ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

เกิดหลุมยุบเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 เมตร ลึก 10 เมตร ที่ใจกลางหมู่บ้าน ในลอนดอนประเทศอังกฤษ วันที่ 1 ต.ค.58

<iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/FOkfCsKthqw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=FOkfCsKthqw

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

ความจริงเรื่องพลเรือนเสียชีวิตในซีเรีย เป็นผลมาจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียหรือไม่?



-----------
สื่อฯรัสเซียตบหน้าสื่อฯตะวันตกอย่างแรงโทษฐานที่เต้าข่าวใส่ร้ายรัสเซียว่าการโจมตีทางอากาศของรัสเซียทำให้พลเรือนซีเรียเสียชีวิต 36 รายว่าไม่เป็นความจริง แล้วสื่อฯตะวันตกเอาข่าวมาจากไหน? สื่อฯตะวันตกอ้างว่าเอามาจากเว็บไซต์และทวิตเตอร์ของ ngo กลุ่ม "The White Helmets" ซึ่งเป็นองค์ที่ได้รับเงินสนับสนุนโดยอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันชื่อ จอร์จ โซรอส (George Soros) ซึ่งโพสต์ภาพที่อ้างว่าเป็นหลักฐานว่าเกิดจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย โดยวันที่ 30 กันยายน 2558 โดยมีคำบรรยายว่า "การโจมตีของรัสเซียในเมือง Homs วันนี้มีพลเมืองได้จำนวน 33 รายเสียชีวิต ซึ่งรวมทั้งเด็ก 3 คนและอาสาสมัคร 1 คนด้วย"
แต่กลุ่ม Syrian Network ได้เผยแพร่ภาพเดียวกันนี้ (ภาพเด็กผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บด้านหลัง) ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2558 ไปแล้ว ซึ่งภาพดังกล่าวเขียนอธิบายว่า "ภาพของเด็กผู้หญิงคนหนึี่งที่ได้รับบาดแผลจากขีปนาวุธโดยเครื่องบินของฝั่งรัฐบาล ซึ่งยิงไปที่เขต Al Rastan ในเมือง Homes เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2015" (5 วันก่อนที่รัสเซียจะมีการโจมตีทางอากาศในซีเรีย) กลุ่มนี้มีชื่อเต็มว่า "The Syrian Network for Human Rights" ฟังชื่อแล้วน่าจะเป็นอีก ngo อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ
แต่ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์บางแห่งบอกว่า "we cannot confirm what happened? We have a footage that we will show you that we cannot verify what happened." (เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรามีคลิปวีดีโอที่เรากำลังจะนำเสนอให้คุณดูซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบวได้ว่าเกิดอะไรขึ้น)
ก็สรุปว่างานนี้สื่อฯตะวันตกเต้าข่าวปั่นหัวประชาชนทั่วโลกเล่นซะเพื่อใส่ร้ายรัสเซีย เพราะผู้สื่อข่าวเองก็ไม่สามารถยืนยันอะไรได้ ว่าเป็นคลิปในเหตุการณ์ที่ไหนและเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร พวกที่มันสมองเลื่อนไปอยู่ระหว่างขาหรือสลับตำแหน่งกันอยู่กับหัวแม่เท้าก็เชื่อในสิ่งที่สื่อฯตะวันตกประโคมข่าว (กรรม!)
งานนี้สื่อฯรัสเซียจะไม่ยอมให้ชื่อเสียงของประเทศตัวเองถูกย่ำยีโดยข้อมูลอันเป็นเท็จเด็ดขนาด จึงนำทั้งภาพและคลิปมาเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆไปเลย ว่าใครพูดความเท็จ ใครพูดความจริงกันแน่ สื่อฯตะวันตกและโปรอเมริกาหน้าแตกหมอไม่รับเย็บครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ สื่อฯรัสเซียชี้ให้เห็นถึง ส.ด.ของสื่อฯตะวันตกว่าเมื่อพวกเขาพูดถึงสิ่งหนึ่งพวกเขาก็จะนำเสนอ (ภาพ) ของสิ่งอื่นแทน เช่นพูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่เอาภาพของเหตุการณ์หนึ่งในอดีตมาประกอบแทน โดยไม่บอกว่าเป็นภาพของเหตุการณ์ในอดีต ทำให้ผู้อ่าน/ผู้ฟัง ที่มีวิจารณญาณไม่ค่อยมาก หลงเชื่อได้ง่าย
ป.ล. กรุณาดูคลิปข่าวจาก RT ประกอบ งานนี้สื่อฯตะวันตกหน้าแตกยับ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
02/10/2558

ภาพจาก Su-24 © Alexei Danichev / RIA Novosti

----------
https://www.youtube.com/watch?v=IVO5yNW67J8
Russian Air Force in Syria deploying over 50 planes & choppers – Defense Ministry — RT News
https://twitter.com/snhr/status/647490545770721281
https://twitter.com/SyriaCivilDef/status/649226960753836033

