ติดตามสถานะการณ์

ญี่ปุ่นจ่อส่ง “กองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น SDF” ร่วมลาดตระเวนพร้อมกองกำลังรบสหรัฐฯในทะเลจีนใต้ หวังหยั่งเชิงจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 มิถุนายน 2558 18:42 น.



เอเอฟพี – พลเรือเอก คัตซูโตชิ คาวาโน (Katsutoshi Kawano) เสนาธิการทหารกองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น SDF แถลงในวันนี้(25)ว่า มีความเป็นไปได้ที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น SDF อาจเข้าร่วมการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้กับกองเรือสหรัฐฯ หวังต้องการเพิ่มศักยภาพทางความมั่นคงในการปกป้องประเทศ

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อธุรกิจวอลสตรีทเจอร์นัลด์ที่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(25) คัตซูโตชิ คาวาโน (Katsutoshi Kawano) เสนาธิการทหารกองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น SDF

“ในขณะนี้ทางญี่ปุ่นยังไม่มีแผนการลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ แต่ทว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะผมคิดว่ามีโอกาสที่ทางเราจะพิจารณาเงื่อนไขนี้” พลเรือเอกคาวาโนกล่าว

อย่างไรก็ตาม เสนาธิการทหารญี่ปุ่นผู้นี้ไม่เปิดปากอธิบายถึงการกระทำที่ยั่วยุของปักกิ่งอย่างไรบ้างที่จะทำให้โตเกียวตัดสินใจต้องส่งกองกำลังเข้าร่วมลาดตระเวน และสิ่งใดบ้างที่กองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น SDF กระทำนอกเหนือเขตน่านน้ำและอาจทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเป็นกังวล

ซึ่งญี่ปุ่นมีพื้นที่ทับซ้อนกับจีนในทะเลจีนตะวันออก และที่ผ่านมาทั้งสองประเทศต่างมีประจันหน้ามาแล้วหลายครั้งในบริเวณหมู่เกาะเซ็งกะกุ หรือหมู่เกาะเตียวหยูในภาษาจีน

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ ฮาเบะ ได้เป็นผู้ผลักดันให้มีการปฎิรูปกองกำลังป้องกันตัวเอง SDF ครั้งใหญ่เพื่อรับมือความก้าวร้าวจีน แต่ทว่าเขาไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนจากสังคมแดนปลาดิบได้มากพอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สหรัฐฯเป็นผู้ร่างหลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลทำให้อาเบะตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธมาเป็นการตีความรัฐธรรมนูญแทน

เอเอฟพีรายงาน อาเบะต้องการให้กองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น SDF สามารถกระทำได้มากกว่าขอบเขตข้อจำกัดที่เคร่งครัดที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

โดยในสัปดาห์นี้ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้บินร่วมกันในการลาดตระเวนเหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเขตพิพาทที่มีจีนประกาศถือสิทธิ์ครอบครองเกือบทั้งหมด และได้สร้างเกาะเทียมที่มีเนื้อที่ราว 2,000 เอเคอร์ครอบครอง ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่น เช่น ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และมาเลเซียต่างประกาศสิทธิความเป็นเจ้าของในส่วนทับซ้อนด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้พลเรือเอกคาวาโนยังได้แสดงความหวังว่า จะเห็นความร่วมมือทางการทหารเพิ่มมากขึ้นระหว่างกองทัพญี่ปุ่นและกองทัพเกาหลีใต้ “ หลังจากที่มีการปรับระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างทั้ง 2 ชาติให้เป็นระดับปกติแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าช่วงเวลาที่ความร่วมมือทางการทหารจะมาถึง”

และนอกจากนี้คาวาโนยังกล่าวว่า ในด้านการซ้อมรบร่วมกับชาติอื่น เขาหวังว่าทางญี่ปุ่นจะมีโอกาสร่วมซ้อมรบมากขึ้นกับออสเตรเลียและอินเดีย

 

'เจ้าหนี้'สุดทนยื่น'แผน'ซึ่ง'กรีซ'ไม่รับให้'ขุนคลังยูโร'ชี้ขาดอนาคตเอเธนส์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2558 22:12 น.


@ตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตของเยอรมนีดิ่งลงต่อเนื่อง หลังการเจรจาหนี้กรีซส่อแววถึงทางตัน

เอเจนซีส์ - เหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศของกรีซ นำข้อเสนอสุดท้ายว่าด้วยการปฏิรูปแลกเงินกู้งวดสุดท้าย ซึ่งพวกเขาจัดทำขึ้นเอง ยื่นให้ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของยูโรโซนพิจารณาในวันพฤหัสบดี (25 มิ.ย.) อันเท่ากับเป็นการประกาศศึกกับเอเธนส์ ภายหลังการเจรจาต่อรองอย่างยืดเยื้อของทั้งสองฝ่ายยังคงล้มเหลว ไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันจัดทำแผนการซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

พวกรัฐมนตรีของกรีซซึ่งยังคงแสดงท่าทีท้าทายไม่ยินยอม ต่างบอกว่าพวกเขาจะยังคงยึดมั่นในข้อเสนอของพวกเขาเอง ซึ่งระบุยอมรับมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจแบบที่อิงอยู่กับการเพิ่มภาษีและการช่วยเหลือกันทางสังคมเป็นสำคัญ ถึงแม้ถูกฝ่ายเจ้าหนี้วิจารณ์หนักว่า มาตรการเหล่านี้ยังไม่สามารถหารายรับได้เพียงพอที่จะอุดส่วนที่ขาดของงบประมาณได้

“การตัดสินใจเวลานี้อยู่ในกำมือของทางการกรีซเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ทว่าพวกเขากลับกำลังเดินถอยหลังด้วยซ้ำ” รัฐมนตรีคลังโวล์ฟกัง ชอยเบิล ของเยอรมนี กล่าวในวันพฤหัสบดี ขณะมาถึงที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือที่เรียกกันว่า “ยูโรกรุ๊ป” ในกรุงบรัสเซลส์ ทั้งนี้ยูโรกรุ๊ปต้องจัดการหารือฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

หากถึงสุดสัปดาห์นี้ ก็ยังไม่มีข้อตกลงซึ่งจะปลดล็อกเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโรที่ถูกแช่แข็งไว้ กรีซซึ่งนับตั้งแต่ปี 2010 ได้รับแพกเกจเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลาย 2 แพกเกจคิดเป็นมูลค่ารวม 240,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ก็คงจะต้องผิดนัดชำระหนี้ ไม่มีเงินผ่อนจ่ายคืนเงินกู้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อถึงกำหนดชำระในวันอังคารหน้า (30 มิ.ย.)

นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ(ซ้าย) พูดคุยกับนายฌอง โคล้ด จุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ขณะที่สองฝ่ายยังหารือแก้วิกฤตกนี้ไม่ตก

สถานการณ์ดังกล่าวคาดกันว่าจะจุดชนวนให้ผู้คนพากันแห่ถอนเงินจากพวกแบงก์ของกรีซ และเอเธนส์ต้องประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน รวมทั้งน่าจะต้องออกไปจากการร่วมใช้สกุลเงินยูโรซึ่งปัจจุบันมีชาติอียูที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 19 ชาติ และสร้างความเสียหายให้แก่ทั้งยูโรโซนตลอดจนอียู

หลังจากที่เจรจาต่อรองกันอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนมา 5 เดือน พวกผู้นำของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศของกรีซ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู, ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), และ ไอเอ็มเอฟ ก็ตัดสินใจยื่นคำขาดต่อ อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีรัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซ ให้เสนอแผนการปฏิรูปที่น่าเชื่อถือออกมาภายในช่วงสายของวันพฤหัสบดี (25) โดยระบุว่าถ้าเอเธนส์ไม่เสนออะไร พวกเขาก็จะส่งข้อเสนอของพวกเขาเองไปให้ยูโรกรุ๊ป

ปรากฏว่ากรีซปล่อยให้เส้นตายผ่านพ้นไป และบอกว่ายังคงยืนกรานตามข้อเสนอซึ่งพวกเขายื่นออกมาในวันจันทร์(22) โดยที่มีการปรับปรุงแก้ไขบ้างบางจุด การแก้ไขที่ว่ามีดังเช่น การฟื้นข้อยกเว้นไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในพื้นที่เกาะต่างๆ ของกรีซ อันเป็นข้อเรียกร้องจากพวกพรรคร่วมรัฐบาลผสมของซีปราส

รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ เยอรูน เดส์เซลบลูม ซึ่งเป็นประธานยูโรกรุ๊ปคนปัจจุบัน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อเสนอการปฏิรูปฉบับเดียวที่เสนอให้ทางยูโรกรุ๊ปพิจารณาคือ ข้อเสนอที่จัดทำโดยฝ่ายเจ้าหนี้ ซึ่งทางฝ่ายกรีซไม่ได้เห็นชอบด้วย และดังนั้นจึงต้องฟังกันในที่ประชุมยูโรกรุ๊ป ว่ากรีซจะเสนออะไรออกมา

การประชุมฉุกเฉินของยูโรกรุ๊ปคราวนี้ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนการประชุมซัมมิตวาระปกติของผู้นำ 28 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ณ กรุงบรัสเซลส์ โดยที่กำหนดวาระเอาไว้ว่าจะหารือเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ, อนาคตระยะยาวของยุโรโซน, และการเปิดเจรจากันใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขการเป็นสมาชิกของอังกฤษ ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้กำลังถูกวิกฤตหนี้สินกรีซบดบังสนิท

ตัวซีปราสได้ออกจากสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมาธิการยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและยกนิ้วโป้งอันเป็นสัญลักษณ์แสดงความเห็นด้วย ภายหลังการเจรจากับพวกเจ้าหนี้เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร ขณะที่พวกนักการทูตกล่าวว่า ยุทธวิธีซึ่งเจ้าหนี้งัดออกมาใช้นี้ สะท้อนความไม่พอใจจากการที่ซีปราสไม่ยอมประนีประนอมในการปฏิรูประบบบำนาญ ตลาดแรงงาน ค่าแรง และภาษี ซึ่งต่างเป็นประเด็นที่ทางพรรคไซริซา ของเขาถือว่า เป็นส่วนที่ไม่อาจยินยอมได้

เจ้าหน้าที่กรีซที่ใกล้ชิดในการเจรจายืนยันว่า เอเธนส์ประนีประนอมแล้วด้วยการเสนอขึ้นภาษีและเพิ่มสัดส่วนการสมทบบำนาญ แต่ทางเจ้าหนี้ต่างหากที่ตั้งแง่ด้วยการเปลี่ยนการประเมินผลลัพธ์จากมาตรการที่เอเธนส์เสนอ ทำให้ไม่สามารถได้ข้อสรุปที่ยอมรับได้ทุกฝ่าย

ทั้งนี้ หากไม่สามารถตกลงมาตรการปฏิรูปแลกเงินกู้ได้ภายใน 48 ชั่วโมง มีแนวโน้มสูงว่า กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟจำนวน 1,600 ล้านยูโรในวันอังคาร (30) อันจะนำไปสู่การแห่ถอนเงินของประชาชนจนรัฐบาลต้องประกาศมาตรการควบคุมเงินทุน และออกจากยูโรโซนในที่สุด

นิคอส ฟิลิส ประธานรัฐสภากรีซและสมาชิกพรรคไซรีซา โจมตีว่า ข้อเรียกร้องของเจ้าหนี้เป็นการแบล็กเมลเอเธนส์

ขณะที่ทางยูโรโซนวิจารณ์ว่า ความน่าเชื่อถือของกรีซตกต่ำ “สุดขีด”

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในอีซีบีเผยว่า เจนส์ ไวด์แมนน์ ประธานบุนเดสแบงก์หรือธนาคารกลางเยอรมนี แสดงความกังวลเกี่ยวกับการอัดฉีดสภาพคล่องฉุกเฉินเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ของกรีซอยู่รอดปลอดภัยจากการแห่ถอนเงินของประชาชน

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าววงการธนาคารในเอเธนส์เผยว่า คณะมนตรีบริหารของอีซีบีที่ระยะนี้จัดการประชุมทางไกลเป็นประจำทุกวันเพื่อติดตามสถานการณ์ในกรีซอย่างใกล้ชิด อนุมัติเงินอัดฉีดตามคำขอของธนาคารกลางกรีซเมื่อวันพฤหัสบดีซึ่งถือเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 8 วันที่ผ่านมา

นอกจากตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้แล้ว สถานการณ์ของซีปราสยังเรียกได้ว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากสมาชิกรัฐสภากรีซขู่คว่ำข้อตกลง หากรัฐบาลยอมอ่อนข้อให้เจ้าหนี้มากเกินไป ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในกรณีที่ตกลงกันได้ ข้อตกลงระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ยังต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาหลายประเทศในยุโรป ในจำนวนนี้รวมถึงบุนเดสแท็กของเยอรมนีที่เตรียมนัดหมายอภิปรายเรื่องนี้ในวันอังคารหน้าแล้ว

วันพฤหัสฯ ตลาดหุ้นเอเชียร่วงตามกัน เนื่องจากนักลงทุนที่เคยตื่นเต้นยินดีหลังมีสัญญาณว่า เอเธนส์อาจตกลงกับเจ้าหนี้ได้เมื่อวันพุธ ต่างเปลี่ยนมาเป็นหยุดรอฟังผลการประชุมผู้นำอียู


'

 

เผยปฏิบัติการฝนหลวงช่วยฝนตก 70 จังหวัด “ประยุทธ์” สั่งจดปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2558 19:47 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มิถุนายน 2558 20:58 น.)



@พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงปฏิบัติการฝนหลวง 111 วัน ช่วยฝนตก 70 จังหวัด เติมน้ำ 31 แหล่ง เกิดฝนร้อยละ 92.0 ของปฏิบัติการ นายกฯ สั่งการทุกพื้นที่เก็บข้อมูลน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง พร้อมมอบหมายกระทรวงเกษตรฯ สำรวจพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนปลูกพืชใช้น้ำน้อย

วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ถึงวันที่ 23 มิ.ย. 2558 รวมปฏิบัติการ 111 วัน มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 2,933 เที่ยวบิน จำนวนชั่วโมงบิน 4,065.5 ชั่วโมงบิน มีวันที่ฝนตกจากการปฏิบัติการคิดเป็นร้อยละ 92.0 ของวันที่ขึ้นปฏิบัติการ ทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ 70 จังหวัดทั่วประเทศ และใช้สารฝนหลวงไปทั้งสิ้น 2,553.10 ตัน

“ฝนเทียมที่เกิดขึ้นช่วยในการเติมน้ำ ให้แก่ เขื่อน และอ่างเก็บน้ำทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 31 เขื่อน/อ่างเก็บน้ำ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 10.0 - 35.0 มิลลิเมตร” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติการฝนเทียมในบางพื้นที่อาจจะยังไม่ส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากนัก เนื่องจากดินรอบบริเวณยังไม่อิ่มตัว จึงมีการดูดซับและอุ้มน้ำไว้ อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่มีน้ำไหลเข้าอ่างมากขึ้น คือ เขื่อนสิริกิติ์ เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน

“ท่านนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกพื้นที่ เก็บข้อมูลน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง และทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้สอดประสานกับปริมาณการปล่อยน้ำ และบริหารจัดการดูแลพื้นที่การเกษตรที่ลงมือเพาะปลูกไปแล้วให้ดีที่สุด สำหรับพื้นที่การเพาะปลูกในเขตลุ่มเจ้าพระยาที่ยังไม่ลงมือปลูกพืช กระทรวงเกษตรฯได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความต้องการของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก ไปสู่พืชอื่นที่ใช้น้ำน้อย และมีตลาดรองรับ อาทิ ถั่วเขียว ข้าวโพด ซึ่งการสำรวจเชื่อว่าจะเรียบร้อยภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

 

รบ.แจง ศภช.เตือน 4 จังหวัดเสี่ยงอุทกภัย สั่งเฝ้าระวัง 24 ชม. ขอ ปชช.คอยฟังประกาศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2558 16:38 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มิถุนายน 2558 17:49 น.)



@พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(แฟ้มภาพ)

“สรรเสริญ” เผย ศภช.แจ้งเตือนประชาชนใน 4 จังหวัด “กาญจนบุรี-ราชบุรี-จันทบุรี-ตราด” ส่อเจออุทกภัย แจงนายกฯ กำชับ ปภ.แจ้งประชาชนพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง ขอประชาชนเข้มแข็งคอยฟังประกาศเตือน

วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของศูนย์ภัยพิบัติเตือนภัยแห่งชาติ (ศภช.) ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, ราชบุรี, จันทบุรี และตราด ระหว่างวันที่ 25-26 มิถุนายนี้ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบ่อไร่ เขาสมิง จังหวัดตราด และอำเภอทองผาภูมิ ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวได้รับทราบเพื่อเตรียมการป้องกันภัย และสามารถสอบถามรายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ที่สายด่วน 192 หรือทางเว็บไซต์ www.ndwc.go.th

“ท่านนายกฯ ได้กำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับท้องที่ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างทั่วถึง รวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งนี้สาเหตุที่อาจจะเกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากในช่วงนี้จะมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนักได้ในบางพื้นที่บริเวณที่ลาดเชิงเขา จนอาจเกิดน้ำป่าหลากลงพื้นลุ่ม เกิดน้ำท่วมฉับพลันในระยะสั้น โดยปริมาณฝนที่วัดได้ล่าสุด (25 มิ.ย. 58) จังหวัดตราดปริมาณฝน 174 มิลลิเมตร กาญจนบุรี 74 มิลลิเมตร”

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่ที่ต้องเผชิญภาวะภัยธรรมชาติที่มีความซับซ้อนทั้ง น้ำแล้ง น้ำหลาก ขอให้พี่น้องประชาชนมีกำลังใจเข้มแข็งและตรวจสอบประกาศเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์อย่างพร้อมเพรียงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลประชาชนให้ทั่วถึง

ú.ᨧ

 

กฟผ.แม่เมาะยันทำตามคำสั่งศาลไม่มีเบี่ยงเบน อ้าง สผ.-กพร.ตีตราผ่านแล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 08:22 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 09:11 น.)


@นายถาวร งามกนกวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ลำปาง - กฟผ. เหมืองแม่เมาะ ยันปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเคร่งครัด ไม่มีเบี่ยงเบน อ้าง สผ.-กพร.ประทับตราผ่านแล้ว ย้ำไม่จำเป็นต้องรื้อสนามกอล์ฟ บอกอยู่คนละส่วนกับขุมเหมือง มีถนนกั้นชัดเจน

นายถาวร งามกนกวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในที่ประชุมเสวนายามเช้า (Morning Brief) ของจังหวัดลำปาง ที่มีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน ที่ห้องประชุมเวียงละกอน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งแก้ไขปัญหาเหมืองแม่เมาะที่มีประชาชนผู้ได้รับผลกระทบยื่นฟ้องร้อง

นายถาวรยืนยันว่า กฟผ.ได้ดำเนินการตามมาตรการคำพิพากษาศาลอย่างเคร่งครัด โดยผู้ฟ้องได้ยื่นฟ้อง 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การเพิกถอนประทานบัตร เนื่องจาก กฟผ.ไม่ได้ปฏิบัติตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดลอม หรือ EIA (Environmental Impact Assessment) 2. เรื่องการจ่ายค่าชดเชยสุขภาพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ กฟผ.ไม่ได้ดูแล หรือฝ่าฝืนตามมาตรการ EIA และ 3. ให้ กฟผ.ปฏิบัติตามมาตรการ EIA เดิมอย่างเคร่งครัด

แต่ กฟผ.ได้ขอเปลี่ยนแปลงมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งผ่านความเห็นชอบของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เห็นชอบและอนุญาตให้ กฟผ.เปลี่ยนแปลง เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ทั้งได้แจ้งให้ผู้อำนวยการศาลปกครองเชียงใหม่ทราบว่า กฟผ.ได้ปฏิบัติการตามมาตรการใหม่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดแล้ว

ส่วนเรื่องการจ่ายค่าชดเชยปัญหาสุขภาพ ศาลปกครองเคยตัดสินคดีนี้แล้วว่าผู้ร้องได้รับผลกระทบจากการเผาเศษวัชพืชทางการเกษตรในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นปัญหาทั่วภาคเหนือ ในพื้นที่อำเภอแม่เมาะก็ไม่ได้แตกต่างไปจากจังหวัดอื่น ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยยืนยันชัดเจน ในส่วนนี้ศาลไม่ได้สั่งให้จ่ายค่าชดเชย

ประเด็นที่ 3 ฟ้อง กฟผ.ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ EIA แต่ กฟผ.ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงมาตรการใหม่จาก กพร. และได้ยื่นต่อศาลปกครองเชียงใหม่แล้วจึงดำเนินการตามมาตรการใหม่ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการฟุ้งกระจายของฝุ่น มีการปลูกต้นไม้สูงกว่าม่านน้ำ ผลตรวจวัดก็ไม่มีอะไรแตกต่าง

ส่วนการฟื้นฟูขุมเหมืองให้ใกล้เคียงกับธรรมชาตินั้น ความเป็นจริงสนามกอล์ฟกับพื้นที่ขุมเหมืองไม่ได้ทับซ้อนกัน มีถนนกั้นชัดเจน สนามกอล์ฟจึงไม่ใช่พื้นที่ในข้อพิพาท และไม่จำเป็นต้องรื้อสนามกอล์ฟตามที่มีข่าวออกไป

ด้านการบำบัดน้ำใน Wetland มีการบำบัดคุณภาพน้ำ โดยมีต้นกกธูปฤาษีขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ และปฏิบัติตามมาตรการใหม่ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งศาลก็เห็นด้วยตามที่ กพร.อนุญาต รวมถึงการเปิดชั้นดินที่มีระบบสเปรย์น้ำที่ดีกว่าเดิมด้วย

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนานและมีประเด็นรายละเอียดมากยากที่จะเข้าใจ จึงฝากให้ กฟผ.แม่เมาะจัดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนในระดับพื้นที่ เพื่อเผยแพร่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป

อนึ่ง เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายพรชัย จันทรมะโน ผู้อำนวยการกลุ่มงานให้คำปรึกษาและแนะนำ ศาลปกครองเชียงใหม่ พร้อมตัวแทนจากส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสภาทนายความแห่งประเทศไทย และผู้ยื่นฟ้อง ได้เข้าตรวจสอบสถานที่บริเวณพื้นที่เหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อทำบันทึกรายละเอียดการตรวจสถานที่พิพาทตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งทนายฝ่ายโจทก์ได้สงวนสิทธิ์ เนื่องจากเห็นว่า กฟผ.เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

โดยในมาตรการที่ 1 ศาลปกครองให้ กฟผ.ทำการติดตั้งม่านน้ำเพื่อเป็นการลดฝุ่นละอองในบรรยากาศ ความยาว 800 เมตร ระหว่างที่ทิ้งดินด้านทิศตะวันออกกับบ้านหัวฝาย และระหว่างที่ทิ้งดินด้านทิศตะวันตกกับหมู่บ้านทางทิศใต้ กฟผ.ได้มีการเสนอมาตรการใหม่จากการใช้ม่านน้ำเป็นการปลูกต้นไม้ (ต้นสน) แทน

โดยอ้างว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างม่านน้ำเดิมกับต้นสนที่ปลูกและเจริญเติบโตแล้วนั้น พบว่าการดักฝุ่นโดยการใช้ต้นไม้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าการใช้ม่านน้ำ ดังนั้นจึงขอใช้การปลูกต้นไม้แทน เพราะเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีกว่าที่ศาลมีคำพิพากษา และได้รับการอนุญาตจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่แล้ว

มาตรการที่ 2 ให้จัดตั้งคณะทำงานระดับท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในรัศมี 5 กิโลเมตร โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคม ชีวิต ทรัพย์สิน

กฟผ.ระบุว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานแล้ว โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางเป็นประธาน แต่ไม่มีผู้ฟ้องคดีที่ได้รับผลกระทบเข้าไปเป็นคณะทำงานแม้แต่คนเดียว พร้อมกันนี้ กฟผ.ยังได้เพิ่มเงื่อนไขว่า นอกจากผลกระทบในรัศมี 5 กิโลเมตรแล้ว ยังต้องทิ้งดินตั้งแต่ 148 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีขึ้นไปด้วย

มาตรการที่ 3 ให้ฟื้นฟูขุมเหมืองให้กลับคืนสภาพเดิม คือ ปลูกป่าทดแทนในส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟและสวนพฤกษชาติ

กฟผ.ยังคงยืนยันไม่มีการปลูกป่าทดแทนในส่วนนี้ โดยอ้างว่าเป็นเพียงที่ทิ้งดิน และไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นขุมเหมือง และไม่ได้เป็นแปลงประทานบัตรเดียวกันกับที่พิพาท แต่ทาง กฟผ.ก็ได้ปลูกต้นไม้โตเร็วแล้ว

มาตรการที่ 4 ให้นำพืชที่ปลูกใน wetland ไปกำจัดและปลูกเสริมทุก 18 เดือน และต้องทำการขุดลอกเพื่อเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำ

กฟผ.ได้เสนอมาตรการใหม่ ขอใช้ระบบบำบัดน้ำโดยใช้ Anaerobic bacteria หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการลดซัลเฟตก่อนปล่อยสู่ wetland เนื่องจากหากใช้วิธีตามที่ศาลสั่งระหว่างการขุดลอกเอาพืชเก่าทิ้งจะต้องหยุดการทำงาน 24 เดือนเพราะต้องรอพืชน้ำเจริญเติบโต ส่วนวิธีการใหม่ขณะนี้ได้เริ่มลงมือทำแล้ว แต่อยู่ระหว่างการวิจัย

และมาตรการที่ 5 ให้ดำเนินการป้องกันฝุ่นที่เกิดจากการขุดเปิดหน้าดิน และให้ทำ Buffer Zone ระยะจุดปล่อยดินกับชุมชนไม่น้อยกว่า 50 เมตร และให้ทำ Bunker และให้จุดปล่อยดินอยู่ต่ำกว่า Bunker และให้มีการสเปร์ยน้ำบนสายพานส่งดินตลอดแนว

กฟผ.ได้เสนอมาตรการใหม่ว่า ได้มีการวางแผนจุดปล่อยดินแล้ว และเนื่องจากพื้นที่มีกระแสลมที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ทั้งกระแสลมท้องถิ่นและกระแสทั่วไป ทำให้ยากต่อการกำหนดทิศทางลม จึงทำให้ยากในการกำหนดจุดปล่อยดินที่จะให้ห่างจากชุมชน แต่จะให้ห่างมากที่สุด หากไม่สามารถทำได้จะให้ทำการฉีดพ่นหน้าดินก่อนทำการขุดขนในฤดูแล้ง และจะสเปร์ยน้ำบนสายพานเป็นระยะให้เพียงพอใกล้จุดปล่อยดิน

 

“ปากน้ำโพ” ยังแล้งวิกฤต-ต้นเจ้าพระยาแห้ง ชาวนาขนอีต๊อกเร่งสูบน้ำปิงฟื้นต้นข้าว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 08:24 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 09:04 น.)



