ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยกเลิกค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศเริ่มปี 2559 กำหนดตามอัตราค่าครองชีพ
    Last updated: 5 June 2015 | 21:43 จาก
    Thaitribune

    [​IMG]

    กระทรวงแรงงานโละค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศเริ่มปี 2559 ให้แต่ละแห่งกำหนดตามความเหมาะสมของอัตราค่าครองชีพ กรรมการบอร์ดค่าจ้างพิจารณาแต่ละจังหวัดนำเข้าประชุมใหญ่ตุลาคมนี้
    เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการสัมมนากรอบแนวทางและหลักเกณฑ์การพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2559 และกำหนดอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ยังคงมีมติกำหนดให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทเท่ากันทั่วทั้งประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2558
    ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2559 ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่มติบอร์ดค่าจ้างเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ให้ปรับวิธีกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมาใช้แบบเดิมคือ การกำหนดตามพื้นที่จังหวัด โดยจะต้องมีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง และต้องคำนึงถึงค่าครองชีพแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ
    ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังดำเนินการโครงการศึกษาวิจัยความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการใช้ระบบค่าจ้างแบบลอยตัวทั่วประเทศ โดยการศึกษาเปรียบเทียบค่าจ้างลอยตัว และวิเคราะห์แนวทางการกำหนดค่าจ้างที่เหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับใช้กับประเทศไทย
    นายนครกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มการจ้างงาน สร้างความเป็นอยู่ที่ดี และลดความแตกต่างด้านรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ยังมีผลต่อสภาพการจ้างงานในตลาดแรงงานด้วย ดังนั้น การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทุกภาคส่วน ต้องร่วมกันปรับยุทธศาสตร์ของงหน่วยงานให้เข้ากับสถานการณ์และให้ความสำคัญกับผลิตภาพแรงงานมากขึ้น
    อีกทั้งในอนาคตนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมองหาแรงงานที่มีคุณภาพรองรับโครงสร้างการผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้น
    ส่วนฝ่ายลูกจ้าง จะต้องมองถึงการพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ที่เป็นตัวกำหนดค่าจ้างและรายได้ตามความสามารถที่แตกต่างกัน การที่แรงงานมีผลิตภาพสูงย่อมมีโอกาสจะได้ค่าจ้างและรายได้สูงกว่าแรงงานที่มีผลิตภาพต่ำกว่า
    สำหรับโครงสร้างอัตราค่าจ้างปี 2559 นั้น ได้ให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัดไปศึกษาและส่งค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดมา ซึ่งจะนำเข้ามาพิจารณาในการประชุมบอร์ดค่าจ้างครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้
    ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่าการสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้ทุกจังหวัดได้รับทราบถึงแนวทางและข้อเสนอแนะถึงค่าจ้างทุกจังหวัดควรเป็นเช่นไร การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมีความสำคัญอย่างมาก หากกำหนดสูงเกินไปก็จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจต่อการลงทุนและอาจทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อได้ แต่หากกำหนดอัตราค่าจ้างต่ำเกินไปก็จะไม่มีหลักประกันค่าครองชีพของผู้ใช้แรงงาน
    สำหรับในปี 2559 จะวางแนวทางการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นมาตรฐานและสามารถที่จะใช้ในปีต่อไปได้ อีกทั้งการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจะไม่เป็นปรับขึ้นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ ค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องสอดคล้องกับค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่และเป็นธรรม
    ค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาทที่ใช้ในปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีในสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ(ฉบับที่ 7) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2554 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ทั้ง 77 จังหวัด โดยค่าจ้างขั้นต่ำกำหนดไว้วันละ 300 บาท ประกอบด้วย
    กรุงเทพมหานคร จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พังงา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ พะเยา ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยะลา ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุดรธานี อุทัยธานี อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
    First posted: 5 June 2015 | 21:42
    Author : paisano
    LATEST POSTS
    http://thaitribune.org/contents/detail/303…
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แรงงานก็อยากได้ค่าจ้างสูง ผู้ประกอบการก็อยากจ้างแรงงานที่มีราคาค่าจ้างไม่สูงไปนัก จึงไปเปิดนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ค่าแรงถูก แต่ก็ต้องยอมเสียค่าขนส่งสินค้า เพราะคิดว่าประหยัดกว่าจ้างแรงงานใสพื้นที่เดิม พอค่าแรงเท่ากันทั่วประเทศ โรงงานใหม่ที่ไปตั้งเลยไม่จำเป็น เลยต้องปิดกิจการ

    เปิดใจสาวโรงงาน “เอคโค่” ไม่เอาแล้วค่าแรง 300 ร้านของชำ-หอพักร้างแล้ว ??? 300 บาท ข้อดีก็มี-ข้อเสียก็มาก ข่าว 21 พย 2556

    [​IMG]

    พิจิตร - สาวฉันทนาโรงงานเอคโค่ เจ้าของร้านขายของชำ หอพัก ใกล้นิคมฯ พิจิตร ครวญกันทั่วหน้า พิษค่าแรง 300 ส่งผลแล้ว หอพัก-แผงก๋วยเตี๋ยวร้าง ขณะที่สาวโรงงานบอกได้ค่าแรง 200 กว่าก็เอา อยากอยู่ใกล้บ้าน
    รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า หลังบริษัท เอคโค่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรองเท้าที่ขยายโรงงานเข้ามาลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่าง (พิจิตร) อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะประกาศปิดไลน์การผลิตเพื่อยุบรวมกับบริษัทแม่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ 12 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา ทำให้พนักงานที่มีอยู่ 1,138 คนต้องตกงานบางส่วน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องรอบข้างทันที
    ล่าสุด นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรงงานตั้งอยู่ ได้ลงพื้นที่ไปดูบริษัท เอคโค่ฯ ซึ่งพบว่าประตูโรงงานปิดมีแต่ รปภ.และพนักงาน 3-4 คนที่อยู่เฝ้าโรงงาน และอธิบายว่าโรงงานต้องปิดตัวเนื่องจากในอดีตเมื่อ 6-7 ปีก่อนมาตั้งโรงงานในส่วนภูมิภาค โดยเลือกจังหวัดพิจิตรเพราะเห็นว่าแรงงานส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตรมีฝีมือและความขยัน ซึ่งหลังฤดูกาลทำนาก็จะว่างงานจึงเปิดโรงงานขึ้น อีกทั้งเห็นว่าค่าแรงสมัยนั้นก็อยู่ในระดับต่ำเพียงแค่ 142 บาท ถูกกว่าค่าแรงในกรุงเทพฯและปริมณฑล
    แต่พอรัฐบาล.....ได้ประกาศให้ค่าแรง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รวมทั้งสินค้าที่ผลิตก็ต้องขนวัตถุดิบจากโรงงานแม่ที่ จ.พนครศรีอยุธยา มาป้อนให้คนงานที่พิจิตรผลิตรองเท้า เสร็จแล้วก็ต้องขนกลับไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยาอีก ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มต้นทุนซ้ำซ้อน จนต้องประกาศปิดโรงงานที่พิจิตร และยุบรวมกิจการให้ไปอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ส่วนคนงานทั้งหมดถ้าสมัครใจทำงานที่อยุธยา ที่กำลังเพิ่มไลน์การผลิตด้วย บริษัทฯ ก็ยินดีรับทั้งหมด แถมมีค่าเดินทางให้ 4,000 บาท ช่วยค่าเช่าหอพักเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งขณะนี้มีพนักงานสมัครใจลงทะเบียนขอไปอยู่ที่อยุธยาเกือบ 400 คนแล้ว
    น.ส.เจนจิรา ทองดอนเถื่อน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 บ้านบัวยาง หมู่ 9 ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร หนึ่งในสาวโรงงานบริษัท เอคโค่ เล่าว่า เธอทำงานที่นี่มา 3 ปีครึ่ง มีความผูกพันและรักบริษัทมาก มาทำงานคราวแรกได้ค่าแรงแค่ 142 บาท ก็พออยู่ได้ เพราะบริษัทมีสวัสดิการค่าอาหาร-ค่าน้ำมันจักรยานยนต์ให้ รวมถึงมีค่าทำงานล่วงเวลา เดือนหนึ่งๆ ก็ได้เงินเดือนมากกว่า 10,000 บาท
    เมื่อรัฐบาล....ประกาศค่าแรง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ตอนแรกก็ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะได้รับเงินเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว แต่มาตอนนี้ต้องมาตกงาน ซึ่งก่อนโรงงานปิดก็ได้เงินชดเชยมา 106,000 บาท ไม่ได้ดีใจที่ได้เงินแสน สงสารนายจ้าง อยากให้โรงงานกลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะอยากทำงานใกล้บ้าน
    เช่นเดียวกับ น.ส.ยุพา พันธ์ขอ อายุ 33 ปี ชาวอำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 75,000 บาท และ น.ส.อารีรัตน์ แซ่วี อายุ 30 ปี เป็นชาวอำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 80,000 บาท รวมถึง น.ส.พรพนา ชื่นสมบัติ อายุ 33 ปี ชาวตำบลหนองหลุม อำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 110,000 บาท ทุกคนบอกทำนองเดียวกันว่า ก่อนหน้านี้ทำงานที่ บ.เอคโค่ ได้อยู่ใกล้บ้าน รายได้ดี ผู้จัดการ-หัวหน้าแผนก ล้วนใจดีรักลูกน้องเหมือนลูกหลาน เพื่อนๆทุกคนก็รักใคร่สามัคคีมีกิจกรรมร่วมกัน ทั้งแข่งขันกีฬา จัดงานปีใหม่และอื่นๆ ทำให้มีความสุขมาก
    แต่วันนี้โรงงานต้องมาปิดกิจการลงเพราะพิษค่าแรง 300 บาท ที่ทำให้เถ้าแก่ทนไม่ไหว ในอดีตพวกเราได้ค่าแรงน้อยแต่ก็มีความสุข เราอยู่ได้และเจ้าของบริษัทอยู่ได้ แต่วันนี้เราอยู่ได้แต่เจ้าของโรงงานอยู่ไม่ได้
    “ตอนนี้ยอมรับว่ายังเคว้งคว้างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่ที่พิจิตร หรือจะไปอยู่ที่ บ.เอคโค่ บริษัทแม่ที่อยุธยาดี คงต้องขอปรึกษากับครอบครัวก่อน”
    ขณะที่ น.ส.โสพิศ สุขเจริญ อายุ 33 ปี เป็นชาวตำบลท่าขมิ้น อ.โพทะเล จ.พิจิตร ทำงานที่ บ.เอคโค่ มา 1 ปี 5 เดือน ซึ่งได้รับเงินชดเชยจากการปิดโรงงาน 70,000 บาท และ น.ส.วรรณ อายุ 28 ปี เป็นชาว ต.เตาปูน อ.สอง จ.แพร่ ซึ่งทำงานที่ บ.เอคโค่ มา 3 ปี ได้รับเงินชดเชยจากการปิดโรงงาน 100,000 บาท ก็เล่าในลักษณะเดียวกัน แต่เธอทั้งคู่ยังคงพักอยู่ที่หอพัก เนื่องจากตัดสินใจจะไปทำงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
    อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบอกว่าถ้าเลือกได้อยากให้โรงงานกลับมาเปิดเหมือนเดิม ได้ค่าแรง 200 กว่าบาท มีโอที-มีสวัสดิการก็พอใจแล้ว
    ส่วนนางสมรักษ์ เรืองสิงห์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/10 หมู่ 9 ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ซึ่งเดิมมีอาชีพทำนาและมีที่ดินอยู่ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่างพิจิตร เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 7 ปีก่อน โรงงานเริ่มมาตั้งกิจการก็มีคนงานมาถามหาที่พัก ตนจึงเริ่มสร้างห้องเช่าแค่ 7 ห้อง ให้เช่าเดือนละ 1,500 บาท และได้อาศัยขายของชำด้วย จากนั้นโรงงานเอคโค่ ขยายกิจการมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นพันคน ตนจึงตัดสินใจเอาโฉนดที่นาไปเข้าธนาคาร กู้เงินมาเกือบ 7 ล้านบาท สร้างห้องเช่าทั้งหมด 55 ห้อง ต้องส่งธนาคารเดือนละแสนกว่าบาท
    “ก่อนหน้านั้น 1-2 ปี มีรายได้งาม พนักงานคึกคัก ตอนนี้เหลือคนเช่าห้องพักแค่ 2 ห้อง ซึ่งเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวแถวหน้านิคมอุตสาหกรรม และแถวตลาดนัด และเมื่อไม่มีสาวโรงงานก๋วยเตี๋ยวก็ขายไม่ได้ ทำท่าว่าจะขอย้ายออกเร็วๆนี้เหมือนกัน ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป”
    นางสมรักษ์บอกว่า ที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะนโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ เขาจึงไม่มาตั้งโรงงานในต่างจังหวัดสู้อยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลก็มีค่าเท่ากัน จึงเป็นเหตุให้ต้องปิดโรงงานและทำให้ธุรกิจ-กิจการที่อยู่รอบข้างโรงงานต้องพลอยล่มสลายไปด้วยดังกล่าว
    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx…
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    นักข่าว RT ของรัสเซียต้อนโฆษกลาโหมสหรัฐฯ เรื่องใครละเมิดข้อตกลงกรุงมินส์กมากกว่ากันระหว่างยูเครนกับ DPR/LPR

    [​IMG]

    ------------

    อันนี้ข่าวตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.58 แล้วนะครับ เป็นข่าวเบาๆ เป็นการปะทะคารมกันของสองสาวสวยระหว่าง Gayane Chichakyan ผู้สื่อข่าวจาก RT news ของรัสเซียกับ Marie Harf โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ในเรื่องเกี่ยวกับหลักฐานพิสูจน์ว่าใครฝ่าฝืนข้อตกลงเจรจาสันติภาพที่กรุงมินส์กเพื่อสงบศึกยูเครนตะวันออกมากกว่ากัน

    หนึ่งในข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ทั้ง 5 ฝ่ายคือ รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมันนี ยูเครน และกลุ่มกบฎติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย (DPR/LPR) ได้มีความเห็นร่วมกันโดยกำหนดให้องค์กรรักษาความปลอดภัยและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe) ซึ่งเรียกสั้นๆว่า "OSCE" เป็นคนกลางในการจับตาตรวจสอบให้ทั้งสองฝ่ายที่เป็นคู่กรณีที่สู้รบกันซึ่งก็คือกองทัพของกรุงเคียฟและกองกำลังติดอาวุธ DPR/LPR บางครั้งพวกเขาจะเรียกตัวเองว่า "NAF" กองกำลังติดอาวุธนิรัสเซีย (Novorossiya Armed Forces หรือ The United Armed Forces of Novorossiya) หยุดสู้รบกันและเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพ

    จากข้อมูลขององค์กรกลาง OSCE บอกว่าตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ฝ่าย DPR/LPR ละเมิดข้อตกลง 33 ครั้ง ในขณะที่กองทัพของยูเครนละเมิดถึง 35 ครั้ง ตัวเลขนี้ได้มาจากหลักฐานที่ทำเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ OSCE ในพื้นที่โดยตรง แต่โฆษก ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯออกมาแถลงข่าวหลังจากที่มีการเปิดศึกโจมตีกันอีกครั้งระหว่างกองกำลังทั้่งสองฝ่ายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียได้ละเมิดข้อตกลงจำนวน 9 ครั้ง และฝ่ายยูเครนละเมิด 8 ครั้ง สหรัฐฯยืนยันว่าฝ่ายนิยมรัสเซียเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงสันติภาพมากที่สุด โดยสหรัฐฯอ้างว่าข้อมูลนี้สหรัฐฯได้มากจากทั้งฝ่าย OSCE และจากแหล่งอื่น (กรรม! มีกรรมการแต่พี่เลี้ยงของยูเครนไม่เชื่อกรรมการกลางซะงั้น พี่เลี้ยงตัดสินเอง แล้วจะมีกรรมการไว้ทำไมหละนี่?)