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts



สหรัฐฯกับตะวันตกมามุกเดิมชิงกล่าวหารัสเซียว่าทำให้พลเรือนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศใส่ที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย สื่อฯรัสเซียโต้กลับทันที เล่นเอาทำเนียบดำและสื่อฯในสังกัดจ๋อยไปเลย ล่าสุดปูตินออกมาซัดหมัดเข้าปากสื่อฯกระบอกเสียงของสหรัฐฯและตะวันตกว่า รายงานข่าวดังกล่าวได้โผล่ออกมาก่อนที่รัสเซียจะเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเป็นครั้งแรกซะอีก!
--------------
ข่าวมันส์ๆมาแล้วครับท่าน.... นึกว่าจะมีแต่สงครามในซีเรียและตะวันออกกลางเท่านั้น ตอนนี้สงครามน้ำลายสาดโคลนใส่อีกฝ่ายเพื่อชิงความได้เปรียบและดิสเครดิตของรัสเซียเพื่อเป็นการล้างความอัปยศให้กับฝ่ายของจักรวรรดิเฮเกโมนี่ที่สับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียให้ก่อสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 และเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับกลุ่มกบฏซีเรีย ทั้งด้านการเงินและอาวุธเพื่อโค่นรัฐบาลอัสซาดให้ได้ แต่ก็เหลวไม่เป็นท่า และในปี 2014 โอบาม่ากับพรรคพวกก็ส่งเครื่องบินรบของตัวเองเข้าไปถล่มซีเรียอ้างว่าเพื่อปราบปรามผู้่ก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย กลายเป็นขยายความรุนแรงและความเสียหายยิ่งเข้าไปอีก จนนำไปสู่วิกฤตผู้อพยพในยุโรป แต่สหรัฐฯใช้เวลาหนึ่งปีกว่าในการโจมตีทางอากาศอย่างเปิดเผย ซึ่งไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลซีเรีย และคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติเลย ก็ยังไม่สามารถปราบไอซิสให้หมดไปจากซีเรียและตะวันออกกลางได้ซักที มีแต่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รัสเซียชี้ให้โลกเห็นว่ายุทธศาสตร์พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ไม่ได้ผล ปูตินจึงกระซิบบอกโอบาม่าดังๆในที่ประชุมยูเอ็นเลยว่าถอยไปน้อง คอยดูมือโปรจะจัดการกับไอซิสในซีเรียให้ดู ปล่อยให้น้องโชว์ฝีมือมาตั้งปีกว่าแล้ว (นี่ยังไม่นับรวมตั้งแต่ที 2011 ด้วยนะ) แต่ผลงานไม่เข้าตากรรมการเอาซะเลย ดังนั้นงานนี้ปูตินขอลุยเองบ้างหละนะ เตรียมผ้าเช็ดน้ำตาไว้เยอะๆที่จะเป็นปูตินสอยลูกสมุนของสหรัฐฯและพรรคพวกในซีเรียเอาไว้ด้วยก็แล้วกัน
กลับเข้าสู่โหมดข่าวสงครามน้ำลายกันต่อนะครับ... วันที่ 1 ตุลาคม 2558 สำนักข่าว Sputnik news ออกมาโต้สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกทันควันโดยพาดหัวข่าวว่า "สหรัฐฯเริ่มทำสงครามข้อมูลข่าวสารคัดค้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซียต่อต้านขบวนการก่อการร้ายไอซิส" (US Launches Information War Against Russia’s Anti-ISIL Airstrikes)
รายงานข่าวเบื้องต้นเกริ่นนำว่า ในขณะที่รัสเซียเริ่มการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่า "Islamic State" ในซีเรีย (เพจนี้ไม่ได้ใช้คำว่า Islamic State เพื่อเป็นการชี้นำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมีนัยทางศาสนา เนื่องจากคำนี้ถูกใช้มานานแล้วและศัพท์นี้ก็ใช้ในสื่อฯทั่วไปเพื่อให้ตรงกับชื่อของกลุ่มก่อการร้าย ดังโปรอย่าเข้าใจผิดหรือนำไปเสี้ยมในทางลบโดยเด็ดขาดนะครับ) สหรัฐฯก็ได้เริ่มรณรงค์การบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายตนทันที (disinformation) เมื่อสิ้นท่า กับความล้มเหลวของตนเองในการต่อสู้กับไอซิส ทางกรุงวอชิงตันก็ (ชิง) นำเสนอความพยายามของกรุงมอสโคว์อย่างผิดๆ (Frustrated with its own failures in combating IS, Washington is misrepresenting Moscow’s efforts.) (คิดว่ามาแผนนี้แล้วรัสเซียหรือทั่วโลกจะไม่รู้ทันหละสิ... ผิดไปแล้วครับ อย่าคิดว่าตัวเองคุมสื่อฯส่วนใหญ่ได้ทั่วโลกแล้วจะบิดเบือนข้อมูลปิดหู้ปิดตาประชาชนได้ตามต้องการนะ)
เมื่อวันพุธท่ี่ผ่านมา เครื่องบินรบของรัสเซียได้ปักหมุดโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย และ สื่อฯต่างๆของตะวันตกก็นำเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับการสูญเสียของพลเรือนขึ้นมาเกือบจะทันที่ทันใดเลย (ตามมาติดๆว่าอย่างนั้นเถอะ เขาซัดกันบึ้มๆขนาดนั้นสื่อฯของตะวันตกนี่รายงานข่าวการสูญเสียของพลเรือได้รวดเร็วจริงๆ ขนาดทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียก็ยังไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่ที่มีการโจมตีทางอากาศเลย แล้วสื่อฯตะวันตกได้ข้อมูลตัวเลขผู้สูญเสียมาได้อย่างรวดเร็วมาก ทำได้อย่างไร? เอ… หรือว่าสื่อฯตะวันตกไปอยู่ในฝ่ายไอซิสด้วยนะ?)
Maria Zakharova โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ LifeNews ว่า "ยังไม่ทันใดหลังจากที่ นาย Sergei Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียได้เอ่ยคำแรกในคณะมนตรีความมั่นคงฯ ก็มีรายงานข่าวเป็นจำนวนมากผุดขึ้น (เป็นดอกเห็ด) ในตะวันตก ซึ่งรวมทั้งสื่อฯของยูเครนด้วย ว่าพื้นที่ที่มีปฏิบัติการทางกองทัพซึ่งดำเนินการโดยรัสเซียได้สังหารพลเรือนไปหลายราย ราวกับว่าปฏิบัติการในครั้งนี้เกือบจะทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่กองกำลังประชาธิปไตย (democratic forces) และประชาชนพลเรือน" (ฮ่าๆๆ... นั่นแหละข่าวตะวันตก และก็แปลกใจมา ที่สื่อฯไทยหัวใจทาสสื่อฯตะวันตกทั้งหลายก็เล่นข่าวนี้กันยกใหญ่บ้าจี้ตามไปด้วย ที่ขำก็คือว่าตอนนี้สื่อฯตะวันตกได้เปลี่ยนจากคำว่า "กบฏสายกลาง" (moderate rebels) มาเป็นคำว่า "democratic forces" แทนซะงั้น และเหมือนจะพยายามลบภาพหรือเลี่ยงที่จะใช้คำว่า "ผู้ก่อการร้ายไอซิส" ซะด้วย อันนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตนะครับ ไม่ได้กล่าวหานะ เป็นการแสดงความเห็นต่างหนะ โปรประชาธิปไตยคงจะเข้าใจคำว่า "การแสดงความเห็นต่าง" ใช่ไหมครับ? คริๆ)
Maria Zakharova คนสวย กล่าวว่า "ดิฉันต้องการจะแจ้งให้คุณทราบว่าทั้งหมดนี้เป็นการโจมตีด้วยข่าวสารข้อมูลอย่างเห็นได้ชัด การทำสงครามข้อมูลข่าวสารในลักษณะนี้พวกเราได้ยินได้ฟังมานักต่อนักแล้ว และสำหรับบางคน เห็นได้ชัดว่า ได้มีการตระเตรียมมาเป็นอย่างดี" (ฮ่าๆๆ... มันก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยนะ แต่ทำไงได้อ่ะ โปรอมริกาเชื่อเป็นตุเป็นตะไปแล้วโดยไม่ต้องใช้สมองคิดแม้แต่น้อยเลย อะไรที่สื่อฯอเมริกาและสื่อฯตะวันตกพูดออกมานั้น โปรอเมริกาก็จะยอมรับในทันทีว่ามันเป็นเรื่องจริง โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น แล้วก็เที่ยวโพนทะนาต่อไปอีกด้วย งานถนัดของเขาหละ)
ในส่วนนี้ Zakharova อ้างถึงการออกมาแสดงความคิดเห็นจากเพนตากอนด้วย กลาโหมของสหรัฐฯได้กล่าวหากรุงมอสโคว์ที่ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายว่า "เป็นสถานที่ที่คาดว่าอาจจะไม่มีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสอยู่ก็ได้" (ฮ่าๆๆ... เอ… รู้สึกว่างานนี้กลาโหมของสหรัฐฯจะกระโดดออกมาปกป้องไอซิสเต็มๆเลยนะ เก็บอาการหน่อยก็ได้ครับท่านแอสตัน) แต่การขัดขวางด้วยการชี้นิ้วเป็นจำนวนมากนี้มาจากเรื่องของผลประโยชน์ของกรุงวอชิงตันเองในการขับรัฐบาลที่มีความชอบธรรมของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดแห่งซีเรีย (รัสเซียกำลังบอกว่า ที่สหรัฐฯพยายามขัดขวางรัสเซียไม่ให้โจมตีกลุ่มผู้ก่อการไอซิสในซีเรียนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯนั่นเอง)
นาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธนี้ว่า "การต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสโดยปราศจากการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองควบคู่กันไปด้วย มีแต่เสี่ยงที่จะขยายสงครามกลางเมืองในซีเรียออกไปเท่านั้น และด้วยกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง และการไร้เสถียรภาพที่กรุงมอสโคว์กล่าวอ้างนั้นทำให้ (กรุงวอชิงตัน) มีความกังวลใจเกี่ยวและ (อาจจะ) จุดประกายให้มีการต่อสู้ก็ได้" (ว้าวววว! ดูลีลาของนักการเมืองสหรัฐฯสิ)
ทางกรุงมอสโคว์รีบตอบโต้ทันควันเลยว่า "ทั้งหมดนี้รมว.กลาโหมของรัสเซียได้กล่าวมาแล้วทั้งนั้น (อธิบายมาแล้ว) และนาย Sergei Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียก็ได้กล่าวไว้แล้วว่า อย่าฟังข้อกล่าวหาของเพนตาก้อนเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของพวกเรา"
จุดยืนหนึี่งที่สหรัฐฯและประเทศต่างๆมีความเห็นร่วมกันก็คือต้องกำจัดขบวนการก่อการร้ายไอซิสให้ได้ แต่สหรัฐฯและตะวันตกรวมทั้งพันธมิตรของสหรัฐฯในตะวันออกกลางกลับเลือกที่จะไม่ทำการแซงชั่นน้ำมันจากไอซิสและกลุ่มกบฏ แต่แซงชั่นเฉพาะฝ่ายรัฐบาลซีเรียเท่านั้น (แปลกไหม?) เพราะหากแซงชั่นการธุรกิจของไอซิสก็จะเป็นการตัดกำลังการสนับสนุนด้านเงินทุนของพวกไอซิสได้ แต่สหรัฐฯและตะวันตกไม่ทำ เพราะอะไร? สหรัฐฯไม่มีคำตอบ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯเที่ยวจ้อผ่านสื่อฯว่าจะต้องกำจัดอัสซาดออกจากตำแหน่งผู้นำของซีเรียให้ได้ จะต้องทำให้ซีเรียเป็นประชาธิปไตย อ้าวก็ตอนเลือกตั้งในปี 2014 อัสซาดก็เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยการทำประชามติ (เพราะว่ากฎหมายของเขาเป็นแบบนั้น จะให้ซีเรียหันไปใช้กฎหมายของสหรัฐฯหรือไง? งั้นก็ต้องบังคับให้ประเทศตะวันตกทุกประเทศและซาอุดิฯด้วยใช้กฎหมายของสหรัฐฯด้วยสิ ทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาบีบซีเรียให้ทำตามกฎของสหรัฐฯดีไหม?)
ซีเรียได้เชิญพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วมในการเลือกตั้งครั้งนั้นด้วย แต่พรรคฝ่ายค้านที่ได้รับการหนุนหลังโดยสหรัฐฯและยุโรป ประท้วงและไม่ยอมส่งตัวผู้สมัครลงแข่งขันด้วย แต่ก็มีฝ่ายค้านบางพรรคและผู้สมัครอิสรบางคนลงแข่งขันด้วย ผลปรากฏว่าอัสซาดชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนเสียง 88.7% จากผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนประมาณ 11 ล้านกว่าคน ซึ่งส่วนมาเป็นชาวซุนนี (อัสซาดเป็นชาวชีอะห์ ภรรยาอัสซาดเป็นซุนนี) สหรัฐฯและตะวันตกไม่ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมด้วย อ้างว่าเป็นการเลือกตั้งที่ตลก และฝ่ายค้านที่ประท้วงก็ไม่ให้มีการจัดการลงคะแนนในเขตปกครองของตนเองด้วย รายงานข่าวไม่ได้บอกว่าประชาชนชาวซีเรียที่อยู่ในเขตปกครองของฝ่ายค้านติดอาวุธออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตด้วยหรือไม่ แต่เมื่อคำนวนจากประชากรของซีเรียทั้งหมดราว 17 ล้านคน พบว่ามีผู้ไปใช้สิทธิ์ราว 73.8% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวน 11 ล้านกว่าคน งานนี้อัสซาดกินขาดเห็นๆ สหรัฐฯและพรรคพวกรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะอัสซาดด้วยการใช้วิธีการเลือกตั้งได้ (ปฏิเสธประชาธิปไตย) จึงหันไปสนับสนุนฝ่ายค้านต่อสู้และสงครามกลางเมืองเพื่อโค่นอัสซาดให้ได้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เป็นประชาธิปไตย
แต่เพราะเหตุผลอื่นที่สหรัฐฯไม่ชอบอัสซาด เพราะว่าอัสซาดไม่ทำตัวเป็นขี้ข้าของสหรัฐฯอย่างฮาดี้ในเยเมน ดังนั้นรัสเซียและหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรกันก็จึงให้การสนับสนุนอัสซาดและยอมรับว่ารัฐบาลของอัสซาดมีความชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้งโดยแท้จริง และได้ส่งคณะผู้แทนเข้าไปสังเกตการณ์ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วย แต่เนื่องด้วยอัสซาดเป็นก้างขวางคอของสหรัฐฯในการรุกรานตะวันออกกลาง จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อโค่นล้มอัสซาดให้ได้ แต่รัสเซียบอกว่า ยุคอันธพาลครองโลกใช้อำนาจกดขี่คนอื่นของสหรัฐฯกำลังจะจบลงไปแล้ว ดังนั้นงานนี้ทั้งรัสเซียและพันธมิตรจึงค้านสหรัฐฯและสนับสนุนอัสซาดอย่างเต็มที่ จีนก็บอกว่าพร้อมจะสนับสนุนฝั่งรัสเซียด้วยเช่นกัน อิรัคได้รู้ธาตุแท้ของสหรัฐฯมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส พอรัสเซียเดินหน้าปกป้องซีเรียเต็มที่ ดังนั้นอิรัคจึงบอกว่างั้นขอเข้าร่วมแก๊งด้วยคนนะ จึงเปิดทางให้มีการจัดตั้งศูนย์ข่าวกรองระหว่างรัสเซีย อิหร่าน อิรัค และซีเรียขึ้นในกรุงแบกแดด งานนี้เล่นเอาสหรัฐฯนั่งกุมขมับเลย
รายงานข่าวบอกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯเป็นเรื่องที่น่าประหลาดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯได้รณรงค์ให้มีการทิ้งระเบิดโดยเพนตากอนเองในซีเรีย ในขณะที่พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้เปิดการโจมตีทางอากาศเป็นเวลาหลายเดือน (มีปฏิบัติการทั้งหมด 6,000 ครั้ง ใช้ระเบิดโจมตีทางอากาศประมาณ 20,000 ลูก) แต่ส่งผลกระทบ (ต่อไอซิส) ได้เพียงเล็กน้อย ปฏิบัติการเหล่านั้นไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลที่มีความชอบธรรมของซีเรีย (พูดภาษาชาวบ้านเรียกว่าอเมริกาหน้าด้าน รุกรานอธิปไตยของประเทศอื่น จริงป๊ะโปรอเมริกา?)
สื่อฯรัสเซียเดินหน้าซัดหมัดใส่รัฐบาลสหรัฐฯแบบไม่ยั้งมืออีกว่า "กรุงวอชิงตันกำลังโซซัดโซเซจากการเปิดโปงให้รับความความอับอายขายขี้หน้า (Washington is also reeling from embarrassing revelations…) เกี่ยวกับแคมเปญจ์ของตนเองที่ประสบความล้มเหลวในการฝึกกบฏสายกลาง (moderate rebels) (ซึ่งอ้างว่า) เพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส กลุ่มกบฏจำนวนมากที่ฝึกขึ้นมา (โดยสหรัฐฯ) เหล่านี้ได้แปรพักตร์และส่งมอบอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้าย ์Nusra Front (ซึ่งเป็นสาขาของกลุ่มอัลเคด้าในซีเรีย และเป็นพวกนักรบรับจ้างจากต่างชาติ)"
สื่อฯรัสเซียเน้นย้ำว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย (ในซีเรีย) อยู่ภายใต้การอนุมัติของประธานาธิบดีอัสซาด ในขณะที่ผู้นำกลุ่มประเทศในตะวันตกได้พูดมานานว่า "การขับไล่อัสซาดออกไปเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาใดๆในวิกฤตซีเรีย กรุงเครมลินได้กล่าวว่า ต้องการจะทำให้ภูมิภาคนี้มีเสถียรภาพและมีการปฏิรูปกระบวนการต่างๆ" (ก็ถ้าสหรัฐฯและตะวันตกอ้างประชาธิปไตย ก็แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้งหละ? สหรัฐฯและตะวันตกมีอำนาจอะไรไปบังคับและขัดขวางสิทธิ์ของบุคคลอื่นไม่ให้ลงแข่งขันเลือกตั้งเป็นปธน.ของซีเรีย? พฤติกรรมของสหรัฐฯและตะวันตกบ่งบอกว่ากำลังใช้อำนาจประชาธิปไตยของตนเองไปรังแกประชาธิปไตยและละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่นและประเทศอื่นหรือไม่? ไหนโปรประชาธิปไตยสุดโต่งอธิบายให้ฟังหน่อยสิครับ คริๆ เช็ก! (รุกฆาต!))
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า "ผมทราบว่่าประธานาธิบดีอัสซาดเข้าใจสิ่งนั้นดี และพร้อมสำหรับกระบวนการเช่นนั้น (เลือกตั้งใหม่อีกรอบ อันนี้ปูตินเดินหมากเตรียมไว้ให้อัสซาดแล้ว) เราหวังว่าเขาจะมีให้ความร่วมมือและมีความยืดหยุ่น และพร้อมที่จะประนีประนอมในนามของประเทศของเขาและประชาชนของเขา" (เมื่อปูตินออกมาพูดแบบนี้ และอัสซาดก็รับมุกด้วย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตะวันตกจะไม่สนับสนุนรัสเซีย มีแต่สหรัฐฯหัวเดียวกระเทียมลีบเท่านั้นที่ยังพูดเป็นแผ่นเสียงตกล่องผ่านกระบอกเสียงของตนอยู่ร่ำไปว่า "อัสซาดต้องออกไป!")
รายงานข่าวบอกว่า ระหว่างที่มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันพุธที่ผ่านมานาย Josh Earnest โฆษกทำเนียบดำได้กล่าวว่า "สหรัฐฯและรัสเซีย จะเดินหน้าเจรจากันเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของกรุงมอสโคว์ต่อไป หนึ่งในหลายอย่างที่ประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีโอบาม่ากระทำก็คือได้ขอให้ทีมงานของตนเองเดินหน้าหารือกันต่อไป และดังนั้นผมขอขอบคุณที่ท่านเลขาแคร์รี่ (รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ) และท่านลารอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซียจะมีการสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของรัสเซียภายในซีเรีย"
เห็นได้ว่าตอนนี้สหรัฐฯเล่นไพ่สองมือ (/สองขา) ด้านหนึ่งให้กลาโหมและสื่อฯกระบอกเสียงของตนออกมาโจมตีรัสเซีย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ให้โฆษกทำเนียบดำออกมาเล่นบทขอเจรจากับรัสเซีย ในขณะเดียวกันสหรัฐฯและนาโต้ก็เปิดศึกอีกด้านในอัฟกานิสถานอ้างว่าเพื่อถล่มกลุ่มตาลีบัน ซึ่งตอนหลังนี้โอบาม่าบอกว่ากลุ่มตาลีบันไม่ได้เป็น "กลุ่มก่อการร้าย" แต่เป็นแค่กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงเท่านั้น ฮ่าๆๆ
*** ล่าสุด RT news พาดหัวข่าวว่า "ปูตินกล่าวว่า: ข้อกล่าวหาที่ว่าเครื่องบินรบของรัสเซียสังหารพลเรือนในซีเรียนั้น โผล่ออกมาก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียซะอีก" (เอาแล้วไง... สื่อสหรัฐฯและสื่อฯตะวันตกกำลังเล่นสกปรกอะไรอยู่หละนี่?)
รายงานข่าวบอกว่า ที่มีการสูญเสีย (casualties) ของพลเรือนซึ่งมีสาเหตุมาจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรียตามที่ถูกกล่าวหานั้น รายงานข่าวดังกล่าวได้โผล่อกมาก่อนที่เครื่องบินรบของรัสเซียจะเปิดปฏิบัติการโจมตีในภารกิจแรก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าว อ้างโดยสำนักข่าว RIA Novosti
ป.ล.ในการโจมตีทางอากาศใส่ตำแหน่งต่างๆของผู้ก่อการร้ายไอซิสในซีเรียนั้น รายงานข่าวบอกว่ารัสเซียใช้เครื่องบินรบรุ่นเก่าคือ Su-24 เปิดฉากก่อน มีปฏิบัติการ 20 รอบ และทำลายเป้าหมายของไอซิสได้ 8 แห่ง แต่เพื่อความปลอดภัย สื่อฯรัสเซียบอกว่า ไม่ได้มีเฉพาะ Su-24 เท่านั้นที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ รัสเซียส่ง Su-34 นกยักษ์คอยคุ้มกันให้กับฝูงบิน Su-24 ด้วย (รัสเซียส่ง Su-24 ไปถล่มไอซิส 2 ลำ) โดยให้ Su-34 บินในระดับสูงมากๆ อาวุธทันสมัย เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินรบจากฝ่ายที่สนับสนุนไอซิสและกลุ่มกบฏแอบย่องไปตลบหลังฝูงบิน Su-24 ที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ รัสเซียเปิดเผยว่า ไม่ได้มีเฉพาะ Su-34 เท่านั้น ยังมี Su-30 ของรัสเซียอีกหลายลำประจำการอยู่ในซีเรียด้วย แล้วอย่างนี้สหรัฐฯและนาโต้ยังจะกล้าโผล่หน้าเข้าไปเหนือน่านฟ้าที่เครื่องบินรบของรัสเซียปฏิบัติการอยู่อีกหรือ? ส่วนที่ศูนย์ข่าวกรองในกรุงแบกแดดที่อิรัคนั้น รัสเซียส่งน้องเล็กรุ่นเก๋า Su-25 ไปประจำการเรียบร้อยแล้ว คริๆ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
01/10/2558

ภาพจาก © AFP 2015/ Brendan SMIALOWSKI

----------
US Launches Information War Against Russia’s Anti-ISIL Airstrikes
Flash - Russia strike kills 36 civilians: Syria opposition chief - France 24
Russia will succeed where West probably didn’t want to – Assad’s aide to RT — RT News
Combat cam footage shows Russian planes hitting ISIS targets — RT News
Putin: Claims Russian jets killed civilians in Syria emerged before airstrikes started — RT News
Lavrov: Russian, US Military Action in Syria to Be Coordinated 'Very Soon'
US-Russia Talks Vital to Avoid Conflict in Syria - Former DoD Official
Info on Civilian Casualties Appeared Before Russian Jets in Syrian Airspace
Su-34: Russia’s Ultimate ISIL-Crushing Machine
Su-34 Fullback: Russia's Hottest Bomber
Iraq May Share Intelligence on ISIL Against US Wishes

 

ลมเปลี่ยนทิศ : ทำไมอัสซาดจึงเป็นตัวเลือกเดียวที่ทำงานได้ของซีเรีย?
โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ต.ค. 1, 2015



(ภาพ) ประธานาธิบดีบะชัร อัล-อัสซาด ของซีเรีย @ SANA/Handout via Reuters/Reuters
ในการแถลงข่าวเดือนนี้ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอมัน ได้เสนอแนวคิดว่า ประธานาธิบดีบะชัร อัสซาด ของซีเรีย อาจจะเป็นผู้ร่วมมือที่มีประโยชน์ในการกำจัดการก่อการร้ายได้ อะไรที่สามารถทำให้ยุโรปหวาดกลัวอย่างมากจนถึงกับต้องการจะทำข้อตกลงกับปีศาจที่ตนกำหนดขึ้นมาเองได้?

