ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    "สู้เข้าไปอย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่...." เริ่มแล้ว กปปส. ยูเครน คริๆ
    ------------
    เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประชาชนชาวยูเครนทนต่อการกดขี่ข่มเหงและคอรัปชั่นโดยรัฐบาลประชาธิปไตยจอมปลอมของยูเครนอีกต่อไปไม่ไหว จึงพากันออกมาเดินขบวนประท้วงขับไล่นายเปโตร โปโรเชนโก้ ปธน.ยูเครนหุ่นเชิดของอเมริกาให้ออกไปจากตำแหน่ง รายงานบอกว่ามีประชาชนเข้าร่วมขับไล่โปโรเชนโก้และรัฐบาลในครั้งนี้ราว 3,000 คน ในกรุงเคียฟ ผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า "พวกเราหิว เพิ่มเงินบำนาญ" นอกจากนี้แล้วผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจยูเครนด้วย
    ป.ล. ที่เรียกว่า "กปปส.ยูเครน" นี่เป็นมุกเล่นๆนะครับ แต่ของจริงหนะคือเขามีการประท้วงขับไล่ปธน.คนปัจจุบันของยูเครน
    The Eyes
    07/06/2558
    ---------------
    http://rt.com/news/265516-kiev-protest-against-government/
    https://www.youtube.com/watch?v=NhyRcxlpBUE
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เยอรมันอ้อนปูตินเข้าร่วมประชุม G7 ปูตินบอกมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่คิดว่ารัสเซียจะโจมตีนาโต้...

    [​IMG]

