซาอุดิฯเป็นผู้ตรวจสอบการสูญเสียชีวิตของพลเรือในซีเรีย หลังจากที่เครื่องบินรบของพันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดิฯบินเข้าไปทิ้งระเบิดใส่เยเมนอยู่หลายเดือนจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าซาอุดิฯเป็นประธาน UNHCR คนใหม่ ฮ่าๆๆ เข้าใจเล่นกันจริงๆ ให้ผู้ก่ออาชญากรรมเป็นผู้ตรวจสอบอาชญากรรมของตนเอง เรื่องแบบนี้มีแต่สหรัฐฯและพรรคพวกเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยทำเรื่องน่าขันแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ก็อำนาจอยู่ในมือใครหละ? กองทัพเกือบ 800 แห่งกระจายอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลกนะครับ ใครจะกล้าเถียงกับเจ้าโลกตัวจริงบ้างหละ?
    ยังไม่ทันจะมีใครกล้าออกมาบอกว่าจะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศเลย สหรัฐฯรีบออกมาบอกว่า ถ้ามีใครยกเรื่องนี้ขึ้นสู่การพิจารณาในศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) ในกรณีที่พบว่าบุคคลกรทางกองทัพของสหรัฐฯจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สหรัฐฯก็จะคัดค้านทันที! (ว้าววว! เป็นไงครับประชาธิปไตยของแท้ ไม่ต้องทำตามกฎหมายสากล เจริญจริงๆนะประชาธิปไตยและเสรีภาพของสหรัฐฯ)
    สหรัฐฯและนาโต้กำลังมองช่องอยู่ว่าจะปัดข่าวนี้ออกจากตัวเองได้อย่างไรนะ? จะโยนอี้ให้รัสเซียหรือจีน หรือคิมน้อยก็อยู่ไกลเกินไป และคงจะต้องใช้เวลานานในการแต่งละครขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ทำอย่างไรดีนะ? และแล้วโชคก็เกือบจะเข้าข้างสหรัฐฯ วันที่ 6 ต.ค.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "กลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรียใช้มัสยิดเป็นที่พักอาศัย และใช้พลเรือนเป็นโล่ห์กำบัง - รมว.กลาโหมของรัสเซียกล่าว" (ISIS in Syria using mosques as shelters, civilians as shields – Russian Defense Ministry)
    ลูกน้องใครนิ ชั่งชั่วได้ใจจริงๆพับผ่าสิ... Anatoly Antonov รมช.กลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังมาก มีทัศนคติที่ให้ความเคารพต่อมัสยิด ซึ่งพวกเขาเข้าใจว่าพวกเราจะไม่มีทางโจมตีทางอากาศใส่สิ่งปลูกสร้างของพลเรือนภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นโดยเด็ดขาด"
    Antonov กล่าวว่า "พวกเราเช็กข้อมูลเป็นร้อยครั้ง การตัดสินใจของพวกเรามีน้ำหนัก มีการปรึกษาหารือ และมีการคำนวณแล้ว พวกเราจะโจมตีทางอากาศก็ต่อเมื่อพวกเรามีความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะต้องยิงเข้าตรงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำแล้วเท่านั้น" (เหมือนรัสเซียกำลังจะบอกสหรัฐฯและนาโต้ว่า รัสเซียเป็นมืออาชีพ มีเทคโนโลยีสูง ไม่บุ่มบ่ามโจมตีอย่างที่สหรัฐฯเที่ยวสร้าง propaganda กล่าวหารัสเซียก่อนหน้านี้และอย่างที่สหรัฐฯและนาโต้บอมบ์โรงพยาบาลในอัฟกานิสถานหรอกนะ ฝีมือมันคนละชั่นว่าอย่างนั้นเถอะ)