ในที่สุด นายทุนตะวันตกทั้งหลายกำลังจะจมปลักที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นในซีเรียแล้วหรือ? ก็ไม่เชิงหรอก แต่น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่มีความประนีประนอมมากกว่าที่เป็นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อนายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กับรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะร่วมงานกับอัสซาดเพื่อกำจัดการก่อการร้าย

พวกเขาได้เขียนในแถลงการณ์ร่วมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า “การเสนอให้อัสซาดเป็นทางออกสำหรับกลุ่มหัวรุนแรงนั้นเป็นการเข้าใจสาเหตุของลัทธิหัวรุนแรงผิด หลังจากมีผู้เสียชีวิตไป 220,000 คน และพลัดถิ่นอีกหลายล้านคน มันเป็นเรื่องเหลวไหลที่จะคิดฝันว่าชาวซีเรียส่วนใหญ่จะยอมถูกปกครองโดยคนที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับพวกเขา”

แค่ไม่กี่เดือนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้… หรือว่าสงครามในซีเรียจะเป็นความจริงที่ชัดเจนมากจนเกินกว่าที่ลัทธิทุนนิยมตะวันตกจะรับมือได้? เป็นไปได้ไหมที่ตอนนี้ยุโรปจะเต็มใจที่แบ่งประโยชน์กับผู้ชายที่ตนได้ทำให้เป็นปีศาจมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อสะกัดกั้นกระแสของผู้ลี้ภัยในอาณาเขตของตน?

ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่น่าจะปฏิเสธว่าการอพยพของซีเรียไม่เกี่ยวอะไรกันกับการเปลี่ยนใจอย่างฉับพลันของพวกเขา แต่ฉันสงสัยว่าจะมีใครบ้างที่ถูกหลอกด้วยการกลับลำครั้งนี้ ท่าทีของยุโรปต่อการแทรกแซงทางทหารของต่างชาติยังคงเป็นเสมือนการปลดปล่อยดังเช่นที่เคยเป็นมา โดยที่เจ้าหน้าที่ของยุโรปให้การสนับสนุนสงครามในนามของการสร้างประชาธิปไตย แต่การแบกรับภาระแห่งความขัดแย้งของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเลย

ในขณะที่การรุกรานนั้นที่จริงคือผลกำไรอย่างงาม อย่างน้อยก็จากจุดยืนของนักค้าอาวุธ แต่ตอนนี้ค่าความเสียหายอาจจะสูงจนเกินกว่าที่นายทุนตะวันตกจะแบกรับได้ เพราะมันหมายถึงการต้องเปิดชายแดนให้กับบรรดาผู้ที่ถูกทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวด้วยความทะเยะทะยานทางทหารของนาโต้ และเนื่องจากการสร้างภาพผู้อพยพให้เป็นปีศาจและอาชญากรน่าจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะช่วยสะกัดกั้นการไหล่บ่าเข้ามาของมนุษย์ในยุโรปได้ เจ้าหน้าที่กำลังทำงานหนักเพื่อแก้ไขเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

จู่ๆ ประธานาธิบอัสซาดก็ดูไม่น่าจะชั่วร้ายเท่าใดนัก บางทีอีกไม่นานความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของเขาก็จะถูกจดจำได้ด้วยเช่นกัน และคำพูดของบรรดานักการเมืองที่บอกว่าการปกครองของอัสซาดเป็นอันตรายมากกว่าการปกครองของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส หรือไอซิซ/ไอซิล) ก็จะถูกลืมเลือนไป โดยถูกเก็บไว้ใต้ความวิปริตชั่วคราวทางการเมือง หรือมันแค่จะถูกเรียบเรียงขึ้นมาใหม่จากหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ย่อมจะจัดการได้ง่ายกว่าอย่างแน่นอน

แต่หันกลับมาดูการพ้นโทษทางการเมืองของผู้นำซีเรีย

เมื่อวันที่ 10 กันยายน นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ได้เรียกร้องให้เข้าแทรกแซง “ทางทหารอย่างหนัก” ต่อไอซิซ เพื่อให้ดูเหมือนกับที่เป็นมาตลอด คาเมรอนจะวางไอซิซให้เป็นเป้าหมายหลักของอังกฤษ โดยออกห่างจากเรื่องการต่อต้านอัสซาดของเขา และคำสั่งที่จะให้ช่วยเหลือ “กลุ่มสายกลาง” ในการต่อต้านดามัสกัส
เขากล่าวว่า “เราจะเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรระหว่างประเทศที่กล่าวว่า เราจำเป็นต้องมีวิธีการหนึ่งในซีเรีย ซึ่งจะหมายถึงว่า เราจะมีรัฐบาลที่สามารถดูแลประชาชนได้”

ไม่ใช่การเปลี่ยนท่าทีโดยสิ้นเชิง คาเมรอนกล่าวเสริมในท่วงทำนองเดียวกันว่า “อัสซาดต้องออกไป ไอซิลต้องออกไป สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ ไม่ใช่แค่การใช้เงิน ไม่ใช่แค่ความช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่การดำเนินการทางการทูต แต่มันจะเป็นวาระที่จะต้องใช้กำลังทางทหารอย่างหนัก”

คำแปลของมันน่าจะเข้าใจได้ว่า “การสนับสนุนการก่อการร้ายไม่ได้ผลสำหรับเราแล้วจริงๆ เรากลับไปโต๊ะเจรจาและหาทางออกจากความยุ่งยากนี้กันเถอะ ขณะที่ยังรักษาหน้าและยึดมั่นกับการเข้ายึดดินแดนด้วยวิธีการทางทหารของเราต่อไป”

ถ้าประธานาธิบดีอัสซาดจะไม่ใช่เป้าหมายเร่งด่วนของมหาอำนาจตะวันตกอีกต่อไปแล้ว พวกเขาก็ยังอยู่ห่างไกลจากการล้มเลิกการขับไล่เขาออกจากอำนาจ วอชิงตัน, ลอนดอน, ปารีส และเบอร์ลิน ยังคงต้องการที่จะควบคุมชะตากรรมทางสถาบันและการเมืองของซีเรียอย่างมากอยู่ เงินหลายล้านล้านที่พวกเขาได้ลงทุนไปจะต้องไม่สูญเปล่า… ลืมเรื่องการฟื้นฟูไปได้เลย ฉันกำลังพูดถึงการหาประโยชน์ทางอาณานิคมกับที่นี่

วันที่ 24 กันยายนนี้ นายกรัฐมนตรีอัลเกล่า แมร์เคิล ของเยอรมัน ได้ลงนามข้อตกลงนี้เมื่อเธอเสนอออกมาตรงๆ ว่า จะให้อัสซาดมีส่วนร่วมในการรักษาประเทศของเขาไม่ให้ถูกทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้นั่นคือแนวคิดหนึ่ง

แต่เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่วลาดิเมียร์ ปูติน หรอกหรือ ที่เป็นคนแรกที่แนะนำว่า สันติภาพในซีเรียไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความร่วมมืออย่างแข็งขันจากประธานาธิบดีซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาวซีเรียยังคงมองว่าเขาเป็นผู้นำที่ชอบธรรมของพวกเขา?

แม้ว่ามหาอำนาจตะวันตกอยากจะปฏิเสธความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจนี้ แต่อัสซาดก็ยังคงเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนของเขา และเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นอีกในเมื่อตอนนี้อีกทางเลือกหนึ่งคือชีวิตที่อยู่ใต้การปกครองแบบวิกลจริตของกลุ่มรัฐอิสลาม อย่าลืมว่าสงครามกลางเมืองที่ซีเรียประสบอยู่นี้ที่จริงแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองเลย ซีเรียก็เช่นเดียวกันกับอิรัก ที่ถูกรุกรานจากกองกำลังต่างชาติที่ได้รับแรงกระตุ้นจากอุดมการณ์ของต่างชาติ ชาวซีเรียเรียกร้องการปฏิรูปเมื่อปี 2011 ไม่ใช่ให้เปลี่ยนการปกครอง เสียงเรียกร้องเหล่านั้นคือเสียงของ “กลุ่มสายกลาง” ที่ได้รับเงินทุนจากตะวันตก ได้รับการหนุนหลังจากตะวันตก จำพวกเขาเหล่านั้นได้ไหม? ตอนนี้พวกเขาโบกสะบัดธงสีดำของไอเอส และพวกเขาคือเหตุผลที่ทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องพลัดถิ่น

“เราต้องพูดกับผู้แสดงบทบาทหลายคน ในที่นี้รวมถึงอัสซาด แต่คนอื่นๆ ด้วย” อังเกล่า แมร์เคิล กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมสุดยอดฉุกเฉินของอียูเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัย มันช่างสะดวกสบายอะไรเช่นนี้!

มันน่าตลกที่วิกฤติการณ์ในยุโรปทำให้เห็นคำแนะนำที่สมเหตุสมผลจากนักการเมืองได้ทันที ตอนนี้บรรดาผู้นำยุโรปต้องการที่จะเจรจาแล้ว! ตอนนี้นายทุนยุโรปเต็มใจที่จะยอมรับน้ำหนักและบทบาททางการเมืองของประธานาธิบดีอัสซาดในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ในซีเรียแล้ว เราควรจะต้องเชียร์กันไหมคราวนี้?

เรื่องมันเป็นอย่างนี้ : บางทียุโรปน่าจะใช้ตัวอย่างสักหน้าหนึ่งจากหนังสือคู่มือการเมืองของประธานาธิบดีปูติน เพราะนโยบายต่างประเทศของเขาดูมีเหตุผลดี แทนที่จะใช้สงคราม เขากลับทำงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายที่มีความเหนียวแน่นจนการแทรกแซงทางทหารจะต้องหมดความพยายามไป

ตอนนี้ใครกันที่เป็นคนเสียสติ?



แปล : กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์
Source : https://www.rt.com/op-edge/316577-assad-syria-cameron-merkel-putin/
By : Catherine Shakdam
เกี่ยวกับผู้เขียน : แคเทอรีน ชัคดัม เป็นนักวิเคราะห์การเมือง, นักเขียน และนักวิจารณ์เกี่ยวกับตะวันออกกลาง โดยเน้นเป็นพิเศษในเรื่องขบวนการหัวรุนแรงและเยเมน ผลงานของเธอตีพิมพ์เผยแพร่ในสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น Foreign Policy Journal, Mintpress News, The Guardian, Your Middle East, Middle East Monitor, Middle East Eye, Open Democracy, Eurasia Review และอีกมากมาย ผู้เชี่ยวชาญทางสถานี RT เธอยังเขียนบทวิเคราะห์ให้กับ Etejah TV, สถานีวิทยุ IRIB, Press TV และ NewsMax TV เป็นผู้อำนวยการโครงการต่างๆ ของสถาบัน Shafaqna เพื่อการศึกษาตะวันออกกลาง และเป็นที่ปรึกษาให้กับ Anderson Consulting งานวิจัยและผลงานเกี่ยวกับเยเมนของเธอถูกนำไปใช้โดยคณะมนตรีความมั่นคงสห ประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับเยเมนถูกปล้นกองทุนในปี 2015


เอบีนิวส์ทูเดย์
abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่


ลมเปลี่ยนทิศ : ทำไมอัสซาดจึงเป็นตัวเลือกเดียวที่ทำงานได้ของซีเรีย? | abnewstoday

 

น่ากลัวน่ะครับเคยอ่านเจอคำทำนายนึงแต่ตอนนี้พยายามหาอยู่ไม่ได้เก็บไว้ เขาว่าก่อนโลกจะพบภัยครั้งใหญ่ก็คงปลายๆปี คศ.2020. นู่นจะเกิดสงคราม และมีผู้มีแสนยทนุภาพทางทหารจะต่อสู้กันพวกเขาต่างฝ่ายก็มั่นใจว่าจะชนะฝ่ายตรงข้ามได้ สมมุติฝ่ายแรกบอกว่าจะชนะได้ภายใน 3. เดือน ฝ่ายที่ 2.บอกตนจะชนะได้ภายใน 1 เดือน ฝ่ายที่3. บอกตนจะชนะได้ภายใน 1 อาทิตย์ แต่เมื่อพวกเขาสู้กันจนย่อยยับไปกันหมด หลังจากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วโลก



Thanong Fanclub
ถูกใจเพจแล้ว · 7 ชม. ·


18. รัสเซียประกาศสงคราม

รัสเซียประกาศว่ายุคของโลกที่มีมหาอำนาจแต่จ้าวเดียวได้จบสิ้นลงแล้ว

Sergey Lavrov รมวต่างประเทศของรัสเซียเป็นผู้พูดประโยคนี้ Unipolar world order is gone ในการให้สัมภาษณ์สื่อTVของเวเนซูเอล่าในวันที่2ตุลาวิปโยคที่ผ่านมา

คำพูดของLavrovเป็นการยืนยันความมั่นใจว่า ทั้งรัสเซียและจีนกำลังก้าวขึ้นมาบนเวทีโลกโดยมีอำนาจการต่อรองที่เหนือกว่าสหรัฐ

รัสเซียทำให้โลกได้เห็นแล้วว่า สหรัฐไม่สามารถทัดทานรัสเซียได้ในการส่งกองทัพเข้าไปในซีเรียเพื่อจัดการกับพวกไอซิส และกลุ่มก่อการร้ายต่างๆที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลอัสสาด ภายใต้การหนุนของสหรัฐ โลกตะวันตก และกลุ่มประเทศอาหรับ

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าการเปลี่ยนถ่ายของยุคจะเจ็บปวด เพราะว่าศูนย์กลางของการเจริญเติบโตของโลกที่พลังแห่งใหม่คือเอเซีย และลาตินอเมริกา

เกมกำลังจะโอเวอร์สำหรับความเป็นจ้าวแต่ผู้เดียวของสหรัฐ เพราะว่าถ้าทานกำลังทางทหารของรัสเซียและจีนไม่ได้ ต่อไปฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐและโลกตะวันตกจะตกต่ำลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่าจะพิมพ์เงินต่อไปได้อีกไม่นานเมื่อโดนบอยคอทดอลล่าร์ที่เป็นฐานระบบการเงินของโลกตะวันตก

thanong
3/10/2015
Lavrov: Unipolar world order is gone, transition will hurt - World - on B92.net

 

จากเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณพระจันทร์สีแดงเหมือนเลือดในครั้งที่ 4 ซึ่งก็ผ่านพ้นไปแล้ว



ตามข้อมูลที่ผมได้หามาจาก https://www.dropbox.com/…/kjmatul…/AABKec86-s24s1ns6NRXBanVa แต่ตอนนี้เข้าไม่ได้น่ะครับ
ซึ่งเขาได้บอกกล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ตามที่ได้ระบุไว้ในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับตราประทับที่ 3-5 ซึ่งจะเกิดขึ้นครบถ้วนในวันที่ 28. กันยายน 2558 และหลังจากวันดังกล่าว เราจะต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ที่จะมีมนุษย์ถูกสังหารครบถ้วนตามจำนวน ดังนี้ครับ "แล้วพระองคทรงประทานเสื้อสีขาวแก่คนเหล่านั้นทุกคน และทรงกําชับเขาให้หยุดพักต่อไปอีกหน่อยจนกว่าเพื่อนผู้รับ ใช้ของเขาและพวกพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนกับเขานั้นจะ ครบจํานวน"



ซึ่งโลกก็คงมีเหตุการณ์มนุษย์โดนสังหารอยู่เป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์ต่างๆ และในช่วงประมาณวันที่ 26 มีนาคม2559 จึงจะเกิดเหตุการณ์ตามที่ได้ระบุตามพระคัมภีร์เกี่ยวกับตราประทับที่ 6-7. น่ะครับ ส่วนเหตุการณ์ที่ทุกคนคงสนใจ เกี่ยวกับสงครามอามาเกด้อนก็จะมาปลายๆปีค.ศ.2020. น่ะครับ