    แหม… ถ้าเอาตัวเลขจากสหัฐฯเป็นหลัก ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็เขาเป็นสหรัฐฯผู้ยิ่งใหญ่นี่ สหรัฐฯพูดอะไรจะต้องถูกต้องเสมอ ขนาดหลักฐานจาก OSCE ที่เป็นกรรมการจากอียูแท้ๆ สหรัฐฯก็ยังไม่สนใจเลย ขนาดยูเอ็น สหรัฐฯก็ตบคว่ำมาแล้ว (กรณีที่เสียงส่วนใหญ่ในยูเอ็นเสนอให้ลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่สหรัฐฯฉีกร่างข้อบังคับนั้นทิ่งไปตามคำสั่งของอิสราเอล เคยเล่าให้ฟังแล้ว) ประสาอะไรกับหลักฐานจาก OSCE ต่อไปนี้เป็นการถาม-ตอบระหว่างสองสาวจากรัสเซียและสหรัฐฯ...

    Gayane Chichakyan (รัสเซีย) : คำถามง่ายๆ คุณยอมรับหรือไม่ว่ารัฐบาลยูเครนเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงกรุงมินส์กมากกว่า?

    Marie Harf (สหรัฐฯ) : I think (ครั้งที่ 1) ฉันคิดว่าด้วยการพูดว่าการโจมตีส่วนใหญ่ (a vast majority) นั้นคือมาจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ดังนั้น นั่นย่อมบ่งบอกให้รู้ว่าการโจมตีส่วนน้อยมากๆ (a very small minority) ย่อมมาจากอีกฝ่าย แต่ว่าขอให้จดจำไว้ในที่นี้ด้วย...

    GC : นั่นไม่ตรงตามรายงานประจำวันของ OSCE เลยนี่

    สหรัฐฯเริ่มจนมุมจึงพยายาม ฉีกไปประเด็นอื่น โดยพยายามกล่าวหาว่ารัสเซียรุกรานยูเครน

    MH : พูดโดยภาพรวมแล้วนั้น นี่คือดินแดนของยูเครน ชาวยูเครนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องพวกเขาเองเมื่อรัสเซียส่งอาวุธหนัก รถถัง นักรบเข้าไปในดินแดนของพวกเขา ข้ามเขตห้ามยิงนั้น...

    เอ… สหรัฐฯคงจะลืมนึกถึงกรณีที่ซาอุดิอาระเบียและกองกำลังผสมรุกล้ำเข้าไปทิ้งระเบิดโจมตีเยเมนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งสหรัฐฯพูดเองว่าเป็นผู้คอยอำนวนความสะดวกต่างๆและอยู่เบื้องหลังให้ฝั่งซาอุดิฯเอง (นี่เขาเรียกกี่มาตรฐานนะ โปรอเมริกาตอบหน่อยซิ) แต่นักข่าวสาวชาวรัสเซียไม่ยอมหลงกลโฆษกสาวสวยเหมือนอสรพิษของสหรัฐฯคนนี้ จึงสวนกลับทันทีก่อนที่ MH จะดึงเรื่องออกนอกประเด็นมากกว่านี้

    GC : นั่นไม่ใช่คำถามของฉัน มันเป็นคำถามง่ายๆ แค่ Yes หรือ No แค่นั้นเอง

    MH : I think (ครั้งที่ 2) ฉันคิดว่าฉันได้ตอบคำถามของคุณไปแล้วนะ... (หือ… ตอบตอนไหนนี่?)

    นักข่าวรัสเซียไม่ยอมให้โฆษก ก.ต่างประเทศสหรัฐฯหลอกล่อได้ง่ายๆ จึงถามย้ำเข้าไปอีกว่า

    GC : คุณยอมรับหรือไม่ว่ารัฐบาลยูเครนละเมิดข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์กมากกว่า? ใช่ หรือ ไม่ใช่?

    โฆษก ก. ต่างประเทศเริ่มจะหงุดหงิดกับอาการจิกไม่ปล่อยของนักข่าวรัสเซีย สังเกตได้จากสีหน้าที่เริ่มมีอาการแล้วจึงตอบว่า

    MH : ที่นี่ เราไม่ทำ Yes หรือ No, I think (ครั้งที่ 3) ฉันคิดว่าฉันได้ตอบคำถามของคุณไปแล้ว เมื่อฉันพูดว่าถ้าหากการโจมตีส่วนใหญ่มาจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ดังนั้นก็ย่อมจะมีการโจมตีส่วนน้อยมากๆที่มาจากอีกฝ่ายหนึ่ง I think (ครั้งที่ 4) ฉันคิดว่านั่นคือคำตอบต่อคำถามของคุณ (เธอเลือกที่จะใช้คำว่า "มาจากอีกฝ่ายหนึ่ง" แทนคำว่า "มาจากยูเครน" ในขณะเดียวกันมื่อพูดถึงกลุ่ม DPR/LPR เธอจะพ่วงคำว่า "รัสเซีย" เข้าไปด้วยเสมอ มันได้ผลในทางจิตวิทยาที่จะทำให้ผู้ที่ได้ยินเข้าใจว่าเป็นฝีมือของรัสเซียและรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้อง มันง่ายที่จะปลุกกระแสเกลียดรัสเซียใน propaganda อื่นๆ)

    มันไม่ได้ผลอ่ะ นักข่าวรัสเซียไม่ยอมหลงกล เธอมีสมาธิดีมาก และยังจิกต่ออีกว่า

    GC : คุณไม่ตอบคำถามนี่ ตกลงว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่? (Yes or no?) ตอบคำถามสิ (Answer the question) คุณยอมรับหรือไม่ว่ากองกำลังของยูเครน...

    นักข่าว RT ของรัสเซียยังพูดไม่ทันจบ โฆษก ก.ต่างประเทศสหรัฐฯหงุดหงิดกับนักข่าวรัสเซียมากๆ ก็ชิงพูดขึ้นว่า

    MH : ฉันจะไม่พูดว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ฉันจะตอบคำถามในวิถีทางที่ I think (ครั้งที่ 5) ฉันคิดว่าเหมาะสม และฉันก็ได้ตอบไปแล้ว

    นักข่าว RT ของรัสเซียตอกย้ำและช่วยสรุปให้โฆษก ก.ต่างประเทศสหรัฐฯว่า

    GC : ซึ่งก็คือการไม่ได้ตอบคำถาม...

    จากนั้นโฆษกต่างประเทศของสหรัฐฯก็หันไปถามนักข่าวคนอื่นๆแทน โฆษกของสหรัฐฯหลายคนเจอนักข่าว RT จากรัสเซียเข้าไปเป็นต้องออกอาการอย่างนี้แทบจะทุกครั้ง (เครียด!) อันนี้เขาไม่ได้ถามกวนโอ๊ยนะ เพียงแต่ว่าฝั่งสหรัฐฯพยายามจะแถไปเรื่อยๆตามสไตล์ของตัวเองเท่านั้นเอง ถ้าเป็นในศาล ฝั่งรัสเซียก็คงจะขอให้ศาลใช้อำนาจสั่งให้โฆษกต่างประเทศของสหรัฐฯตอบคำถามว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ก็ได้

    The Eyes
    06/06/2558
    ----------

    US ignores OSCE data, blames ‘majority’ of Ukraine truce violations on rebels — RT News
    https://www.youtube.com/watch?v=tL6rAITxuGo
    https://www.youtube.com/watch?v=zYoEc30HmD0
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยังไม่เข็ด ฟิลิปปินส์เชิญกองทัพญี่ปุ่นเข้าประเทศตัวเองอีกรอบหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

    [​IMG]

    ------------
    วันนี้ (6 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดข่าวเรื่องหนึ่งว่า "WWII Forgotten? Philippines President Wants Japanese Troops in His Country" แปลว่า "ลืมสงครามโลกครั้งที่2แล้วรึ? ปธน.ฟิลิปินส์ต้องการให้กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในประเทศของเขา" หัวข่าวรองพูดว่า "ในขณะที่ปธน.Benigno Aquino เปรียบเทียบจีนว่าเหมือนกับนาซีเยอรมันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คราวนี้ปธน.ฟิลิปปินส์กำลังแสวงหาความเป็นพันธมิตรทางกองทัพกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนอำนาจหลักที่เข้ายึดครองประเทศของเขาเมื่อ 70 กว่าปีที่ผ่านมา"
    เมื่อสองวันก่อน Benigno Aquino กล่าวระหว่างการเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 4 วันว่า "หากบางคนพูดว่าหยุดฮิตเลอร์... เราอาจจะหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่สองได้" สื่อฯรัสเซียบอกว่าสมมุติฐานที่ Benigno Aquino เปรียบเทียบจีนกับนาซีนั้นก็คงจะมาจากเรื่องจีนกำลังก่อสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้นั่นเอง
    บางส่วนในการบรรยายที่ญี่ปุ่นนั้น Benigno Aquino กล่าวว่า "ผมเป็นนักศึกษาละอ่อนในภาควิภาควิชาประวัติศาสตร์..." แล้วสื่อฯรัสเซียก็เลยเสริมให้เขาว่า "จริงๆแล้วต้องบอกว่า อ่อนมาก! (So amature) เนื่องจากเขามองข้ามบทบาทของญี่ปุ่นในสงครามครั้งนั้น" (สมัยเกิดสงครามโลกครั้งที่2ซึ่งญี่ปุ่นรุกรานฟิลิปปินส์นั้น นาย Benigno Aquino ยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป พ่อของเขาอาจจะพึ่งลืมตามาดูโลกใหม่ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในยุคนั้นจึงไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ให้เขาได้รับรู้ได้ Benigno Aquino เกิดปี 1960)
    สื่อฯรัสเซียใจดีจึงเล่าเหตุการณ์สมัยก่อนให้ Benigno Aquino ได้อ่านบ้าง แต่คิดว่าเขาคงจะไม่อ่านข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียเหมือนแฟนเพจนี้หรอก Sputnik news เล่าว่า "ในปี 1941 กองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นได้ทำการรุกรานประเทศฟิลิปปินส์อยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) ญี่ปุ่นเข้ายึดครองฟิลิปปินส์อยู่ถึง 3 ปี ในช่วงเวลานั้นมีการก่ออาชญากรรมทางสงครามนับครั้งไม่ถ้วน ประวัติศาสตร์ก็บันทึกไว้ มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สังหารโหดในกรุงมะนิลา หนึ่งในความโหดร้ายที่กองทัพญี่ปุ่นกระทำตลอดช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยึดครองดินแดนแห่งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตระหว่าง 100,000 ราย (ทหารฟิลิปปินส์?) และพลเรือนอีกกว่า 500,000 ราย" แต่ข้อมูลจากวิกิพีเดียบอกว่ามียอดผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวฟิลิปปินส์ระหว่าง 500,000 - 1,000,000 ราย ในสมัยนั้นกองทัพญี่ปุ่นยึดครองอำนาจในฟิลิปปินส์โดยเบ็ดเสร็จ ญี่ปุ่นออกธนบัตรเปโซส์ในนามของรัฐบาลญี่ปุ่นภายในประเทศฟิลิปปินส์
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Aquino ได้แสดงออกถึงความปรารถนาที่จะให้มีความร่วมมือทางทหารระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้ง ในการเจรจาด้านกองทัพที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ในเบื้องต้นฟิลิปปินส์จะอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถเข้ามาเติมเชื้อเพลิงในฟิลิปปินส์ได้ รวมทั้งการสนับสนุนด้านโลจิสติกต่างๆให้กับกองทัพญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้ด้วย ซึ่งจะมีลักษณะที่คล้ายกับสนธิสัญญาที่ฟิลิปปินส์ทำกับสหรัฐฯและออสเตรเลียนั่นเอง
    ทั้งสองประเทศมีการลงนามในความร่วมมือกันด้านกลาโหม ส่วนหนึ่งในข้อตกลงบอกว่าญี่ปุ่นจะส่งเรือลาดตระเวนจำนวน 10 ลำเข้าไปที่ชายฝั่งของฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนในการอัพเกรดการตรวจตราลาดตระเวนให้กับฟิลิปปินส์ รวมทั้งเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศให้ด้วย
    สื่อฯรัสเซีย แม้จะไม่ถูกพาดพิงถึงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอกกลับฟิลิปปินส์แทนจีนพันธิมิตรที่เหนียวแน่นของรัสเซีย ผู้ถูกกล่าวหาโดยตรง จึงเขียนปิดท้ายข่าวว่า "แหงแซะหละ (Obviously) เห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นในวันนี้ยังห่างไกลจากญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้ง 70 ปีแล้ว เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆเขาได้เปลี่ยนแปลง แต่ก่อนที่ Aquino จะเริ่มเหวี่ยงเปรียบเทียบนาซีไปทั่วแบบนี้ นายอาคิโนควรจะพิจารณาถึงวิธีการที่มีลักษณะกำกวม (equivocation) เช่นนั้นให้ดีเสียก่อน ในขณะที่นายอาคิโนกำลังแสวงหาความเป็นหุ้นส่วนจากอดีตพันธมิตรของนาซีเยอรมันนี" (ผู้เคยรุกรานและเข่นฆ่าประชาชนชาวฟิลิปปินส์มาแล้วเกือบล้านคนเมื่อ 70 กว่าที่ผ่านมา - อันนี้แอ็ดมินแถมให้)
    นั่นแหละนักการขายชาติของจริง คล้ายๆกับกรณีของสเปนที่พึ่งเล่าให้ฟังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยว่ามะ? เพียงแต่ว่าตอนนี้ญี่ปุ่นยังไม่ได้เข้าไปตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์อย่างที่สหรัฐฯเข้าไปตั้งฐานทัพและยึดฐานทัพอากาศ Moran ของสเปนเท่านั้นเอง แต่เชื่อเหอะ ไม่นานหรอก เพราะงานนี้ผู้นำฟิลิปปินส์ยกประเทศตัวเองไปเป็นเครื่องบรรณาการให้กับญี่ปุ่นถึงที่เลย บางส่วนนั้นถูกสหรัฐฯกลืนไปแล้ว ครั้นจะให้สหรัฐฯกลืนฝ่ายเดียวอาคิโนเกรงว่าญี่ปุ่นจะน้อยใจจึงต้องวิ่งเอาแผ่นดินตัวเองไปประเคนให้อาเบะถึงที่เลย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน คราวนี้หันมาจับมือกันเพื่อเล่นงานจีน เพียงเพราะสหรัฐฯเป่าหูว่าจีนกำลังจะมีอำนาจ ทั้งๆที่จีนไม่เคยรุกราน 3 ประเทศนี้มาก่อนเลย
    The Eyes
    06/06/2558
    ----------
    WWII Forgotten? Philippines President Wants Japanese Troops in His Country / Sputnik International
    http://en.wikipedia.org/…/Japanese_occupation_of_the_Philip…
    http://en.wikipedia.org/…/Philippines_Campaign_%281941%E2%8…
    Global Firepower Military Ranks - 2015
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    กรีซเลื่อนชำระหนี้ IMF กรีซประณามสหรัฐฯแทรกแซงกิจการภายใน ปูตินสายตรงถึงไซปราสคุยโครงการท่อแก๊ส

    [​IMG]