    อ้าว… แล้วรัสเซียรู้ได้อย่างไรว่าพวกไอซิสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆใช้มัสยิดเป็นที่คุ้มภัย (หนีออกจากถ้ำไปหลบอยู่ในมัสยิด) และใช้พลเรือนเป็นโล่ห์มนุษย์? ก็รัสเซียส่งโดรนไปจับตาดูพฤติกรรมของพวกผู้ก่อการร้ายอย่างใกล้ชิดเลย ขยับจากจุดไหนไปจุดไหนรู้หมด จะใช้ลับลวงพลางแยกกันออกหลายทางก็ตามได้หมด สุดท้ายก็ไปรวมตัวที่เดียวกันคือหลบอยู่ในมัสยิด ถ้างานนี้รัสเซียใจร้อน และชิงถล่มทั้งมัสยิดเลย อย่างที่สหรัฐฯทำในอัฟกานิสถาน แน่นอนว่าสื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกจะต้องเผารัสเซียตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกช่อง ทุกสำนักข่าวแน่ๆ เสียใจด้วยนะครับคุณทำเนียบดำ งานนี้ปูตินรู้ทันอ่ะ แผนตื้นๆ ไม่หลงกลหรอกนะ อ้อรัสเซียเขาไม่ได้พูดปากเปล่าที่ใครได้ยินแล้วจะต้องเชื่อเหมือนโปรเมริกาเชื่อทุกอย่างที่รัฐบาลสหรัฐฯแถลงหรอกนะ รัสเซียมีคลิปให้ดูด้วยว่าเขาติดตามรถของพวกไอซิสอย่างไรบ้าง หนีได้หนีไป หลบได้หลบไป ดูซิว่าจะอยู่ในมัสยิดได้นานสักเท่าไร ถ้าโผล่ออกมาพ้นรัศมีเขตชุมชนและปลอดพลเรือเมื่อไร เสร็จทันที
    รายงานข่าวจาก Sputnik news บอกว่ารัสเซียใช้ Supercomputer ในการควบคุมโดรนและหุ่นยนต์ในปฏิบัติการสอดแนมพวกไอซิสและกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธฝ่ายกบฏอื่นๆ
    นอกจากนี้แล้วรัสเซียยังมีของเล่นใหม่ไปฝากไอซิสในซีเรียด้วย ซึ่งมันก็คือ Krasukha-4 เป็นระบบแจมมิ่งสัญญาอิเล็คทอนิควอร์แฟร์รุ่นทันสมัยสุดๆ Krasukha-4 มีพิสัยทำการถึง 300 กม. เอาไว้แจมสัญญาของอากาศยานและสัญญาณดาวเทียมของข้าศึก ซึ่งอยู่ในวงโคจรรอบโลกต่ำ โดยสามารถสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์วิทยุ-อิเล็คทอนิคได้อย่างถาวร เป็นสถานีเรด้าร์ภาคพื้น และเคลื่อนที่ได้โดยง่าย เพราะว่าเป็นสถานีเรด้าร์บนพาหนะ
    เอ่อ… สหรัฐฯและนาโต้ได้ยินแบบนี้แล้วยังจะกล้าส่งโดรนหรือเครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าของซีเรียอยู่อีกรึ? ร่วงได้ง่ายๆ โดยไม่ทราบสาเหตุเลยนะครับ แบบว่าบินไปแล้วอุปกรณ์วิทยุระบบคอมพิวเคอร์อขงเครื่องบินหรือโดรนทุกชนิดหยุดทำงานเอาดื้อๆหนะ เดี้ยงเลยนะนั่นหนะ อันนี้รัสเซียไม่ได้ขู่นะครับ ที่สื่อฯรัสเซียเอามาลงข่าวนี้ก็ด้วยหวังดีเพราะเห็นว่ายังไงซะก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่อ่ะนะ
    ป.ล.ส่วนภาพขีปนาวุธและระเบิดที่นำมาให้ดูด้วยนี้ สื่อฯรัสเซียเขาเอามาโชว์ให้สหรัฐฯและพันธมิตรดูว่า ตอนนี้รัสเซียกำลังใข้ของคุณภาพสูงเหล่านี้ในการถล่มไอซิสอยู่ในซีเรียนะครับ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    07/10/2558


    ภาพจาก © Sputnik/ Sergey Petrosyan

    ----------
    Russia May Use Navy to Blockade Syrian Coast
    US Concerned About Russian Military Deployment in Mediterranean
    Kunduz Must Not 'Be Left for the US Alone to Investigate' - Michael Maloof
    US to Oppose Bringing Kunduz Bombing Case to International Criminal Court
    https://www.rt.com/news/317662-russian-smart-bombs-syria/
    https://www.rt.com/news/317803-russia-syria-airstrikes-antonov/
