ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันเถื่อน..น้ำมันถูก..ความจริงของชีวิตทางเศรษฐกิจใต้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มิถุนายน 2558 10:24 น.

    [​IMG]
    @รายการสภากาแฟ-เวทีชาวบ้าน

    [​IMG]
    @น้ำมันราคาถูก แขวนป้ายบอกราคา

    “น้ำมันเถื่อน” หรือ “น้ำมันถูก” กลายเป็นสินค้าโอท็อปที่จังหวัดสงขลา ชาวบ้านคนใต้ ฝากคำถามถึงนายกฯ ประยุทธ์ ทำให้น้ำมันราคาถูกเท่าประเทศมาเลเซียได้ไหม.. น้ำมันถูก น้ำมันที่สร้างอานิสงส์ หล่อเลี้ยงครอบครัวตำรวจ ศุลกากร เจ้าหน้าที่รัฐของประเทศไทย ไม่ให้ลำบากที่ชายแดน

    ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ลำบาก ราคายางตกต่ำในภาคใต้รวมไปถึงราคาปาล์มน้ำมันตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้กำลังซื้อของชาวบ้านชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้หดหายกันไปมาก เงินออมก็ไม่มีให้เหลือเก็บส่งลูกเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างยังเดินไปได้ ท่ามกลางสภาวะที่ไม่มีกำลังซื้อในสังคมคือการได้บริโภคน้ำมันราคาถูกที่เล็ดลอดมาตามชายแดน

    “ชา” ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการสภากาแฟ-เวทีชาวบ้าน NEW1 ว่า

    “ พี่น้องภาคใต้โชคดีมีน้ำมันราคาถูกใช้กันมาก เติมรถเครื่อง( มอเตอร์ไซค์) เติมรถยนต์ ภาคใต้เรียกกันว่าน้ำมันขวด ผมรู้ว่าเอามาจากฝั่งมาเลเซีย ผมเองเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักชาติ รักประเทศไทย แต่ขอใช้น้ำมันราคาถูก ใครจะว่าเป็นน้ำมันเถื่อนก็ว่ากันไป..แต่แถวนี้เราเรียกน้ำมันขวดครับ ผมอยากให้ประเทศเราผู้นำทำให้ราคาถูกเท่ามาเลเซียได้ไหม ”

    ด้านนายไชยยงค์ มณีพิลึก สื่อมวลชนอาวุโสของภาคใต้ บอกกับรายการสภากาแฟ-เวทีชาวบ้าน ว่า

    “ น้ำมันฝั่งมาเลเซียลิตรละสิบกว่าบาท ทำให้ประเทศของเขา ต้นทุนการขนส่งราคาถูก สินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ เมื่อพลังงานราคาถูก สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคมาเลเซียทั้ง ยาสีฟัน โอวัลติน กาแฟ ขนมปังกรอบ สบู่ สารพัดสินค้าของมาเลเซียก็ยึดกุมตลาดทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้หมด ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการแข่งขันทุกด้าน ถามว่าเป็นเพราะอะไร? ผู้นำมาเลเซียเขาโง่หรือฉลาด นักธุรกิจฝั่งมาเลเซียเขาถึงมอง 14 จังหวัดภาคใต้คือลูกค้าของนักธุรกิจมาเลเซีย”

    “วันนี้น้ำมันเถื่อน กลายเป็นน้ำมันถูก เพราะราคามันถูก อย่ามาบอกว่าคุณภาพเขาไม่ดีนะ ประเทศมาเลเซียมาตรฐานคุณภาพชีวิตไปไกลกว่าบ้านเรา ลิตรละสิบกว่าบาทใครจะไม่ซื้อ น้ำมันถูกเหล่านี้ยังถือเป็นน้ำมันที่เกิดประโยชน์ เกื้อหนุนให้ครอบครัวตำรวจ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานตามชายแดน มีเงินเลี้ยงลูกเมีย ส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือด้วยนะครับ ”

    ติดตามน้ำมันเถื่อน น้ำมันถูก แล้วทำไมไม่ทำให้น้ำมันประเทศไทยราคาถูก พบความจริงเหล่านี้ที่ รายการสภากาแฟ-เวทีชาวบ้าน เวลา 14.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2558 ทางโทรทัศน์ NEWS1

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย่าประมาท! ไวรัส MERS ในเกาหลีใต้ยังแพร่กระจายต่อเนื่อง ยอดดับพุ่ง 23 ศพ-ติดเชื้อใหม่ 3 ราย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มิถุนายน 2558 11:32 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ดันยอดเหยื่อพุ่ง 23 ศพทั่วประเทศวันนี้ (18 มิ.ย.) ขณะที่หลายฝ่ายรู้สึกเป็นกังวลกับเสียงวิจารณ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ชี้ว่า มาตรการกักกันโรคของเกาหลีใต้ “หละหลวม” เกินไป

    กระทรวงฯ ได้รับรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 3 รายในวันเดียว แม้จะประกาศเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ช่วงเลวร้ายที่สุดของการระบาดได้ผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม

    ยอดรวมผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ล่าสุดอยู่ที่ 165 ราย ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดของไวรัส MERS นอกดินแดนซาอุดีอาระเบีย

    ผู้ป่วย 24 รายได้รับการรักษาจนหายขาดและออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ยังมีอีก 17 คนที่อาการน่าเป็นห่วง และมีแนวโน้มว่าจะพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก

    WHO แถลงเตือนวานนี้ (17) ว่า การระบาดของไวรัสมรณะในเกาหลีใต้ถือเป็น “สัญญาณเตือนภัย” แก่ทั่วโลก พร้อมชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็วคือการขาดความตระหนักรู้ถึงอันตรายและวิธีป้องกันโรคในหมู่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชนชาวเกาหลีใต้เอง

    ช่วงที่ไวรัส MERS ระบาดใหม่ๆ แพทย์เกาหลีใต้ส่งผู้ป่วยไปพักในห้องฉุกเฉินที่มีคนไข้อื่นรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ชาวเกาหลียังมีวัฒนธรรมไปเยี่ยมเยียนคลุกคลีอยู่กับคนป่วยครั้งละนานๆ และนิยมไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อขอคำแนะนำจากหลายๆ ทาง โดยหารู้ไม่ว่า ยิ่งทำให้เชื้อแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง

    ก่อนหน้านี้ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในเกาหลีใต้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันอังคาร (16) ซึ่งทำให้กระทรวงสาธารณสุขโสมขาวออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดได้ผ่านไปแล้ว ทว่าตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 8 รายในพบในวันพุธ (17) ก็ทำให้ความหวังทั้งมวลดับวูบลงไปอีก

    หน่วยงานสาธารณสุขโสมขาวแถลงวันนี้(18)ว่า ร้อยละ 35 ของผู้ติดเชื้อเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไปดูแลเยี่ยมเยียนผู้ป่วย MERS และอีกร้อยละ 18 เป็นเจ้าหน้าที่แพทย์

    กระทรวงสาธารณสุขสั่งให้ประชาชนกว่า 6,700 คนที่เคยติดต่อใกล้ชิดผู้ป่วย MERS อยู่ในระยะกักโรค (quarantine) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โดยเพิ่มจำนวนขึ้น 3% จากตัวเลขเมื่อวันพุธ(17) อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวว่าผู้ติดเชื้อบางรายเล็ดรอดจากมาตรการกักกันโรคของทางการไปได้

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics & Clips : ไรเฟิลสัญชาติรัสเซียไฉไลกว่าเดิม “AK-47 ต่ออินเตอร์เนต- GPS-GLONASS” ส่องความเคลื่อนไหวศัตรูแบบรอบด้านในงานแสดงอาวุธรัสเซีย 2015 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มิถุนายน 2558 12:04 น.

    [​IMG]
    @ไรเฟิล AK-47 ติดอุปกรณ์เซนเซอร์พิเศษสามารถรับส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เนต ถูกจัดแสดงในงาน Army 2015 นอกกรุงมอสโก

    เอเจนซีส์ – ไรเฟิล AK-47 สัญชาติรัสเซียที่มีชื่อเสียงโด่งดังมานานของรัสเซีย จะสามารถมีสมรรถนะสูงขึ้นด้วยอุปกรณ์พิเศษที่สามารถช่วยให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวของเป้าหมายแบบละเอียดยิบ บริษัทพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญทางอินเตอร์เนต บ. Red Heat และ บ. StarNet Alliance แถลงในงานจัดแสดงอาวุธรัสเซีย 2015 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนนี้

    RT รายงานเมื่อวานนี้(17)ว่า บริษัทผู้เชียวชาญด้านบริษัททั้งสองแห่งบ. Red Heat และ บ. StarNet Alliance แถลงได้จับมือร่วมกันเปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาสมรรถนะ AK-47 ให้สูงขึ้นเพื่อให้สามารถรับและส่งข้อมูลสำคัญผ่านอินเตอร์เนต รวมไปถึงการหาพิกัด GPS และการสอดแนมข้อมูลของศัตรูแบบรอบด้าน

    สื่อรัสเซียรายงานว่า ได้มีการสาธิตเทคโนโลยีนี้ในวันอังคาร(18)ที่งานแสดงความก้าวหน้าด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ 2015นอกกรุงมอสโก 2015

    จากการแถลงของ StarNet Alliance ในงานถึงเทคโนโลยีใหม่นี้ว่า ไรเฟิล AK-47 มีสมรรถนะเพิ่มในด้านเซนเซอร์แบบพิเศษที่ทำงานผ่านอินเตอร์เนต ซึ่งเซนเซอร์พิเศษนี้ทำงานโดยอาศัยพลังงานจากถ่านก้อนอัลคาไลน์ในการรับส่งถ่ายข้อมูลที่สำคัญผ่านอินเตอร์เนตทั้งในรัสเซียและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากนี้ออนไลน์โมดุลนี้ยังเชื่อมกับระบบ GPS และ GLONASS อีกด้วย

    ทั้งนี้สื่อรัสเซียรายงานว่า สนนราคาของไรเฟิล AK-47 ที่มาพร้อมอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดนี้อยู่ที่ 25,000 รูเบิล หรือ 465 ดอลลาร์ และบริษัทผู้พัฒนายังแถลงต่อว่า “ จากการคาดการณ์ของเรา ทุกวันนี้มีไรเฟิล AK-47 ทั้งหมดไม่ต่ำกว่าราว 150 ล้านกระบอก ซึ่งทางเราเชื่อมั่นว่า จะสามารถขายเทคโนโลยีนี้ในตลาดรัสเซียได้อย่างมาก”

    และทางบริษัทผู้พัฒนาเชื่อว่า อุปกณ์ชิ้นนี้สามารถใช้ในด้านสงคราม และในเกมส์กีฬาล่าสุดคล้ายแอร์ซอฟท์ได้

    อย่างไรก็ตามในส่วนของ Kalashnikov บริษัทผู้ผลิตปืนไรเฟิล AK-47 ได้จัดแสดงปืนไรเฟิลรุ่นล่าสุดคือ PL-14 หรือ Lebedev Pistol ในงานจัดแสดงความก้าวหน้านี้เช่นกัน ซึ่งถึงแม้ปืนไรเฟิลรุ่นนี้ยังอยู่ในระยะการพัฒนาแต่ทว่าทางบริษัท Kalashnikov หวังว่ากองทัพรัสเซียจะเลือกใช้เมื่อทางบริษัทได้พัฒนาปืนรุ่นนี้เสร็จสิ้นแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]