นครสวรรค์ - ชลประทานย้ำปากน้ำโพแล้งน้ำเข้าขั้นวิกฤต ต้นเจ้าพระยาทั้ง “ปิง-วัง-ยม-น่าน” น้ำน้อย ขณะที่เกษตรบรรพตพิสัยลงขันซื้อน้ำมันเติมรถอีต๊อกกว่า 60 เครื่องสูบน้ำปิงเข้าคลอง หวังเยียวยานาข้าวเกือบหมื่นไร่



นายวิสาร วสุนธาราพร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครสวรรค์ที่ 3 เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่นครสวรรค์ปีนี้ว่า ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 3 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ต้องเก็บไว้ใช้สำหรับน้ำอุปโภค บริโภค รวมทั้งรักษาความสมดุลภายในเขื่อน จึงทำให้เขื่อนมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นต้นทางน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้อยเข้าขั้นวิกฤตอยู่



ดังนั้น ทางโครงการจึงขอความร่วมมือเพื่อให้เกษตรกรแต่ละพื้นที่ลุ่มแม่น้ำต่างๆ และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกขัาวที่ยังไม่ได้ทำการเกษตร ให้หยุดหรือชะลอทำการเกษตรไว้ก่อน หากฝืนทำการเกษตรอาจทำให้เกิดผลเสียต่อผลผลิตได้ แต่ก็ได้เตรียมการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบและสอบถามเกษตรกรผู้ได้รับความเดือดร้อนเพื่อที่จะทำการช่วยเหลือต่อไป



ขณะที่กลุ่มชาวนาพื้นที่ ต.หูกวาง อ.บรรพตพิสัย ได้ร่วมกันลงขันซื้อน้ำมันวันละกว่า 1,000 ลิตร เติมรถไถเดินตามหรือรถอีต๊อกกว่า 60 เครื่อง มาช่วยกันปั่นสูบน้ำจากแม่น้ำปิงเข้ามายังคลองตั้วเกาที่ไหลผ่านพื้นที่ หวังเยียวยานาข้าวเกือบหมื่นไร่ที่เสียหายจากภัยแล้งอย่างหนัก

 

สรุปผลสอบ “นายช่าง ส.ป.ก.โคราช” ฮุบป่าเขาใหญ่ผิดจริง สั่งสอบฟันวินัยร้ายแรงกับพวก 3 คน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 มิถุนายน 2558 15:56 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มิถุนายน 2558 16:29 น.)


@รายงานผลการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กรณี นายช่าง ส.ป.ก.โคราช ออกโฉนดฮุบป่า ส่ง เลขาธิการ ส.ป.ก.

นายช่าง ส.ป.ก.โคราช นำ ส.ค. 1 เนื้อที่ 30 ไร่ ไปออกโฉนดที่ดินเป็น 155 ไร่ บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บุกรุกป่าและที่ส.ป.ก. ขายไร่ละกว่า 10 ล้านบาท

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ส.ป.ก.โคราชเตรียมให้ปากคำตำรวจกรณี “นายช่างสำรวจ” ปลอมแปลงขูดลบขีดฆ่าเอกสารราชการเพื่อดำเนินคดี ขณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ ส.ป.ก.สรุประบุ “นายช่างสำรวจ” กับพวกข้าราชการรวม 3 คนผิดจริง ออกโฉนดฮุบป่าเขาใหญ่ 155 ไร่ ชี้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย เกิดผลเสียแก่ราชการร้ายแรงและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้สอบเอาผิดวินัยร้ายแรง ส่วนปลอมแปลงเอกสารส่ง ป.ป.ท.ฟัน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างสำรวจชำนาญงานสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา หรือ ส.ป.ก.นครราชสีมา นำ ส.ค. 1 เลขที่ 19 หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 30 ไร่ ไปออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินเป็นเนื้อที่กว่า 155 ไร่ บริเวณใกล้ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในนามชื่อสามี และออกโฉนดรุกล้ำเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กว่า 130 ไร่ เพื่อจัดสรรขายให้ข้าราชการระดับสูงหลายคนราคาไร่ละกว่า 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส.ป.ก.ส่วนกลางได้สั่งย้ายนางพรทวีไปช่วยราชการและตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ต่อมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามความเห็นเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวที่ได้มาโดยมิชอบ และนางพรทวีได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด วันนี้ (25 มิ.ย.) พ.ต.อ.บัณฑิต เส็งประชา ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเชิญ นายชำนาญ กลิ่นจันทร์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา มาสอบปากคำในกรณีที่ทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา ได้แจ้งว่า นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างสำรวจชำนาญงาน ส.ป.ก.นครราชสีมา ได้ทำการขูดลบขีดฆ่า และแก้ไขเอกสารของทางราชการเกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ แต่นายชำนาญได้ทำหนังสือยืนยันว่าจะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน แต่ขอเลื่อนเป็นวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 09.00 น.แทน

ส่วนคดีบ้าน 3 หลังที่บุกรุกป่า และเขต ส.ป.ก.บริเวณทางขึ้นเขาใหญ่ หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่มีผู้ต้องหาแล้ว 3 ราย คือ น.ส.ภัคมล กิจศิริกุล อายุ 34 ปีพร้อมสามี และผู้ต้องหาอีก 1 ราย ผู้มีบ้านอยู่ติดกับบ้านของ น.ส.ภัคมล นั้น ขณะนี้ได้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องศาลเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้มีคำสั่งที่ 741/2558 สั่ง ณ วันที่ 7 พ.ค. 2558 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีข่าว นางพรทวี สุตันติราษฎร์ นายช่างสำรวจชำนาญงาน ส.ป.ก. นครราชสีมา ออกโฉนดที่ดินในนามสามีขยายเกินกว่าหลักฐาน ส.ค. 1 น่าจะเป็นการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบทางราชการ โดยมี นางพัชรัตน์ มณีวงศ์ ผู้ตรวจราชการกรม เป็นประธานกรรมการฯ นั้น ล่าสุดคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จเรียบร้อย และสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริง จำนวน 16 หน้า ส่งให้เลขาธิการ ส.ป.ก.แล้ว

สรุปสาระสำคัญระบุว่า คณะกรรมการฯ ได้ทำการสอบสวนใน 3 ประเด็น คือ 1. การดำเนินการตรวจพิสูจน์ออกโฉนดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 19 เนื้อที่ 30 ไร่ ที่ดินตั้งอยู่หมู่ 3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว 2. การดำเนินการเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่อย่างไร และ 3. การกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการตรวจพิสูจน์ฯ เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายและเป็นการกระทำผิดวินัยหรือไม่อย่างไร โดยได้มีการตรวจสอบเอกสารที่มาที่ไปรวมถึงสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นางพรทวี สุตันติราษฎร์ (เสนไสย์) นายช่างสำรวจชำนาญงานสังกัด ส.ป.ก.นครราชสีมา (ช่วยราชการสำนักจัดการแผนที่และสารรบบที่ดิน) นายรติบฎีก์ ปรุงโพธิ์ นิติกรชำนาญการ ปัจจุบันปฏิบัติราชการอยู่ที่ ส.ป.ก.บุรีรัมย์ นายทินกร การรักษา ปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี ปัจจุบันรับราชการที่ ส.ป.ก.สระบุรี พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 รายนี้ ฟังได้ว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ และยังเป็นการไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้ ส.ป.ก.สูญเสียที่ดินของรัฐ ไปเป็นที่ดินของเอกชน เกิดผลเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 84 และมาตรา 85 (7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

แล้วยังเป็นความผิดวินัยร้ายแรงฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 85 (1) เห็นควรแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป

ส่วนกรณีการเปลี่ยนแปลงเอกสารหนังสือของ ส.ป.ก.นครราชสีมา ที่ สน 0011.5/... ลงวันที่ 1 ก.ค. 2552 เรื่องการออกเอกสารสิทธิกรมที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินรายศูนย์เดินสำรวจ 9 ราย ตามหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 19 ซึ่งมีการแก้ไขข้อความโดยใช้น้ำยาลบคำผิดนั้น เนื่องจากต้นฉบับเอกสารดังกล่าวได้จัดส่งให้ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ปรากฏตามหนังสือลับ ที่ นม 0011/005 ลงวันที่ 28 พ.ค. 2558 จึงไม่ได้ยกขึ้นมาเป็นประเด็นในเรื่องของการปลอมแปลงเอกสารว่ามีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เฉพาะในราย นางพรทวี นายทินกร และ นายรติบฎีก์

ส่วนกรณีบ้าน 3 หลัง จากการตรวจสอบแผนที่ที่มีการออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค. 1 มาตราส่วน 1:5,000 ปรากฏว่าอยู่ในพื้นที่จำแนกฯ ป่าเขาใหญ่ ซึ่งอยู่ในเขตดำเนินการของ ส.ป.ก. แต่ยังไม่ได้มีการรัววัด และไม่ปรากฏหลักฐานการถือครองว่าเป็นบ้านของนายพรทวี ซึ่งปรากฏตามหลักฐานสำเนาหนังสือรับรองการออกบ้านเลขที่ ออกให้ ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านท่ามะปราง ที่พิเศษ ลงวันที่ 20 พ.ค. 2556 เป็นชื่อของ นางภัคมล กฤศสิริกุล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาท เห็นควรให้ ส.ป.ก.นครราชสีมา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

แล้งกระหน่ำชาวนาศรีสะเกษแห่พึ่งโรงตึ๊ง หวังทำนารอฝน-ใช้จ่ายในครอบครัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2558 18:34 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 09:17 น.)



@แล้งกระหน่ำ ชาวนากันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษแห่นำทรัพย์สินมาจำนำที่สถานธนานุบาลหวังทำนารอฝนและใช้จ่ายในครอบครัวหลังประสบภัยแล้งฝนไม่ตกมานานหลายเดือน วันนี้ ( 25 มิ.ย.)

ศรีสะเกษ - แล้งกระหน่ำ ชาวนากันทรลักษ์ ศรีสะเกษแห่นำทรัพย์สินไปจำนำ หวังทำนารอฝนและใช้จ่ายในครอบครัวหลังประสบภัยแล้งฝนไม่ตกมานานหลายเดือน ขณะโรงรับจำนำเตรียมเงิน 30 ล้านบาทไว้ให้บริการตลอดหน้าแล้งปีนี้

วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานธนานุบาลกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวนาจำนวนมากพากันนำทองคำรูปพรรณ ทรัพย์สินสิ่งของมีค่ามาจำนำ เพื่อนำเงินไปค่าใช้จ่าย ทำนารอฝน รวมทั้งใช้จ่ายในครอบครัวหลังประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนไม่ตกมานานหลายเดือน และมีหลายรายได้นำเครื่องมือช่างไฟฟ้ามาจำนำ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วจะรับจำนำในวงเงินต่ำทำให้ต้องนำกลับไปอย่างผิดหวัง

นางนวลจิตร วงค์สวัสดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.1 บ้านบึงมะลู ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวนาที่นำเครื่องมือช่างไฟฟ้ามาจำนำ กล่าวว่า ตนและสามีมีอาชีพทำนา อีกทั้งสามีมีอาชีพเป็นช่างเชื่อมไฟฟ้าด้วย แต่ช่วงนี้ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักและไม่มีงานทำ ดังนั้นจึงได้นำเอาเครื่องเชื่อมไฟฟ้าที่ซื้อมาราคา 8,000 บาทมาจำนำ โดยต้องการเงินจำนวน 5,000 บาทไปใช้ในการทำนาและใช้จ่ายในครอบครัว แต่โรงรับจำนำรับจำนำเพียง 700 บาทเท่านั้น ตนจึงไม่จำนำ โดยจะนำเอาไปจำนำกับเอกชนที่รับจำนำเผื่อว่าจะได้เงินมากกว่านี้

นางนิตยา สายสมบัติ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267/3 ม.15 ต.สังเม็ก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีอาชีพทำนาเช่นกัน กล่าวว่า นำเอาทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาทที่ซื้อเอาไว้นานแล้วมาจำนำเพื่อต้องการนำเงินไปซื้อปุ๋ย และซื้อยากำจัดวัชพืชเพื่อนำมาฆ่าหญ้าในท้องนาที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่มีฝนตกมานานหลายเดือนและมีหญ้าขึ้นเป็นจำนวนมาก หากฝนไม่ตกลงมาภายในเดือนนี้ต้นข้าวคงจะแห้งตายเสียหายหมด

ทางด้าน นางวรนุช จันทะสิงห์ ผู้ช่วยผู้จัดการสถานธนานุบาลกันทรลักษ์ กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งนี้มีเกษตรกรชาว อ.กันทรลักษ์นำเอาทรัพย์สินมาจำนำเฉลี่ยวันละประมาณ 200 ราย ส่วนมากจะเป็นทรัพย์สินจำพวกทองคำรูปพรรณ รองลงมาคือผ้าไหมและเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนเครื่องมือทางการเกษตร เช่น รถไถนาเดินตาม และเครื่องสูบน้ำไม่ได้รับจำนำเนื่องจากไม่มีสถานที่จัดเก็บ

โดยทางสถานธนานุบาลได้เตรียมเงินไว้ใช้ในการหมุนเวียนรับจำนำทรัพย์สินจากเกษตรกรในหน้าแล้งนี้จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อการให้บริการเกษตรกรและประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ ตลอดช่วงหน้าแล้งปีนี้

 

ชาวนาอ่างทองสุดช้ำยกเครื่องสูบน้ำเข้าโรงจำนำเลี้ยงปากท้องหลังไร้น้ำทำนา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2558 18:47 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 08:15 น.)