    Nowhere to Hide: A Rundown of the Russian Bombs Being Dropped on ISIL
    Russia Creates a Supercomputer to Operate Drones and Robots
    https://www.rt.com/news/317649-syria-strikes-isis-russia/
    https://www.youtube.com/watch?v=OXHZ3gGqmDo
    https://www.youtube.com/watch?v=G7AEY-TIaog
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/D7KLb6gEd5s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    กองทัพซีเรียเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นเต็มรูปแบบถล่มไอซิสในจังหวัด Hama และ Idlib ซีเรีย (7 ต.ค.58) โดยมีกองทัพอากาศรัสเซียคอยคุ้มกันภัยให้
    -----------
    https://www.youtube.com/watch?v=D7KLb6gEd5s
    Syrian Army Begins Full-Scale Offensive in Hama Province
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/8gjq3joqcCc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เปิดเผยให้โลกรู้ไปเลยว่ารัสเซียจัดการกับไอซิสแบบไหน ไม่ต้องปิดบังแบบสหรัฐฯแล้วคอยวาดข่าวซะสวยงามแต่ไม่มีหลักฐาน งานนี้สื่อฯรัสเซียนำเอาคลิปวินาที Su-24 หย่อนระเบิดจากกล้องที่ติดอยู่กับเครื่องบิน และคลิปจากโดรนที่จับภาพการทิ้งระเบิดภาคพื้นดินใส่รังไอซิสมาโชว์ในโลกโซเชียล
    https://www.youtube.com/watch?v=8gjq3joqcCc
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรรมตามสนองไอซิส พวกชอบจัดฉากฆ่าอำมหิต แล้วถ่ายวีดีโอให้ชมกันทั่วโลก ตอนนี้รัสเซียเข้าไปถล่ม และก็ถ่ายวีดีโอมาให้ชมกันทั้งโลกแทน
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    มหาอำนาจในเอเชีย รัสเซีย + จีน กับปฎิบัติการตอบโต้ นักล่าอาณานิคมตะวันตก (1/3)

    [​IMG]

    ----------
    โดย: Tor Teerawat & Noraseth Tuntasiri
    นับเป็นเวลาที่นานมากแล้ว ที่อเมริกา กับชาติพันธมิตรตะวันตก ได้ดำเนินนโยบายการต่างประเทศเพื่อเข้าครอบครอง ภูมิภาคตะวันออกกลาง แบบเบ็ดเสร็จ ด้วย เหตุผล เพื่อผลประโยชน์ในหลายด้านที่จะได้รับ เช่นผลกำไรในทรัพยากรธรรมชาติ อย่างน้ำมัน และเพื่อกีดกันไม่ให้มหาอำนาจในเอเชีย เติบโต ขึ้นมาทัดเทียมได้ (รวมถึงการปิดล้อมชาติในเอเชียไปในเวลาเดียวกัน
    ถ้าสามารถควบคุมภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหมดได้สำเร็จ) เพราะใครครอบครองน้ำมันได้ เท่ากับเป็นผู้มีอิทธิพลเบอร์หนึ่งของโลก ดังนั้นชาติตะวันตกอย่าง อเมริกา และพันธมิตรยุโรป ต้องทำทุกวิถีทางในการกีดกัน ไม่ให้ชาติมหาอำนาจในเอเชีย เข้าไปทำการค้าต่างๆ เกี่ยวกับน้ำมันได้ราบลื่น ทั้งการค้าขาย และ การลงทุนเกี่ยวกับระบบขนส่งปิโตรเลียม ของมหาอำนาจในเอเชีย (ทั้งท่อน้ำมันและท่อก๊าช)จึงโดนกีดกัน และขัดขวางทุกวิถีทาง โดยไม่เลือกวิธีปฏิบัติ
    เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า ไม่ว่ามหาอำนาจในเอเชีย จะเข้าไปลงทุนเกี่ยวกับพลังงาน ในประเทศใดของภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือแม้กระทั่งในแอฟริกาก็ตามแต่ ความวุ่นวายทั้งหลายก็จะไปเกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ ความรุนแรงต่างๆ หลายรูปแบบ ได้เพิ่มมากขึ้น และกระจายเข้าครอบคลุม ในตะวันออกกลางหลายประเทศ อย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น อีรัก ลีเบีย อัฟกานิสถาน ซีเรีย และเยเมน