    In Pics & Clips :
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    17 มิ.ย. แทบละลาย! นาซาเผยอีก 85 ปี โลกร้อนระอุ ฤดูหนาวไทยอาจมีอุณหภูมิต่ำสุดที่ 35 องศา!
    องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา เปิดตัวฐานข้อมูลคาดการณ์อุณหภูมิโลกในอนาคต เผยในปี พ.ศ. 2643 อุณหภูมิหลายประเทศอาจร้อนเกิน 45 องศาเซลเซียส
    ข้อมูลกว่า 11 เทอร์ราไบต์ที่ถูกเปิดเผยโดยนักวิทยาศาสตร์ของนาซานั้น แสดงให้เห็นข้อมูลระดับอุณหภูมิและรูปแบบการตกของฝนทั่วโลกที่อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2643
    ปัจจุบันสัดส่วนความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศอยู่ที่ 400 ส่วนในล้านส่วน ภายใต้การใช้ฐานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อ้างอิงจากระดับการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ในอีก 85 ปีข้างหน้า ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศอาจพุ่งสูงถึง 945 ส่วนในล้านส่วน ทำให้ก๊าซดังกล่าวประกอบอยู่ในชั้นบรรยากาศเกือบ 0.1 เปอร์เซนต์ หากเป็นเช่นนั้น ทวีปแอฟริกา, อเมริกาใต้, และอินเดียจะต้องทนกับอุณหภูมิรายวันที่สูงถึง 45 องศาเซลเซียส
    จากฐานข้อมูลดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์จำลองกรณีปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงในระดับ RCP 8.5 เผยให้เห็นอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยของประเทศไทยในปี 2643 จะอยู่ที่ 36.25 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 43.75 เปอร์เซนต์ โดยข้อมูลช่วงฤดูฝน เฉพาะเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิประเทศไทย อยู่ที่ 35 – 45 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูหนาวนั้นช่วงเดือนตุลาคม อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 35 – 45 องศาเซลเซียส และเดือนมกราคมอยู่ที่ 33 – 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะเตือนเมษายน ถือเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดตามฐานข้อมูล เนื่องจากอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 42 – 45 องศาเซลเซียส
    สำหรับอนาคตที่ใกล้กว่านั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่า ช่วงเดือนเมษายนในประเทศไทยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ราว 30 - 40 องศาเซลเซียส และอีก 15 ปีข้างหน้า อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งประเทศ โดยอยู่ในช่วงประมาณ 30 - 45 องศาเซลเซียส
    นางเอลเลน สโตฟาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของนาซาเผยว่า “นาซาอยู่ระหว่างนำข้อมูลที่ศึกษาโลกจากอวกาศ เพื่อสร้างเครื่องมือที่ช่วยป้องกันพวกเราในอนาคต ด้วยฐานข้อมูลเกี่ยวกับโลกชิ้นใหม่นี้ ผู้คนทั่วโลกสามารถใช้มันเพื่อวางแผนในการรับมือสภาวะโลกร้อนได้”
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังส่งผลให้เกิดภัยแล้ง,ภัยน้ำท่วม,คลื่นความร้อน,และอัตราผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ลดลง
    นอกจากนี้ งานวิจัยของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในเนปาล, เนเธอร์แลนด์, และฝรั่งเศส ชี้ว่าธารน้ำแข็งบนยอดเขาเอเวอร์เรสในเทือกเขาหิมาลัยอาจละลายจนเกือบหมดในช่วงปี พ.ศ. 2643 เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    แทบละลาย! นาซาเผยอีก 85 ปี โลกร้อนระอุ ฤดูหนาวไทยอาจมีอุณหภูมิต่ำสุดที่ 35 องศา! : มติชนออนไลน
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บีบีซีไทย - BBC Thai

    [​IMG]

    สหรัฐสั่งห้ามใช้ไขมันทรานส์ในอาหารภายในสามปี
    สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ ประกาศว่าน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนเพื่อนำมาใช้ทำไขมันทรานส์นั้นไม่ถือว่ามีความปลอดภัย และการสั่งห้ามดังกล่าวจะช่วยชีวิตชาวบ้านไม่ให้เสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย
    ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2549 ผู้ผลิตอาหารในสหรัฐต้องแสดงข้อมูลปริมาณไขมันทรานส์ที่ใช้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่าคนอเมริกันยังบริโภคไขมันทรานส์มากเกินไป ส่วนในอังกฤษมีการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์มาหลายปีแล้ว ขณะที่ในเดนมาร์กสั่งห้ามใช้ไขมันทรานส์เกือบทุกชนิดมาตั้งแต่ปี 2546
    ด้านกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เคยชี้แจงว่า ไขมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนในน้ำมันเพื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นกึ่งของแข็งหรือทำเป็นผงได้ เช่น มาร์การีนหรือเนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม ไขมันที่เปลี่ยนไปนี้เรียกว่าไขมันทรานส์ หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้ปริมาณไขมันและน้ำหนักเพิ่ม ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    ประกาศจุฬาราชมนตรี กำหนดวันที่ 18 มิ.ย.เริ่มต้นเดือนรอมฎอน
    เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. สำนักจุฬาราชมนตรี ออกประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่องกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฏอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1436 ระบุว่า ตามที่ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ ดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1436 ในวันพุธที่ 17 มิ.ย. 2558 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่าในวันและเวลาดังกล่าวมีผู้เห็นดวงจันทร์
    จึงขอประกาศว่าวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1436 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 18 มิ.ย. พ.ศ. 2558
    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…
     
  7. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    จากประเด็นสามเหลี่ยมเมอร์

    อันนี้จริงๆไม่จำเป็นต้องฟองใหญ่เท่าเรือ แค่ฟอกขนาดเล็กๆแต่มากมายผลุดขึ้นคล้ายเปิดขวดโซดาเรือก็จมได้ครับ คำถามต่อไปคือจมแล้วไปไหน และหากพบซากเรือแล้วซากคนไปไหน ถ้าพบซากคนก็แสดงว่าอาถรรพ์มิติแถวสามเหลี่ยมเมอร์คงไม่มีจริง
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    12 เหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯถึงไม่ต้องการชนะสงครามที่ตนเองก่อขึ้นทั่วโลก [ตอนที่ 1/2]

    [​IMG]