    ------------
    ตอนนี้สถานการณ์การชิงไหวชิงพริบกันระหว่างสหรัฐฯ ยุโรป และรัสเซีย เริ่มจะดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ สู้กันทุกเวทีทุกด้านเผลอไม่ได้ หันมาดูกรีซซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในอียูบ้าง ขอรวบ 3 ข่าวเกี่ยวกับกรีซในหนึ่งโพสต์เลยนะครับ
    + กรีซเลื่อนชำระหนี้ IMF จากวันศุกร์ที่ผ่านมาไปเป็นสิ้นเดือนมิถุนายน
    ------------
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโฆษก IMF ออกมากล่าวว่ากรีซขอเลื่อนชำระหนี้ 4 งวดของ IMF ออกไปโดยจะจ่ายพร้อมกันในงวดเดียว ณ สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ตามกำหนดการแล้วกรุงเอเธนจะต้องจ่ายหนี้ให้ IMF ณ วันศุกร์ที่ผ่านมาจำนวน €300-million ($337-million) (ประมาณ 1.13 หมื่นล้านกว่าบาท) ซึ่งเป็นหนี้จากเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลก่อนของกรีซกู้มาตั้งแต่ปี 2010 ทางกรีซให้เหตุผลว่าตอนนี้เงินสดในประเทศขาดมือ (cash-strapped) จึงไม่สามารถจ่ายให้เจ้าหนี้ได้ นอกจากนี้แล้วยังมีหนี้ที่กรีซจะต้องจ่ายให้กรุงวอชิงตันในงวดประวันที่ 12, 16, และ 19 มิถุนายนนี้อีกด้วย แต่กรีซบอกว่าจะขอจ่ายรวบยอดครั้งเดียวจำนวน €1.5 billion ($1.6 billion) สิ้นเดือนนี้แทน (ประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท)
    เหตุผลที่บอกว่า "ไม่มีเงินสด" ฟังขึ้นไหม? ฮ่าๆๆ... ไม่รู้สิ ก็กรีซจะอ้างอย่างนี้กับพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดซะอย่างอ่ะ ไม่มีก็คือไม่มี จะให้ทำอย่างไรเล่า จะให้กรีซงดจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐทั้งหมดแล้วเอาเงินไปจ่ายให้เจ้าหนี้นี่นะ? หรือไม่ก็ต้องขายรัฐวิสาหกิจหรือขายแผ่นดินบางส่วนให้พวกเจ้าหนี้ตามแผนการปฏิรูปที่ IMF จัดให้หนะหรือ? กรีซบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก กรีซรู้หรอกน่าว่าสหรัฐฯและอียูกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้กรีซเป็นหนี้เจ้าหนี้ทรอยก้า (IMF, EU, ECB) อยู่ทั้งหมดประมาณ $ $350,000,000,000 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 11,830,000,000,000 บาท ตั้ง 11.8 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนที่ $1 = ฿33.8) นี่คือผลพวงของนักการเมืองประชาธิปไตยจอมปลอมที่ขายนโยบายประชานิยมหลอกประชาชนของตนเองจากรัฐบาลชุดที่แล้วของกรีซ ทำให้ประเทศกำลังจะล้มละลาย หนี้สินเยอะขนาดนั้นถ้าเป็นนางยิ่งรั่วอย่าว่าแต่ 11 ล้านล้านบาทเลย แค่ 2.2 ล้านล้านบาท ต่อให้หาเงินจนหมอyหงอกก็ไม่มีทางจ่ายได้หมดหรอก ยูเครนก็กำลังประสบกับชะตาเดียวกันนี้
    + กรีซประณามสหรัฐฯแทรกแซงกิจการภายใน
    ------------
    ข่าวนี้มันส์... เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.58) sputnik news รายงานว่ารมว.สิ่งแวดล้อมและพลังงานของกรีซออกมาประณาม (condemn) ข้อกล่าวหาจากนาย Amos Hochstein ทูตพิเศษและผู้ประสานงานด้านกิจการพลังงานระหว่างประเทศจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โดยกรีซบอกว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของกรีซที่ไม่อาจยอมรับได้ (an unacceptable interference in Greece’s domestic affairs)
    ในการประชุม International Coordinating Committee ครั้งที่ 31 ว่าด้วยเรื่อง "ความยุติธรรมสำหรับไซปรัส" (Justice for Cyprus) Hochstein ทูตพิเศษของสหรัฐฯได้ออกมาเรียกร้องให้กรีซหยุดโครงการก่อสร้างท่อแก๊สสาย Turkish Stream ของรัสเซียต่อจากตุรกี ทูตสหรัฐฯพูดว่าท่อแก๊สสายนี้จะทำลายแผนทางเลือกในการจัดหาแหล่งพลังงานไปยังยุโรปและเพิ่มความน่าเชื่อถือ (reliance) ให้กับรัสเซีย (เขาคิดได้อย่างไรนี่!)
    Hochstein กล่าวว่า "เรากำลังจัดการกับปัญหาวิกฤตพลังงานในยุโรป หากกรีซยังสนับสนุนท่อแก๊สที่ส่งจากรัสเซียเข้าไปในยุโรป นั่นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และไม่การแก้ไขปัญหา (it will be part of the problem, not a solution)" ตามความคิดของทูตสหรัฐนั้นก็คือ กลุ่มประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกจะต้องซื้อแก๊สจากผู้จัดหาเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะกระจายการจัดส่งหลายแห่ง และกรีซอาจจะเข้าไปเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำตัญในการกระจายความเสี่ยง (พูดเองยังมึนเองเลยนะนั่นหนะ)
    เฮ้อ!…. What the heck!, I'm sick with this US policy! ก็ไหนว่าการค้าแบบเสรีต้องไม่ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว เปิดให้มีการแข่งขันกันได้อย่างยุติธรรมและเสรีไง หัวข้อของเรื่องในที่ประชุมก็บอกว่า "Justice…" แต่คำพูดและวิธีการของสหรัฐฯที่กระทำต่อประเทศอื่นนี่มันเผด็จการชัดๆเลยนี่ พออินเดียสั่งแบนไก่ติดโรคไข้หวัดนกจากสหรัฐฯ สหรัฐฯก็โวยวายว่าไม่เป็นธรรม หาว่าอินเดียกีดกันการค้าจากผู้อื่น คราวนี้รัสเซียเสนอทางเลือกด้านพลังงานจากแก๊สให้ยุโรปเพื่อไม่ให้สหรัฐฯและกลุ่มทุนจากอีกยูผูกขาดแก๊สของตนจากแหล่งทะเลแคสเปียนในอาเซอร์ไบจาน (สาย TAP) แต่สหรัฐฯบอกว่าไม่ดี กรีซทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะทำให้สหรัฐฯไม่สามารถผูกขาดการขายแก๊สในยุโรปแต่เพียงผู้เดียวได้
    พวกอียูก็เชื่อนะ สหรัฐฯเป่าหูพวกนักการเมืองอียูว่าถ้าพึ่งพาแก๊สจากรัสเซีย เกิดวันใดวันหนึ่งรัสเซียไม่พอใจแล้วระงับการส่งแก๊สให้อียูเอาดื้อๆ อียูจะซวยเอานะ แต่อียูไม่มองว่ากรณีเช่นนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นจากกระทำของสหรัฐฯเองก็ได้ เพราะพี่แกชอบประกาศแซงชั่นประเทศนั้นประเทศนี้ที่ไม่ฟังคำสั่งแกอยู่บ่อยๆ รัสเซียกับยูเครนมีความขัดแย้งกัน ก็ไม่เห็นว่ารัสเซียจะตัดแก๊สยูเครนเลยนี่ ยกเว้นยูเครนเบี้ยวค่าแก๊สของรัสเซียก่อน นี่แหละ ส.ด.สหรัฐฯมันเป็นอย่างนี้แหละ เขาไม่รู้สึกละอาย เคอะเขิน ขยะแขยงคำพูดของตัวเอง หรือรู้สึกว่าผิดที่จะพูดเช่นนั้นออกมาในเวทีนานาชาติ เพราะเขาถือเรื่องผลประโยชน์ของเขามาก่อนสิ่งอื่น และเพราะเขาถูกฝึกให้ออกมาพูดหรือถูกกำหนดให้ออกมาแสดงบทนั้น
    รมว.พลังงานฯของกรีซออกมาสวนหมัดตรงใส่ปากทูตสหรัฐฯทันทีเลยว่า "นี่ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของกรีซที่ไม่อาจยอมรับได้ รัฐบาลของพวกเรา (กรีซ) ได้ตัดสินใจโดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติในนามของประชาชนชาวกรีซเป็นหลัก (แปลว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลกรีซไม่ได้อยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของอเมริกา เพราะนี่เป็นแผ่นดินของกรีซไม่ใช่เมืองขึ้นของสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นรัฐบาลกรีซจึงมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเต็มที่บนอธิปไตยของกรีซโดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนชาวกรีซเป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ของรัฐบาลและนายทุนสหรัฐฯ ชัดนะ!)" ก่อนหน้านี้ก็ถูกเวียตนามด่ามาแล้ว แต่ไม่เข็ด ยังด้านต่อได้อีก กิ้วๆ… ไป๊ๆ… หนุกอ่ะ
    + รัสเซียไม่สนเสียงเห่าของสหรัฐฯ ปูตินยกหูสายตรงถึงนายกฯกรีซคุยเรื่องโครงการสร้างท่อแก๊สต่อ
    ------------
    ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังอึมครึมในยุโรปและการซ้อมรบจากฝ่ายนาโต้ในทะเลบอลติกและสงครามอีกรอบในยูเครนตะวันออกต้อนรับการประชุม G7 ในเยอรมันนี ซึ่งได้หยุดลงไปแล้ว โดยกองกำลังทั้งสองฝ่ายได้ขนอาวุธหนักของตนกลับเข้าค่ายตามเดิม ก็เป็นแค่อีกหนึ่งลูกเล่นจากสหรัฐฯเท่านั้นเอง รัสเซียก็รู้ว่าสหรัฐฯจะเล่นเกมถล่มยูเครนตะวันออกอีกรอบ ฝ่าย DPR/LRP ก็จัดให้ แถมรุกเข้าไปในยูเครนเพิ่มขึ้นและยึดปืนใหญ่จากฝั่งยูเครนเพ่ิมได้ด้วย (หากมีเวลาจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป)
    ส่วนเกมเศรษฐกิจนั้นต่างฝ่ายต่างก็ขยันออกหมัดใส่กันเช่นกัน สหรัฐฯส่งทูตของตัวเองไปล็อบบี้กรีซแต่ไม่เป็นผล เพราะกรีซไม่รับมุก ปูตินจึงสั่งสอนสหรัฐฯกับอียูอีกครั้ง เมื่อวานนี้มีรายงานข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียบอกว่าปธน.วลาดิมีร์ ปูตินยกหูโทรศัพท์สายตรงถึงนายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras ของกรีซ คงจะเพื่อยืนยันข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับกรีซเกี่ยวกับเรื่องโครงการท่อแก๊สของรัสเซียที่จะลงนามกันอีกครั้งในการประชุม St. Petersburg International Economic Forum กลางเดือนมิถุนายนนี้
    โฆษกของกรุงมอสโคว์กล่าวว่า "ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงให้บรรลุผล ตามที่นายกฯ Alexis Tsipras ของกรีซได้เดินทางมาที่รัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างท่อแก๊สซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการจัดส่งแก๊สผ่านตุรกีและกรีซตามที่ได้มีการวางแผนเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้"
    ทางรัสเซียเปิดเผยข่าวให้แค่นี้เอง ไม่มีรายละเอียดอะไรมากกว่านี้ ก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงซะรัสเซียกับกรีซก็ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว แล้วทำไมปูตินถึงขยับแบบนี้? ไม่มีอะไรมาก เป็นการตอบโต้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯและอียูในเกมการเมืองเท่านั้นเอง เพื่อบอกให้รู้ว่าสหรัฐฯไม่สามารถเข้ามาขัดขวางมิตรภาพระหว่างรัสเซียกับกรีซได้แน่นอน เป็นการตอกย้ำว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นรัสเซียก็จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป และรัสเซียสามารถรับประกันให้กรีซได้ว่าจะคอยถือไม้เท้าตีสุนัขไล่พวกก่อกวนในโครงการนี้ให้เอง กรีซไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น มาคบกับพี่ปูตินดีกว่าน้อง พี่ปูตินไม่เอาเปรียบอย่างพวกทรอยก้าหรอก
    ตอนนี้สหรัฐฯกับอียูพยายามดิ้นรนมาก ล่าสุดก็เล่นแผนโยนหินถามทางแกล้งให้อิหร่านกับรัสเซียขัดแย้งกันเอง โดยมีการปล่อยข่าวออกมาว่าอาเซอร์ไบจานกำลังจีบอิหร่านให้เข้าร่วมโครงการท่อแก๊สของอาเซอร์ไบจานด้วย อิหร่านมีปริมาณแก๊สำรองเป็นอันสองรองจากรัสเซีย ยุโรปกำลังหาทางฮุบแก๊สจากอิหร่านโดยคาดว่าจะเป็นเป็นทางเลือกในการจ่ายแก๊สอิหร่านเข้าไปในยุโรปแทนแก๊สของรัสเซีย สหรัฐฯและอียูหวังว่าถ้าอิหร่านฮุบเหยื่อก้อนนี้ ก็จะทำให้รัสเซียไม่พอใจอิหร่าน และอาจจะขัดแย้งกันขึ้นมาก็ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องผลประโยชน์ตรงนี้อีกจุดหนึ่ง จึงยังทำให้การเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านที่จะหมดอายุในเดือนนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไปอีก
    รัสเซียก็รับมุก จึงออกมาประกาศว่ารัสเซียพร้อมจะส่ง S-300 ไปให้อิหร่านแล้ว แต่ยังไม่ยืนยันวันที่ จีนรู้ทันเล่ห์ของสหรัฐฯและอียูจึงรีบออกมากล่าวสกัดแผนได้คืบจะเอาศอก (เดี๋ยวแถมแข้งให้ด้วยซะเลย) โดยเมื่อวานนี้นาย Wang Yi รมว.ต่างประเทศของจีนออกมาพูดว่า "เราจะต้องผลักดันการเจรจาขั้นต่อไปบนพื้นฐานของกรอบข้อตกลง Lausanne และทุกฝ่ายไม่ควรเพิ่มความต้องการใหม่ๆขึ้นมาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกซ้อนในกระบวนการเจรจา"
    ถ้าอิหร่าน รัสเซีย และจีนยอมให้หนึ่งครั้ง พวกนี้ (สหรัฐฯและอียู) ก็จะแย็บเรียกร้องเพิ่มเติมอีก ถ้าไม่ได้ก็จะหาเหตุกดดันอีก ถ้าได้ก็จะเพิ่มเงื่อนไขในลักษณะที่ตัวเองได้เปรียบอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ จีนจับตาดูมาได้สักพักและรู้สึกจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของตะวันตกอีกต่อไปแล้ว จึงออกมาฮึ่มใส่สหรัฐฯและอียูแบบนี้นั่นเอง
    The Eyes
    06/06/2558
    ----------
    Greece Delays Friday’s IMF Debt Repayment Until End June / Sputnik International
    Greece Condemns US for Meddling in Its Domestic Affairs / Sputnik International
    http://rt.com/business/265210-putin-tsipras-phone-talk/
    Putin, Tsipras Discuss Construction of Gas Pipeline in Greece, Turkey / Sputnik International
    Moscow Fulfilling Promises on S-300 Delivery to Tehran - Iran's General / Sputnik International
    China Calls for No Additional Demands in Iran Nuclear Talks / Sputnik International
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเล็กซิส ซิปราส นักปฏิวัติซ้ายจัด ผู้ต้องการกู้ศักดิ์ศรีของกรีซ
    วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 19:15:00 น.
    มติชนสุดสัปดาห์ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2558