    กรณีซีเรีย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ด้วยเหตุผลที่ชาติในเอเชียจะนิ่งนอนใจเเละสูญเสียไม่ได้ เพราะถ้าหากสูญเสียซีเรียให้กับชาติตะวันตก จะทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางไร้เสถียรภาพ แบบยากเกินที่จะแก้ไข เมื่อเเรกเริ่มของสงครามในซีเรีย รัสเซีย กับ จีน อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยซีเรียตั้งแต่ต้น แต่รัสเซียกับจีน ในตอนนั้นอาจจะยังไม่พร้อมเต็มที่ ได้แต่อดทนรอเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลของประธานาธิปดี อัสซัส แห่งซีเรีย ที่เข้ามาบริหารประเทศโดยถูกต้อง โดยชนะการเลือกตั้ง มาอย่างชอบธรรม ต้องยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เพิ่มขึ้นมามากมายหลายกลุ่ม และยังโดนชาติตะวันตก ขนระเบิดไปทิ้งทางอากาศ โดยไม่คำนึงถึงประชาชนชาวซีเรีย ที่ต้องรับเคราะห์จากการทิ้งระเบิด อย่างไร้ความรับผิดชอบ นานถึง 4 ปี
    การพยายามโค่นรัฐบาล อัสซัส ของซีเรีย โดยชาติตะวันตกจึงต้องใช้ทั้งเงินทุน กำลังพล และอาวุธ มากมายมหาศาล การยึดเยื้อของสงครามซีเรีย ทำให้ตะวันตก ต้องสูญเสียเงินทุนมากมายมหาศาลหมดไปในสงคราม ซีเรีย แต่ดูเหมือนชาติตะวันตกนั้นจะ ชะล่าใจว่าจะสามารถเข้ายึดครองซีเรียได้ และครอบครองตะวันออกกลางสำเร็จในท้ายที่สุด ในขณะที่สงครามซีเรียดำเนินไป รัสเซีย กับ จีน ดูเหมือนคนที่นิ่งเฉย กับกรณีสงครามซีเรีย ซึ่งถือเป็นชัยภูมิที่สำคัญ แต่มหาอำนาจในเอเชีย กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานถึง 4 ปี แต่นั่นคือความเงียบสงบของชาติมหาอำนาจในเอเชีย ที่อาจซ่อนกลยุทธ แบบสะท้านสะเทือนให้กับพวกชาติตะวันตกได้ตระหนักถึง ความเหนือชั้นอย่างไม่คาดคิด การรอเวลาและเตรียมความพร้อมต่างๆ ของชาติมหาอำนาจในเอเชีย จึงเป็นกลยุทธถอยเพื่อโต้กลับ และเป็นการถอยเพื่อให้มีความพร้อม ในด้านต่างๆ ก่อนที่จะทำการตอบโต้
    สงครามในซีเรียยังดำเนินต่อไป มหาอำนาจในเอเชียกลับนิ่งสงบ แต่มีการดำเนินการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทางทหารกัน ระหว่าง รัสเซีย กับจีน และอินเดีย(กรณี บินรบ Sukhoi T50 PAK-FA เครื่องบินรบ T-50 PAK-FA ซึ่งพัฒนาโดย ซูคอย ผู้ผลิตเครื่องบินรบยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย มีกำหนดจะเข้าประจำการในปี 2559 และขณะนี้ รัสเซียกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา T-50 ร่วมกับอินเดีย ที่เพิ่งเริ่มใช้งบประมาณไป 25 เปอร์เซนต์ จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 20,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 655,000 ล้านบาท)