    ------------
    อีกหละ เดิมทีตั้งใจว่าจะคุยเรื่อง BRICS จริงๆนะนี่ อยากคุยมากกกกก... เรื่องนี้ก็อยากจะเล่าให้ฟังด้วยเช่นกัน เอาไงดี...? เพื่อความต่อเนื่องจากบทความที่โพสต์ให้อ่านก่อนหน้านี้ คราวนี้ก็อยากจะเล่า (แปล) เรื่องนี้ให้แฟนเพจได้รับข้อมูลเพิ่มเติมซักหน่อยนะครับ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า วันหนึ่ง (เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง) แอ็ดมิน (คุณอาย) ได้ไปอ่านเจอข่าว/บทความชิ้นหนึ่งจาก Sputnik news ของรัสเซียชื่อ "12 Reasons Why US Does Not Want to Win Wars It Instigates Worldwide" ก็แปลตามที่พาดหัวไว้ข้างบนนั่นแหละครับ
    บทความนี้ฝั่งรัสเซียเขาสรุปมาจากบทความต้นฉบับที่ชื่อ "12 Reasons America Doesn’t Win Its Wars" (12 เหตุผลว่าทำไมอเมริกาถึงไม่ยอมเอาชนะสงครามของตนเอง) ซึ่งเขียนโดย Jon Basil Utley จากนิตยสาร "The American Conservative" ของสหรัฐฯเองเลยหละ เดิมทีก็อยากจะแปลจากฉบับของรัสเซียให้อ่านกัน เพราะคิดว่ามันสั้นดี ไม่เหนื่อยแรงคนพิมพ์ ฮ่าๆๆ แต่ของฉบับรัสเซียเขาไม่ใส่หัวข้อลำดับให้ด้วยนะสิ งั้นไปแปลจากต้นฉบับให้เลยละกัน จะได้อ่านกันแบบถึงพริกถึงขิงกันไปเลย พออ่านดูแล้วก็น่าสนใจพอสมควรนะว่านี่ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ชาวอเมริกันเขาแสดงคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำของรัฐบาลของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ (มันมีอะไรแปลกๆอยู่เหมือนกัน) เริ่มเลยนะครับ...
    อเมริกาไม่ต้องการที่จะเอา "ชนะ" สงคราม เพราะว่าการเอาชนะนั้นเป็นเพียงเป้าหมายรองในบรรดาเป้าหมายอื่นๆในสงครามที่อเมริกาสร้างมันขึ้นมา สำหรับสหรัฐฯแล้วชนะหรือแพ้มีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (มันเป็น) สงครามทางเลือก (Wars of Choice) ที่ไม่ได้ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง การแพ้สงครามไม่ได้หมายความว่าจะถูกรุกรานหรือบ้านเมืองของพวกเราจะถูกทำลาย เหตุผลในการทำสงครามโดยไม่รู้จักจบสิ้นของพวกเรานั้นก็คือ สิ่งที่ตามมาเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่กรุงวอชิงตันมีในการ "ไม่เอาชนะ"
    1.) สงครามจะช่วยอุปถัมภ์ (ส่งเสริม/สนับสนุน) การทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ส่งเสริมกันด้านผลกำไรในเขตการปกครองหลัก ส่งเสริมคณะต่างๆในมหาวิทยาลัยให้มีการศึกษาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ มีทุนใหม่สำหรับอาวุธใหม่ๆ ในช่วงสงครามใครจะกล้าตั้งคำถามเเกี่ยวกับใช้จ่ายเกือบทั้งหมดที่เพนตากอนใช้ไป "เพื่อปกป้องอเมริกา" (พอรัฐบาลหรือเพนตากอนยกเหตุผลนี้ขึ้นมาก็ไม่มีใครกล้าเถียงแล้ว)
    2.) ความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินต่อไปก็จะทำให้มีการเลื่อนการตัดสินใจที่ยากลำบากเกี่ยวกับการตัดค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ (กลาโหม)ออกไป เช่นการปิดฐานทัพที่เกินดุล การตัดระบบที่ซ้ำซ้อน และมุ่งเน้นไปที่ของเสีย (waste) เช็คสเปียแนะนำไว้ได้ดีทีเดียว ในการถวายคำแนะนำแด่พระราชาในการสร้างสงครามในต่างแดนให้มากๆเข้าไว้ เพื่อให้มีความศานติสุข (tranquility) ภายในบ้านเมืองของตัวเอง
    3.) การก่อสงครามเป็นวิถีทางตามประวัติศาสตร์ของพระราชาทั้งหลาย (และประธานาธิบดีทั้งหลาย) เพื่อให้ได้รับความนิยมชมชอบ (popularity) และเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิรูปภายในประเทศที่ทำได้ยากสำหรับปัญหาที่หาทางออกได้ยาก (นั่นเป็นความคิดของอเมริกันที่มองบทบาทของพระราชาแบบตะวันตกในสมัยโบราณของอังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น หากเขาได้ศึกษาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงของเราสักนิด เชื่อว่าเขาคงจะไม่เหมารวมแบบนั้นแน่) สงครามทำให้การปฏิรูปทั้งหลายต้องถูกเลื่อนออกไป (postponed) คิดถึงตอนที่ George W. Bush ชนะการเลือกตั้งโดยให้สัญญาว่าจะทำงบประมาณให้สมดุลกัน จะให้มีการปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ (health care reform) จะปฏิรูปพันธกรณีด้านการรักษาความปลอดภัยในสังคมที่ล้มละลายของพวกเรา (ชาวอเมริกัน) จะแก้ไขปัญหา EPA (Environmental Protection Agency?) จะดูแลสหภาพครู จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเสื่อมสภาพของพวกเราขึ้นมาใหม่ เป็นต้น (แต่แล้ว) ประเด็นเหล่านั้นทั้งหมดก็ถูกเขี่ยออกไปไว้ข้างๆและเอาสงครามเข้ามาแทนที่ เขาชนะการเลือกตั้งอีกสมัยด้วยการขาดดุลในการใช้จ่ายเรื่องสงคราม/การจ่ายสวัสดิการที่มโหฬารยิ่งกว่าเดิมและเพิ่มหนี้ประเทศขึ้นเป็นล้านๆเหรียญ (ตอนสุดท้ายนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดที่แล้วก็พยายามจะเอาอย่าง Bush เหมือนกันนะเพราะเขาซี้กันมากมันต้องมาสูตรเดียวกัน แต่บังเอิญคนไทยรู้ทันซะก่อนโครงการกู้มาโกรง 2.2 ล้านๆจึงอดรับประทานเลย)
    4.) ผู้รับเหมาภาคเอกชนทำกำไรจากวิกฤตที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง พวกผู้รับเหมาจะไม่ได้รับเงินในช่วงที่มีความสงบสันติเหมือนกับทหารธรรมดาทั่วไป พวกนี้จึงค่อนข้างที่ (รีบ) ตักตวงเอาจากสงคราม หรืออย่างน้อยที่สุดก็จากการที่อเมริกาป้องกันศัตรูที่มีเพิ่มมากขึ้น ในอิรัคและอัฟกานิสถานนั้น พวกเรามีศัตรูอยู่เป็นร้อยเป็นพันคน จ่ายกันงามเลยหละ (ส่วนมากจะเป็นอดีตคนในกองทัพ) ตอนนี้ส่วนใหญ่จะทำงานที่ได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่าแต่ก่อน (หมายความว่าพวกผู้รับเหมาเกี่ยวกับสงครามนั้นเป็นคนที่เคยทำงานในกองทัพมาก่อนส่วนหนึ่ง แต่มีอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนมากที่ไม่ได้รับเหมาเป็นผู้มีรายได้น้อย)
    5.) ความเฟื่องฟูในสังคมวอชิงตัน พวกปัญญาชนธิงค์แทงค์พากันดาหน้าออกมาบรรยายผ่านรายการโทรศัทน์ มีการระดมทุนใหม่ๆ สร้างงานใหม่ได้หลายตำแหน่ง และรัฐบาลก็อนุญาตให้มีการเดินทางไปยังสนามรบเพื่อความตื่นเต้น หรืออย่างน้อยก็ให้ไปที่สำนักงานใหญ่ที่แสนจะสะดวกสบาย เพื่อศึกษาศัตรู (ดูงานต่างประเทศในอีกรูปแบบหนึ่ง) คนในสภาคองเกรสก็ออกรายงานทีวีเพิ่มมากขึ้น พวกนักวิพากษ์วิจารณ์ก็จะถูกประณามที่ทำร้ายความพยายามในการทำสงคราม (be condemned for hurting the war effort หมายถึงใครที่ไม่สนับสนุนการทำสงครามของสหรัฐฯก็จะถูกด่า) หรือแม้กระทั่งให้ความช่วยเหลือศัตรู ทุกๆคนรู้สึกว่ามีความสำคัญทั้งหมด มูลนิธิ Heritage Foundation ได้รับคัดเลือกให้ช่วยในการบริหารจัดการประเทศอิรัค และในขณะที่ไม่มีสงครามใดที่จะสร้างงานขึ้นมาเลย (ในประเทศที่เกิดสงคราม?) (ปรากฎว่ามี) เงินปลิวว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง (เหมือนในหนังเลย ดูที่อัฟกานิสถานและซีเรียเป็นตัวอย่าง สหรัฐฯทุ่มเงินให้พวกที่สหรัฐฯเรียกว่า "กบฎสายกลาง" ไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ไปต่อสู้กับฝ่ายของรัฐบาลซีเรีย อันนี้เรื่องจริงไม่อิงนิยาย)
    6.) มีผู้ชมรายการทีวีทางเคเบิลทีวีเพิ่มมากขึ้น (กล่าวคือมีรายได้จากการโฆษณาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย) แทนด้วยการนำเสนอเหตุการณ์เดิมๆที่แสนจะน่าเบื่อและไม่รู้จักจบสิ้น ลองคิดถึงกรณีที่ CNN เล่นข่าวการหายไปของเครื่องบินของมาเลเซียติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ (สิ) สงครามเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น (wars are exciting) และมีการออกอากาศและมีผู้ชมตลอด 24 ชั่วโมง
    7.) อาชีิพทหาร (ผู้เขียนเขาหมายถึงของสหรัฐฯนะครับ) กองทัพและทัพเรือของพวกเราถูกออกแบบ (ถูกฝึก) มาเพื่อสงครามในอดีต ที่ซึ่งทหารและลูกเรือส่วนมากถูกฝึกมาเพื่อนำไปทดแทนเหล่าสหายที่ล้มตายและเรือจม (fallen comrades or sunken ships) อาชีพของเจ้าหน้าที่ (ในกองทัพ) มีพื้นฐานอยู่บนประสบการณ์ที่รอบรู้และการออกคำสั่ง สงครามโลกครั้งที่สามจะแตกต่างสออกไป ในประเทศต่างๆนั้นจะไม่มีกฎระเบียบ ทุกอย่างอยู่บนความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำชนเผ่าและผู้นำกองทัพ (อันนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเขานะ ไม่เกี่ยวกับแอ็ดมิน) จักรวรรดิอังกฤษและโรมันส่งเจ้าหน้าที่ออกไปใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นใจ (ความเชื่อมั่น) และทำการศึกษาชนเผ่าต่างๆ ศาสนา และปัญหาต่างๆในท้องถิ่น (นั้นๆ) สำหรับอเมริกาแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนมี (ตัวแทน) อีกเป็นโหลอยู่ข้างหลังเขา ที่ต้องการจะหาประสบการณ์จาก "สงคราม" เพื่อใส่ไว้ในรีซูเม่ (resume) ของพวกเขา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต่างๆ จึงแทบจะไม่ได้อยู่ประจำในสนามรบนานถึงหนึ่งปี แทบจะไม่มีเวลาเรียนรู้พื้นที่และสร้างความเชื่อมั่นกับผู้นำท้องถิ่นเลย มีการเรียนรู้ภาษาของท้องถิ่นน้อยมาก สงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ทำให้เจ้าหน้าที่จำนวนมากได้รับตั๋ว (ใบเขียวออกเดินทางสู่สงคราม) โดยพูดว่า "ไปได้"
    ตรงนี้ ตรงที่ว่าสหรัฐฯไม่ได้ส่งทหารไปเรียนรู้หรือศึกษาหาประสบการณ์จากท้องถิ่นในพื้นที่สู้รบกันเหมือนอย่างยุคจักรวรรดิอังกฤษและโรมันนั้น แอ็ดมินว่าไม่จำเป็นแล้วนะ ปัจจุบันนี้สหรัฐฯแบ่งการทำงานเกี่ยวกับสงครามออกเป็น 2 ฝ่ายใหญ่ๆคืองานด้านการศึกษาเชิงลึกไม่ว่าจะเป็นภาษา ผู้นำท้องถิ่น ขบวนการต่างๆ เป็นงานของซีไอเอ ซึ่งเป็นหัวหอกในการวางแผนต่างๆเป็นแกนหลักของการก่อสงครามเลยหละ ส่วนภาคปฏิบัติในการสู้รบกันนั้นสหรัฐฯจะใช้กองทัพจับอาวุธ ดังนั้นซีไอเอจะมีสายในระดับท้องถิ่นที่ยอดเยี่ยมและลึกมาก รวมทั้งการประสานงานจากฝั่งนักการเมืองและนักการทูตของสหรัฐฯในแต่ละประเทศด้วย
    สหรัฐฯมีหน่วยงานเหล่านี้ทำงานเกี่ยวกับการวางแผนและยุทธศาสตร์เอาไว้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เป็นฝีมือของทหารเสมอไป ถ้าให้ทหารทำทุกบทบาท เสี่ยงเกินไปที่สหรัฐฯจะไม่ถูกกองทัพของตนเองทำปฏิวัติยึดอำนาจ ดังนั้นในทางปฏิบัติคนที่คุมปฏิบัติการต่างๆจริงๆก็คือซีไอเอ ไม่ใช่กองทัพ กองทัพมีหน้าที่รับคำสั่งจากซีไอเอที่ถูกส่งไปคุมปฏิบัติการในพื้นที่ต่างหาก นี่เป็นการถ่วงดุลอำนาจทางกองทัพของสหรัฐฯ การที่ผู้เขียนเขาเขียนแบบนั้น (เฉพาะข้อนี้) แสดงให้เห็นได้ว่าแม้กระทั่งผู้เขียนเองก็ยังเป็นพวกชาตินิยมแบบอเมริกันสายเลือดนักล่าอังกฤษและโรมันอยู่ดี เพราะเหมือนพยายามจะชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯน่าจะเอาอย่างอังกฤษและโรมันในอดีต แต่ผู้เขียนคงจะลืมไปว่าตอนนี้สหรัฐฯอาจจะทำได้ดีกว่า (หมายถึงว่าก้าวหน้ากว่า) อังกฤษและโรมันในอดีตด้วยซ้ำไป เพราะว่าตอนนี้สหรัฐฯมีทั้งซีไอเอและเอ็นเอสเอ (เป็นไปได้หรือที่คนที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องกองทัพและการเมืองของสหรัฐฯจะไม่รู้เรื่องแบบนี้ ยกเว้นไม่ต้องการที่จะพูดถึงหรือต้องการที่จะเบี่ยงประเด็น เพื่อทำให้ผู้อ่านที่รู้ไม่เท่าทันหลงเชื่อตามไปด้วย?)
    The Eyes
    19/06/2558
    ----------
    12 Reasons Why US Does Not Want to Win Wars It Instigates Worldwide / Sputnik International
    http://www.theamericanconservative.com/…/12-reasons-americ…/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    12 เหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯถึงไม่ต้องการชนะสงครามที่ตนเองก่อขึ้นทั่วโลก [ตอนที่ 2/2]

    [​IMG]