อ่างทอง - ชาวนาอ่างทองสุดช้ำโดนพิษภัยแล้งเล่นงานหนัก ต้องยกเครื่องสูบน้ำที่ซื้อมาเมื่อต้นปีราคา 4 หมื่นบาท เข้าโรงจำนำของรัฐ 1.8 หมื่นบาท เพื่อนำเงินไปเลี้ยงปากท้อง หลังไม่มีน้ำทำนา ครวญกู้เงินมาซื้อหวังสร้างรายได้แต่กลับไม่มีน้ำให้ทำนา วอนรัฐบาลช่วย

วันนี้ (25 มิ.ย.) นายประทีป เทศเพ็ญ อายุ 54 ปี ชาวนาบ้านเลขที่ 46/8 ตำบลหลักแก้ว อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า ตนได้เช่าพื้นที่นา จำนวน 17 ไร่ ทำนาสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวมาหลายปี และเมื่อปีที่ผ่านมา ได้ไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 100,000 บาท เพื่อใช้ลงทุนทำนา พร้อมได้ซื้อเครื่องสูบน้ำมา 1 ตัวประมาณ 40,000 บาท เพื่อหวังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในการทำนา

โดยปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ชาวนาหยุดทำนา พร้อมกับให้เงินชดเชยไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 15 ไร่ และให้เริ่มลงมือทำนาพร้อมกันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่กลับต้องชอกช้ำ หลังจากเกิดภาวะแล้งช้ำซาก ทำให้ตน และเพื่อนชาวนาต้องผิดหวังไปตามๆ กันเนื่องจากไม่มีน้ำให้ทำนา และชลประทานก็ได้มาประกาศชะลอจ่ายน้ำอีก เนื่องจากน้ำต้นทุนเหลือน้อย

“เมื่อขาดรายได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในครอบครัวจึงจำต้องนำเครื่องมือหากินคือ เครื่องสูบน้ำที่ซื้อมาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นำไปเข้าโรงจำนำของรัฐบาลในราคา 18,000 บาท เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในช่วงที่ขาดรายได้ และหากน้ำมาเมื่อใดก็จะหาเงินกู้หนี้ยืมสินนำไปไถ่ถอนเครื่องสูบน้ำจากโรงรับจำนำ เพื่อนำเครื่องมือมาใช้ทำนา เพื่อสร้างรายได้ต่อไป และฝากวิงวอนไปยังรัฐบาลให้เร่งช่วยชาวนาที่ได้รับผลผกระจากภาวะแล้ง และขาดรายได้อย่างเร่ง ด่วน ก่อนที่ชาวนากระดูกสันหลังของชาติจะช้ำไปกว่านี้”

ด้าน น.ส.กรกช จบศรี ผู้จัดการสถานธนานุบาลตำบลวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า ในช่วงนี้มีชาวนาในพื้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ได้เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งโรงรับจำนำของรัฐนั้นมีราคาดอกเบี้ยที่ถูก ส่วนใหญ่จะเป็นทองคำ ทีวี ตู้เย็น เครื่องมือช่าง และเครื่องมือการเกษตร และในช่วงนี้จะมีเครื่องสูบน้ำที่ชาวนานำเข้ามาตึ๊งไว้ที่โรงรับจำนำ 6-7 เครื่อง และมีไถ่ถอนไปแล้ว 2 เครื่อง เพื่อนำไปทำนา นอกจากนั้น ยังมีถ้วยชามเครื่องทองเหลืองที่รับตึ๊งช่วยชาวนาไว้จำนวนมากมีราคา 1,000-2,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในการนำเงินไปใช้จ่ายยามขัดสนต่อไป

 

สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 8 ราชบุรี ขุดบ่อบาดาลช่วยภัยแล้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 10:31 น.



อ่างทอง - สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 8 ราชบุรี กรมทรพยากรน้ำบาดาล เร่งขุดบ่อบาดาลช่วยชาวนาสู้ภัยแล้ง

วันนี้(26 มิ.ย.)นายกุศล โชติรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 8 ราชบุรี กรมทรพยากรน้ำบาดาล พร้อมเจ้าหน้าที่นำรถเร่งขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่บ้านวังนาค หมู่ 3 ต0วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง เพื่อสูบน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวหลายร้อยไร่ ที่ขาดน้ำกำลังแห้งเฉาอย่างเร่งด่วน

นางฐิติลักษณ์ แสงงาม นายอำเภอแสวงหา กล่าวว่า ในอ.แสวงหา ทางสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 8 ราชบุรี จะขุดเจาะในพื้นที่ต.วังน้ำเย็น 13 จุด ต.บ้านพราน 15 จุด ต. สีบัวทอง 4 จุด โดยพื้นที่อำเภอแสวงหา ลงมือปลูกข้าวไปแล้วกว่า 20,000 ไร่ คิดเป็น40% ของพื้นที่ โดยทางเจ้าหน้าที่อำเภอได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรรับทราบถึงภาวะแล้ง และชลประทานชะลอการส่งน้ำ เนื่องจากน้ำในเขื่อนเหลือน้อยแล้วโดยจะให้ทำนาพร้อมกันในช่วงเดือนส.ค.นี้

 

ชาวนาอ่างทองหันปลูกแตง สร้างรายได้ช่วงหน้าแล้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 10:22 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 10:42 น.)



อ่างทอง - ชาวนาหันมาปลูกแตง พืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าว สร้างกำไรงาม หลังประสบปัญหาภัยแล้งลุกลาม



วันนี้(26 มิ.ย.)นางสมหมาย บุญขำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 5 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ผันตัวจากการทำนามาปลูกแตง ซึ่งเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย เพื่อสร้างรายได้หลังเกิดภาวะภัยแล้ง ชลประทานชะลอการจ่ายน้ำทำนาเนื่องจากน้ำต้นทุนเหลือน้อย จึงหันไปปลูกแตงเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวช่วงที่ไม่ได้ทำนา ได้ผลผลผลิตและราคาดีเกินคาดไม่แพ้การทำนา

นางสมหมาย เล่าว่า ทำนาทั้งหมด 19 ไร่ แต่ปีแล้งจัดไม่มีน้ำมาหล่อคลอง ประกอบกับฝนทิ้งช่วง จึงลองหันมาปลูกแตงพืชล้มลุกอายุสั้น แต่ใช้น้ำน้อย โดยลงทุนเล็ดพันธุ์ไป 7,000 บาท ใช้เวลาปลูกแค่ 35 วัน ได้ผลผลิตดี เนื่องจากแล้งจัด ผักจึงมีราคาสูง แต่ละวันนี้เก็บผลผลิตขายได้วันละ 260 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 12 บาท ทำให้มีรายได้ถึงวันละ 3,120 บาท นับว่าสร้างกำไรอย่างงามในช่วงหน้าแล้งนี้

 

โองการพระเจ้าห้าพระองค์ (น้ำมนต์มหาปทุม)



……………โองการพระเจ้าห้าพระองค์ท่านอุปเท่ห์ไว้ว่า กลบทอิติปิโสแดทิศ หรือยันต์แปดด้าน มีคุณานุภาพสุดพรรณนา เทียบได้กับ โองการพระเจ้าห้าพระองค์ หรือที่เรียกว่าโองการมหาปทุม มีความโดดเด่นในทางการอัญเชิญพุทธานุภาพมาใช้ในวิทยาอาคมโดยตรง พระเจ้าห้าพระองค์นี้มาจากคติภัทรกัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าทรงมาโปรดเวไนยสัตย์ ๕ พระองค์ เช่นเดียวกับประคำ ๕ ลูก หรือนวภาพระเจ้าห้าพระองค์นั้นเอง หากพิจารณาจะเห็นคำว่าปทุมในบทสวด
……………โองการพระเจ้าห้าพระองค์ มีในตำราพิชัยสงคราม ใช้ในทางกลศึกกุศโลบายว่าป้องกันศาตรา คงกายากะพันชาตรี ไม่มีศาตราวุธระคายผิว ป้องกันสิ่งอัปมงคลสิ่งชั่วร้ายและหมู่ไพรี ป้องกันคุณผีแลคุณคน ป้องกันคุณมนต์แลคาถา ป้องกันอุบาทร์แลจัญไร มีชัยเหนือศัตรูหมู่ไพรีพินาศ

ชุมนุมเทวดา

๏ สัคเค กาเม จ รูเป คิริสิขรตเฏ จันตลิกเขวิมาเน
ทีเปรัฐเฐ จ คาเม ตรุวนคหเน เคหวัตถุมหิเขตเต
ภุมมาจายันตุเทวา ชลถลวิสเม ยักขคันธัพพนาคา
ติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวรวจนัง สาธโว เม สุณันตุ
ธัมมัสสวนกาโล อยัมภทันตา
ธัมมัสสวนกาโล อยัมภทันตา
ธัมมัสวนกาโล อยัมภทันตา ฯ

คาถาบูชาครู

๏ วันทิตวา สุคตังนาถัง
พุทธัญจะ ธัมมัญจะ
สังฆัญจะ สาธุกัง
นโมพุทธายะ ทิพพมันตรานัง
ปวักขามิ ยถาพลัง
ปัญจอักขรา นิชาตา
นโมพุทธายะ วันทะติ ฯ
๏ นมัสสิตวา อิสีสิทธิโลกนาถัง
อนุตตรัง อิสีจะพันธนังสาตรา
อหังวันทามิตัง อิสีสิทธิเวสสะ ฯ
๏ วันทิตวา อาจาริยัง
คุรุปาทัง อาคัจฉาหิ
สัพพกัมมา ประสิทธิเม
สัพพะอันตรายัง วินาสสันติ
สัพพสิทธิ ภวันตุเม ฯ
๏ มะ อะ อุ อะ ธิ กะ มู ลัง
ตรีเทวานังมหาสาตรา
อุอุ อะอะ มะมะ มันตรา
อุอะสะวา มหามันตัง ฯ
๏ โองการพินธุนาถัง อุปปันนัง
(นวกพรหม นามะ / พรหมา สหปตินามะ)
อาทิกัปเป สุอาคโต ปัญจปทุมังทิสวา
นโมพุทธายะ วันทนัง ฯ
๏ สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิย
ตถาคโต สิทธิเตโช ชโยนิจจัง
สิทธิลาโภ นิรันตรัง สัพพกัมมัง
ประสิทธิเม สัพพสิทธิ ภวันตุเม ฯ
๏ ยมหัง สัมมาสัมพุทธัง ฯ
ยมหัง สวากขาตัง ฯ
ยมหัง สุปฏิปันนัง ……………..ฯ
๏ ยมหัง คุรุอาจาริยัง สรณังคโต
อิมินา สักกาเรนะตัง ฯ
คุรุอาจาริยัง อภิปูชยามิ
๏ ยมหังมาตาปิตูนัง สรณังคโต
อิมินา สักกาเรนะตัง ฯ
มาตาปิตูนัง อภิปูชยามิ

โองการพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

๏ นะโมสุคะโต อะตีตาจะ
๏ นะโมสุคะโต ปัจจุปปันนา
๏ นะโมสุคะโต อะนาคะตา
ปัญจะพุทธา มะเหสินัง
อิทธะปะฐะวิง ปัญจะพุทธา
สัพพัญญูตะญาระปะฏิเวธัง
นะวะโลกุตะระ ธัมเมหิ
สัพพเพสิขิพุทธามะเหสินัง
เมตเตยโยพุทธะอะนาคะตา
ปัญจะพุทธา ชาตา ปะถะวียัง
มาตุคัพพา นิกขะมิตะวา
มาตุคัพภัง ปะติฏฐิตัง
จุติสันธิยังวา จะตุโลกะปาลารักขัง
มะหาอัจฉิริยัง สะกะละมะหาปะถะวียาวะ
อากาสะกังคัง ตัณหาโลกาหะลัง
ตะถา สะระณัตถี สะมุททะคัมภีรัง
ปะทุมะอุปะลังกะมุทธะชาตารักขันธะปัตตะ
สังขัง ปะทุมา อุเจโตลังกา
โตปะวะระปะทุมะ ปุปผิตะสะกะละ
มะหาปะถะวียัง ปัตตะลัง
ปะทุมุปปสัสะชาตา อากะสะ
ทะวารังวิตาลังปะทุมะ อุปัลละสันธานัง
สัตตะทิพพะตุริยัง ปะวะรัง
ปะตากาสัง พุทโธ สะกะละ
มะหาปะถะวียัง อาลุกา สิลาอุทะกา
สัพเพสุวัณณะ รัชชะฏะชาตา
สุวัณณะรัชชะฏะปุลาณังจะละติ
ทุพภะลาปาตุระเหสุ สัพเพพิชชะปะถะวียัง
ชะละพิชชะมูละ พิชชะธะรากัมปะรุกเขชาตา
ทิพพะโอยานัง ตะถาอิทธิสังยุตัตโถ
สัพพะพุทธา สัพพัญญูตัญญาณะ
ปะติเวธัง ปะวะรัง อังคะลักขะณัง
พุทธาฉัพพัณณะรัง สิยาโลกัง
อะมัตถัทโธโลกะหิตังสีติโลกะ
สะมัตถิโลกังพิชชังพานะโลกะเสฏฐัง
โลกะหัสธัยยะสะมัตติเทวะ
ปัจฉิง สุพุทธาอะธิฏฐานะสัจจัง
อะหังปูชา อะหังวันทา
อะหังปาสา โทมะนา
สัพพะโสตถีจะ ปัญจะพุทธา
ทะสะลักขะณา อะหัง คะเหตตะวา
ทะเสสิเต สุวัณณะ
ธัมมะชาตาวานิธิวาปาตุระเหสุง
สัพพะพิชชะมะหะโว
โสถะคุชชะลี โน ขันธิตตะวา
อะหัง อุทังปาตุระเหสุง
สุวัณณะธัมมะชาตาวาพิชชะปาตุระเหตุ
ทะสาปะทะลักขะณะพุทธานัง
นิสเสยยะยาคงคง พาลุกา
มิตถิปัญญะปัญญะปุปผาลิลาเหโภขะละณี
วะยันเต สุวัณณะ รัชชะฏาสะหะ
สัพพะพิชชาขิปปะเมวะ สะมิชฌันตุ ฯ

๏ นะโม สุคะโต สิขิโต ปะวะโร
นะโม กุกกุสันโธ พุทธะเสฏโฐ
นะโม โกนาคะมะโน พุทธะเสฏโฐ
นะโม กัสสะโป พุทธะอังโค
นะโม โคตะโม โลกะหิโต
นะโม เมตเตยโย มะหาวีโร
ปัญจะพุทธาปะทะคะตา
สะวัตถิลาภา ภุวันตุ เม ฯ

๏ สัพเพเทวาสะมาคะตา ปัสสันตุ เม
สัชฌายะมันตัง สิขีสัมพุทธานุภาวเนะ
สุวัณณะรัชชะฏัง อุปปันนัง
กุกกุสันธะสัมพุทธานุภาเวนะ
สุวัณณะรัชชะฏัง อุปปันนัง
โกนาคะมะนัสสะสัมพุทธานุภาเวนะ
สุวัณณะรัชชะฏัง อุปปันนัง
กัสสะปะสัมพุทธานุภาเวนะ
สุวัณณะรัชชะฏัง อุปปันนัง
โคตะมะสัมพุทธานุภาเวนะ
สุวัณณะรัชชะฏัง อุปปันนัง
อะระหันโต อัคคะสาวะกาพิชะกัง
สัพพะธะนัง สาวัตถิลาภา ภะวันตุ เม ฯ

๏ สัพเพเทวายักขาภูตา
ปะริตตาปะเวอัตตะเน
สัพเพราชาเมธิยะมะนุสสา
สัพเพโกธา วินาสสันตุ
ทิสสะวาตัญจะ ปิยะปุตตัง
ปุตโตสิเนโห สัพเพชะนา
ปะริชายะ มะหาโภโค
มะหายะโส ภัยยะสัตรู
วินาส สันติ ฯ

๏ นะ กาโร กกุสันโธ พุทโธ
โม กาโร โกนาคะมะโน พุทโธ
พุท กาโร กัสสะโป พุทโธ
ธา กาโร โคตโม พุทโธ
ยะ กาโร เมตเตยโย พุทโธ
ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

๏ นโมนมัสการ เมแห่งข้าพระพุทธเจ้า
จะขอนมัสการถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
อันทรงนามกร ชื่อพระกุกกุสันโธ
ชื่อพระโคนาคม ชื่อพระกัสสโป
ชื่อพระสากยมุนี ชื่อพระศรีอาริยไมตรี

๏ ขอเดชะพระบารมี
พระศรีสัพพัญญู จะขออาราธนาอัญเชิญ
พระองค์เจ้าเข้ามาช่วยปราบมารกุลี
ทั้งฝูงผีปีศาจราชทูต ทั้งผีภูตและผีพรายเปรตอสูรกาย
มายาโรคาอันตราย สารพัดอาวุธสิ้นทั้งหลาย
ขอให้แคล้วคลาดทั้งสิงห์สัตว์อันร้ายกาจ
ขอให้ขาดจากอุบาทว์และจัญไร
ทั้งคุณไสยอันเขาใช้มาแต่เมืองต่ำและเมืองบน
ทั้งคุณผีและคุณคน
ผ้าพยนต์และอาภรรพ์อันเขาฝังไว้หาทางกลางประตู
ขอพระสัพพัญญูจงมาทำลายให้พ่ายแพ้ด้วยพระวิชชา

๏ ข้าพเจ้าจะขออาราธนา
พระธรรมเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
อันสว่างทั่งโลกทั้งหลายต่างประทีปแก้วชัชวาล
โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์อบาย
เดชะพระธรรมเจ้าทั้งหลาย
ขอให้หายสารพัดอันมิดีอย่ามีมา
ข้าพเจ้าจะขออาราธนา พระสงฆ์
อันทรงศีลบริสุทธิ์เข้ามานั่งตั้งพิธี
ข้าจึงตักเอาน้ำในสระโบกขรณี
มาชำระโทษอันตรายด้วยบาปกรรมทั้งหลาย
คือกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
อันได้ทำมาแต่ชาติก่อนและหนหลัง
น้ำใจข้าได้ตั้งตรงต่อ

๏ ขออาราธนาคุณพระสงฆ์เจ้า
เข้ามาสวดพระพุทธมนต์
จับด้ายมงคลวงหม้อน้ำได้สามชั้น
ข้าจะขอล้างโทษอันตรายสารพัดเคราะห์
สารพัดโศก สารพัดโรค สารพัดภัย
สารพัดเสนียดจัญไร วินาสสันติ

๏ พุทธังจักรวาฬัง อหังวันทามิ ประสิทธิเม ฯ
ธัมมังจักรวาฟัง อหังวันทามิ ประสิทธิเม ฯ
สังฆังจักรวาฬัง อหังวันทามิ ประสิทธิเม ฯ

๏ อุณหิส์สวิชโย ธัมโมโลเกอนุต์ตโร
สัพเพสัตตหิตัตถาย ตังตวัง คัณหาหิเทวเต
ปริวัชเชราชทัณเฑ อมนุสสัคคิปาวเก
พยัคเฆนาเควิเสภูเต อกาลมรณเนวา
สัพพัสมามรณามุตโต ฐเปตวากาลมาลิตัง
ตัสเสวอานุภาเวน โหตุเทโวสุขีสทา
สุทธสีลังสมาทานัง ธัมมังสุจริตังจเร
ตัสเสวอานุภาเวนะ โหตุเทโวสุขีสทา
ลิกขิตังจิน์ติตังปูชัง ธารนังวาจนังคุรุ
ปเรสังเทสนังสุตวา ตัสสอายุปวัฑฒติ ฯ

๏ อิรชาคตรสา ติหังจโตโรถินัง
ปิสัมรโลปุสัตพุท์ โสมาณกริถาโธ
ภสัมสัมวิทเทภ คพุท์ปันทูธัมวค
วาโธโนอมมวา อวิสุนุตสานุส์ติ ฯ

๏ อิติปิโสสัมปันโนสุคโตภควาติ
อิติอรหังภควาติ ภควา วาอิรา
ตวามยุตะ อิติภควาอิติมะอะอุ
พุทธานุสติ ธัมมานุสติ
สังฆานุสติ อิติปัสวาติ

๏ กายปัสสะทิ จิตตปัสสะทิ
กายลหุตา จิตตลหุตา
กายมุทุตา จิตตมุทุตา
กายกามยตา จิตตกามยตา
กายพระคุณ์ญตา จิตพระคุณ์ญตา
กายสุคพุทธานุสติ จิตสุคพุทธานุสติ

๏ ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง
ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง
มุตเต มุตเต สัมปัตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง
สุตัง คมิติ สุตัง คมิติ มัคคะยีติ ทิฏฐิลา ทัณฐะลา
โรคิลา กะระลา ทุพพลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ
มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จิตติ จิตติ
ธารณีติ ธารณีติ อิทัง ธารณะ ปริตตัง

๏ สัพพะทุกข์ สัพพะโศก
สัพพะโรค สัพพะภัย
สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร
วิวันชัยเย สัพพะธะนัง
สัพพะลาภัง ภวันตุเม
รักขันตุ สุรักขันตะ

(คัดลอกมาจากคัมภีร์พิชัยสงคราม)

5 Buddhas- Pra Pood Tha Jao Ha Pra Aong

Na mŌ su ka thŌ Ar thee thĀ ja
Na mŌ su ka thŌ Paj joop pan nĀ
Na mŌ su ka thŌ Ar nĀ ka thĀ
Pan ja pood tĀ Ma hay si nung

It ta pa ta wing Pan ja pood ta
Sub pan you ťa ya ra pa ťi way tung
Na wa low gu ťa ra tam may hi
Sub pa pay si ki pood tĀ ma hay si nung
Muey tuey yo pood ta ar na ka thĀ

Pan ja pood ta cha thĀ pa ta wee young
MĀ tu cup par nic ka mi tha waa
Ma tu cup pung pa tid ti tung
Ju thi sun ti young wa ja thu low ga pa la ruk kung

Ma ha aj chi ri young sa ga la ma ha pa ta wee ya wa
Ar ga sa gung kung tan ha low ga ha lung
Ta thĀ sa ra nut tee sa moot ta kum pee rung
Pa tu ma au pa lung ga moot tĀ cha ta ruk kun ta pud ta

Sung kung pa tu ma au jay toe lung ga
Toe pa wa ra pa tu ma poob pi ta sa ga la
Ma hĀ pa tha wee young pud ta lung
Pa tu moob pa sus sa cha tĀ ar ga sa

Ta wa rung wi thĀ lung pa tu ma au pun la sun taa nung
Sut ta tip pa tu ri young pa wa rung
Pa thĀ ga sung pood toe sa ga la
Ma ha pa ta wee young ar lu ga si la au ta ga

Sub pay su wan na Ruch cha tha cha taa
Su wan na ruch cha tha pu la nung ja la thÍ
Toob pa la pa thŭ ra hay su sub pay pich cha pa ta wee young
Cha la pich cha moo la pich cha ta ra gum pa rook kay cha thĀ

Tip pa o ya nung tha tĀ it tÍ sung yu thud tŏe
Sub pa pood tĀ sub pun you thun ya na
Pa thi way tung pa wa rung aung ka luk ka nung
Pood tĀ chub pun na rung si ya low gung

Ar mud thŭd toe low ga hÍ tung si thÍ low ga
Sa mud thÍ low gung pich chung pa na low ga sed tŭng
Low ga hus tai ya sa mud thi tay wa
Paj ching su pood taa ar tit taa na suj jung

Ar hung poo chĀ ar hung wan tĀ
Ar hung pĀ sĀ toe ma nĀ
Sub pa sod tee ja pan ja pood tĀ
Ta sa lak ka nĀ ar hung ka hed ta wĀ

Ta say si thay su wan na
Tum ma chĀ tĀ wĀ ni ti wĀ pĀ ťu ra hay thú
Ta sĀ pa ta lak kha na pood tĀ nung
Nis suey ya yaa kong kong pĀ lu ga
Sub pa pich chĀ yip pa may wa sa mich chun thŭ


Na mŌ su ka ťoe si ki ťoe pa wa row
Na mŌ kook gu sun toe pood ta sed tŏe
Na mŌ go nĀ ka ma no pood ta sed thŏ
Na mŌ gus sa poe pood ta aung ko

Na mŌ ko ta moe low ga hÍ ťoe
Na mŌ muey tuey yo ma hĀ wee roe
Pan ja pood tĀ pa ta ka thĀ
Sa wud thÍ la pĀ poo one thŭ may

Sub pay tay wa sa mĀ ka thĀ pas sun thŭ may
Such chĀ ya mun thaug si khee sum pood tĀ nu pĀ way na
Su wan na ruch cha thung aoob pun nung
Kook gu sun ta sum pood tĀ nu pĀ way na

Su wan na ruch cha thung aoob pun nung
Go nĀ ka ma nus sa sum pood tĀ nu pĀ way na
Su wan na ruch cha thung aoob pun nung
Gus sa pa sum pood tĀ nu pĀ way na

Su wan na ruch cha thung aoob pun nung
Ko ta ma sum pood tĀ nu pĀ way na
Su wan na ruch cha thung aoob pun nung
Ar ra hun ťhŏ aug ka sa wa ga pÍ cha gung
Sub pa ta nung sa wad thÍ lĀ pĀ
Pa wan thŭ may