ตราประทับดวงที่ห้า
6:9เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้วข้าพเจาก็แลเห็น ดวงวิญญาณใต้แท่นบูชาเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่า เพราะพระวจนะของพระเจ้าและเพราะคําพยานที่เขายึดถือนั้น
6:10เขาเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า"โอ้ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ บริสุทธิ์และสัตย์จริงอีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองให้เลือดของเราต่อคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก"
6:11แล้วพระองคทรงประทานเสื้อสีขาวแก่คนเหล่านั้นทุกคน และทรงกําชับเขาให้หยุดพักต่อไปอีกหน่อยจนกว่าเพื่อนผู้รับ ใช้ของเขาและพวกพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนกับเขานั้นจะ ครบจํานวน
ตราประทับดวงที่หก
6:12เมื่อพระองคทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้วดูเถิดข้าพเจ้า ก็ได้เห็นแผนดินไหวใหญ่โตดวงอาทิตย์ก็กลายเป็นมืดดําดุจผ้า กระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์ก็กลายเป็นสีเลือด
6:13และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟาก็ตกลงบนแผ่นดินเหมือน ตนมะเดื่ออันหวั่นไหวด้วยลมกล้าจนทําให้ผลหล่นลงไม่ทันสุก
6:14ท้องฟาก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่เดิม
6:15แล้วกษัตริยทั้งหลายในโลกพวกคนใหญ่คนโตเศรษฐี นายทหารใหญ่ ผู้มีอํานาจและทุกคนทั้งที่เป็นทาสและเป็นอิสระ ก็ซ่อนตัวอยูในถํ้าและโขดหินตามภูเขา
6:16พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า"จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ ผู้ประทับอยู่บน พระที่นั่งและให้พนจากพระพิโรธของพระเมษโปดกนั้น
6:17เพราะว่าวันสําคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผูใดจะทนอยูได้เล่า"

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

ฮูติและกองทัพเยเมนซุ่มถล่มทำลายยานพาหนะกองทัพซาอุดิอาระเบีย
------------------
ตอนนี้ให้ดูคลิปนักรบฮูติพากันระเบิดยานพาหนะ รถหุ้มเกราะของกองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียไปพลางๆก่อนนะครับ คั่นเวลารอข่าวอื่น จากนั้นค่อยกลับไปติดตามสถานการณ์ในซีเรียกันต่อ อ้อ… งานนี้ดูเหมือนว่าทางกองทัพเยเมนและฮูติจะไม่สนใจคิดจะครอบครองหรือยึดยานพาหนะเหล่านั้นจากฝั่งซาอุดิฯเลยนะ ถ้าสะกัดได้ก็จะทำลายทิ้งหมดเลย ไม่ให้ใครเอาไปใช้งานได้ ส่วนเศษเหล็กก็ให้เด็กๆมาแยกชิ้นส่วนขนไปชั่งกิโลขาย หรือไม่ก็ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ ยึดมาเฉพาะอาวุธเบาแบบพกพาติดตัวไปได้ก็พอ จากนั้นก็เดินเท้าเลยลึกเข้าไปในดินแดนของซาอุดิอาระเบียต่อไป และที่สำคัญ คือฮูติจะไม่เที่ยวยิงถล่มใส่อาคารบ้านเรือนของประชาชนในซาอุดิฯเลยนะ ยกเว้นยิงจรวดจากระยะไกลเพื่อหวังโจมตีเป้าหมายที่เป็นฐานทัพของซาอุดิฯเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อสถานที่ใกล้เคียงที่ตั้งทางทหารของซาอุดิฯบ้าง แต่ฝั่งเยเมนเขาจะแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังเมืองที่จะถูกโจมตีในซาอุดิฯก่อนเพื่อให้ประชาชน พลเรือน ย้ายออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยพ้นรัศมีการโจมตีได้ ต่างกับเครื่องบินรบของฝั่งซาอุดิฯที่บินเข้าไปทิ้งระเบิดถล่มเยเมนไม่เลือกหน้า งานแต่งชาวบ้านก็ยังถล่มได้ลงคอ ฟาร์มไก่เยเมนก็โดนไม่ใช่น้อย
แต่แปลกจัง ซาอุดิฯ มีอาวุธที่เหนือกว่าฮูติและเยเมนมาก ของดีๆทั้งนั้น แต่ทำไมสู้นักรบโสร่งภาคพื้นดินของเยเมนไม่ได้ ทหารซาอุดิฯเจอนักรบโสร่งเข้าไปต่างก็พากันวิ่งหนีหมดเลย นายทหารระดับผู้บัญชาการของซาอุดิฯ เสียชีวิตไปหลายคนแล้ว เนื่องจากการสู้รบกับฮูติและกองทัพเยเมนในดินแดนของซาอุดิฯเอง และไม่พบว่าซาอุดิฯ ใช้เครื่องบินรบเข้าไปโจมตีทางอากาศในพื้นที่ของตัวเองเลย มีแต่ส่งไปถล่มในเยเมนเท่านั้น งานนี้ฮูติก็เลย รุกคืบเข้าไปในซาอุดิฯได้มากขึ้นเรื่อยๆ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
02/10/2558
------------
<iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/v3H95Oni0GY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

นักรบโสร่งของจริง ควง AK-47 ของรัสเซียซุ่มโจมตีทหารซาอุดิอาระเบีย

<iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/tDUebXWDxMY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
https://www.youtube.com/watch?v=tDUebXWDxMY

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont



มี MiG-29 ด้วยแต่ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่าขาแคลนอะไหล่ อื่นๆก็มีเยอะ แต่ไม่รู้ว่าเอาถูกทำลายไปบางส่วนหรือว่าเอาไปซ่อนไว้ยังไม่เอาออกมาใช้งานก็ไม่รู้ครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Yemeni_Air_Force

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont



ก่อนหน้านี้สหรัฐฯพยายามกำหนดเขตห้ามบิน No-Fly Zone ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นเขตยึดครองของพวกไอซิสและกองกำลังของฝ่ายค้าน ส่วนตุรกีเสนอให้กำหนดเขต No-Fry Zone ตามแนวชายแดนระหว่างซีเรียกับตุรกี แต่รัสเซียปฏิเสธ เพราะว่าจะทำให้รัสเซียและกองทัพอากาศของซีเรียไม่สามารถส่งเครื่องบินรบเข้าไปจัดการกับขบวนการก่อการร้ายได้

Russia Effectively Takes Turkish No-Fly Zone Idea Off the Table

Laciner noted that "with its decision, Russia has almost completely closed any opportunity for Ankara to implement the proposed no-fly zone along Turkey's border with Syria. Russia has effectively said through its actions that 'this is Syrian airspace. Syrian territory belongs to Damascus, which is my ally. Therefore, you will not be able to create a no-fly zone at your own discretion. This territory is open to aircraft of other states according the decision of the UN Security Council.'"

ภาพจาก © AFP 2015/ LOUAI BESHARA

-----------
Russian Involvement Will Shift Balance of Forces in Middle East - Expert
US-Russian Anti-ISIL Military Cooperation Hinges on Assad Fate

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

ซีไอเอถอนสายลับออกจากกรุงปักกิ่งหลังถูกโจมตีข้อมูลรัฐบาลกลางอย่างหนัก หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯยอมรับว่าตัวเองก็จารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ของประเทศอื่นเช่นกัน



-----------
วันที่ 1 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "CIA Pulled Spies from Beijing After Massive Federal Data Hack" รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯบอกว่า CIA ได้ถอนเจ้าหน้าที่ของตนเองออกจาสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงปักกิ่ง หลังจากพบว่าข้อมูลพนักงานของรัฐหลายแสนคนถูกแฮ็ก ทางกรุงวอชิงตันออกมาตำหนิรัฐบาลจีน (โดยอ้าง) ว่าแฮ็กข้อมูลสำนักงานฝ่ายบริหารงานบุคคลของสหรัฐฯ (US Office of Personnel Management - OPM) เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ (แสดงว่าฝีมือของแฮ็กเกอร์จีนไม่ธรรมดานะสิ คริๆ ถ้าจีนทำจริงๆอ่ะน ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร)
รายงานข่าวบอกว่าการขยับขององค์กรซีไอเอในครั้งนี้หมายถึงการปกป้องเจ้าหน้าที่ (ถ้ำมองของสหรัฐฯ) ที่ทำงานร่วมกับองค์กรฯของสหรัฐฯซึ่งอาจจะถูกเปิดโปงเนื่องจากการแฮ็กข้อมูลดังกล่าว - เจ้าหน้าที่กล่าวกับหนังสือพิมพ์ (ก็ไม่รู้ว่างานนี้สหรัฐฯกำลังเล่นละครเสมือนจริงอีกฉากหนึ่งหรือเปล่านะ)
แต่ James Clapper ผอ.ศูนย์ข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯได้ยืนยันต่อคณะกรรมาธิการด้านการสนับสนุนอาวุธของวุฒิสภาว่า กรณีของ OPM นั้นไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ (cyber attack) แต่เป็นเรื่องของการจารกรรมข้อมูลในโลกไซเบอร์ (cyber espionage) ซึ่งสหรัฐฯก็ปฏิบัติเช่นกัน (ฮ่าๆๆ... อันนี้ ผอ. National Intelligence สารภาพเองเลยนะครับท่าน เอ… ตกลงว่าอาชญากรในโลกไซเบอร์ตัวจริงก็คือสหรัฐฯนี่เองนิ? โธ่เอ๋ย... ก็สหรัฐฯเขาอ้างว่าเขาเป็นประชาธิปไตย มีเสรีภาพอย่างไรเล่า เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำการจารกรรมข้อมูลของใครก็ได้ ตามหลักการประชาธิปไตยและเสรีภาพของเขานั่นแหละ จริงป๊ะโปรอเมริกา? ชอบอ่ะดิ เอ… งานนี้ไม่เห็นแก๊งสาระแนไซเบอร์หรือพวกเรียกร้องร้องสิทธิ์ต่างๆออกมาประท้วงการกระทำของหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯบ้างเลยนิ? เป็นไปอะไรกันไปหมดหรือครับ ปากอมอะไรไว้รึ? ถ้าสำนวนสื่อฯรัสเซียก็จะบอกว่า "foot in the mouth!" เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า? อ้อ… ตอนนี้แก๊งสาระแนไซเบอร์เตะตัดขาค้านสุดซอยกำลังโจมตีเรื่องเศรษฐกิจดิจิตัลที่รัฐบาลทั่วโลกชื่นชมแนวความคิดของรัฐบาลนี้ และกำลังเต้าข่าวเรื่อง Single Gateway เพื่อสร้างความแตกตื่นในสังคมและหวังดิสเครดิตของรัฐบาลนี้อยู่อ่ะ)
James Clapper กล่าวว่า "พวกเราก็ทำการจารกรรมข้อมูลในโลกไซเบอร์เช่นกัน... ในเรื่องนี้ (ฝีมือของ) พวกเราไม่เลวหละ (ฮ่าๆๆ... อ้าวเขาพูดอย่างนั้นจริงๆนะ นี่ต้นฉบับภาษาอังกฤษว่า We, too, practice cyberespionage and… we're not bad at it. เป็นไงเล่า... แล้วคุณจะไปโวยวายใส่ร้ายคนอื่นทำแป๊ะอะไร ก็ในเมื่อพวกคุณก็ยังทำอย่างนี้ได้เลย อย่าบอกนะว่ากรณีที่เป็นประเทศประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลก การถ้ำมองและแอบเจาะข้อมูลชาวบ้านถือว่าเป็นข้อยกเว้น ไม่ผิดกฎหมาย เป็นเสรีภาพของหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ!)"
James Clapper แนะนำว่า "สหรัฐฯไม่ควรลงโทษประเทศอื่นสำหรับสิ่งที่หน่วยข่าวกรองของตนเองก็ทำแบบนั้นด้วย ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ที่อย่างน้อยที่สุดที่มีการคิดเกี่ยวกับตาแก่เห็นคนอื่นอาศัยอยู่ในบ้านกระจก ไม่ควรที่จะขว้างปาก้อนหินใส่" (I think it's a good idea to at least think about the old saw about people who live in glass houses shouldn't throw rocks.) (เพราะกระจกมันจะแตกและพังลงมาบาดตัวเอง)
John McCain ประธานคณะกรรมาธิการฯไม่พอใจต่อท่าทีที่เปิดของของ James R. Clapper จึงสวนขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้น มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับพวกเขา (จีน) ที่ขโมยความลับของพวกเรา ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก เพราะว่าพวกเราก็อาศัยอยู่ในเรือนกระจกไม่ใช่รึ? นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจอะไรเลยนี่นา" (So it's okay for them to steal our secrets that are most important because we live in a glass house? That is astounding.)
Clapper ตอบกลับว่า "ผมก็แค่กำลังจะบอกคุณว่า ทั้งสองประเทศนี้ก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยเท่านั้นเอง" (ส่วนคุณจะติดม่านภายในบ้านเรือนกระจกหรือเปลี่ยนผนังบ้านเป็นวัสดุอย่างอื่นที่ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง McCain อย่าหลงประเด็นสิครับ คริๆ)
(โอ้… เริ่มจะชอบความเป็นคนตรงไปตรงมาของ James R. Clapper ผอ.ของศูนย์ข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ National Intelligence คนนี้ขึ้นมาบ้างแล้วนะนี่ นายเป็นลูกผู้ชายตัวจริงคนหนึ่ง กล้ายอมรับว่าสหรัฐฯก็ทำพฤติกรรมล้วงตับชาวบ้านอยู่บ่อยๆเช่นกัน)
รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา ปธน.บารัค โอบาม่าได้สดีดสะดิ้งข่มขู่จีนว่า อาจจะเจอมาตรการแซงขั่นกรณีที่มีการกล่าวในเรื่องโจรไซเบอร์ก็ได้ โอบาม่ายังพริ้วได้อีกว่า การจารกรรมข้อมูลที่มีรัฐอยู่เบื้องหลังอาจจะได้รับการพิจารณาว่าเป็น "การกระทำของการรุกราน" ซึ่งกรุงวอชิงตันจะไม่อดทนกับเรื่องนี้ (He also said that further state-sponsored espionage could be considered an "act of aggression" that Washington would not tolerate)
ว้าวววว! สุดจะฮาครับท่าน ใครมีกระจกธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องถึงกับเป็นกระจกวิเศษหรอกช่วยส่งให้โอบาม่าส่องหน้าตัวเองทีครับ ซึ่งจะทำให้โอบาม่าพบคำตอบว่าผู้ที่เข้าข่าย "เป็นการกระทำของการรุกราน" (act of aggression) ที่ว่านั้นหน้าตาเป็นอย่างไร นี่แหละคือวัฒนธรรมใหม่ของอเมริกาที่พวกนักการเมืองและสื่อฯกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯและตะวันตกกำลังเผยแพร่และปลูกฝังให้กับสังคมและเยาวชนของพวกเขาอยู่ในขณะนี้ มันเป็นวัฒนธรรมแห่งการ "ตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน บิดเบือน ใส่ร้าย ป้ายสีคนอื่น เอาดีเข้าตัว วัฒนธรรมสร้างภาพที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง" พฤติกรรมแบบนี้มีมาตั้งแต่รับผู้นำของประเทศและดูเหมือนกับว่าจะได้รับการยอมรับในสังคมเหล่านั้นเป็นอย่างมาก เรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณ หรือแม้กระทั่งศีลธรรมนี้ลืมไปเลย ศีลธรรมสมัยใหม่ของอเมริกาก็คือ "ประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิ์มนุษยชน (ปลอม)" เท่านั้น
อ้อ… ก่อนที่สหรัฐฯจะเรียกตัวซีไอเอกลับจากจีน มีรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ NHK ว่าจีนได้จับกุมชาวญี่ปุ่น 3 คนต้องสงสัยว่าเป็นสายลับของญี่ปุ่นที่ส่งข้อไปหาข้อมูลในจีน แน่นอนอยู่แล้วว่าทางญี่ปุ่นก็ต้องออกมาปฏิเสธทันทีว่าญี่ปุ่นไม่เคยส่งสายลับเข้าไปในประเทศใดๆทั้งนั้น ตอนนี้กำลังเจรจากันอยู่ สหรัฐฯเห็นท่าไม่ดี ก็เลยรีบดึงสายลับของตัวเองออกจากจีนทันที ไม่งั้นถ้าถูกจีนควบคุมตัวได้ รับรองว่าสหรัฐฯเสี่ยงที่จะถูกแฉยิ่งกว่านี้แน่ ก็เตือนแล้วว่าอย่าซ่ากับเฮียสีให้มาก เตือนดีๆไม่ฟัง พอเจอกรณีศึกษาจากญี่ปุ่นเข้าให้เท่านั้นแหละ ฮึ่มมมมม อยู่ต่อไม่ไหวแล้วจ้าาาาา โกยด่วน! กลับไปเฝ้าเทพีเสรีภาพต่อนะ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
02/10/2558