    [​IMG]

    อเล็กซิส ซิปราส วัย 40 ปี ที่พรรคซีริซาของเขาชนะการเลือกตั้งทั่วไปของกรีซเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา

    กลายเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีแนวคิดซ้ายจัดคนแรกของประเทศ และยังเป็นนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 150 ปีด้วย

    สิ่งที่เขานำมาสู่ตำแหน่งคือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะละทิ้งนโยบายรัดเข็มขัดที่พรรคของเขาระบุว่า ได้นำ "วิกฤตด้านมนุษยธรรม" มาสู่กรีซ

    นับเป็นผู้มีแนวคิดต่อต้านการรัดเข็มขัดคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจในยุโรป

    "กรีซกำลังพลิกหน้าประวัติศาสตร์ด้วยการทิ้งนโยบายรัดเข็มขัดที่เป็นหายนะและ 5 ปีแห่งความอัปยศไว้เบื้องหลัง" ซิปราสกล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่รวมตัวกันอยู่กลางกรุงเอเธนส์ หลังจากที่พรรคของเขาชนะการเลือกตั้งแบบเด็ดขาด

    โดยพรรคซีริซาได้คะแนนเสียงไป 36.3 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 149 จาก 300 ที่นั่งในรัฐสภา

    ขาดไปเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้นในการครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ



    ซิปราสซึ่งก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2012 ขาดไปเพียงแค่ 170,000 คะแนน เพื่อที่จะเป็นผู้ชนะ เริ่มต้นเส้นทางการเมืองในฐานะนักเคลื่อนไหวคอมมิวนิสต์รุ่นเยาว์

    เขาเป็นที่รู้จักของสาธารณชนชาวกรีกเป็นครั้งแรกเมื่อปี1990 ในฐานะแกนนำนักศึกษาวัย 17 ปี ที่ปักหลักชุมนุมประท้วงในโรงเรียนเพื่อเรียกร้องสิทธิในการเลือกว่าจะเข้าหรือไม่เข้าเรียนวิชาไหน

    ซิปราสที่จบการศึกษาสาขาวิศวกรรมศาสตร์ เกิดที่ชานกรุงเอเธนส์ เมื่อปี 1974 ซึ่งเป็นปีที่เกิดจุดพลิกผันต่อชะตากรรมของประเทศอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือการล่มสลายของรัฐบาลเผด็จการกองทัพที่ประหัตประหารกลุ่มแนวคิดซ้ายจัดและคอมมิวนิสต์อย่างไร้ความปรานี

    ซึ่งถึงช่วงโหดร้ายที่สุดในเหตุการณ์นองเลือดปราบปรามนักศึกษาที่ลุกฮือหลังปกครองประเทศมาเป็นเวลา 7 ปี

    ซิปราส ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเคลื่อนไหวคอมมิวนิสต์ที่หุนหันพลันแล่น มีความชื่นชอบในตัว เช เกวารา นักปฏิวัติมาร์กซิสต์ผู้โด่งดังมากจนถึงขั้นตั้งชื่อลูกชายคนที่ 2 ของตนเองว่า เอร์เนสโต ตามชื่อหน้าของ เช เกวารา



    เขาพยายามแทรกตัวขึ้นมายืนบนเวทีระดับนานาชาติด้วยการเข้าพบกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประมุขของคริสตจักรโรมันคาทอลิก มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และแม้กระทั่ง โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ผู้ยึดมั่นแนวทางวินัยการคลัง ที่ซิปราสโจมตีและคัดค้านมาโดยตลอด

    แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ การสวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเม็ดบนสุดแบบผ่อนคลาย และอารมณ์ขัน โดยเขากล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมจะสวมเน็คไทก็ต่อเมื่อกรีซได้รับการ "แฮร์คัต" (ลดหนี้) แล้วเท่านั้น"

    พรรคซีริซาให้สัญญาว่าจะเพิ่มเงินเดือนและเงินบำนาญ ยุติการเลิกจ้างพนักงาน และระงับยับยั้งการแปรรูปสินทรัพย์ของรัฐให้กลายเป็นของเอกชน

    ซึ่งข้อสุดท้ายเป็นเงื่อนไขหลักในการปฏิรูปที่บรรดาเจ้าหนี้นานาชาติของกรีซทั้งสหภาพยุโรป(อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้กรีซปฏิบัติ

    ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ กรีซต้องการเจรจาปรับปรุงเงื่อนไขรับความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 240,000 ล้านยูโรใหม่ โดยให้ปรับลดหนี้มูลค่ามหาศาลลง 50 เปอร์เซ็นต์

    และนำเงินที่กรีซชำระคืนส่วนหนึ่งมาช่วยในกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ



    ทว่าเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังอียู ส่งสัญญาณเตือนอย่างหนักแน่นว่า สถานภาพของกรีซในฐานะสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) จะตกอยู่ในความเสี่ยง หากซิปราสล้มเหลวที่จะทำให้ได้ตามความรับผิดชอบในการรัดเข็มขัดและชำระหนี้

    ด้านฌอง โคล้ด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เตือนเช่นเดียวกันว่า กรีซไม่สามารถคาดหวังถึงการลดหนี้ได้

    นักวิเคราะห์ระบุว่า นั่นเป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้

    ทว่า ซิปราสเชื่อว่าบรรดาเจ้าหนี้ของกรีซจะยินยอมตกลงในการเจรจาใหม่เมื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลของเขาที่ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนชาวกรีก

    อเล็กซิส ซิปราส นักปฏิวัติซ้ายจัด ผู้ต้องการกู้ศักดิ์ศรีของกรีซ : มติชนออนไลน์

    สหภาพยุโรป จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    สหภาพยุโรป (อังกฤษ: European Union: EU) เป็นสหภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง ประกอบด้วยรัฐสมาชิก 28 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป[1][2] สหภาพยุโรปกำเนิดขึ้นจากประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป (ECSC) และประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2494 และ 2501 ตามลำดับ สนธิสัญญามาสทริชท์สถาปนาสหภาพยุโรปภายใต้ชื่อปัจจุบันใน พ.ศ. 2536[3] การแก้ไขหลักพื้นฐานรัฐธรรมนูญล่าสุดของสหภาพยุโรปล่าสุด สนธิสัญญาลิสบอน มีผลใช้บังคับใน พ.ศ. 2552

    สหภาพยุโรปดำเนินการผ่านระบบองค์การอิสระเหนือชาติและการตัดสินใจที่เจรจาระหว่างรัฐบาลโดยรัฐสมาชิก[4][5][6] สถาบันสำคัญของสหภาพยุโรปมีคณะกรรมาธิการยุโรป คณะมนตรีสหภาพยุโรป สภายุโรป ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป และธนาคารกลางยุโรป พลเมืองสหภาพยุโรปเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปทุกห้าปี

    สหภาพยุโรปได้พัฒนาตลาดเดี่ยวผ่านระบบกฎหมายที่เป็นมาตรฐานซึ่งใช้บังคับในรัฐสมาชิกทุกรัฐ ในพื้นที่เชงเกิน (รวม 22 รัฐสหภาพยุโรป และ 4 รัฐนอกสหภาพยุโรป) มีการยกเลิกการควบคุมหนังสือเดินทาง[7] นโยบายสหภาพยุโรปมุ่งประกันการเคลื่อนย้ายบุคคล สินค้า บริการและทุนอย่างเสรี[8] ตรากฎหมายในกิจการยุติธรรมและมหาดไทย และคงไว้ซึ่งนโยบายการค้า[9] เกษตรกรรม[10] การประมงและการพัฒนาภูมิภาคร่วมกัน[11] ยูโรโซน ซึ่งเป็นสหภาพการเงิน ได้รับการจัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2542 และประกอบด้วยรัฐสมาชิก 17 ประเทศ สหภาพยุโรปได้พัฒนาบทบาทในความสัมพันธ์ภายนอกและการป้องกันผ่านนโยบายการต่างประเทศและความมั่นคงร่วม มีการสถาปนาคณะผู้แทนทางทูตถาวรทั่วโลก มีผู้แทนของสหภาพยุโรปที่สหประชาชาติ องค์การการค้าโลก จี 8 และจี 20

    โดยมีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคน[12] หรือ 7.3% ของประชากรโลก[13] ใน พ.ศ. 2554 สหภาพยุโรปมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในรูปตัวเงินใหญ่ที่สุดในโลก กว่า 17.6 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นประมาณ 20% ของจีดีพีโลก เมื่อวัดในแง่ความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ[14]

    ในปี พ.ศ. 2555 สหภาพยุโรป ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ[15] จากผลงานด้านการผลักดันให้เกิดสันติภาพในยุโรป

    เนื้อหา [ซ่อน]
    1 การปกครอง
    1.1 สภายุโรป
    1.2 คณะมนตรียุโรป
    1.3 คณะกรรมาธิการยุโรป
    1.4 ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป
    2 รัฐสมาชิก
    3 อ้างอิง
    4 แหล่งข้อมูลอื่น
    การปกครอง[แก้]
    แม้สหภาพยุโรปจะเป็นการรวมกลุ่มของรัฐหรือเป็นองค์การระหว่างประเทศ แต่โครงสร้างของสหภาพยุโรปนั้นมีลักษณะ "เหนือชาติ" (supranational trait) อย่างชัดเจน ที่กล่าวเช่นนี้เพราะบรรดารัฐสมาชิกไม่เพียงรวมตัวกันเท่านั้น หากยังร่วมสร้างสรรค์สถาบันหรือหน่วยงานภายใน ซึ่งมีอำนาจเหนือรัฐสมาชิกรัฐใดรัฐหนึ่งโดยเฉพาะ อันประกอบไปด้วย สภายุโรป คณะมนตรี คณะกรรมาธิการ และศาลยุติธรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้

    สภายุโรป[แก้]

    สภายุโรป
    ดูบทความหลักที่: สภายุโรป
    สมาชิกสภายุโรปได้รับเลือกตั้งโดยตรงทุก ๆ 5 ปีจากแต่ละประเทศสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิก 732 คนจาก 27 ประเทศ โดยในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงเกือบหนึ่งในสาม (222 คน) แม้สมาชิกแต่ละคนจะมาจากรัฐสมาชิก แต่การจัดกลุ่มภายในรัฐสภานั้นไม่ได้แบ่งตามสัญชาติ แต่แบ่งโดยทิศทางของพรรคการเมือง กลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ พรรคประชาชนยุโรป (European’s People Party) และพรรคประชาธิปไตยยุโรป (European Democrats) ตามมาด้วยกลุ่มสังคมนิยม เสรีนิยม และอนุรักษ์ธรรมชาตินิยม (กรีน) ที่ทำการสภายุโรปตั้งอยู่ในสองเมืองคือ สทราซบูร์ (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส และบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยประธานสภาคนปัจจุบันคือนายมาร์ติน ชูลซ์ จากพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี

    ภารกิจหลักของสภายุโรปจะเป็นการร่วมตัดสินใจกับคณะมนตรีในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การพิจารณาร่างกฎหมายของสหภาพซึ่งริเริ่มโดยคณะกรรมาธิการ การอนุมัติงบประมาณของสหภาพยุโรป ให้การรับรองความตกลงระหว่างประเทศของสหภาพยุโรปกับประเทศนอกกลุ่ม และที่สำคัญที่สุดคือการให้การรับรองผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการยุโรป

    คณะมนตรียุโรป[แก้]
    สมาชิกคณะมนตรี ประกอบด้วยรัฐมนตรี หรือผู้แทนรัฐบาลจากทุกประเทศสมาชิก ในการประชุมแต่ละครั้งจะมีรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเรื่องนั้น ๆ เข้าร่วม รวมทั้งสิ้น 28 คน เช่น การต่างประเทศ เกษตรกรรม คมนาคม เศรษฐกิจและการเงิน และพลังงาน เป็นต้น หากเป็นการประชุมตัดสินใจประเด็นสำคัญ ๆ ก็จะเป็นการประชุมในระดับประมุขของประเทศ โดยจะมีการประชุมสุดยอดสี่ครั้งต่อปีเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของสหภาพยุโรป แต่ละประเทศจะมีเสียงโหวตแตกต่างกันตามสัดส่วนจำนวนประชากร การตัดสินใจส่วนใหญ่ใช้แบบเสียงข้างมาก ในขณะที่ประเด็นสำคัญจะใช้ระบบการโหวตแบบเอกฉันท์

    คณะมนตรีถือเป็นองค์กรหลักในด้านนิติบัญญัติและด้านการตัดสินใจชี้ขาดของสหภาพยุโรป โดยจะประสานงานกับรัฐสภาในการพิจารณาร่างกฎหมายดังได้กล่าวแล้ว นอกจากนั้นยังเป็นผู้รับผิดชอบด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงร่วมกัน (CFSP: Common Foreign and Security Policy) รวมถึงภารกิจเกี่ยวกับการเปิดเสรีสินค้า บริการ เงินทุน รวมถึงประชาชนด้วย

    คณะกรรมาธิการยุโรป[แก้]
    คณะกรรมาธิการเป็นตัวแทนและปกป้องผลประโยชน์ของสหภาพยุโรป โดยเป็นอิสระจากรัฐบาลของแต่ละชาติ คณะกรรมาธิการประกอบด้วยกรรมาธิกร 27 คนจากแต่ละประเทศสมาชิกตามความเชี่ยวชาญโดยจะทำงานร่วมกับข้ารัฐการราว 24,000 คน มีสำนักงานอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ประธานคณะกรรมาธิการจะได้รับการเลือกจากรัฐบาลของประเทศสมาชิกและจะต้องได้รับการรับรองจากสภา ส่วนกรรมาธิการคนอื่น ๆ จะได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสมาชิกและต้องได้รับการรับรองจากสภาเช่นกัน มีวาระคราวละ 5 ปี โดยประธานคณะกรรมาธิการคนปัจจุบันคือ นายโฮเซ มานูเอล ดูเรา บาร์โรโซ (José Manuel Durao Barroso)

    ภารกิจหลักของคณะกรรมาธิการคือการเสนอร่างกฎหมาย นอกจากนั้นยังดูแลการบริหารงบประมาณของสหภาพยุโรป กรรมาธิการแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบคนละด้าน แต่ละคนมีเจ้าหน้าที่และองค์กรย่อยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน เปรียบเทียบได้ว่ากรรมาธิการแต่ละคนคือรัฐมนตรีซึ่งต้องดูแลกระทรวง ทบวง กรมของตนนั่นเอง

    ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป[แก้]
    องค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาจากแต่ละประเทศสมาชิกรวม 27 คน มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก หน้าที่หลักของศาลคือการบังคับใช้ และการตีความกฎหมายเพื่อพิจารณาและชี้ขาดว่ากฎหมายของสหภาพยุโรปได้รับการปรับใช้เหมือนกันในทุกประเทศสมาชิกหรือไม่ พลเมืองของสหภาพยุโรปสามารถยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลได้หากสถาบันต่าง ๆ ของสหภาพยุโรปได้ในกรณีกระทำการผิดกฎหมาย

    รัฐสมาชิก[แก้]
    ดูบทความหลักที่: รัฐสมาชิกสหภาพยุโรป, การขยายสหภาพยุโรป และ การขยายสหภาพยุโรปในอนาคต
    สหภาพยุโรปประกอบไปด้วยรัฐอิสระ 28 ประเทศ เป็นที่รู้จักกันในสถานะรัฐสมาชิก: ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร [16]