    ------------
    ยิ่งใกล้ประชุมสุดยอดผู้นำ G7 มากขึ้นเท่าไร ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในยุโรปและประเทศใกล้เคียงก็ยิ่งมีมากขึ้นตามไปด้วย เริ่มตั้งแต่การปะทะกันระหว่างกองทัพยูเครนและฝ่าย DPR/LPR ในยูเครนตะวันออก ตามด้วยการประท้วงต่างๆอีกมากมาย วันก่อนโอบาม่าออกมาเรียกร้องให้ผู้นำ G7 ทำการแซงชั่นรัสเซียต่อไป แม้จะยอมรับว่าการแซงชั่นดังกล่าวไม่ได้ผลก็ตาม และเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันนีก็ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียกลับไปเข้าร่วมประชุมกับ G7 ด้วย โดยบอกว่าการที่รัสเซียไม่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสูญเสียของฝ่ายรัสเซียเอง
    แต่ปีที่แล้ว รัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำ G8 ที่เมือง Sochi กลุ่ม G7 ภายใต้การนำของสหรัฐฯปฏิเสธเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว 7 ประเทศบอยคอร์ดการประชุม G8 ที่รัสเซียว่างั้นเถอะ โดยอ้างวิกฤตยูเครน G8 ก็เลยกลายเป็น G7 วันนี้มาทำเป็นขอให้ปูตินเข้าร่วมประชุมด้วย นักวิเคราะห์มองว่าการประชุม G7 จะไม่มีประสิทธิภาพอะไรหากขาดรัสเซีย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าอียูต้องการรัสเซียจริงๆ แต่เนื่องจากอียูยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯเป็นอย่างมากจึงยังทำอะไรไม่ค่อยได้ ยังไม่มีคำตอบรับจากปูตินว่าจะเข้าร่วมประชุม G7 ด้วยหรือไม่
    วันก่อนปูตินก็ได้เดินทางไปเยี่ยมงาน Milan's Universal Exhibition Expo 2015 ที่มิลานประเทศอิตาลีด้วย จากนั้นก็ชะแว็บไปจับมือกับ Pope Francis ที่นครรัฐวาติกัน พูดถึงเรื่องบทบาทของรัสเซียในการช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกโดยการร่วมมือกับตะวันตก ในระหว่างที่อยู่ในอิตาลีนี้ ปูตินได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯของอิตาลีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯว่า "พวกเรา (รัสเซีย-สหรัฐฯ) กำลังร่วมมือกันไม่เพียงแต่ในเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในพื้นที่สำคัญอื่นๆอีกด้วย แม้ในความเป็นจริงแล้วชาวอเมริกันจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาการต่อต้านขีปนาวุธบอลลิสติก (Anti-Ballistic Missile (ABM) Treaty) ก็ตาม แต่พวกเราก็ยังสานต่อการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมอาวุธต่อไป (สหรัฐฯจะรู้สึกเจ็บบ้างไหมนี่ที่โดนเหน็บอย่างนี้? คงยากน้อ...)
    [Ballistic Missile คือขีปนาวุธไม่นำวิถี มีหลายขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ยิงข้ามทวีปก็มี มีทั้งที่ติดหัวรบนิวเคลียร์และไม่ติดหัวรบนิวเคลียร์ แต่ส่วนมากแล้วจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ทั้งนั้น ตรงกันข้ามกับ Cruise Missile ซึ่งเป็นขีปนาวุธอีกหนึ่งประเภทเช่นกัน แต่ติดตั้งระบบนำวิถีหมายความว่าสามารถบังคับให้ติดตามเป้าหมายหรือเปลี่ยนเป้าหมายได้ ส่วนมากใช้สำหรับต่อต้านอากาศยาน หรือต่อต้านขีปนาวุธประเภท Ballistic Missile หรือแม้กระทั่งต่อต้าน Cruise Missile เอง]
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ปูตินพูดในอิตาลีในครั้งนี้ก็คือเรื่องความเป็นไปได้ในการปะทะกันระหว่างรัสเซียกับนาโต้ ปูตินบอกว่าที่มีคนพูดว่ารัสเซียอาจจะโจมตีนาโต้นั้นเป็นเพียง "ความฝันของคนบ้า" เท่านั้น
    คำพูดส่วนหนึ่งของปูตินที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯอิตาลีมีดังนี้ "ผมคิดว่ามีแต่คนเสียสติ (insane person) เท่านั้นและมีแต่ในความฝันเท่านั้นที่จะมโนไปว่ารัสเซียอาจจะโจมตีนาโต้ในทันที ผมคิดว่าบางประเทศเพียงแต่ฉกฉวยประโยชน์จากความหวาดกลัวของประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับรัสเซีย พวกเขาเพียงต้องการเล่นบทเป็นประเทศแถวหน้าที่อาจจะได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านกองทัพ เศรษฐกิจ การเงิน หรือความช่วยเหลืออื่นๆ"
    ปูตินเน้นย้ำว่า "นโยบายทางทหารของรัสเซียไม่ใช่ปกครองโลก ไม่ใช่การแสดงออกถึงความก้าวร้าว หรือเพื่อรุกรานใคร รัสเซียแทบจะไม่มีฐานทัพของตัวเองในต่างประเทศ ส่วนที่มีอยู่ไม่กี่แห่งนั้น ก็เป็นส่วนที่หลงเหลือมาจากสมัยโซเวียตในอดีต"
    ปูตินพูดกับสื่อฯอิตาลีว่า "เราได้รื้อถอนฐานทัพของเราในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกออกไปแล้ว ซึ่งรวมทั้งในคิวบา เวียตนาม และที่อื่นๆอีกด้วย ผมขอแนะนำให้คุณตีพิมพ์แผนที่โลกลงในหนังสือพิมพ์ของคุณ และทำสัญญลักษณ์ฐานทัพของสหรัฐฯลงไปด้วย แล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง"
    เอาแค่นี้ก็พอนะครับ เป็นน้ำจิ้ม จริงๆแล้วปูตินพูดเยอะกว่านี้ มันส์ๆทั้งนั้น สาระเนื้อๆ เน้นๆ ตรงประเด็นชนิดที่สหรัฐฯและโปรอเมริกาเถียงไม่ขึ้น ยกเว้นจะแถไปเรื่อยๆ แบบหน้าด้านๆอย่างที่เคยเอามาลงให้อ่านอยู่บ่อยๆนั่นแหละ หากสนใจก็สามารถอ่านจาก RT news ของรัสเซียได้ หรือถ้าไม่เชื่อข่าวจากสื่อฯรัสเซียก็อ่านจากสื่อฯของอิตาลีเองก็ได้ (Corriere della Sera)
    อ้าว… ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องการประท้วง ในเยอรมันนี ยูเครน และรัสเซียให้ฟัง โดยจะเกริ่นนำนิดหน่อย ปาเข้าไปหลายย่อหน้าเลย ฮ่าๆๆ เป็นอย่างนี้บ่อยอ่ะ งั้นขอยกเรื่องการประท้วงไปพูดในโพสต์ต่อไปนะครับ
    The Eyes
    07/06/2558
    -----------
    Putin’s Visit to Vatican to Breathe New Life in East-West Relations – Media / Sputnik International
    Putin: Russia and US Not Only Partners But Allies in Certain Areas / Sputnik International
    http://rt.com/news/265399-putin-nato-europe-ukraine-italy/
    http://www.corriere.it/…/intervista-putin-corriere-non-sono…
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 7 มิ.ย.58 คางคกมันยกทัพนับพันหนีอะไร ??
    หลังจากเกิดฝนตกหนักในช่วงเช้า คากคกนับพัน แห่กันขึ้นมาจากทะเลสาบแห่งหนึ่งในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน แล้วพวกมันก็กระโดดไปรอบๆ ทะเลสาบ จนชาวบ้านต้องหลีกทางให้กับมัน
    และล่าสุดเกิดเหตุภูเขาไฟซินาบัง ของอินโดนีเซีย ปะทุปล่อยเถ้าถ่านและลาวาออกมาจำนวนมาก...อืมม..วันก่อนแผ่นดินไหวที่มาเลย์เซียฯ ตายไปแล้ว 13 ราย..คางคกมันกำลังหนีน้ำท่วมหร่อหนีอะไร ??
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 7 มิ.ย.58 ไมโครเวฟธรรมชาติรุ่นโบราณไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
    ไก่อบปี๊บ เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในการทำอาหารรับประทาน โดยการวางจานรองที่ใส่เครื่องเทศด้านล่าง แล้วเสียบไก่ไว้ที่ไม้ด้านบน แล้วครอบด้วยปิ๊ปสีเหลี่ยมขนาดใหญ่มาตรฐานทั่วไป ทำการสุมไฟภายนอกด้วยฟาง หรือเศษไม้
    จนเกิดความร้อนภายในปิ๊บ และกักความร้อนไว้ภายในเป็นเวลานานและร้อนทั่วถึง หลัักการคล้าย "ไมโครเวฟธรรมชาติ" ผสานกับเครื่องเทศทำให้ไก่อบประเภทนี้หอมหวลชวนน้ำลายไหล เนื้อไก่จะสุกทั่วไปทุกส่วน ผิวไก่จะไม่แห้งเหมือนการย่างปกติ
    บางที่ใช้เป็นไก่อบโอ่ง ซึ่งมีหลักการคล้ายๆ กันแต่จะหอมกลิ่นดินจากโอ่ง ที่นำมาครอบกักความร้อนไว้..ไมโครเวฟธรรมชาติมีมาแต่โบราณแล้ว เพียงแต่เราอาจไม่ฉุกคิดเท่านั้น ปล่อยให้ฝรั่งหรือญี่ปุ่นไปคิดอุปกรณ์ทำมาขายเราอีกที
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 7 มิ.ย.58 อะไรคือสิ่งขายดีที่สุดในเกาหลีใต้ยามนี้??
    หลังมือที่มองไม่เห็นส่งไวรัสเมอร์ส ที่เป็นโรคเฉพาะถิ่นตะวันออกกลางข้ามทวีปมากระจายที่เกาหลีใต้ ติดเชื้อไปแล้วกว่า 41 ราย ตายไปแล้ว 4 ราย ปิดโรงเรียนกลายพันแห่ง นักท่องเที่ยวเรือนหมื่นยกเลิกการเดินทางเข้าเกาหลีใต้
    ผู้คนสังคมเกาหลีใต้ยามนี้ตื่นตระหนกโรคติดต่อไวรัสเมอร์สนี้มาก และที่ขายดีมากที่สุดคือ "หน้ากากอนามัย" หลายคนอาจไม่ทราบว่าวิธีการใส่ที่ถูกต้องนั้น ด้านสีขาว คือด้านที่เราควรเอาแปะไว้ติดกับหน้า ชั้นนอกสุดอาจจะเป็นสีชมพู เขียว ฟ้า หรืออาจจะเป็นสีขาวก็ได้
    จริงๆ ใส่ 2 ด้านอาจไม่แตกต่างกันนัก แต่ควรเอาด้านสีขาวติดกับหน้าที่มีลวดฝังอยู่ตามความยาวแผ่น เอาด้านนั้นวางไว้บนจมูก จากนั้นก็คล้องยางยืดเข้าหู ดัดลวดให้เข้ารูปจมูก และแก้ม แล้วดึงส่วนล่างสุดของหน้ากากให้ลงมาคลุมคาง
    ด้านเขียวอยู่นอกแล้วเอาด้านรอยพับคว่ำลง แผนกควบคุมการติดเชื้อโรงพยาบาลจะมีคำแนะนำเหตุผลที่ให้พลิก "ด้านสีและรอบพับไว้นอก" ไม่เกี่ยวกับการกรองเชื้อ แต่เพื่อที่ "รอยพับจะได้ชี้ลงไม่กักฝุ่น"..เรียนรู้ไว้ไม่เสียหลาย มือที่มองไม่เห็นมันคอยหาจังหวะอยู่
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    3. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ถ้าดูลักษณะหรือการทำงานของของธนาคารแห่งประเทศไทยและชาวนาไทยแล้ว จะมีส่วนที่เหมือนกันและแตกต่างกันที่พอจะเปรียบเทียบกันได้ เพื่อให้เห็นภาพว่าทำไมประเทศไทยถึงมีปัญหาโครงสร้างที่หมักหมมที่คนทั่วไปไม่ค่อยจะมองเห็นกัน
    คนแบงค์ชาตินั่งห้องแอร์พิมพ์เงินออกมาแทบจะไม่มีคอสท์ ส่วนชาวนากว่าจะผลิตข้าวออกมาเหนื่อยเกือบตาย ต้องตรากตรำเอาหลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้ดิน แบงค์ชาติเป็นด่านสุดท้าย (lender of last resort) ของการกู้ยืมเงินของทั้งแบงค์และรัฐบาล ส่วนชาวนาเป็นกระดูกสันหลังที่ผุๆ (backbone)ของชาติ
    ผมอยากรู้ต้นทุนการผลิตข้าวของชาวนาเลยโทรหาบก.ขนุนของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เพราะว่าเขาเป็นเอ๊กซะเปิดเรื่องนี้
    "เฮ้ย วานอะไรหน่อย ช่วยหาโครงสร้างต้นทุนราคาข้าวของชาวนาไทยให้หน่อย อยากจะรู้ว่าจากท้องนาไปถึงมือผู้บริโภค มันผ่านคนกลางละราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร"
    "ได้ครับพี่ เดี๋ยวจะส่งข้อมูลไปให้"
    ไม่นานนักบก. ขนุนก็ไลน์ข้อมูลให้ผม ดังนี้:
    "กราบเรียนบก.ทนง ต้นทุนชาวนาตอนนี้ก็ตกประมาณนี้ 7 บาทต่อกิโลบวกๆ ข้าวขาวชาวนาขาย 7.5 บาทต่อกิโล /ไปถึงโรงสีขายออกไปให้พวกทำข้าวถุงผู้ส่งออก 11 บาทต่อกิโล /ผู้ทำข้าวถุง ผู้ส่งออก ขายถึงมือผู้บริโภคซื้อ 20 บาทต่อกก."
    ในเมื่อต้นทุนชาวนาปลูกข้าวอยู่ที่7 บาทต่อกิโลบวกๆ หมายความว่าชาวนาไม่ได้กำไรอะไรเลย
    บก. ขนุนใช้คำว่า"กราบเรียน"เพื่อกวนผมไปงั้นเอง เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องข้าวหอมมะลิว่า:
    "ส่วนข้าวหอมมะลิ ชาวนาขายให้โรงสี 13 -14 บา ทต่อกิโล /โรงสีขายผุ้ส่งออก คนทำข้าวถุง 28-30 บาทต่อกิโล/ผุ้ส่งออก ผู้ทำข้าวถุงขายไปถึงห้างผู้บริโภคซื้อ 50 บาทต่อกิโล"
    สรุปว่าข้าวขาวที่ชาวนาปลูกที่ต้นทุน7 บาทกว่าๆต่อกิโล ผ่านขบวนการพ่อค้าคนกลาง การขนส่ง การทำแพคเกจจิ้ง ถึงมือผู้บริโภคที่ราคา20บาทต่อกิโล มาร์จิ้นที่หายไปที่ชาวนาพึงได้คือ14บาทต่อกิโล
    ส่วนข้าวหอมมะลิชาวนาขายให้โรงสี13-14บาทต่อกิโล และผู้บริโภคซื้อที่ราคา50บาทต่อกิโล มาร์จิ้นที่หายไปจากมือชาวนาไปอยู่โรงสีและพ่อค้าคนกลางคือ36-37บาทต่อกิโล
    กลับมาในกรณีของธนาคารแห่งประเทศไทยที่พิมพ์เงินโดยแทบไม่มีคอสท์ แต่กำหนดราคาของการกู้หรือดอกเบี้ยมาตรฐานที่1.50% ในกรณีที่ไม่มีสภาพคล่องเจียนตัว พวกแบงค์พานิชย์จะมารับเงินจากแบงค์ชาติที่หน้าต่าง (loan window)เป็นด่านสุดท้ายเพื่อเอาไปปล่อยกู้ต่อในระบบ รับช่วงต่อเหมือนโรงสีข้าวซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา
    แบงค์พานิชย์กู้จากแบงค์ชาติได้ด้วยอัตราดอกเบี้ย1.50% ในขณะเดียวกัน แบงค์พานิชย์ระดมเงินฝากประชาชนได้ด้วยการจ่ายดอกถูกๆ 0.50%-0.75%สำหรับเงินฝากออมทรัพย์ และ1.50%-1.75%สำหรับเงินฝากประจำ1ปี แต่ปล่อยกู้ดอกเบี้ยระหว่าง6%ถึง24% กำไรจนเหล่าบรรดาแบงค์เก้อร์สร้างปราสาทกันทุกคน พนักงานแบงค์รับโบนัสหลายเดือนแฮปปี้กันทุกคน แต่คนที่กู้เงินแบงค์กรอบแห้งจนลงทุนวันกลายเป็นทาสผ่อนส่ง
    ในกรณีของชาวนาไทย มันเป็นเรื่องนโยบายข้าวที่เลว bad rice policyเพราะว่าระบบเปิดโอกาสให้โรงสีกดราคาข้าว โดยที่ชาวนาไม่สามารถต่อรองได้ เพราะว่าชาวนามีหนี้มาก ต้องรีบขายข้าวมาใช้หนี้ หรือมากินมาใช้ ชาวนาไม่สามารถรวมตัวกันได้เพื่อปลูกข้าวเอง สีข้าวเอง ทำแพ๊คเกจจิ้งเอง ขนส่งเอง ขายถึงมือผู้บริโภคเอง เพื่อจะได้มาร์จิ้นเพิ่มตลอดรายทาง
    ปรากฎว่าระบบพ่อค้าคนกลางได้ประโยชน์จากbad rice policyนี้มาตลอด รัฐบาลก็ช่วยอะไรไม่ได้ อย่างมากก็ประกันราคาข้าว จำนำข้าว หรือไม่ก็ให้เงินสดไปเลยเป็นการช่วยลดต้นทุนในการปลูกข้าว แต่ก็ทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมมีเรื่องคอรัปชั่นมากมาย
    ส่วนในกรณีของแบงค์ชาติ ที่เป็นผู้ผลิตบาทเอง กำหนดราคาดอกเบี้ยบาทเบื้องต้นเอง ควบคุมแบงค์พานิชย์เองตามกฎหมาย แต่คุมอย่างไรไม่ทราบปล่อยให้แบงค์ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระดมเงินฝากถูกๆ ได้ดอกเบี้ยถูกๆจากแบงค์ชาติ หรือเงินกู้ระหว่างแบงค์กันเอง แต่ไปปล่อยกู้ดอกโหดในระบบให้คนไทยรับกรรมกันถ้วนหน้า นี้ก็เป็นbad money policyคือนโยบายการเงินที่เลว เหมือนนโยบายข้าวที่เลว
    ชาวนาไม่มีอำนาจต่อรองโรงสีนายทุนพอจะเข้าใจ แต่แบงค์ชาติที่พิมพ์บาทเอง คุมแบงค์เองภายใต้กฎหมายธุรกิจประกอบการธนาคารพานิชย์ มีอำนาจล้นฟ้าในการเพิ่มหรือลดปริมาณเงิน จะสั่งปิดแบงค์เมื่อใดก็ได้ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่สามารถกำกับหรือมีอำนาจต่อรองแบงค์พานิชย์ได้เพื่อให้ระบบดอกเบี้ยในประเทศเป็นธรรม
    แล้วประเทศชาติจะไปรอดได้อย่างไร ในเมื่อเรามีbad rice policyและbad money policyในส่วนที่เป็นเสาหลักของประเทศในเวลาเดียวกัน เพราะว่าทั้งข้าวและเงินบาทเป็นความมั่นคงของประเทศ
    ผมได้ยินว่าประเทศไทยมีมาตรา44แล้วไม่ใช่หรือ อย่ามาอ้างนะว่ารัฐบาลแทรกแซงในกลไกตลาดที่เสรี มันเป็นเรื่องbad moneyล้วนๆ
    thanong
    5/6/2015
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    4. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    เมื่อเดือนที่แล้วเราได้เห็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร ประสาร ไตรรัตน์วรกุลออกอาการหงุดหงิด ทั้งๆที่ตามปกติท่านเป็นคนสุขุมใจเย็นนะ ทั้งนี้เพราะว่าแบงค์ชาติลดดอกเบี้ยสองครั้งสองคราติดต่อกันจนดอกเบี้ยพื้นฐานของทางการลงมาอยู่ที่ระดับ1.50%แล้ว แต่แบงค์พานิชย์อืดอาดเหลือเกินไม่รับลูกด้วยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามสัดส่วน
    มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดามากที่แบงค์ชาติลดดอกเบี้ยอย่างกระทันหัน2นัดติดกันอย่างนี้ แสดงว่าคนแบงค์ชาติต้องเห็นตัวเลขเน่าๆโผล่ออกมา จึงจำใจลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอีกประการหนึ่งต้องการทำบาทให้อ่อนเพื่อหนุนการส่งออก
    กดดอกเบี้ยลง บาทอ่อนลงทันทีเป็นธรรมดา เผลอแพล๊บเดียว ใกล้จะแตะ34บาทต่อดอลล่าร์เต็มแก่ แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ลดลงตามกลไก
    ร้อนถึงซีอีโอของธนาคารเพื่อชาวนาต้องออกมาโวยวายลูกน้องว่า เห็นดอกเบี้ยของทางการลดลงมาอย่างนี้แล้วอยู่เฉยได้อย่างไร ทำไมไม่กล้าตัดสินใจกันเอง ต้องระดับซีอีโอลงไปล้วงลูกหรือถึงจะลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าได้ตามนโยบายแบงค์ชาติ
    ปรากฎว่าลูกน้องเงียบกริบ ทำตาปริบๆ แต่ก็แอบพูดกันเองว่ามีระบบเคพีไอตรวจสอบกันอยู่ในเรื่องความสามารถในการทำกำไร รีบลดดอกเบี้ยเดี๋ยวคะแนนเคพีไอจะดูไม่สวย แต่ในที่สุดแบงค์เพื่อชาวนาก็ลดดอกเบี้ยให้เห็นพอหอมปากปอมคอ
    ส่วนแบงค์สำหรับคนบางกอกไม่มีทีท่ากระตือรือล้นที่จะอยากจะลดดอกเบี้ย เพราะอ้างว่าเดี๋ยวยิ่งจะเป็นการส่งเสริมการลงทุนในการเก็งกำไรอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์
    แบงค์รัฐอย่างกรุงไทยก็ออกหมัดช้า เพราะว่าหันมาดูพอร์ตเงินกู้แล้ว ปรากฎว่าหนี้เสียเพิ่ม มีการกันสำรอง4พันกว่าล้านบาทในเดือนเมษายน เลยไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ทันควัน
    เรื่องดอกเบี้ยนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะพ่อแม่พี่น้อง สาระพัดข้ออ้างและปัญหาจริงบ้างไม่จริงบ้าง
    แต่เมื่อแบงค์ชาติกำหนดดอกเบี้ยมาตรฐานแล้ว แต่แบงค์เก้อร์ไม่สนใจใยดี แสดงว่าดอกเบี้ยมาตรฐานของแบงค์ชาติไม่ได้มาตรฐานแล้ว ไม่รู้จะมีไปทำไม ให้แบงค์เก้อร์กำหนดกันไปเองเลย ไม่ดีกว่าหรือ
    อีกข้อหนึ่งที่ทำให้ผู้ว่าประสารไม่สบายใจคือความอ่อนแอของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางของไทยที่เริ่มขาดสภาพคล่อง แบงค์เริ่มเห็นว่ากำลังซื้อของคนไทยหด เอสเอ็มอีเลยมีปัญหา ไม่กล้าปล่อยกู้ ปล่อยมากเดี๋ยวเป็นหนี้เสีย ต้องระวังตัว นำไปสู่การตัดเครดิตหรือการลดวงเงินกู้ แต่เอสเอ็มอีเป็นกิจการหลักของคนไทย มีการจ้างงานสูงแม้ว่าจะขนาดเล็กขนาดกลางแต่มีจำนวนมาก ถ้าหากว่าเอสเอ็มอีไปไม่ได้ เศรษฐกิจไทยก็ไปไม่ได้
    เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าแบงค์พานิชย์เริ่มที่จะใหญ่เกินกว่าที่จะควบคุมแล้ว (too big to regulate) เพราะว่ารวยมากก็มีอำนาจมาก ดูๆแล้วแบงค์พานิชย์มีอำนาจมากกว่าแบงค์ชาติเสียอีก ไม่เกรงใจกันแล้ว เพราะว่าผลประกอบการหรือกำไรอยู่เหนือสิ่งใด
    คงจำกันได้สมัยรัฐบาลปูนิ่ม รัฐมนตรีคลังกิตติรัตน์ ณ ระนองและผู้ว่าประสารมีการประสานงากันหลายครั้ง เพราะว่ารมวคลังต้องการให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ยเยอะๆไปเลย ฟันพั๊ว1%ไปเลย แล้วก็ดันบาทให้อ่อนสุดๆจะได้กระตุ้นการส่งออก
    ผู้ว่าประสารไม่ยอม เพราะว่าคำสั่งนี้ถือว่าเป็นbad money policy เพราะว่าดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว ต่ำกว่าเงินเฟ้อจริงเสียอีก กระตุ้นเศรษฐกิจเหลือเฟือ ภาคธุรกิจควรจะปรับตัวกันเอง ส่วนเงินบาทก็อยู่ในระดับเหมาะสม เพราะว่าคนแบงค์ชาติเกาะติดค่าเงินภูมิภาคตลอดเวลา ไม่ให้บาทออกนอกลู่นอกทาง
    จุดยืนนี้ทำให้ผู้ว่าประสารเกือบจะโดนปลดออกหลายครั้ง เดชะบุญที่กฎหมายแบงค์ชาติใหม่ทำให้รมวคลังปลดผู้ว่าได้ยาก แต่ถ้าเอาจริงๆฝ่ายการเมืองสามารถปลดได้อยู่แล้ว ไม่รู้เส้นดีหรือดวงดี ผู้ว่าประสารรอดมาได้ พอรัฐบาลปูโดนลุงกำนันออกมาประท้วง ผู้ว่ายิ่งลอยลำใหญ่ เพราะว่ารัฐบาลต้องตั้งรับหาทางเอาตัวรอด ไม่มีเวลามาปลดผู้ว่าแบงค์ชาติ
    แต่ดูเหมือนว่าแบงค์ชาติจะเปลี่ยนจุดยืนในรัฐบาลของบิ๊กตู่ เพราะว่าหม่อมอุ๋ยรองนายกฝ่ายเศรษฐกิจเป็นผู้ที่มีแนวคิดบาทอ่อนเข้าไว้เพื่อหนุนการส่งออกลูกเดียว ยิ่งทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซากระโจนเข้าสู่สงครามการเงิน แข่งกันลดดอก ลดอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเราไม่ลงไปแข่งขันด้วย เราจะตาย
    แบงค์ชาติเลยไม่ดูแลเงินเฟ้อเป็นเป้าหมายหลักอีกต่อไป เพราะว่าเงินเฟ้อติดลบ ไม่รู้จะดูไปทำไม และในเมื่อเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักๆ ไม่ว่าการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนของเอกชน และการบริโภคภายในต่างอ่อนแอ เหลือเพียงการส่งออกเท่านั้นที่พอจะประคองประเทศไปได้ จึงหันมาทำนโยบายบาทอ่อนเพื่อส่งเสริมการส่งออก
    จากที่เคยเห็นบาทที่30-31ต่อดอลล่าร์ เราอาจจะเห็นแตะ35ในปีนี้ เพราะมีการเปลี่ยนนโยบายจากดูแลเงินเฟ้อ (inflation targeting) มาเป็นนโยบายเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (exchange rate targeting) เพื่อทำให้บาทอ่อน
    แม้ว่าจะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ดูแอ๊คชั่นของแบงค์ชาติมันบ่งบอกว่าแบงค์ชาติลงมาเล่นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเต็มตัว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังคลางแคลงใจกับนโยบายนี้
    สรุปนโยบายทุกอย่างเปลี่ยนได้ จากยุคหนึ่งพูดอีกอย่างทำอีกอย่าง อีกยุคหนึ่งพูดอีกอย่างทำอีกอย่าง แต่ทั้งหลายทั้งปวงแบงค์ชาติกำลังเข้าสู่การนำมาใช้bad money policyอย่างเต็มตัว เพราะว่าถึงแม้เงินเฟ้อจะติดลบ แต่เอาเข้าจริงค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นทุกวัน bad moneyจะยิ่งเพิ่มค่าครองชีพให้คนไทยทุกคน
    thanong
    5/6/2015
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    [​IMG]