    โดยเฉพาะ รัสเซีย มีการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศ อย่าง Okno-m ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าสุดๆ ของระบบเฝ้าระวังภัย ในอวกาศ ของรัสเซีย กับขีดความสามารถในการป้องกันที่เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ระบบนี้ชื่อว่า Okno-M ถูกติดตั้งอยู่ในประเทศทาจิกิสถาน ระบบเฝ้าระวังภัยในอวกาศ ได้บรรลุผลเต็มความสามารถ จากการพัฒนาในครั้งที่ 4 ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จากรายงานของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
    (ครั้งนี้รัสเซียคงอยากจะสื่อว่าของจริงมาแล้ว พวกของปลอมหลบไปให้พ้นๆ อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าของปลอม นั่นก็คือโครงการ Strategic Defense Initiative : SDI ยุทธศาสตร์ป้องกัน ที่รู้จักกันในชื่อ " โครงการสตาร์วอร์ " ของสหรัฐฯ ริเริ่มในสมัย ปธน.เรแกน เมื่อ 1983 เป็นโครงการพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีความซับซ้อน เพื่อป้องกันขีปนาวุธที่ถูกส่งมาโจมตีสหรัฐฯ ทั้งยิงสกัดด้วยขีปนาวุธภาคพื้น เครือข่ายอุปกรณ์จับสัญญาณด้วยแสงเลเซอร์ โครงการนี้ถูกโจมตีอย่างหนักจากหลายๆ ฝ่าย บ้างก็ว่าเป็นโครงการฝันเฟื่อง ก็เพราะว่าโครงการนี้ต้องใช้เทคโนโลยีแบบสุดไฮเทค ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นทดลองทั้งนั้น ....การบรรจบกันของการเมืองและนิยายวิทยาศาสตร์ของ จอร์จ ลูคัส ความเป็นจริงและจินตนาการนี้ วอชิงตันและฮอลลีวู้ดเอามาเกี่ยวกัน?!
    ถึงขนาดดาวเทียมยิงแสงเลเซอร์ทำลายขีปนาวุธในอวกาศ นายพลJames Abrahamson บอกคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 1984 โครงการจะมีค่าใช้จ่าย 4 - 8 แสนล้านเหรียญ แต่นิตยสาร Aviation Week and Space Technology ฉบับ 2 เม.ษ.1984 ระบุว่าค่าใช้จ่าย 1 ล้านล้านเหรียญ ส่วนผู้เชี่ยวชาญอื่นๆระบุที่ 5 แสน - 2 ล้านล้านเหรียญ (ดูมูลค่าของเงินเทียบกับปี ค.ศ.ด้วยซึ่งเป็นมูลค่ามากมายมหาศาล)
    สุดท้ายโครงนี้ปิดฉากลง ไปพร้อมกับเรแกน - แต่สหรัฐฯยังไม่ยอมเลิกล้มง่ายๆ ในยุคคลินตัน ค.ส. 1993 ได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น Ballistic Missile Defense Organization : BMDO องค์การป้องกันขีปนาวุธ และลดขนาดลงเหลือขนาดกลาง ต่อมาเปลี่ยนชื่ออีกในยุค George W. Bush 2002 Missile Defense Agency : MDA หน่วยงานป้องกันขีปนาวุธ National missile defense : NMD ป้องกันขีปนาวุธแห่งขาติ เป็นคำเรียกทั่วไป ล่าสุด 2015 สหรัฐใช้งบประมาณเพื่อการป้องกันไปแล้วกว่า 3 ล้านล้านเหรียญ ....จนกระทั่งบัดนี้ โครงการ SDI ยังเป็นแค่ภาพวาดอยู่เลย เลเซอร์ที่ว่าจะเอาไว้ตรวจจับขีปนาวุธข้ามทวีป ตอนนี้คงอยู่ในขั้นทดลอง โครงการสตาร์วอร์ยิ่งใหญ่ ไฮเทคล้ำยุคของสหรัฐ อาจจะใช้งานไม่ได้ผลอย่างที่คิด)
    การอัพเกรด Okno-M ซึ่งเป็นระบบ Optoelectronic สำหรับการตรวจหาวัตถุในอวกาศได้เสร็จสมบูรณ์และระบบสามารถปฏิบัติการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ - จากการเปิดเผยคำแถลงการณ์ใหม่ในเว็บไซด์กระทรวงกลาโหมรัสเซีย สถานีOkno-M ที่อยู่ในทาจิกิสถาน เอเชียกลาง เป็นส่วนสำคัญเครือข่ายเฝ้าระวังในอวกาศของกองกำลังป้องกันการบินและอวกาศของรัสเซีย ( Russian Aerospace Defence Forces ) สถานีเฝ้าระวังประสบความสำเร็จ จากที่ต้องเผชิญกับการทดสอบเมื่อปลายปี 57