Sub pay tay wĀ yuk kaa poo thĀ
Pa rit thĀ pa way aud tha nay
Sub pay rĀ chĀ may ti ya ma nood sa
Sub pay go tĀ wi nas sun tŭ

Tis sa wĀ thun ja pÍ ya pood thung
Pood thŌ si nay hŏ sub pay cha nĀ
Pa ri chĀ ya ma hĀ pŌ kŌ
Ma hĀ ya sŏ pai ya sud through wi nas sun thÍ

Na gĀ rŌ ga gu sun toe pood toe
MŌ gĀ rŌ go nĀ ka ma no pood toe
Pood gaa rŌ gus sa pŌ pood toe
TĀ gĀ rŌ ko ta mŌ pood toe
Ya ga rŌ muey tuey yo pood toe
Pun ja pood tĀ na mĀmi hung

Credit : LauraCattleya O'Connor and Family
PDF Verion A4 ready to print : http://goo.gl/wws3a9

http://palungjit.org/threads/โองการพระเจ้าห้าพระองค์.527657/

https://montra9mahawed.wordpress.com/2012/05/24/โองการพระเจ้าห้าพระองค/

 

Thanong Fanclub



37. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
กรีซไม่ได้จนมุมเลยทีเดียว จึงเล่นเกมเก้าอี้ดนตรีกับเจ้าหนี้ทรอยก้าจะถึงวินาทีสุดท้าย ต้องดูว่าใครจะกระพริบตาก่อน
ในวันที่20มิถุนายน นายAlexis TsiprasเดินทางไปเยือนSt Petersburgเพื่อพบกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย เพื่อวางกรอบของPlan B หรือแผนรองรับในกรณีที่เขาต้องผิดชำระหนี้ และเอากรีซออกจากเขตยูโร
เขาได้เซ็นสัญญาความร่วมมือท่อก๊าซกับปูติน โดยที่รัสเซียจะลงทุนวางท่อก๊าซผ่านตุรกี เข้ากรีซก่อนที่จะส่งต่อไปในแผนดินใหญ่ยุโรป
โครงการท่อก๊าซนี้จะเริ่มปี2016 และจะแล้วเสร็จในปี2019
ปูตินบอกว่าโครงการท่อก๊าซนี้จะช่วยให้กรีซสามารถจ่ายหนี้ได้ เพราะว่ารัสเซียจะต้องจ่ายค่าต๋งให้กรีซปีละหลายร้อยล้านเหรียญที่ยอมให้ท่อก๊าซรัสเซียผ่านประเทศไปยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
ปูตินพูดถูกต้องว่า ถ้าหากอียูต้องการให้กรีซสามารถจ่ายหนี้ได้ อียูต้องช่วยให้กรีซมีรายได้และมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และช่วยกรีซจ่ายหนี้
ที่จริงอียูต้องปรบมือให้รัสเซียนะที่กำลังช่วยสร้างงานให้กรีซ
จะเห็นได้ว่าพอกรีซล้ม พวกอียูและเจ้าหนี้ต่างรุมทึ้ง บีบให้กรีซขายทรัพย์สินของชาติทุกอย่างออกมาเพื่อใช้หนี้ และให้ใช้มาตรการรัดเข็มขัดจนท้องกิ่วเพื่อมีเงินเหลือมาใช้หนี้ โดยไม่สนใจว่าประชาชนกรีกจะกินจะอยู่อย่างไร กรีซเหมือนหมาหัวเน่าในอียู ถือว่าเป็นการกระทำที่แย่มากสำหรับอียูในโครงการรวมตัวกันของสมาชิกสหภาพยุโรปที่ไม่มีเมตตาธรรม หรือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ
ความจริงกรีซมีปัญหา อียูมีกำลังเงินเพียงพอที่จะดูแล แต่กลับดึงเอากองทุนการเงินระหว่างประเทศตัวร้ายเข้ามายุ่ง ทำให้การแก้ไขปัญหาสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นไป ดูเหมือนว่าอียูดึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้ามาเพื่อทำลายมากกรีซกว่าเพื่อฟื้นฟูกรีซ
นายTsiprasรู้รสชาดของการโดนทรอยก้าข่มขู่อย่างไรแล้ว โดยบอกว่าถ้าหากไม่ยอมทำตามโปรแกรมความช่วยเหลือจะให้อีซีบีตัดสภาพคล่อง แบงค์กรีซที่กำลังโดนถอนเงินหนักจะเจ้งทันที
กรีซอยู่ค่ายอียูต่อไป ผู้นำกรีซจะไปนั่งเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้นำอียู28ชาติอย่างมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร?
ทางเลือกของกรีซคือLook Eastคือรัสเซีย หรือกลุ่มBRICSในกรณีที่ต้องออกจากอียู แม้ว่านายTsiprasจะไม่มีการเจรจาของเงินกู้จากปูติน แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะพึ่งพาBRICSในโอกาสต่อไป จีนรอจังหวะเข้าไปเป็นพระเอกเพื่อช่วยกอบกู้กรีซเหมือนกัน จะใด้ให้ชาวโลกเห็นว่าในขณะที่กรีซโดนรุบกระทืบอย่างไร้ความปราณี แต่BRICSมีคุณธรรมพร้อมให้การช่วยเหลือ
นายTsiprasบอกปูตินว่าปัญหาของกรีซไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะของกรีซ แต่เป็นปัญหาของอียูด้วย เพราะว่าถ้ากรีซเป็นอะไรไป อียูจะมีผลกระทบมากกว่า หมายความว่าลูกหนี้อาจจะแย่ แต่เจ้าหนี้แย่กว่า
ปูตินเอาเรื่องนี้มาเล่าให้นักข่าวฟังพร้อมกับหัวเราะ บอกว่าใช่เลย เวลามีปัญหาเรื่องหนี้สิน เจ้าหนี้ต้องได้รับผลกระทบมากกว่า นี้คือวิธิีการที่ถูกต้อง
นายTsiprasมีแผนสองรองรับอยู่แล้ว ทั้งท่อก๊าซจากรัสเซีย และเงินกู้จากBRICS ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมตกลงในวันจันทร์หน้านี้ เขาพร้อมเบี้ยวหนี้ พอกรีซออกจากเขตยูโร และเริ่มต้นชีวิตของชาวกรีซใหม่ภายใต้บริบทใหม่กับกลุ่มBRICS
อียูน่าจะหนาวหรือฉิบหายมากกว่ากรีซนะ เมื่อได้เล่นเกมนี้แล้ว
thanong
26/6/2015

https://www.yahoo.com/news/greece-signs-deal-russia-build-gas-pipeline-100934561--finance.html

 

Thanong Fanclub



38. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
ดูแผนที่กรีซก็แล้วกัน ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปูตินลงทุนนิดหน่อยได้กรีซเข้ามาเป็นพันธมิตร จะสามารถตั้งกองทัพเรือของรัสเซียในกรีซได้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ของปูตินจะได้เพ่นพ่านในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้สะดวก
ตอนนี้รัสเซียคุมขั้วโลกเหนืออยู่แล้ว ได้ทะเลมิดิเตอร์เรเนียนจะได้แซนด์วิชยุโรปกลับ ที่บังอาจซ่านัก ยุโรปจับมือสหรัฐคิดที่จะปิดล้อมรัสเซียผ่านประเทศบอกติก โปแลนด์ โรมาเนีย บัลกาเรียและยูเครน ตอนนี้นาโต้กำลังส่งทหารและอาวุธยุโธปกรณ์เข้ายุโรปตะวันออกขนานใหญ่
ถ้าปูตินได้กรีซมา ยุโรปจะเจอแบงค์รัน และโดนแซนด์วิชทางทหารกลับ ยุโรปจะอ่อนแอลงอย่างกระทันหัน
กรีซแก้ปัญหาหนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้320,000ล้าน เพราะว่าได้เงินก้อนใหม่มา ก็เพียงไปจ่ายหนี้ก้อนเก่า เงินต้น ดอกเบี้ยไม่ได้ลดอย่างแต่ประการใด ทำให้กรีซอยู่ในภาวะโคม่าตลอดกาล
พวกเจ้าหนี้อียูไม่ยอมลดหนี้ให้ซึ่งผิดหลักการแก้ไขปัญหาของประเทศหรือบริษัทที่ล้่มละลายแล้่ว ที่ต้องลดหนี้ลงอยู่ในระดับที่สามารถทำให้ฟื้นตัวได้ เมื่อเป็นเช่นนี้นายTsiprasคงต้องเอากรีซออกจากเขตยูโรในที่สุด แม้ว่าจะได้เงินกู้รอบใหม่72,000ล้านยูโรในกรณีที่อียูตกลงผ่านแผนฟื้นฟูทางการเงินของเขาในวันจันทร์เส้นตายนี้ แต่เป็นเพียงการประวิงเวลา
ทางเลือกมีสองทาง คืออยู่ต่อในเขตยูโรเพื่อเป็นหมาหัวเน่า หรือจะออกจากเขตยูโรเพื่ออิสระภาพ ระยะแรกจะฉิบหายหนักถ้าต้องออกจากเขตยูโร แต่ยังมีโอกาสฟื้นเป็นตัวของตัวเอง แต่ถ้าอยู่อียูต่อไป มีแต่จะโดนบี้จนท้ายที่สุด กรีซจะไม่เหลืออะไรเลย
ปูตินนั่งคอยการพัฒนาการของสถานการณ์อย่างใจเย็น
thanong
26/6/2015

 

Thanong Fanclub



39. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
Yogi Berra อดีตผู้จัดการทีมเบสบอลNew York Yankeesเคยกล่าวเอาไว้ว่า It ain't over till it's over
แปลว่ามันยังไม่จบจนกว่ามันจะจบ
ในเกมกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบสบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้ ปฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะว่าเขาพูดว่ากีฬาเบสบอล90%เป็นเรื่องของจิตใจ อีก10%เป็นเรื่องของร่างกาย
หมายความว่าเป็นเกมที่ต้องใช้สมอง ภาวะจิตใจที่เข้มแข็งแน่วแน่และสันชาติญาณของการเอาชนะ
ผลแพ้ชนะตัดสินกันในช่วงท้ายของท้ายที่สุด ที่คิดว่าจะชนะกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ที่คิดว่าแพ้ไปแล้ว กลับมีปฏิหาริณ์ทำให้กลับมาชนะได้
อันเป็นที่มาของประโยคทองIt ain't over til it's over
การเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซเหมือนกัน ดำเนินกันมาแล้ว5เดือนกว่าระหว่างTsiprasและเจ้าหนี้ทรอยก้า ที่ดูเหมือนว่ากรีซตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบมาตลอด เพราะว่าเศรษฐกิจติดลบ26%โดยรวมมา5ปีแล้ว คนตกงาน27% รัฐบาลถังแตก มีหนี้สินล้นพ้นตัว320,000ล้าน เจอแบงค์รัน ไม่มีทางจะต่อรองกับเจ้าหนี้ทรอยก้าได้ที่ต้องการบี้ให้กรีซพังจะได้ซื้อของถูก เพราะว่าถ้าไม่ได้เงินกู้งวดใหม่เข้ามา กรีซจะเจอแบงค์รัน หมดเครดิต ทรัพย์สินของกรีซที่อยู่ต่างประเทศจะโดนเจ้าหนี้บังคับคดีมายึด
แต่ในยามคับขันสุด กรีซมีTsiprasมายืนที่เพลท (plate) ในอินนิ่งสุดท้าย มีโอกาสแกว่งไม้เบสบอลและตีให้ถูกลูกเบสบอลให้ลอยโด่งออกสนามโดยที่ฝ่ายตรงกันข้ามรับไม่ได้อย่างเดียวถึงจะชนะ ไม่งั้นจะแพ้
ปัญหากรีซมาถึงอินนิ่งสุดท้ายแล้ว และIt ain't over till it's over
thanong
26/6/2015

 

In Pics : เอาไม่อยู่!! เกาหลีใต้ประกาศ “เมอร์สเสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย” ยอดดับรวมพุ่งปรี๊ด 31 ติดเชื่อใหม่เพิ่มอีก 1 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 11:01 น.