    5. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    อีกข้อหนึ่งที่เหมือนกันระหว่างชาวนาและธนาคารแห่งประเทศไทยคือไม่แคร์เรื่องขาดทุน ชาวนาทำนาแล้วขาดทุนแต่ยังทำ แบงค์ชาติแทรกแซงเงินบาทแล้วขาดทุนแต่ยังทำ
    ผมมีเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ที่รักคือคุณพีรวัศ กี่ศิริที่ทำงานด้านมวลชน คุ้นเคยกับชาวบ้านชาวนาเป็นอย่างดี เคยถามพี่เขาว่าชาวนาทำนาขาดทุนแล้วทำไปทำไม เขาเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ รู้ว่าขาดทุนแต่ยังทำเพราะว่า
    1. ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างอื่นๆ
    2. คุ้นเคยกับการทำนาเพราะว่าปู่ย่าตายายบรรพบุรุษทำนากันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
    3. ทำนาเพราะว่าต้องทำ มันอยู่ในยีนหรือสายเลือด
    เป็นคำตอบที่ฟังแล้วต้องอึ้ง
    เรื่องปลูกข้าวทำนาของคนไทยจะมาอธิบายในแง่เศรษฐกิจหรือการเงินอย่างเดียวเหมือนที่ฝรั่งคิดไม่ได้ เพราะว่ามันมีเรื่องประเพณีวัฒนธรรมการเป็นอยู่ การสืบทอดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตำราฝรั่งทุกอย่างเป็นเรื่องของการยกระดับรายได้ทั้งนั้น ทำให้กิจกรรมสมัยใหม่ของมนุษย์ต้องเอาเงินเป็นตัวตั้ง ทำทุกอย่างเพื่อผลกำไร
    ความจริงคนไทยน่ารักมาก โดยเฉพาะคนอิสานปลูกข้าวเพื่อบริโภค ไม่คิดจะรวย ขอให้พอมีพอกินก็พอ ถ้ามีเหลือพอได้ขายมีเงินใช้นิดๆหน่อยหรือซื้อทองได้หนึ่งบาทก็ดีใจแล้ว สังคมไทยดั้งเดิมเป็นแบบนี้จึงดูแลง่าย เพราะว่าคนไทยไม่โลภ ไม่ได้เอาเงินเป็นตัวตั้ง แถมถ้ามีข้าวเหลือมากก็เอื้อเฟื้อเผือแผ่ให้คนอื่นได้กิน อันนำมาสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงที่จะกล่าวในบทต่อไป
    แต่ชาวนาไทยกำลังจะตาย อยู่ไม่ได้เพราะว่านโยบายbad moneyของแบงค์ชาติที่ทำให้ค่าเงินเสื่อม เดิมทีเงิน300-400บาทก็ซื้อทองได้แล้ว ตอนนี้ทองราพุ่งไป20,000 บาท การใช้ระบบการเงินสมัยใหม่ที่ตะวันตกเอามาครอบทำให้แบงค์ชาติต้องเพิ่มปริมาณเงินอย่างมีนัยสำคัญเพื่อสนองความต้องการของระบบเครดิตที่เอาหนี้เป็นตัวตั้ง ทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มมากในระบบ เมื่อมีเม็ดเงินมากเงินก็เฟ้อ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยที่หาเช้ากินค่ำ โดยเพาะอย่างยิ่งชาวนา ทั้งๆที่ชาวนาดั้งเดิมเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก ไม่คิดสะสมความร่ำรวย (wealth accumulation) ขอให้พอมีพอกิน
    นอกจากนี้ระบบสมัยใหม่ที่โฆษณาชวนเชื่อว่าต้องจบปริญญาตรีถึงจะก้าวหน้าในอาชีพการงานและสถานภาพทางสังคม ทำให้ชาวนาต้องขวนขวายหาเงินส่งลูกเรียนจบสูงๆ หนี้ของชาวนาเกิดจากการส่งลูกเรียนหนังสือเป็นส่วนมาก เรียนจบมาแล้ว วิชาการไม่ได้ตรงกับสภาพแวดล้อมของเมืองไทย ลูกชาวนาส่วนมากไม่ได้ก้าวหน้าหรือคุ้มเท่ากับที่พ่อแม่ก่อหนี้ เพราะว่าทำงานในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่สู้ลูกของชาวกรุงหรือชาวเมืองไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็รู้แบบงูๆปลาๆ เลยเป็นเวรกรรมของชาวนาที่ขายข้าวแล้วปริ่มๆจะขาดทุน แถมต้องสร้างหนี้เพื่อให้ลูกเรียนเพื่อให้ได้ปริญญา
    ส่วนแบงค์ชาติเริ่มที่จะมีความคิดแปลกๆหลังจากที่เริ่มมีการขาดทุนสะสมทางบัญชีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆมาหลายปีแล้ว เริ่มจากแสนกว่าล้านบาทกลายมาเป็นหกแสนล้านบาทแล้วในตอนนี้ แต่แบงค์ชาติบอกว่าเนื่องจากแบงค์ชาติเป็นหน่วยงานพิเศษ กำไรขาดทุนจึงไม่เป็นเรื่องสำคัญ คิดเกือบจะเหมือนชาวนาไทยเลย แบงค์ชาติยังพูดต่อไปว่าการขาดทุนนั้นเป็นแค่ตัวเลขบัญชี ไม่มีผลต่อการดำเนินงานของแบงค์ชาติ และไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของแบงค์ชาติในการดูแลเสถียรภาพของเงินบาทหรือระบบการเงินของไทย
    การขาดทุนเกิดจากการเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซื้อดอลล่าร์ ณ ระดับราคาหนึ่ง พอบาทแข็งค่าขึ้นเวลาปิดบัญชีต้องลงบัญชีฝ่ายการธนาคารจะขาดทุน
    เวลาแทรกแซงบาทด้วยการซื้อดอลล่าร์มากๆ แบงค์ชาติต้องพิมพ์บาทเข้าไปในระบบ หรืออาจจะกู้ยืมบาทจากระบบก็ได้เพื่อแลกดอลล่าร์ การพิมพ์บาทเข้าระบบจะทำให้สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยจะผันผวน ทำให้แบงค์ชาติต้องทำสภาวะที่ตัวเองเข้าไปแทรกแซงทางการเงินเป็นกลาง (sterilization)ด้วยการออกบอนด์เพื่อดูดเอาสภาพคล่องส่วนเกินที่ตัวเองใส่เข้าไปแล้วออกมา
    แต่การทำ sterilizationด้วยการออกบอนด์ดูดซับสภาพคล่องนี้มีคอสท์หรือค่าใช้จ่ายในรูปดอกเบี้ย เวลาครบกำหนดไถ่ถอนบอนด์แบงค์ชาติต้องพิมพ์เงินบาทไปจ่าย เป็นการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบ
    ไปๆมาๆบอนด์ของแบงค์ชาติขณะนี้มีปริมาณสูงถึง2.68ล้านล้านบาทแล้ว เทียบกับพันธบัตรของกระทรวงการคลังที่2.49ล้านล้านบาท เหมือนกับว่าแบงค์ชาติเข้าไปสู่กับดักของตัวเองแล้ว เพราะว่าอยู่ดีแบงค์ชาติสร้างตลาดบอนด์ของตัวเองขึ้นมามีขนาดเทียบเท่า20%กว่าๆ ต่อจีดีพีของประเทศ เพื่อดูแลเงินบาทที่ส่งผลให้ทางบัญชีมีการขาดทุน
    เมื่อ3-4ปีมาแล้ว แบงค์ชาติมีการจัดสัมนาประจำปี หัวข้อเน้นเรื่องกำไรขาดทุนทางบัญชีของแบงค์ชาติ นักเศรษฐศาสตร์ของแบงค์ชาติพยายามที่จะยกตัวอย่างของธนาคารกลางของหลายประเทศเพื่อชี้ให้เห็นว่าคนอื่นก็ขาดทุนทางบัญชีเหมือนกัน แต่ยังอยู่ดีเป็นปกติ เพราะฉะนั้นแบงค์ชาติขาดทุนมากๆไม่ต้องห่วงเพราะว่ามันเป็นเรื่องทางบัญชีเท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นที่แบงค์ชาติบริหารการเงินไปแบบยอมขาดทุนก็เพื่อส่วนรวมให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ
    มีนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งของแบงค์ชาติพูดบนเวทีว่า แบงค์ชาติไม่มีทางเจ้งเพราะว่าพิมพ์เงินบาทเองได้ ทำให้คนฟังถูกใจหัวเราะทั้งห้อง
    ผมฟังดูแล้วต้องร้องฮืมมมมในใจ อย่างที่บอกแบงค์ชาติเป็นเจ้ามือ เป็นคนพิมพ์บาท เป็นคนคุมกฎ เป็นคนตรวจสอบบัญชีของธนาคารพานิชย์หรือสถาบันการเงินทั้งหลาย แต่เจ้ามือบริหารการเงินแล้วขาดทุน คนอื่นขาดทุนแบบนี้ต้องเข้าสู่ขบวนการล้มละลายแล้ว เมื่อบริหารงานแล้วขาดทุน แสดงว่าแบงค์ชาติไม่ได้เป็นเจ้ามือจริง หรือเป็นเจ้ามือที่ฮ่วย
    ไปดูบ่อนหมาเก๊าหรือบ่อนประตูน้ำเลย เจ้ามือไม่มีวันขาดทุน คำว่าเจ้ามือคือผู้มีอำนาจเหนือผู้เล่นคนอื่น เมื่อมีอำนาจเหนือผู้เล่นอื่นที่เป็นลูกมือ จะไม่มีวันขาดทุน
    จะมาบอกว่าแบงค์ชาติคุมดอลล่าร์ที่ผันผวนไม่ได้ เพราะว่าดอลล่าร์มาจากเมืองนอก แต่ความก็สามารถสกัดกั้นผ่านกลไกต่างๆ แค๊ปปิตัลคอนโทรลหรือแอดมินิสเตรถีบคอนโทรลก็ได้ แต่แบงค์ชาติเลือกที่จะเปิดเสรีทางการเงินอย่างไม่ลืมหูลืมตาในเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย ใ้ห้ไหลเข้าไหลออกประเทศสะดวกมาก และมาตรการล่าสุดของแบงค์ชาติต้องการให้เงินดอลล่าร์ไหลออกมากๆ บาทจะได้อ่อนค่ามากๆจะได้ลดราคาประเทศไทย
    ในขณะที่ขนาดเศรษฐกิจของเราแค่ระดับกลางๆ ไม่เล็กมาก แต่ไม่ใหญ่มาก ถ้าหากเกิดช๊อคทางการเงิน เช่นกรีซออกจากยูโร หรือเวเนซูเอลล่า มีคนเตือนว่าตลาดเกิดใหม่จะเจอวิกฤติการเงิน เราจะรับมือไหวหรือไม่?
    Jim Rickardsผู้แต่ง The Death of Money และที่ปรึกษาทางการเงินให้ซีไอเอ บอกว่าหนึ่งในคณะกรรมการของUS Federal Reserveยอมรับกับเขาว่าเฟดหรือธนาคารกลางของสหรัฐล้มละลายแล้วทางบัญชี จากการพิมพ์เงินถึง$3.9ล้านล้านเพื่อเข้าไปแทรกแซงตลาดการเงินเพื่ออุ้มแบงค์และอุ้มบอนด์ของรัฐบาลกลางนับตั้งแต่วิกฤติ2008
    เฟดleverageงบดุล70-80เท่า หรือพูดง่ายมีเงิน$1เหรียญ แต่ไปทำธุรกรรมการเงินให้มีทรัพย์สินและหนี้สิน$70-$80เหรียญ ถ้าขาดทุนไป$1เหรียญ เท่ากับว่าเงินกองทุนหายไปหมด ล้มละลายทางบัญชี
    ตอนนี้เฟดยังโมเมอยู่ต่อไปได้ เพราะว่าไม่มีใครกล้าแตะ แต่ถ้าหากเกิดวิกฤติิการเงินขึ้นอีกรอบ และJim Rickardsบอกว่าวิกฤติกำลังมา เฟดจะไม่สามารถขยายงบดุลของตัวเองเพื่ออุ้มระบบการเงินอีกต่อไป เพราะว่าการleverageงบดุลเพิ่มเป็น200เท่าในงวดหน้าด้วยการพิมพ์เงินเพิ่มไปเป็น$5-$6ล้านล้าน ตลาดจะไม่ยอมรับดอลล่าร์ และเฟดจะล้มละลายจริงเพราะว่าเมื่อนั้นทุกคนจะเห็นชัดเจนว่าEmperor has no clothesคือจักรพรรดิล้อนจ้อน ไม่มีเงินจริง มีแต่เงินกระดาษจ่ายเงินกระดาษ
    สรุปธนาคารกลางล้มละลายได้ ที่แบงค์ชาติขาดทุนบัญชี ถ้าบอกว่าไม่มีปัญหา ถ้าขาดทุนไปถึง1ล้านล้านบาท จะเกิดอะไรขึ้นกับความเชื่อมั่น การเปิดเสรีการเงินมากเกินไป สร้างเงินเฟ้อเป็นbad money ทั้งนั้น