ภาพจาก © AP Photo/ J. Scott Applewhite

-----------
CIA Pulled Spies from Beijing After Massive Federal Data Hack
Three Suspected Japanese Spies Reportedly Detained in China

เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา จีนพึ่งจะจับผู้หญิงชาวอเมริกันคนหนึ่งโดยสงสัยว่าเป็นสายลับของสหรัฐฯ
American Woman Held in China on Spying Accusations

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont
ข่าวด่วน! อเมริกาโดนเข้ากับตัวเองบ้างแล้ว... เกิดเหตุระเบิดที่คอนโดสุงในหาดไมอามี่ รัฐฟลอริด้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 38 คน



-----------
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง (ยกเว้น CNN และ BBC ยังไม่เห็นลงข่าวนี้) ได้รายงานข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดบนอาคารสูง Chateau Beach Condo (17475 Collins Avenue) ในซึ่งใกล้กับ Sunny Isles Beach ที่หาดไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐฯอเมริกา สามารถมองเห็นภาพความเสียหายของตัวอาคารจากแรงระเบิดได้จากด้านนอก ซึ่งทำให้ผนังตัวอาคารทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่ทั้งชั้น (ชั้นบนสุดของคอนโด)
รายงานข่าวเบื้องต้นบอกว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 34-38 คน หน่วยฉุกเฉินรุดเข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่มีรายงานบอกว่าสาเหตุของการระเบิดเกิดจากอะไร
ป.ล.รายงานข่าวไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของไอซิสหรือซีไอเอ และงานนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเฮียสี หรือเฮียปู หรือแม้กระทั่งคิมน้อยนะ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558
-----------
Explosion, gas leak injures six in high-rise near Miami Beach — RT USA
High-Rise Building Explodes in Florida: At Least 34 Injured
Multiple Injuries in Explosion at Sunny Isles Beach High-Rise Building | NBC 6 South Florida
https://www.youtube.com/watch?v=wtcoD9DDgZM
https://www.youtube.com/watch?v=Nll2sI1uaWw

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันสอยเครื่องบินลำเลียง C-130 Hercules ของสหรัฐฯร่วงในอัฟกานิสถาน ทหารนาโต้เสียชีวิต 11 นาย, สหรัฐฯส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ประจำการในญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือบอกว่าพร้อมจะเจรจาด้วยหากสหรัฐฯยอมลงนามสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสงครามและความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลี



-----------
เดี๋ยวขอเก็บข่าวอื่นๆที่น่าสนใจรอบโลกให้แฟนเพจก่อนนะครับจากนั้นค่อยกลับเข้าสู่โหมดสงครามและการเมืองระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียในโพสต์ต่อไป...
1.) เมื่อวันที่ 1 ต.ค.58 ที่ผ่านมา รายงานข่าวต่างประเทศหลายสำนักบอกว่าเครื่องบินลำเลียงของสหรัฐฯ (US transport plane) รุ่น C-130 Hercules ประสบอุบัติเหตุ (การให้ข่าวตอนแรกก็จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ) ที่สนามบิน Jalalabad Airport ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 11 คน เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐฯยืนยัน ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้มีเจ้าหน้าทหารของสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือที่ไม่เปิดเผยสัญชาติรวมอยู่ด้วย (อ้าว! ไหนว่าสื่อฯอเมริกามีเสรีภาพไง แล้วทำไมถึงเปิดเผยไม่ได้หละนี่? ฮี่ๆๆ)
รายงานข่าวจาก RT news ของรัสเซียรายงานข่าวว่ากลุ่มก่อการร้ายตาลีบันออกมายอมรับว่าเป็นผู้ยิงเครื่องบินลำเลียง C-130 ของสหรัฐฯให้ร่วงเองหละ อ้างข่าวจากสำนักข่าว AFP แต่ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลนี้อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ทางการของสหรัฐฯได้ออกมาปฏิเสธการมีส่วนร่วมใดๆจากฝ่ายที่ไม่เป็นมิตร (เอ… งั้นก็คงจะมาจากฝ่ายที่เป็นมิตรสอยกันเองหรือเปล่า? คริๆ)
AFP อ้างคำพูดของ Zabihullah Mujahid โฆษกของตาลีบันว่า "นักรบ mujahideen ของพวกเราไม่ได้ยิงเครื่องบินสี่เครื่องยนต์ของสหรัฐฯร่วงใน Jalalabad จากข้อมูลที่ได้มาซึ่งมีความน่าเชื่อถือ มีกองกำลังผู้รุกราน 15 หน่วยและกองทัพหุ่นเชิดจำนวนมากถูกสังหาร" (ไม่รู้ว่าเด็กของใครบ้่างหละ ซัดกันอุตลุดหละงานนี้ ก็แสดงว่าตาลีบันมีหลายกลุ่ม กลุ่มแรกออกมาบอกว่าเป็นฝีมือของตาลีบัน แต่ตาลีบันอีกกลุ่มบอกว่าไม่ใช่ อ่ะ… จะใช่หรือไม่ใช่ฝีมือของตาลีบันหรือไม่ แต่ที่ร่วงนั้นก็คือเครื่องบินของสหรัฐฯและทหารของสหรัฐฯเองนั่นแหละ เพื่ออะไร? ก็เพื่อจะได้หาข้ออ้างให้คงกองทัพของสหรัฐฯประมาณ 10,000 นายไว้ในอัฟกานิสถานต่อไปอย่างไรเล่า อ้าวก็ไหนว่าตอนแรกนาโต้ถอนออกมาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่รึ? ใช่ครับ นาโต้ถอน แต่สหรัฐฯไม่ถอน และส่งเข้าไปเพิ่มด้วย มันก็เลยไม่จบไม่สิ้นซักที)
วันก่อนก็มีการปะกันอย่างรุนแรงที่จังหวัด Kunduz ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน ระหว่างกลุ่มก่อการร้ายตาลีบันและทองทัพรัฐบาล สหรัฐฯและนาโต้ก็ส่งเครื่องบินรบไปโจมตีที่เมืองดังกล่าวด้วย วันต่อมาก็มีข่าวว่าเครื่องบินลำเลียงของสหรัฐฯประสบอุบัติเหตุที่จังหวัด Jalalabad แม้จะอยู่คนละสถานที่แต่เมื่อดูจากแผนที่แล้วก็ไม่ไกลกันสักเท่าไรนัก อาจจะถูกสอยจากจุดหนึ่งแล้วพยายามลงจอดที่สนามบิน Jalalabad ก็ได้
2.) ข่าวที่สองวันที่ 2 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ในขณะที่จีนกำลังผงาดขึ้น สหรัฐฯก็ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินล้ำสมัยที่สุดเข้าไปในญี่ปุ่น" (As China Rises, US Deploys Most Advanced Aircraft Carrier to Boost Japan)
รายงานข่าวบอกว่าสหรัฐฯส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ซึ่งมีลูกเรือถึง 5,000 นาย เครื่องบินรบอีก 50 ลำเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพเรือเมือง Yokosuka เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เรือ USS Ronald Reagan เป็นเรือพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งติดตั้งเรด้าร์ในการกำหนดเป้าหมายและป้องกันภัยที่ใหญ่ที่สุด พร้อมด้วยระบบอาวุธและคำสั่ง และเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งเป็นการอัพเกรดขึ้นมาใหม่เพื่อนำไปแทนที่เรือ USS George Washington
3.) วันเดียวกันนี้ Sputnik ก็พาดหัวข่าวอีกเรื่องหนึ่งว่า "เกาหลีเหนือพร้อมจะเจรจาหากสหรัฐฯลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ - รมว.ต่างประเทศกล่าว" (North Korea Ready for Dialogue if US Signs Peace Settlement - FM) (ว้าวววว! งานนี้คิมน้อยเล่นเป็นแฮะ... ที่เกาหลีเหนือพูดออกมาแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือไม่ได้ใฝ่สงคราม พร้อมที่จะเจรจาสันติภาพด้วย แต่คนที่ไม่ยอมจ่อปลายปากกาลงบนสนธิสัญญาสันติภาพนั้นก็คือสหรัฐฯต่างหากหละ เอาหละสิคราวนี้เจอลีลาคิมน้อยสั่งสอนโอบาม่ากลับบ้างแล้วไหมหละ คริๆ เริ่มหนุกหละ)
รายงานข่าวบอกว่า Ri Su Yong รมว.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือกล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ในยูเอ็นว่า "กรุงเปียงยางพร้อมสำหรับ 'การเจรจาเชิงสร้างสรรค์' (constructive dialogue) ในเรื่องของสันติภาพ และความมั่นคง และขอเสนอว่าให้สหรัฐฯตกลงเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพฉบับสุดท้าย" (อัยย๋าาาา… เป็นไงหละครับท่าน นี่เกาหลีเหนือตบหน้าอเมริกาอย่างแรงต่อหน้าที่ประชุมใหญ่ของยูเอ็นเลยนะนี่ คิมน้อยบอกกับชาวโลกว่าเกาหลีเหนือหนะพร้อมที่จะเจรจาสันติภาพอยู่แล้ว แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เกาหลีเหนือ มันอยู่ที่อเมริกาต่างหากที่ไม่ยอมเซ็นสัญญาสันติภาพหนะ โอบาม่่าว่าไงครับ? เงียบ… เดินหน้าเล่นมุกสร้าง propaganda เรื่องอาวุธนิวเคลียร์และเรื่องสิทธิมนุษยชนโจมตีเกาหลีเหนือผ่านสื่อฯกระบอกเสียงรัฐบาลจักรวรรดิเฮเกโมนี่และตะวันตกต่อไป ตามสไตล์หนังฮอลลิวูดที่กำหนดให้เกาหลีเหนือเป็นผู้ร้ายและสหรัฐฯเป็นพระเอกตลอดการที่เราท่านทั้งหลายเห็นกันจนชินตานั่นแหละ)
สงครามเกาหลี (Korean War) เกิดขึ้นระหว่างปี 1950-1953 ยุติลงด้วยข้อตกลงสงบศึก (armistice agreement ยุติการสู้รบ/หย่าศึก แต่ยังไม่มีการลงนามในการยุติสงครามและสร้างสันติภาพอย่างแท้จริงและเป็นทางการ) ซึ่งลงนามโดยสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเครื่องรับประกันว่าจะมีการสงบศึกสงครามในคาบสมุทรเกาหลีจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ (final peace settlement) ในที่สุด ดังนั้นโดยนิตินัยแล้วก็ยังถือว่าทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังอยู่ในภาวะสงคราม เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพในขั้นตอนสุดท้าย
Ri Su Yong กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า "เกาหลีเหนือจะพร้อมสำหรับการเจรจากัน เพื่อป้องกันความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธในคาบสมุทรเกาหลี ก็ต่อเมื่อสหรัฐอเมริกาตกลงที่จะแทนที่ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวด้วยข้อตกลงสันติภาพเท่านั้น"
อ้าว… ท่านโอบาม่าครับ คิมน้อยเขาอุตส่าห์ยื่นไมตรีเพื่อสันติภาพและยุติสงครามระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ให้ขนาดนั้น ท่านรออะไรอยู่หละครับ? โอบาม่าและโปรอเมริกาก็จะบอกว่า ต้องทำให้เกาหลีเหนือเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯซะก่อน และต้องให้สหรัฐฯเข้าไปตั้งฐานทัพของตนเองในเกาหลีเหนืออย่างที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ และในญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศทั้งในยุโรปและทั่วโลกได้เมื่อไรนั่นแหละ สหรัฐฯจึงจะยอมลงนามในข้อตกลงสันติภาพตามที่เกาหลีเหนือและทั่วโลกต้องการ แล้วมันเรื่องอะไรที่สหรัฐฯจะใช้อำนาจประชาธิปไตยของตนเองไปบังคับให้ประเทศนั้นประเทศนี้เอาอย่างตัวเองหรือทำตัวให้เป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯด้วยหละ? สหรัฐฯก็จะพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องอีกว่า ก็ "ประชาธิปไตย, เสรีภาพ, และสิทธิมนุษยชน" ไงหละ 3 คำนี้หากินได้ตลอด เสรีภาพที่จะเที่ยวถ้ำมองชาวบ้านได้ตามอำเภอใจของนักประชาธิปไตยนี่นะ? เสรีภาพที่จะเที่ยวก่อสงครามในต่างแดนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่แม้จะชนะการเลือกตั้งมาอย่างถล่มทะลายแต่ไม่ใช่เด็กในคอนโทรลของอเมริกา อเมริกาก็พร้อมที่จะสนับสนุนและฝึกกบฏให้โค่นล้มรัฐบาลนั้นๆสร้างความแตกแยกภายในประเทศนั้นได้ตามที่อเมริกาต้องการนี่นะ?
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพจาก C-130 Hercules airplane. © U.S. Air Force / Reuters

-----------
11 confirmed dead in US transport plane crash in Afghanistan — RT USA
Pentagon Official Confirms Fatal C-130 Air Crash in Afghanistan
US Military Transport Plane Crashes in Afghanistan
Officials Confirm Six US Servicemen Among 14 Dead in C-130 Plane Crash
As China Rises, US Deploys Most Advanced Aircraft Carrier to Boost Japan
North Korea Ready for Dialogue if US Signs Peace Settlement - FM
Taliban Seizing Kunduz Shows US Failure to Train Afghan Forces - Official
Afghan Army Chases Taliban Out of Kunduz After Days of Clashes

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont
เครื่องบินรบรัสเซียในสงครามซีเรีย: มาดูกันบ้างครับรัสเซียใช้เครื่องบินรุ่นอะไรบ้าง ต่อต้านผู้ก่อการร้าย (IS)ในซีเรีย รายงานจาก RT Sukhoi (Su) เครื่องบินรบที่รัสเซียนำไปใช้