    European Union map.svg

    รัฐสมาชิกสหภาพยุโรป เรียงตามปีที่เข้าร่วม
    แอลเบเนีย
    ออสเตรีย
    เบลารุส
    เบลเยี่ยม
    บอส.
    & เฮอร์.
    บัลแกเรีย
    โครเอเชีย
    ไซปรัส
    เช็ก
    เดนมาร์ก
    เอสโตเนีย
    ฟินแลนด์
    ฝรั่งเศส
    เยอรมนี
    กรีซ
    ฮังการี
    ไอซ์แลนด์
    ไอร์แลนด์
    อิตาลี
    ลัตเวีย
    ลิทัวเนีย
    ลักเซมเบิร์ก
    มาซิโดเนีย
    มอลตา→
    มอลโดวา
    มอนต.
    เนเธอร์แลนด์
    นอร์เวย์
    โปแลนด์
    โปรตุเกส
    โรมาเนีย
    รัสเซีย
    เซอร์เบีย
    สโลวาเกีย
    สโลวีเนีย
    สเปน
    สวีเดน
    สวิต-
    เซอร์แลนด์
    ตุรกี
    ยูเครน
    สหราช
    อาณาจักร
    ปัจจุบันมีประเทศสมัครเข้าเป็นสมาชิก 2 ประเทศคือ มาซิโดเนียและตุรกี ส่วนประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่านตะวันตกเช่น แอลเบเนีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกรและเซอร์เบีย ถูกจัดให้เป็นประเทศที่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้ คอซอวอเองก็ได้สถานะนี้เช่นเดียวกัน

    อ้างอิง[แก้]
    กระโดดขึ้น ↑ "Basic information on the European Union". European Union. europa.eu. สืบค้นเมื่อ 4 October 2012.
    กระโดดขึ้น ↑ "European". Oxford English Dictionary. สืบค้นเมื่อ 3 October 2011. Unknown parameter |Quote= ignored (|quote= suggested) (help)
    กระโดดขึ้น ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ EU1993
    กระโดดขึ้น ↑ "European Union". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 1 July 2009. "international organisation comprising 27 European countries and governing common economic, social, and security policies...."
    กระโดดขึ้น ↑ "European Union". The World Factbook. Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 11 October 2009.
    กระโดดขึ้น ↑ Anneli Albi (2005). "Implications of the European constitution". EU enlargement and the constitutions of Central and Eastern Europe. Cambridge, UK: Cambridge University Press, 2008. p. 204. ISBN 90-6704-285-4. สืบค้นเมื่อ 25 July 2011. "In practical terms, the EU is perhaps still best characterised as a 'supranational organisation sui generis': this term has proved relatively uncontroversial in respect of national constitutional sensitivities, being at the same time capable of embracing new facets of integration"
    กระโดดขึ้น ↑ "Schengen area". Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 8 September 2010.
    กระโดดขึ้น ↑ European Commission. "The EU Single Market: Fewer barriers, more opportunities". Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 27 September 2007.
    "Activities of the European Union: Internal Market". Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 29 June 2007.
    กระโดดขึ้น ↑ "Common commercial policy". Europa Glossary. Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
    กระโดดขึ้น ↑ "Agriculture and Fisheries Council". The Council of the European Union. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
    กระโดดขึ้น ↑ "Overview of the European Union activities: Regional Policy". Europa web portal. สืบค้นเมื่อ 6 September 2008.
    กระโดดขึ้น ↑ "First demographic estimates for 2009". 11 December 2009. สืบค้นเมื่อ 3 February 2010.
    กระโดดขึ้น ↑ "European Union reaches 500 Million through Combination of Accessions, Migration and Natural Growth". Vienna Institute of Demography.
    กระโดดขึ้น ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ 2011-IMG-GDP
    กระโดดขึ้น ↑ [1]
    กระโดดขึ้น ↑ "โครเอเชีย" เร่งจัดงานเฉลิมฉลอง เตรียมเป็นสมาชิกใหม่อียูลำดับที่ 28 1 ก.ค. นี้ : มติชนออนไลน์
    แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
    คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ:
    สหภาพยุโรป
    เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรป
    เว็บไซต์ของผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย
    เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยุโรป ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    Thaieurope.net เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์รวมข่าวสารของสหภาพยุโรป จัดทำโดยหน่วยราชการไทยในยุโรป ประสานงานโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์

    สหภาพยุโรป - วิกิพีเดีย
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    WTO ประกาศให้สหรัฐฯชนะคดี กรณีอินเดียสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดนก

    [​IMG]

    -------------
    วันนี้สำนักข่าว sputnike news รายงานว่า "องค์กรการค้าโลก (WTO) หนุนสหรัฐฯในการที่อินเดียห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ" นาย Michael Froman ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯออกมากล่าวอ้างคำตัดสินของ WTO ในครั้งนี้ว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯว่า "องค์กรอุทธรณ์ขององค์กรการค้าโลกได้มีความเห็นตรงกันกับรายงานของคณะผู้พิจารณาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการมอบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศสหรัฐฯในข้อพิพาทซึ่งท้าทายการสั่งแบนโดยอินเดียเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯหลายรายการ"
    อินเดียได้สั่งแบนสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐฯเช่นเนื้อสัตว์ปีก ไข่ไก่ สุกรมีชีวิต เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกในอัตราสูง (pathogenic avian influenza / bird flu) ซึ่งได้แพร่ระบาดเป็นจำนวนมากในหลายรัฐของประเทศสหรัฐฯจนนำไปสู่การกำจัดไก่ฟาร์มทิ้งไปหลายล้านตัวและบางรัฐที่เลี้ยงไก่เป็นจำนวนมากถึงขั้นต้องประเคอร์ฟิวกันเลย
    คณะผู้พิจารณาของ WTO ได้มีความเห็นร่วมกับสหรัฐฯว่า "การสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯของอินเดียไม่อยู่บนพื้นฐานของมาตรฐานสากลหรืออยู่บนการประเมินความเสี่ยง" ชัยชนะเพราะเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯในครั้งนี้จะช่วยลดอุปสรรคต่างๆในตลาดอินเดียให้กับเกษตรกรของสหรัฐฯ
    Michael Froman กล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีกับชัยชนะในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯสามารถขจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมต่อเกษตรกรของสหรัฐฯให้สามารถขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าได้ทั่วโลก"
    ปัญหาก็มีอยู่ว่ามีการจ้างงานจำนวน 350,000 อัตรา และมีฟาร์มถึง 50,000 แห่งในสหรัฐฯในอุตสาหกรรมทางการเกษตรนี้ สหรัฐฯสามารถทำเงินได้จากการส่งออกสัตว์ปีกไปยังอินเดียได้ถึงปีละ $300 million (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) อินเดียสั่งแบนสินค้าทางการเกษตรของสัตว์มาตั้งแต่ปี 2007 แล้วเนื่องจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันอินเดียก็สนับสนุนให้มีการผลิตและใช้สินค้าภายในประเทศของตัวเอง แต่สินค้าของอินเดียที่ผลิตในประเทศนั้นมีราคาสูงกว่าที่นำเข้าจากสหรัฐฯซะอีก ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร?
    สหรัฐฯอ้างว่าการที่อินเดียไม่ยอมนำเข้าไก่ขี้โรค สัตว์ปีกหรือสินค้าการเกษตรติดเชื้อไข้หวัดนกจากสหรัฐฯเข้าไปให้ประชาชนชาวอินเดียได้รับประทาน และการที่อินเดียส่งเสริมให้คนอินเดียบริโภคสินค้าของอินเดียไม่บริโภคของอเมริกานั้น ถือว่าเป็นการกีดการการค้าเสรีซึ่งขัดกับระเบียบขององค์การการค้าโลก สหรัฐฯซึ่งคุมอยู่ทุกองค์กรระดับโลกไม่ว่าจะเป็น World Bank, IMF, G7, UN, WTO ฯลฯ เมื่อสหรัฐฯพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นมีหรือที่ WTO จะกล้าบอกว่าสหรัฐฯเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นงานนี้สหรัฐฯจึงออกมาแสดงความดีอกดีใจที่จะสามารถส่งไก่ติดโรคไข้หวัดนกไปขายยังประเทศต่างๆได้
    สหรัฐฯสั่งแบนสินค้าคนอื่นได้เพื่อเปิดทางให้สินค้าของตนขายได้ แต่คนจะแบนสินค้าของสหรัฐฯไม่ได้ แม้ว่ามันจะอันตราย เมื่อสหรัฐฯบีบคอขายให้ คุณก็ต้องซื้อ นี่ไงหลายประเทศจึงเริ่มไม่ชอบขี้หน้าและพฤติกรรมของสหรัฐฯ เขาจึงพากันแยกออกมาสร้างกลุ่มค้าขายของเขาต่างหาก แต่สหรัฐฯพยายามทุกทางที่จะขัดขวางไม่ให้กลุ่มการค้าเหล่านั้นเกิดขึ้นได้
    นอกจากอินเดียและรัสเซียที่แบนสัตว์ปีกของสหรัฐฯแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ประเทศ Armenia ก็ออกมาตรการสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯเช่นกัน เหตุผลเดียวกันกับอินเดียคือกลัวติดเชื้อไข้หวัดนก อยากจะฟ้องก็ฟ้องไป จะแบนซะอย่าง
    The Eyes
    05/06/2558
    ----------
    World Trade Organization Backs US in Rejecting India's Poultry Import Ban / Sputnik International
    No More US Chicken Legs: India Protests WTO Ruling to Lift Import Ban / Sputnik International
    Armenia Bans Import of Poultry Products From Several US States / Sputnik International
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พี่กันนี่เป็นประเทศมหามิตรของไอซิสจริงๆ มอบอาวุธดีๆ ให้ไอซิสเอาไปใช้ตั้งเยอะ