    thanong
    6/6/2015
    Bank of Thailand (Statistical Data) FM_CM_005 The Outstanding of Securities
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]
    ·
    6. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ในระบบการเงินของประเทศ ใครใหญ่สุดถ้าไม่นับนายกรัฐมนตรี? รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือว่านายแบงค์เก้อร์?
    คนทั่วไปเข้าใจว่ารัฐมนตรีการคลังต้องใหญ่กว่าผู้ว่าแบงค์ชาติอยู่แล้ว และผู้ว่าแบงค์ชาติก็ต้องใหญ่กว่านายแบงค์เก้อร์อยู่แล้ว ทำให้รัฐมนตรีการคลังต้องใหญ่กว่าแบงค์เก้อร์อีกต่อหนึ่ง
    แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ?
    ธนาคารกลางถูกออกแบบสร้างขึ้นมาด้วยหลักการของความเป็นอิสระ (independence)ในการดำเนินนโยบายการเงิน พูดง่ายๆเป็นรัฐอิสระหรือเป็นเขตปลอดการเมือง เพราะเชื่อกันว่าถ้าการเมืองแทรกแซงแล้ว จะทำลายระบบการเงินของประเทศที่แบงค์ชาติดูแล คนแบงค์ชาติภูมิใจมากในความเป็นอิสระนี้ เพราะว่าถูกบ่มเพาะถูกสอนกันมานานเรื่องการดูแลเสถียรภาพเงินบาทและระบบการเงินที่เป็นgood money แต่ในทางปฏิบัติกลับตาลปัตร กลายไปเป็นbad moneyไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว
    ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบงค์ชาติ ปรากฎว่าเจอมรสุมจากฝ่ายการเมืองมาตลอด ผู้ว่าถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปลดออกจากตำแหน่งเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นนายนุกูล ประจวบเหมาะ นายวิจิตร สุพินิจ นายเริงชัย มะระกานนท์ นายชัยวัฒน์ วิบูลสวัสดิ์ มรว จัตุมงคล โสณกุลล้วนแล้วแต่ถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าทั้งนั้น ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองและการเงินที่ร้อนแรงของประเทศ
    เนื่องจากเกรงกันว่าผู้ว่าแบงค์ชาติจะเป็นเหยื่ออารมณ์นักการเมือง จึงมีการออกกฎหมายปฏิรูปธนาคารแห่งประเทศไทยใหม่ ทำให้การปลดผู้ว่ายากมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อกันว่ายิ่งผู้ว่ามีอิสระเท่าใดจากการเมือง ยิ่งจะทำให้บริหารนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากยิ่งขึ้น
    แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ?
    คงจำได้ตอนที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลและมีนายกรณ์ จาติกวนิชเป็นรมวกระทรวงการคลังที่ต้องการลดมาร์จิ้น หรือส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่แบงค์ได้กำไรอย่างมาก ไม่รู้ว่านายกรณ์มีการปรึกษาหารือกับผู้ว่าแบงค์ชาติธาริษา วัฒนเกศมากเพียงใด แต่ปรากฎว่านายกรณ์ไม่สามารถทำให้แบงค์ทำตามนโยบายของรัฐบาลได้
    ไม่รู้เหมือนกันว่าคนแบงค์ชาติคิดว่าเสถียรภาพของแบงค์พานิชย์เป็นเสถียรภาพของแบงค์ชาติหรือไม่ เพราะว่าทุกครั้งที่แบงค์พานิชย์เจ้ง แบงค์ชาติก็ไปด้วย แบงค์ชาติเลยอาจจะต้องการให้แบงค์มั่นคง ความมั่นคงของแบงค์คือต้องได้กำไรเยอะๆ ไม่มีหนี้เสีย คนแบงค์ชาติจะได้นอนหลับฝันดี เพราะว่าช่วงเศรษฐกิจแย่ แบงค์มีหนี้เสียมาก คนแบงค์ชาตินอนไม่หลับ เป็นห่วงมากกว่าแบงค์เก้อร์เสียอีก
    ตัวอย่างสมัยประชาธิปัตย์นั้นชี้ให้เห็นว่าแบงค์เก้อร์ใหญ่กว่ารัฐมนตรีการคลังแล้ว เพราะว่าไม่สามารถสั่งให้ลดเสปรด หรือมาร์จิ้นส่วนต่างดอกเบี้ยให้แคบลงได้ แบงค์เลยทำกำไรพุงกาง แบงค์เก้อพยายามอ้างมาร์จิ้นอาจจะดูถ่างจริง4%กว่าๆ แต่เน็ทแล้ว2%กว่าๆ เพราะว่าต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าจ้างพนักงานแบงค์สูง
    ถัดมาช่วงที่นายกิิตติรัตน์ ณ ระนองเป็นรัฐมนตรีการคลัง มีการขับเคี่ยวกันระหว่างคลังกับแบงค์ชาติ นายกิตติรัตน์ต้องการให้ผู้ว่าการธนาคาร ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ลดค่าเงินบาทไปที่32-33ต่อดอลล่าร์ เพราะว่าตอนนั้นบาทแข็งที่29 และต้องการให้ลดดอกเบี้ยแรงๆ ทีเดียว0.50%หรือ1%ไปเลย จะได้ให้ยาแรงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกอบกู้ผู้ส่งออก แต่ทางผู้ว่าไม่เห็นด้วย อันเป็นที่มาของคลื่นใต้น้ำที่จะปลดผู้ว่าการออกจากตำแหน่งเพราะว่าไม่สนองการเมือง
    ปรากฎว่ากิตติรัตน์ออกจากตำแหน่งไปก่อนผู้ว่าเพราะว่านายกปูยุบสภา มีคำชมเชยมากมายว่าผู้ว่าประสารมีหลักการ ยืนหยัดในความเป็นอิสระของแบงค์ชาติ ดำเนินนโยบายเป็นอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการของการเมือง
    แต่ตอนนี้ผู้ว่าประสารลดดอกเบี้ยมาตรฐาน2นัดติดกัน ต้องการส่งสัญญานให้นายแบงค์เก้อร์ลดดอกเบี้ยตาม และช่วยปล่อยกู้ให้SMEsที่กำลังลำบากจากการขาดสภาพคล่องด้วย จะได้ช่วยพยุงเศรษฐกิจยามตกต่ำ
    ปรากฎว่านายแบงค์เก้อร์ไม่ขานรับ อ้างโน่นอ้างนี่สาระพัด กำไรดีๆจะให้กำไรหดได้อย่างไร
    หมายความว่าแบงค์เก้อที่กล้ากระด้างกระเดื่องต่อแบงค์ชาติ ใหญ่กว่าแบงค์ชาติไปแล้วในทางปฏิบัติ แม้ว่าในทางทฤษฎีแบงค์ชาติเป็นผู้กำกับแบงค์เก้อ
    สรุปแล้วมันกลับตาลปัตร ในเมืองไทยเวลานี้ แบงค์เก้อร์ใหญ่กว่าแบงค์ชาติ และแบงค์ชาติใหญ่กว่ากระทรวงการคลัง อะไรที่เป็นไปไม่ได้มันก็เป็นไปแล้ว
    ในระบบการเงินเมื่อแบงค์เก้อเป็นใหญ่ bad moneyจะเป็นผลพวงที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่า "กำไรข้า ใครอย่าแตะ"
    thanong
    6/6/2015
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    7. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ศาสตาจารย์John Forbes Nash Jr. แห่งมหาวิทยาลัย Princeton University เป็นนักคณิตศาสตร์ระดับเอกของโลก เพิ่งจะเสียชีวิตพร้อมทั้งภรรยาด้วยอุบัติเหตุรถแท็กซี่คว่ำในวันที่23 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง ถือว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการนักคิดของโลก เพราะว่ามีข่าวว่าเขากำลังเตรียมเผยแพร่ผลงานที่จะมาแทนทฤษฎีสัมพันธภาพของไอสไตน์ เขาเป็นเจ้าของทฤษฎีเกม อันนำไปสู่การทฤษฎีgame theoryในการเจรจาการค้าโลก การต่อรองในวงการต่างๆ
    ถ้าใครดูหนังเรื่องThe Beautiful Mind คงจะร้องอ๋อเพราะว่าเป็นหนังที่สะท้อนชีวิตของNash
    ที่น่าสนใจคือNashไม่ไว้ใจพวกสาวกของเคนส์ (John Keynes) ผู้มีอิทธิพลมากในความคิดทางเศรษฐศาสตร์ของโลกตั้งแต่ยุคดีเปรสชั่น1930sที่อังกฤษก่อสงครามการเงินด้วยการลดค่าเงินปอนด์และเอาเงินปอนด์ออกจากระบบมาตรฐานทองคำเป็นต้นมา พวกเคนส์จะเชื่อในบทบาทของรัฐบาลในการแทรกแซงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณการคลังที่ขาดดุลเวลาเศรษฐกิจมีปัญหา นโยบายการเงินต้องผ่อนคลายตามมาเพื่อดันให้เศรษฐกิจให้ฟื้น ในขณะเดียวกันรัฐบาลต้องดูแลประชาชนด้วยสวัสดิการต่างๆ คล้ายๆกับลัทธิสังคมนิยมอันนำไปสู่ระบบสวัสดิการสังคม ทั้งรุสเวลท์ ฮิตเลอร์และเลนินต่างก็ใช้นโยบายสังคมนิยมคล้ายๆกัน
    ตอนนี้นโยบายแบบเคนส์กลายเป็นแฟชั่นที่ใช้กันทั่ว โดยไม่ลืมหูลืมตา หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี2008 แทนที่รัฐบาลต่างๆจะกำเนินการสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างการเงินและธุรกิจใหม่ กลับเลือกที่จะใช้นโยบายการคลังในการอุ้มเศรษฐกิจ และธนาคารกลางมีการกดดอกเบี้ยลงระดับ0% พร้อมทั้งพิมพ์เงินทำ QEเพื่อซื้อทรัพย์สินแบงค์ออกมาเพื่ออุ้มฐานะของแบงค์ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อไฟแนนซ์รัฐบาลที่จำต้องดูแลสวัสดิการสังคมและกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดมีการลดค่าเงินโดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นการส่งออก
    ผลก็คือมีความเสี่ยงของค่าเงินของประเทศที่ดำเนินนโยบายเคนส์แบบสุดขั้วจะล่มสลาย ค่าเงินจะเสื่อมก่อนที่จะกลายเป็นเศษกระดาษในที่สุด เพราะว่าพิมพ์เงินออกมามากโดยไม่มีหลักทรัพย์หนุนและไม่มีวินัยการเงินแม้แต่น้อย
    Nashบอกว่าเงินดี (good money)คือเงินที่สามารถรักษาค่าของมันในระยะเวลาที่ยาวนาน ส่วนเงินเลว (bad money)เป็นเงินที่เสื่อมค่าเมื่อเวลาผ่านไป ภายใต้สภาวะเงินเฟ้อ
    พวกสาวกเคนส์ที่มีอิทธิพลในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจปัจจุบันทั่วโลกเชื่อว่า "less is more" น้อยกว่าจะทำให้ได้มากกว่า คือลดค่าเงินแล้วจะทำให้ขายของได้มากกว่าได้เงินกลับมามากขึ้น แต่โดยรวมแล้วbad moneyจะส่งผลกระทบในเชิงลบให้เศรษฐกิจมากกว่า เพราะว่าอำนาจซื้อของคนในประเทศเสื่อมลง
    เมื่อเป็นเช่นนี้ Nashไม่ไว้ใจพวกอิลิทที่พยายามสร้างเงินสกุลหลักโลกสกุลเดียว World Currency เขาบอกว่าเขาไม่ไว้ใจพวกนักการเมืองที่ทำงานที่ยูเอ็นและที่อื่นๆจะมาดูแลเสถียรภาพของเงินโลกได้
    Nashอยุ่ในกลุ่มเสียงส่วนน้อยที่ไม่มีคนฟังมาก ทุกวันนี้ต่างเชียร์ให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไม่มีวันจบสิ้น และให้ธนาคารกลางคอยลดดอกเบี้ยลงไปเรื่อยๆเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ ลดค่าเงินเรื่อยๆเพื่อหนุนการส่งออก
    เมื่อลดดอกเบี้ยลงไปเรื่อยๆถึง0% ดอกเบี้ยไม่มีทางไปต่อเนื่องจากสภาพคล่องที่ปล่อยจากธนาคารกลางมันล้นระบบ ต้องกลายเป็นดอกเบี้ยติดลบไป เมื่อดอกเบี้ยติดลบ เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป คนที่ฝากเงินจะถอนเงินฝากมาเก็บที่บ้านดีกว่าโดนแบงค์ชาติ หรือไม่ก็ทิิ้งเงินไปถือทรัพย์สินในรูแบบอื่นเช่นทองหรืออสังหาฯ ถ้าแห่กันทำเช่นนี้ ค่าเงินจะเสื่อมอย่างรวดเร็ว นำไปสู่เงินเฟ้อกระจุยกระจาย และทำลายเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด
    นี้คือbad moneyที่Nash หมายถึง แต่พวกนายธนาคารกลางปัจจุบันกำลังดำเนินนโยบายอย่างจริงจังโดยไม่สนใจโลกแห่งความเป็นจริง เพราะว่าต้องการปกป้องผลประโยชน์ของแบงค์เก้อร์
    เขียนมาอย่างนี้ พอจะมองออกหรือไม่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายgood money หรือbad money
    thanong
    6/6/2015
    https://www.dollarvigilante.com/blog/2015/06/01/john-nash-hated-keynesians.html
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    8. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    Good money คือเงินออม หรือเงินทุน bad moneyคือหนี้หรือเครดิต
    เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคเครดิตโดยที่เราไม่รู้ตัว หนี้หรือเครดิตคือการใช้เงินในอนาคตที่ต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่าย เวลามีหนี้สูงๆ เศรษฐกิจจะมีปัญหาเหมือนอย่างที่เราเคยเจอต้มยำกุ้งปี1997 และเหมือนกับที่กรีซกำลังเจอปัญหาล้มละลายเวลานี้
    จากรายงานของMcKensey & Company ประเทศไทยมีหนี้ทั้งหมดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติที่187% หรือสูงอันดับ25ของโลก ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว
    ระหว่างปี2007-2014 หนี้ทั้งหมดของประเทศไทยเพิ่ม43% ในจำนวนที่เพิ่มนี้หนี้ภาครัฐบาลเพิ่ม11% หนี้ภาคเอกชนเพิ่ม6% หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่ม26% และหนี้ภาคการเงินเพิ่ม21%
    แสดงว่าเศรษฐกิจไทยโตมาได้มาจากการใช้เงินอนาคตมากกว่ารายได้ที่เกิดขึ้นจริงๆจากพื้นฐานของเศรษฐกิจ
    ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคตกต่ำเพราะว่าประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนมากมีหนี้สูงทั้งนั้น คำถามคือเศรษฐกิจไทยจะเอารายได้ที่ไหนมาจ่ายหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาทุกภาคส่วน หนี้ประเทศไทยต่อจีดีพีที่ระดับ187%ดูแล้วไม่มีทางที่จะจ่ายได้ นอกจากจะสร้างหนี้ใหม่เพื่อจ่ายหนี้เก่าเหมือนกับที่สหรัฐ ญี่ปุ่นหรือประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังทำอยู่