    - หน้าที่ของระบบอัพเกรดคือการรวบรวมข้อมูลของวัตถุ และตรวจสอบสอบวัตถุในอวกาศโดยอัตโนมัติ รวมทั้งสิ่งที่อยู่ในวงโคจรค้างฟ้า ( geostationary orbit ) ซึ่งเป็นวงโคจรที่เคลื่อนที่สัมพันธ์กับโลก ถ้าเรามองดูจะเห็นเหมือนกับหยุดนิ่ง แต่จริงๆแล้วเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการหมุนของโลก กินเวลาเกือบ 24 ชม./1รอบ ที่ระยะทางที่ไกล 120 - 40,00 กม. ระบบที่พัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์ในรัสเซีย มีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นทั้งความสามารถในการตรวจพบ, สมรรถนะช่องรับ-ส่ง สัญญาณที่ดีขึ้น และช่วงที่กว้างกว่าของคุณสมบัติสำหรับการการประมวลผลข้อมูลวัตถุในอวกาศ ความสามารถและความทันสมัยอันซับซ้อน ในการพัฒนาครั้งที่ 4 นี้ยิ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ สถานี Optoelectronic แกะรอยติดตามวัตถุในอวกาศโดยลำพังในเวลากลางคืน แสงแดดจะสะท้อนจากวัตถุซึ่งเอื้ออำนวยต่อระบบกับข้อมูลที่จำเป็น - Okno-M เป็นระบบอัตโนมัติอย่างครบถ้วน และมีความสามารถในการทำงานได้โดยปราศจากการก้าวก่าย(ควบคุม)โดยมนุษย์ , ติดตามความเคลื่อนไหวของวัตถุทั้งที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้และตรวจพบใหม่
    อ่านต่อในตอนที่ 2/3 และ 3/3...
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    มหาอำนาจในเอเชีย รัสเซีย + จีน กับปฎิบัติการตอบโต้ นักล่าอาณานิคมตะวันตก (2/3)

    [​IMG]

    ----------
    โดย: Tor Teerawat & Noraseth Tuntasiri
    - การก่อสร้าง Okno ก่อนหน้า - สถานี,หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของ Russian space intelligence ( หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นหน่วยสืบราชการลับอวกาศ ) เริ่มต้นในปี 1980 ในเทือกเขา Pamir ใกล้ชายแดนอัฟกานิสถานที่ความสูง 2,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล - ตั้งแต่ปี 1999 Okno ได้ค้นพบและวัดค่า มากกว่า 10 ล้านวัตถุอวกาศ ติดตามประมาณ 5,000 วัตถุอวกาศที่วงโคจรความสูงใหม่ สังเกตุการณ์ 560 วงโคจรยานอวกาศ และบันทึกมากกว่า 200 การเคลื่อนขบวนซ้อมรบที่วัตถุประสงค์ต่างๆของยานอวกาศต่างชาติ นอกจากนี้ Okno-M ยังสามารถมีส่วนร่วมและเข้าถึง การประเมินผลสถานการณ์ต่างๆ กับ 25 สถานการณ์ฉุกเฉินทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การอัพเกรด Okno-M ในอีก 4 ปีข้างหน้า ช่วงของแสงเลเซอร์ (range of new laser-optical) และระบบอิเลคทรอนิคส์ใหม่ สำหรับการตรวจหาวัตถุอวกาศ จะถูกสร้างขึ้นอย่างเหมาะสม โดยมุ่งเน้นวัตถุอวกาศทางการทหารเป็นหลัก นั่นหมายถึงดาวเทียมทางการทหารของต่างชาติ อากาศยานอื่นๆ รวมทั้งเศษวัตถุทางดาราศาสตร์
    - ในปี 2014 กองกำลังป้องกันการบินและอวกาศของรัสเซียเริ่มดำเนินการชุดชำนาญการพิเศษแสงเลเซอร์ และวิศวกรรมคลื่นวิทยุ สำหรับวินิจฉัยวัตถุที่อยู่ถัดไปจากชั้นบรรยากาศของโลก เพื่อตรวจสอบน่านฟ้าของรัสเซีย เป็นที่คาดกันว่าจะมีจำนวน 10 แห่งหรือมากกว่าที่จะคอยเฝ้าจับตาตั้งอยู่ ทางตอนใต้ ,ไซบีเรีย และตะวันออกไกลของรัสเซีย ในปี 2018