    ------------
    8.) เราไม่สามารถดูดซับความสูญเสียในการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดการสูญเสียเหล่านั้นให้น้อยลง พวกเราจึงใช้ระเบิดและกำจัดทิ้งทั้งหมู่บ้านและทั้งเหมืองซะเลย (ดูเมือง Fallujah ในอิรัคเป็นตัวอย่าง) (we bomb and obliterate whole villages and towns) สร้างศัตรูใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลา หากว่าชัยชนะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญจริงๆ พวกเราอาจจะต้องดูดซับ (/ปล่อยให้มี) การสูญเสียบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก (จากฝ่ายตัวเอง) และมีการส่งกองทัพเข้าไปประจำการเป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลาหลายปีที่เข้ายึดครองและปลอบใจชาติที่ (ถูกพวกเรา) ยึดครอง (ปลดปล่อย) แต่กลายเป็นว่าพวกเราเพียงแค่สู้รบต่อไปเป็นปีๆโดยไม่มีวันสิ้นสุด (Instead we just fight on for years without end)
    9.) มีชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คนทีต้องการจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการศึกษาชนเผ่าต่างๆ ศาสนาต่างๆ และขนบทำเนียมประเพณีที่ซ่อนเร้น ที่น่าเบื่อ และในพื้นที่ต่างๆที่ไม่มีความสะดวกสบายในโลก (ในอดีต) จักรวรรดิอังกฤษได้เจออะไรที่หนักหนามากในการนำเอาชาวสก็อตและไอริชที่ยากจนมาทำงานที่บ้าน ส่วนอเมริกาไม่ได้มีปัญหาเช่นนั้นที่จะต้องเผชิญหน้ากับชนชั้นสูงที่มีทักษะและมีการศึกษาซึ่งมีความสามารถในการบริหารทรัพย์สินได้อย่างกว้างขวาง
    ในส่วนแรกของข้อนี้ที่บอกว่ามีชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คนที่ต้องการจะศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นของชนเผ่าและกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆที่อเมริกาต้องการจะเข้าไปยึดครองและ/หรือยึดครองได้แล้วนั้น อันนี้แอ็ดมินไม่มองอย่างนั้น อาจจะจริงอย่างที่ผู้เขียนพูดนั่นก็ถูกในส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าตอนนี้สหรัฐฯมีสหประชาชาติและ NGO ต่างๆที่กระจายอยู่ทุกประเทศทั่วโลกเป็นเครื่องมือชั้นยอดยิ่งกว่าของอังกฤษซะอีก สหรัฐฯเพียงแค่หว่านเงินลงไป และควบคุมและสั่งการการทำงานขององค์กรเหล่านั้นผ่านสถานทูตของตัวเอง และหน่วยงานของสหประชาชาติ และรอรับรายงานต่างๆจากยูเอ็นแค่นี้สหรัฐฯก็เกือบจะรู้ทุกอย่างและควบคุมเกือบจะทุกอย่างได้แล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
    10.) สภาคองเกรสของพวกเรามีความเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฎมากกว่าการเอาชนะ อัฒจรรย์ทางการเมืองปรากฎขึ้นได้ยาก การให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นจุดประสงค์หลักของพวกเขา ดูกรณีของอิหร่านเป็นตัวอย่าง ไม่มีแนวโน้มว่าจะมีข้อตกลงสันติภาพใดที่อิหร่านและพันธมิตรในยุโรปของพวกเราจะยอมรับได้ที่จะได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส สงครามที่ไม่มีวันจะสิ้นสุดอีกแห่งหนึี่งดูเหมือนว่าจะปะทุขึ้นได้ง่ายๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันและแก๊สทั่วอ่าวเปอร์เซีย (กรณีนี้ผู้เขียนน่าจะมองว่าสหรัฐฯพยายามที่จะก่อสงครามกับอิหร่านเพราะเรื่องของน้ำมันและแก๊สของอิหร่าน ไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะสงครามจริงๆ หากต้องการจะเอาชนะนั้นก็คงต้องการที่จะทำให้อิหร่านกลายเป็นอิรัคอีกแห่งหนึ่ง อ๊ะๆ ลืมปูตินกับจีนไปแล้วหรือไง?)
    11.) ส่วนสถานการณ์ด้านความมั่นคงภายในของพวกเรา (อเมริกา) ที่มีค่าใช้จ่ายเป็นพันๆล้านเหรียญ ต้องการภัยคุกคาม (needs threats) ลองคิดถึงกรณีที่เอ็ฟบีไอวางระเบิดปลอมและอาวุธปลอมบ่อยครั้งแค่ไหนเพื่อต้องการให้มีชายหนุ่มผู้ก่อการร้ายที่ฝันว่าอยากจะแสดงออกเกี่ยวกับความเพ้อฝันของพวกเขา สงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดจะช่วยเติมเต็มในสิ่งนี้ได้ หากว่าอเมริกา "ชนะ" จริงๆ งานของพวกเขา (ที่จ่ายงาม) ก็อาจจะล้นมือก็ได้ (superfluous)
    12.) พวกเรา (สหรัฐฯ) ใจเสาะมากๆต่อปฏิบัติการ false flag และการจ่ายเงินในการสร้าง propaganda โฆษณาชวนเชื่อแหกตาทางการเมืองในต่างประเทศ (จริงอ่ะ? ใครๆก็รู้ว่าทั้งสองอย่างนี่คืองานถนัดของอเมริกาเลยหละ) ประเทศต่างๆและกลุ่มผลประโยชน์กบฎต้องการให้เราบอมบ์และ/หรือรุกการศัตรูของพวกเขา การโจมตีลิเบียจากฝ่ายเราเมื่อเร็วๆนี้มาจากข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งแพร่ออกไปโดยพันธมิตรของพวกเราเอง (มันผิดพลาดตรงไหนฟะ? ลิเบียก็เละเป็นจุลสมใจสหรัฐฯแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นฟูได้อีก ยังบอกว่าผิดพลาดอยู่อีกรึ?)
    ซาอุดิอาระเบียต้องการให้พวกเราทำลายอิหร่าน (เห็นได้ชัดเลยว่าสหรัฐฯก็เป็นเพียงลูกกระเป๋งของอิสราเอลจริงๆ หรือไม่คนเขียนก็คงจะเป็นยิวแหงๆ ผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้ถล่มอิหร่านตลอดเวลาก็คืออิสราเอลต่างหาก ซาอุดิฯไปคบกับอิสราเอลและสหรัฐฯจึงไม่มีทางเลือกก็ต้องพูดตามบทที่อิสราเอลเขียนให้พูด สหรัฐฯและอิสราเอลชี้มือให้ซาอุดิฯถล่มเยเมนซาอุดิฯก็ทำตาม คราวนี้มาโทษซาอุดิฯต้องการถล่มอิหร่านแต่ฝ่ายเดียวโดยไม่กล้าเอ่ยถึงอิสราเอลแม้แต่คำเดียว อิสราเอลนั่นแหละที่ออกมาเต้นเหยงๆอยู่ตอนนี้ว่า "บอมบ์อิหร่าน บอมบ์อิหร่าน" มันจะบิดเบือนข้อเท็จจริงไปถึงไหน?)
    ตุรกีต้องการให้พวกเราโจมตีอัสซาสในซีเรีย (นั่นโทษตุรกีไปโน่น จำไม่ได้หรือไงว่าตอนแรกตุรกีปฏิเสธไม่ให้สหรัฐฯใช้สนามบินและน่านฟ้าของตุรกีในการโจมตีทางอากาศใส่ซีเรีย แต่สุดท้ายตุรกีถูกขู่หนักเข้าว่าถ้าไม่ยอม ไอซิสได้เข้าไปก่อเหตุในตุรกีแน่ สุดท้ายตุรกีก็เลยยอมให้สหรัฐฯใช้สนามบินไปโจมตีซีเรีย) เหยี่ยวอิสราเอล (และพวกนีโอคอน neocon) ต้องการให้ฉีกอิรัคให้กระจาย ชีคคูเวตจ่ายหลายล้านเหรียญให้กับสหรัฐฯเพื่อทำ PR แคมเปญจ์เพื่อให้โจมตีอิรัคเป็นครั้งแรก เป็นต้น (ตายเลย... อาหรับพวกนี้ถูกแบล็คเมล์กลับหมดเลยคราวนี้ สหรัฐฯเป็นพระเอกอีกแล้วครับท่าน)
    ยิ่งเขียนไปยิ่งแปลไปยิ่งเห็นอะไรแปลกจากบทความนี้อ่ะ... ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะดี ชักจะไม่อยากแปลต่อแล้วนะนี่ เอ้าใกล้จะจบแล้วขอแปลสรุปของเขาให้อีกซักย่อหน้าหนึ่งละกัน
    พวกเรา (สหรัฐฯ) อาจจะ "ชนะ" หากว่าพวกเราดำเนินตามตำราพิชัยสงครามซุนหวู (Sun Tzu) (ฝรั่งอ่านซุนหวูของจีนด้วยรึ?) และเรียนรู้จากประวัติศาสตร์และจากคำแนะนำของเหล่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง (ประเทศสหรัฐฯ) ของพวกเรา แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า พวกเราไม่ได้ต้องการที่จะชนะสงครามจริงๆ มีชาวอเมริกันจำนวนมากได้รับผลประโยชน์จากสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้
    พวกเราไม่ได้เป็นจักรวรรดิแรกที่เผชิญกับปัญหานี้ (ตรงนี้ผู้เขียนเขากล้าที่จะใช้คำว่า "empire" ในการเรียกตัวเองซึ่งก็คือสหรัฐอเมริกาได้อย่างไม่เคอะเขินเลย แสดงว่าในระดับประชาชนทั่วไปพวกเขาก็เริ่มจะยอมรับแล้วว่าอเมริกาในวันนี้ก็คือ "จักรวรรดิอเมริกา" นั่นเอง) ในอดีตก็เคยมีการก่อสงครามโดยไม่สิ้นสุดแบบนี้มาแล้ว ซึ่ง (สุดท้าย) ก็ต้องถูกจำกัดลงด้วยค่าใช้จ่ายของพวกเขาเอง แต่ตราบใดที่อเมริกายังสามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศได้ คิดดูว่าจีนผู้ซึ่งปล่อยเงินกู้ให้พวกเราเป็นจำนวนมากได้รับผลประโยชน์อย่างไรบ้างจากอเมริกา สุดท้ายจะทำให้ตัวเองอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องจากการทุบตีหัวของพวกเรา การต่อต้านลัทธิศาสนาที่ทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตหลายแสนคน และสร้างศัตรูในโลกมุสลิมขึ้นมาเป็นอย่างมาก (หากจะโทษใครสักคนที่ทำให้อเมริกาอ่อนแอ คนอเมริกันบางคนก็เลือกที่จะไปโทษจีนที่ปล่อยกู้จำนวนมากให้กับอเมริกา และไปโทษคนอาหรับว่าเป็นศัตรูของอเมริกาทั้งๆที่ตัวเองไปสร้างสงครามทำลายบ้านเรือนของพวกเขาเข่นฆ่าผู้คนของพวกเขาเป็นแสนๆคนนี่นะ อเมริกาไม่ผิดอีกแล้วครับท่าน)
    อย่างที่ Rand Paul ได้กล่าวเอาไว้ว่าอเมริกาคือเหยี่ยวสงครามผู้ที่สร้างไอซิสขึ้นมาและสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในตะวันออกกลาง แต่เราก็ยังไม่แพ้สงคราม ก็เหมือนอย่างที่นายพลสี่ดาว Mattis แห่งนาวิโยธินได้กล่าวเอาไว้ว่า อเมริกาไม่ได้แพ้สงคราม อเมริกาเพียงแต่สูญเสียผลประโยชน์และถอนตัวออกจากการต่อสู้เท่านั้น
    ขอสรุปปิดท้ายซักหน่อยนะ... อเมริกาก็คืออเมริกา ตัวเองเป็นพระเอกตลอดกาล ชาตินิยมมันรุนแรงมาก ดูผิวเผินเหมือนจะพูดความจริง แต่ก็เป็นความจริงเพียงบางส่วน บางส่วนซ่อนไว้ด้วย propaganda ชอบกล่าวหาผู้อื่น ชอบโยนความผิดไปให้ผู้อื่น มีการวิพากษ์วิจารณ์กองทัพสหรัฐฯบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ออกไปในทางติเพื่อก่อ (ผลประโยชน์ให้กับพวกเขาเอง) หากไม่รู้เท่าทันก็จะเห็นดีเห็นงามไปกับบทความนี้ทั้งหมดก็ได้ โดยเฉพาะคนที่ขาดข้อมูลที่เพียงพอในการวิเคราะห์บทความเหล่านี้ แต่โดยภาพรวมที่เขาต้องการสื่อก็คือ อเมริกาไม่ใช่ผู้ร้ายแม้จะเที่ยวก่อสงครามไปทั่วโลกก็ตาม สมชื่อแล้วที่ตั้งชื่อนิตยสารของตัวเองว่า "อเมริกันอนุรักษ์นิยม" หนะ
    The Eyes
    19/06/2558
    ----------
    12 Reasons Why US Does Not Want to Win Wars It Instigates Worldwide / Sputnik International
    http://www.theamericanconservative.com/…/12-reasons-americ…/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำดื่มบรรจุขวด : ภาพสะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานย่ำแย่ของพม่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2558 13:28 น. (แก้ไขล่าสุด 17 มิถุนายน 2558 13:38 น.)

    [​IMG]
    @คนงานกำลังขนถ่ายน้ำดื่มบรรจุขวดลงจากรถบรรทุกที่ศูนย์กระจายสินค้าในนครย่างกุ้ง.--Agence France-Presse/Soe Than Win.