    ระหว่างปี2007 ถึง2014 โลกมีการเพิ่มหนี้$57ล้านล้านเป็น$200ล้านล้านเพื่อที่จะแก้วิกฤติการเงินและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารนี้ไม่มีทางจ่ายคืนได้ ฝรั่งเรียกว่าPonzi Schemeคือต้องสร้างหนี้ใหม่ไปจ่ายหนี้เก่าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งค่าเงินกระดาษหมดความน่าเชื่อถือ เพราะว่าเป็นการพิมพ์เงินกระดาษเพื่อจ่ายหนี้กระดาษ
    ประเด็นคือเมื่อถึงจุดที่หนี้ไปต่อไม่ได้ ประเทศมหาอำนาจจะรีเซ็ทระบบการเงินเบี้ยวหนี้เพื่อเร่ิมต้นนับหนึ่งใหม่โดยมีปากกระบอกปืนคอยคุมเกม แต่ประเทศเล็กๆอย่างเราจะไปรอดอย่างไร จะเอาอะไรไปต่อรองกับเขา ยังนึกภาพไม่ออก
    เวลาดูหนี้ เรามักจะถูกหันเหให้มองหนี้ภาครัฐอย่างเดียว หนี้ภาครัฐไทยยังอยู่ระดับต่ำกว่า50%ต่อจีดีพี แต่เราลืมไปว่าต้องดูหนี้ทั้งหมด ปรากฎว่าหนี้ทั้งหมดของไทยอยู่ที่187%ต่อจีดีพี แสดงว่าเราก้าวเข้าสู่ยุคbad moneyตั้งนานแล้ว
    ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินไทย ไม่ทราบว่าปล่อยให้ประเทศไทยเข้าสู่ระบบหนี้ หรือbad moneyที่ล้นพ้นได้อย่างไร หนี้ที่สูงนี้เองเป็นอุปสรรคของการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย แค่หนี้ครัวเรือนที่สูงถึงเกือบ90%ต่อจีดีพีก็ทำให้ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่วิกฤติแล้วทางสังคม
    หนี้ของประเทศไม่มีการคุม ปล่อยเสรีจริงๆ จนไม่น่าจะเอาอยู่เมื่อวิกฤติการเงินโลกรอบใหม่มา ถือว่าแบงค์ชาติบกพร่องเรื่องbad moneyนี้มากๆ เพราะว่าเมื่อภาระหนี้สูงแบงค์ชาติต่อไปต้องทำนโยบายดอกเบี้ย0%เพื่ออุ้มระบบการเงิน แต่หนี้เสียจะพุ่ง ทำให้ต้องทำQEซื้อหนี้ออกมาตามสูตรฝรั่ง หรือจะใช้เงินภาษีไปอุ้มแบงค์อีก
    แล้วเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรและค่าเงินบาทจะไปอยู่ที่ไหนตอนนั้น?
    thanong
    6/6/2015
    file:///Users/thanong/Downloads/MGI%20Debt%20and%20not%20much%20deleveragingIn%20briefFebruary%202015%20(1).pdf
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    9. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    วิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี1997 เกิดขึ้นจากbad moneyที่เป็นดอลล่าร์ล้วนๆ ก่อนที่bad money ที่เป็นดอลล่าร์จะลามเข้าสู่ระบบแบงค์กิ้งค์ทำให้บาทกลายเป็นbad moneyไปด้วย
    ช่วงต้นทศวรรษที่1990s มีการเปิดเสรีBangkok International Banking Facility (BIBF)เพื่อให้กรุงเทพเป็นศูนย์กลางทางการเงินในการไฟแนนซ์เงินกู้ที่เป็นดอลล่าร์ มีการเปิดเสรีการเงิน บัญชีเงินทุนทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าประเทศอย่างสะดวกโยธิน ผลคือไทยมีแต่bad money หรือหนี้ดอลล่าร์มากจนมิดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ดอลล่าร์ระยะสั้นที่มีอายุไม่ถึง1ปี
    เงินดอลล่าร์ถูกๆที่ไหลเข้ามาในประเทศเพื่อปล่อยเป็นเครดิตทำให้เกิดฟองสบู่การเงิน ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ$39,000ล้าน แต่ประเทศมีหนี้ดอลล่าร์$100,000กว่าล้าน ในจำนวนนี้เป็นหนี้ดอลล่าร์ระยะสั้น$50,000-$60,000ล้าน หนี้ดอลล่าร์เหล่านี้ทำให้เกิดเศรษฐกิจที่เป็นฟองสบู่ในทั้งตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ เกิดมีการลงทุนที่เกินตัวอย่างมาก เมื่อส่งออกซบเซา โดยโต0%ในปี1996 เจ้าหนี้เกรงว่าเราจะไม่มีดอลล่าร์เพียงพอจ่ายหนี้ จึงเรียกเงินคืน
    นั้นคือจุดเร่ิมต้นของหายนะ
    เมื่อเงินดอลล่าร์ไหลออก ฟองสบู่ก็ต้องแตก ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้ระบบค่าเงินคงที่ กลัวว่าถ้าลดค่าเงินบาทที่โดนแรงเทขายมหาศาล จะทำให้บริษัทไทยและแบงค์ไทงเจ้งหมด เพราะมีการละเลงกู้ดอลล่าร์กันอย่างสนุกสนาน จึงปกป้องค่าบาทด้วยการขายดอลล่าร์จากทุนสำรองระหว่างประเทศออกไป ขายไปขายมาจนเพลิน ปรากฎว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศหมดเกลี้ยงกระเป๋า ไม่มีดอลล่าร์พอที่จะหนุนค่าบาทหรือทำการค้าระหว่างประเทศต่อไป จึงตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้เงินบาทลดค่าอย่างรวดเร็วและรุนแรง และประเทศไทยจำต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
    ค่าเงินบาทตกจาก25-26บาทต่อดอลล่าร์เป็น56บาท ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกบอนด์ไปอุ้มระบบแบงค์กิ้งทั้งระบบ ทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นมาทันที1.4ล้านล้าน หนี้จำนวนนี้ยังจ่ายได้ไม่เท่าไหร่เอง
    กรุงแตกเพราะว่าbad money
    Ludwig Heinrich Edler von Mises ( 1881 – 1973) นักเศรษฐศาสตร์สำนักออสเตรียนเตือนว่า ไม่มีทางที่เราจะเลี่ยงการพังทะลายในท้ายที่สุดของการบูมทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการขยายตัวของเครดิต ทางเลือกทางเดียวคือปล่อยให้วิกฤติมาเร็วขึ้นด้วยการเลิกการขยายตัวของเครดิตโดยสมัครใจ หรือเลิกทีหลังเนื่องจากหายนะอย่างสมบูรณ์แบบที่เกิดการระบบเงินตรา
    "There is no means of avoiding the final collapse of a boom brought about by credit expansion. The alternative is only whether the crisis should come sooner as the result of voluntary abandonment of further credit expansion, or later as a final and total catastrophe of the currency system involved."
    ต้มยำกุ้งของไทยปี1997 เข้ารูปแบบที่Misesบรรยายให้เห็นภาพ แต่ตอนนี้18ปีให้หลัง เรายังไม่ได้เรียนรู้บทเรียน หลังจากฟื้นขึ้นมาได้จากวิกฤติ ประเทศไทยตั้งหน้าตั้งตาฟื้นระบบเครดิต สร้างหนี้ สร้างbad moneyจนหนี้ทั้งหมดอยู่ที่185%ต่อจีดีพี สูงเป็นอันดับ25ของโลกตามรายงานของMcKensey & Company
    เมื่อมีbad moneyมาก มันจะไล่good moneyไปหมดและมันจะเข้ามาแทนที่ เนื่องจากgood moneyไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอมาจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้น เพราะว่าโลกเรากำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความเสี่ยงของภูมิรัฐศาสตร์
    thanong
    7/6/2015
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    10. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ศัตรูหมายเลขหนึ่งของคนอเมริกันคืออะไร บุชและโอบามาจะพูดโฆษณาชวนเชื่อว่าพวกอัลเคด้าหรือไอซิส รวมทั้งรัสเซียและจีนเป็นศัตรูต่อความมั่นคงหรือชีวิตและทรัพย์สินของคนอเมริกัน แต่ความจริงแล้ว ศัตรูหมายเลขหนึ่งของคนอเมริกันคือเงินเฟ้อ หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างน่าใจหาย โดยที่รายได้ไม่พอกับรายจ่ายต่างหาก
    อย่างที่ได้อธิบายมาแล้ว เงินเฟ้อเกิดจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางที่เพิ่มปริมาณเงินในระบบทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของระบบเครดิตหรือการกู้ยืมเงินbad money เงินดอลล่าร์เสื่อมค่าจากเงินเฟ้อทำให้คนที่มีรายได้น้อยและคนชั้นกลางชักหน้าไม่ถึงหลัง ทั้งๆที่ชนชั้นกลางสหรัฐควรที่จะมีการเป็นอยู่ดีที่สุดในโลก แต่มันหาเป็นเช่นนั้นไม่
    อเมริกาเข้าสู่ระบบหนี้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากที่ยกเลิกการอิงดอลล่าร์กับทองคำเมื่อปี1971 โดยอาศัยหนี้เป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพี เพราะว่าแบงค์ชาติไม่มีข้อจำกัดในการพิมพ์เงินหรือเพิ่มปริมาณเงินอีกต่อไป ไม่เหมือนกับระบบมาตรฐานทองคำที่แบงค์ชาติมีข้อจำกัดในการเพิ่มปริมาณเงิน ไม่สามารถพิมพ์เงินเกินทองที่หนุนธนบัตร ยกเว้นขี้โกง
    ความจริงเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มรุนแรงตั้งแต่ก่อตั้งUS Federal Reserveในปี1913 แล้ว เพราะว่าเจ้าของเฟดที่แท้จริง คือพวกนายแบงค์วอลล์สตรีท นายแบงค์จะรวยได้ต้องปล่อยเงินกู้ นายแบงค์อยู่คู่กับbad money
    อำนาจเฟดอยู่ที่การเพิ่มปริมาณหรือลดปริมาณเงิน เมื่อเพิ่มปริมาณเงินเศรษฐกิจจะบูมเพราะจะส่งผลให้แบงค์ขยายเครดิตได้ง่าย เมื่อมีการเพิ่มปริมาณเงิน เงินจะเฟ้อแต่นายแบงค์หรือผู้ที่เล่นกับตลาดการเงินหรือตลาดหุ้นจะได้ประโยชน์ เมื่อเศรษฐกิจบูมมากๆเงินจะเฟ้อมากทำให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ย และดึงเงินกลับออกจากระบบ ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงหรือแครชไปเลย เหมือนอย่างที่เกิดการบูม10ปีก่อนเกิดภาวะถดถอยอย่างรุนแรง (The Great Depression)ขึ้นในปี1929 เจ้งกันระนาวโดยถ้วนหน้า
    แต่เวลาเศรษฐกิจเจ้ง พวกแบงค์วอลล์สตรีทจะไม่เจ้งตาม เพราะว่าแอบได้เงินสภาพคล่องจากเฟดมาต่ออายุ ส่วนแบงค์ที่ไม่อยู่ในเครือของเฟดเจ้งไป กลายเป็นเหยื่อเลหลังขายถูกๆให้พวกแบงค์วอลล์สตรีท ธุรกิจหรือกิจการต่างๆที่เจ้ง วอดวายโดนบอกแก๊งค์วอลล์สตรีทซื้อไปหมด
    เล่ห์เหลี่ยมใช้bad moneyเพื่อทำลายนี้ใช้มานานแล้ว และทุกวันนี้ยังใช้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
    ผลก็คือbad moneyของสหรัฐโตขึ้นไปเรื่อยๆ จากผลงานของเฟดและพวกแบงค์วอลล์สตรีท ทำให้ระบบการเงินสหรัฐกลายเป็นฟองสบู่ที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่า Alan Greenspan อดีตประธานเฟดเป็นผู้สร้างฟองสบู่การเงินจากการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อทำให้หุ้นฟู่ฟ่า พอฟองสบู่ตลาดหุ้นดอทคอมแตกปี2001 Greenspanสร้างฟองสบู่ตลาดอสังหาฯซับไพร์ม เมื่อซับไพร์มแตกปี2007 และLehman Brothersล้มปี2008 Ben Bernanke ประธานเฟดที่ขึ้นมารับตำแหน่งต่อดำเนินนโยบายดอกเบี้ย0% พิมพ์เงินทำQEเพื่ออุ้มระบบการเงินทั้งระบบ รวมทั้งอุ้มพันธบัตรรัฐบาลกลางสหรัฐด้วย เป็นการสร้างฟองสบู่รอบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดที่โลกเคยเห็นมา เพราะว่ามีการกู้เงินอย่างเกือบจะได้ฟรีๆไปละเลงในหุ้นหรือในทรัพย์สินที่ไม่ควรจะเติบโต
    เมื่อเกิดฟองสบู่ เงินเฟ้อจะสูง เงินดอลล่าร์กลายเป็นbad moneyเพราะว่าเสื่อมค่า หรือคนที่ถือดอลล่าร์มีกำลังซื้อที่ลดลง
    แต่ทางการสหรัฐมีวิธีการคำนวนเงินเฟ้อทำให้ดูต่ำจากความเป็นจริงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ มิเช่นนั้นรัฐบาลกลางต้องมีภาระจ่ายเงินประกันสังคม (Social Security)และเงินบำนาญ (pensions)สูงขึ้นตามเงินเฟ้อ เลยต้องโกงประชาชน อีกประการหนึ่ง การจงใจกดตัวเลขเงินเฟ้อให้ต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นการช่วยให้เฟดสามารถดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำๆ เพื่อหนุนการขยายตัวของbad moneyหรือเครดิต เพราะว่าดอกเบี้ยจะกดต่ำกว่าเงินเฟ้อไม่ได้
    จึงเป็นกรรมของคนอเมริกันที่มีเฟดและแก๊งค์วอลล์สรีททำนาบนหลังคน ตอนนี้ประธานเฟดคนปัจจุบันJanet Yellenยังไม่รู้ว่าจะลงจากหลังเสืออย่างไร เพราะว่าเฟดกดดอกเบี้ย 0%มา7ปีแล้ว ทำให้เกิดฟองสบู่การเงินก้อนยักษ์ ตัวเลยเงินเฟ้อกดต่ำเพื่อสร้างภาพว่าสหรัฐเจอภาวะเงินฝืด ถ้าปล่อยไปนานๆ เงินเฟ้อที่แท้จริงหรือsuper bad moneyระเบิดออกมา จะเอาไม่อยู่ ถ้าจะขึ้นดอกเบี้ย ฟองสบู่จะแตก
    กองทุนการเงินระหว่างประเทศรู้ดีว่า ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ ฟองสบู่การเงินโลกจะแตก เกิดวิกฤติอย่างรุนแรง จึงได้ออกคำแนะนำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยปี2016แทน
    ประวิงเวลาไปทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อให้โอบามามีเวลาเตรียมพร้อมปิดล้อมทั้งรัสเซียและจีนให้ดีกว่านี้ เวลามีหนี้หรือbad moneyมากจนจ่ายคืนเจ้าหนี้ไม่ได้ ต้องล้มโต๊ะทำสงครามเป็นของธรรมดา
    thanong
    7/6/2015
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    11. เงินดี vs เงินเลว (Good Money vs Bad Money)
    ตัวเลขเงินเฟ้อที่เป็นต้นเหตุของbad moneyของสหรัฐอยู่ที่ -0.2% ณ สิ้นสุดเดือนเมษายน หมายความว่าสหรัฐไม่ได้กำลังเผชิญกับเงินเฟ้อ แต่เจอสภาวะเงินฝืดต่างหาก โดยที่ราคาสิ้นค้าและบริการโดยทั่วไปในเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลง
    Current US Inflation Rates: 2005-2015 | US Inflation Calculator