เอเอฟพี – วันนี้(26) กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ประกาศพบผู้เสียชีวิตติดเชื้อโรคติดต่อทางลมหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส (MERS) เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ส่งผลทำให้มียอดรวมผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ในเกาหลีใต้ทั้งหมดแล้ว 31 คน ติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย และยอดรวมผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ทั้งหมด 188 คน

หลังจากที่มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อเมอร์ส (MERS) รายแรกในวันที่ 20 มิถุนายน ล่าสุดส่งผลทำให้มียอดรวผู้ป่วยติดเชื้อมาจนถึงวันนี้ราว 188 คน หลังจากที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้แถลงในวันศุกร์(26)ประกาศพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 คน และมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเมอร์สเพิ่มอีก 2 คน ส่งผลทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมในเกาหลใต้สูงถึง 31 ราย นับว่าเป็นการแพร่ระบาดโรคเมอร์สมากที่สุดนอกซาอุดีอาระเบีย

เอเอฟพีรายงานว่า จากผู้ป่วยติดเชื้อโรคเมอร์สทั้งหมด มีผู้ป่วยจำนวน 81 คนที่หายป่วยเป็นปกติและสามารถเดินทางกลับบ้าน ในขณะที่อีกจำนวน 69 คนยังต้องอยู่ภายในโรงพยาบาลเข้ารับการรักษาตัว และในจำนวนนี้มี 13 คนที่อยู่ในขั้นวิกฤต

และเอเอฟพียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในกรณีผู้เสียชีวิต 2 รายในวันศุกร์(26) นั้นเป็นผู้ป่วยหญิงสูงวัยอายุ 79 ปี และ 80 ปีตามลำดับ โดยมีรายงานว่าผู้ป่วยคู่นี้มีป่วยเป็นโรคอื่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

และยังพบว่าผู้ป่วยหญิงทั้ง 2 ที่เสียชีวิตลงนั้นเกี่ยวข้องกับแพทย์ในโรงพยาบาลซัมซุง เมดิคอล เซนเตอร์ ในกรุงโซล ที่เป็นจุดศูนย์กลางโรคระบาดเมอร์สในเกาหลีใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลแห่งนี้ตัดสินใจขยายเวลาการปิดให้บริการโดยไม่มีกำหนดออกไปอีก 12 วัน

และจำนวนชาวเกาหลีใต้ที่อยู่ในข่ายต้องถูกกักกันโรคมีถึง 2,931 คน









In Pics :

 

ภาพจากเฟสบุ๊ก Chern Rayong

 

ปอกเปลือก ทรราช
ยังไงหละครับอเมริกา? เผาโบสถ์คนดำที่เมือง Charlotte รัฐ North Carolina สหรัฐอเมริกา



-----------
ในขณะที่สหรัฐฯกำลังพยายามจุดไฟสงครามขึ้นในมุมต่างๆทั่วโลก และทำเป็นออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ หวังเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในและใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของตนในการแผ่อิทธิพลของตนเหนือประเทศต่างๆนั้น ดูเหมือนว่าสหรัฐฯจะไม่สามารถหรือไม่ใส่ใจกับปัญหาความวุ่นวายภายในประเทศสหรัฐฯอเมริกาเอง ปัญหาความอยุติธรรมและการเหยียดผิวเริ่มจะบานปลายขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นทุกวัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดคดีเด็กหนุ่มผิวขาวชาวอเมริกันควงปืนเข้าไปกราดยิงคนผิวดำที่กำลังประกอบพิธีกรรมทางศาสนาภายในโบสถ์ที่เมือง Charleston รัฐ South Carolina ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ราย ต่อมาสื่อฯกระแสหลักของสหรัฐฯพยายามนำเสนอภาพข่าวว่าผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคนผิวขาวเหมือนจะบอกว่าเป็นพวกไม่ปรกติ นิยมความรุนแรง หรือพยายามทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าเขามีอาการทางจิตจึงก่อเหตุ (เพราะเขาเป็นคนผิวขาว) ดังนั้นจึงไม่สมควรถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตเขา สังคมโปรดสงสารเขาเถอะนะ (อันนี้ไม่ได้ใส่ร้ายนะ CNN เขาพยายามจะให้ออกมาแนวนี้จริงๆ Oopz! ว่าจะไม่เอ่ยชื่อพาดพิงแล้วนะ คริๆ)
ต่อมาอีกวันหนึ่ง ก็มีข่าวว่าที่เมือง Detroit รัฐ Michigan ประเทศสหรัฐฯอีกนั่นแหละ เปิดฉากยิงถล่มกันทำให้มีผู้เสียชีวิต 1-2 รายและได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงอีก 11 ราย (เยี่ยม!)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมาสื่อฯต่างประเทศหลายสำนักลงข่าวว่า มีการลอบวางเพลิง (arson) เผาโบสถ์ของชาวคริสต์อเมริกันผิวดำ (black church) ในเมือง Charlotte รัฐ North Carolina ประเทศเดิม (สหรัฐฯอีกครั้ง!) ตอนนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ ทางตำรวจสหรัฐฯบอกว่าอาจจะเป็นอาชญากรรมความเกลียดชัง (Hate Crime) (เหรอ? ก็บอกไปเลยสิว่าเป็นการเหยียดผิว Racism) ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเผาโบสถ์คนผิวดำในครั้งนี้คาดว่าสูงกว่า $250,000 เหรียญสหรัฐฯ
The Eyes
26/06/2558
----------
http://rt.com/usa/269734-church-fire-arson-investigation/

 

คำถาม

ขอเรียนถาม อ.มีชัย เรื่องข้อขัดแย้ง เกี่ยวกับ มติของปปช. ในกรณี คุณวีรพล ดวงสูงเนิน อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่มติของปปช. ให้ลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา โดยทางวินัย ทางต้นสังกัดมีมติให้ออก แต่คุณวีรพล อุทธรณ์ต่ออ.กพ. และผลก็คือ ทำให้ คุณวีรพล กลับมารับราชการได้ โดยมติของคณะรัฐมนตรี ขอเรียนถามอ.มีชัย เป็นข้อๆครับ

1.มติของอ.กพ. หักล้าง มติของปปช. ได้หรือไม่ครับ
2.ตามข่าวบอกว่า คุณวีรพล ใช้การอุทธรณ์ ตามพรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และอ.กพ.ใช้ระเบียบนี้ในการพิจารณา เท่ากับว่า พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มีศักดิ์เหนือกว่ากฎหมายปปช. ที่เป็นกฎหมายลูกตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ หรือข้อเท็จจริงน่าจะเป็นว่า กฎหมายของปปช.น่าจะมีศักดิ์เหนือกว่า เพราะออกตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน น่าจะมีการแปลความที่ทำให้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งน่าจะใช้บังคับไม่ได้มากกว่า
3.ถ้ามติของอ.กพ. หักล้างมติของปปช.ได้ ก็จะเป็นบรรทัดฐาน ให้ต่อจากนี้ เมื่อมีการร้องเรียนในส่วนของข้าราชการ ก็จะมีการหยิบยกมาหักล้างได้ หรือถ้าการเมืองเข้าแทรกแซงได้ ก็จะทำให้มติของปปช. ถูกหักล้างได้ในแทบจะทุกกรณีหรือไม่ครับ ถ้าใช่ ก็จะเท่ากับว่า การตรวจสอบของปปช. ในส่วนของข้าราชการ จะไม่มีความหมายใดๆอีกแล้วต่อจากนี้หรือไม่ครับ
4.กรณีของปปช. ที่จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยชี้ขาด ต้องเสนอเรื่องในประเด็นใดครับ ดูเหมือนว่า มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ของ อ.กพ. (อ.กพ. เป็นหน่วยหนึ่งของกพ. ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือเท่ากับอยู่ในกำกับของคณะรัฐมนตรี จะแปลความได้ไหมครับว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างองค์กร ปปช. กับ องค์กร คณะรัฐมนตรี) ซึ่งถ้ายึดเพียงแค่ ความเป็น อ.กพ. หรือ กพ. ก็อาจไม่เข้าข่ายในความหมาย องค์กรตามรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่รับวินิจฉัยหรือเปล่าครับ
5.ในประเด็นว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย (พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กับกฎหมายปปช.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจรับเรื่องวินิจฉัยหรือไม่ครับ
6.ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับเรื่องวินิจฉัย จะเท่ากับว่า ทำให้เป็นบรรทัดฐานเช่นกรณีของคุณวีรพลต่อไปใช่ไหมครับ จะมีวิธีแก้ปัญหาในข้อนี้อย่างไรครับ
7.ในส่วนของปปช. มีการวิจารณ์ว่า เป็นแค่องค์กรที่มีหน้าที่ชี้มูลความผิด และไม่ได้หมายความว่า ต้องเป็นตามนั้น อ.มีชัย มีความเห็นอย่างไรครับ ที่ผ่านมา ดูเหมือนมีข้อวิจารณ์ว่า ปปช.ก็อาจไม่เป็นธรรมในการวินิจฉัย โดยอาจเอียงข้างได้
8.ตามข่าวบอกว่า อ.กพ. ก่อนที่จะมีมติ ได้สอบถามไปยังกฤษฎีกา ว่า จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งกฤษฎีกา ตอบว่า สามารถทำได้ อ.มีชัย เป็นกรรมการของกฤษฎีกา มีความเห็นในกรณีนี้อย่างไรครับ

ขอบคุณอ.มีชัยครับ

นายทิวา
คำตอบ

เรียน คุณทิวา


๑. เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการหักล้างมติของใคร หากแต่เป็นเรื่องของการดำเนินกระบวนการตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


ใครจะสังเกตบ้างหรือไม่ว่า ปปช. นั้น ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลยที่จะเป็นการเบ็ดเสร็จหรือเด็ดขาด อำนาจทุกชนิดที่ ปปช.มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญก็ดี ตามกฎหมายของ ปปช.ก็ดี ล้วนแต่เป็นอำนาจในการชี้มูลเบื้องต้นทั้งสิ้น ดังจะยกให้เห็นดังต่อไปนี้


(๑) เริ่มต้นตั้งแต่มาตรา ๒๙๕ ของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เมื่อ ปปช.พบข้อเท็จจริงดังกล่าว ปปช.ก็ไม่ได้มีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาด เพราะมาตรา ๒๙๕ วรรคสอง ได้กำหนดให้ ปปช.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดอย่างไรก็เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็มีทั้งที่เห็นด้วยกับ ปปช และไม่เห็นด้วยกับ ปปช. ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญหักล้างมติของ ปปช.


(๒) อำนาจหน้าที่ของ ปปช.ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา ๓๐๑ (๑) ซึ่งให้อำนาจในการไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนในกรณีที่มีผู้ร้องขอให้ถอดถอนนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง ปปช.ก็มีอำนาจแต่เพียงทำความเห็นเสนอต่อวุฒิสภา ส่วนวุฒิสภาจะมีมติอย่างไรก็เป็นเรื่องของวุฒิสภา


(๓) อำนาจตามมาตรา ๓๐๑(๒) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา ๓๐๘ ปปช.ก็มีอำนาจแต่เพียงไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งศาลฎีกาดังกล่าวจะพิจารณาวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นดุลพินิจของศาลฎีกา เพียงแต่ให้ถือสำนวนของ ปปช.เป็นหลัก แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะไต่สวนหาข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้


(๔) อำนาจตามมาตรา ๓๐๑ (๓) ที่ให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ซึ่งมีผู้อ้างว่า ปปช.มีอำนาจวินิจฉัย เสมือนหนึ่งว่าอำนาจนี้เป็นอำนาจที่เด็ดขาดนั้น ตามรัฐธรรมนูญก็หาได้บอกไว้เช่นนั้นไม่ หากแต่บอกว่า "เพื่อดำเนินการต่อไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต" ซึ่งก็แปลว่าเมื่อวินิจฉัยแล้วผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ว่านั้น


ในส่วนที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยว่าร่ำรวยผิดปกตินั้น แม้กฎหมายของ ปปช. จะกำหนดให้เป็นอำนาจของ ปปช.ที่จะวินิจฉัยว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ แต่เมื่อวินิจฉัยแล้ว จะทำอย่างไรต่อไปกับทรัพย์สินนั้น ปปช.ก็ไม่มีอำนาจเอง หากแต่ต้องไปขอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งก็เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลที่จะวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาศาลก็ยกคำร้องเสียบ้าง ตัดสินให้ยึดทรัพย์บ้าง สุดแต่หลักฐานทางคดีจะเป็นอย่างไร


แม้แต่อำนาจในการยึดอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว ก็ไม่เป็นอำนาจเด็ดขาด เพราะผู้ถูกยึดยังร้องขอต่อศาลให้ปล่อยได้ ซึ่งก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาล


ส่วนเรื่องการวินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับวินัยของข้าราชการนั้น จะได้กล่าวถึงต่อไป


(๕) อำนาจตามมาตรา ๓๐๑ (๔) ที่ให้ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงฯของทรัพย์สินและหนี้สินของดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ตามบัญชีที่ยื่นไว้ ก็เป็นเพียงอำนาจตรวจสอบ เมื่อพบว่าไม่จริงจะดำเนินการได้อย่างไร ก็ต้องเป็นไปตาม (๑) ที่ว่ามาข้างต้น


(๖) อำนาจตามมาตรา ๓๐๕ ซึ่งเป็นเรื่องการไต่สวนในกรณีมีการร้องขอให้ถอดถอนรัฐมนตรีฯ นั้น เมื่อพบว่ามีความผิดอาญาเกิดขึ้นด้วย ก็ให้ส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องร้องเป็นคดี อำนาจนี้ดูเหมือนจะเป็นอำนาจที่ค่อนข้างจะเด็ดขาดเพียงอย่างเดียว คือบังคับให้อัยการฟ้องคดีอาญาให้ อัยการสูงสุดจะไม่ฟ้องคดีได้ก็แต่เฉพาะเมื่อเห็นว่าเอกสารหลักฐานยังไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องคดีได้ ซึ่งในกรณีเช่นนั้นก็จะต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา ถ้าตกลงกันได้อัยการสูงสุดก็ต้องฟ้องคดีไปตามนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ ปปช.ก็ได้แต่จะไปฟ้องคดีเอาเอง อำนาจที่ค่อนข้างเด็ดขาดนี้ ในที่สุดก็ไม่เด็ดขาดอยู่นั่นเอง