    - จากที่เขียนมาทั้งหมดก็เพื่อจะบอกว่า รัสเซียเปิดระบบแนวป้องกันในอวกาศเต็มพิกัด ระบบ Optoelectronic เป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับวัตถุบนวงโคจรที่ความสูง 120 - 40,000 กม.(Geostationary orbit) ความสามารถในการทำงานของมัน จะทำให้มีเวลาเพียงพอในการสกัดกั้นการโจมตีจาก ขีปนาวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะแบบข้ามทวีป ICBM, IRBM, SLBM ขณะที่ยังคงโคจรอยู่ในบรรยากาศชั้นนอก (Atmosphere) ....ทุกอย่างเกี่ยวกับ Okno-M คือของจริง ปฏิบัติการแล้วจริง ไม่ใช่ราคาคุยอย่างโครงการสตาวอร์ส ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งว่า ถ้าหากมีการเกิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 จนเลยเถิดกลายไปเป็นสงครามนิวเคลียร์ ชาติในเอเชียจะได้รับความเสียหายจากอาวุธร้ายแรง อย่างนิวเคลียร์น้อยกว่า ตะวันตกอย่างแน่นอน ในขณะที่อเมริกากับพันธมิตรตะวันตก อาจจะเจ็บหนักมากกว่าหลายเท่านัก ถ้าหากคิดสั้นจะก่อสงครามนิวเคลียร์
    ปฏิบัติการตอบโต้อเมริกา ทางเศรษฐกิจ ของมหาอำนาจในเอเชีย เริ่มต้นด้วยการจับมือกัน ของรัสเซีย กับจีน เมื่อวลาดิมีร์ ปูติน ได้เริ่มต้นภารกิจเยือนภูมิภาคแคริบเบียนและอเมริกาใต้อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการพยายามผลักดันระเบียบโลก ที่มีหลายขั้วขึ้นเพื่อถ่วงดุล กับขั้วอำนาจเดียวของสหรัฐฯ เริ่มด้วยการเยือนคิวบาเป็นประเทศแรก ซึ่งปูตินได้พบกับ 2 พี่น้องหมายเลขหนึ่งจากตระกูลคาสโตร ทั้งฟิเดลและราอูล และสร้างความประทับใจด้วยการประกาศยกหนี้ของคิวบาที่ค้างชำระตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียตจำนวน 35,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.15 ล้านล้านบาท) หรือร้อยละ 90 ของหนี้ทั้งหมด
    ส่วนที่เหลืออีกราว 3,500 ล้านดอลลาร์จะแปรสภาพหนี้เป็นเม็ดเงินลงทุนในโครงการช่วยเหลือด้านการศึกษา รวมทั้งโครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม สาธารณสุข และโครงการช่วยฟื้นอุตสาหกรรมสำรวจน้ำมันนอกชายฝั่งเกาะโบกา เด จารูโก ทางตอนเหนือของคิวบา ซึ่งเท่ากับช่วยทลายวงล้อมของสหรัฐที่คว่ำบาตรคิวบาทางเศรษฐกิจมานานถึง 52 ปีได้สำเร็จ และรัสเซียก็ได้รางวัลตอบแทนที่แสนคุ้มค่าเมื่อคิวบาไฟเขียวให้แดนหมีขาวกลับเข้าไปเปิดศูนย์อำนวยการด้านข่าวกรอง ซึ่งเคยใช้ดักฟังสหรัฐในสมัยสงครามเย็นได้อีกครั้งหลังจากรัสเซียจำเป็นต้องปิดศูนย์จารกรรมแห่งนี้เมื่อปี 2544 ด้วยปัญหาเรื่องงบประมาณ โดยศูนย์นี้ตั้งที่เมืองลัวร์เดส ชานกรุงฮาวานา ห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐเพียง 250 กิโลเมตรเท่านั้น