    มีสองคนที่มีชื่อเสียง คือนายEd Butowskyแห่ง Chapwood Index - The Real Cost of Living Increase Index | Founded by Ed Butowsky of Chapwood Investments
    และนายJohn Williams แห่ง Shadow Government Statistics - Home Page ที่ไม่หลงเชื่อตัวเลขเงินเฟ้อของทางการ
    นายJohn Williamsบอกว่าเงินเฟ้อที่แท้จริงของสหรัฐคือ8%-10% ทำให้คนที่ไม่มีรายได้เพิ่ม หรือได้รายได้เพิ่มระดับต่ำ โดนเงินเฟ้อกินกำลังซื้อหมด
    นายEd Butowsky ไม่เชื่อตัวเลขเงินเฟ้อของทางการเหมือนกันจึงได้สร้างChapwood Indexขึ้นมาในปี2008 เพื่อวัดค่าครองชีพที่แท้จริงในสหรัฐ โดยเขาวัดการปรับราคาที่แท้จริง และการแกว่งของราคาสินค้า500ชิ้นที่คนอเมริกันใน 50เมืองซื้อมากที่สุดจากรายได้หลังหักภาษี
    เขาเริ่มต้นด้วยการใช้โซเซี่ยลมีเดียในการเซอร์เวย์เพื่อนๆที่อยู่ต่างรัฐต่างเมืองเพื่อดูว่า เพื่อนๆเอารายได้หลังหักภาษีซื้อของใช้อุปโภคบริโภคอะไรมากที่สุด ก่อนที่จะได้สินค้า500ชนิดและให้เพื่อนๆช่วยรายงานการเคลื่อนไหวของระดับสินค้าเหล่านี้ตลอดใน50เมืองใหญ่
    สินค้าในตระกร้าของChapwood Indexเช่นกาแฟStarbucks, Advil, ประกันภัย, อาหารฟาสท์ฟู๊ด ยาสีฟัน ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของรถยนต์ ค่าล้างรถ ปิซซ่า เคเบิ้ลทีวี อินเตอร์เน็ต ค่ามือถือ ซักแห้ง ตั๋วดูหนัง เครื่องสำอางค์ ค่าสมาชิกโรงยิม ค่าซ่อมบ้าน ค่าเรียนเปียโนของลูก ผงซักฟอก หลอดไฟ ค่าจอดรถมิเตอร์ ค่าอาหารสัตว์เลี้ยง กางเกงใน นิตยสารPeople ฯลฯ
    ปรากฎว่า เขาพบว่าค่าครองชีพของเพื่อนของเขา รวมทั้งคนอเมริกันสูงขึ้นมาก ไม่สอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อ (consumer price index)ของทางการที่แทบจะไม่ขยับเลย
    ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลขเงินเฟ้อCPIของทางการสูงขึ้น0.8%ในปี2014 แต่ในเขตเมืองบอสตัน รัฐแมสซาจูเสทท์ Chapwood Indexชี้ให้เห็นว่าค่าครองชีพที่แท้จริงสูงขึ้น 10.7% หมายความว่าชาวบอสตันที่ทำงานและได้เงินเดือนเพิ่ม0.8%ตามเงินเฟ้อ จะไม่มีเงินเหลือพอที่จะจับจ่ายใช้สอย ต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อรักษาระดับการครองชีพแบบเดิม
    ในเมืองซาน โฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวเลขเงินเฟ้อที่แท้จริงของChapwood Indexคือ13.7% เมืองที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดคือColorado Springs รัฐโคโลราโดยังเจอเงินเฟ้อหรือค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น6.6%
    ค่าครองชีพที่สูงขึ้นนี้เกิดจากbad moneyดังที่ได้อธิบายมาแล้ว ทำให้คนชั้นกลางอเมริกันชักหน้าไม่ถึงหลัง ส่วนมากจะมีรายได้เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บ เพราะว่าค่าใช้จ่ายที่แท้จริงสูงขึ้นมาก
    Ed Butowskyบอกว่า การตกแต่งตัวเลขเงินเฟ้อให้ดูต่ำกว่าผิดปกติเริ่มในปี1983โดย U.S. Bureau of Labor Statistics ที่ต้องการกดตัวเลขเงินเฟ้อให้ดูต่ำๆ เพื่อช่วยรัฐบาลกลางลดค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมและการจ่ายบำเหน็จบำนาญต่างๆที่อิงกับเงินเฟ้อ
    ในเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อถูกบิดเบือน ทำให้การเพิ่มเงินเดือนหรือรายได้ในระบบเศรษฐกิจผิดเพี้ยนไปหมด 30ปีต่อมาผลกระทบเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าคนอเมริกันระดับล่างและชนชั้นกลางชักหน้าไม่ถึงหลังกันถ้วนหน้า จากพิษของเงินเฟ้อหรือbad moneyอันเกิดจากการขยายตัวของปริมาณเงินของเฟดและการขยายตัวของเครดิตที่ทำกันมาต่อเนื่อง
    ทำให้คนรวยที่วิ่งแซงbad moneyได้ยิ่งรวย คนจนที่โดนbad moneyแซงยิ่งจนลง
    thanong
    7/6/2015
    หมายเหตุ ตารางของChapwood Indexแสดงตัวเลขเงินเฟ้อที่แท้จริงตามเมืองใหญ่ต่างๆของสหรัฐ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กบฏซูดานใต้ อ้าง บุกยึดบ่อน้ำมันอื้อ ตัดแหล่งรายได้ฝ่ายรัฐบาล
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 01:14 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เจมส์ กัตเด็ต ดัค โฆษกกลุ่มกบฏซูดานใต้ เปิดเผยในวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ระบุ กองกำลังฝ่ายตนซึ่งหนุนหลังอดีตรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์ สามารถบุกเข้ายึดบ่อน้ำมันทุกแห่งในรัฐยูนิตี้ได้แล้ว และเตรียมเข้าควบคุมบ่อน้ำมันในรัฐอัปเปอร์ไนล์ที่อยู่ใกล้เคียง