    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 6 มิ.ย.58 เจาะเบื้องหลังมือที่มองไม่เห็น หนุนอาวุธให้กลุ่มก่อการร้าย
    หลายคนอาจยังสงสัยว่ากลุ่มก่อการร้าย IS ฮอลีวู๊ด ชื่อก้องโลกในซีเรีย และอิรัก ได้รับการหนุนหลังโดยอเมริกา จริงหรือ และเขาทำกันอย่างไร เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ด้านกำลังคน กับด้านอาวุธ และเงินทุน
    ในด้านกำลังคนการฝึกนั้น อเมริกา ใช้ดินแดนตุรกี ในการฝึกกลุ่ม IS เป็นรุ่นๆ โดยทางการอเมริกา ส่งทหารอเมริกัน และ CIA เข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการฝึกกว่า 400 นาย ในค่ายฝึกที่ทางการตุรกียินยอมให้ใช้พื้นที่
    ส่วนด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ปืนใหญ่ รถฮัมวี่ ปืนกล จรวด ฯลฯ อันนี้อเมริกา ขนส่งโดยเครื่องบินขนาดใหญ่ แล้วขนถ่ายใส่รถเทรเลอร์ บรรทุกนำไปบริการใส่พานถวายให้กลุ่ม IS ถึงฐานบัญชาการเลย ถ้าเป็นฐานใหญ่ๆ มั่นคงจะมีที่ปรึกษาทางทหารอเมริกา ประจำการอยู่กับกลุ่ม IS ด้วยเลย
    พวกนี้มักเป็น CIA กับหน่วยลับของอิสราเอล คอยรับข่าวกรอง ประมวลผล และวางกลยุทธ์ ในการบุกพื้นที่ของทางการซีเรีย และอิรัก ให้หน่วย IS ฮอลีวู๊ด ดำเนินการตามแผน บางครั้งอาจมีการจัดฉากสลับบ้าง
    โดยให้ทหารจากเพนตากอน บินมาทิ้งระเบิดใส่ แต่มักเลือกทิ้งใส่กลุ่มพวก IS ที่ไม่เชื่อฟัง หัวดื้อ แข็งข้อ และอเมริกาบังคับบัญชาไม่ได้ ส่วนพวก IS ที่เป็นเด็กดี ก็จะอยู่ดีกินดี อู่ฟู่ ใส่นาฬิการาคาแพงๆ ติดหรู
    ในภาพคือรถฮัมวี่ใหม่เอี่ยมอ่อง Made in US พร้อมบรรดาอาวุธต่างๆ ที่อเมริกาขนไปให้กลุ่ม IS เพื่อควบคุมปกป้องแหล่งน้ำมันของอเมริกา และคอยต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย และอิรัก..เพจนี้ถึงเรียกมาตลอดว่า "กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด"
    @ เสธ น้ำเงิน2
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่ http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 6 มิ.ย.58 ครืน..แผ่นดินไหวมาเลย์ฯ ใกล้ไทย นักไต่เขาตายรวด 11 ศพ
    จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนขนาด 6.0 ลึก 10 กม. จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมือง Ranau ไป 19 กิโลเมตร และห่างจาก เมืองโคตาคินาบาลูไป 54 กิโลเมตร พื้นที่เกาะบอร์เนียว รัฐซาบาห์ มาเลเซีย สามารถรับรู้ได้ทั้งในบรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์“
    ทำให้เกิดดินถล่ม ที่บริเวณยอดเขาโกตากินาบาลู และหินแกรนิตขนาดใหญ่ ร่วงหล่นลงมาจำนวนมาก แรงสั่นสะเทือนยังทำให้อาคารบ้านเรือนในรัฐซาบาห์ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ประชาชนวิ่งหนีออกอาคารบ้านเรือนด้วยความหวาดกลัว รวมทั้งผู้โดยสารที่สนามบินโกตากินาบาลูด้วย
    ล่าสุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพนักไต่เขาเสียชีวิตจำนวน 11 ศพ และกำลังพยายามลำเลียงศพขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำลงมาด้านล่าง มีผู้สูญหายอีก 8 คน มีนักไต่เขาที่ติดอยู่บนยอดเขาในขณะเกิดแผ่นดินไหว ได้เดินเท้าลงมาถึงบริเวณด้านล่างทั้งหมดแล้วอย่างปลอดภัย
    ส่วนผู้ที่ติดอยู่บนยอดเขาโกตากินาบาลู ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองชาวมาเลเซีย และมีนักไต่เขาชาวต่างชาติอยู่ด้วย ทั้งจากสิงคโปร์ สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ไทย ตุรกี จีน และญี่ปุ่น ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวไทยบาดเจ็บที่ต้นขา 1 คน และอีก 3 คนปลอดภัย ส่งโรงพยาบาลแล้ว
    น่าแปลก มาเลเซีย ไม่ได้อยู่แนววงแหวนแห่งไฟ แต่เกิดแผนดินไหวจนมีคนตายถึง 11 ราย และไม่นานที่ป่านมามีแมงกระพรุนจำนวนมากขึ้นมาตายที่ชายหาดของมาเลย์ฯ และยังปลาหายาก แมงกระพรุน เพิ่งขึ้นมาเกยตืี้นที่ชายหาดหลายแห่ง ปูแปลกๆ ก็หนีขึ้นมาจำนวนมาก
    ที่ จ.กระบี่ก็เพิ่งเกิดแผ่นดินไหว สะเทือนไปถึงภูเก็ต และพังงา ทำไมสัตว์ทะเลพวกนี้มันมีสัญชาติญาณรู้ถึงภัยพิบัติล่วงหน้าได้ ??
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 6 มิ.ย.58 สุดงง..ประชาธิปไตยแบบหน้าด้าน อเมริกาไม่จับพลเมืองตนเองที่ทุจจริต
    จากกรณี FBI อเมริกา ถ่อข้ามไปจับกุม คณะกรรมการ ฟุตบอลโลก FIFA ถึงประเทศสวิสฯ รวมทั้งสิ้น 14 ราย อ้างยัดข้อหาฟอกเงิน และ ฉ้อโกง และต่อมา เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ประธาน FIFA ชาวสวิสฯ ถูกบีบให้สละตำแหน่ง เมื่อต้นเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา
    เกิดเรื่องช็อคโลก เมื่อนายชัค เบลเซอร์ พลเมืองชาวอเมริกัน วัย 70 ปี อดีตสมาชิกผู้บริหารระดับสูงของ FIFA ช่วงปี 1996-2013 เขาทำหน้าที่ควบเลขาธิการทั่วไป โซนคอนคาเคฟ (อเมริกาเหนือ) ตั้งแต่ปี 1990-2001 และมีความรับผิดชอบด้านการเจรจาหา สปอนเซอร์ และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด
    ตลอดระยะเวลาการร่วมงานกับ ฟีฟา และ คอนคาเคฟ เขารับสินบนตลอดมา ิเขารับเงินผิดกฎหมายด้านการแพร่ภาพและลิขสิทธิ์ ศึก โกลด์ คัพ (ชิงแชมป์ทวีปอเมริกาเหนือ) ปี 1996 ,1998 , 2000 , 2002 และ 2003
    ช่วงปี 2004 - 2011 เขา รับสินบนเลือก แอฟริกาใต้ และฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก เขายอมรับหน้าตาเฉยว่า เกิดเป็นคนอเมริกัน ต้องทำทุจจริต เขาจึงรับสินบน แต่สิ่งชวนมึนงง ที่สุดคือ FBI อเมริกาไม่จับเขา เพียงแค่ให้เป็นพยานเท่านั้น
    แต่กลับเอาผิดคนชาติอื่นอีก 14 คน รีบลุกลี้ลุกลนนำขึ้นศาล และขู่ประธาน FIFA ให้ลาออก เป้าหมายเพื่อส่งคนของตนเองที่ควบคุมได้และยอมจ่ายส่วย ไปเป็นประธาน และ กรรมการ FIFA แทน แล้วก็รับสินบนต่อไป
    คนของตัวเองทำอะไรก็ไม่ผิด แต่ใครไม่ใช่พวกผิดหมด เออ..มีประชาธิปไตยแบบหน้าด้านอยู่ในโลกนี้ด้วย
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่
    http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 6 มิ.ย.58 ผัก ผลไม้ อาหารวิตามินของมวลมนุษย์ชาติ
    ผัก ผลไม้ เป็นอาหารที่มนุษย์และสัตว์จำเป็นต้องกินเพื่อการดำรงชีพมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ในภาพเป็น ผัก ผลไม้ ที่มีขนาดจัมโบ้มากเป็นพิเศษ หลากหลายพันธุ์ ขนาดมันใหญ่มากจนน่าตกใจ ว่าจะกินเข้าไปอย่างไรหมด
    จะเอาตู้เย็นขนาดใหญ่มาใส่มันไว้ เพื่อถนอมอาหารชะลอการเน่าเสียก็หายาก คนไทยบางคนอาจไม่นึกเฉลียวที่ UNHCR ดรามาหลอกต้มคนทั้งโลกว่า ผู้อพยพชาวโรฮินจา ลอยเรือลำละกว่า 700 คน กลางทะเลเคว้งคว้าง 3-4 เดือน
    อาหารอะไรเหรอ ถึงไม่เน่าไม่เสีย ไม่มีอุปกรณ์ถนอมอาหารอะไรเลย ถ้าเป็นอาหารกระป๋อง มันหมดไปตั้งแต่เดือนแรก และน้ำหนักของมันผนวกแรงคลื่นคงจมเรือไปเรียบร้อยแล้ว เลี้ยงคนกว่า 700 คนบนเรือ เวลา 3-4 เดือน กองอาหารจะขนาดไหน
    อเมริกา และ UNHCR ร่วมมือกับสื่อดราม่า หลอกได้แต่พวกโลกสวย กับทุยเท่านั้น
    @ เสธ น้ำเงิน4
    สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่ http://www.facebook.com/topsecretthaibook
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "จอร์จ โซรอส : นายหน้าของ Bank Cartel คือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในยูเครน"
    ... นอกจากข่าวก่อนหน้าที่ว่าเขาเป็นนายหน้าของตระกูลร็อธไชล์ด เจ้าของธนาคารหลายแห่งและหัวหน้ากลุ่มอีลิทที่ปกครองธนาคารกลางและการเงินของอเมริกาและโลก ( ที่หลายคนเชื่อว่าเขาเก่งในการป่วนระบบการเงินโลกได้ แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะเขามีเครือข่ายของ Bank Cartel คอยช่วยเหลืออย่างดีไปทั่วโลก) ตามด้วยข่าวที่ว่า "ซีไอเอ" ของอเมริกาเป็นคนอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมปั่นป่วนเหตุการณ์ในยูเครน ทำให้เราเริ่มเห็นว่าใครกันบ้างที่ชักใยอยู่เบื้องหลังในการจุดไฟสงครามกลางเมืองขึ้นในยูเครน เพื่อต้องการให้รัสเซียกับยุโรปทะเลาะกันเอง แตกแยกกัน เหมือนกับที่สร้าง ISIL เพื่อเป็นรังแตนสร้างความแตกแยกในอิสลาม โดยอเมริกาเจ้าเล่ห์ยุแยงคนใหญ่โตในยุโรปที่ไม่ชอบรัสเซียเป็นทุนเดิมในการโยนเชื้อไฟ
    ... ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลจากการแฮคการสนทนาทางอีเมล์ระหว่างนายจอร์จ โซรอสกับนายเปโตร โปโรเชนโก้ประธานาธิบดีของยูเครนพบว่า โซรอสคือผู้ออกแบบ "ยุทธศาสตร์ในอนาคตทั้งระยะใกล้และระยะกลางของยูเครน"
    ... โดยเขาบอกว่า "อเมริกา" ต้องจัดการช่วยเหลือ "ยูเครน" โดยเร็วในหลายๆด้านทั้งการทหารและการเงิน เพื่อให้ "หุ่นเชิด หรือ นายหน้า" ของอเมริกาอย่างโปโรเชนโก้ อยู่รอดอย่างมีเสถียรภาพ เช่นด้านการทหารที่ต้องช่วยเหลือด้านอาวุธให้มีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอให้สอดคล้องสมน้ำสมเนื้อกับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลที่มี "รัสเซีย" เป็นฝ่ายอุดหนุนอยู่
    ... นอกจากนั้น ยังต้องการให้อเมริกาให้การช่วยเหลือในการกู้ยืมแก่ยูเครนผ่านทาง ไอเอ็มเอฟ ประมาณปีละ1,000 ล้านดอลล่าร์ เพื่อรื้อฟื้นสถานภาพทางการเงินและการธนาคารที่ย่ำแย่ของยูเครนที่ตอนนี้ ที่แทบจะไม่มี เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเหลืออยู่เลย ( แถมทองคำก็โดนอเมริกายึดไปแล้ว โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยจากรัสเซีย)
    ... โดยจะมี FED หรือธนาคารกลางของอเมริกา ( ที่เอกชนเป็นเจ้าของและออกนโยบายเอง ) และ EU สหภาพยุโรปคอยช่วยเหลืออีกด้วย
    ... โดยเฉพาะด้านการเงิน ถ้าไม่มีเงินมาอัดฉีดซื้อค้ำไว้จะยิ่งทำให้ค่าเงินยูเครนอ่อนลงเรื่อยๆและอาจจะล่มสลายในเร็ววัน ที่ต่างจากรัสเซียที่แม้เงินจะอ่อนแต่มีเงินในคลังทุนสำรองเยอะมากคอยประคองไม่ให้ค่าเงินต่ำเกินไป เพื่อรองรับการค้าขายทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้
    ... ข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกมาแค่ไม่กี่วันหลังจากที่ โซรอส ได้ออกมาพูดเชิงเอาใจ "จีน" หน้าฉากว่า ถ้าไม่มีการปรับสัดส่วนเงินหยวนในตะกร้าของ ไอเอ็มเอฟให้มากกว่านี้ จะเกิดสงครามโลกครั้งที่3 อย่างแน่นอน
    .
    » Hacked Emails Expose George Soros As Ukraine Puppet-Master Alex Jones' Infowars: There's a war on for your mind!
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    มีกระแสข่าวว่า เมือง "Transnistria" ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนที่ติดกับเมือง "Odessa Oblast" ซึ่งมีทหารรัสเซียประจำการ ในนามกองกำลังรักษาสันติภาพ และมีชาวรัสเซียอาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งกำลังถูกตัดขาด ท่ามกลางวงล้อมของทหารยูเครน ที่กำลังลำเลียงอาวุธหนักและทหารปิดล้อมเมืองดังกล่าว จน รมต.ต่างประเทศของ ทรานสนิสเตรีย ต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลรัสเซีย เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    With Ukrainian "Blockade," Drums Of War Sounding In Transnistria | EurasiaNet.org

    เมืองนี้ไม่ต่างอะไรกับรัฐกันชนของรัสเซีย เช่นเดียวกับคาลินนินกราด ในแถบบอลติกนั่นแหละครับ ที่เอาไว้เพื่อรับมือการรุกคืบของกองกำลังนาโต ทำให้ผู้นำรัสเซียต้องสั่งการให้เสริมกำลังทหาร และมีการเคลื่อนย้ายทางอากาศ เนื่องจากเมืองดังกล่าว ที่ติดกับมองโดวาและยูเครน และอยู่ไกล้กับฐานทัพนาโตในโรมาเนีย ซึ่งทั้งสหรัฐและนาโต พยายามกดดัน รัฐบาลมอลโดวา ไม่อนุญาติให้รัสเซียใช้ประเทศ สำหรับส่งกำลังบำรุง เข้ามายังเมือง "Transnistria" ซึ่งกำลังตกอยู่ใต้วงล้อมของทั้งยูเครน และรัฐบาลมอลโดวา
    แน่นอนครับว่า การเคลื่อนย้ายกำลังทหารรัสเซีย เข้ามาเสริมในครั้งนี้ จะต้องบินผ่านเมือง "Odessa Oblast" ของยูเครนซึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลยูเครนกำลังเสริมกำลังทหาร ขีปนาวุธS-300 เข้ามายังเมือง "Odessa" ซึ่งเป็นเพียงเส้นทางเดียว ที่รัสเซียจะต้องบินผ่านเข้ามายังเมือง ทรานนิสเทรียได้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่ผู้นำยูเครนจะออกมา อ้างว่ารัสเซียกำลังวางแผนการสำหรับ การสงครามเต็มรูปแบบ หรือวางแผนการบุกนั่นเอง
    Ukraine on full-alert after Poroshenko warns of 'full-scale' Russian invasion - Firstpost

    เป็นงานหนักสำหรับรัสเซียเวลานี้ครับ ที่สหรัฐและชาติตะวันตก พยายามทำทุกอย่างเพื่อยั่วยุและกดดัน ในขณะที่รัสเซียนั้น ถ้ายังยึดหลักสากล โดยที่อีกฝ่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และอยู่เบื้องหลังสงครามทุกภูมิภาคของโลกมาตลอดนั้น รับรองครับว่ารัสเซียถ้าเล่นบทผู้ดี โอกาสที่จะสูญเสียเมืองดังกล่าว ที่กำลังตกอยู่ใต้วงล้อมของทหารสหรัฐและนาโตสูงมาก
    ตอนนี้ต้องวัดใจ ผู้นำรัสเซียแล้วครับว่า ตะตัดสินใจชิงลงมือก่อน โจมตีก่อนหรือไม่?
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    ถ้าใครจำเหตุการณ์9/11ได้ กลาโหมสหรัฐหรือเพ็นตากอนเป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่รัฐบาลสหรัฐอ้างว่า ถูกโจมตี ในห้วงเวลาเดียวกันกับ อาคารเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ผมเคยพูดไปเมื่อหลายปีก่อนนะครับว่า อดีต รมต.กลาโหมสหรัฐ โดนัล รัมส์เฟลด์ เคยออกมายอมรับว่า เพ็นตากอนไม่สามารถ ชี้แจงงบประมาณกว่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่หายไปได้ ซึ่งคำพูดดังกล่าว "บังเอิญ" เกิดขึ้นก่อนหน้า เกิดเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนเพียง 1 วัน InvestmentWatch
    ซี่งสิ่งที่ทางเนียบขาว อ้างว่าอาคารที่ทำการกลาโหมสหรัฐหรือ เพ็นตากอนถูกเครื่องบินพุ่งชน ทั้งๆที่ไม่มีเศษซากของเครื่องบิน บนอาคารดังกล่าวนั้น มีแต่โพรงขนาดใหญ่ ที่คาดว่าน่าจะถูกยิงด้วยขีปนาวุธ ปรากฎว่ารายงานข่าวของ CNN ในช่วงแรก ที่พูดถึงโพรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่กลาโหมสหรัฐ แต่ไม่พบซากเครื่องบินในช่วงแรก ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีรายงานชิ้นนี้ ออกอากาศอีกเลย https://www.trutherbot.com/911-video-aired-once-never-aire…/
    และเวลานี้เช่นเดียวกันครับ จากตอนนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน กลาโหมสหรัฐก็ยังไม่สามารถ ชี้แจงงบประมาณกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่หายไปได้ ซึ่งเงินจำนวนนี้เท่ากับ ครึ่งหนึ่งของหนี้สาธารณะของสหรัฐในปัจจุบัน Report Reveals $8.5 Trillion Missing From Pentagon Budget | Global Research - Centre for Research on Globalization
    ยิ่งช่วงนี้กำลังมีการฝึกทางทหาร"Jade Helm" ไม่อยากเดานะครับ กำลังจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในสหรัฐ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้ารัสเซียและจีน ยังสามารถอดทน อดกลั้นต่อการยั่วยุ ไม่ชิงลงมือโจมตีสหรัฐและนาโต สหรัฐอาจจะต้องอาศัย สถานการณ์ที่ใหญ่พอ อาจจะมากกว่า9/11 ที่สามารถอ้างความชอบธรรม ในการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้นั่นเอง..
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากข่าวจากเฟสบุ๊ก ที่ว่า "Transnistria" ซึ่งกำลังตกอยู่ใต้วงล้อมของทั้งยูเครน และรัฐบาลมอลโดวา ซึ่งการเคเคลื่อนย้ายกำลังทหารรัสเซีย เข้ามาเสริมในครั้งนี้ จะต้องบินผ่านเมือง "Odessa Oblast" ของยูเครนซึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลยูเครนกำลังเสริมกำลังทหาร ขีปนาวุธS-300 เข้ามายังเมือง "Odessa" ซึ่งเป็นเพียงเส้นทางเดียว ที่รัสเซียจะต้องบินผ่านเข้ามายังเมือง ทรานนิสเทรียได้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่ผู้นำยูเครนจะออกมา อ้างว่ารัสเซียกำลังวางแผนการสำหรับ การสงครามเต็มรูปแบบ หรือวางแผนการบุกนั่นเอง รัสเซียน่าจะมีทางออกที่จะสูญเสียเมืองดังกล่าว ที่กำลังตกอยู่ใต้วงล้อมของทหารสหรัฐและนาโตไว้แล้ว เราคงจำข่าวที่ เครมลินได้กล่าวหาเคียฟว่า กองทัพยูเครนใช้อาวุธหนักโจมตีกบฏยูเครนเพื่อต้องการยั่วยุ ซึ่งทางกองทัพยูเครนยอมรับว่าใช้อาวุธหนักจริง ได้ไหมครับ ถ้ารัสเซียใช้ กองทัพกบฎยูเครน โจมตีใส่ยูเครนแบบลุยเข้ากรุงเคียฟเลย ก็จะลอดารตีกระหนาบ "Transnistria" จากยูเเครนลงไปได้ เหลือแต่จะต้องรับมือแต่เฉพาะกับรัฐบาล รัฐบาล มอลโดวา เท่านั้น ซึ่งศึกครั้งนี้ ฝ่ายที่น่าจะโดนหนักคือ ยูเครน น่าสงสารประธานาธิบดียูเครนจัง โดนหนักแน่