    เอเอฟพี - น้ำดื่มบรรจุขวดเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมผู้บริโภคจำนวนมากที่เกิดขึ้นเมื่อพม่าหลุดพ้นจากการปกครองของรัฐบาลทหารนานหลายทศวรรษ แต่ด้วยราคาประมาณ 300 จ๊าตต่อลิตร ทำให้น้ำดื่มบรรจุขวดยังคงเป็นสินค้าที่มีราคาแพงเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีอยู่ที่ 1,105 ดอลลาร์เท่านั้น
    ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารนานหลายทศวรรษที่การลงทุนเกิดน้อยมาก ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 8 ใน 10 ต้องดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่ไม่ปลอดภัย เช่น บ่อน้ำ น้ำพุ และลำธาร โดยมีประชาชนเพียง 9% เท่านั้นที่เข้าถึงระบบประปา
    ทุกเช้าระหว่างทางไปทำงานในย่างกุ้ง ซอ มิน ตุน คนงานก่อสร้างจะแวะดื่มน้ำอึกใหญ่ที่วัด สถานที่สำคัญที่จะช่วยดับกระหายให้แก่คนทั่วไปที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอันเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโต
    โครงสร้างพื้นฐานที่ย่ำแย่ ผนวกรวมกับน้ำดื่มบรรจุขวดราคาสูง ทำให้คนท้องถิ่นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ ซอ มิน ตุน ต้องพึ่งน้ำจากหม้อดินเผาที่คนแปลกหน้าใจดีตั้งไว้ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
    “นี่เป็นที่ที่ผมต้องรอรถโดยสาร ถ้าผมหิวน้ำผมก็จะอาศัยดื่มตรงนี้” ซอ มิน ตุน กล่าว ท่ามกลางแดดร้อนด้านนอกวัดในย่างกุ้ง
    [​IMG]

    @ชาวพม่าหยุดดื่มน้ำจากโถดินเผาที่ให้ดื่มฟรีริมถนนในนครย่างกุ้ง น้ำดื่มบรรจุขวดยังคงเป็นสินค้าที่มีราคาแพงเกินไปสำหรับชาวพม่าจำนวนมาก.--Agence France-Presse/Soe Than Win.

    ในอีกด้านหนึ่งของความเจริญของผู้บริโภคของพม่า โฆษณาน้ำดื่มบริสุทธิ์ติดอยู่บนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และข้างรถบรรทุกที่วิ่งไปมาในนครย่างกุ้ง และเมืองอื่นๆ ด้วยข้อความที่อ้างถึงประโยชน์เพื่อสุขภาพ “ดื่มอัลไพน์เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี” สโลแกนของอัลไพน์ ยี่ห้อน้ำดื่มของบริษัทท้องถิ่นที่ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด 200 ล้านขวดในพม่าเมื่อปีก่อน และมีโครงการที่จะผลิตออกมาให้ได้ 300 ล้านขวดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดของพม่ายังคงห่างไกลจากจุดอิ่มตัว
    ในปี 2556 การบริโภคน้ำดื่มบรรจุขวดต่อหัวของพม่าอยู่ที่ 0.1 ลิตร ตามรายงานปี 2557 โดยนักวิจัยจาก Euromonitor International เทียบกับ 21 ลิตร ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยรวม
    เนสท์เล่ ก็เป็นหนึ่งในบริษัทต่างชาติที่เข้าดำเนินธุรกิจในตลาดน้ำดื่มของพม่า แม้จะยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ในเวลานี้ก็ตาม
    “ธุรกิจนี้มีอนาคตมาก ประชาชนร่ำรวยขึ้น ชนชั้นกลางมีความคาดหวังมากขึ้น” สาย สัม ตุน ซีอีโอบริษัท Lo Hein ที่เป็นเจ้าของน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้ออัลไพน์ กล่าว
    สำหรับชนชั้นกลางของพม่า บริษัทบรรจุขวดเช่นที่กล่าวไปข้างต้นให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า หลังจากที่ไม่นานนี้เกิดเหตุอื้อฉาวในอุตสาหกรรมภายในครัวเรือน
    “ก่อนหน้านี้ มีกิจการขนาดเล็กจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการบำบัดน้ำ พวกเขาเพียงแค่นำน้ำมาจากใต้ดิน หรือจากท่อประปาของเมือง” สาย สัม ตุน กล่าว
    ความกังวลเกี่ยวกับน้ำดื่มไม่สะอาดกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ที่ในเดือน ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขสั่งห้ามน้ำดื่มมากกว่า 70 ยี่ห้อ เมื่อตรวจพบว่าไม่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
    เฟนตัน ฮอลแลนด์ ผู้เชี่ยวชาญชาวออสเตรเลียที่ช่วยเหลือบริษัทเครื่องดื่มตะวันตก และโรงแรมต่างๆ เข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดปลอดภัยในพม่า กล่าวว่า ธุรกิจต่างๆ ได้ตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องเข้าถึงน้ำสะอาดปลอดภัย เพราะแม้ว่าจะทำมันฝรั่งทอดก็จำเป็นต้องใช้น้ำที่สะอาดที่สุด
    การจัดการเศรษฐกิจผิดพลาดนานหลายทศวรรษภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร ทำให้พม่าล้าหลัง และโครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสภาพ รวมถึงระบบประปา จากรายงานการสำรวจสำมะโนประชากรที่เผยแพร่ในเดือนนี้ พบว่า มีผู้อยู่อาศัยในเมืองเพียง 31% ที่บริโภคน้ำสะอาด และมีเพียงแค่ 2% สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
    แม้แต่ในนครย่างกุ้ง ที่เป็นหัวใจหลักทางเศรษฐกิจของประเทศ บ่อน้ำ และสระน้ำเป็นแหล่งน้ำสำหรับผู้อยู่อาศัยราว 7 ล้านคนของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบชานเมือง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเป็นงานที่ต้องใช้กำลัง และความพยายามอย่างมาก แม้แต่เมืองเช่น ย่างกุ้ง
    บริษัท Egis จากฝรั่งเศสได้รับมอบหมายจากทางการนครย่างกุ้งให้ดำเนินการแผนฟื้นฟูท่อประปาใต้เมืองที่มีความยาวหลายพันกิโลเมตร ซึ่งผู้ประสานงานโครงการระบุว่า เครือข่ายท่อประปาส่วนใหญ่มีอายุราว 50-70 ปี ซึ่งท่อเหล่านี้จะถูกทำความสะอาด และซ่อมแซม คาดว่าพื้นที่ใจกลางนครย่างกุ้งจะมีน้ำดื่มสะอาดส่งผ่านท่อภายใน 5 ปี แต่หากเป็นทั้งเมืองอาจต้องใช้เวลามากกว่า 20 ปี.

    [​IMG]
    @ชาวพม่าเดินเร่ขายน้ำดื่มบรรจุขวดบนถนนในนครย่างกุ้ง.--Agence France-Presse/Soe Than Win.
    http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx…
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐ-รัสเซีย-จีน ศึกชิงพันธมิตรหลอก สามก๊กโมเดล

    [​IMG]