    โฆษกกลุ่มกบฏซูดานใต้ระบุ ความพยายามของฝ่ายตนในการเข้าควบคุมบ่อน้ำมันดังกล่าว มีจุดประสงค์หลักเพื่อตัดแหล่งรายได้ของรัฐบาลประธานาธิบดีซัลวา คิอีร์ ซึ่งมักนำเงินที่ได้จากการส่งออกน้ำมันมาใช้จ่ายในการทำสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2013

    สงครามกลางเมืองซูดานใต้มีต้นตอจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างประธานาธิบดีคิอีร์ กับรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์โดยฝ่ายแรกได้ออกคำสั่งปลดฝ่ายหลังและกล่าวหาว่าคิดก่อการกบฏ จากนั้นบรรดาทหาร ตำรวจ และประชาชนที่หนุนคิอีร์และมาชาร์ต่างจับอาวุธเข้าต่อสู้กันจนบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ขณะที่กองทัพของชาติเพื่อนบ้านอย่างยูกันดาได้ส่งกำลังทหารของตนเข้ามาช่วยฝ่ายของประธานาธิบดีคิอีร์ในการต่อสู้กับกบฏ

    ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุ ขณะนี้มีประชาชนชาวซูดานใต้มากกว่า 650,000 คนถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือทั้งปวงเพราะผลพวงของการสู้รบ ขณะที่อีกราว 2.5 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะความไม่มั่นคงทางอาหาร

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064297
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทูตพิเศษโอเอสซีอีถอดใจลาออก หลัง “คว้าน้ำเหลว” ผลักดันแผนสันติภาพยูเครน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2558 21:56 น.

    [​IMG]

    เอพี/เอเจนซีส์-รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันในวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ระบุ ไฮดี ทากลิอาวินี นักการทูตหญิงมากประสบการณ์มีแผนก้าวลงจากตำแหน่งผู้แทนพิเศษขององค์กรความมั่นคงและความร่วมมือแห่งยุโรป (โอเอสซีอี) ในการเจรจายุติสงครามกลางเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน

    คำแถลงของทางการสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่า นางทากลิอาวินี อดีตเอกอัครราชทูตหญิงแดนนาฬิกาประจำบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ทูตพิเศษให้กับโอเอสซีอี ในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครน รัฐบาลรัสเซีย และกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย

    แม้คำแถลงของทางการสวิสจะมิได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทากลิอาวินี ตัดสินใจลาออก จากการทำหน้าที่ทูตพิเศษด้านวิกฤตยูเครนให้กับโอเอสซีอี แต่แหล่งข่าวด้านการทูตเผยว่า ความล้มเหลวของการผลักดันแผนสันติภาพที่ถาวรในยูเครน และจุดยืนที่ “ไม่พร้อมประนีประนอม” ของคู่ขัดแย้งทั้ง 3 ฝ่าย คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักการทูตหญิงรายนี้ “ถอดใจ” ทั้งที่เธอเคยมีบทบาทสำคัญในการยุติความขัดแย้ง ทั้งในเชชเนียและจอร์เจียมาก่อนหน้านี้

    ทั้งนี้ ข่าวการลาออกของนางทากลิอาวินีมีขึ้นเพียง 4 วัน หลังจากที่การเจรจาสันติภาพยูเครนรอบล่าสุดที่มีโอเอสซีอีเป็นตัวกลางมีอันต้องปิดฉากลงโดยปราศจากแผนสันติภาพที่เป็นรูปธรรม สวนทางกับการสู้รบในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064288
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ศึกเยเมน’ยิ่งบานปลาย กบฏฮูตียิง“จรวดสกั๊ด”เข้าใส่ ซาอุฯใช้ “แพทริออต” สกัด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2558 21:15 น.

    [​IMG]

    @ผู้สนับสนุนกบฏฮูตีในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน เมื่อวันศุกร์ (5) จัดการชุมนุมเดินขบวนต่อต้านซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรที่ถล่มทางอากาศใส่ที่มั่นต่างๆ ของฮูตี โดยที่มีการนำเอาขีปนาวุธหลอกๆ มาติดตั้งบนรถกระบะคันหนึ่งด้วย

    เอพี/เอเจนซีส์ – ซาอุดีอาระเบียแถลงว่า สามารถใช้ขีปนาวุธ “แพทริออต” ยิงสกัดจรวด “สกั๊ด” ที่พวกกบฏชีอะห์และพันธมิตรในเยเมน พยายามยิงใส่เมืองแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ เหตุการณ์คราวนี้เกิดขึ้นในตอนก่อนรุ่งสางวันเสาร์ (6 มิ.ย.) และเป็นหลักหมายแสดงถึงการบานปลายออกไปครั้งสำคัญของสงครามเยเมนซึ่งยืดเยื้อมานานหลายเดือนแล้วคราวนี้

    สำนักข่าวซาอุดี เพรสส์ เอเจนซี (เอสพีเอ) ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกซึ่งยิงขึ้นไปโดยหน่วยขีปนาวุธ “แพทริออต” สามารถสอยจรวดสกั๊ดที่ถูกยิงเข้ามาเมื่อเวลาประมาณ 02.45 น. ของวันเสาร์ (ตรงกับ 06.45 น. ตามเวลาเมืองไทย) ที่บริเวณรอบๆ เมืองคอมิส มูชาอิต (Khamis Mushait) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบีย

    เอสพีเอไม่ได้รายงานว่าเกิดการบาดเจ็บล้มตายใดๆ จากการโจมตีคราวนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พวกกบฏในเยเมนนำเอา ขีปนาวุธสกั๊ด ที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคสงครามเย็นมาใช้งาน หลังจากที่พันธมิตรอาหรับฝ่ายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เริ่มเปิดฉากโจมตีทิ้งระเบิดใส่ที่มั่นต่างๆ ของฝ่ายกบฏในเยเมนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    เมืองคอมิส มูชาอิต เป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศกษัตริย์คอลิด (King Khalid Air Base) อันเป็นฐานทัพอากาศใหญ่ที่สุดในอาณาบริเวณนี้ของซาอุดีอาระเบีย ชาวซาอุดีหลายคนรายงานไว้ในสื่อสังคมว่าได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้นรอบๆ เมืองนี้ในระหว่างที่เกิดเหตุโจมตี

    สำนักข่าวเอสพีเอประณามว่า กลุ่มกบฎชาวชีอะห์ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านและรู้จักกันในนามกลุ่ม “ฮูตี” ตลอดจนพวกพันธมิตรของฮูตีในกองทหารส่วนซึ่งยังคงจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ของเยเมน เป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ ขณะที่สำนักข่าวซาบา (SABA) ของทางการเยเมนที่ปัจจุบันตกอยู่ในความควบคุมของฝ่ายฮูตี ก็รายงานตรงกันว่า ฝ่ายกบฏและพันธมิตรเป็นผู้ยิงขีปนาวุธสกั๊ดคราวนี้

    [​IMG]
    @ภาพจากแฟ้มซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นพวกนักหนังสือพิมพ์กำลังเฝ้าชมทหารซาอุดีอาระเบียยิงปืนครกไปทางพรมแดนติดต่อกับเยเมน ณ เขตนัจรัน ของซาอุดีอาระเบีย

    ซาอุดีอาระเบียได้นำพันธมิตรของตน เข้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ของฝ่ายกบฎเยเมนด้วยการโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เพื่อเป็นการสนับสนุนประธานาธิบดีอับเอด รับโบ มันซูร์ ฮาดี ที่เวลานี้ลี้ภัยอยู่นอกประเทศ การโจมตีเหล่านี้มุ่งทำลายคลังอาวุธและที่ตั้งฐานจรวดสกั๊ดตามที่ต่างๆ ทั่วเยเมน

    เอสพีเอรายงานว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการใช้จรวด “แพทริออต” สกัดกั้นขีปนาวุธ “สกั๊ด” แล้ว กลุ่มพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียยังได้ตอบโต้ด้วยการเข้าโจมตีและทำลายฐานยิง “สกั๊ด” ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซาดา อันเป็นที่มั่นซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของฝ่ายฮูตี

    ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงชาวเยเมนเปิดเผยว่า เครื่องบินของพันธมิตรได้เข้าโจมตีทางอากาศอย่างน้อยที่สุด 6 ระลอกเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ โดยเล่นงานขบวนรถลำเลียงของฝ่ายฮูตีที่ตอนนั้นกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองซาดา นอกจากนั้นการโจมตีทางอากาศคราวนี้ยังถล่มขบวนรถลำเลียงที่อยู่ในจังหวัดอันรัม ซึ่งฝ่ายฮูตีและเจ้าหน้าที่ชนเผ่ายืนยันว่ากำลังขนส่งปศุสัตว์อยู่

    ฝ่ายกบฏฮูตีเริ่มการรุกคืบหน้าของตนในเดือนกันยายนปีที่แล้ว จนกระทั่งสามารถบุกเข้าเมืองหลวงซานา และยึดกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ตลอดจนพื้นที่อื่นๆ พวกเขากักตัวประธานาธิบดีฮาดีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอื่นๆ ให้อยู่แต่ภายในบ้านพัก จวบจนกระทั่งฮาดีหลบหนีออกมาได้สำเร็จ โดยที่ในตอนแรกเขาไปที่เมืองเอเดน เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ จากนั้นจึงเดินทางต่อไปลี้ภัยในซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ฝ่ายกบฏก็ไล่ติดตามและยึดครองพื้นที่ได้จำนวนมาก ด้วยการสนับสนุนของหน่วยทหารต่างๆ ซึ่งยังภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีซาเลห์

    การรณรงค์โจมตีทางอากาศที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย และการสู้รบภาคพื้นดินซึ่งปะทุขึ้นมา ได้สังหารพลเรือนไปมากกว่า 1,000 คน และอีกกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีสงครามกลายเป็นคนพลัดถิ่น สเตฟาเน ดูจาร์ริค โฆษกผู้หนึ่งของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เพิ่งแถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (3) ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้การโจมตีของกลุ่มพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบีย ยังคงล้มเหลวไม่สามารถผลักดันขับไสให้ฝ่ายฮูตีถอนตัวออกจากดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองอยู่ หรือเบี่ยงเบนการรุกคืบส่งสู่ภาคใต้เยเมนของกองกำลังเหล่านี้