----------
กระทรวงกลาโหมได้เปิดเผยให้เห็นว่าการจัดกำลังทางอากาศยานของรัสเซียในซีเรีย ประกอบขึ้นอย่างเฉพาะตัวของเครื่องบินรบตระกูล Su รวมทั้งความล้ำยุคของ Su-34 สื่อรัสเซียใช้คำว่า cutting-edge ซึ่งหมายถึง ล้ำหน้ากว่าผู้อื่น ได้ด้วยครับ ล้ำหน้ากว่าใคร...น๊า , ผ่านการทดสอบที่ไว้วางใจได้ อย่างยอดเยี่ยมของ Su-25 และ Su-24M ต่อเป้าหมายกลุ่ม(IS)
เริ่มจาก Su-34 Fullback ประจำการ 2006 เครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดในการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการต่อ IS ในซีเรีย พิสัยทำการ 4,000 กม. เอ...แล้วจะบินตรงข้ามเมดิเตอร์เรเนี่ยนมาเลยหรือปล่าว เนี่ย บทบาทเป็นทั้ง Fighter-bomber และstrike fighter ขับไล่ทิ้งระเบิด/บินรบ ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางยุทธวิธีทางพื้นดินและเป้าหมายทางเรือ ทำการบินที่อันตรายได้ทั้งความสูงระดับยอดไม้และระดับพื้นดินโดยใช้ความเร็วได้ สูงสุดที่ 1,400 กม./ชม. (ความเร็วสูงสุดจริง 1,900 กม./ชม.) สำหรับการเจาะเหนือน่านฟ้าของศัตรู ตำแหน่งติดตั้งจรวด/ระเบิด 12 จุด บรรทุกไปได้ 8,000 - 12,000 Kg. บางครั้งก็เรียก Su-34 ว่า flying tank ขีปนาวุธและจรวดร่อน สามารถทำลายเป้าหมายที่ป้องกันหนาแน่นได้ไกลถึง 250 กม. สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทุกสภาพอากาศ รวมทั้งสภาพอากาศที่เลวร้าย ห้องนักบินที่กว้างผิดปกติ การออกแบบมากมายเพื่อความมีประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย
มันจึงมีการรักษาความดันในเครื่องบินที่ทำให้มันสามารถบินได้สูงถึง 32,800 ฟุตโดยที่นักบินไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ...นี่แค่เครื่องบิน gen 4+ ของรัสเซียเอง ว่ามั๊ยโปร..อเมริกา ว่าแต่เครื่องบินรบสุดล้ำของสหรัฐ gen 5 F-22 Raptor ที่ทำเอานักบินเสียชีวิตกลางอากาศมา 2 ราย เนื่องจากออกซิเจนในเลือดต่ำ แก้ปัญหาได้แล้วยัง มาขอคำปรึกษาSukhoiก็ได้นะ ฮ่า ๆๆๆ - ตามภาพ guided bomb คือระเบิดนำวิถีครับ
Su-24M Fencer เครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ ทุกสภาพอากาศ ประจำการ 1974 ในส่วนของ Su-24M ได้รับการอัพเกรดเมื่อ 1979 เข้าประจำการ 1983 ทำการปรับเปลี่ยนระบบเรดาห์และระบบนำร่องใหม่ ใช้ระบบอาวุธได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถทำการบินต่ำที่ความเร็วเหนือเสียงหลบหลีกการตรวจจับของเรดาห์ และเข้าโจมตีข้าศึกที่ระดับความสูงที่ต่ำ ที่สำคัญคือสามารถใช้สนามบินขนาดเล็กได้ เนื่องจากใข้ระยะทาง take-off and landing บินขึ้น-ลง ที่สั้น น้ำหนักบรรทุกอาวุธ 8,000 Kg.
Su-25 Frogfoot เครื่องบินสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ขิด ประจำการ 1981 เพื่อช่วยเหลือกองกำลังภาคพื้นดินสู้รบกับข้าศึก มีหลากหลายรุ่นมากเพราะยังอัพเกรดอยู่ตลอด Su-25T ก็เป็นรุ่นล่าสังหารรถถัง Su-39 ก็คือ Su-25TM ดูคลิปดีกว่าครับ อธิบายเจ้า Su-25 เครื่องบินรูปร่างโบราณๆได้ดีครับ นี่ขนาดว่ารัสเซียส่งเครื่องบินรุ่นคุณปู่ไปช่วยซีเรีย ยังถล่ม HQ ของ IS ซะราบในเวลาไม่กี่วัน โปร..อเมริกาช่วยไปบอกคนอเมริกันหน่อยสิ ว่างดจ่ายภาษีให้รัฐบาลเอาไปพัฒนาอาวุธก็อก แก๊ก ซะที ปราบยังไงเข้าปีที่ 5 IS มีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้น
สงสัยอะไรมั๊งไหมครับ รัสเซียมีเครื่องบินรุ่นทันสมัยอยู่จำนวนมาก ทำไมถึงไม่เอามาใช้ สงสัยแบบว่าสนามบินในซีเรียใหญ่ไม่พอ? คริ คริ เอาลำเล็กมาใช้ดีกว่า ขึ้น-ลงสนามบินตรงไหนก็ได้สะดวกดี ฮ่าๆๆ
ป.ล. วันก่อนแอ็ดมินอ่านเจอข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งจากสื่อฯของรัสเซีย ซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อมูลว่ารัสเซียใช้เครื่องบินรบรุ่นไหนบ้างในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย ครั้นจะเล่าคนเดียว เกรงว่าแฟนเพจจะเบื่อคุณอายเล่าอ่ะ จึงเปลี่ยนบรรยากาศให้คุณ Noraseth Tuntasiri ช่วยเล่า (แปล) ให้แฟนเพจได้อ่านบ้าง จริงๆแล้วแอ็ดมินก็เขียนข่าวอื่นอยู่ครับ แต่อยากเล่าข่าวนี้ด้วย เวลาไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นจึงรบกวนคุณ Noraseth Tuntasiri ให้ช่วยแปลให้ด้วย
ขอบคุณ คุณ Noraseth Tuntasiri ผู้แปล
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพจาก Su-25, Su-24m and Su-34 planes © Sergey Pivovarov, Igor Zarembo, Vladimir Astapkovich / RIA Novosti

-----------
https://www.rt.com/news/317277-russia-syria-planes-sukhoi-isis/
Russian Su-34s Can Precisely Strike Any ISIL Ground Target in Syria (VIDEO)
ข้อมูล : กองทัพอากาศซีเรีย จากเว็บไซด์นิตยสารทางทหารของเนเธอร์แลนด์
Scramble
[ame]www.youtube.com/watch?v=bMIZF86422g[/ame]

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

โศกนาฏกรรมการเสียชีวิตอย่างกรณีการกราดยิงที่ UCC โอเรกอนเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากในสหรัฐอเมริกา (Deadly tragedies like ‪#‎UCCShooting‬ are frequent in the United States)



----------
วันที่ 2 ต.ค.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียได้นำสถิติการเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนและการก่อเหตุโศกนาฏกรรมด้วยการกราดยิงในสถานศึกษาของสหรัฐฯเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความรุนแรงทางสังคมของสหรัฐฯในปัจจุบันนี้ มาเผยแพร่ให้สังคมโลกได้รับรู้อีกด้านหนึี่งในมุมมืดของสหรัฐฯ
สื่อฯรัสเซียรายงานว่าการสังหารหมู่ (massacre) ที่วิทยาลัยชุมชน Umpqua (UCC) ในรัฐโอเรกอนได้ฉายแสงไปสู่สถิติที่น่ากลัว: แม้ว่าการยิงปืนใส่มวลชนเกือบจะ 300 ครั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาภายในปีนี้ และมีการสังหารด้วยอาวุธปืนถึงเกือบ 10,000 คดี แต่ก็มีการดำเนินการเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น การตอบสนองของพวกนักการเมืองกลายเป็น "งานปรกติ" (หลังเกิดเหตุการณ์)
รายงานข่าวสรุปว่าในช่วงปี 2015 นี้ ได้มีการกราดยิงใส่ฝูงชนถึง 294 ครั้ง จากข้อมูลที่รวบรวมโดยองค์กรติดตามการกราดยิงฝูงชน (Mass Shooting Tracker) ซี่งได้นิยามคำว่า "a mass shooting" (การกราดยิงฝูงชน) ว่ามีประชาชนไม่ต่ำกว่า4 คนถูกยิงในแต่ละครั้ง นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ปรากฏว่า มีประชาชน (ชาวอเมริกัน) เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนถึง 9,957 ราย
โอบาม่าได้ชี้ให้เห็นในการกล่าวสุนทรพจน์ของเขาว่า "ในขณะที่มีประชาชนชาวอเมริกันเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเนื่องจากการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนในทุกๆปี มากกว่าการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายเสียอีก มีแต่นโยบายของรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมและการให้เงินสนับสนุนในการต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายเท่านั้น" (Obama pointed out in his speech that while far more American die from gun violence every year than terrorist attacks, there is only extensive federal policy and funding to fight terrorism.) (งงกับคำพูดของโอบาม่าไหมครับ? สงสัยแกจะยังคงไม่สร่างจากอะไรบางอย่างแน่ๆ)
โอบาม่ากล่าวว่า "เรา (รัฐบาลสหรัฐฯ) ใช้เงินไปหลายล้านล้านเหรียญ (a trillion dollars) และออกกฎหมายไปจนนับไม่หวาดไม่ไหว และอุทิศองค์กรต่างๆทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันการโจมตีจากการก่อการร้ายบนแผ่นดินของพวกเรา และโดยชอบธรรมด้วย (จริงอ่ะ?)"
โอบาม่่ากล่าวต่ออีกว่า "และพวกเราก็ยังมีสภาครองเกรส (ประชาธิปไตย?) ซึ่งขัดขวางพวกเราจากแม้กระทั่งจากการเก็บรวบรวมข้อมูล ว่าพวกเราสามารถที่จะลดการเสียชีวิตจากปืนได้อย่างไรด้วย มันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร?" (โอบาม่ากำลังบอกว่าสภาคองเกรสของสหรัฐฯขัดขวางไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯดักฟัง ถ้ำมองประชาชนของตนเองอยู่ใช่หรือเปล่า?)
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพจาก A sign expresses local people's sentiments following a mass shooting at Umpqua Community College in Roseburg, Oregon October 1, 2015. © Steve Dipaola / Reuters

-----------
Deadly tragedies like #UCCShooting are frequent in the United States — RT USA

มันเกิดอะไรขึ้นในสังคมอเมริกา? นี่ก็ข่าวล่าสุดบอกว่ามีชายคนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนและมีดขังตัวเองในสำนักงานใหญ่ของตำรวจ Colorado และะฆ่าตัวตาย ไม่มีตัวประกัน ตำรวจส่งหน่วย SWAT เข้าคุมสถานที่ กรรม! อย่าบอกนะว่ายาบ้ากำลังระบาดในอเมริกา
Man with gun, knife barricaded himself in Colorado police headquarters — RT USA

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

เรือบรรทุกสินค้าของสหรัฐฯพร้อมลูกเรือ 33 คนหายสาบสูญไปกับพายุเฮอร์ริเคน Joaquin



----------
วันที่ 3 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "US Cargo Ship With 33 Crewmen Aboard Goes Missing in Hurricane Joaquin" รายงานข่าวบอกว่า เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของสหรัฐฯพร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 33 คน (ถือสัญชาติอเมริกัน 28 คน และอีก 5 คนเป็นชาวโปแลนด์) บนเรือถูกพายุเฮอร์ริเคน Joaquin ระดับ 4 พัดกระหน่ำใกล้ประเทศ Bahamas อเมริกาเหนือได้ขาดการติดต่อเช้าวันพฤหัสบดี และยังไม่สามารถติดต่อได้ในวันศุกร์
NBC News รายงานว่า เรือ El Faro ติดธงชาติของสหรัฐฯได้เจอเข้ากับพายุเฮอร์ริเคน Joaquin ในขณะที่กำลังเดินทางออกจากท่าเรือเมือง Jacksonville ในรัฐฟลอริด้า มุ่งหน้าสู่ San Juan ใน Puerto Rico ในวันพฤหัสบดี
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพจาก © Flickr/ Derell Licht

-----------
US Cargo Ship With 33 Crewmen Aboard Goes Missing in Hurricane Joaquin




อุ๊ยอยู่ใกล้ๆคิวบาด้วยนะนั่นหนะ หวังว่าคงไม่ออกมากล่าวหาว่าเป็นเพราะเรือดำน้ำของรัสเซียหรอกนะ ฮ่าๆๆ

 

สาธุค่ะมีประโยชน์มากมายค่ะ

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

สงสัยว่าสหรัฐฯโจมตีทางอากาศใส่โรงพยาบาล MSF ในจังหวัด Kunduz อัฟกานิสถาน พลเรือนและบุคคลากรทางการแพทย์เสียชีวิตอย่างน้อย 37 ราย บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน



------------
วันที่ 3 ต.ค.58 สำนักข่าว RT news พาดหัวข่าวว่า "Suspected US airstrike hits hospital in Kunduz, Afghanistan" (กรรมหละสิ! มันคงจะเป็นความเมตตาเวอร์ชั่นใหม่จากฝ่ายสหรัฐฯและนาโต้สินะ?)
รายงานข่าวบอกว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัด Kunduz ประเทศอัฟกานิสถานได้ถูกโจมตีและถูกทำลายไปบางส่วนจากการโจมตีทางอากาศ (aerial attack) ในช่วงกลางคืน และได้สังหารบุคคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล Medecins Sans Frontieres ไปถึง 9 คน นาโต้ยืนยันว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายข้างเคียงโดยอุบัติเหตุ (ฮึ่ม! ก็ใครบอกให้ชาวอัฟกานิสถานไปสร้างโรงพยาบาลไว้ในตำแหน่งที่เครื่องบินรบของสหรัฐฯจะไปทิ้งระเบิดใส่หละ นี่มันเป็นการกีดขวางปฏิบัติการเผยแพร่ประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิ์มนุษยชนของอเมริกาไม่รู้หรือไง ดังนั้น สหรัฐฯและนาโต้ก็เลยช่วยกำจัดสิ่งกีดขวางในปฏิบัติการทางทหารด้วยการทิ้งระเบิดใส่ให้ซะเลย)
Liveupdate จาก RT news มีดังนี้...
----------
- 05:00 GMT: การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นที่จังหวัด Kunduz เวลา 2.15 am. (ตีสอง 15 นาที) ของวันเสาร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ตามคำกล่าวอ้างของ Colonel Brian Tribus โฆษกพันธมิตรนาโต้ Brian Tribus กล่าวว่า "ปฏิบัติการโจมตี อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบข้างเคียง (collateral damag) ต่อสิ่งปลูกสร้างทางการแพทย์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เหตุการณ์นี้กำลังอยู่ในการตรวจสอบ" (กรรม! โดนไปเต็มๆขนาดนั้นยังบอกว่าข้างเคียงอยู่อีกรึ? วันแรกที่รัสเซียส่งเครื่องบินรบเข้าไปถล่มผู้ก่อการร้ายไอซิส สหรัฐฯและตะวันตกรีบประโคมข่าวใส่ร้ายรัสเซียว่าการโจมตีของรัสเซียทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 36 ราย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นจริง 2 วันต่อมา เพื่อดูสมจริงยิ่งขึ้นสหรัฐฯและนาโต้ก็เลยสอนวิธีในการโจมตีพลเรือนให้รัสเซียดูบ้างด้วยการทิ้งระเบิดทางอากาศใส่โรงพบาลในอัฟกานิสถานให้ดูซะเลย แล้วบอกว่าเนี่ย! ของจริง คน (เลว/ชั่ว) จริงต้องทำให้ได้อย่างนี้ รัสเซียดูไว้ ถ้าอยากได้ชื่อว่าเป็นมีรูปปั้นเทพีเสรีภาพในประเทศของตนต้องทำให้ได้อย่างที่สหรัฐฯทำนี้ ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเป็นโรงพยาบาลมีผู้ป่วย แพทย์ พยาล เด็ก ผู้หญิง คนชราอยู่ในนั้นหรือไม่ ถล่มมันไปโลด ใช่ไหมโปรอเมริกา?)
- 05:07 GMT: เจ็ดนาทีต่อมา โรงพยาบาล Medecins Sans Frontieres ประกาศว่าทางโรงพยาบาล "รู้สึกช็อกกับการโจมตีในครั้งนี้เป็นอย่างมาก (ขนาดคุณหมอยังถึงกับช็อกอ่ะ มันทำไปได้ยังไง คนที่ยังพอมีสามัญสำนึกในความเป็นคนเขาจะไม่กระทำอย่างนี้เด็ดขาด) การสังหารเจ้าหน้าที่ของพวกเราและผู้ป่วย และมียอดสูญเสียอย่างหนักได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการด้านสุขภาพในจังหวัด Kunduz" (อเมริกาและนาโต้อาจจะบอกว่าไม่ใช่กงการอะไรของสหรัฐฯและนาโต้นิ อเมริกาไม่เดือดร้อน เพราะว่ามันไม่ใช่โรงพยาบาลของอเมริกา ใช่ไหมโปรอเมริกา?)
- 05:23 GMT: ร.พ. MSF ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ 3 คนเสียชีวิต และอีก 30 คนยังไม่สามารถบอกอาการได้
- 05:36 GMT: ในช่วงเวลาที่ถูกโจมตี มีบุคคลากรทำงานอยู่ราว 80 คน ทั้งจากท้องถิ่นและจากต่างประเทศและมีผู้ป่วยมากกว่า 105 คนเข้ารับการรักษาอยู่ในอาคารโรงพยาบาลแห่งนั้นด้วย
- 05:40 GMT: ด็อกเตอร์ Adil Akbar ที่โรงพยาบาล MSF ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น (แต่รอดตายจากฝีมือของนาโต้มาได้ โอบาม่าคงจะเสียใจแย่เลย ไม่รู้รอดมาได้อย่างไร แสดงว่าฝีมือการทิ้งระเบิดของนาโต้ยังไม่เจ๋งพอสินะ?) กล่าวกับสำนักข่าว AP ว่า "การผ่าตัดรักษาผู้ป่วย ห้องฉุกเฉิน และส่วนอื่นๆของโรงพยาบาลได้หยุดชะงักงันจากการโจมตีด้วยระเบิด (ทางอากาศของนาโต้นำโดยสหรัฐฯ)"
- 05:53 GMT: Dr Masood Nasim ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมแพทย์ (ผอ.โรงพยาบาล) ของ MSF กล่าวที่โรงพยาบาล trauma ในจังหวัด Kunduz เมื่อวันพฤหัสบดีว่า โรงพยาบาลของเขาอยู่ในเขตแนวหน้า (ของการสู้รบ) ตั้งแต่เกิดสงครามขึ้นในวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา
- 06:34 GMT: Wahidullah Mayar โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของอัฟกานิสถานส่งทวิทเตอร์บอกว่ามีประชาชนอย่างน้อยจำนวน 60 คนถูกสังหารและอีก 400 คนได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้กันในจังหวัด Kunduz ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลแจ้งว่าได้สังหารพวกนักรบตาลีบันไปแล้วถึง 200 ราย
- 07:47 GMT: รายงานข่าวบอกว่า สหรัฐฯได้เริ่มภารกิจการสู้รบของตนขึ้น (อีกครั้ง) ในอัฟกานิสถานเมื่อปลายปี 2014 โดยยังมีทหารของสหรัฐฯประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานถึง 10,000 นาย ตามกำหนดการนั้นกองทัพของสหรัฐฯจะต้องย้ายออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นปี 2016 (เรื่องอะไรจะย้าย ถ้าย้ายออกแล้วใครจะดูแลธุรกิจฝิ่นและเฮโรอีนในอัฟกานิสถานให้ ดังนั้น มันจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่สามารถทำให้สหรัฐฯอ้างเพื่อให้คงกองทัพของตนเองไว้ในอัฟกานิสถานและยึดครองได้ต่อไป) พล.โท Talat Masood ปลดเกษียณแล้วจากทัพของปากีสถานคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ทหารของสหรัฐฯจะยังคงประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานนานกว่านี้ (หมอนี่น่าจะเป็นเด็กของสหรัฐฯ ขนาดอิรัคยังกล้าประกาศไม่ต้อนรับทหารต่างชาติอีกเลย ยกเว้นอิหร่าน ซีเรีย และรัสเซีย แต่หมอนี่บอกว่าอยากให้ทหารสหรัฐฯอยู่ในอัฟกานิสถานต่อไป งั้นก็เตรียมทำข่าวโรงพบาลอีกหลายแห่งในอัฟกานิสถานแบบนี้ได้เลย)
- 09:43 GMT: ทางโรงพยาบาล MSF ออกแถลงการณ์ว่า "อัพเดทล่าสุดมีประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 37 คนระหว่างการทิ้งระเบิด ซึ่งรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของ MSF อีก 19 คนด้วย ยังมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้ (กรรม! โอบาม่าอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ทหารนาโต้เข้าไปช่วยนับให้ก็ได้) ตำเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทางโรงพยาบาลกำลังพยายามคลี่คลายสถานการณ์หลังถูกโจมตีที่น่ากลัวในครั้งนี้"
- 10:40 GMT: โรงพยาบาล MSF แถลงว่า "การทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลดำเนินต่อไปกินเวลาถึง 30 นาทีหลังจากที่กรุง Kabul และกรุงวอชิงตันได้รับแจ้งตำแหน่งที่แน่ชัดของสิ่งปลูกสร้างของโรงพยาบาลแล้ว" ทางโรงพยาบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการติดต่อสื่อสารแจ้งตำแหน่งที่ชัดเจนของโรงพยาบาลให้กับทุกภาคส่วนในโอกาสต่างๆตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งครั้งสุดท้าย (ที่มีการแจ้งตำแหน่งให้ทราบ) ก็คือเมื่อวันที่ 29 กันยายนนี้เอง (สหรัฐฯและนาโต้คงจะขอบคุณที่โรงพยาบาลช่วยแจ้งตำแหน่งของตนเองให้ทราบ ดังนั้นจึงสามารถทิ้งเริบเข้าเป้า (บางส่วน) ได้อย่างแม่นยำเลยสินะ)
Yep, that's another honorable story of US and NATO? Good job, Obama! (ประชด)
ป.ล. แถวนั้นไม่มีเครื่องบินรบทิ้งระเบิดอย่าง Su-24, Su-25 และ Su-34 ของรัสเซีย หรือของจีนนะครับ ของคิมน้อยก็ไม่มี มีแต่ของประเทศที่บอกว่าตัวเองเจริญแล้วพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯและยุโรปเท่านั้น ประชาธิปไตยและเสรีภาพแบบอเมริกามันดีอย่างนี้นี่เอง ใช่ปะโปรอเมริกา?
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพ Fires burn in part of the MSF hospital in the Afghan city of Kunduz after it was hit by an air strike on October 3, 2015 จาก © MSF / AFP

----------
Suspected US airstrike hits hospital in Kunduz, Afghanistan — RT News
Afghan forces recapture key parts of Kunduz from Taliban – officials — RT News

 

ขอบคุณ คุณ ปาปิปผลิ ครับ

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts



ตอนนี้มีทั้งตาลีบันและไอซิสสู้รบกับกองทัพรัฐบาลกลางของอัฟกานิสถาน ก่อนหน้านี้อดีตผอ.ซีไอเอออกมาเสนอแนวความคิดให้ใช้พวกตาลีบันต่อสู้กับพวกไอซิสแทน เพื่อที่จะได้หาข้ออ้างสนับสนุนด้านอาวุธและเงินทุนให้กับตาลีบันและกำลังจะเลื่อนสถานะของตาลีบันให้เป็นกบฏแทน โมเดลนี้คล้ายกับที่สหรัฐฯกำลังทำอยู่ในซีเรียในตอนนี้เลย แต่อีกด้านหนึ่งสหรัฐฯและนาโต้ก็อ้างการก่อสงครามรอบใหม่ในอัฟกานิสถานว่าเพื่อปราบปรามตาลีบัน ทั้งๆที่นาโต้พึ่งจะถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้เอง แต่คราวนี้กลับส่งเข้าไปใหม่ ตราบใดที่อัฟกานิสถานและอิรัคยังไม่เละเหมือนลิเบีย สหรัฐฯและนาโต้จะไม่มีทางวางมือจากอัฟกานิสถานแน่ โชคดีที่อิรัคไหวตัวทัน แม้ว่าจะดูช้าไปบ้างที่หันมาคบกับรัสเซียและอิหร่านมากขึ้น เพื่อถีบสหรัฐฯและนาโต้ออกจากอิรัค แต่พวกนักการเมืองของอัฟกานิสถานยังงมโข่งอยู่ ยังหลงไหลได้ปลื้มกับประชาธิปไตยและเสรีภาพที่สหรัฐฯและนาโต้นำไปแจกจ่ายตามโรงพยาบาลในอัฟกานิสถานให้อยู่ ดังนั้นผู้ทีรับเคราะห์ก็คือประชาชนทั่วไปของอัฟกานิสถานนั่นเอง

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

สงครามซีเรีย: รัสเซียเดินหน้าโจมตีทางอากาศถล่มที่มั่นของไอซิสในซีเรียไม่สนเสียงคัดค้านจากสหรัฐฯ (ตอนที่ 3/1)