    -------------
    ตอนนี้สหรัฐฯและพันธมิตรหลักอย่างอียูพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกดดันและควบคุมรัสเซียให้ได้ มีทั้งในกำลังทหารด้วยการยืมมือนาโต้ยั่วยุรัสเซียอยู่บ่อยๆ และการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเช่นการแซงชั่นหลายรอบ ซึ่งรัสเซียก็ตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อกันมาแล้ว ล่าสุดทางอียูก็ยังไม่หยุด เพราะทางธนาคารฝรั่งเศสพึ่งจะออกมาประกาศว่าอายัดบัญชีของบริษัทสัญชาติรัสเซียและบัญชีของนักการทูต (รัสเซีย) ในธนาคาร VTB ของรัสเซียสาขาย่อยในฝรั่งเศส ต่อมามีข่าวว่าฝรั่งเศสได้ยกเลิกการอายัดบัญชีของนักการทูตแล้ว ส่วนที่เบลเยี่ยมเล่นแรงกว่าที่ฝรั่งเศสอีก โดยรัฐบาลเบลเยี่ยมได้สั่งให้ยึดทรัพย์บริษัทหรือองค์กรที่เป็นของรัสเซียจำนวน 47 องค์กรซึ่งรวมทั้งกรณีของบริษัท Yukos Universal Limited หนึ่งในบริษัทย่อยของยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียด้วย (คดีนี้ยาวนานมาตั้งแต่ปี 2006) การเคลื่อนไหวของอียูในครั้งนี้รัสเซียบอกตรงๆเลยว่าเป็นเรื่องของการเมือง
    กลับมาที่สหรัฐฯต่อนะครับ... ดูเหมือนว่าหลังจากสหรัฐฯพยายามจะเปิดศึกสองด้านทั้งกับรัสเซียและจีนในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่าจีนแข็งมาก สหรัฐฯก็กลัวจะเสียหน้าเพราะออกตัวแรงเหลือเกินในช่วงแรกเกี่ยวกับปัญหาในทะเลจีนใต้ โดยหวังจะเสี้ยมให้ญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ซัดกับจีนแล้วสหรัฐฯจะคอยคุมเชิงให้เอง ถ้าญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์แพ้ขึ้นมาสหรัฐฯก็ลอยตัวอยู่ดีเพราะไม่ได้ทำสงครามโดยตรงกับจีน ฝ่ายที่จะเสียหายและตายไปเป็นจำนวนมากก็จะมีแต่จีน ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เท่านั้น สหรัฐฯก็รวยจากการขายอาวุธให้กับประเทศเหล่านั้นเพื่อใช้ในการต่อสู้กับจีน แต่จีนก็รู้ทันแผนนี้ จึงไม่ปะทะกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ สหรัฐฯเห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบหาทางลงให้กับตัวเองโดยการขอซ้อมรบกับจีนแทน เพื่อรักษาหน้าตัวเองไว้
    ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็ปล่อยให้พวกนักวิชาการ นักการเมือง และแม้กระทั่งจอร์จ โซรอส ออกมาพูดว่าสหรัฐฯควรจับมือกับจีน แทนที่จะเป็นปฏิปักษ์กับจีน จากนั้นก็ถล่มรัสเซีย หรือไม่ก็ต้องเผชิญสงครามโลกครั้งที่สามกันไปเลย (สังเกตไหมว่าพวกนี้ชอบหากินกับความขัดแย้งมากๆ เขาจะเน้นเรื่อง WWIII ตลอดพอกระแสเริ่มตก หรือราคาน้ำดิบในตลาดโลกเริ่มลดลง ก็จะส่งคนสำคัญออกมากระตุ้นซะหน่อย เป็นอย่างนี้บ่อยๆ)
    ลูกไม้นี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาก่อน และไม่ใช่ว่าสหรัฐฯจะไม่เคยใช้แผนนี้มาก่อน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองสหรัฐฯและฝ่ายสัมพันธมิตรแกล้งจับมือกับโซเวียตเพื่อปราบกองทัพนาซีเยอรมันของฮิตเลอร์มาแล้ว จากนั้นสหรัฐฯก็หันมาแว้งกัดโซเวียตซะเอง แต่ไม่กล้าที่จะทำสงครามแบบเดิมอีกจึงกลายเป็นสงครามเย็นแทน จากนั้นก็แกล้งทำดีกับโซเวียตอีกรอบโดยบ่อนทำลายจากภายใน สุดท้ายโซเวียตก็แตก และล่มสลาย แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจสหรัฐฯอยู่ดีเพราะว่าตอนนี้รัสเซียซึ่งเป็นฐานใหญ่ของอดีตโซเวียตกำลังเข้มแข็งขึ้นมาอีกรอบ
    หากโจมตีจากภายนอกไม่สำเร็จ สหรัฐฯก็จะเปลี่ยนเป็นโจมตีจากภายในแทน แผนนี้ในสมัยโบราณ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว โดยมีลักษณะคล้ายการที่พระเจ้าอชาตศัตรูส่งวัสสการพราหมณ์ บ่างช่างยุ เข้าไปบ่อนทำลายความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ราชวงค์ลิจฉลีเมืองเวสาลีแห่งแคว้นวัชชีมาแล้ว เคยเล่าย่อๆให้ฟังแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา https://th-th.facebook.com/fisont/posts/1613190528901081 หากท่านใดสนใจสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้
    คราวนี้รัสเซียไม่ได้มาแบบคอมมิวนิสต์ในอดีตที่จะให้สหรัฐฯและยุโรปพวกประชาธิไตยนิยมทั้งหลายกล่าวหาได้อีกว่ารัสเซียเป็นเผด็จการไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะว่าตอนนี้รัสเซียก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นประชาธิปไตยอย่างมหาอำนาจในยุโรปและสหรัฐฯด้วยเช่นกัน สหรัฐฯจะใช้ข้ออ้างนี้เล่นงานรัสเซียเหมือนสมัยก่อนไม่ได้อีกแล้ว จึงเปลี่ยนมุกมาเป็นการสร้าง propaganda เพื่อต่อต้านรัสเซีย (anti-Russia) ผ่านสื่อต่างๆว่ารัสเซียก้าวร้าวชอบรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแทน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร จะมีก็ตอนที่อียูต้องขัดขวางไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมกับยูเรเซีย และให้หันมาร่วมกับสหภาพยุโรปแทนนี่แหละ จากนั้นสหรัฐฯก็ถือโอกาสเข้าเสียบแทนสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนขึ้นมาในยูเครนจนถึงทุกวันนี้
    สหรัฐฯและอียูพยายามยั่วยุรัสเซียทุกช่องทางเพื่อให้รัสเซียเป็นฝ่ายลงมือก่อสงครามก่อน แต่รัสเซียก็ไม่หลงกลง่ายๆ รัสเซียในยุคปูตินเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยการทูตและการเมืองแทนการใช้กำลัง แต่รัสเซียก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องอธิปไตยของตนเองเช่นกันหากรัสเซียรู้สึกว่ากำลังจะถูกรุกรานจากสหรัฐฯและนาโต้
    เมื่อสหรัฐฯใช้แผนยึดป่าล้อมเมืองกดดันรัสเซียไม่สำเร็จ สหรัฐฯจึงคิดจะมาใช้มุกเดิมคือรวมพลังสองต่อหนึ่งอีกครั้ง โดยคราวนี้สหรัฐฯนักประชาธิปไตยใหญ่ผู้จงเกลียดจงชังคอมมิวนิสต์ยิ่งกว่าอะไรดี ยอมที่จะไปจับมือกับคอมมิวนิสต์จีนเพื่อถล่มรัสเซียแทน หรือเพื่อให้รัสเซียเกิดความระแวงในจีน โดยหวังว่ามิตรภาพของทั้งสองคือจีนกับรัสเซียก็จะขาดสะบั้นหรือมีปัญหา นั่นคือแผนของสหรัฐฯ
    แต่จีนเขาคือต้นตำรับตำราพิชัยยุทธ์และกลศึกแห่งสามก๊กเลยนะ ในการที่ฝ่ายที่อ่อนแอจะสามารถคานอำนาจการรุกรานจากกองทัพของฝ่ายที่เข้มแข็งกว่าได้นั้น ฝ่ายที่อ่อนแอและมีกำลังน้อยกว่าจำเป็นต้องหาพันธมิตรเพิ่มและรวมพลังกันต้านฝ่ายที่เข้มแข็งที่สุดถึงจะอยู่รอดได้ ดูอย่างจ๊กก๊ก (ของเล่าปี่) จับมือกับง่อก๊ก (ของซุนกวน) ต้านวุยก๊ก (ของโจโฉ) สิ ในช่วงที่เล่าปี่และขงเบ้งยังมีชีวิตอยู่นั้นวุยก๊กแทบจะไม่สามารถทำอะไร จ๊กก๊กและง่อก๊กได้เลยเพราะทั้งสองก๊กสามัคคีกัน (แต่สุดท้ายจ๊กก๊กก็ถูกบ่อนทำลายจากภายใน เมื่อจ๊กก๊กจบสิ้นวุยก๊กยกทัพไปปราบง่อก๊กได้สบาย)
    ถ้าเอาจุดนี้มาเทียบกับสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน-รัสเซีย แล้ว ก็จะเหมือนกับรัสเซียและจีนเป็นจ๊กก๊กและง่อก๊ก ส่วนสหรัฐฯนั้นก็เป็นวุยก๊กไป แต่สหรัฐฯก็พยายามจะใช้โมเดลนี้ทำให้ตัวเองกับจีนเป็น "จ๊กก๊ก+ง่อก๊ก" โดยให้มองว่ารัสเซียเป็น "วุยก๊ก" แทน สหรัฐฯจึงพยายามส่งบุคคลสำคัญออกมาสร้างภาพโดยเสนอให้สหรัฐฯจับมือกันกับจีนแทนการเป็นอริกับจีน อย่างน้อยก็จะทำให้รัสเซียและจีนระแวงกันเอง จีนรู้เรื่องนี้ดี และรัสเซียก็เคยมีประสบการณ์การถูกหักหลังมาจากสหรัฐฯในอดีตมาแล้ว แผนนี้จึงไม่น่าจะได้ผลนะ เพราะอะไรถึงมองว่าไม่น่าจะได้ผล ก็จีนกับรัสเซียยังเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันต่อไปอยู่นะสิครับ
    ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็ให้จอร์จ โซรอสออกมาเสี้ยมให้จีนระแวงกันเองภายในของจีนด้วย และทำให้ชาวโลกไม่ไว้วางใจจีนด้วยการกล่าวว่า "อันตรายอาจจะมาจากความล้มเหลวในการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนก็ได้ (ผิดหละ สหรัฐฯต่างหากที่กำลังจะล้มเหลว) ในขณะกรณีนั้น ปธน.สี จิ้นผิงอาจจะส่งเสริมให้เกิดความขัดแย้งบางอย่างภายนอกขึ้นมาเพื่อทำให้ประเทศของตัวเองรวมตัวกันอยู่ได้และเพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่ในอำนาจต่อไปได้อีก"
    ความขัดแย้งภายนอกที่จอร์จ โซรอสหมายถึงนั้นก็คือความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นซึ่งจอร์จ โซรอสเน้นว่า (ญี่ปุ่น) เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ (เพราะยอมให้สหรัฐฯเข้าไปตั้งฐานทัพในญี่ปุ่นได้เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นเครื่องประกันว่าญี่ปุ่นจะไม่ก่อปัญหาขึ้นมาอีก และอีกด้านหนึ่งก็เพื่อกดให้ญี่ปุ่นอยู่ในอำนาจของสหรัฐฯต่อไป) นั่นคือจุดที่โซรอสมองว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้โซรอสจึงแนะนำว่าสหรัฐฯควรจะหันไปจับมือกับจีนจะดีกว่า
    ฮ่าๆๆ... สังเกตพวก economic elites พวกนี้พูดสิ สหรัฐฯเป็นพระเอกตลอด วิธีการสร้างความขัดแย้งภายนอกเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพและไม่ให้เกิดการแตกแยกจากภายในของตนนั้น ก็คือวิธีการที่สหรัฐฯได้ทำมาเป็นประจำและกำลังทำอยู่ในตอนนี้ทั้งนั้น แต่สหรัฐฯพยายามจะกล่าวโทษจีนว่าเป็นผู้สร้างความแตกแยกและสร้างความขัดแย้งภายนอกแทนซะงั้น การพยายามบิดเบือนความจริงและให้ร้ายคนอื่นนี่ไม่มีใครเกินสหรัฐฯอีกแล้วในเวลานี้ แล้วไอ้โรคประหลาดชอบใส่ร้ายกล่าวหาผู้อื่นยกตนข่มท่านนี่มันก็กำลังระบาดไปทั่วในกลุ่มนักการเมืองและสื่อฯโปรอเมริกาเป็นอย่างมากซะด้วยสิ ในโลกโซเชียลเน็ทเวิร์คนี่มีเยอะมาก
    อ้าว… ตั้งใจว่าจะคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าของกลุ่ม BRICS ในด้านเศรษฐกิจให้ฟังซะหน่อย คุยเกี่ยวกับสหรัฐฯและพ่อมดการเงินจอร์จ โซรอสซะยาวเลย งั้นขอยกเรื่อง BRICS ไปคุยในโพสต์หน้านะครับ
    ป.ล. ก่อนหน้านี้สหรัฐฯก็ส่ง บิล เกตส์ออกมาพูดเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียว่าอาจจะเกิดขึ้นภายใน 20 ปีในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่นี้ก็ได้ โดยบิล เกตส์บอกว่าเขาไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ (ทำไงดีหละ รีบตาม Steve Jobs ไปดีไหมบิลฯ ฮ่าๆๆ) ต่อมาสหรัฐฯก็ส่งจอร์จ โซรอสออกมาพูดเรื่อง WWIII อีก นี่เขาเล่นกันอย่างนี้แหละ คำพูดของคนพวกนี้มีอิทธิพลต่อนักลงทุนและการเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นมาก
    The Eyes
    18/06/2558
    ----------
    Soros Warns Russia-China Military Alliance Will Take on US / Sputnik International
    http://rt.com/news/268024-vtb-accounts-france-frozen/
    Moscow summons Belgian envoy over seizure of state assets, threatens retaliation — RT Business
    Russia to Challenge State Property Arrest in Court Over Yukos Case / Sputnik International
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เกิดเหตุคนผิวขาวกราดยิงคนผิวสีภายในโบสถ์คริสต์รัฐเซาท์แคโรไรนา สหรัฐฯอเมริกา