    In Pics : ตายไม่ต่ำกว่า 24 ในสงครามรอบใหม่ยูเครนตะวันออก กบฏยูเครนบาดเจ็บเกือบร้อย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 18:51 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 10:14 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 24 คนในการปะทะที่เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งระหว่วงกลุ่มกบฏยูเครน และกองกำลังแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครน

    เอเอฟพีรายงานวันนี้ (4 มิ.ย.) ว่า เอดูอาร์ด บาซูริน (Eduard Basurin) ให้สัมภาษณ์ว่า แกนนำผู้บัญชาการรบของกลุ่มกบฏยูเครนกำลังต่อสู้กับกองกำลังแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครน และมีตัวเลขผู้เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุดอยู่ที่กองกำลังกบฏยูเครนจำนวน 14 คน และพลเรือน 5 คน

    และบาซูรินกล่าวต่อว่า และคาดว่ามีสมาชิกกลุ่มกบฏได้รับบาดเจ็บถึง 86 คน ส่วนพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 24 คน นอกจากนี้ ในส่วนทหารยูเครนพบว่ามีทหารแนชันแนลการ์ดเสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะล่าสุดที่ 5 นาย

    เมื่อวานนี้ (3) ทางเคียฟได้กล่าวหาว่ากลุ่มกบฏได้เปิดฉากโจมตีเป็นวงกว้างในบริเวณ มารินกา (Maryinka) ทางตะวันตกของโดเนตสก์ ฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏยูเครน โดยเอเอฟพีกล่าวว่า การปะทะครั้งนี้เป็นการฉีกสัญญาสงบศึกอันเปราะบาง

    เคียฟได้เปิดแถลงในวันนี้ (4) ว่า กลุ่มกบฎยูเครนเสียชีวิตในช่วงบ่ายวันพุธ (3) และทางยูเครนได้ส่งคนเข้าไปเก็บกวาดทุ่นระเบิดสังหาร และอาวุธต่างๆ ที่คาดไม่ถึง “ในขณะนี้มารินกาสงบแล้ว” โฆษกกองทัพยูเครนให้สัมภาษณ์เอเอฟพี

    และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า การปะทะรอบใหม่สร้างความกลัวให้กับผู้คนว่า กบฏยูเครนอาจจะมีความพร้อมในการใช้กำลังบุกจู่โจมลึกลงไปในเขตการควบคุมของเคียฟ แต่ทว่าทางกลุ่มกบฏยูเครนปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยช้ว่าทางกลุ่มจำเป็นต้องใช้กำลังทางทหารเพื่อป้องกันการฆ่าสังหารหมู่ประชาชนที่อยู่ภายในถิ่นอิทธิพลของตน

    ด้านรัสเซีย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ เซอร์เก ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์ในวันพฤหัสบดี (4) ว่าข้อตกลงสันติภาพในยูเครนตะวันออกถูกเคียฟทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า

    และก่อนหน้านี้ในวันพุธ (3) เครมลินได้กล่าวหาเคียฟว่า กองทัพยูเครนใช้อาวุธหนักโจมตีกบฏยูเครนเพื่อต้องการยั่วยุ ซึ่งทางกองทัพยูเครนยอมรับว่าใช้อาวุธหนักจริง

    In Pics :
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ติดเชื้อไวรัส “MERS” เกาหลีใต้พุ่งเป็น 50 รายแล้ว
    ดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2558 14:26 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – เกาหลีใต้ยืนยันในวันนี้ (6) ว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome) หรือ MERS เพิ่มอีก 9 ราย หลังจากที่เชื้อไวรัสชนิดนี้คร่าชีวิตคนไป 4 ราย แต่นี่ไม่ได้หมายถึงการแพร่กระจายของการระบาด เนื่องจากผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้อยู่ภายใต้การกักโรคอยู่ก่อนแล้ว

    กรณีเพิ่มเติมดังกล่าวทำให้ยอดรวมของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ที่ 50 ราย พวกเขาทั้งหมดอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกแยกเดี่ยวอยู่ก่อนแล้วกว่า 1,660 คน หลังจากที่พวกเขาได้ไปสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อ ก่อนที่ผู้ติดเชื้อรายแรกจะได้รับการวินิจฉัยในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม กระทรวงสาธารณสุข ระบุ

    “ผู้ติดเชื้อทั้ง 9 คนติดเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าวในโรงพยาบาล 3 แห่ง และไม่มีหลักฐานที่จะบ่งชี้ถึงการแพร่เชื้อใดๆ ในชุมชนนอกพื้นที่โรงพยาบาล” กระทรวงฯ ระบุถ้อยแถลงต่อสื่อ

    ควอน จุน-วุค เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ (6) ว่า ชายวัย 68 ปีที่เป็นผู้ป่วยรายแรกและภรรยาของเขาที่ติดเชื้อไวรัสจากเขา ทั้งคู่ได้รับการรักษาและได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ (5) เขาเสริมว่า ยังมีอีก 2 คนที่กำลังรอการปล่อยตัว

    นับตั้งแต่ชายวัย 68 ปีรายดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยในวันที่ 20 พฤษภาคมหลังเดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย

    การระบาดครั้งนี้ทำให้โรงเรียนหลายร้อยแห่งต้องปิดการเรียนการสอน นักท่องเที่ยวหลายพันตัดสินใจยกเลิกแผนการเดินทาง และกระทบกระเทือนธุรกิจมากมาย เนื่องจากทางการแจ้งให้ประชาชนหลีกเลี่ยงจากฝูงชน

    องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเมื่อวานนี้ (5) ว่า จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปยังแดนกิมจิเพื่อทำภารกิจร่วมกับรัฐบาลในการรวมรวมข้อมูลการระบาดครั้งนี้ กระทรวงฯ ระบุว่า ทีมดังกล่าวคาดว่าจะมาถึงอย่างเร็วที่สุดสัปดาห์หน้า

    WHO คาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกดในเกาหลีใต้ และเน้นย้ำว่า “ไม่มีหลักฐานของการแพร่เชื้ออย่างต่อเนื่องในชุมชน”



    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064185
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มานั่งหนุนสันติภาพเฉยๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องส่งทหารเข้าไปใน "Transnistria" เพราะถ้ามีอะไรเกิด กบฏยูเครนพร้อมลุยกรุงเคียฟ ยูเครนอยู่แล้ว มีเหตุผลในการบุกเต็มที่ และส่งกำลังเสริมผ่านทางบกโดยให้ กบฎยูเครนส่ง โดยอ้างว่ากบฏยูเครนก็พูดภาษารัสเซียแบบเดียวกับประชาชน "Transnistria" จึงต้องช่วยเหลือกัน ที่นี้นาโต้ก็ต้องเจอกับรัสเซียตรง ๆ โดยผ่านทาง "Transnistria" แถมกบฏยูเครน และอาจมีทหารรัสเซียแฝง นาโต้มีแต่เสีย

    “ปูติน” จ้อสื่ออิตาลี ระบุรัสเซียหนุนข้อตกลงสันติภาพยูเครน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2558 12:09 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – รัสเซียให้การสนับสุนนข้อตกลงสันติภาพกรุงมินสก์ในยูเครนอย่างเต็มที่ แต่เคียฟกลับทำให้ความคืบหน้าหยุดชะงักลง ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิตาลี Corriere della Sera ในวันนี้ (6)

    “รัสเซียมีความสนใจและจะต่อสู้เพื่อรับประกันการบังคับใช้ข้อตกลงกรุงมินสก์โดยสมบูรณ์และไร้เงื่อนไข” เขากล่าว และระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวที่มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์มีความ “ถูกต้อง , ยุติธรรม และเป็นไปได้” ทั้งนี้อ้างจากบทสำเนาที่เผยแพร่โดยวังเครมลิน

    ความคิดเห็นของของมีออกมาไม่กี่วันหลังจากที่เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงที่สุดในภาคตะวันออกของยูเครนนับตั้งแต่ที่มีการประกาศใช้ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดคำถามถึงความคงทนของข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้

    ปูติน กล่าวว่า ความเป็นศัตรูกันในภาคตะวันออกของยูเครนโดยภาพรวมๆ ถือว่าผ่อนคลายลงแล้ว และการถอนอาวุธมีการบังคับใช้แล้ว แม้ว่าจะมีการยิงปะทะกันและมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นครั้งคราวก็ตาม

    “นี่เป็นเวลาที่จะเริ่มต้นการบังคับใช้ข้อตกลงกรุงมินสก์” เขากล่าว โดยอ้างถึงข้อกำหนดต่างๆ ที่บังคับให้มีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญเพื่อรับประกันสิทธิในการปกครองตนเองให้กับแคว้นของกลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน , รับรองกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่น และกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมโดยประสานงานร่วมกับทางการของแคว้นดังกล่าว

    “ปัญหาคือในปัจจุบันทางการเคียฟไม่แม้กระทั่งอยากนั่งลงเจรจากับพวกเขา และนั่นเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถจะทำอะไรได้” เขากล่าว “มีเพียงหุ้นส่วนยุโรปและอเมริกาของเราเท่านั้นที่สามารถใช้อิทธิพลต่อสถานการณ์นี้ได้”

    ปูตินยังระบุด้วยว่า การที่เคียฟตัดสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับดินแดนของฝ่ายกบฏกำลังทำให้เกิดภัยพิบัติทางมนุษยธรรม และกล่าวว่า สหภาพยุโรปหรืออียูควรปฏิบัติตามภาระหน้าทีของตนเพื่อที่จะรื้อฟื้นระบบธนาคารในภูมิภาคนี้

    เขาเสริมว่า “เนื่องจากเรากำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำได้หรือต้องทำและใครเป็นคนทำ ผมเชื่อว่าสหภาพยุโรปสามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่ดียิ่งกว่านี้แก่ยูเครนได้อย่างแน่นอน”



    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064143
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    มันแปลกๆอยู่นา... กลุ่มติดอาวุธโจมตีขบวนรถคอนวอยของทหารราบอินเดียที่หุบเขาในเมืองมณีปุระด้วยจรวดของสหรัฐฯ

    [​IMG]