    อับดุลคอเลก อับดุลเลาะห์ อาจารย์รัฐศาสตร์ผู้หนึ่งของมหาวิทยาลัยสหรัฐอาหรับเอมิเครต์ ให้ความเห็นว่า การยิงจรวดสกั๊ดเข้าใส่ดินแดนซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่พวกฮูตีและพันธมิตรใช้เพื่อส่งสัญญาณว่าพวกเขายังคงมีความสามารถในการสู้รบถึงแม้ถูกถล่มทางอากาศมาเป็นเดือนแล้ว ทั้งนี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็น 1 ในพันธมิตรที่ปฏิบัติการถล่มทางอากาศต่อฝ่ายกบฏในเยเมน

    “แน่นอนทีเดียว มันเป็นการบานปลายออกไป” อับดุลเลาะห์กล่าว “ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่า มันไม่ได้มีการน็อกเอาต์ แสนยานุภาพของพวกฮูตีไม่ได้ถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเราจำเป็นต้องยอมรับเรื่องนี้”

    สำนักข่าวเอสพีเอของซาอุดีอาระเบียรายงานด้วยว่า เมื่อวันศุกร์ (5) พวกฮูตีและกองกำลังของซาเลห์ ได้เปิดการการรุกภาคพื้นดินซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่พื้นที่ชายแดนติดต่อกับซาอุดีอาระเบีย ทำให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียยิงปืนใหญ่และส่งเฮลิคอปเตอร์โจมตีรุ่น “อาปาเช่” ออกไปปราบปราม

    เอสพีเอระบุว่า พวกกบฏ “หลายสิบคน” ถูกสังหารในการสู้รบซึ่งกินเวลาตั้งแต่ตอนรุ่งสางไปจนถึงเที่ยงวันศุกร์ โดยที่ทหารซาอุดีเสียชีวิต 4 คน

    ทั้งฝ่ายซาอุดีอาระเบียและมหาอำนาจตะวันตกต่างกล่าวหาว่า พวกฮูตีได้รับความสนับสนุนทางทหารจากอิหร่าน ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจของฝ่ายชีอะห์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามตัวแทนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายสุหนี่ เตหะรานและพวกกบฏพากันปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ถึงแม้อิหร่านยอมรับว่าได้ส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมไปให้แก่ฝ่ายฮูตี


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064280
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พายุเฮอร์ริเคน “บลังกา” จ่อขึ้นฝั่งเม็กซิโกใน 48 ชั่วโมง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 02:00 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์-ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ รายงานในวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ระบุ พายุเฮอร์ริเคน “บลังกา” ได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 4 ซึ่งมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางสูงกว่า 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่คาบสมุทร “บาฮา กาลิฟอร์เนีย” ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศสำคัญของเม็กซิโก

    พายุเฮอร์ริเคน “บลังกา” ถือเป็นเฮอร์ริเคนลูกที่สองที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งแดนจังโก้ในปีนี้ ถัดจากเฮอร์ริเคน “อันเดรส” โดยรายงานล่าสุดระบุว่าพายุบลังกานี้ อยู่ห่างจากชายฝั่งของเมืองท่องเที่ยวกาโบ ซาน ลูกัสราว 580 กิโลเมตร และอาจพัดขึ้นฝั่งภายในวันจันทร์ (8 มิ.ย.)

    ข้อมูลจากศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯระบุว่า อิทธิพลของพายุบลังกาอาจทำให้เกิดฝนตกทั่วไปในคาบสมุทร บาฮา กาลิฟอร์เนีย รวมถึงเกิดความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม

    ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว พื้นที่คาบสมุทร บาฮา กาลิฟอร์เนียของเม็กซิโกถูกถล่มด้วยเฮอร์ริเคน “โอดิเล” เป็นเหตุให้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก และพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064302
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โหรดังล้านนาชี้เปรี้ยง! เชียงใหม่ตก “ขึด” เหตุร้าย ไฟไหม้ซ้ำซาก บอกยังมีอีก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 10:03 น. (แก้ไขล่าสุด 7 มิถุนายน 2558 10:17 น.)

    [​IMG]

    เชียงใหม่ - พบทั้งพระ ฆราวาส คนว่างงาน ยันผู้สูงอายุ แห่เรียนโหราศาสตร์ตำรา “ราศรีจักร มหาภูติ มหาทักษา ตั้งชื่อ ฤกษ์มงคล” ขณะที่โหรดังล้านนาชี้เชียงใหม่ตกดวง “ขึด” ดาวเกตุทับพฤหัส ทำเกิดเหตุร้ายซ้ำซาก แถมยังมีอีกยาวถึงมกราฯ 59 แนะทำบุญอโหสิกรรมเสี้ยววัด เสี้ยวบ้าน เสี้ยวเมือง

    วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพวกเปีย ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ในช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ มีผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ รวมถึงผู้ว่างงาน ผู้สูงอายุ และพระภิกษุสงฆ์พากันเดินทางไปเรียนตำราวิชาโหราศาสตร์กันมากขึ้น หลังอาจารย์ภูมิศักดิ์ ทุมสวัสดิ์ ซึ่งเรียกกันว่า “อาจารย์ภู” ที่ได้ชื่อว่า เป็นครูภูมิปัญญาสาขาโหราศาสตร์ เปิดหลักสูตรสอนเกี่ยวกับ “ราศรีจักร มหาภูติ มหาทักษา ตั้งชื่อ ฤกษ์มงคล” ขึ้นที่วัดดังกล่าว

    อาจารย์ภู บอกว่า เป็นการศึกษาเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในการพยากรณ์อนาคตของตนเองในด้านต่างๆ ตามความคิดความเชื่อที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน ซึ่งวิชาโหราศาสตร์เป็นการเรียนรู้ เรื่องอดีตกาล และอนาคตกาล เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และหาทางป้องกัน แก้ไขได้ทันท่วงที รวมทั้งศึกษาวิธีพิจารณานิสัยใจคอ บริวาร คนในบังคับบัญชา เพราะดวงชะตาจะบ่งบอกลักษณะนิสัยได้ ทำให้มีผู้สนใจเรียนกันเพิ่มขึ้น หรือนำไปช่วยดูฤกษ์ยามให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา หรือผูกดวง

    ซึ่งการเรียน “ราศรีจักร มหาภูติ มหาทักษา ตั้งชื่อ ฤกษ์มงคล” นี้ จะใช้เวลาเรียนในช่วงวันหยุด เสาร์อาทิตย์ วันละ 3 ชั่วโมง หลักสูตร 150 ชั่วโมง โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 600 บาท เริ่มตั้งแต่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันแรก เมื่อจบหลักสูตรในเบื้องต้นก็จะสามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์ได้ แต่วิชาโหราศาสตร์ต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะจะมีเหตุการณ์ใหม่ๆ เข้ามาตลอด

    อาจารย์ภูมิ ยังได้ดูดวงเมืองเชียงใหม่ว่า “ตกดวงขึด” มักจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เช่น ไฟไหม้ และยังจะเกิดขึ้นอีก เพราะตามตำราวิชาโหราศาสตร์ เมื่อดาวพฤหัส และดาวเกตุมาเจอกัน และดาวเกตุทับดาวพฤหัส ซึ่งเป็นดวงเมืองเชียงใหม่ หมายถึงเทวดาอารักษ์ลงโทษ หรือต้องอาเพศ ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไร หมายถึงฤทธิ์ของสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติไม่สามารถอธิบายได้

    “ทางที่ดีต้องทำบุญอโหสิกรรมกับเสี้ยววัด เสี้ยวบ้าน เสี้ยวเมือง เพื่อให้ภัยพิบัติต่างๆ ทุเลาเบาบางลง ซึ่งดวงเมืองเชียงใหม่จะพ้นเคราะห์ในเดือนมกราคม ปี 2559”
    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064335
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เทียบฟอร์มญี่ปุ่น-จีน ใครมีลุ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 06:33 น.

    [​IMG]

    โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในประเทศไทย เป็นที่หมายตาของเจ้าของเทคโนโลยีหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับสัมปทานในโครงการนี้มากที่สุด ทั้งสองประเทศต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน และรัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิทธิ์ในโครงการนี้

    พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไทย ได้พบกับนายอะกิฮิโระ โอตะ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม และมีพิธีลงนามแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศมีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง


    รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้วิเคราะห์ศักยภาพของรถไฟแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมระบุว่า การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นโครงการที่ญี่ปุ่นมีความหวังมากที่สุด ซึ่งหากรถไฟเส้นทางนี้ใช้เทคโนโลยีชินคันเซน ประเทศไทยจะถือเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ต่อจากไต้หวันที่ใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น

    ชินคันเซน ปลอดภัยสูงสุด

    ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของชินคันเซน คือ เรื่องความปลอดภัย โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 ถึงปัจจุบันนานกว่า 50ปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว

    ในรายการโทรทัศน์ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า รถไฟชินคันเซนที่แล่นด้วยความเร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นมีความนิ่ง ถึงขนาดที่สามารถวางเหรียญตั้งไว้บนขอบหน้าต่างของรถได้

    ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่เป็นเหมาะสมกับผู้โดยสารด้วย โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ถูกเชิญให้ไปออกแบบภายในรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่ามีการเกิดอาชญากรรมบนรถไฟสูงที่สุด โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ตกแต่งบรรยากาศภายในรถไฟใต้ดินใหม่ และช่วยลดการเกิดอาชญากรรมอย่างได้ผล

    [​IMG]
    @มูลค่าการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน นำหน้าทุกประเทศอย่างไม่เห็นฝุ่น


    ชินคันเซนแพงกว่าจีน 3เท่าตัว
    อุปสรรคที่สำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากญี่ปุ่นคือราคาที่สูงมาก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีเทคโนโลยีนี้ คือ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และจีนนั้น ต้นทุนการก่อสร้างของรถไฟชินคันเซนสูงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงของจีนแล้ว ชินคันเซนแพงกว่าถึง 3 เท่าตัว

    จีนคือเจ้าตลาดตัวจริง
    วิทยากรในรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นยังได้แสดงถึงมูลค่าที่ประเทศสำคัญๆ ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยจีนคือเจ้าตลาดที่ทำเงินจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงได้ถึง 3.7 ล้านล้านเยน ขณะที่ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส ทำรายได้ได้ไม่ถึง 1 ล้านล้านเยน ส่วนรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น ทำรายได้จากการส่งออกเทคโนโลยีได้ไม่ถึง 0.5 ล้านล้านเยนด้วยซ้ำ

    บริษัทเอกชนญี่ปุ่นแข่งกับรัฐวิสาหกิจจีน
    ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นยอมรับว่า อุปสรรคที่รถไฟญี่ปุ่นที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ใช่เรื่องของเงินทุนหรือความทันสมัย แต่เป็นรูปแบบการบริหารจัดการ โดยบริษัทที่ผลิตรถไฟชินคันเซนมี 2 ราย คือ ฮิตาชิ และคาวาซากิ

    หากแต่ ทางฝั่งจีน ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงคือรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของคณะรัฐมนตรีจีนโดยตรง โดยแต่เดิมมี 2 บริษัท คือ “หนานเชอ” 中國南車 และ “เป่ยเชอ” 中國北車 แต่ในปี 2015รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งได้ควบรวมกิจการกันเป็นบริษัท CRRC Corporation Limited หรือ จงกั๋วจงเชอ 中国中车 ซึ่งเป็นกิจการรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

    การแข่งขันเรื่องรถไฟความเร็วสูงระหว่างญี่ปุ่นจีนนั้น จึงไม่ใช่การแข่งขันระหว่างบริษัทเอกชน แต่เป็นการแข่งขันระหว่างรัฐบาลของ 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย

    [​IMG]
    @แผนที่โครงการ "รถไฟเชื่อมเอเชีย" ของรัฐบาลจีน

    ศึกการค้า ศึกการเมือง
    รัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนได้ใช้ความพยายามทางการทูตและการเมืองในหลายมิติ เพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง เคยประกาศอย่างชัดเจนในระหว่างการเยือนประเทศไทยว่า “ปรารถนาจะสร้างรถไฟเชื่อมภูมิภาคเอเชียให้ได้” แน่นอนว่ารัฐบาลแดนมังกรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นจริง

    ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นยังยกตัวอย่างการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB ที่จีนเป็นผู้ริเริ่มและมี 57 ประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกนั้น เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของโครงการทางรถไฟเชื่อมเอเชีย ซึ่งการออกแรงผลักดันโดยตรงจากรัฐบาลเช่นนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อาจจะทำได้เพราะติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย แตกต่างจากฝ่ายจีนที่รัฐบาลสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง

    ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการเดินรถไฟตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จนถึงวันนี้รถไฟของไทยยังคงล้าหลังเหมือนเช่นเมื่อ 130 ปีก่อน จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าการพัฒนาการขนส่งทางรางเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง

    อภิมหาโครงการที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ไม่เพียงเป็น “ชิ้นปลามัน” ที่ใครๆต่างก็ปรารถนา หากแต่ยังเกี่ยวพันถึงดุลอำนาจของประเทศต่างๆในภูมิภาค รัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งมิติของการลงทุน, สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเมืองระหว่างประเทศให้รอบคอบ.


    http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064122
     

แชร์หน้านี้

Loading...