ใครก็ตามที่อ้างว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้ มติของ ปปช.เป็นที่สุดหรือเด็ดขาดนั้น อาจจะใช้ความรู้สึกที่คิดว่า ปปช.ถูกสร้างให้เป็นนนทุกข์ ซึ่งจะทำให้เสียหายแก่ ปปช.โดยใช่เหตุ เพราะจะทำให้เกิดความคาดหวังจาก ปปช.เกินอำนาจและหน้าที่ของ ปปช. เพราะ ปปช.ถูกสร้างให้เป็นกลไกเบื้องต้นในการเอาจริงกับการทุจริตทั้งปวง หรือจะเรียกว่าให้ ปปช.คอยจี้ให้เกิดการดำเนินการกับการทุจริต ส่วนจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงไรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับองค์กรอื่นทั้งสิ้น ถ้าไม่ทำความเข้าใจกันให้ถูกต้อง ต่อไป ปปช.จะถูกกล่าวหาโดยไม่ใช่เป็นความผิดของ ปปช.ได้


๒. ในเรื่องที่กำลังเป็นข่าวเกี่ยวกับอดึตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่สงสัยกันว่ากฎหมาย ปปช. หรือกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนใหญ่กว่า คำตอบก็คือ กฎหมายของ ปปช.ต้องใหญ่กว่า เพราะเป็นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือเป็นกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันได้แยกให้เห็นเด่นชัดว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีความสำคัญกว่ากฎหมายปกติทั่วไป


มีคำถามว่า ถ้าเช่นนั้น ทำไม ก.พ.จึงอาศัยกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนพิจารณาอุทธรณ์ของคุณวีรพล ว่าฟังขึ้น และมีความผิดวินัยเพียงไม่ร้ายแรง ซึ่งอาจไม่ตรงกับการชี้มูลของ ปปช. คำตอบก็คงต้องย้อนกลับไปดู ก.ม.ของ ปปช.เองว่าได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร


มาตรา ๙๖ ของกฎหมาย ปปช.บัญญัติว่า "ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกลงโทษฯ จะใช้สิทธิอุทธรณ์ "ดุลพินิจในการสั่งลงโทษ" ของผู้บังคับบัญชา ตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับผู้ถูกกล่าวหานั้น ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ต้องใช้สิทธิดังกล่าวภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนมีคำสั่งลงโทษ"

ื จะเห็นว่ากฎหมาย ของ ปปช.เองได้กำหนดขั้นตอนของการอุทธรณ์โดยโยนให้เป็นไปตามกฎหมายอื่น ซึ่งในกรณีนี้คือ กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลยนอกจากเรื่องระยะเวลาเท่านั้น ที่กำหนดไว้เป็นพิเศษว่าต้องอุทธรณ์เสียภายใน ๓๐ วัน

การที่ ก.พ.พิจารณาเรื่องอุทธรณ์เรื่องนี้ตามกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน จึงเป็นไปตามที่ กฎหมาย ปปช.กำหนดไว้ หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ปปช.นั่นเอง

เรื่องนี้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็สุดแต่ แต่ในการเขียนกฎหมายของ ปปช.ในชั้นการพิจารณาของสภาฯ คนของ ปปช.เองเป็นผู้ไปดูแลอยู่ด้วย ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๒ แต่เพียงว่า ในการพิจารณาเพื่อลงโทษของผู้บังคับบัญชานั้น "ให้ถือเอารายงานและเอกสารของคณะกรรมการ ปปช.เป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนวินัย ตามกฎหมายหรือระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของผู้ถูกกล่าวหานั้น ๆ แล้วแต่กรณี ซึ่งก็คือ กฎหมายระเบียบข้าราชพลเรือน ส่วนการจะลงโทษลงทัณฑ์กันอย่างไรนั้น ก็ไม่บัญญัติไว้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งก็ต้องแปลว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน


ถ้าใครได้อ่านมาตรา ๙๕ ยิ่งจะเห็นได้ชัดว่า ปปช.มิได้มีอำนาจเด็ดขาดในเรื่องที่เกี่ยวกับการลงโทษข้าราชการเลย เพราะในมาตรา ๙๕ ได้บอกไว้ชัดว่า ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่ลงโทษให้ถูกต้อง ปปช.ก็ได้แต่ฟ้องไปยังนายกรัฐมนตรี หรือ ก.พ. เพื่อให้ดำเนินการดูแลให้


กระบวนการในการสอบสวนลงโทษข้าราชการนั้น ค่อนข้างจะสับสนและมีขั้นตอนมากมาย โดยอาจจะไม่ตรงกับความเข้าใจของบางคนได้ แต่ในชั้นนี้จะขอไม่พูดถึง เพียงแต่อยากบอกว่า ควรจะต้องพิจารณาดูให้ละเอียด เพื่อว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขกฎหมายของ ปปช.เองให้เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ในการแก้ไขก็ต้องเหลือบดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญด้วยก็แล้วกันว่าเส้นแบ่งเขตอำนาจของ ปปช.อยู่ที่ไหน


๓. ผมไม่ทราบว่า ปปช.ชี้มูลว่าอย่างไร และ ก.พ. (โดย อกพ.อุทธรณ์ร้องทุกข์) พิจารณาว่าอย่างไร แต่ก็น่าเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายคงจะต้องมีเหตุผลที่จะบอกต่อสาธารณะได้ เพราะประธาน อกพ.อุทธรณ์ร้องทุกข์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีประวัติดีงามและเป็นคนเที่ยงธรรมคนหนึ่ง


๔. เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการขัดกันแห่งกฎหมาย หากแต่เป็นเรื่องของการตีความกฎหมายของ ปปช. เพราะกฎหมายของ ปปช.เขียนไว้ชัดเจนว่าให้อุทธรณ์ได้ และการอุทธรณ์นั้นก็ต้องอุทธรณ์ไปยัง ก.พ. ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน เพียงแต่ว่า ปปช.เข้าใจว่า ความที่ว่าไว้ในมาตรา ๙๖ ที่ว่า "จะใช้สิทธิอุทธรณ์"ดุลพินิจในการสั่งลงโทษ"ของผู้บังคับบัญชาฯ" นั้น หมายถึงแต่เพียงว่า อุทธรณ์ระดับโทษ แต่กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน ที่ กม.ปปช.ให้นำมาใช้นั้น การอุทธรณ์ก็ต้องอุทธรณ์ได้ในทุกเรื่อง มิฉะนั้นจะให้อุทธรณ์ไปทำไม


๕. ไม่ทราบซีครับว่าศาลรัฐธรรมนูญท่านคิดอย่างไร ถ้าดูตามรัฐธรรมนูญศาลรัฐธรรมนูญตั้งขึ้นเพื่อดูแลไม่ให้มีการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ หรือดูแลไม่ให้กฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้เป็นศาลที่จะตีความกฎหมายธรรมดาหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ


๖. คำถามสมมุติ ตอบไม่ได้


๗. กรุณาดูคำตอบข้อ ๑
มีชัย ฤชุพันธุ์

5 ก.ย. 2545

Meechai

 

สิ้น ก.ย.นี้กรมบัญชีกลาง ยกเลิก จัดซื้อจัดจางทั้ง 12วิธี เปลี่ยนมาใช ระบบอะไร คลิกเลย! โพสตเมื่อวันที่ 15เม.ย.2558



ยกเลิกจัดซื้อจัดจาง12วิธีสิ้นก.ย. บัญชีกลางดันกฎหมายใหมเขา ครม.หลังสงกรานต
กรมบัญชีกลางชง "ราง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจางและการ บริหารพัสดุภาครัฐ" เขา ครม.หลังสงกรานตนี้ ชี้เพิ่ม ความโปรงใส-เอาผิดผูสั่งการ/นักการเมืองได ปูพรมทุก หนวยงานทั่วประเทศรวมถึง อปท.-รสก.-องคการ มหาชน ใช "อีบิดดิ้ง"-"อีมารเก็ต" แทนวิธีจัดซื้อจัดจาง 12 วิธีเดิม ตั้งแต 1 ต.ค.นี้ คัดลอกมาจากครูบานนอ กดอทคอม
นายมนัส แจมเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" วา ขณะนี้ไดปรับปรุงรางพระราช บัญญัติจัดซื้อจัดจางและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ... ใกลเสร็จแลว โดยคาดวาจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบไดในชวงหลังสงกรานตนี้ โดยมี ประเด็นที่เป็นนัยสําคัญ 5 เรื่อง ไดแก
1) จะกําหนดใหวางหลักในการจัดซื้อจัดจางวา ตองเป็นไปโดยโปรงใส มีการแขงขันดานราคาที่ เป็นธรรม
2) จะเปลี่ยนไปใชระบบจัดซื้อจัดจางที่แตกตาง ไปจากปัจจุบัน ที่มี 12 วิธี ไดแก ตกลงราคา, สอบราคา, ประกวดราคา, ประกวดราคาดวย ระบบอิเล็กทรอนิกส (e-Auction), วิธีพิเศษ, วิธี กรณีพิเศษ, จางที่ปรึกษาโดยวิธีตกลง, จางที่ ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก, จางออกแบบโดยวิธี ตกลง, จางออกแบบโดยวิธีคัดเลือก, จาง ออกแบบโดยวิธีคัดเลือกแบบจํากัดขอกําหนด และจางออกแบบโดยวิธีพิเศษ แลวเปลี่ยนไปเป็น ระบบ e-Market และระบบ e-Bidding แทน
3) จะมีบทกําหนดโทษ กรณีทําผิด โดย ครอบคลุมการลงโทษผูสั่งการใหจัดซื้อจัดจาง เชน นักการเมือง หรือหัวหนาสวนราชการ ที่ไป สั่งใหเจาหนาที่ทํา ก็ตองรับผิดดวย 4) จะมี สัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) เขียนไวใน กฎหมาย เพื่อกําหนดใหโครงการที่มีความ สําคัญตองนําไปใช และ 5) จะบังคับใช ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ องคกรปกครองสวน ทองถิ่น (อปท.) และองคการมหาชน จากเดิมที่ ใชเฉพาะสวนราชการ
"เดิมเรายังไมมีกฎหมายเป็น พ.ร.บ. จะมีแคระเบียบสํานัก นายกรัฐมนตรีวาดวยการพัสดุ พ.ศ. 2535 กับฉบับ แกไขปรับปรุงปี 2549 ซึ่งตางชาติเขาอยากใหเราออก เป็น พ.ร.บ. โดยหากไดรับความเห็นชอบจาก ครม. ก็จะ ไปตรวจรางที่กฤษฎีกา ประมาณ 2 เดือน และเสนอสภา นิติบัญญัติแหงชาติ (สนช.) พิจารณาอีกประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็จะเริ่มใชทันในปีงบประมาณ 2559" นาย มนัสกลาว
และวา ที่ผานมาไดเริ่มนํารองดําเนินการไปบางแลว เชน การนําสัญญาคุณธรรมมาใชในบางโครงการ ใชระบบ e-Market และ e-Bidding นํารองกับกระทรวงการคลัง และหนวยงานในสังกัดกระทรวงการคลังทั้ง 9 กรม กับ โรงพยาบาลอีก 3 แหง และในเดือน เม.ย.นี้จะเริ่มใชกับ ทุกสวนราชการในกรุงเทพมหานคร จากนั้นวันที่ 1 ต.ค. 2558 ก็จะเริ่มใชกับทุกหนวยงานทั่วประเทศ
นายมนัสกลาวอีกวา กฎหมายใหมยังมีการกําหนดใหมี คณะกรรมการ 5 ชุดไดแก 1) คณะกรรมการนโยบาย 2) คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยปัญหา 3) คณะ กรรมการพิจารณารองเรียนและอุทธรณ 4) คณะ กรรมการกํากับราคากลาง และ 5) คณะกรรมการความ รวมมือปองกันการทุจริต
"เราเสนอราง พ.ร.บ.นี้ถือวาเป็นเรื่องใหญมาก เพราะ เป็นการเปลี่ยนระบบ ซึ่งกอนหนานั้นเราก็มีการผอน คลายกฎระเบียบ เพื่อชวยเรงรัดเบิกจายไปหลายเรื่อง ซึ่งการเบิกจายภาพรวมตอนนี้ก็ดีขึ้นกวาเดิมมาก" นาย มนัสกลาว
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กลาววา การเบิก จายงบประมาณและงบฯลงทุนในครึ่งปีหลังของ ปีงบประมาณ 2558 นาจะทําไดดีกวาครึ่งปีแรกที่มีการ เบิกจายจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2558 แลว 51% โดยงบฯ ลงทุนเบิกจายแลว 32% และมีการกอหนี้ผูกพันเรียบรอย แลว 44% ทั้งนี้คาดวาการเบิกจายทั้งปีงบประมาณจะ ทําไดตามเปาหมายที่ตั้งไว โดยเฉพาะงบฯลงทุนนาจะ ทําไดกวา 80%
ที่มา ประชาชาชาติ 14 เม.ย 2558
เนื้อหาที่เกี่ยวของ
แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุดวยวิธีตลาด อิเล็กทรอนิกส (Electronic Market : e - market) และดวยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส (Electronic Bidding : e - bidding)
โพสตเมื่อวันที่ 15เม.ย.2558