    ------------
    มีอยู่ 3 ข่าวเกี่ยวกับอินเดียที่คิดว่าน่าสนใจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวแรกคือวันที่ 4 มิ.ย.58 สำนักข่าว sputnik news รายงานว่า Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯเดินทางไปอินเดีย 2 วันจับมือกับ Manohar Parrikar รมว.กลาโหมของอินเดียเพื่อทำข้อตกลงในความร่วมมือกันพัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหาร ซึ่งประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน และเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินไอพ่น อินเดียยึดถือนโยบาย "made in India" ดังนั้นหากสหรัฐฯอยากจะร่วมมือกับอินเดีย สหรัฐฯก็ต้องยอมรับเงื่อนไขไม้ตายของอินเดียด้วยซึ่งก็คือสหรัฐฯจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้กับอินเดียด้วย รวมทั้งเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องยนต์ Jet ด้วย
    ข่าวที่สอง วันที่ 6 มิ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านายกฯ Narendra Modi ของอินเดียเดินทางไปบังคลาเทศจับมือกับนาง Sheikh Hasina นายกฯของบังคลาเทศเพื่อคุยปัญหาข้อขัดแย้งในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างสองประเทศหลังจากที่ได้รับเอกราชจากการตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ตามข้อตกลงการปักปันเขตแดนปี 1974 (The 1974 Land Boundary Agreement - LBA) ที่มีการให้สัตยาบันทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านได้กำหนดให้พื้นที่ทับซ้อนเป็นเขตแดนระหว่างประเทศและให้พลเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 51,000 คนอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญชาติ
    บางส่วนในข้อตกลงใหม่บอกว่าการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับบังคลาเทศในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนสามารถเลือกสัญชาติได้ตามต้องการว่าจะถือสัญชาติอินเดียหรือบังคลาเทศ นอกจากนี้อินเดียและบังคลาเทศยังเปิดบริการรถบัสระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2 สายด้วย และทางอินเดียจะปล่อยเงินกู้ให้กับบังคลาเทศจำนวน $2 billion (ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท) เพื่อเป็นการยกย่องข้อตกลงทางประวัติศาสตร์ (จะปล่อยกู้ทั้งทียังหาข้ออ้างได้ขนาดนี้อีกน้อ จำไว้ของฟรีไม่มีในโลก)
    ข่าวที่สาม วันเดียวกันนี้ 6 มิ.ย.58 ระหว่างที่ผู้นำของอินเดียเดินทางไปสานสัมพันธ์กับบังคลาเทศ ก็มีรายงานข่าวออกมาว่ากลุ่มติดอาวุธมีจำนวนเกือบ 50 คนบุกโจมตีขบวนรถคอนวอย 2 คันของทหารราบ Dogra ที่6 ของอินเดียในเมืองมณีปุระ (Manipur) ของอินเดียใกล้กับพรมแดนพม่า ซึ่งขบวนรถคอนวอยดังกล่าวกำลังเดินทางผ่านป่าในภูเขาแต่ถูกพวกนักรบติดอาวุธแบบกองโจรจู่โจมทำให้ทหารของอินเดียเสียชีวิตจำนวน 20 นาย ถือว่าเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีในพื้นที่ดังกล่าว
    รายงานข่าวบอกว่าทางกองทัพอินเดียกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว มีกองกำลังติดอาวุธหลายร้อยคนทำการเข่นฆ่าผู้คนในพื้นที่ห่างไกล ปัจจุบันนี้มีองค์กรกบฎที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 กลุ่ม - National Socialist Council of Nagaland (Khaplang faction), Kanglei Yawol Kanna Lup, และ Kangleipak Communist Party พวกนี้ต่างก็ออกมากล่าวอ้างว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของฝ่ายตน แม้จะไม่มีใครถูกจับกุม (แปลก… ทำไมพวกนี้ถึงรีบออกมาเรียกร้องความสนใจพร้อมกันในทันทีเช่นนี้?)
    พื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยภูเขาและป่าดง รายงานข่าวเบื้องบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่การซุ่มโจมตีแบบกองโจร (guerrilla fighters) ในครั้งนี้หลังจากก่อเหตุแล้วอาจจะหลบหนีเข้าไปในชายแดนพม่า แต่จากหลักฐานที่มั่นใจได้ 100% ก็คือว่าอาวุธที่ใช้โจมตีทหารอินเดียในครั้งนี้เป็นจรวดที่ผลิตโดยสหรัฐฯ (the militants used US-made rocket launchers) แต่ไม่ได้บอกชนิดหรือรุ่นของจรวดที่ใช้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ากองทัพพม่าใช้อาวุธของสหรัฐฯเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ M40 recoilless rifle ซึ่งเป็นจรวดต่อต้านรถถังชนิดลากจูงคล้ายปืนใหญ่เคลื่อนที่ อาวุธหนักส่วนใหญ่นั้นพม่าใช้ของจีน แต่ถ้าเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆนั้นไม่แน่ นอกจากการใช้จรวจโจมตีแล้ว ยังพบว่ากลุ่มติดอาวุธยังใช้ทั้งระเบิดและปืนกลด้วย
    เมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ได้เกิดเหตุสังหารโหดและใช้ความรุนแรงกับชาวเมืองมณีปุระแห่งนี้มาแล้วเกือบ 2,000 ราย โดยอ้างว่ามาจากปัญหาด้านชาติพันธุ์และศาสนา แต่ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มต่างๆเหล่านี้ต่างก็แย่งกันเป็นใหญ่ในพื้นที่หลังจากสิ้นสุดการยึดครองของอังกฤษในปี 1947
    สำนักข่าวของรัสเซียตั้งข้อสังเกตว่า ตราบใดที่อาวุธอเมริกันยังคงไหลกระจายไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง การโจมตีแบบนี้ก็จะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยสื่อฯของรัสเซียได้ยกรณีที่ไอซิสยึดอาวุธของสหรัฐฯได้เป็นจำนวนมากที่เมือง Ramadi ในอิรัคเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นตัวอย่าง
    มีบางจุดที่น่าสนใจดังนี้ 1.) อินเดียยังไม่ได้ตกลงอย่างเป็นทางการว่าจะร่วมมือทางเทคโนโลยีทหารกับสหรัฐฯมากน้อยแค่ไหน 2.) อินเดียกับบังคลาเทศกำลังจับมือกันและอาจจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันได้ 3.) บังคลาเทศเป็นประเทศที่ยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าประจำการมากที่สุดในโลก และกองทัพของบังคลาเทศก็เป็นลูกค้าอาวุธรายใหญ่ของจีนด้วย ถ้าอินเดียกับบังคลาเทศสามารถเคลียร์ปัญหาต่างๆได้ และเกิดสันติภาพขึ้นในบังคลาเทศอย่างแท้จริง ใครจะตกงาน? สำหรับสหรัฐฯแล้วบังคลาเทศถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญในเอเซียใต้ 4.) พม่ามีปัญหาเรื่องโรฮิงญากับบังคลาเทศมานานแล้ว และสหรัฐฯพยายามจะกล่าวโทษและผลักความรับผิดชอบเรื่องนี้ไปให้พม่าเต็มๆ
    จะแปลกไหมถ้าจะกล่าวโทษพม่าอีกว่าอาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุในครั้งนี้ก็ได้ เพื่อเสี้ยมให้พม่ากับอินเดียทะเลาะกันโดยมือที่มองไม่เห็น หากไม่มีหลักฐานว่าเป็นจรวดที่ผลิตจากสหรัฐฯก็คงจะเข้าแก็บพอดี แต่สื่อฯฝั่งรัสเซียรีบแฉฉีกหน้าสหรัฐฯซะก่อน แผนนี้ก็เลยโทษพม่าไม่ได้เต็มที่นัก จะแปลกตรงไหนที่กลุ่มติดอาวุธในอินเดียที่อยู่ไม่ไกลจากบังคลาเทศจะมีอาวุธของสหรัฐฯไว้ในครอบครอง เพราะในบังคลาเทศก็มีทหารของสหรัฐฯและอียูอยู่เต็มไปหมดอยู่แล้ว
    The Eyes
    07/06/2558
    -----------
    US, India Agree to Co-Development in Defense Industry / Sputnik International
    India Inks Historic Land Swap Deal With Bangladesh / Sputnik International
    Militants Armed With US-Made Rocket Launchers Kill at Least 20 in India / Sputnik International
    Bangladesh - Wikipedia, the free encyclopedia
    Myanmar Army - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันขึ้นแรงเมินผลประชุมโอเปก หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำลง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มิถุนายน 2558 05:20 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในนาทท้ายๆของการซื้อขายในวันศุกร์(5มิ.ย.) จากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน แม้โอเปกมีมติไม่ลดกำลังผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำลงแรง หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ กระพือความคาดเดาว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด
    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.31 ดอลาร์ต่อบาร์เรล
    ที่ประชุมโอเปก ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันศุกร์(5มิ.ย.) มีมติไม่ลดกำลังผลิตลง แม้ต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ขยายกรอบดำเนินการยุทธศาสตร์ใหม่ที่กำหนดออกมาเพื่อปกป้องส่วนแบ่งตลาดและขจัดการแข่งขันจากพลังงานชั้นหินของสหรัฐฯที่มีต้นทุนสูงกว่า
    การตัดสินใจคงกำลังผลิตไว้เท่าเดิม ส่งผลให้องค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก(โอเปก) ยังมีเป้าหมายเพดานการผลิตรวมที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวันตามเดิม ซึ่งเป็นระดับที่คงมาอย่างนี้กว่า 3 ปีครึ่งแล้ว
    ผลประชุมดังกล่าวฉุดให้น้ำมันแกว่งตัวในแดนลบ สืบเนื่องจากความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด อย่างไรก็ตามในนาทีท้ายก่อนปิดตลาด ราคาน้ำมันฟื้นตัวอย่างฉับพลันและปิดในแดนบวกได้สำเร็จ เนื่องจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ด้วยช่วง 2 วันหลังสุดน้ำมันเวสต์เทกซัส ร่วงลงมากกว่า 3 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์เองก็ปรับลดถึง 3.40 ดอลลาร์
    ด้านวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์(5มิ.ย.) ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ หลังข้อมูลภาคแรงงานอันแข็งแกร่งของสหรัฐฯ กระพือข่าวลือว่าบางทีธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) อาจเคลื่อนไหวขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
    ดาวโจนส์ ลดลง 56.12 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,849.46 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.01 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,092.83 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.33 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,068.46 จุด
    เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการจ้างงานเพิ่มเติม 280,000 อัตราในเดือนพฤษภาคม มากกว่าที่คาดหมายไว้และส่งสัญญาการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังหยุดชะงักไปท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บช่วงต้นปี นอกจากนี้แล้วยังพบว่าการเติบโตของค่าแรงก็ดีขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังมั่นคงขึ้น
    อย่างไรก็ตามจากข้อมูลดังกล่าว เหล่าธนาคารชั้นนำของวอลล์สตรีทออกมาคาดหมายว่าเฟดอาจเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายน จากนั้นก็จะปรับเพิ่มอีกครั้งในช่วงก่อนสิ้นปี ซึ่งปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ราคาทองคำปิดลบพอสมควร และแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,168.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ประท้วงในเยอรมันนี ยูเครน และรัสเซีย

    [​IMG]

    ------------
    มาตามสัญญา... ก่อนหน้านี้ตั้งใจและรับปากว่าจะเล่าเรื่องการประท้วงเมื่อวานนี้ใน 3 ประเทศให้ฟัง แต่ก็เล่าข่าวอื่นเพลินไปจึงต้องนำมาเล่าในโพสต์นี้แทน
    + ประท้วงต่อต้าน G7 ในเยอรมันนี
    ------------
    เริ่มที่เยอรมันนีก่อนเลยนะครับ ระหว่างวันที่ 7-8 มิ.ย.58 นี้จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 7 ประเทศด้วยกัน ซึ่งเรียกชื่อว่า G7 (สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมันนี) ที่ Munich และ Garmisch-Partenkirchen ประเทศเยอรมันนี การประท้วง anti-G7 มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.58) สำนักข่าวต่างประเทศ sputnik news รายงานว่ามีพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมัน (German Communist Party - KPD) ได้รวมตัวกันออกมาประท้วงต่อต้านนโยบายที่ก้าวร้าว (aggressive) ของนาโต้ด้วย พรรค KPD (Kommunistische Partei Deutschlands) เรียกร้องให้ยุโรปร่วมมือกับรัสเซีย
    Dr. Hans-Peter Brenner รองหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันกล่าวว่า "รัสเซียไม่ได้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์อีกต่อไปแล้ว แต่ผมคิดว่ารัสเซียมีบทบาทที่สำคัญในการต่อต้านนโยบายที่ก้าวร้าวของนาโต้ และดังนั้นพวกเราจึงต้องการให้มีความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศในยุโรปซึ่งรวมทั้งรัสเซียด้วย สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต่อต้าน G7 ยังได้ต่อต้านการแทรกแซงของนาโต้ในกิจการภายในของยูเครนด้วย"
    การประท้วงต่อต้าน G7 ในเยอรมันนีไม่ได้มีเฉพาะกลุ่ม KPD เท่านั้น ยังมีผู้ประท้วงกลุ่มอื่นๆรวมตัวกันอีกมากเช่นกลุ่มต่อต้านหุ้นส่วนด้านการค้าและการลงทุนทรานส์แอ็ตแลนติก (TTIP) ของสหรัฐฯด้วย รายงานข่าวบอกว่ามีผู้ประท้วงในมิวนิคราวหมื่นกว่าคน มากกว่าตำรวจคุมฝูงชนของเยอรมันที่เข้าดูแลสถานการณ์ ก็เกิดการปะทะกันตามระเบียบ ตำรวจก็แจกกระบองและแก๊สน้ำตาให้กลุ่มผู้ประท้วง เป็นภาพปรกติที่เห็นกันจนชินตาในสังคมยุโรปซึ่งปรากฎเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ (ดูคลิปได้จากลิงค์ของ RT ด้านล่าง ลิงค์ที่ 3)
    + ประท้วงในยูเครนพวกขวาจัดหัวรุนแรงรุมทุบม็อบเกย์ ม็อบกับตำรวจตะลุมบอนกันชุลมุน
    ------------
    เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.58) ในยูเครนนี่มีสองม็อบด้วยกัน ม็อบแรกคือกลุ่มขับไล่ปธน.ยูเครนและรัฐบาลชุดปัจจุบันออกจากตำแหน่งตามที่เล่าให้ฟังโดยย่อก่อนหน้านี้ ส่วนอีกม็อบหนึ่งก็คือม็อบเกย์ lesbian, gay, bisexual and transgender (LGBT) พวกนี้ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของคนรักร่วมเพศในกรุงเคียฟ แต่ก็ถูกพวกฝ่ายขวาจัดม็อบมาถล่มม็อบเกย์ยูเครน ตำรวจคุมฝูงชนก็เข้าปะทะกับม็อบด้วยดูไม่ออกว่าเข้าไปห้ามม็อบหรือว่าเข้าไปผสมโรง ก็มีการปะทะกันทั้งระหว่างม็อบทั้งสองฝ่าย และม็อบกับตำรวจปะทะกัน เรื่องความรุนแรงและสิทธิมนุษยชนนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะนี่เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยที่สหรัฐฯจัดให้ ถ้าสหรัฐฯไม่โวยวาย ก็แสดงว่าลุยทุบกันต่อไปได้ สหรัฐฯก็จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นตามเคย โปรอเมริกาชอบแบบนี้
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งในยูเครนก็คือ รัฐสภาของยูเครนได้มีมติอนุมัติให้ทหารต่างชาติเข้าไปในยูเครนได้ รวมทั้งอนุญาตให้ยูเครนสามารถมีอาวุธทำลายล้างสูงจากต่างชาติได้ด้วย นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นการขยับอีกก้าวหนึ่งของยูเครนเพื่อที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกของอียูและนาโต้ และเป็นการเปิดช่องให้สหรัฐฯและอียูสามารถส่งทหารรับจ้างหรือกองทัพของตนเข้าไปในภูมิภาคดอนบาสส์ (ยูเครนตะวันออก) ได้
    ฝ่ายทูตของสาธารณรัฐลูฮานส์ก Lugansk People’s Republic (LPR) (เขาเรียกตัวเองว่าเป็นสาธารณรัฐฯแต่ยังไม่มีประเทศใดยอมรับอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันสื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกจะเรียก DPR/LPR ว่าเป็นพวกกบฎแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย) ได้ออกมาแสดงความเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าทหารต่างชาติได้มีปฏิบัติการอยู่ในแล้วในยูเครน LPR กล่าวว่ามีทหารต่างชาติจากฮังการีและโปแลนด์จำนวน 20,000 นาย (ในยูเครน)
    + ประท้วงในรัสเซีย NGO ทุนต่างชาติปลุกม็อบอ้างต่อต้านการตัดงบด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษา
    ------------
    ข่าวนี้น่าสนใจมาก... ตอนแรกที่อ่านพาดหัวข่าวก็แปลกใจว่า เอ๊ะ! ที่รัสเซียมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ก็รัฐบาลเขาโปรโมทการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์มากเป็นพิเศษโดยเฉพาะการศึกษาเกี่ยวกับนิวเคลียร์ด้วย ทำไมถึงยังมีม็อบในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ พออ่านไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่า "โอละพ่อ…" แท้ที่จริงก็คือว่ามี NGO ทุนต่างชาติบางกลุ่มรายได้หดเนื่องจากรัฐบาลรัสเซียพึ่งออกกฎหมายแบนองค์กรต่างชาติที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งสนับสนุนเงินให้กับ NGO ต่างๆในรัสเซียบังหน้าว่าสนับสนุนด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ แต่แท้ที่จริงแล้วต้องการจะหว่านเม็ดพันธุ์ผลไม้พิษ เหมือนกับพวกนักศึกษาผลไม้พิษรับจ้างชู 3 นิ้วนั่นแหละ แต่เจอดัชนีสี่นิ้วแฝดรวมพลัง (44) เข้าไปถึงกับอ้าปากหวอร้องเสียงหลงบอกว่ารับไม่ไหว
    พวกนี้ออกมารวมตัวกันที่จตุรัส Suvorov Square ในกรุงมอสโคว์ราว 3,500 คนโดยอ้างว่าไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลรัสเซียตัดงบวิทยาศาสตร์และด้านการศึกษา (พากันแถไปโน่นเลยนะ) พวกนี้เป็นคนของพรรคการเมืองฝ่ายค้านโปรอเมริกาและพวกสิทธิมนุษยชนรวทั้งนักศึกษาทุนต่างชาติ รายงานบอกว่าปีนี้คาดว่าจะมีงบประมาณราว 435 million rubles ($7.7million) ประมาณ 260 กว่าล้านบาทเข้าไปสนับสนุนการเคลื่อนไหวของสมุนทุนต่างชาติเหล่านี้ เงินแค่ 260 ล้านบาท รัสเซียจะไม่สามารถจ่ายให้กับการศึกษาของเยาวชนของเขาเองเชียวรึ?
    ความจริงก็คือว่าเมื่อปี 2013 ปูตินได้ลงนามในการปฏิรูปการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย (Russian Academy of Sciences) ปัจจุบันนี้รัสเซียมีนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชั้นนำประมาณ 50,000 คนในกว่า 400 สถาบัน ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ การบริหารจัดการในทรัพย์สินของสถาบันการศึกษาส่วนมากได้โอนเข้าสังกัดหน่วยงานใหม่ของรัฐบาลกลาง
    The Eyes
    07/06/2558
    -----------
    http://rt.com/news/265516-kiev-protest-against-government/
    Teargas, arrests & injuries: Far right attacks 2nd Kiev gay rights march — RT News
    http://rt.com/news/265498-g7-protest-police-clashes/
    Anti-G7 Protesters Demand Europe-Russia Cooperation – Communist Party / Sputnik International
    http://rt.com/news/265495-moscow-protest-science-education/
    Kiev to allow foreign armed forces in Ukraine, incl. ‘potential carriers of nukes’ — RT News
    Ukraine Grants Foreign Troops Right to Enter Country Ahead of G7 Summit / Sputnik International
     

แชร์หน้านี้

Loading...