    จากนั้น ปูตินก็เดินทางต่อไปที่อาร์เจนตินา และก็ได้สร้างข่าวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่บรรลุข้อตกลงพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งรัสเซียเสนอตัวจะช่วยสร้างไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งให้ หรือกรณีประกาศว่าอาร์เจนตินา เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสำคัญที่สุดของรัสเซียในภูมิภาคแถบนี้ หรือซื้อใจประธานาธิบดีคริสตินา เคิร์ชเนอร์ ที่กำลังถูกสหรัฐบีบให้ชดใช้เงินกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.2 หมื่นล้านบาท) ให้แก่กองทุนป้องกันความเสี่ยงภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากปฏิเสธไม่ยอมปรับโครงสร้างหนี้ค้างชำระของประเทศ ด้วยการเสนอตัวเป็นกาวใจไกล่เกลี่ยให้อังกฤษยอมเจรจากับอาร์เจนตินาเพื่อยุติปัญหาพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ที่เคยเป็นชนวนให้ 2 ประเทศเปิดสงครามเมื่อปี 2525
    โดยอังกฤษเป็นฝ่ายชนะยืนยันสิทธิเหนือหมู่เกาะนี้ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างไกลนับพันๆ ไมล์ หากแต่เป็นความฉลาดของปูตินที่เจาะจงเลือกอาร์เจนตินา เป็นสถานที่ประกาศแนวคิด “โลกหลายขั้ว” ที่มีความเท่าเทียม ความมั่นคง และไม่สามารถแบ่งแยกได้ โดยเฉพาะการไม่มีระบบ “สองมาตรฐาน” แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศเศรษฐกิจ เกิดใหม่สามารถเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
    ประเทศที่ 3 ที่ปูตินเยือนและมีส่วนร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็คือดินแดนแซมบ้าบราซิล ปูตินอาศัยความปากหวานยกย่องบราซิลว่าเป็น “หุ้นส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ของรัสเซียในภูมิภาคอเมริกาใต้ กระทั่งได้ร่วมลงนามในข้อตกลงทางการทหาร เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสาธารณสุข โดยผู้นำเครมลินต้องการจะยกระดับการค้าจาก 5,600 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.8 แสนล้านบาท) เมื่อปี 2556 ขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.21 แสนล้านบาท) จนแดนแซมบาหลงดีใจเตรียมจะสั่งซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศจากมอสโก อาทิ “แพนต์ซีร์ - เอส 1” ระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้และพิสัยกลาง และระบบปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
    ในช่วงไล่เลี่ยกันนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งแดนมังกร ได้ออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งเพื่อเยือน 4 ประเทศในอเมริกาใต้ ประกอบด้วย บราซิล เวเนซุเอลา ประเทศส่งออกน้ำมันรายสำคัญ คิวบา พันธมิตรการเมืองยาวนาน และอาร์เจนตินา ประเทศผู้ส่งออกถั่วเหลืองให้จีน นับเป็นครั้งที่ 2 ของสี จิ้นผิงที่เยือนภูมิภาคนี้นับจากรับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ห้วงที่การค้าของจีนกับภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยจีนได้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมหาศาลจากอเมริกาใต้แล้วส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปยังภูมิภาคนี้ พร้อมๆ ไปกับการมองหาแหล่งป้อนพลังงานเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
    อ่านต่อในตอนที่ 3/3...
     

แชร์หน้านี้

Loading...