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมารายงานข่าวต่างประเทศบอกว่ามีชายผิวขาวคนหนึ่งพกอาวุธปืนเข้าไปภายในโบสถ์ทางประวัติศาสตร์ของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในเมือง Charleston รัฐ South Carolina ซึ่งเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกาย Emanuel African Methodist Episcopal และกราดยิงผู้คนที่อยู่ภายในโบสถ์ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 8 ราย และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย การก่อเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่มีประชาชนชาวแอฟริกัน-อเมริกันเข้าไปร่วมกันทำพิธีทางศาสนาภายในโบสถ์ โดยมีการกราดยิงในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (01:00 GMT Thursday) หลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายก็ขับรถเก๋งหนีออกไป ต่อมามีการขู่วางระเบิดในสถานที่ใกล้เคียงโบสถ์แห่งนั้นด้วย จนตำรวจต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยด่วน หลังจากตรวจสอบแล้วไม่พบวัตถุต้องสงสัยจึงอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าสู่ที่พักได้
    หลังเกิดเหตุทางตำรวจของเมือง Charleston รีบออกมาแถลงข่าวว่าเป็น "อาชญากรรมความเกลียดชัง" (hate crime) หนึ่งในผู้เสียชีวิต ก็คือบาทหลวง (pastor) Rev. Clementa C. Pinckney (ผิวสี) ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรคดิโมแครท พรรคเดียวกับนายบารัคโอบาม่า และนางฮิลลารี คลินตันด้วย
    ก่อนที่จะเกิดเหตุในวันเดียวกันนั้นมีรายงานว่า ส.ว. Pinckney กำลังจะจัดแคมเปญจ์ให้กับนาง Hillary Clinton ซึ่งเป็นผู้แข่งขันลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นปธน.ของสหรัฐฯในเมือง Charleston ด้วย
    ตกลงว่ามันเป็นการเมืองเดือด หรือว่าการเหยียดผิวกันแน่?
    The Eyes
    18/06/2558
    ----------
    Police Confirm Nine Dead in Charleston Church Shooting / Sputnik International
    9 people killed in S. Carolina church shooting, police investigating ‘hate crime’ — RT USA
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    ระทึก! สังเวย 9 ชีวิต เหตุชายผิวขาวกราดยิงโบสถ์ผิวสีในสหรัฐฯ
    เกิดเหตุระทึกในสหรัฐฯ เมื่อมีคนร้ายชายผิวขาวอายุประมาณ 21 ปี ได้ก่อเหตุทำทีเข้าไปนั่งสวดมนต์ แล้วกราดยิงในโบสถ์ของคนผิวสี ในทางตอนใต้เมืองชาร์ลตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 9 ราย แถมมี "วุฒิสมาชิกผิวดำ" รัฐนี้ตายด้วย ??
    โบถส์ดังกล่าวมักจะมีประชาชนชาวคริสต์ผิวสี มาประกอบกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำ และจู่ๆ คนร้ายก็เข้ามากราดยิงผู้คนขณะกำลังร่วมกันสวดมนต์ขอพรพระเจ้าอย่างเลือดเย็น ก่อนจะหลบหนีไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามตัว
    เหตุการณ์นี้จะจุดประเด็นความเกลียดชังเรื่องผิวสีให้ปะทุขึ้นอีกครั้งในสังคมอเมริกา หลังจากเกิดความไม่ยุติธรรม 2 มาตรฐาน ความไม่เท่าเทียว ไร้สิทธิและเสรีภาพ ของคนผิวสีในอเมริกา
    เรื่องนี้มันแปลกๆ ที่มาเกิดเหตุในช่วงที่อเมริกาเตรียมประกาศกฎอัยการศึกทางทหารในเดือนหน้านี้ราว 8 รัฐ เรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ พิกล คอยดูว่าสำนักข่าวใหญ่ยิวไซออนิสต์จะออกข่าวว่าคนร้ายเป็นผู้สติไม่ดี ิเพราะพล็อตเรื่องมันจะซ้ำๆ เดิม
    @ เสธ น้ำเงิน2
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    พออเมริกาใช้หมาก NATO ขยับ รัสเซียก็เขยิบบ้าง
    เป็นที่น่าสังเกตุว่า อเมริกาเริ่มเดินเกมส์ ส่งอาวุธหนัก เครื่องบินรบ เรือรบ ทะยอยเข้าประจำการในประเทศ NATO ด้านที่ประชิดรัสเซีย และมีแผ่นจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ที่ใจกลางเกาะอังกฤษเสียด้วย เป็นการเดินแผนใช้คนอื่นไปตาย แล้วตนเองเก็บทรัพย์จากศพที่อเมริกาถนัด
    ด้านกลาโหมรัสเซียเอง ก็เขยิบเดินสายเยือนประเทศรอบๆ ยุโรปเป็นว่าเล่น ทั้งตุรกี ปากีสถาน ที่มีศักยภาพทางทหารไม่ธรรมดา และเป็นพันธมิตรกับซาอุฯ มาเนิ่นนาน เกทับบลัพกันแหลกจริงๆ ช่วงนี้
    มหาอำนาจเขาขยับปรับพิกัดบ้องข้าวหลามขีปนาวุธนิวเคลียร์กันเป็นว่าเล่น ส่วนไทยสบายๆ ชิวๆ กองทัพไทยมีศักยภาพเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ในยุกติ์รัฐบาลอนุรักษ์นิยมประชาธิปไตย ชาวบ้านชิมข้ามหลามหนองมนกันปากเป็นมัน และยิงบั้งไฟกันสนุกสนาน
    @ เสธ น้ำเงิน2
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    สงครามเย็น ที่ชักเริ่มจะอุ่น จนร้อนระอุในยุโรปตะวันออกตอนนี้
    เมื่อความพยายามของอเมริกา ที่จะจุดชนวนสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางเพื่อทำเงินจากอุตสาหกรรมสงครามเริ่มส่อว่าจะแป่ก เพราะกลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด , อัลกอิดะห์ เด็กในคาถา ที่พยายามสร้างภาพว่าเก่งนักหนา สุดท้ายก็บ้อท่า กินรัฐบาลซีเรีย อิรัก และเยเมนไม่ลง เลยต้องแทงหลังเพื่อนเก่าซาอุฯ ให้ปั่นป่วน
    เมื่อจุดสงครามใหญ่ไม่ติด อาศัยคนมุสลิมฆ่ากันเองเป็นล้านศพไม่สมหวังดั่งใจ ก็หันมาเล่นจุดชนวนสงครามแถวยุโรปตะวันออก และยูเครนอีกครั้ง คราวนี้ยุประเทศที่แยกตัวมาจากสหภาพโซเวียติเก่า ที่ย้ายค่ายมาอยู่ NATO เคลื่อนกำลังอาวุธคึกคัก ปิดล้อมชายแดนรัสเซียตลอดแนว
    หวังให้ประเทศเล็กประเทศน้อยพวกนี้ก่อสงครามกับรัสเซียแทนมือที่มองไม่เห็น จัดเครื่องบิน รถถัง จรวด กำลขงพล ขยับกำลังกันคึกคัก หวังว่าวันใดเสียงปืนแตก อเมริกาก็จะขอแจมร่วมด้วย แต่ขอขายอาวุธอย่างเดียวนะ
    ถ้าจะให้ลงทุนจ่ายค่าโสหุ้ยอื่นๆ ให้ NATO อเมริกาไม่เอาเพราะถังแตกไม่มีเงินเลย มีแต่หนี้สินท่วมหัว แต่ให้ NATO ช่วยกันลงขันจ่ายให้อเมริกาแทน เรียกว่า " กินเอาแต่จ่าไม่ใส่ "
    ด้านรัสเซีย และมหาอำนาจใหม่ทางเศรษฐกิจในนาม BRICS ก็ไม่สนใจพวกจนแล้วไม่เจียม ยังคงเดินหน้าร่วมมือกัน เพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้ประชาชนของตน และทั่วโลกให้อยู่ดีกินดีและผาสุข..คนทั้งโลกถูกหลอกมานาน ตอนนี้เริ่มเห็นแล้วว่าพวกไหนเป็นเทพและมาร
    @ เสธ น้ำเงิน2
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สัตว์ที่ว่าดุร้ายที่สุดในโลกยังไม่เทียบเท่าความโหดของสิ่งใด?
    มนุษย์ได้ชื่อส่าเป็นผู้ทำลายที่ร้ายกาจที่สุด โลกจะอยู่ต่อได้นานแค่ไหน จะอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ หรืออยู่อย่างแร้นแค้นขึ้นอยู่กับมนุษย์เท่านั้น แต่มนุษย์ก็ทำลายสิ่งแวดล้อม สัตว์โลก ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำลายได้อีก
    ในภาพค่อประจักษ์พยานว่า มนุษย์นั้นเบีียดเบียนและโหดเหี้ยมกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ สามารถฆ่าฟันสัตว์อื่นได้เลือดแดงฉานทั่วท้องน้ำโดยอ้างเหตุผลสารพัดมารองรับการกระทำของตัวเอง..สักวันมนุษย์เองก็่ถูกกระทำเหมือนปลาพวกนี้เหมือนกัน
    @ เสธ น้ำเงิน4
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลุมระเบิดใหญ่และลึกขึ้นที่เป็นผลจากอาวุธอเมริกาในยูเครน
    หลังจากยูเครนได้รับการขนอาวุธส่งมาให้จาอเมริกา ตอนนี้ได้เร่งใช้อาวุธนั้นแล้ว เพื่อโจมตีเมืองโดเนตสค์ของกลุ่มนิวรัสเซีย โดยมีเสียงระเบิดดังกึกก้องทั่วเมือง รัศมีของหลุมระเบิดมากกว่า 30 เมตร ลึก 10 เมตร ซึ่งสงครามรอบใหม่นี้ส่อเค้าจะงัดอาวุธที่ร้ายแรงออกมาสู้กันมากกว่าเดิม
    นี่คือรายได้เนาะๆ ของอุตสาหกรรมสงครามของอเมริกา แต่มันต้องแลกด้วยเลือด ชิ้นส่วนร่างกายของประชาชน และความเสียหายอาคารบ้านเรือน
    @ เสธ น้ำเงิน2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2015
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    .. "แคลิฟอร์เนีย : เรียกร้องแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระทั้ง 6 ... จากอเมริกา"
    ... ไม่ใช่แค่เท็กซัสที่อยากแยกตัวออกจาก "สหรัฐอเมริกา" เท่านั้น รัฐใหญ่ทางตะวันตกอย่าง ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อ วันจันทร์ที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1850 นั้นก็ต้องการที่จะ "แยกตัวเองออกจากอเมริกา โดยต้องการแยกออกมาเป็นรัฐอิสระทั้ง 6 อีกที
    ... โดยมีนักธุรกิจแห่ง "ซิลลิคอนวัลเลย์" เมืองเห่งการค้นคว้าด้านเทคโนโลยี ( ที่ตั้งอยู่ในรัฐนี้ด้วย ) อย่าง Timothy C. Draper เจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อเขาเองต้องการให้แยกรัฐ "แคลิฟอร์เนีย" ออกเป็นรัฐเล็กน้อยทั้ง 6 รัฐอีกที เพราะเขาบอกว่ายิ่งนานวันรัฐนี้ก็ยิ่งจะใหญ่เกินกว่าจะปกครองเป็นรัฐเดียวได้อีกแล้ว ต้องการให้มีการกระจายอำนาจมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้มีการผูกขาดอำนาจมากเกินไป
    ... หลังจาก "สงครามเม็กซิโก - อเมริกา" ในช่วงปี 1846 ถึง 1848 ทำให้ต่อมารัฐ "แคลิฟอร์เนีย" ได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของ "สหรัฐอเมริกา" ( เม็กซิโกพ่ายแพ้ ) ในปี 1850 ในที่สุด โดยสงครามครั้งนั้น เป็นสงครามต่อเนื่องหลังจากที่ "สหรัฐอเมริกา" ได้รัฐ "เท็กซัส" เป็นส่วนหนึ่งในปี 1845 แล้ว จึงต้องการที่จะเอาดินแดนของ "เม็กซิโก" เพิ่มเติมอีก
    ... ( ตอนที่ "เท็กซัส" เป็นส่วนหนึ่งของ อเมริกา นั้นก็เพราะเป็นผลพวงจากสงคราม "การปฎิวัติในเท็กซัส" ในปี October 2, 1835 – April 21, 1836 โดยก่อนหน้านนั้นประมาณสิบปี ผู้อพยพตั้งรกรากที่พูดภาษาอังกฤษได้ "ก่อกบฎ" ต่อรัฐบาลกลางของเม็กซิโก เพราะว่ามีวิถีชีวิตวัฒณธรรมที่ไม่เหมือนกัน จึงก่อกบฎ จนสุดท้ายเป็นสงครามและทางฝ่ายเม๊กซิกันแพ้ จน"เท็กซัส" ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของ "สหรัฐอเมริกา" ในที่สุดในปี 1845 )
    ... โดยในปี 2014 Timothy C. Draper ได้ออกมารณรงค์ที่จะให้มีการล่ารายชื่อเพื่อจะขอลงประชามตีในปี 2016 เพิ่อจะตัดสินว่าจะออกจาก สหรัฐอเมริกาหรือไม่ แต่ข่าวล่าสุดเมื่อปีมีผู้เห็นด้วยกว่า 25% แล้ว
    ... กระแสมีตั้งแต่แยกเป็นรัฐย่อยๆเฉยๆ จนกระทั้งแยกเป็นประเทศอิสระจาก สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อเป็นประเทศใหม่เลย
    ... มีนักวิเคราะห์พยายามเชื่อมโยงโดยการอธิบายว่า ปฏิบัติการ Jade Helm ที่มีการฝึกซ้อมรบกลางเมืองในรัฐใหญ่ๆทางใต้ของอเมริกา โดยเฉพาะรัฐที่เคยเป็นของเม็กซิโก เช่น แคลิฟอร์เนีย นิวเม็กซิโก เท็กซัส คือการปราบหรือเตรียมการที่จะปราบผู้ที่ต้องการ "แยกตัว" ออกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีกระแสมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
    ... โดยสาเหตุหลักๆที่รัฐใหญ่ๆต้องการแยกออกจากรัฐบาลกลางคือ การที่ต้องแบกรับหน้าที่ในการส่งเงินไปให้เพื่อเอาไปพัฒนารัฐอื่นๆที่จนๆและยังต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือเช่น
    Maine, South Dakota, Louisiana, Arizona, West Virginia, Montana เป็นต้น
    ... "แดเนี่ยล มิลเลอร์" แกนนำในการเรียกร้องการแบ่งแยกดินแดนของ "เท็กซัส" ( ที่เป็นอีกรัฐที่ต้องการแยกเป็นประเทศใหม่ ) เคยบอกว่ารัฐเท็กซัสเอาเงินส่งให้รัฐบาลกลางกว่า 300,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี แต่ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ไม่มีเงินงบประมาณมาพัฒนารัฐเลย ( และไม่รู้ว่ารัฐบาลกลางเอาเงินไปทำอะไร รู้ๆกันว่ามีองค์กรที่ปกครองรัฐบาลที่วอชิงตันอีกที ) จนคนเท็กซัสเริ่มเอือมระอา
    ... พวกเขาต้องการจัดการนโยบายทางภาษีของพวกเขาเอง ไม่ต้องถูกผูกขาดจากรัฐบาลกลางที่บริหารได้ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
    ... ถ้ามองกันลึกๆจะเห็นว่ามันคือ "สงครามระหว่างคนรวยกลุ่มใหม่ กับ คนรวยเก่าๆเดิมๆ" ( สงครามกระฎุมพี )ที่ปกครองสหรัฐอเมริกามาร้อยกว่าปี ที่ค้นพบว่ากลุ่มเดิมนั้นยิ่งนับวันยิ่งผูกขาดและโกงกินคอร์รัปชั้น เล่นเกมส์การเงินแบบไร้วินัย โลภมากเกินไป จนสร้างวิกฤติให้กับประเทศโดยรวม ซึ่งผลร้ายก็ตกกับรัฐอื่นไปด้วย โดยตอนนี้รัฐที่มีอำนาจมักจะอยู่ฝั่งตะวันออกเป็นหลักเช่น "นิวยอร์ค" เป็นต้น
    ... รอยร้าว กลิ่นเหม็นเน่าเริ่มโชยออกมาเผยให้รู้กันทั่วโลกแล้ว "สงครามกลางเมือง" สมัยใหม่ของอเมริกากำลังจะเกิดอีกครั้งในรอบร้อยกว่าปีหรือไม่ โปรดติดตาม เพราะมันจะมีผลกับโลกเราส่วนที่เหลืออย่างแน่นอน
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=eH6R6cWhPCg
    https://www.youtube.com/watch?v=7eNmCuTIb6E
    https://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อรัฐในสหรัฐอเมริกาเรียงตามลำดับการก่อตั้ง
    https://en.wikipedia.org/wiki/Texas_Revolution
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "กรีซ : วางแผนออกจากยูโรโซน"