------------
สงครามซีเรีย: รัสเซียถล่มที่มั่นของไอซิสในวันที่สามได้ 50 กว่าแห่งด้วยเครื่องบินรบ 60 เที่ยวสามารถโจมตีอุโมงใต้ดินในภูเขาซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่และแหล่งกบดานของผู้ก่อการได้ด้วย, กลุ่มผู้ก่อการร้ายพากันขนครอบครัวหนีตายจากการโจตีทางอากาศของรัสเซียเข้าไปในอิรัค, นากยกอิรัคขอเปิดทางให้รัสเซียถล่มไอซิสในอิรัคได้, รัสเซียขยายความเข้มแข็งให้พันธมิตรปราบไอซิสด้วยการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพเลบานอน, สหรัฐฯและนาโต้ประกาศซ้อมรบร่วมกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 13 ปีกดดันรัสเซียออกจากซีเรีย, วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯเรียกร้องรองให้กลาโหมและก.ต่างประเทศของสหรัฐฯหยุดให้การสนับสนุนโปรแกรมฝึกกบฏซีเรีย
ม๊ะ… คราวนี้ได้ฤกษ์ลุยข่าวสงครามในซีเรียแบบมันส์ๆกันบ้างแล้วครับ (โปรอย่าเข้าใจว่าเพจเราเป็นพวกคลั่งไคล้สงครามนะครับ เป็นการรายงานข่าวแบบออกรสออกชาติหนะ แฟนเพจอ่านแล้วจะได้ไม่ง่วง คริๆ)
1.) วันที่ 3 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "กองทัพอากาศรัสเซียทำลายศูนย์บัญชาการของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส และคลังอาวุธใต้ดินใกล้เมือง Raqqa" (Russia Air Force Destroys ISIL Command Center, Underground Depot Near Raqqa) รายงานข่าวบอกว่า พล.ต. Igor Konashenkov โฆษกกลาโหมของรัสเซียแถลงว่า กองทัพอากาศของรัสเซียได้ทำลานศูนย์บัญชาการของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและคลังอาวุธใต้ดินพร้อมวัตถุระเบิดใกล้กับเมือง Raqqa ในซีเรียได้แล้ว
Igor Konashenkov กล่าวต่อว่า "เป็นการจัดส่งระเบิดเจาะคอนกรีดรุ่น BETAB-500 ได้อย่างแม่นยำจากการยิงของเครื่องบินรบ Su-34 ใกล้กับเมือง Raqqa และได้ทำรายศูนย์บัญชาการที่แข็งแรงแห่งหนึ่งของหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธผิดกฎหมาย รวมทั้งบังเกอร์ใต้ดินพร้อมด้วยวัตถุระเบิดและคลังเก็บกระสุนปืนด้วย"
กองทัพอากาศรัสเซียได้เดินหน้าโจมตีเป้าหมายที่เป็นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้อย่างแม่นยำจากฐานทัพอากาศ Hmeymim รัสเซียใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAVs) หลายลำในการเฝ้าจับตาสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่ของไอซิส (ประมาณว่ามีดวงตาพระเจ้าคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน โผล่ออกมาเมื่อไรเสร็จทันที) รัสเซียส่งเครื่องบินรบจำนวน 6 เที่ยวบินจากฐานทัพอากาศ Hmeymim ออกไปในตอนเย็นและตอนกลางคืน กำหนดตำแหน่งการโจมตีที่สิ่งปลูกสร้างของผู้ก่อการร้ายไอซิสได้ 3 แห่ง
สังเกตได้ว่ารัสเซียเน้นความแม่ยำ แม้จะออกบินหลายเที่ยวบิน ถ้ายังไม่ชัวร์ว่าจะสามารถล็อกเป้าและทิ้งระเบิดใส่ได้อย่างแม่นยำก็จะยังไม่โจมตี ต่อเมื่อรู้ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและสามารถล็อกเป้าได้แล้ว นั่นแหละถึงปล่อยระเบิดใส่ทันที งานนี้รัสเซียใช้เครื่องบินรบรุ่นใหญ่อย่าง Su-34 จัดการเลย ไม่เหลือ พวกผู้ก่อการ้ายเหล่านั้น ขุดอุโมงเข้าไปในถ้ำในภูเขา ยากที่จะตรวจจับจากดาวเทียมหรือทางอากาศได้ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของขีปนาวุธและเครื่องบินรบของรัสเซีย
โฆษกกลาโหมของรัสเซียยังกล่าวต่ออีกว่า "เครื่องบินรบ Su-34 ทิ้งระเบิดแบบแท็กติคอล ได้เข้าโจมตีฐานที่มั่นของไอซิสใกล้เมือง Maarrat Al-Nuuman (Idlib) ด้วยขีนปนาวุธนำวิถี KAB-500 ระหว่างกำหนดเป้าหมายในการโจมตี ข้อมูลจากหน่วยเฝ้าระวังบอกว่า ป้อมปราการ คลังกระสุน และคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง (POL depots) ของพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสถูกทำลายไปหลายแห่ง ซึ่งรวมทั้งยานพาหนะอีก 7 คนด้วย"
ก็มีคำแล้วรัสเซียรู้ได้อย่างไรว่าพวกกบฏและกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มก่อการร้ายหลบซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง? ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลซีเรียและสหรัฐฯได้ส่งคนลงพื้นที่ไปเกลี้ยมกล่อมให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่การสู้รบและพื้นที่ใกล้เคียงอพยพออกนอกพื้นที่ไปอยู่ที่เมืองอื่นซึ่งปลอดภัยที่รัฐบาลซีเรียได้เตรียมเอาไว้ให้โดยเน้นผู้หญิง เด็ก และคนชรา ส่วนพวกผู้ชายจะมาด้วยก็ได้ไม่ห้าม และไม่ห้ามเช่นกันหากผู้ชายบางคนจะเดินทางกลับเข้าไปในเขตสู้รบเพื่อไปรวมกับกลุ่มกบฏ ล่าสุดก็มีกลุ่มกบฏบางกลุ่มที่มีรายชื่อที่ทางการซีเรียประกาศจับได้เข้ามอบตัวหลายสิบคน ข่าวกรองจากคนเหล่านี้ซึ่งอยู่ในพื้นที่มาก่อนมีประโยชน์มาก จึงทำให้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียและกองทัพรัสเซียรู้จักความเคลื่อนไหวและตำแหน่งต่างของข้าศึกได้เป็นอย่างดี บวกกับรัสเซียได้ส่งโดรนไปจับตาดูในเขตของศัตรูอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย (ทำงานหนักมาก) มีรึไอซิสและสมุนของหสรัฐฯจะรอดพ้นสายพญาหมีไปได้
2.) วันที่ 3 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวอีกว่า "เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียใช้ขีปนาวุธนำวิถีด้วยระบบดาวเทียมเพื่อความแม่นยำสูง" (ว้าววว! ก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯออกมาปรามาสรัสเซียว่าการทิ้งระเบิดของฝ่ายรัสเซียไม่มีความแม่นยำเน้นถล่มฝ่ายกบฏลูกกระเป๋งของสหรัฐฯมากกว่าจะโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอซิส เป็นธรรมดาของลูกพี่ที่กำลังลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกจะเข้าไปช่วยลูกน้องก็ไม่ได้ จึงต้องหาทางดิสเครดิตรัสเซียทุกอย่างทุกระดับด้วยการสร้าง propaganda ขึ้นมาตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศของสหรัฐฯจนถึงสื่อฯกระแสหลักกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯนั่นแหละ รัสเซียเอาคลิปการโจมตีมาให้ดูกันจะๆเลยว่าดูซะก่อนสิน้องโอบาม่า ที่เครื่องบินรบโจมตีนั้นคือตำแหน่งของใคร เห็นสหรัฐฯส่งโดรนและเครื่องบินรบไปบินลาดตระเวนและทิ้งระเบิดอยู่เป็นปีคงจะจำภูมิประเทศได้บ้างนะ บึ้ม! ไม่เหลือครับท่าน เข้าเป้าเป๊ะ ด้วยจรวดเจาะคอนกรีดนำวิถีอีกต่างหาก แม่นป๊ะ? ฮ่าๆๆ เล่าเอาโอบาม่าสำรักควันทันทีเลย อุฮุๆๆ… แคร็กๆๆ... โอบาม่าไอ)
งานนี้สื่อฯรัสเซียลงคลิปให้สหรัฐฯ นาโต้ และโปรอเมริกาได้ดูเป็นขวัญตาด้วยนะครับ และไม่ปิดบังเทคนิคในการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายสไตล์ปูตินเลย แหล่งข่าวรายงานว่า "ขีปนาวุธกำหนดเป้าหมายได้หลังจากแยกตัวออกจากเครื่องบินด้วยการใช้ดาวเทียม GLONASS และขีปนาวุธยังได้รับพิกัดจากเครื่องบินรบด้วย ดังนั้น ดังนั้นการกำหนดความแม่นยำในการโจมตีจึงอยู่ในระยะ 2 เมตร บวก/ลบ ไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขใดๆทางสภาพภูมิอากาศและช่วงเวลาของปี" (ยิงได้ทุกสภาพภูมิอากาศตลอดปีว่างั้นเถอะ)
ผู้แทนจากกองทัพอากาศของรัสเซียกล่าวว่า "ยุทธวิธีนี้ทำให้เครื่องบินรบของรัสเซียกำหนดเป้าหมายที่เป็นพวกไอซิสได้อย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกันก็ปกป้อง (ชีวิต) ประชากรพลเรือนเอาไว้ได้ด้วย"
3.) สหรัฐฯเห็นท่าไม่ดี... ลูกน้องตัวเองที่ลงทุนไปตั้งมากมายกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก ทำอะไรไม่ถูกเลย วันที่ 2 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯได้เรียกร้องให้นายจอห์น แคร์รี่และแอชตั้น คาร์เตอร์ยุติโปรแกรมการฝึกและติดอาวุธ (ให้กลุ่มกบฏ) ในซีเรียซะ" (US Senators Urge Carter, Kerry to End Train-and Equip-Program in Syria) เอาแล้วไง... ตอนนี้ดูเหมือนว่าสหรัฐฯจะเสียงแตกกันแล้วนะ
รายงานข่าวบอกว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเหล่าวุฒิสมาชิก Joe Manchin, Chris Murphy, Tom Udall และ Mike Lee ได้ร่อนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯให้ยกเลิกโปรแกรมการฝึกและติดอาวุธให้กับกลุ่มกบฏซีเรียของสหรัฐฯซะ เพราะว่ามันไม่ประสบผลสำเร็จ (มันมีแต่จะสร้างความแตกแยกภายในบ้านเมืองของซีเรียมากกว่าเดิมเท่านั้น) และเป็นการขยายความขัดแย้งในตะวันออกกลางออกไปด้วย (ว้าวววว! นึกไม่ถึงว่าในสภาของสหรัฐฯจะมีคนมีแนวความคิดแบบนี้หลงเหลืออยู่ด้วยนะ)
วุฒิสมาชิกเหล่านี้ได้ส่งจดหมายถึงนาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ และนาย John Kerry รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ และนาย John Brennan ผอ.หน่วยข่าวกรองแห่งรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency - CIA อย่าถามอีกนะว่า CIA คืออะไร) (ถ้าโปรอเมริกาอยากรู้ว่าข่าวนี้จริงหรือไม่ก็ให้ไปเช็กจากสื่อฯสหรัฐเอาเองนะครับ แต่สื่อฯกระแสหลักไม่ค่อยลงหรอก มีสื่อฯทั่วไปลงให้อยู่ แล้วก็อย่ามาดิ้นแถวนี้ว่าสื่อฯรัสเซียกุข่าวขึ้นมาเองอีกหละ สื่อฯรัสเซียเขามีจรรยาบรรณสูงกว่าสื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกเยอะเลยครับ)
วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯกล่าวว่า "พวกเราเขียน (จดหมาย) เพื่อแสดงความกังวลใจอย่างลึกซึ้งของพวกเราเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึกและติดอาวุธ (ให้พวกกบฏต่อต้านรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง) ในซีเรีย และเพื่อเรียกร้องให้ยุติแนวความคิดริเริ่มที่ประสบความล้มเหลวนี้ซะ ในช่วงที่สภาคองเกรสกำลังมีการพิจารณาโปรแกรมนี้เมื่อปีที่แล้ว พวกเราหลายคนได้แสดงความกังวลใจเกี่ยวกับโปรแกรมนี้ซึ่งเป็นอันตรายต่อชาวอเมริกัน และมีแต่จะขยายความขัดแย้งออกไป" (แต่รัฐบาลโอบาม่าและสมาชิกสภาคองเกรส่วนใหญ่ที่กระหายสงครามพร้อมด้วยพวกโปอเมริกบ้าเลือดทั้งหลายก็ไม่ยอมหยุดโปรแกรมนี้ ซึ่งสหรัฐฯใช้เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรุกรานประเทศอื่น แม้ว่าวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯบางส่วนจะเตือนแล้วว่ามันอาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนชาวอเมริกันก็ได้ อ้าวก็รัฐบาลเขาคงจะต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นมั๊ง จะไปยกเลิกทำไมเล่า ใช่ป๊ะโปรอเมริกา? คริๆ)
4.) ขอย้อนข่าวเก่าในวันที่ 1 หน่อยนะเพราะข่าวนี้มีความสำคัญมาก เดี๋ยวแฟนเพจจะตกข่าว (ส่วนพวกโปอเมริกาจะกล่าวหาว่าสื่อฯรัสเซียเต้าข่าวก็ช่างหัวพวกนั้นเหอะ พวกที่กระแดะออกมาเรียกร้องให้คนอื่นรับฟังแต่ความคิดเห็นของตัวเองถึงจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่พอมีคนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ต่างจากกลุ่มตนเองบ้าง ก็ไม่รับฟัง และไม่สามารถที่จะยอมรับได้ แล้วมันจะเรียกต้องหาความยุติธรรมความเสมอภาคไปทำแป๊ะอะไร?)
บ่นพอหละ กลับมาเล่าข่าวก่อนดีกว่า... วันที่ 1 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "นายกรัฐมนตรีของอิรัคกล่าวว่าเปิด (ประเทศ) ให้รัสเซียเข้าไปปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสได้" (Iraqi Prime Minister Says Open to Russian Airstrikes Against Islamic State) ไฟเขียวว่าอย่างนั้นเถอะ เหอะๆๆ... ปูตินยิ้มเลยงานนี้ ส่วนจักรวรรดิเฮเกโมนี่หนะหรือเครียดตายแน่ ทำไมต้องเครียดด้วยหละ เอ๋าาาา ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไอซิสหนะลูกน้องใคร แหม… ก็เขาอุตส่าห์วางแผนให้ไอซิสปล้นอาวุธไปต่อหน้าต่อตากองทัพอิรัคเฉยเลย ของเมดอินยูเอสเอทั้งนั้น อิรัคร่วมมือกับสหัฐฯและพันธมิตรปราบไอซิสมาเป็นปีแล้วปราบเท่าไรก็ไม่หมดซักที พอผู้นำอิรัคเห็นฝีไม้รายมือของกองทัพอากาศรัสเซียในซีเรียแค่วันเดียว (วันที่ 30 ก.ย.58) ที่นั้นแหละ ท่านนายกฯอิรัคบอกว่าขอเชิญปธน.ปูตินช่วยส่งทีมงานเข้าไปช่วยกองทัพอิรัคปราบไอซิสในอิรัคด้วยเลยครับ รอไม่ไหวแล้ว ปราบพร้อมกันกับในซีเรียนี่แหละ ฮู่ๆๆ… เสร็จแน่ลูกกระเป๋งอเมริกา คริๆ
รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาบอกว่า นาย Haider al-Abadi นายกรัฐมนตรีของอิรัคกล่าว่าเขาเปิดกว้างให้รัสเซียไปโจมตีทางอากาศใส่ตำแหน่งฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในประเทศของเขาได้ ซึ่งเป็นการสนับสนุน (ปฏิบัติการ) โจมตีกลุ่มก่อการร้ายที่ดำเนินการโดยพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯซึ่งไม่เพียงพอ (ไม่ได้หมายความว่าให้รัสเซียไปเป็นลูกน้องของสหรัฐฯนะ ประมาณว่าให้รัสเซียไปช่วยถล่มไอซิสอีกแรงหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างลุยหนะ จริงๆแล้วอิรัคต้องการจะขับสหรัฐฯและแก๊งเกเรออกจากแผ่นดินของสหรัฐฯนั่นแหละ)
สำนักข่าว France 24 โพสต์ในทวิตเตอร์ (โปรอเมริกาคงจะไม่บอกนะว่า France 24 เป็นสื่อฯของรัสเซีย หรือกล่าวหาเพจนี้ว่าไม่อ้างแหล่งข่าวอื่นเลย นี่สื่อฯรัสเซียเขาอ้างมาให้แล้ว จะไปอ้างอีกทำไม? ถ้าไม่มั่นใจว่าสื่อฯรัสเซียพูดจริงหรือไม่ก็ไปค้นดูจากสื่อฯฝรั่งเศสเอาเองนะครัช) โดยอ้างคำพูดของ นายกฯ al-Abadi ว่า "ปูตินบอกกับผมว่ารัสเซียต่อสู้กับไอซิสในซีเรีย และผมก็เชื่อมั่นในตัวเขา ผมเปิดให้รัสเซียเข้ามาโจมตีทางอากาศใส่พวก Daech (ไอซิส) ในอิรัคได้เลย" (โอบาม่าได้ยินคำนี้แล้วต้องทุบโต๊ะฉาดใหญ่ทันทีแน่ๆ อิรัคหันไปจ๊ะจ๋าสวีทกับรัสเซียได้อย่างไร สหรัฐฯอุตส่าห์โค่นซัดดัมและถล่มประเทศอิรัคจนย่อยยับ จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิก ผู้นำอิรัคยังกล้าหันไปคบกับรัสเซียอยู่อีกรึ? ไม่เกรงกลัวจักรวรรดิเจ้าโลก (hegemony) บ้างเลยหรือนี่?)
ตรงนี้สิเจ็บจี๊ดดดเลย.... นายกฯของอิรัคกล่าวว่า "อิรัคไม่ได้รับการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐฯขนาดใหญ่เพื่อต่อต้านกลุ่ม (ก่อการร้าย) พวกเราต้องการความร่วมมือในวงกว้างซึ่งรวมทั้งรัสเซียและอิหร่านด้วย" (ชัดมะโอบาม่า? ภาษาทางการทูตและการเมืองพูดแค่นี้ก็น่าจะเข้าใจได้แล้วนะว่าอิรัคไม่ต้อนรับกองทัพอเมริกาอีกต่อไปแล้ว) พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้เข้าไปทิ้งระเบิดอ้างว่าเพื่อโจมตีผู้ก่อการร้ายไอซิสในอิรัคและซีเรียตั้งแต่ปี 2014 (แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถปราบได้หมด ยิ่งปราบก็ยิ่งงอกขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ แปลกจัง?)
5.) วันที่ 2 ต.ค.58 รายงานข่าวจาก Sputnik แจ้งว่า "กลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้ย้ายครอบครัวเข้าไปอยู่ในอิรัคในช่วงที่มีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย" สถานีโทรทัศน์ al-Mayadeen ในเลบานอนรายงานเมื่อวันศุกร์นี้ว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสได้พาครอบครัวของพวกเขาย้ายเข้าไปยังสถานที่ปลอดภัยในอิรัคหลังจากรัสเซียมีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย (ข่าวกรองมีแค่นี้ จากแผนการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายตามปฏิบัติการ Center-2015 ของรัสเซียจะต้องมีทหารพลร่มอีกชุดหนึ่งไปตัดทางหนีของกลุ่มก่อการร้ายเอาไว้ แต่งานนี้รัสเซียเปลี่ยนแผนคือไม่ส่วนทหารพลร่มและทหารภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรียและอิรัค มีแต่ปฏิบัติการทางอากาศเท่านั้น แต่ที่กรุงแบกแดดก็มีศูนย์ข่าวกรองพันธมิตรนานาชาติระหว่างรัสเซีย อิรัค อิหร่าน และซีเรียประจำการอยู่ มีเครื่องบินรบและโดรนและอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆอีกเพียบ ก็ประมาณว่าปล่อยพวกไอซิสเข้าไปในอิรัคก่อน จัดการในซีเรียให้เรียบร้อยหรือสักพักค่อยไปลุยในอิรัคพร้อมกันไปเลยก็ได้ ตอนนี้ก็แค่จับตาความเตลื่อนไหวของศัตรูไปพลางๆก่อน)
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
03/10/2558

ภาพจาก © Sputnik/ Vitaly Ankov

----------
Russia Air Force Destroys ISIL Command Center, Underground Depot Near Raqqa
Russian Bombers Use Satellite-Guided Missiles for High Precision (VIDEO)
Russian Aviation Hits Over 50 ISIL Facilities in Syria With 60 Flights
Russian Bombers Use Satellite-Guided Missiles for High Precision (VIDEO)
US Senators Urge Carter, Kerry to End Train-and Equip-Program in Syria
Iraqi Prime Minister Says Open to Russian Airstrikes Against Islamic State
ISIL Militants Moving Families to Iraq Amid Russian Airstrikes in Syria
Russian anti-terror op in Syria — RT News
EU Parliament Members Afraid to Voice Support for Dialogue With Russia
Russian Aircraft in Syria “Attacks” US Ego – German Newspaper
French MEP Invites Putin to Address European Parliament
Russia Seeks to Strengthen Lebanese Army to Fight ISIL
Erdogan Intends to Discuss Russian Military Operation in Syria With Putin
America Will Never Be Great With Communist Obama – US Media
Finally the Penny Drops: Merkel Admits Crimea is Part of Russia
Breaking New Ground: China's Navy Tours Scandinavian Countries
Trident Juncture 2015 NATO Military Exercises Kick Off Saturday
Syrian Militants Surrender in Droves to Daraa Governorate