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/jbYv3jFkIDE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/B4ySeJG4XSA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ตอนนี้นักวิเคราะห์ต่างประเทศ หลายๆคนเห็นตรงกัน จากท่าทีและคำพูดของ ผู้นำรัสเซียล่าสุด ในงาน"นิทรรศการกองทัพบก 2015" ที่จัดแสดงอาวุธรุ่นใหม่ของรัสเซีย ซึ่งจะตอบโต้แผนการ ของเพ็นตากอน ที่กำลังเคลื่อนย้าย รถถัง และอาวุธ และทหารสหรัฐอีก 5,000 นาย มาประจำการ เป็นการถาวรใน ประเทศที่เคยเป็น ส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต คือ ลิธัวเนีย แลตเวีย เอสโตเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย บัลแกเรีย และฮังการี
    http://www.nytimes.com/2015/06/14/w...o-put-heavy-weaponry-in-east-europe.html?_r=0

    สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย ที่กำลังเผชิญหน้ากับ กับสหรัฐและกองกำลังนาโตเวลานี้ มันยิ่งกว่าเมื่อครั้งสงครามเย็น เพราะในยุคสงครามเย็น ประเทศต่างๆที่กล่าวมา ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และสหรัฐกับรัสเซีย ก็มีข้อตกลงร่วมกันว่า จะไม่คงกำลังทหาร และอาวุธต่างๆ ในประเทศเหล่าน้ี
    เพราะฉะนั้นผู้นำรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถึงต้องออกมาส่งสัญญาณ อย่างชัดเจนไปยังรัฐบาลวอชิงตัน และว่า "รัสเซียจะไม่ถอยอีกต่อไป การเสริมทหารและอาวุธของสหรัฐ มีแต่จะทำให้ มหาอำนาจทางนิวเคลียร์ อย่างสหรัฐและรัสเซีย เข้าไกล้สงครามมากขึ้นเท่านั้น"
    "The response of Putin and other Russian officials has made it clear that US plans for a significant military buildup in Eastern Europe have only pushed the two nuclear-armed powers even closer to the brink of war."
    แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของเพ็นตากอน จะออกมาชี้แจงว่า การเคลื่อนย้ายอาวุธ เหล่านี้เข้ามาประจำการ ในยุโรปตะวันออก เป็นไปเพื่อเคลื่อนย้ายกำลังทหาร และอำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่สำหรับรัสเซียนั้น มองในทางตรงข้าม เป็นไปเพื่อเตรียมการโจมตีรัสเซีย เพราะผู้นำรัสเซียถึงออกมากล่าว ภายหลังพบปะหารือกับ ปธน.ฟินแลนด์ หนึ่งในประเทศว่า "เรากำลังจะถูกบังคับ ใช้กำลังทหารพุ่งเป้าไปยัง บริเวณพรมแดนที่มีภัยคุกคาม"
    Speaking at joint press conference on Tuesday with the President of Finland, Pauli Niinistö, Putin told reporters, “We will be forced to aim our armed forces … at those territories from where the threat comes.”
    ซึ่งผู้นำรัสเซียหมายถึง ทุกประเทศในยุโรปตะวันออก ทั้งที่เป็นสมาชิกนาโต และพันธมิตรของสหรัฐ ที่ยอมให้กองกำลังนาโต และสหรัฐเข้ามาใช้ ฐานทัพในประเทศนั่นเอง
    สหรัฐอเมริกาอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง แต่กำลังเคลื่อนย้ายกำลังทหาร อาวุธ และรถถังเข้าประจำการ ในยุโรปตะวันออก ตลอดแนวพรมแดนของรัสเซีย โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องพันธมิตร จากการรุกรานของรัสเซีย และพยายามใช้ สื่อหลักๆที่อยู่ในมือ โฆษณาชวนเชื่อ ให้ชาวอเมริกันและ คนทั้งโลกเข้าใจเช่นนั้น แล้วใครจะไปไว้ใจครับ เพราะรัสเซียกำลัง ถูกปิดล้อมด้วย รถถัง และขีปนาวุธ รวมถึงกำลังทหาร
    ก็อย่าแปลกใจครับว่า ทำไมผู้นำรัสเซีย ถึงได้ออกมาประกาศ ในวันเปิดนิทรรศการ "Army Expo 2015" ว่าขีปนาวุธข้ามทวีปของรัสเซีย จะเข้าประจำการในปี 2015 ไม่ต่ำกว่า 40 เพราะถ้ารัสเซีย ถูกกองกำลังนาโตและสหรัฐโจมตี รัสเซียจะตอบโต้สหรัฐด้วยขีปนาวุธข้ามทวีป ติดหัวรบนิวเคลียร์เหล่านี้นั่นเอง...
    Russia Threatens Response to US Military Buildup in Eastern Europe | Global Research - Centre for Research on Globalization

    สงครามที่เกิดขึ้นแล้วเวลานี้ ทั้งในตะวันออกกลาง และยูเครนคือ สงครามตัวแทน(proxy war) โดยสหรัฐสนับสนุน พันธมิตรในตะวันออกกลาง เพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย และกำลังวางแผนในการ โจมตีอิหร่านโดยอ้างเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของซีเรียก็พยายาม สนับสนุนทั้งอาวุธและกำลังทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลซีเรีย ในการรับมือเครือข่าย ISIS ที่ถูกสร้างขึ้นมาทำลายเสถียรภาพรัฐบาลซีเรีย
    สงครามการสู้รบในยูเครน ก็คือสงครามตัวแทน(proxy war) ระหว่างรัสเซียและสหรัฐ รวมถึงกองกำลังนาโต แต่อาวุธที่สนับสนุนนั้น ยังไม่ถึงขั้นเป็นใช้รถถัง หรืออาวุธหนัก และยังไม่มีการข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมารัสเซีย ต้องการใช้เวทีการเจรจา เพื่อยุติสงครามมาโดยตลอด จนกลายเป็นสนธิสัญญา 4 ฝ่าย ที่ทำขึ้นที่ มินส์ของ เบราลุส ซึ่งเวลานี้ถูกฉีกไปเรียบร้อยแล้ว
    ‘Glaring breach’: Minsk ‘violation’ sees Russia urge France, Germany to act on Ukraine — RT News

    และเมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามตัวแทน เริ่มบานปลายเป็นการเผชิญหน้ากัน หรือสงครามเต็มรูปแบบ(total war) นั่นหมายความว่า อาวุธทุกชนิดก็จะถูกประเคนเข้าใส่กันทันที
    เพราะรัสเซียได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า ด้วยจำนวนกำลังพล และจำนวนอาวุธทั่วไป(non-nuclear conventional weapon)นั้น ไม่สามารถเทียบได้ กับกองกำลังนาโต จึงต้องอาศัยอาวุธที่ มีอานุภาพทำลายล้างสูง อย่างนิวเคลียร์เท่านั้น เพราะเป็นหลักนิยมทางทหาร ในการใช้กำลังของรัสเซีย ซึ่งถ้ารัสเซียเป็นฝ่ายถูกโจมตี ไม่ว่าด้วยอาวุธชนิดใด ก็จะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทันที
    Russia Warns of Nuclear Response to U.S. Global Strike Program | News | The Moscow Times

    ดูแนวโน้มที่เกิดขึ้นเวลานี้ สงครามน่าจะเป็นเพียงทางออกเดียว ที่เหลืออยู่เพื่อโยนความผิด จากหายนะทางเศรษฐกิจ และสงครามค่าเงินที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นวิธีการเดียว ในการกลบเกลื่อนความผิด ของบรรดาเจ้าของธนาคาร ที่ชักใยและอยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐ ต้นเหตุของวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ในปี 2008 และเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐ จะต้องเดินหน้ายั่วยุ ทั้งรัสเซียและจีน เพื่อจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นให้ได้ ตามคำให้สัมภาษณ์ ของพ่อมดการเงิน จอร์จ โซรอส ที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านั้น
    George Soros Warns On “Threshold Of A Third World War” | SilverDoctors.com

    เป็นเพียงหนทางเดียว ที่สามารถรีเซ็ต ทุกอย่างที่เป็นอยู่ ปูทางไปสู่การจัดระเบียบโลกใหม่ที่นำโดยสหรัฐเหมือนเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง...
     

แชร์หน้านี้

Loading...